เข้าสู่สัปดาห์ใหม่ของการเรียนการทำงาน เฮียมาส่งผมตอนเย็นของวันอาทิตย์ อย่างเสียไม่ได้ ทำท่าทางจะไม่มาส่ง จนผมต้องบอกว่าเฮียไม่ต้องไปส่งแล้ว แต่จะให้ลุงแช่มไปส่งแทน เท่านั้นแหละเฮียก็รีบมาทำหน้าที่สารถีที่ดีดังเดิม
"อาจารย์สั่งงานเยอะเป็นบ้า นี่ใกล้สอบแล้วจริงป่าววะ" เสียงไอ้ธรบ่นแว่วตามหลังผม ผมเดินนำมันออกมาจากห้องเรียน วิชานี้เป็นคาบสุดท้ายแล้วแถมอาจารย์ก็ยังปล่อยเกินเวลาไปมากโข ตอนนี้ผมหิวมากๆ เลยล่ะ
"หยุดพล่ามได้แล้ว กูยิ่งหิวข้าวอยู่"
"ไอ้นี่ พอหิวแล้วก็หงุดหงิดเป็นหมาบ้า"
"มึงไม่หิวหรือไงวะ" ผมพูดใส่ไอ้ธรด้วยความหงุดหงิดเพราะความหิว
"รีบๆ เดินเลยไปร้านเลย กูขี้เกียจฟังมึงบ่น"
"ตามมาเร็วๆ ถ้าช้า เดี๋ยวกูด่า" ผมพูดเสร็จก็จ้ำอ้าวเข้าไปร้านประจำข้างมหาวิทยาลัย
ร้านเล็กๆ ข้างทาง แต่ปริมาณล้นเหลือ แถมอร่อย ที่สำคัญราคาไม่แพงมาก ทำให้นักศึกษาส่วนใหญ่ที่อยู่แถวนี้มาสมัครเป็นลูกค้าประจำกันเป็นแถว
"ว่าไง พ่อหนุ่ม 2 คนนั่น วันนี้กินอะไรดีล่ะ เร็วๆ ป้ากำลังคิวว่าง" ป้าเจ้าของร้านเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นผมกับไอ้ธรเดินเข้าร้านมา
"ผมขอข้าวผัดหมู ไข่ดาวไม่สุกครับป้า" ผมตะโกนสั่งป้าออกไป
"ส่วนผมขอไก่ผัดพริกอ่อน ขอข้าวเยอะๆ นะป้า" ไอ้ธรตะโกนสั่งอาหารกับป้าเสียงดังไล่เลี่ยกับผม
"ได้ๆ เดี๋ยวป้าจัดให้"
รอสักพักไม่นาน อาหารกลิ่นหอม ก็ถูกนำมาวางตรงหน้า ผมกับไอ้ธรไม่พูดพล่ามอะไรกันต่อ ลงมือจัดการข้าวตรงหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความหิวที่เพิ่มทวีคูณ เพียงไม่นานข้าวตรงหน้าของเราทั้งคู่ก็หมดลง ผมยกน้ำขึ้นมาดื่มเป็นการปิดท้ายของมื้อนี้
"อิ่มว่ะ ป้าครับ กี่บาท" ไอ้ธรตะโกนเรียกป้าคิดเงิน
"2 จาน ใช่มั้ย มีไข่ดาว 40 ไม่มี 35 บาทจ้า" ป้าก็ยอมเราเสียที่ไหน ตะโกนตอบกลับมาเช่นกัน ผมยื่นเงินให้ไอ้ธรเป็นอันรู้กันว่ามันจะเป็นคนเดินไปจ่ายเงินให้ถึงมือป้า
"เออ แล้วงานกลุ่มของอาจารย์รวิวรรณล่ะวะ" ไอ้ธรพูดถึงวิชาวิธีการวิจัยด้านธุรกิจที่ต้องส่งรายงานก่อนปลายภาคเทอม 2
"วันพุธ เลิกเรียนตอนบ่าย ค่อยนัดประชุมกัน ว่าจะเอาหัวข้ออะไร แบ่งงานยังไง" ผมสรุปให้ไอ้เพื่อนตัวดีฟังระหว่างที่เดินกลับหอของมัน
"เออ ตามนั้น" ไอ้ธรสะกิดผมเพื่อแวะเข้าร้านสะดวกซื้อหาของทานรองท้องยามดึก ช่วงนี้เราอ่านหนังสือกันค่อนข้างดึกเพราะใกล้สอบเข้าไปทุกที ถ้าหากไม่อ่านกันเองตัวใครตัวมันก็ต้องไปจับกลุ่มติวกับกลุ่มเพื่อนใต้หอครับ
"กูขออาบน้ำก่อนนะ" ผมบอกเจ้าของห้องพลางถอดเสื้อนักศึกษาออก ไอ้ธรมันพยักหน้าเออ ออก่อนจะเปิดทีวีดูรายการข่าวเพื่อฆ่าเวลา
"ไอ้คี พ่อมึงโทรมา" ผมเข้าไปอาบน้ำได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงไอ้ธรตะโกนดังเข้ามาในห้องน้ำ
"เออ ปล่อยให้ดังไป" ผมตะโกนตอบมันแข่งเสียงน้ำที่กำลังไหลผ่านร่างกายของผม
"เฮ้ย ไอ้นี่ กูรำคาญ ดังไม่หยุดเลยเนี่ย"
"แต่กูไม่ ถ้ามึงรำคาญนักก็รับเองเลยสิ"
"กูรับให้ละนะ" เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น ไอ้ธรก็หันหน้ามาบอกผมแล้วมันก็หันกลับไปดูทีวีของมันต่อ
"เฮียเมฆว่ายังไงบ้าง" ผมพูดไปเช็ดผมให้แห้งไปด้วย แล้วก้าวเข้ามานั่งที่โซฟาข้างๆ มัน
"พ่อมึง เขาถามถึงมึง พอกูบอกว่าอาบน้ำอยู่ ก็วางสายไป"
"อ้อ"
"น้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยดี"
"แย่ยังไงวะ" ผมชะงักมือที่เช็ดผมอยู่หันไปมองหน้ามัน
"ไม่รู้เหมือนกัน บอกไม่ถูก แต่กูสัมผัสได้ว่าพ่อมึงดูไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่" ไม่น่าแปลกใจที่ไอ้ธรจะรู้สึกในอาการของเฮีย เพราะหากช่วงปกติ ขนาดผมผิดสังเกตนิดเดียวมันยังรับรู้ได้เลย ไอ้นี่มันมีประสาทสัมผัสไวเรื่องความรู้สึกครับ
"ช่างเถอะ"
"มึงจะไม่ฟังพ่อมึงสักหน่อยเหรอวะ กูนี่ลุ้นจนจะลุ้นไม่ขึ้นอยู่แล้วเนี่ย"
"เรื่องของกู"
"ไอ้คี"
"มึงจะอะไรกับกูนักหนาวะ" ผมมองหน้ามันอย่างหาเรื่อง ไอ้ธรเห็นว่าผมไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ก็เลยเงียบไป มันเดินคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปอาบน้ำต่อโดยไม่พูดอะไร
"ไอ้ธร" ผมทักมันอีกครั้งเมื่อมันอาบน้ำเสร็จแล้ว
"อะไร" เสียงไอ้ธรเข้มเลยครับ เพื่อนผม เสียงแบบนี้คืองอนครับ มันไม่ค่อยพอใจที่ผมไปว่ามันแบบนั้น ผมรู้ตัวก็เลยต้องหาวิธีให้มันอารมณ์ดีเสียก่อน ไม่อยากจะโกรธกันให้ค้างคาใจ เดี๋ยวมันจะทำให้เสียเพื่อนกันได้
"ขอบใจที่เป็นห่วงทั้งกูและเฮียเมฆ แต่มึงไม่ต้องเป็นห่วงกูหรอก กูสัญญาถ้าสอบเทอมนี้เสร็จเมื่อไหร่ กูจะไปฟังคำอธิบายจากปากเฮียเอง"
"มันนานไปเปล่าวะ" ไอ้ธรเป็นพวกโกรธง่ายหายเร็วครับ พอผมเริ่มอธิบายอะไรนิดหน่อยมันก็เข้ามานั่งข้างๆ ผม ดวงตาของมันใสแจ๋วรอฟังผมพูดเหมือนลูกหมารอกินขนมอย่างไงอย่างงั้นเลยล่ะครับ ตลกจริงๆ นะไอ้เนี่ย
"ก็เพราะว่านานน่ะสิ กูกับเฮียจะได้มีเวลาคิดอะไรได้มากขึ้น เข้าใจอะไรได้มากขึ้นด้วยไงเว้ย"
"แล้วช่วงระหว่างนี้ล่ะ เอาไง"
"ก็ไม่ไง สอบกลางภาคเสร็จ กูก็คงต้องกลับไปนอนที่บ้าน ทำตัวเหมือนเดิม ถ้าไปเที่ยวก็มานอนค้างห้องมึงเหมือนเดิม"
"ทั้งมึงกับพ่อมึง จะโอเคเหรอวะ "
"โอเค หรือไม่ กูไม่รู้หรอก แต่กูบอกเฮียไปแบบนี้เหมือนที่บอกมึงเนี่ยแหละ"
"โคตรจะไม่เข้าใจความคิดของมึงจริงๆ ว่ะไอ้คี"
"ที่มึงไม่เข้าใจ เพราะมึงมันโง่ไง" ผมเอาหมอนอิงฟาดหัวเบาๆ มันทีนึง
"เออ กูมันโง่ ใครล่ะจะเก่งแบบมึง คนเชี่ยไร เที่ยวก็เที่ยวกับกู เหล้าก็กินกับกู พอตอนสอบดันเสือกท็อปของคลาส ไอ้เลวเอ๊ย" ไอ้ธรพูดจบก็เอาหมอนมาฟาดผมคืน
"อ้าว ไอ้นี่ โง่เองแล้วมาโทษกู"
"งั้นมึงช่วยติววิชานี้ให้กูหน่อยดิ" ไอ้ธรลุกขึ้นไปหยิบหนังสือที่จะสอบเป็นตัวแรกของเทอมนี้
"เอาดิ กูจะได้ทวนไปด้วย" แล้วผมกับไอ้ธรก็นั่งติวหนังสือจนกระทั่งง่วงนั่นแหละถึงจะแยกย้ายไปเข้านอน
"สรุป พวกเราจะเลือกหัวข้อ 'ปัจจัยในการเลือกใช้รถขนส่งสาธารณะ' นะ" ผมเป็นคนสรุปหัวข้อให้กับเพื่อนในกลุ่ม
สำหรับการทำรายงานของวิชานี้ แบ่งออกเป็นกลุ่มละ 5 คนครับ ซึ่งก็มี ผม ไอ้ธร นุช กานต์ และ ไอ้เต้ ครบองค์ จริงๆ แล้ว พวกเราทั้ง 5 คนค่อนข้างสนิทกัน อยู่กลุ่มเดียวกันตั้งแต่ปี 1 แต่ผมสนิทกับไอ้ธรมากที่สุดเพราะเราไปเที่ยวด้วยกัน กินเหล้าด้วยกัน ไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กัน แต่อีก 3 คนที่เหลือ พ่อแม่ค่อนข้างหวงและห่วงครับ เลิกเรียนก็มีรถมารอรับกลับบ้านกันตรงเวลามากถึงมากที่สุด ทำให้โอกาสที่พวกเราจะได้ไปเที่ยวกลางคืนด้วยกันนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
"ถ้างั้นทุกคนแยกย้ายไปหาข้อมูลเองมาก่อน แล้วหลังจากสอบกลางภาคเสร็จค่อยมารวบรวมรายละเอียดกันอีกทีว่าแต่ละคนได้อะไรกันมาบ้าง ตกลงมั้ย" นุช หรือ นีรนุช หญิงสาวหน้าหวาน กิริยายังเรียบร้อยเป็นคนพูด
"เราเห็นด้วยเพราะเดี๋ยวก็จะสอบแล้ว เราอยากอ่านหนังสือก่อน" กานต์ หรือ มณีกานต์ หญิงสาวนัยน์ตาคม ลูกครึ่งสเปน - ไทย พูดโอดครวญ เพราะเทอมที่ผ่านมา คะแนนของเธอไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นัก เทอมนี้กานต์เลยต้องตั้งใจให้มากกว่าเดิม
"กูโอเค ยังไงก็ได้ พวกมึงว่าไงก็ว่าตามกัน" คนสุดท้ายที่พูดออกมาแบบไม่ยินดียินร้ายคือ ไอ้เต้ หรือ เตชินทร์ มันค่อนข้างจะเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ลักษณะเป็นพวกคุณหนูที่ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ค่อยเป็น แต่งตัวแบรนด์เนมทั้งชุด ดูสำอางค์ที่สุดในกลุ่ม แต่จริงๆ แล้วใครจะรู้ว่าธุรกิจที่ครอบครัวมันทำอยู่นั้น มันลงสมองไปไม่น้อยเลยทีเดียว ไอ้เต้เนี่ยอยากเที่ยวกับผมและไอ้ธรมาก แต่มันแทบจะไม่มีเวลาเลย เลิกเรียน คนขับรถก็รีบมารอ เพื่อจะกลับไปทำงานต่อ แค่มันมีเวลามาเรียนได้ทุกวันนี้ผมก็ซาบซึ้งเสียจนน้ำตาแทบไหล
"กูไม่มีปัญหา อ่านหนังสือก่อนก็ดี จะได้จบเป็นเรื่องๆ ไป" ไอ้ธรพูดเป็นคนสุดท้าย
"ตกลงตามนี้ หลังสอบเสร็จพุธต่อมา ก็มาเจอกันตรงนี้เหมือนเดิมแล้วกัน เดี๋ยวให้ไอ้ธรหิ้วโน้ตบุ้คมาด้วยจากที่หอมัน วันนี้แยกย้าย" ผมพูดเสมือนเป็นเจ้าภาพกล่าวปิดงาน เตรียมจะชวนเพื่อนๆ ไปกินอะไรก่อนกลับ แต่เมื่อหันไปหน้าตึกก็พบว่า เพื่อน 3 คนของผมที่ไม่ใช่ไอ้ธรนั้น คงต้องเตรียมตัวกลับบ้าน เพราะคนขับรถมารอเสียแล้ว
"เราไปก่อนนะ / กูไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้" ทุกคนบอกลาผมกับไอ้ธร ทำให้ผมกับมันต้องไปหาอะไรกินแค่ 2 คนเหมือนเดิม
"กินไรดีวะ" ไอ้ธรพูดขึ้นมา
"อยากกินอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้จะกินอะไรดีว่ะ มันเบื่อๆ"
"งั้นไปนอน คิดออกเมื่อไหร่ค่อยไปกิน" ไอ้ธรพูดพลางลุกขึ้นเดินนำผมไปที่หอมัน
ช่วงระหว่างที่สอบนั้น ทุกคนตั้งใจอ่านหนังสือกันอย่างมากเลยครับ ผมไม่ค่อยได้เคร่งเครียดอ่านหนังสือสักเท่าไหร่นักหรอก ผมเป็นพวกเรียนในห้องก็ตั้งใจจริง พยายามทำความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ ก็ถามอาจารย์ให้เคลียร์ไม่ปล่อยเอาไว้ครับ ส่วนพวกกรณีศึกษาอื่นๆ ก็ถามเอาจากเฮียเมฆบ้าง ลุงกรณ์บ้าง ก็ได้ความรู้แตกต่างกันออกไปจากห้องเรียน แต่ถึงจะบอกว่าผมไม่ค่อยได้เคร่งเครียดอ่านหนังสือ ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะไม่อ่านนะครับ ผมยังต้องรับหน้าที่เป็นติวเตอร์จำเป็นให้กับเพื่อนๆ ในคณะ ก็เลยได้ทวนหลายรอบยังไงล่ะ
เฮียเมฆโทรหาผมทุกวันครับ แต่ผมก็ทำเหมือนเดิมปล่อยให้เสียงโทรศัพท์มันดังไปเองจนกระทั่งมันเงียบไป เฮียข้อความมาหาผม ถ้าผมว่างก็จะตอบ ถ้าไม่ว่าง แน่นอน ย่อมไม่ตอบ แต่อ่านทุกข้อความนะครับ แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยได้ตอบหรอกครับ เฮียไม่ได้เซ้าซี้อะไร ไม่ตอบคือไม่ตอบ
"โอ้ย สอบเสร็จสักที" ไอ้ธรก้าวออกมาจากห้องสอบก็ส่งเสียงร้องออกมาเสียงดัง เพราะวันนี้เป็นวันสิ้นสุดของการสอบมหาโหดแล้วล่ะครับ
"เสียงดังจริงๆ นะมึง" ผมพูดไปมือก็ทำท่าแคะหูไปด้วย
"ไปเมากันคืนนี้" ไอ้ธรเข้ามาชวนผมไปเที่ยวด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย ผมยกมือจิ้มตามันด้วยความหมั่นไส้
"โอ้ย ไอ้เชี่ยคี กูเจ็บนะเว้ย จิ้มมาได้ ถ้าตากูบอดนะ มึง !"
"ถ้าตามึงบอดแล้วจะทำไม ฮะ ไอ้ธร"
"กูจะควักตามึงมาใส่แทน" ไอ้ธรทำท่าจะควักลูกตาของผมไป ผมเลยเตะขามันไปทีนึง มันร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ เดินนำมันไปที่หอพักของมัน
"อะไรวะ ไอ้คี หยุดเดินทำไมเนี่ย" ไอ้ธรที่เดินตามหลังผมมา กระแทกหลังผมอย่างจัง เพราะอยู่ๆ ผมก็หยุดเดินกระทันหัน
"...."
"อ้าว พ่อมึง" ไอ้ธรไม่เห็นผมตอบอะไร มองตามสายตาของผมไปก็พบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งยืนรอที่หน้าห้องไอ้ธรอยู่แล้ว
"สวัสดีครับ เฮียเมฆ" ไอ้ธรยกมือไหว้เมื่อเห็นว่าเป็นเฮียเมฆของผม
"สวัสดี ธร สอบเสร็จแล้วใช่มั้ย"
"ครับ" เพื่อนตัวดีของผมเองครับที่เป็นคนตอบเฮีย
"พี่มารับกลับบ้าน" เฮียเมฆหันมามองผม
"วันนี้ผมนัดไอ้ธรไว้ว่าจะไปฉลองสอบเสร็จ" ในที่สุดผมก็หาเสียงของตัวเองเจอจนได้
"อย่างนั้นเหรอ ธร"
"ครับ นัดกันไว้ แต่ไว้วันหลังก็ได้ครับ ใช่มั้ยวะ ไอ้คี"
"แต่ผมอ่านหนังสือเครียดหลายวันแล้ว อยากไปผ่อนคลายบ้าง" ถึงไอ้ธรจะล้มเลิกแผนการณ์ แต่ผมไม่ครับ
"ไม่เป็นไรนะมึง กลับไปพักผ่อนที่บ้านก็ได้ เดี๋ยวค่อยไปกันวันหลังก็ได้" ไอ้ธรพูดออกมาด้วยความเกรงใจเฮียเมฆที่ยังยืนหน้านิ่งไม่แสดงสีหน้าทางอารมณ์
"แต่กูอยากไปเที่ยว" ผมพูดเสียงเบาด้วยความไม่พอใจ
"ไม่ต้องเถียงกัน ถ้าจะไปเที่ยวก็ไป เดี๋ยวพี่ไปด้วย" เมื่อเห็นว่าปัญหาจะไม่จบลงเฮียเมฆก็ตัดสินใจพูดฝ่าวงสนทนาขึ้นมา
"หา?" ไม่ใช่เสียงของผมครับ เพราะผมยั้งปากได้ทัน
"ไอ้คี" ไอ้ธรใช้ศอกกระทุ้งแขนผม หวังให้ผมพูดอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้
"เฮียจะไปทำไมกันครับ มีแค่ผมกับไอ้ธร 2 คน มันไม่สนุกหรอก"
"จะสนุกหรือไม่ มันก็เป็นปัญหาแค่ตัวพี่ แล้วพี่ไปด้วยไม่ได้เหรอ"
"เฮียเมฆกลับบ้านไปเถอะน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมกลับบ้านเอง" ผมพยายามไล่เฮียเมฆกลับบ้าน
"ผมว่า ไว้ไปวันหลังดีกว่าครับ" ส่วนไอ้ธรก็พยายามล้มเลิกการเที่ยวคืนนี้
"ไม่ได้หรอก ถ้าพี่กลับบ้านไปแล้วไม่พาคีกลับไปด้วย คุณแม่ต้องโกรธพี่มาก เพราะงั้นหากคีกลับกี่โมง พี่ก็จะรอกลับพร้อมคีตอนนั้น" ส่วนเฮียไม่ต้องพยายามทำอะไรเลย เฮียเล่นหงายการ์ดใบสำคัญมา แล้วผมจะไปไหนได้ครับ ก็ต้องกลับบ้านเพราะคุณป้ารออยู่
"เข้าใจแล้ว งั้นผมขอไปเก็บของก่อนนะครับ"
"เดี๋ยวพี่ไปรอที่รถละกัน" เฮียพูดเสร็จก็เดินผ่านเรา 2 คนไป
"โทษทีนะ ไอ้ธร" ผมเอ่ยออกมาหลังจากที่เราทั้งคู่เข้าห้องมาแล้ว
"ไม่เป็นไร กูเข้าใจ"
"ขอบใจมึงมาก"
"ตะกี้ มึงรู้ป่ะ กูนี่ขนลุกสัดๆ อ่ะ เหมือนกูหลุดเข้าไปในอาณาเขตที่มึงกับพ่อมึงกำลังปล่อยพลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าใส่กัน กูนึกว่าจะตายอยู่ตรงนั้นซะแล้ว" ไอ้ธรพูดพลางลูบขนแขนที่ลุกตั้ง
"มึงก็เวอร์ไป กูก็คุยกับเฮียธรรมดา"
"ธรรมดากับพ่อมึงน่ะสิ ปกติแทบจะขี่คอกัน วันนี้ทำเหมือนคนไม่เคยรู้จักกันซะอย่างนั้น"
"แล้วแต่มึงจะคิด" ผมไหวไหล่ไม่สนใจมัน แล้วก็เดินไปเก็บเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้อีกนิดหน่อยใส่กระเป๋าเป้
"กูไปก่อนนะ" ผมบอกลาไอ้ธร เจ้าของห้องก่อนจะเปิดประตูออกไป
"เออ แล้วเจอกัน"
ผมลงมาข้างล่างหอ ก็เจอรถยนต์ประจำตัวของเฮียเมฆติดเครื่องรออยู่แล้ว ผมไม่รอให้เจ้าของรถออกมาเชื้อเชิญแต่ประการใด เปิดประตูขึ้นไปนั่ง รัดเข็มขัดเรียบร้อย แล้วเฮียเมฆก็เคลื่อนรถออกไปจากบริเวณนั้นด้วยความนุ่มนวลเหมือนเคย
"ทำไมไม่รับโทรศัพท์พี่" เฮียพูดขึ้นมาหลังจากที่เราออกมาได้สักพักหนึ่งแล้ว
"ผมอ่านหนังสือสอบ เฮียก็รู้"
"ส่งข้อความมาหาก็ไม่ค่อยตอบ"
"เฮียก็เห็นนี่ครับ ถ้าว่างผมก็ตอบ"
"อย่างนั้นเหรอ"
"ครับ"
"ก็ได้ พี่เชื่อ"
แล้วเราทั้ง 2 คนก็นั่งเงียบ ผมก็กดอะไรเล่นในมือถือเฮีย ส่วนเฮียก็ขับรถ จนถึงบ้านนั่นแหละ ผมก็รีบลงจากรถ เข้ามาในบ้านเห็นป้าจัน นั่งรออยู่แล้ว ผมก็รีบโผเข้าไปกอดป้าจันและนั่งคุยกับป้าจันทันทีเพราะไม่อยากให้คนที่เดินตามหลังมาพูดคุยอะไรอีก
------------------------------------------------------------------------------
+1 ให้ทุกคนแล้วนะคะ จุ๊บๆ 