.
.
.
ชี้แจงนิดหน่อยค่า
มีคนสงสัยว่าทำไมโชบุถึงรู้ว่ากษัตย์แห่งวูธฆ่าองค์หญิโยนา
#โชบุมีพลังอ่านเหตุการณ์ ค่ะอย่างตอนที่เธราลงไปเยี่ยมที่คุกใต้ดินและแตะแผลที่คอของเธราจนรู้ว่าเกิดจากปีศาจ
ย้อนกลับไปอ่านได้ใน ตอนที่๖ ค่า
ตอนที่๒๖
คำบอกเล่าของโชบุนำเอาความงุนงงให้ทั้งเธราและคุช แต่แล้วทั้งสองก็ต้องให้ความสนใจกับสิ่งต้องจัดการแบบเร่งด่วนก่อน
“พารัมเป็นอะไร” เธราถามคุชที่เดินอยู่ข้างหน้า
“พระสนมเสด็จไปดูเองเถอะกระหม่อม ทางนี้กระหม่อม” คุชบอกก่อนเดินนำทางไปท่ตำหนักท้ายบึง
ภาพตรงหน้าทำเอาเธราตกใจ สวนสมุนไพรที่เขาเคยปลูกไว้พังยับราวกับโดนพายุถล่ม ตำหนักท้ายบึงนั้นได้รับความเสียหายบางส่วน ร่างบอบบางของพารัมนอนหมดสติมีสหัสกับชุนเฝ้าอยู่ใกล้ๆที่ระเบียง
“พารัมๆ” เธราเรียกคนที่หมดสติก่อนตบเบาๆที่แก้ม
“ไม่ได้บาดเจ็บอะไรแต่ไม่ได้สติเลย” สหัสบอกเขาเป็นคนมาพบพารัมคนแรกเพราะรู้มาว่าคนตัวเล็กจะมาหา โหลขนมอีกครั้งในคืนนี้เขาเลยตัดสินใจตามมาช่วย แต่แล้วก็มาพบกับพารัมที่นอนหมดสติอยู่พร้อมกับสภาพรอบข้างที่ดูเหมือนโดนพายุถล่ม
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ พารัมๆ” เธราเรียกซ้ำ ร่างตรงหน้ายังคงหายใจแก้มใสยังมีเลือดฝาด คนตรงหน้าดูจะไม่ได้รับอันตรายอะไรเหมือนนอนหลับไปเฉยๆ
“ขอผ้าชุบน้ำหน่อย” เธราบอก
พารัมเริ่มขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงความเย็นของผ้าชุบน้ำที่เช็ดตามใบหน้าเบาๆ
“พี่เธรา” เสียงหวานเอ่ยก่อนขยับตัวลุกนั่ง พารัมมองคนรอบตัวอย่างงงๆ
“เกิดอะไรขึ้น” เป็นสหัสที่เอ่ยปากถาม
“ข้ามาหาของให้พี่เธรา ...โหลขนม” พารัมบอกก่อนตาโต “ใช่ข้าเจอแล้ว โหลขนมน่ะมันอยู่ที่นั่น...” พารัมพูดช้าๆยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองเบาๆก่อนลุกขึ้นเดินนำทุกคนมาที่สวนสมุนไพรของเธราก่อนนั่งลงและใช้มือพยายามค้นหาบางอย่างจากบริเวณที่พังยับยินอย่างไม่ลังเล “ข้าหาจนทั่วตำหนักแล้วก็ไม่เจอ เลยลองมาเดินหาแถวสวนสมุนไพรที่พี่เธราปลูกไว้ แล้วก็มาเจอต้นนี่เข้า ข้าจำได้ว่ามันใช้ผสมทำขนมที่พี่เธราชอบกิน เลยลองมาขุดดูแล้วก็เจอ...ขวดแก้วที่ใส่บางอย่างไว้” พารัมบอกช้าๆเหมือนกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์บางอย่าง “แล้วข้าก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อข้า แต่พอจะหันไปมองก็เจ็บจี๊ดที่นี่” พารัมบอกก่อนลูบไปที่ท้ายทอยตัวเอง “แล้วข้าก็หมดสติไป”
“ดูนี่สิ” คุชเอ่ยขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นบางอย่าง
“อะไร” สหัสถามขึ้นก่อนมองเห็นบางอย่างในมือของคุช
“เศษผ้า” คุชบอกก่อนชูสิ่งที่ติดอยู่กับกิ่งไม้ “ผ้าไหมเนื้อดีแบบนี้ ในวังนี้มีไม่กี่คนที่ใช้หรอก” คุชบอก
โชบุรับเอาเศษผ้าจากคุชมาก่อนยกขึ้นแตะที่จมูกเบาๆแล้วนิ่วหน้า “ข้าคิดว่าคนที่แยงเอาโหลขนมไปและทำร้ายพารัมน่าจะเป็นชู้รักของรารี เพราะว่ากลิ่นที่ติดอยู่ที่เศษผ้านี่เป็นกลิ่นเดียวกับที่ข้าเคยได้กลิ่น แต่...มันเป็นเครื่องหอมชั้นสูงที่คนในวังนิยมใช้กัน จะเจาะจงว่าเป็นใครคงยาก” โชบุพูดขึ้นอย่างหนักใจ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“หมายความว่าชู้รักของรารี กับคนที่จ้างพวกเจ้ามาฆ่าข้าน่าจะเป็นคนเดียวกันงั้นรึ” วิรัลถามโชบุ หลังจากงานเลี้ยงจบ เขาจึงตามไปสมทบกับทุกคนที่ตำหนักท้ายบึง
“น่าจะ...ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจ” โชบุตอบก่อนถอนหายใจ เขาเองแม้จะเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องตลกแต่สถานการณ์ตอนนี้มันก็ไม่น่าขำสักเท่าไร
“แล้วเรื่องคนฆ่าองค์หญิงโยนา เจ้าแน่ใจได้ยังไง แล้วทำไมถึงรู้”
“โชบุมีพลังในการอ่านเหตุการณ์น่ะ” ชุนเอ่ยออกมาแทน
“หากเผอิญไปโดนร่างกายใครเข้า ข้าก็จะเห็นแต่เฉพาะเวลาเจ้าตัวไม่มีสติที่จะควบคุมความคิดตัวเองเท่านั้น อาจจะเป็นเมา หรือตกใจไม่ใช่เห็นได้ทุกครั้งหรอก” โชบุบอกง่ายๆ “ข้าเห็นว่าเขาเป็นคนกดมีดลงไปบนหน้าอกลูกสาวตัวเอง เหมือนจะมีการโต้เถียงกันก่อนแต่ข้าไม่ได้ยินว่าเถียงถึงเรื่องอะไรกัน” โชบุพูดก่อนถอนหายใจหวนคิดไปถึงภาพที่เห็น
“คนที่มาแย่งโหลขนมไปคงทำร้ายพารัมก่อนจะหนีไปสินะ” วิรัลคาดการ “ถ้าออย่างนั้นคนร้ายมันคงคิดว่าเจ้าคงได้รับบาดเจ็บล่ะสิ” วิรัลของพารัม “งั้นเจ้าก็เจ็บเสียหน่อยเถอะพารัม”
---------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------
สตรีสูงวัยที่ยังคงแข็งแรงและดูสง่างาม เร่งฝีเท้าในชุดยาวระพื้นใบหน้าที่แม้มีริ้วรอยแต่ยังคงมีเค้าลางความงามส่อแววกังวลอย่างปิดไม่มิด
“วิรัลพารัมเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงที่ถามนั้นดูร้อนรน
“ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตหรอกขอรับ” วิรัลตอบสตรีสูงวัยที่มีศักดิ์เป็นป้าอย่างน้อบน้อม
“แล้วไปซนยังไงถึงได้เจ็บจนหมดสติขนาดนี้กัน” คำถามที่วิรัลจำเป็นต้องตอบ
เจเนสนั่งฟังคำบอกเล่าจากวิรัลที่มีศักดิ์เป็นหลานอย่างนิ่งสงบ ก่อนเหลือบมองไปยังพารัมที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง หลังจากที่วิรัลกอบกู้นันทานครจากกบฏมาได้เธอก็ไม่เคยมาวุ่นวายในเรื่องการเมืองอีกเลยแม้ การที่ญาติพี่น้องถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตามากมายนั้นทำร้ายจิตใจเจเนสเป็นอย่างมาก เธอใช้ชีวิตอยูในวังเงียบๆแม้จะรับรู้ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่เคยออกความคิดเห็น แต่พารัมเด็กหญิงตัวน้อยที่ถูกนำมาฝากไว้กลับกลายเป็นเหมือนลมเย็นๆที่พัดเข้ามาในหัวใจที่ห่อเหี่ยวให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ความเอ็นดูมากมายจึงทุ่มเทไปที่คนตัวเล็กที่นอนนหมดสติอยู่บนเตียงจนหมดสิ้น
“แล้วเจ้าคิดว่าใครกันที่เป็นชู้รักของรารี” เจเนสถามหลานชาย แต่สายตากลับจับจ้องไปที่เธราที่นั่งห่างออกไป นี่สินะพระสนมที่กำลังเป็นที่ร่ำลือ “ส่วนเรื่องปีศาจนั่น ถ้ามันบอกว่ามันฝังกาฝาแห่งความในไว้ที่พระสนมของเจ้าได้ แล้วกับคนอื่นล่ะ” คำพูดของสตรีสูงวัยทำเอาทุกคนนิ่งงัน
“เอาเถอะข้ามาเพราะจะมารับตัวเจ้าพารัมกลับตำหนักเท่านั้น” เธอพูดก่อนเดินเข้าไปยังร่างไร้สติของพารัมมือเหี่ยวย่นยกขึ้นลูบผมนิ่มสลวยอย่างเบามือ
“เอ่อ...หม่อมฉันคิดว่าพารัมคงต้องอยู่ที่ตำหนักหยาดหมอกไปก่อนขอรับท่านป้า” วิรัลบอกออกไปอย่างเกรงใจ ดวงตาคมหันไปมองเธราตอนนี้ที่กระวนกระวายจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ ที่ตำหนักท้ายบึงหลังจากรู้ว่าคนร้ายได้ทำร้ายพารัมแล้วชิงเอาโหลขนมไปนั้น คนร้ายคงคิดว่าพารัมได้รับบาดเจ็บรุนแรงเพราะสาวน้อยนั้นหมดสติไป พวกเขาจึงวางแผนให้พารัมแสร้งทำเป็นไม่ได้สติไปก่อน เพราะถ้าคนร้ายเป็นคนในจริงบางทีมันอาจจะกลับมาย้อยดูพารัมก็เป็นได้
เจเนสมองวิรัลนิ่ง ๆ ก่อนถอนหายใจเธอรู้ถึงเหตุผลที่พารัมถูกพาตัวมาอยู่ถึงในวังหลวงทั้งที่เป็นแค่เด็กสาวชาวบ้าน พารัมนั้นยกย่องเทิดทูลเธรานักหนาทุกครั้งที่ พารัมพูดถึง พี่เธรา สาวน้อยจะแย้มยิ้มราวปลื้มปริ่ม เจเนสหันไปมองพระสนมแห่งมาลันเคียที่ดูจะยุกยิกไปมาอย่างวางตัวไม่ถูก คนตรงหน้าเอาตัวเองมาขวางความตายของพารัมเอาไว้อย่างไม่ลังเล หญิงสูงวัยแย้มยิ้มบางเบาก่อนพยักหน้าให้วิรัลเบาๆ
“จะวางแผนทำอะไรกันก็อย่าให้คนแก่ตกอกตกใจมากนัก หัวใจข้าจะวายเอานะวิรัล” เจเนสพูดก่อนหันหลังกลับแล้วสตรีสูงวัยกลับหยุดฝีเท้าเอาไว้ที่หน้าประตูก่อนเอ่ยขึ้นช้าๆแต่หนักแน่น “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น วิรัลข้าขอยืนยันว่าเจ้าคือคนที่เหมาะสมแล้วที่จะเป็นราชาแห่งนันทานคร” จบประโยคเจเนสก็เดินออกไปพร้อมคนติดตาม
คุชทำความเคารพเจเนสที่เดินสวนออกไป ก่อนเดินเข้ามาทำความเคาระวิรัลและเธรา ร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามดูเหนื่อยอ่อน เพียงชั่วครู่ที่เธรามองเห็นแววตาที่ธันมองมาก็ทำเอาเขาอยากจะลุกออกไปจากห้องนี้ เพราะรู้ว่าธันรู้สึกอย่างไรและเพราะรู้ว่าไม่มีทางตอบสนองความรู้สึกนั้นได้ ความอึดอัดมากมายจึงถาโถมเข้ามาทุกครั้งที่ได้เห็นแววตาคู่นั้นของธัน
“มีคนขอเข้าเฝ้าพระสนมกระหม่อม” ธันรายงานบางอย่างที่เรียกความสนใจของเธราได้ทันที
“ใคร” วิรัลถาม
“พวกเขารออยู่ข้างนอก หากพระองค์ทรงอนุ...”
“ธัน...เจ้าพาคนเข้ามาในตำหนักของข้าโดยพละการเนี่ยนะ” วิรัลตวาดออกไปลั่นทำเอาเธราสะดุ้งก่อนหันไปมองวิรัลอย่างตกใจ เขาเพิ่งเคยเห็นวิรัลเสียงดังแบบนี้ครั้งแรก ดวงตาสีดำสนิทแวววับขึ้นมาราวบ่งบอกว่าไม่พอใจชัดเจน
“ขอประทานอภัยกระหม่อม แต่สองคนนั้นไม่มีทางทำร้ายพระสนมอย่างแน่นอนกระหม่อม” ธันก้มหัวลงหากยังคงพยายามอธิบาย
“เจ้าเอาอะไรมายืนยันธัน หากเกิดอะไรขึ้นเจ้าคิดว่าเจ้าจะรับผิดชอบใหวไหม หัวของเจ้าบางทีก็ชดใช้อะไรไม่ได้หรอกนะ” วิรัลพูดอย่างโมโห
“เอ่อ...องค์วิรัลใจเย็นๆก่อนเถอะ หม่อมฉันคิดว่าธันต้องคิดดีแล้วถึงพาเข้ามาท่านคิดว่าธันจะทำอะไรที่เป็นอันตรายแก่ท่านงั้นรึ ธันเป็นทหารที่ท่านเลือกมาเองทำไมท่านถึงไม่เชื่อใจในนักรบของเท่านเล่า” เธราพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เมื่อเห้นว่าวิรัลโมโห
ธันมองเธราที่ใช้มือแตะแขนวิรัลเป็นเชิงห้ามปรามด้วยหัวใจที่เจ็บแปลบ ท่าทางขององคืวิรัลกับเธราดูสนิทสนมกันมากขึ้น มากเสียจนเขาไม่อยากมอง
“ไปพามาสิ” เธราหันไปของธันเมื่อเห้นว่าองคืวิรัลไม่ว่าอะไรแล้ว
“ทรีส เอรันเจ้ามากันได้ไงเนี่ย” เธราเอ่ยอย่างตกใจ ในสถานการณ์แบบนี้เขาไม่เคยคิดเลยว่าทรีสกับธันจะปรากฏตัวขึ้นมา
“ถวายบังคม พะย่ะคะ (เพคะ) องค์วิรัลราชาแห่งนันทานคร” ทรีสกับเอรันเอ่ยขึ้น
ทรีสที่ตอนนี้อยู่ในร่างมนุษย์ร่างสุงใหญ่นั้นดูน่าเกรงขามผมยาวสีดำสนิทถูกเกล้ามวไว้หลวมๆ แขนแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นช่างขัดกับร่างของนุ่มนิ่มของทากรกน้อยที่อุ้มอยู่
แต่แล้วบางอย่างของคนตรงหน้านั้นทำเอาเธราขมวดคิ้ว เอรันแปลกไปร่างบอบบางอยู่ในชุดชาวบ้านมีผ้าสีเข้มคลุมศรีษะและใบหน้าเอาไว้หลวมๆ เอรันทำความเคารพองค์องค์วิรัลก่อนถอดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าชัดเจนดวงตาสีฟ้านั้นยังคงสวยงามหากมันกลับวาววับราวลูกแก้ว ผมยาวหยักศกสีน้ำตาลอ่อนยังงดงามแต่บางอย่างที่เปล่งออกมาจากเอรันนั้นมันแปลกไป
“ชาวเวทย์งั้นรึ” เป็นวิรัลที่เอ่ยออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา เพราะหลังจากม่านหมอกแห่งเวทย์ปกคลุมก็ไม่เคยมีใครเคยเห็นชาวเมืองเวทย์อีกเลยนานร่วมร้อยปี
“หม่อมฉัน เอรัน เพคะ” เอรันบอกชื่อของตัวเอง ก่อนหันมายิ้มให้เธรา
“นี่มันอะไรกันเอรัน” เธราถามอย่างงุนงง
“ได้ยินข่าวว่านันทานครจะทำศึกกับกองทัพเลือด เอรันเลยคะยั้นคะยอให้พามาเพื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง” ทรีสเอ่ยก่อนหัวเราะเมื่อเอรันหันมาทำตาเขียวใส่
“ข้าหมายถึง...ทำไมเจ้าถึงเป็นชาวเวทย์” เธราพูดออกมาอย่างไม่เข้าใจ หญิงสาวที่เขาช่วยที่ป่าศักสิทธิ์เป็นแค่หญิงสาวชาวบ้านธรรมดาทำไมวันนี้ถึงกลายเป็นชาวเวทย์ไปได้
“เธราจะให้ข้าตอบว่าอย่างไรดีเล่า ข้าก็เป็นชาวเวทย์มาแต่ไหนแต่ไรนะ” เอรันพูดพลางหัวเราะอย่างเอ็นดูในท่าทีสับสนของคนตรงหน้า
“ก็...ก็ตอนที่ข้าเจอเจ้า เจ้ายังเป็นแค่หญิงสาวแม่ลูกอ่อนเท่านั้น ขาเจ็บก็รักษาตัวเองไม่ได้” เธราเถียง ทำเอาทรีสถึงกับกลั้นหัวเราะ
“เราเจอกันที่ไหนเธรา” เอรันถามพลางยิ้ม เป็นยิ้มที่สวยจับตา
“ป่าศักสิทธิ์” เธราตอบ
“ในป่าศักสิทธิ์ ทุกชีวิตมีค่าเท่ากันไม่มีชาวเวทย์มนุษย์หรืออมนุษย์ เมื่อเข้าไปในป่าศักสิทธิ์แล้วเวทย์มนต์ต่างๆจะใช้ไม่ได้ เอรันในป่าศักสิทธิ์จึงเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านเท่านั้น” เป็นทรีสที่ตอบแทน คำตอบที่ทำเอาเธราคาดไม่ถึง
“องค์วิรัลราชาแห่งนันทานคร ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือพระสนมผู้แสนดีของท่าน กองทัพเลือดจะไม่มีวันพ่ายแพ้หากนายผู้สั่งไม่สิ้นชีพ ในฐานะชาวเวทย์ข้าไม่อยากให้กองทัพเลือดแห่งกัสธาต้องมาทำเรื่องที่ผิดไปมากกว่านี้” เอรันหันไปบอกกับวิรัล ด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
วิรัลมองเธราที่ดูจะรู้จักกับทั้งสองจริงๆ แล้วหันมามองเอรันอีกครั้งหญิงสาวตรงหน้าเป็นชาวเวทย์ ท่าทางนั้นบ่งบอกชัดเจน
“อย่างแรกที่ต้องแก้คือ กาฝากเผยความใน ที่ตอนนี้มันเกาะอยู่ที่พวกท่านแทบทุกคนเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่” เอรันเอ่ย
“เราจะเอาออกยังไงล่ะเอรัน ถ้าไม่มองผ่านกระจกของปีศาจก้มองไม่เห็นกาฝากนั่น” เธราถามออกไป เพราะหลังจากเจอรันตรา เขาก็พยายามจะหากาฝากที่เห้นผ่านกระจก แต่ก็พบเพียงแค่ลำคอว่างเปล่า
เอรันหงายมือก่อนที่จะปรากฏกระจกบานเท่าฝ่ามือขึ้นมา กรอบกระจกประดับด้วยดอกไม้ที่ทำจากหินสีงดงาม เอรันเดินเข้าไปใกล่เธราก่อนส่องกระจกไปที่เธราทันที เงาที่สะท้อนกลับมาคือกาฝากความในที่เกาะแน่นอยุ่ที่ลำคอของเธรา
“ฮ่าๆ ต้นแค่นี้เอง เธราเจ้านี่แสนดีเกินไปนะ” เอรันหัวเราะก่อนแตะมือลงไปที่ลำต้นของเจ้ากาฝากเจ้าปัญหา ริมฝีปากสวยท่องมนต์บางอย่างเบาๆก่อนจะเด็ดเอากาฝากออกมาจากลำคอของเธราอย่างง่ายดายก่อนจะสลายหายไปราวฝุ่นควัน เอรันเลือกที่จะหันกระจกไปที่องค์วิรัลก่อนที่จะเลิกคิ้วใบหน้าสวยแย้มยิ้มก่อนหัวเราะคิกคัก
“เอาแค่ของเธราออกก่อนก็แล้วกัน บางทีเจ้ากาฝากนี่ก็มีประโยชน์เหมือนกัน” เอรันบอกก่อนกระจกจะหายไปทันที
“กาฝากพวกนี้จะเติบโตตามความลับที่เก็บซ่อนไว้ในใจ ยิ่งดำมือเท่าไรกาฝากยิ่งเติบโตและเร่งให้เผยความต้องการออกมา” เอรันบอก ก่อนถอนหายใจ “อีกสองราตรีเท่านั้นก็จะถึงคืนพระจันทร์สีเลือด พระองค์ทรงมีแผนว่าอย่างไรบ้างองค์วิรัล” เอรันเอ่ยถามอย่างกังวล
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------
เธราเดินมาส่งเอรันกับทรีสยังห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ภายในตำหนักหยาดหมอก เธราเล่นกับเด็กน้อยอีกเป็นพักก่อนจะขอตัวกลับเมื่อเห็นว่าถึงเวลา ตำหนักหยาดหมอกถูกวางเวรยามแน่นหนา เธราเดินไปเรื่อยๆตามทางสวนดอกไม้เล็กๆที่ถูกปลูกและจัดแต่งอย่างสวยงามภายในตำหนักเรียกความสนใจเธราได้ไม่น้อยร่างสูงโปร่งก้าวขาออกไปยังลานเล็กๆที่ถูกจัดเป็นสวนสวยงามจับตาก่อนจะสังเกตุเห็นดอกเล็กๆสีขาวที่คุ้นตา เธรานั่งลงมองใกล้ก่อนยิ้มออกมา ดอกสายลม มือเรียวเอื้อมไปเด็ดขึ้นมาดมพลางนึกถึงวันที่ตัวเองต้องขึ้นไปทำหน้าที่อารักขาองค์วิรัลในพิธีบูชาบรรพบุรุษเหตุกาณ์มากมายที่เกิดขึ้นเธรายังจำได้ดี เธราลุกขึ้นทั้งที่สายตายังคงจับจ้องที่ดอกสายลมในมือ ริมฝีปากยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมีคนมาขวางทางเอาไว้
“ธัน” เธราเรียกคนตรงหน้าอย่างตกใจ
“ดึกแล้วออกมาทำอะไรกระหม่อม” ธันถามสายตาไล่มองเธราราวโหยหา ใบหน้าที่อยู่ในใจตลอดเวลาตอนนี้อยู่ตรงหน้าแล้ว เพียงแค่เอื้อมมืออกไปเท่านั้น
“ข้ากำลังจะเข้าไปแล้วล่ะ” เธราบอกก่อนเลี่ยงออกไป แต่ธันก็คว้าแขนเอาไว้
“ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้ท่านมีอันตราย” ธันบอกก่อนก้มหน้าทั้งที่ยังคงรั้งแขนเราไว้ ท่าทางเจ็บปวดของคนตรงหน้าทำเอาเธราไม่กล้าดึงแขนออก
“ขอบใจนะ” เธราตอบสั้นๆแต่แล้วก็ตกใจเมื่อธันรั้งเขาเข้าไปกอด “ปล่อยข้าธัน” เธราบอกก่อนพยายามรั้งตัวเองออกจากอ้อมกอดของคนตรงหน้า
“ทำไมต้องเป็นท่านด้วย” ธันพูดออกมาราวเพ้อแรงกอดรัดมามากขึ้นทำเอาเธราเริ่มอึดอัด
“ปล่อยธัน ข้าบอกให้ปล่อย” เธราเริ่มเสียงดัง
พรึบ! “เห๊ย...อั๊ก” ธันอุทานทันทีที่รู้สึกถึงแรงกระชากจากด้านหลัง พลังมหาศาลที่ขนาดธันที่แข็งแรงยังคงลอยตามแรงดึง
“กอดเมียเจ้านายพอแล้วล่ะ” ทรีสบอกก่อนโยนธันลงกับพื้น
เธราตกใจที่ทรีสกับเอรันที่เขาเพิ่งไปส่งมากลับปรากฏตรงหน้า
“เธราไม่ชอบก็ร้องดังๆสิ ทหารเยอะแยะ” ทรีสหันมาดุเธรา
“ก็ธัน...เขา” เธราอ้อมแอ้ม
“กลัวเขาเสียใจสินะ” ทรีสพูดก่อนถอนหายใจ “แล้วไม่กลัวองคืวิรัลมาเห็นรึไงกัน” คำพูดของทริสทำเอาเธราหน้าเสีย
เอรันเรียกเอากระจกออกมาก่อนส่องไปที่ธันที่กำลังลุดขั้น ร่างบอบบางปราดเข้าไปหาธันทันทีมืองบางแตะลงไปที่หน้าอก ทันที “ต้นใหญ่ใช้ได้เลย” ภาพของกาฝากผยความในปรากฏในกระจก มันงอกออกมาจากหน้าอกของธันลำต้นสีแดงขนาดกือบเท่าข้อมือ เอรันจับลงไปที่ลำต้นของมันทันทีธันทำท่าปฏิเสธอย่างไม่เข้าใจ ทริสเข้าไปช่วยจับเอาไว้ก่อนที่ธันจะดินไปมากกว่านี้ ริมฝีปากบางของเอรันท่องมนต์เพียงครู่ก่อนออกแรงดึงเจ้ากาฝากออกมาแล้วก็เป็นดังเดิมมันหายไปราวฝุ่นละออก
“ข้าเอาออกให้แล้วนะธัน”เอรันบอกธันอย่างเห้นใจ “ต่อไปนี้เรื่องบางอย่างก็เก็บเอาไว้ภายใจใจเถอะ เจ้าก็น่าจะรู้ดีไม่อย่างนั้นเจ้าคงลักพาตัวเธราไปแล้วตามฤทธิ์ของกาฝาก แต่นี่เจ้ายังลังเลแปลว่าเจ้ายังมีจิตใจส่วนดีหลงเหลืออยู่ เก็บมันเอาไว้เถอะภายในใจของเจ้าอย่าเผยออกมาให้เธราลำบากใจเลย”
ธันนิ่งฟังเอรันอย่างหมดคำพูด พลางทอดมองไปยังเธราที่ยืนอยู่ด้านหลังทรีส ดวงตาสีน้ำตาลมีแววอึดอัดใจอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีรอยยิ้มที่เขาหลงรักมีเพียงความกังวล ธันหัวเราะเบาๆราวสมเพศตัวเอง ก่อนทำความเคารพเธราแล้วหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก
ทรีสมองธันที่จากไปก่อนหันมามองคนต้นเรื่องที่ยังคงยืนอยู่
“กลับห้องตัวเองไปได้แล้วเธรา” เธราพยักหน้ารับง่ายๆก่อนจะเลี่ยงเดินกลับห้องของตน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อาหารเช้าวันนี้มีสมาชิกร่วมวงมากกว่าปกติ แม้ว่าสหัสถูกให้เฝ้าพารัมอยู่ในห้อง โชบุและชุนนั้นตั้งแต่มาอยู่ที่ตำหนักหยาดหมอกมักจะแยกไปกินยังที่ของตนเฉพาะ ทุกเช้าจึงมีเพียงวิรัลและเธรา บางวันคาเซก็จะมากินด้วย แต่วันนี้มีทริสและเอรันเพิ่มมาด้วย คาเซแม้จะดูแปลกใจกับแขกที่มาอย่างกะทันหันแต่เขาก็เก็บอาการได้อย่างดี ใบหน้างดงามทำความเคารพตามมารยาททุกระเบียบ ไม่หลุดกิริยาที่ดูไม่ดีแม้สักนิด
“ท่านเอรันรู้จักกับพระสนมได้อย่างไรหรือขอรับ” คาเซชวนสนทนาเพื่อไม่ให้มือเช้านั้นดูอึดอัดจนเกินไป
“ในป่าศักสิทธิ์น่ะ พระสนมของเจ้าช่วยข้าไว้”
คาเซพยักหน้ารับ ก่อนส่งอาหารเข้าปาก
“ท่านเคเซ ท่านมีศักดิ์เป็นน้องชายองค์วิรัลรึ” ทรีสเอ่ยถามราวชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ
“ถูกต้องแล้วล่ะท่าน” คาเซตอบ “ข้าเป็นน้องชาย” คาเซชี้มาที่อกตัวเองก่อนยิ้มบางๆ
“ท่านทั้งสองมีมือที่คล้ายกัน” เอรันบอก
“งั้นรึข้าไม่เคยสังเกต” คาเซบอกก่อนยกมือของตนขึ้นมาดู
เอรันหัวเราะเบาๆก่อนชวนคุย “เท่าที่รู้มานอกจากองค์วิรัล ท่านก็มีส่วนช่วยในการกอบกู้นันทานครจากการกบฎครั้งที่แล้วใช่รึไม่”
“ใช่...ข้าช่วยเรื่องการข่าว วางแผน องค์วิรัลดูเรื่องการรบคัดเลือกทหารเราช่วยกัน” คาเซพูดพลางยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงความหลัง
“คาเซเป็นมันสมองของนันทานคร ถ้าไม่มีเขานันทานครคงไม่เป็นปึกแผ่นได้เร็วขนาดนี้” วิรัลพูดขึ้นสายตาคมมองไปที่คาเซอย่างพี่ชายที่ภาคภูมิใจในตัวน้องชาย
“ข้าอิ่มแล้ว ขอตัวไปดูแลพวกแม่ทัพก่อนนะกระหม่อม” คาเซที่อยู่ดีๆก้ขอตัวทำเอาวิรัลเลิกคิ้วแปลกใจแต่ก็พยักหน้าอนุญาติเพราะว่าตอนนี้คาเซคงต้องวิ่งวุ่นกับการดูแลแม่ทัพจากเมืองต่างๆใหนจะเตรียมพิธีทำนายผลการรบของเธราอีก
คาเซลุกขึ้นก่อนทำความเคารพวิรัลเธรา ก่อนกล่าวลาเอรันและทรีสก่อนหันหลังเดินไป
“ถ้าคาเซเป็นน้องท่าน และร่วมก้อบกู้นันทานครกันมา เขาก็มีสิทธิ์ในบัลลังค์แห่งนันทาพอๆกับท่านน่ะสิเพราะข้าพอรู้มาว่าท่านทั้งสองมาจากสนมเหมือนๆกัน” เอรันชวนวิรัลคุยต่อ
วิรัลพยักหน้ารับ
“แล้วทำไมท่านถึงได้เป็นราชาแห่งนันทานครล่ะทำไมถึงไม่ใช่คาเซ” ทรีสถามก่อนมองท่าทางขององค์วิรัล ใบหน้าได้รูปเงยหน้ามองทรีส ก่อนตอบออกมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
“เหล่าเสนาอำมาตย์และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ลงความเห็นกันว่าข้าสมควรขึ้นเป็นราชา”
“แล้วท่านคิดว่าท่านเหมาะสมรึเปล่าล่ะ” เอรันถามก่อนเลิกคิ้วมองวิรัล คำถามที่ทำเอาเธราที่นั่งเงียบมานานเริ่มนั่งไม่ติด
วิรัลหัวเราะเบาๆในคำถามของเอรัน “ไม่ว่าข้าหรือคาเซ ก็ต้องการให้นันทานครเป็นปึกแผ่นมั่นคงอยู่แล้วไม่ว่าใครจะขึ้นเป็นราชาเราก็จะทำเพื่อนันทานครเหมือนกัน” วิรัลตอบก่อนตักอาหารเข้าปากต่อ ท่าทางสบายๆของวิรัลทำเอาเธราโล่งใจเพราะกลัวว่าคำถามของเอรันจะทำเอามื้อเช้ากร่อยถ้าวิรัลโมโห
แต่แล้วคุชที่นำข่าวบางอย่างเข้ามารายงานก็เรียกความสนใจของคนที่กำลังกินมือเช้าได้ทันที
“มีอะไรกัน” วิรัลถามออกไปเมื่อเห็นว่าแม่ทัพฝ่ายซ้ายของตนดูจะมีเรื่องสำคัญ
“มี...มีคนขอเข้าเฝ้าพระองค์กระหม่อม” คุชบอกก่อนด้วยท่าทีตื่นเต้น
“ใครอีกล่ะ” วิรัลถามออกไป
“แหม น้องชายของข้าทำไมถึงถามเหมือนไม่อยากเจอกันแบบนี้ล่ะ ข้าเองพี่ชายของเจ้าไงวิรัล” เสียงยียวนนั้นทำเอาเธราตาโตก่อนหันไปมองวิรัลที่ดูจะคาดไม่ถึงกับผู้มาใหม่เช่นกัน
“ราซีน”....

มาแล้วค่าาาา
ขอให้สนุกนะคะ ทุกอย่างใกล้คลี่คลายถึงจุดจบเต็มที
ฝากติดตาม #วิรัลลืมเมีย ด้วยน้าาาา