ขอบคุณนะคะ ที่เข้ามาคอมเม้น สุขสันต์วันสงกรานต์กันนะคะทุกคน

***********************************************
Meet the Parent - Explodeวันที่ 1 มกราคม (ปีใหม่)เวลาของปีเก่าล่วงไปแล้ว วินาทีย่างเข้าสู่ปีใหม่ ผู้คนแสดงความยินดีกันถ้วนหน้า
ต่างกล่าวสวัสดีปีใหม่กันพร้อมเพรียง ทุกคนหันไปพูดคุย จับมือกัน กอดกันกับคนข้าง ๆ ตัว
ผมเลยทำเนียน ๆ กอดคอพี่เป้ แล้วหอมแก้มพี่มันฟอดใหญ่ มันหันมามองแต่ไม่ได้ว่าอะไร หันไป
มองครอบครัว ก็ไม่มีใครหันมามองเราสองคนเลย
คุณพ่อตาแม่ยาย และน้องปู้ ขับรถกลับไปพร้อมกัน ส่วนน้องอาทลากตัว น้องปูนหายเข้ากลีบเมฆ
มีแต่ข้อความฝากมาทางไลน์ ว่าไม่ต้องห่วง จะดูแลน้องปูนอย่างดี
เอาจริง ๆ พี่ไม่ห่วงหรอกครับ ดีซะอีก ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว นี่ถ้าไม่ติดมางานบุญที่วัด ก็กะจะ
เอากันข้ามปี ฉลองปีใหม่นะเนี่ยะ แต่ไม่เป็นไร ถึงจะผิดเวลาไปหน่อย แต่ยังไงคืนนี้ก็ไม่มีตัวกวน
แล้ว ได้ทำตามความตั้งใจแน่ ๆ
กลับถึงบ้านพี่มันก็เกือบ ตี 2 ไฟในบ้านดับไปบ้างแล้ว คาดว่าคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว พี่มันบอก
ให้ย่อง ๆ เข้าบ้าน ไม่อยากทำเสียงดังให้รำคาญ .....แหม๋ไอ้ผมก็นึกว่าคิดเหมือนผมซะอีก
พอเข้าไปในห้องได้ก็รวบตัวพี่มัน มาวางไว้บนเตียง พี่มันหน้าเหวอ เอามือปัดป้องเป็นการใหญ่
“เฮ้ย มึงจะทำอะไร ไอ้นี่ ตี 2 แล้วนะ นอน ๆ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปใส่บาตรอีก”
“โหยพี่ นี่ปีใหม่แล้วนะ ปีนี้เรายังไม่ได้มีอะไรกันเลย”
“ตรรกะเชี่ย อะไรของเมิ่งงงงงง เอ๊ะ ไอ้นี่ มึงอย่า.. อ๊ะ... อะ”
ไม่ฟังคนทักท้วงให้เสียอารมณ์ พี่มันปลุกง่ายจะตาย ก้มหน้า ก้มตา ปล้ำไซร้ซอกคอและขบที่ติ่งหู
พี่มัน อีกมือก็ล้วงเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตขาวตัวบางเบา ลูบไล้ จากหน้าท้องขึ้นไปที่หน้าอก
ก่อนจะบดคลึงเม็ดตุ่มไต จนพี่มันบิดตัว ครางเสียงหลง
“อื้อ..อือ” จูบปิดปากพี่มัน อย่างเมามัน สอดลิ้นแทงเข้าไปในปากพี่มัน ดูดดุน รัดเรียวลิ้นร้อนให้
คนใต้ร่างหน้าแดงด้วยแรงปรารถนา ไม่ปล่อยเวลาให้พี่มันได้มีเวลาคิดอะไร ยกเสื้อมันขึ้นมาเหนือ
อก ก่อนจะจูบขบเม้นยอดอกให้พี่มันเสียวจนขนลุก ช่วงล่างก็บดคลึงเสียดสีกันไปมาจนรู้สึกได้ถึง
ความแข็งขืนของเราทั้งคู่ ผมพยายามถอดกางเกงของพี่มัน พี่เป้ก็พยายามถอดกางเกงผมเช่นกัน
“พี่ครับ วันนี้อยากอยู่ข้างบนอีกไหมครับ”
“เหว๊อ” ถามแต่ไม่ต้องรอคำตอบ พลิกให้พี่มันขึ้นมานั่งคร่อมที่หน้าอกผม อ๊า good view พี่มันที่
หน้าแดง ตาฉ่ำปรือด้วยแรงอารมณ์ กัดริมฝีปากล่างกลั้นความเสียว เสื้อมันที่เลิกขึ้นไปที่หน้าอก
เผยให้เห็นช่วงลำตัวที่มีมัดกล้ามพองาม ไหวขึ้นลงตามการหายใจที่ถี่กระชั้น ส่วนน้องชายพี่มันก็
ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ไม่รอช้า ลงลิ้นไปที่ส่วนหัว ชิมของหวาน
“อ๊า..อย่าเพิ่ง .ซี๊ดดด ..กูเสียว อ๊ะ” ชิมเสร็จก็ครอบเข้าไปทั้งลำ พี่มันหนีบขาเข้าหากันเพราะความ
เสียว สองมือเท้าหัวเตียง ห่อปากร้องคราง เริ่มเด้งตัวสวนเข้ามา
มือหนึ่งลูบไล้แผ่นหลังพี่มัน อีกมือก็เริ่มคลำทางเข้าจากแก้มก้น ก่อนจะพยายามทะลวงเปิดทาง
อ่า ขนาดแค่นิ้วยังตอดขนาดนี้ แทบทนไม่ไหว แต่พี่มันยังไม่พร้อม ต้องเบิกทางให้มากกว่านี้อีก
“ไอ้คิด กูไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อะ” พี่มันกระตุกตัวพ่นน้ำรักเข้าเต็มปากผม ก็กลืนไปบางส่วน ที่เหลือก็
เอามาชโลมน้องของผม และช่องทางของพี่มัน
“ทำให้ผมนะครับ ที่รัก” ส่งสายตาหวานไปให้พี่มันยิ่งหน้าแดงเข้าไปอีก ส่งเจ้าลูกชายไปบดเบียด
ช่องทางด้านหลังพี่มัน จนมันยอมที่จะคว้าของผมมาจ่อที่ช่องทางของตัวเอง
“อ๊า.. อ่ะ.. หะ.. อ๊ะ.. หะ..หะ”
“อาร์... ซี๊ด... อะ ช้า ๆ ครับพี่ อะ อา” ช่วย ๆ พี่มันประคองจนผ่านเข้าไปได้ทั้งลำ ก่อนที่มันจะนั่งทับลงมาอย่างคนหมดแรง มือก็ยันที่ท้องผม พยุงตัวเอาไว้ อยากให้พี่มันได้ปรับตัวก่อน แต่ก็ช่าง
ตอดรัดดีเหลือเกิน เกินที่จะทนได้ ลุกขึ้นมานั่งสวมกอดพี่มันไว้ แล้วเริ่มเด้งเอวเข้าออกจากช้า ๆ
ไปจนเร่งจังหวะถี่ยิบ
พี่มัน ได้แต่ร้องคราง กอดคอผมแน่น ลมหายใจร้อนผ่าวระอยู่แถวซอกคอ เราสองคนเปียกไปด้วย
เหงื่อ ผมดันพี่มันให้นอนหงายก่อนจะจบด้วยท่าเบสิค
“ไอ้เป้”
“ห๊ะ หา อารายว๊ะ เหว๊อออออออป๊า”
ตกใจ กำลังหลับอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงเรียกพี่มันให้ทั้งผม และพี่เป้เด้งตัวลุกขึ้นมานั่ง ผมงี้ตาโตเลย
ก็คุณพ่อตายืนหน้าเครียด อยู่ที่หน้าประตู มองมาที่พวกผม ที่สภาพไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเมื่อคืน
ทำอะไรกัน ส่วนพี่มัน ตอนแรกเหมือนคนยังไม่ตื่นดี จนมองไปเป็นพ่อตัวเอง และหันมามองผม
ที่อยู่ในสภาพล่อนจ้อน มีเพียงผ้าห่มคลุมตัวไว้ ก็ถึงกลับเหวอหน้าซีด
“เกิดอะไรขึ้นป๊า...ว้าย ตาเถร ชีเปลือย” หมดกัน คุณแม่ยายก็ไม่เว้น คงได้ยินเสียงคุณพ่อตา
เลยตามขึ้นมาดูด้วย แกหน้าแดงหลบไปหลังประตูอีกที
ไม่ต้องบอกก็คงทราบสถานะการณ์ของพวกผมแล้วใช่มั๊ยครับ
และในตอนนี้พวกเราก็อยู่กันในห้องรับแขกด้านล่างของตัวบ้าน โดยมี
คุณพ่อตานั่งหน้าเครียด จ้องเขม็ง ไม่พูดอะไรมากว่า 10 นาทีแล้ว ตั้งแต่พวกเราลงมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
คุณแม่ยาย นั่งข้าง ๆ คุณพ่อตา หน้าขึ้นสึระเรื่อ ท่าทางตกใจมากกว่าจะโกรธ แอบมองผม และพี่เป้ เป็นระยะ ๆ
น้องปูน.....ถึงเธอจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตรง แต่ก็ได้รับข้อมูลจากคุณแม่ยายแล้ว ดูมีสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย
และพี่เป้กับผม ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม คู่กัน พี่มันหน้าซีด ก้มหน้าก้มตา ไม่สบตาใคร ผมอยากกอด
ปลอบขวัญ ถ้าไม่ติดว่าคุณพ่อตาจ้องเขม็ง ส่วนตัวผมนั้น ก็ตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะถูกจับได้
คาหลักฐานก่อนที่จะได้สารภาพ ท่าจะงานยากกว่าที่คิดซะแล้ว
“...อาเป้ ลื้อ...ลื้อชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ห๊ะ?” ในที่สุดคำถามแรกก็ออกมาจากปากคุณพ่อตา
พี่มันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาพ่อตัวเอง
“...ผม...ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย”
ปึง
“ผูม่าอ่ะ ขนาดนี้แล้วลื้อยังจะบอกไม่ได้ชอบผู้ชายอีกเหรอ แล้วพวกลื้อทำอะไรกันเมื่อคืน” พี่เป้
ตอบคุณพ่อตาไปเสียงอ่อย ๆ แกคงจะโกรธคิดว่าพี่เป้ไม่ยอมรับความจริง ลุกขึ้นมาตบโต๊ะดังลั่น
ก่อนจะชี้หน้าด่า (ถึงจะฟังไม่ออกภาษาจีน แต่รู้ว่าไม่ใช่คำชมแน่ครับ)
“เอ่อ คุณพ่อครับ ผม....” ผมอ้าปากเตรียมจะอธิบาย
“ไอ้หนุ่ม มึงหุบปากไปเลย นี่เรื่องในครอบครัว” คุณพ่อตาหันมาแหวเสียงดัง โธ่ ถ้าเป็นเรื่องใน
ครอบครัวละก็ ผมก็ลูกเขยนะครับ (ได้แต่คิดในใจ)
“ลื้อเป็นพี่ชายคนโต เป็นผู้สืบสกุล แล้วลื้อมาเป็นกระเทยอย่างนี้ อั๊วจะมีหลานได้ยังไงว๊ะ”
“ป๊า ผมไม่ใช่กระเทยนะ ถึงจะมีแฟนเป็นผู้ชาย ผมก็ยังเป็นผู้ชายอยู่นั่นแหล่ะ”
“ลื้อกล้าเถียงเหรอ นี่เป็นมานานแล้วซิ ไอ้นี่มันเป็นแฟนคนที่เท่าไหร่ของลื้อละห๊ะ”
“....คน...คนแรก...ป๊า เข้าใจผมหน่อย ผมไม่ใช่ว่าชอบผู้ชายทุกคนนะครับ ....แค่ไอ้คิดเท่านั้น”
“อย่าบอกนะว่ามันมาล่อลวงลื้อ” อ้าว ๆ งานเข้าผมซะแล้ว ถึงจะจริงก็เถอะ คุณพ่อตามีท่าที
ฮึดฮัด ลุกขึ้นมาตรงมากระชากเสื้อผม เตรียมจะชกเต็มที่
“อย่าป๊า/ ป๊าอย่า/ ป๊า” สามเสียงประสานห้าม คุณแม่ยาย และน้องปู้ลุกตามมาฉุดแขน คุณพ่อตา
ไว้ ส่วนพี่มันก็มาจับมือคุณพ่อตาที่กุมเสื้อผมไว้ แล้วเอาตัวเข้ามาบัง
“ป๊า พอเถอะครับ ไม่เกี่ยวกับไอ้คิดหรอก ผมผิดเองที่รักมัน ป๊าอย่าทำอะไรมันเลย”
“.ฮึ๊ย..ไอ้ลูกไม่รักดี” พอคุณพ่อตาลามือจากผมได้ พี่มันก็คุกเข่าลงที่พื้น ก้มลงกราบแทบเท้า
แต่ทางคุณพ่อตาจะไม่หายโกรธ นอกจากจะชักเท้าหนีแล้ว แกยังจะยกขึ้นมาเตะพี่มันอีก
“พี่เป้” ผมงี้รีบถลาเข้าไปรับลูกเตะของคุณพ่อตาแทน แกเตะมาเต็มแรง เจ็บซี่โครงแทบร้าว
ทำให้ล้มกลิ้งกันไปทั้งสองคน โหยคุณพ่อตาครับ ทำอะไรผมก็ทำเถอะครับ แต่คนนี้เป็นยิ่งกว่าดวงใจของผม ผมไม่ยอมให้ใครทำอะไรพี่มันหรอก
“ป๊าอย่า อย่าทำลูกเลย” คุณแม่ยายวิ่งเข้ามาขวางไว้ก่อนที่ลูกเตะที่สองจะตามมา น้องปู้ก็ฉุดมือ
คุณพ่อตาไว้ “ออกไปเลยม๊า จะมาขวางทำไม ไอ้ลูกไม่รักดี เลี้ยงเสียข้าวสุก เกิดเป็นผู้ชายดี ๆ ไม่ชอบ”
“ป๊า นี่ลูกเรานะ เป้มันก็เป็นเด็กดีมาตลอด ไม่เคยทำอะไรให้เราต้องเสียใจเลย ป๊าจะใจเย็น ๆ ฟังมันก่อนได้ไหม”
“ฟังมันเถียงอั๊วเหรอ”
“โอ๊ย ท่าจะไม่ได้เรื่องแล้ว เป้ พาคิดออกไปก่อนไป ไว้ม๊าจะค่อย ๆ คุยกันกับป๊าเอง”
“....ม๊า...”
“พี่เป้ ไปก่อนเถอะ ตอนนี้ป๊ากำลังร้อน พูดอะไรก็ไม่ฟังหรอก”
“พี่ครับ เชื่อคุณแม่เถอะ เราออกไปกันก่อน”
“เออ ไปเล๊ยยยยยย ออกไปแล้วไม่ต้องกลับมา บ้านนี้มีลูกชายแค่คนเดียว”
“...ป๊า…” สิ้นคำป๊า พี่เป้น้ำตาไหลอาบแก้ม ยืนตัวแข็ง ผมต้องบังคับพามันออกมาที่รถ ดันพี่มัน
เข้าไปนั่งข้างคนขับ ก่อนจะรีบ ๆ เดินไปขึ้นด้านคนขับ สตาร์ทรถได้ก็ขับออกไปทันที
ผมขับรถเข้าไปในเมือง ดูท่าคืนนี้คงต้องหาที่พักในเมืองซะแล้ว ตลอดทาง พี่เป้ นั่งนิ่ง หันหน้า
ออกไปนอกหน้าต่าง น้ำตาไหล แต่ไม่มีเสียงสะอื้น
ผมไม่คุ้นชินกับ สภาพของพี่มันอย่างนี้เลย อยากให้มันกลับมา เฮฮา หยาบ เถื่อน เหมือนเดิม
แต่ผมตอนนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะผมเองเป็นสาเหตุหลัก ๆ ของเรื่องเลยก็ว่าได้
เห็นโรงแรมอยู่ข้างหน้า ผมจอดข้างทางก่อนถึงโรงแรม เพื่อพูดคุยกับพี่มันก่อน
“พี่เป้ครับ เราพักโรงแรมนี้ดีไหมครับ”
“.........”
“พี่เป้ครับ”
“หือ? ว่าไงนะ”
“ผมถามว่าเราพักกันที่โรงแรมนี้ดีไหมครับ”
“....พัก..พักทำไม...บ้านกูก็..มี.............” เสียงแผ่วในตอนท้าย ดูเหมือนพี่มันจะเพิ่งนึกได้ว่า
โดนพ่อไล่ออกมาจากบ้าน สิ้นคำ พี่มันก็เงียบไปอีก ก้มหน้าไปอีกครั้ง เฮ้อ
“พี่เป้ครับ ผมถามจริง ๆ นะครับ ถ้าพ่อพี่รับเรื่องของเราไม่ได้ พี่จะเลิกกับผมไหม?” ผมที่ไม่รู้จะหา
คำใดมาปลอบโยนพี่มัน เลือกที่จะเข้าถึงปัญหามากกว่าจะมองโลกสวยหนีความจริง
“...ทำไม...มึงอยากเลิกกับกูเหรอ”
“เฮ้ย เปล่านะพี่ ต่อให้มีอีกสิบพ่อพี่ผมก็ไม่ยอมเลิกกับพี่หรอก”
“แล้วมึงถามทำไม”
“เอ่อ ผมก็ถามพี่ไงว่าพี่จะทำยังไง”
“กูไม่รู้”
“....”
“ถ้าแค่กูคนเดียวกูก็ไม่สนใจอะไรหรอก..........แต่ถ้ามีคนสู้เคียงข้าง กูก็จะสู้...”
พี่มันมองสบสายตาผมแน่วนิ่ง ผมงี้อุ่นวาบไปทั้งหัวใจ ข้ามเกียร์รถไปกอดพี่มันไว้แน่น ผมเลือกรัก
คนไม่ผิดจริง ๆ เขาคนนี้ของผม ทั้งเข็มแข็ง และอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน คำพูดตรง ๆ ไม่ต้องประดิษประดอย
“พี่ครับ ผมพร้อมจะอยู่เคียงข้างพี่เสมอ ไม่ว่าจะยามสุข ยามทุกข์ ยามสบาย ยามป่วยไข้ หรือยาม
เราสองคนแก่ชรา ผมอยากอยู่กับพี่นะครับ”
“...แม่ง มึง พูดอย่างกับงานแต่งงานเลย ไอ้คิด”
“ก็ดีซิครับ งั้นเรามาแต่งงานกันนะครับ”
“มึง อ่ะบ้า ใครเขาจะมาทำพิธีให้วะ”
“ไม่ต้องมีพิธีอะไรหรอกพี่ แค่เรา...สองคน....ให้พวงมาลัยเป็นสักขีพยานรักของเราก็ได้”
“55555 ไอ้บ้า ไอ้งี่เง่า มึงนี่” อ่า พี่มันยิ้มได้ซะที ถึงจะดูฝืน ๆ ก็เถอะ
“พี่ครับ แล้ว…..”
“รอซักพัก ให้ป๊าเย็นลงซักนิด แล้วเราค่อยลุยเข้าไปใหม่”
“พี่ว่าท่านจะเย็นลงได้เหรอครับ”
“ไม่รู้ แต่ก็ต้องลองดู”
“พี่ครับ ...หิวไหม พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“...ไม่ล่ะ กูยังไม่หิว มึงเองก็ยังไม่ได้กินอะไร ไปหาอะไรกินเถอะ”
“ถ้าพี่ไม่กินผมก็ไม่กินครับ”
“เอ๊ะ ไอ้นี่ ท้องใครก็ท้องใครซิวะ ไม่ได้ติดกันซักหน่อย”
“..ท้องอ่ะไม่ติด....แต่ต่ำกว่าท้องติด”
“อารายของมึงวะ”
“........” ผมไม่ได้ตอบพี่มัน แต่ชี้ให้ดูน้องชายของผมที่ตอนนี้ก็ยกตัวขึ้นมาบ้างเล็กน้อยจากการที่ได้
นั่งคร่อมพี่มัน ทำให้ผมเกิดอารมณ์ขึ้นมา
ผั๊วะ
“โอ๊ย...พี่ตบผมทำไม”
“ไอ้สันดาร สถานการณ์ดราม่าขนาดนี้ มึงยังมีอารมณ์อีกเหรอวะ ห๊ะ”
“โหยพี่ กับพี่นะต่อให้สถานการณ์ไหน ผมก็เอาได้ทั้งนั้นแหล่ะ”
“ฟังแล้วอยากเสยมึงซักหมัดจริง ๆ เพราะมึงนั่นแหล่ะ เสือกหน้ามืดเมื่อคืน กูบอกแล้ว ว่าอย่า ๆ”
“อะนะอย่า ๆ แล้วใครอ่ะ ถอดกางเกงผมแล้ว ทำร้ายน้องชายผม ก่อนที่ผมจะถอดกางเกงของพี่
ซะอีก”
“อย่ามามั่ว กูนี่นะ ไม่มีทาง”
“งั้นต้องพิสูจน์”
“เฮ้ย ไอ้คิด นี่มันในรถ และเราก็อยู่ข้างถนนนะมึง กระจกแม่งก็ใสเว่อร์”
“ดีซิพี่ ไม่เคยลองกันในรถเลย แถมระทึกอีกต่างหากว่าจะมีใครมาเห็นรึเปล่า”
“ไอ้โรคจิตมึงถอยไปเลย กูไม่มีอารมณ์ กูกำลัง แซด นะเห็นมั๊ย หื่นไม่เข้าเรื่อง”
“ผมก็แค่อยากให้พี่กลับมาร่าเริง”
“เชื่อมึง กูก็โง่แถมบ้าแล้ว”
“แล้วพี่เชื่อผมไหมละ”
“ไม่...เพราะกูทั้งบ้าและโง๋”
ที่บ้าน
“ป๊า ๆ ทำไม พูดกับลูกอย่างนั้น เห็นหน้ามันไหม ซีดตกใจ จนร้องไห้ ม๊าเลี้ยงมันมา เป้มันไม่ใช่คน
ที่จะร้องไห้ง่าย ๆ ลูกมันคงจะน้อยเนื้อต่ำใจที่พ่อไม่รับฟังมันเลย”
“หยุดเลยม๊า ไม่ต้องมากล่อมป๊า ยังไงก็ไม่กลับคำ อีเป็นผู้ชายนะ แถมเป็นลูกชายคนโตด้วย มา
มีแฟนเป็นผู้ชาย เสียชาติเกิด ฮึ่ม”
“ป๊า ม๊าเป็นคนคลอดมันมานะ ป๊าแค่ยืนมองนอกห้องผ่าตัด ม๊ามีสิทธิ์ในตัวลูกมันมากกว่าป๊าอีก
ม๊าไม่เห็นว่าลูกมันจะทำไม่ดีตรงไหน มันมีคนรักเป็นผู้ชายแล้วทำไม ป๊าก็เห็น คิดก็เป็นคนดี ตลอด
สองสามวันมานี้ ม๊าก็เห็นป๊าชอบคิดไม่ใช่เหรอ”
“นั่นมันก่อนที่จะรู้ว่ามันไม่ใช่แค่เพื่อนกัน ม๊าลื้อหยุดพูดเลย”
“ป๊าค่ะ แล้วถ้าเป็นปู้ละคะ หนูพูดได้ไหม”
“...ปู้...ทำไมลื้อมีอะไรจะพูด ไม่ต้องคิดพูดช่วยพี่ลื้อเลยนะ”
“ป๊า ปู้ไม่พูดถึงเรื่องพี่เป้หรอก ปู้แค่อยากจะบอกว่า ป๊าที่ปู้รู้จัก เป็นผู้ใหญ่บ้าน นักพัฒนา
หัวสมัยใหม่ เข้าใจหัวอกลูกบ้านเสมอมา”
“..........”
“ไม่ว่าใครมีเรื่องทุกข์ร้อนใจ มาหาป๊าก็รับฟัง และช่วยแก้ไขให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีตลอด ถึงบ้าง
เรื่อง จะเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ลงความเห็นกันว่าไม่ดี ไม่ถูกต้อง แต่ป๊าก็ช่วยให้เรื่องมันดีขึ้น ถูกต้องขึ้น”
“อาปู้ ลื้อจะพูดอะไรก็ว่ามาตรง ๆ เลยดีกว่า นิสัยชักแม่น้ำทั้งห้านี่เหมือนใครวะ”
“จะเหมือนใคร ก็เหมือนป๊านั่นแหล่ะ ก็ปู้ดูป๊าเป็นแบบอย่างนี่นา ปู้กะว่าเรียนจบปริญญาตรีแล้ว
จะกลับมาช่วยป๊าพัฒนาบ้านเรา”
“เฮ้อ ลื้อนี่ได้ดังใจจริง ๆ ไม่น่าเกิดเป็นลูกผู้หญิงเล๊ย”
“เป็นผู้หญิงไม่ดีเหรอป๊า”
“เปล่า ๆ ป๊าไม่ได้ว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี แต่ว่า”
“ป๊า ยุคนี้มันไปถึงไหนกันแล้ว ผู้หญิงยังเป็นประธานาธิบดีได้เลย ขับเครื่องบินก็ได้ ไปอวกาศก็ไป
มาแล้วเลย ป๊าว่ายังมีอะไรที่ผู้หญิงทำไม่ได้อีกไหมคะ”
“......ลื้อนี่ ป๊ายอมแพ้ พูดไม่เคยทันลื้อเลย”
“ป๊า ลูกบ้านนี้ไม่ได้มีแต่พี่เป้ และพี่ปูนนะ ยังมีปู้อีกคน ป๊ารักพวกเราเท่ากันไหม”
“....ก็...ก็ต้องรักเท่ากันซิ ถามได้”
“แล้วป๊าฟังลูกบ้านทุกเรื่อง....ป๊าจะไม่ฟังลูกป๊าซักเรื่องเลยเหรอคะ....ถึงพี่เขาจะรักใครชอบใคร
หนูก็ยังเห็นว่าเขาเป็นพี่ชายคนเดิมที่หนูภาคภูมิใจเสมอมา แล้วป๊าละค่ะ เห็นว่าพี่เป้เปลี่ยนไป
ไม่ใช่ผู้ชายเหรอคะ”
“แต่มันมีแฟน..เป็น.....ผู้..ผู้ชาย”
“ป๊าทำยังกับไม่เคยเห็น ในหมู่บ้านเราก็มีคู่รักผู้ชายตั้งหลายคู่ ปู้ยังเห็นเขาก็อยู่กันรักกันดี ป๊าเอง
ก็พูดคุยกับเขาปกติ ยุคนี้นะบ้างประเทศเขาให้เพศเดียวกัน จดทะเบียนสมรสกันได้แล้วนะคะป๊า”
“.....................”
“ป๊าวันนี้เป็นวันปีใหม่ค่ะ ป๊าอยากให้พี่เป้ ฉลองปีใหม่โดยไม่มีครอบครัวเคียงข้างเหรอคะ”
“..............”
“พรุ่งนี้พี่เขาก็คงจะกลับกรุงเทพแล้ว เฮ้อ น่าสงสารจัง คงกลับไปทำงานด้วยหัวใจห่อเหี่ยวน่าดู”
“............”
“หนูว่า..”
“เออๆๆๆ พอแล้ว สงบศึกก็ได้ ไปเรียกมันกลับมาคุยกัน เฮ้อ ผู้หญิงบ้านนี้นี่ น่ากลัวจริง ๆ”
“อ้าวป๊า มาพาดพิงถึงม๊าทำไมเนี่ยะ ไม่เคยทำอะไรที่น่ากลัวเลยนะ”
“แค่ทำให้ป๊ารักได้ ก็น่ากลัวพอแล้วละ”
“แหม๋ ป๊าละก็ นี่แน่ะ ๆๆๆ”
“เอ่อ เชิญป๊าม๊า สวีทกันตามสบายค่ะ ปู้ไปโทรตามพี่เป้ก่อนละ”
“ห๊ะ จริง เหรอ ป๊ายอมคุยดี ๆ แล้ว เหรอ เออ ๆๆ ได้ พี่จะรีบกลับไป ไม่ไกลหรอก แค่ในเมืองเอง ได้” หัวใจพองโต ทันทีที่ยัยปู้โทรมาตามให้กลับบ้าน นึกว่าจะไม่ได้คุยกับป๊าแล้วซะอีก ดีนะ ไม่ม๊า
ก็ยัยปู้นี่แหล่ะ คงจะช่วยกล่อมป๊าให้
“พี่ เอาไง?”
“หันหัวรถกลับบ้านกูซิวะ”
“พี่ว่าพ่อพี่จะยอมรับง่าย ๆ เหรอ”
“ไม่รู้วะ ต้องไปดูก่อน”
“ผมว่าผมหาตัวช่วยดีกว่า”
“ตัวช่วย????”
ทันทีที่ถึงบ้าน ผมกับไอ้คิด เดินตัวลีบ ๆ เข้าไปไหว้ ป๊าและม๊า อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ สายตาป๊า
ยังไม่ค่อยจะเป็นมิตรมากนัก แต่ม๊ายิ้มน้อย ๆ ส่วนยัยปู้ยืนให้กำลังใจอยู่ไม่ไกล
“ป๊า ผมไม่ใช่ว่าชอบผู้ชายจริง ๆ นะป๊า เมื่อก่อนผมก็ชอบผู้หญิง เคยคิดวางแผนจะแต่งงาน มีลูก
เหมือนครอบครัวปกติทั่วไป .........แต่...ผมก็ไม่รู้ ผมรู้จักกับคิดมาก่อนก็ไม่เคยคิดอะไรเกินเลย
กับมันเลย จนถึงวันหนึ่ง ผมก็บอกไม่ได้ ว่าเป็นเพราะอะไร อาจเพราะมันเป็นคนดี มันคอยอยู่
ข้าง ๆ เป็นกำลังใจให้ในยามที่ผมท้อ เป็นทั้งเพื่อน เป็นน้อง เป็นทั้ง...คนรัก ...เป็นครอบครัว ผม
ไม่รู้ว่ามันเป็นความรักจริง ๆ เหรอเปล่า แต่ตอนนี้แผนของผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมว่าเราจะอยู่ดูแลกัน
ไปจนแก่เฒ่า”
“อาเป้ ชีวิตคู่ผู้ชาย มันไม่มีอะไรมาการันตีว่าพวกลื้อจะอยู่กันไปจนแก่เฒ่า ถ้าวันหนึ่งต้องแยกกัน
พวกลื้อจะทำยังไง”
“ผมรู้ป๊า แต่ไม่ว่าจะคู่ไหน ถ้าสิ้นสุดคือสิ้นสุด อะไรก็รั้งไว้ไม่ได้”
“แต่ผมจะไม่ปล่อยให้มีวันนั้นครับคุณพ่อ” กำลังพยายามพูด ยกเหตุและผลนา ๆ ประการ ไอ้คิด
มันก็สวนขึ้นมาให้ทั้งบ้านผมหันไปมอง
“ไอ้หนุ่ม มึงจะเอาอะไรมารับรอง ว่าวันหนึ่ง มึงจะไม่ทิ้งลูกกูไป ไม่ทำให้มันเสียใจ”
“คุณพ่อครับ ลำพังผมคงไม่กล้ารับรอง แต่มีคนรับรองให้ได้ครับ”
“ใคร / ใครว๊ะ /ใครจ๊ะ /ใครค่ะ” ทั้งบ้านผมพร้อมใจกันถามประโยคเดียวกันเป๊ะ
“รบกวนคุณแม่รับสายนี้หน่อยครับ” ไอ้คิดมันกดโทรศัพท์มันยิ๊ก ๆ ก่อนจะอู้คำเมืองสามสี่ประโยค
แล้วส่งโทรศัพท์ให้ม๊าของผม เฮ้ย ไอ้นี่มึงลับลมคมในเยอะจริง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับม๊ากูว่ะ
“ห๊า ม๊าเหรอ?? ...ใครอ่ะ???” ม๊าเองก็มีท่าทีแปลกใจที่อยู่ ๆ คิดก็ส่งโทรศัพท์ให้
“แม่ของผมเองครับ”
“อ้อ...ค่า สวัสดีคะ.... อ้อ...เรียกรีก็ได้ค่ะ ....คะพี่นิต....อ้อทางพี่ทราบแล้วเหรอค่ะ...ค่ะ...งั้นเหรอ
คะ....เหมือนกันเลย วุ่นวายกันน่าดู......เหรอคะ .....ว๊ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ....ไม่ต้องถึงขนาด
นั้นก็ได้คะ.....ทางเราคงรับไม่ได้หรอกคะ........แต่ว่า.........คือ.....อ้อแค่ลูก ๆ มีความสุข น้องก็
พอใจ แล้วค่ะ ...ฮิๆๆๆ ..โหย น่าไปจัง ไว้ต้องหาเวลาแวะไปบ้างแล้วคะ.........ได้ค่ะ ถ้ายังไงก็เชิญ
เลยค่ะ ทางใต้มีของดีเยอะค่ะ ที่เที่ยวก็พวกทะเลอะไรงี้ .......ดีเลยคะ...คะ...อะไรนะคะ.....
อ้อซักครู่คะ….ป๊า พ่อของคิดเขาอยากคุยด้วยจ๊ะ”
“ห๊า คุยกับป๊านี่นะ....เออ ๆ เอามา........ครับ..........อ้อผมปิ๊ดครับ แล้ว.........อ้อ พี่ชาติ....ครับ
งั้นเหรอ พี่ก็คิดอย่างผมใช่ไหม....ก็มันจริงไหมละพี่.............เอ่อ ทำใจยากจริง ๆ ครับ ....แต่
ทำไงได้ ก็ลูกเรานี่ครับ.....................................
นั่งมองม๊าที่รับโทรศัพท์จากไอ้คิดทีแรกด้วยสีหน้าแปลกใจและกังวล จากนั้นคุยกันซักพัก ก็สีหน้า
ดีขึ้น แถมยังคุยไปหัวเราะไป ท่าทางจะคุยกันถูกคอ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ต่อให้ป๊า บอกว่าพ่อไอ้คิด
จะคุยด้วย ผมงี้มือเย็นเลย กลัวผู้ใหญ่ทะเลาะกัน ป๊ารับโทรศัพท์ซักพักก็เริ่ม มีสีหน้าสลดลง ๆ
คุยกันเงียบ ๆ ไม่เฮฮาเหมือนม๊า หันมามองหน้าพวกผมนิดนึงก่อนจะถือโทรศัพท์เดินห่างออกไป
คุยกับพ่อไอ้คิดต่อ โดยไม่สนใจพวกผมอีกเลย
จนม๊าลุกมากอด ผมก็กอดตอบน้ำตาไหลพราก โอ๊ย ทำไมวันนี้ผมบ่อน้ำตาตื้นจังเลยวะ ม๊าเรียก
ไอ้คิดมาใกล้ ๆ แล้วก็กอดเราสองคนพร้อม ๆ กัน ไอ้คิดมันคุกเข่าลงกราบที่เท้าม๊า
“ขอบคุณครับคุณแม่ ผมดีใจที่คุณแม่ ยอมรับผมเป็นลูกชายอีกคน”
“ทั้งสองคน ก็ดูแลตัวเองดี ๆ มีคู่แล้ว ต้องใจเย็น ๆ เข้าอกเข้าใจกัน ให้อภัยกันนะลูก”
“ม๊าครับ ขอบคุณครับ”
ผมเองก็คุกเข่าลงไปกราบที่เท้าม๊าอีกคน มืออบอุ่นที่คุ้นเคย ลูบศรีษะเราสองคนอย่างแผ่วเบา ผม
รู้สึกดีใจที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้ เป็นลูกของป๊าและม๊านะครับ