ตอนที่๒๕ -๕๐%
ค่ำคืนที่แทบไม่มีแสงจันทร์ส่องนั้นเงียบสนิท ภายในห้องนอนที่เงียบสนิทวิรัลที่ได้รับฟังจากเธราถึงเรื่องราวการสั่งเสียของรารี ใบหน้าโดดเด่นนิ่งสนิทราวครุ่นคิดบางสิ่งอยู่ เรื่องราวบางอย่างเริ่มประติดประต่อในหัว
“มีดสั้นที่ใช้ประกอบพิธีนั้นเป็นมีดศักสิทธิ์เป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่คู่บัลลังค์ราชา ตามความเชื่อมันคือคมมีดที่ใช้ปกป้องราชา” วิรัลพูดออกมา “ในนิทานพื้นเมืองที่เล่าสืบต่อมาเพราะมนุษย์นั้นแสนอ่อนแอเมื่อมีการทำพันธะสัญญาแห่งเผ่าพันธุ์ขึ้นมา มีป่าศักสิทธิ์มากางกั้นและมีการถ่วงดุลอำนาจโดยการมอบอำนาจและความสามารถให้แก่บรรดาผู้ที่จะเป็นราชาของมนุษย์ เพราะฉะนั้นของสิ่งใดที่ที่เกี่ยวกับราชามักจะมีพรวิเศษเสมอ ผ้าคลุมไหล่ เลือด แล้วมีดที่ใช้ปกป้องราชาล่ะ” วิรัลยังคงเรียบเรียงเรื่องราวอย่างช้าๆก่อนหันไปมองเธราที่นั่งมองมาอย่างตั้งใจ
“มีดสั้นเล่มจริงไปใหน และคนร้ายจะเอาไปทำไมกัน” เธราพูดออกมาอย่างไม่เข้าใจ “จะ...เกี่ยวอะไรกับรันตรารึเปล่ากระหม่อม” เธราถามวิรัลเสี่ยงอ่อน
“ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเกี่ยวกับรันตรา”
“คือ..”เธราอึกอักก่อนลุกไปหยิบหนังสือเล่มใหญ่ที่วางไว้มุมหนึ่งของห้องมาให้วิรัลดู “หม่อมฉันเจอนี่มา” วิรัลมองของในมือเธราก่อนเลิกคิ้ว
“นิทานตำนานเมืองรึ” วิรัลถามก่อนรับหนังสือเล่มหนามาดู
เธราพยักหน้ารับ ก่อนขยับตัวลงนั่งข้างๆวิรัล แล้วเปิดหน้าที่คั้นไว้ให้วิรัลดู
“พิธีปลุกชีพผู้หลับไหล” เธราพูดเสียงเบา ก่อนชี้ไปที่ตัวอักษรในหนังสือเล่มหนา “ต้องใช้หัวใจที่ปวดร้าวทั้งสาม” เธราบอกเสียงเบา “รันตราก็เงียบไป เงียบราวกำลังซุ่มรอเวลาอะไรบางอย่าง แล้วมีดสั้นก็หายไป องค์หญิงโยนาตายด้วยมีดสั้นปลอมเพื่อใส่ร้ายหม่อมฉัน พระองค์คิดว่ามันช่างเหมาะเจาะราวใครบางคนจัดฉากรึเปล่ากระหม่อม
วิรัลมองเธราที่ดูกังวลไปเสีทุกอย่าง ก่อนลูบหัวคนขี้กังวลาวปลอบโยน
“อย่าเพิ่งคิดมากไปเธรา” วิรัลบอกก่อนดึงเธรามากอดไว้หลวมๆ เธราไม่ได้ขัดขืน พลางซบหน้าลงไปบนใหล่ของเจ้าของอ้อมกอดราวหาที่พักพิง
“หม่อมฉันไม่อยากมีความสุขตอนนี้เลย” อยู่ดีๆเธราก็พูดประโยชวนงงขึ้นมาทำเอาวิรัลต้องดันคนในอ้อมกอดออกเบาๆเพื่อที่จะมองหน้าคนพูดได้เต็มตา
“เจ้าหมายความว่ายังไง”
“รารีตายพร้อมกับลูกในท้อง องค์หญิงโยนาก็โดนฆ่า คนร้ายยังจับไม่ได้พารัมก็ยังอยู่ในอันตราย แต่หม่อมฉัน กลับทำอะไรไม่ได้เลยเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในนี้ แถม.....” เธราอึกอักเล็กน้อยก่อนพูดออกไปทั้งที่แก้มเริ่มขึ้นสี “แถมหม่อมฉันยังรู้สึกดี เวลาพระองค์ทำดีด้วยแบบนี้ หม่อมฉันไม่อยากมีความสุขตอนนี้เลยมันเห็นแก่ตัวเกินไป”
วิรัลเลิกคิ้วกับคำสารภาพ ก่อนจะดึงเธราเข้ามากอดแน่นๆอีกครั้งก่อนคลายอ้อมแขนออกเหลือแค่การสวมกอดเบาๆมือหนาลูบต้นแขนของเธราไปมา ใบหน้าได้รูปพาดอยู่บนใหล่เธรา
“ข้าจะทำให้เจ้าเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในนันทานครเลย ไม่สิ เจ้าจะต้องมีความสุขที่สุดในสามดินแดนเลยเธรา” คำพูดที่ชวนให้เธราซุกตัวเองลงไปในอ้อมกอดมากขึ้น เขาไม่แน่ใจว่าที่ทำแบบนี้เพราะเขินอายหรือรับรู้ได้ว่าอ้อมกอดของคนตรงหน้าปลอดภัยที่สุดกันแน่
แต่แล้วพระจันทร์เสี้ยวที่ส่องแสงริบหรี่กลับพลันดับลงลมหนาวยะเยือกพัดเข้ามาเพียงวูบ เธราเกร็งตัวทันที มือหนาที่ลูบแขนเขาไปมาหยุดนิ่งบรรยากาศกดดันที่แผ่เข้ามานั้น เธรารู้จักดีเพราะเคยพบมาแล้วถึงสองครั้งสองครา
“องค์วิรัล” เธรากระซิบเรียกชื่อคนที่กอดตนเบาๆ ก่อนยกมือขึ้นกอดตอบคนตัวโตกว่าแน่น วิรัลไม่ได้พูดอะไรเมื่อรับรู้ถึงบรรยากาศรอบตัว กลิ่อนหอมที่ชวนคลื่นเหียนลอยมาตามลม
“หอมเอย เจ้าลอย มาตามลม
ดวงใจ ระทม หม่นหมอง
สิ้นรัก สิ้นดวงใจ ที่ใฝ่ปอง
กลิ่นหอม แสนเศร้า ร้าวระทม"
เสียงร่ายกลอนพื้นบ้านลอยมาแผ่วเบาราวกระซิบ นิทานที่กล่าวถึงความตายของผู้เป็นที่รัก การจากลาที่หม่นหมอง แม้กลิ่นหอมของดอกไม้ยังพลอยเศร้าสร้อยไปกับการจากลานี้
เงาดำวูบไหวไปมาที่นอกหน้าต่างก่อนจะพุ่งตรงมายังสองร่างที่ยังคงโอบกอดกัน เธราผละออกจากอ้อมกอด ก่อนคว้าเอาดาบขององค์วิรัลที่วางไว้ข้างกายก่อนฟาดคมดาบลงไปสุดแรง เงาสีดำแตกกระจายออกคล้ายฝุ่นผง ก่อนจะไปรวมตัวกันที่มุมห้องปรากฏร่างคุ้นตาของปีศาจที่งดงามราวชาวเวทย์
“ข้านับถือในความเก่งกาจของเจ้านะพระสนมเอกแห่งนันทานคร” ใบหน้างดงามแย้มยิ้มต่างจากดวงตาสีฟ้าสวยที่นิ่งสนิท ก่อนเหลือบมองไปยังองค์วิรัล
“สุดท้ายราชาผู้ยิ่งใหญ่ก็หลงรักเครื่องบรรณาการจนได้ มาลันเคียนี่ฉลาดจริงๆ ถ้าส่งหญิงงามผู้มีญาณกล้าแข็งมาก็คงเป็นได้แค่สนมธรรมดาๆ” รันตรายังคงพูดไปเรื่อย
“รันตรา รัชทายาทนอกคอกแห่งกัสธา เมืองหลวงของชาวเวทย์ทำไมถึงกลายมาเป็นปีศาจชั้นต่ำไปได้เสียล่ะแถมยังขี้ขลาดขนาดไม่กล้ามาด้วยร่างจริง ส่งแค่จิตมายามาแบบนี้” วิรัลพูดขึ้นมาก่อนยกยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ หลังจากเจอรันตราที่หมู่บ้านบันกุ เขาก็กลับมาสืบทันทีว่ารันตราคือใคร ปีศาจที่มีพลังมากขนาดรันตราหาไม่ได้ง่ายๆและแทบจะไม่ปรากฏมาเป็นร้อยปีแล้ว และเขาก็ได้รับรู้บางอย่าง รันตราไม่ใช่ปีศาจธรรมดาแต่เป็นถึงชาวเวทย์ชั้นสูงที่โดนมนต์ดำครอบงำจนกลายมาเป็นปีศาจต่างหาก
“เก่งนี่ไปสืบเรื่องข้ามาด้วย แต่รู้ไปก็เท่านั้นข้าเตรียมทุกอย่างครบแล้ว อีกสามราตรีข้าก็จะได้ของที่ข้าต้องการครบ รวมถึงดวงใจของสาวน้อยพารัมที่เจ้าเอามาซ่อนไว้ด้วยแล้วไม่ต้องห่วงหรอกนะข้ามาหาเจ้าแน่”
“รันตราเจ้าทำอะไร ทำไมต้องฆ่าองค์หญิงโยนา” เราถามออกไปอย่างลองหยั่งเชิง
รันตราเลิกคิ้วเมื่อได้ฟังคำถาม ใบหน้าสวยงามส่ายไปมาราวเอ็นดู “ข้าไม่ได้ฆ่าองค์หญิงโยนา”
“ไม่จริง ถ้าไม่ใช่เจ้าจะเป็นใคร รารีไม่ได้เป็นคนทำแน่นอน” เธราเถียง
“หึ เธราเด็กน้อย ถ้าข้าไม่จำเป็นต้องฆ่าเจ้าข้าอยากจะเอาเจ้าไปอยู่ด้วยเสียจริง” รันตราพูดพลางแย้มยิ้มที่ดูน่าขนลุก “มนุษย์ทุกคนมีด้านมืดที่ซ่อนไว้เธรา ข้าไม่จำเป็นต้องฆ่าใคร ข้าแค่ให้เขาทำในสิ่งที่อยากทำ” รันตราเอ่ยช้าๆ บรรยากาศอึดอัดเหมือนจะตรึงให้เธราขยับร่างกายไม่ได้
“มนต์ตรึงร่าง” องค์วิรัลที่เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ใบหน้าได้รูปขบกรามแน่น ดวงตาคมเหลือมองดาบคู่กายที่วางไว้ไม่ห่าง
รันตรายังคงยืนอยู่ที่เดิม มือเรียวแบออกมาพร้อมกับปรากฏกระจกบานใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อย กรอบกระจกนั้นปรากฏเป็นอสรพิษพันกันไปมาดูสวยงามแต่น่าขนลุก “ข้าแค่เพาะเมล็ดพันธุ์ลงไป พวกเจ้าก็จะทำในสิ่งที่ก้นบึ้งของหัวใจของเจ้าเรียกร้อง
ดูสิเธราเจ้าก็มีเห็นไหม” เธรามองเงาสะท้อนในกระจกอย่างตกใจ เมื่อบริเวณลำตอของเขามีต้นเล็กๆงอกออกมาราวกับกาฝาก
“มัน...คืออะไร” เธราถามเสียงสั่น
“กาฝากเผยความใน แค่ใส่มันลงในอาหารพวกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความในใจที่อยากปกปิดอย่างพวกเจ้า ก็จะเผยธาตุแท้ออกมา” รันตราพูดออกมา ก่อนมาปรากฏที่ข้างๆตัวเธราภายในพริบตา มือเรียวสวยยกขึ้นแตะลงไปที่ต้นกาฝากเบาๆ “น่าแปลกที่กาฝากทำอะไรเจ้าไม่ได้เธรา แปลกจริงเจ้าไม่มีอะไรที่อยากได้จนต้องแย่งชิง หรือความโลภที่เก็บซ่อนไว้เลยรึเด็กน้อย”
ฟรึบ! เสียงดาบแหวกอากาศลงมาท่ร่างรันตราอย่างรวดเร็ว หากเหมือนผ่านลงไปบนฝุ่นละออง วิรัลดึงเธรามาไว้ด้านหลังของตัวเองก่อนบ้วนเลือดทิ้ง วิรัลขบปากตัวเองจนเลือกออกเพื่อที่จะให้หลุดจากมนต์ของปีศาจ หลั่งเลือดแห่งราชาเพื่อล้างมนต์ปีศาจ
“สมเป็นองค์วิรัลแห่งนันทานคร แก้เกมส์ได้รวดเร็วเสมอ”
วิรัลไม่สนใจคำพูดของรันตรา เขาจู่โจมทันทีมือหนาเงื้อดาบขึ้นสูงก่อนฟาดลงไปที่ร่างของปีศาจอีกครั้งน่าแปลกที่ดาบคู่บัลลังค์กลับทำอะไรรันตราไม่ได้ ร่างที่เป็นดั่งฝุ่นละอองแตกกระจาย
เธราที่เพิ่งขยับร่างกายได้ คว้าเอาผ้าคลุมไหล่ขององค์วิรัลก่อนสะบัดชายผ้าที่ร่างของรันตรา เขาจำได้ว่าผ้าคลุมไหล่ของราชาปัดเป่าสั่งชั่วร้ายได้หากคราวนี้ เหมือนเป็นการสะบัดผ้าผ่านอากาศเท่านั้น รันตราไม่ได้มีอาการเจ็บปวดเช่นคราวก่อน
หึหึหึหึหึ เสียงหัวเราะของรันตราดังก้องห้องบรรทม พร้อมกับกับเสียงโวยวายจากด้านนนอก
“เธรา องค์วิรัลเป็นอะไรรึเปล่ากระหม่อม” เสียงตะโกนถามมาจากภายนอก เพราะประตูห้องถูกล็อคจากภายใน
“ที่ข้ามาเพราะอยากแน่ใจบางอย่างเท่านั้นแล้วก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าเหลือแค่โลหิตในตัว เจ้าจะเอาชนะกองทัพเลือดได้ยังไง หึ” รันตราเอ่ยอย่างเย้ยหยัน ก่อนสลายหายไปกับสายลม

มาก่อนครึ่งหนึ่งนะคะ
จะรีบมาลงต่อให้จบโดยเร็วคะ
ขอบคุณที่ชอบ #วิรัลลืมเมีย ค่า
จบตอนนี้เราจะรู้แล้วคะว่าใครฆ่าองค์หญิงโยนา เย้
อย่าทิ้งไปใหนอยู่ด้วยกันจนจบน้า