คำทำนาย ทายว่าต้องรัก > ตอนพิเศษ ความสุข < [P.21] // [02/10/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คำทำนาย ทายว่าต้องรัก > ตอนพิเศษ ความสุข < [P.21] // [02/10/60]  (อ่าน 214827 ครั้ง)

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
15




            บรรยากาศใกล้รุ่งสาง ทีมงานนับสิบชีวิตต่างพากันเร่งรีบทำงานในส่วนของตนเพื่อเตรียมงาน อัษฎาที่ไม่อยากอยู่เฉยเดินหยิบนั่นหยิบนี่ช่วยเหลือ ความวุ่นวายและเร่งรีบเช่นนี้คล้ายกับย้อนเวลากลับไปตอนทำงานที่บริษัทเก่า งานที่บางครั้งต้องหามรุ่งหามค่ำไม่ได้หลับได้นอน งานที่ทั้งหนักและเหนื่อย เป้าหมายคือเงินสำหรับผ่อนรถ คอนโดรวมทั้งประทังชีวิตของเขาและแฟนคนเก่า

   ภาระมากมายทำให้ไม่มีเวลาเที่ยวเล่นอย่างคนอื่นเขา พอคิดแล้วก็ช่างน่าขัน ทำงานมาหลายปีแต่แทบไม่มีเงินเก็บ นั่นเพราะความโง่เง่าไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม เพราะเชื่อใจมากจึงยอมทุ่มเททุกอย่าง สุดท้ายกลับว่างเปล่าไม่ได้อะไรกลับคืนมา กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นควายโดยสมบูรณ์

   “นึกถึงตอนทำงานในกรุงเทพหรือเปล่า” เพื่อนสาวที่เดินเข้ามาถาม ขณะอัษฎากำลังเก็บน้ำเปล่าลงถังขนาดใหญ่

   “ก็นิดหน่อย ไม่ได้วุ่นวายแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน” ชายหนุ่มตอบพร้อมยิ้ม ดวงตากลมเหม่อมองผู้คนเดินจัดนั่นจัดนี่ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น เพราะอยากได้ภาพบรรยากาศที่แสนสวยของไร่มีด้านหลังเป็นดวงตะวันสีส้มอ่อน

   “ไร่ดอกไม้นี่ก็เหมาะกับแกดีนะ” แอนเอ่ยออกมา

   “เหรอ แต่ฉันก็ช่วยอะไรไม่ค่อยได้หรอก วันๆ ก็คลุกอยู่ที่โรงคัดแยกนู้น”

   “แต่อยู่ที่นี่ แกดูมีความสุข นี่ล่ะที่เหมาะ”

   อัษฎาหันมายิ้มให้เพื่อนสาวคนสนิท ก็เป็นจริงอย่างที่แอนว่า อยู่ที่นี่เขามีความสุข ที่นี่มีทั้งแม่ มีทั้งดอกไม้สวยๆ มีภูเขาห้อมล้อม มีลมเย็นๆ ที่สำคัญ มีชีวิตใหม่ที่เพิ่งเริ่มขึ้น แม้จะขรุขระไปสักหน่อย

   “เร็วๆ พระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว”

       เสียงตะโกนให้เร่งมือทำให้ทั้งคู่ต้องปลีกตัวไปทำหน้าที่ของตัวเอง อัษฎาเดินย้อนกลับไปบนเรือน ตอนนี้เจ้าของไร่ทั้งสามคนกำลังถูกบรรดาช่างแต่งหน้าวาดลวดลายเสริมทรงให้ดูดี เหมือนจะมีคนที่ไม่ค่อยชอบนั่งหน้าบึ้งให้ช่างผมจัดแต่งทรง สายตาคมเหลือบเห็นคนที่เพิ่งเดินขึ้นมาก็ยกมือเรียก

   “หายไปไหนมา” น้ำเสียงไม่พอใจออกจากปากที่เคลือบด้วยลิปมันวาววับ อัษฎาเหล่ตามองช่างทำผมที่แอบยิ้มก่อนจะถลึงตาใส่ใหญ่ อีกเดี๋ยวต้องถูกนำไปพูดต่อแน่นอน ความลับของดารานักร้องก็มักจะหลุดมาจากช่างแต่งหน้าทำผมทั้งนั้น “แน่ะ มาทำตาโตใส่อีก”

   “คุณใหญ่นั่งนิ่งๆ พี่เขาทำผมไม่ได้น่ะเห็นหรือเปล่า” รีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อรู้สึกถูกมอง

   “เออๆ ดุจังวะ” คนไม่อยู่นิ่งนั่งหน้าบึ้ง ไม่สนเสียงขำจากคนด้านหลังที่เล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน

   อัษฎาปลีกตัวเดินไปหาแม่ตัวเองที่นั่งหัวเราะคุณพิกุลที่หมุนซ้ายหมุนขวาอยู่หน้ากระจก คงเพราะตื่นเต้นที่จะได้ออกทีวีกระมัง

   “อัดมาก็ดีแล้ว ช่วยแม่ดูหน่อย แม่ดูดีหรือยัง” คุณพิกุลว่า ก่อนจะหมุนตัวไปมาอีกรอบ เสื้อผ้าฝ้ายสีชมพูสวยกับผ้าถุงลายโบราณดูสวยและมีเสน่ห์ คนถูกเรียกมายกนิ้วโป้งให้เป็นคำตอบ ทำเอาคนไม่ค่อยมั่นใจยิ้มร่า “วันนี้ลูกชายสองคนของฉันก็หล่อมากเหมือนกัน ที่จริงเราน่าจะเข้ากล้องด้วยนะ” คุณนายใหญ่ของที่นี่มองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งสองคนก่อนจะหันมาเอ็ดเบาๆ ให้คนที่ไม่ยอมเข้ากล้อง

   “ไม่เหมาะหรอกครับผมว่า” มันดูไม่เหมาะกับตัวของใหญ่มากกว่า สังคมภายนอกแม้จะมีคนรับได้ แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่จะรับไม่ได้หากรู้ว่าเจ้าของไร่แต่งงานอยู่กินกับเพศเดียวกัน ซึ่งสังคมแบบนั้นอัษฎาเคยผ่านมาก่อนและเจ็บปวดทุกครั้ง ยามที่ถูกแฟนเก่าแนะนำว่าเขาคือเพื่อนเพื่อรักษาหน้าตา

   “เตรียมตัวเลยค่ะ เดี๋ยวจะเริ่มถ่ายทำแล้ว” ทีมงานสาวสวมหูฟังอันใหญ่เดินเข้ามาบอก “เดี๋ยวเราจะเริ่มถ่ายจากที่ระเบียงก่อนนะคะ จะให้เห็นพระอาทิตย์ด้วย”


   ดวงตะวันสีส้มกำลังโผล่พ้นก้อนเมฆใหญ่เพียงเสี้ยว แต่แสงสว่างกลับส่องประกายทำให้ไร่ทั้งไร่สวยงามอย่างกับมีเวทมนต์ น้ำค้างที่เกาะอยู่ตามดอกไม้ ใบไม้ยามกระทบกับแสงแดดอุ่นส่องประกายแวววาว หัวหน้าทีมงานหรือผู้กำกับถึงกับเอ่ยชมออกมาเมื่อได้เก็บภาพสวยๆ สมใจ

   กองถ่ายพากันขึ้นเรือนเพื่อทำการเปิดตัวเจ้าของไร่พิกุลจันทร์หอม แม้ตอนแรกจะดูวุ่นวายเพราะเจ้าของไร่ทั้งสาม โดยเฉพาะใหญ่มีความแข็งกระด้างคล้ายกับโรบอตในการตอบคำถาม ซึ่งกว่าจะผ่านมาได้ก็เหนื่อยเอาการ

   “คุณใหญ่พูดแบบปกติสิ” อัษฎาเดินเข้ามาเช็ดเหงื่อเม็ดเป้งที่ผุดตามไรผม ตอนนี้กองถ่ายพากันลงไปถ่ายทำต่อในไร่ คนที่พูดไม่ปกติหันมาจ้องตาขวาง

   “ปกติที่สุดแล้ว” อยากจะขันแต่ก็พอเข้าใจ คนเพิ่งเคยเจอกล้อง เจอผู้คนมากมายแถมยังต้องพูดตามสคริปอีก มันยากสำหรับมือใหม่ “เมื่อไหร่จะเสร็จวะเนี่ย” ใหญ่ทำหน้าง้ำงอไม่พอใจ

   “อีกแป๊บเดียวก็เสร็จ ถ้าคุณใหญ่ไม่ทำให้เขาต้องถ่ายหลายครั้งแบบเมื่อตะกี้” อัษฎาว่าแล้วขำออกมา ก่อนจะดึงมือหนาไว้ “คุณใหญ่ต้องปล่อยตัวตามสบาย คิดซะว่ากล้องก็คือลูกค้าที่เข้ามาดูดอกไม้ในไร่ คุณใหญ่ก็อธิบายไปในแบบของคุณใหญ่ ไอ้สคริปนั่นมันแค่นำทางไม่ให้คำถามหรือคำตอบที่ตกลงกันมันเลยเถิด”

   “นายเชื่อว่าฉันจะทำได้งั้นหรือ” ดวงตาคมจ้องคนตรงหน้านิ่ง

   “เชื่อสิ” คนเชื่อตอบพร้อมรอยยิ้ม

   ไม่มีคำพูดหรือรอยยิ้มตอบกลับ ใหญ่เดินเข้าไปหาน้องชายที่ยืนคุยรายละเอียดต่างๆ สีหน้าและท่าทางดูไม่ขัดเขินเหมือนตอนแรก

   “หล่อนะเนี่ย แฟนแก” แอนเดินเลียบๆ เคียงๆ เข้ามาเอ่ยแซว “ชักอิจฉาซะแล้วสิ”

   “แฟนแกก็หล่อจะตาย”

   “หล่อไม่เท่าคุณใหญ่ของแกหรอกน่า” ว่าเสร็จก็เดินแยกไป ทิ้งให้คนมีแฟนหล่อกว่ายืนเขินอยู่กับที่



   การถ่ายทำดูจะราบรื่นขึ้นมาก ใหญ่พูดเป็นตัวเองจนทีมงานแปลกใจเพราะช่างแตกต่างจากตอนถ่ายทำบนเรือน การเล่าความเป็นมาในไร่ก็ดูจะลื่นไหล เนื้อหาในสคริปมีครบถ้วนแต่ถูกเปลี่ยนคำพูดให้ออกมาในตัวตนของตัวเอง

   ผ่านไปครึ่งวันการทำงานค่อนข้างเป็นไปได้สวย แทบไม่มีอะไรติดขัดอีก เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ทุกคนต่างก็กรูไปยังลานกว้างใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ถูกจัดเป็นที่รับประทานอาหาร บนโต๊ะมีอาหารหลากชนิดให้เลือก ซึ่งแต่ละอย่างก็ค่อยๆ หมดลงเพราะความอร่อย

   “ทำงานที่นี่มีความสุขจริงๆ นะครับ” หัวหน้าทีมเอ่ยออกมาหลังจากจัดการข้าวพูนจานหมด

   “น้ำหนักต้องขึ้นแน่เลย หนูกำลังไดเอตอยู่นะคะเนี่ย” ผู้ช่วยสาวเอ่ยเสริม

   “แค่พวกคุณชอบ ทางเราก็ดีใจมากแล้วค่ะ” คุณพิกุลเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม

   ทุกคนดูจะชื่นชอบที่มีอย่างมาก การทำงานวันนี้ทุกคนเลยมีแต่รอยยิ้ม พอรู้ตัวอีกทีก็ถ่ายทำเสร็จหมดแล้ว ทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เหลือเพียงแค่ตัดต่อแล้วก็ส่งสถานีโทรทัศน์เป็นอันจบ

   “ไวน์ที่นี่อร่อยมากจริงๆ” โปรดิวเซอร์รายการติดใจขอซื้อกลับติดมือไปหลายขวด

   “ขอบคุณครับ แต่กว่าจะได้รสชาตินี้ก็นานพอดูเหมือนกัน” ใหญ่ที่เริ่มเป็นมิตรกับทุกคนพูดจายิ้มแย้มทำให้มีสาวๆ กล้าเข้าหาพูดคุยมากขึ้น

   “คุกกี้องุ่นก็อร่อยค่ะ พายด้วย ขนมอร่อยหมดเลย”

   “ดอกไม้ก็สวย บรรยากาศก็ดี อาหาร ขนม เครื่องดื่ม อร่อยหมดทุกอย่าง ไว้ว่างๆ พวกเราจะขอมาพักอีกได้หรือเปล่าคะ”

   “ได้สิครับ ไร่ของเรายินดีต้อนรับ”

   “แหม คุณใหญ่หล่อแบบนี้ มีแฟนหรือยังคะเนี่ย” น้ำเสียงหยอกเอินของสาวๆ ทำเอาใหญ่ยิ้มแล้วปรายตามองคนที่นั่งคุยกับเพื่อนสนิทอยู่ไม่ไกล

   “มีแล้วครับ” คำตอบช่างดูหนักแน่นจนสาวๆ ร้องเสียดายออกมา

   “แล้วคุณเล็กมีแฟนหรือยังคะ” พอคนพี่ไม่ได้ คนน้องก็ยังมี

   “มีลูกแล้วครับ” คล้ายกับตัดโอกาส คนถามถึงแกล้งเบ้หน้าจะร้องไห้ สร้างความขบขันยามคลายเหนื่อยหลังจากทำงานอย่างหนักมาทั้งวัน



   เมื่ออุปกรณ์ทุกอย่างถูกเก็บเรียบร้อย คราวนี้ก็ถึงเวลาฉลอง เป็นโชคดีที่คราวนี้ทีมงานแทบไม่ต้องเตรียมอะไรเลย เพราะไร่นี้จัดของทุกอย่างให้เสร็จสรรพ ขนาดบาร์บีคิวยังเสียบไว้รอกล่องใหญ่

   ที่ว่างข้างๆ ลานกางเต็นท์ถูกจัดเตรียมสำหรับก่อกองไฟและปาร์ตี้บาร์บีคิว บรรดาทีมงานต่างพากันสนุกสนานรื้นเริง แม้จะไร้แอลกอฮอล์ แต่มีคนหนึ่งที่ไม่สนุกด้วย เจ้าของไร่นั่งหน้าบึ้งหลังจากยิ้มแย้มกับสาวๆ ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา สาเหตุเพราะมีคนมาเพิ่มอีกหนึ่งคน ที่สำคัญ ตอนนี้กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับคนของเขาอีก

   “พี่ใหญ่มองอะไร”

   “มองเมีย” ใหญ่ปรายตามองน้องชายที่แกล้งเข้ามาถาม พอได้ยินก็หัวเราะร่วน “อยากได้ยินแบบนี้ไม่ใช่หรือไง”

   “หวงขนาดนี้ก็เดินไปบอกเลยว่าอัดเป็นเมียพี่น่ะ” เล็กแกล้งยุแหย่ เพราะยังไงซะ พี่ชายของเขาก็คงไม่กล้า ก็ท่ามากออกอย่างนี้ โดนแย่งไปแล้วจะรู้สึก

   ขณะเล็กกำลังจะกัดหมูบาร์บีคิวในมือ ดวงตารีเบิกโตขึ้นเมื่อพี่ชายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สีหน้าและแววตาดูมุ่งมั่นยามมองไปทางกลุ่มที่กำลังหัวเราะอย่างสนุกสนาน ที่สำคัญ เรียกอัษฎาว่าเมียได้เต็มปากเต็มคำ เอาแล้วไง พี่ใหญ่เอาจริงแล้ว

   กลุ่มคนที่หัวเราะเพราะเรื่องตลกของเจ้าของร้านอาหารไม่ทันมองใหญ่ที่เดินตรงเข้ามาหา กว่าจะรู้ก็ตอนนี้ร่างกำยำเบียดแทรกที่ว่างระหว่างอัษฎากับทัศนัย สาวๆ ที่นั่งรายล้อมต่างชักชวนให้อยู่ฟังเรื่องสนุก จะมีก็แต่คนที่ถูกเบียดเริ่มทำหน้ามุ่ย อัษฎายื่นหน้าไปกระซิบถาม

   “คุณใหญ่มาเบียดทำไม ที่อื่นก็มีทำไมไม่ไปนั่ง”

   “ก็อยากนั่งตรงนี้” ตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้มให้สาวๆ ใจเต้น “ขอโทษนะครับที่วันนี้ไม่มีแอลกอฮอล์”
 
   “ดีแล้วค่ะ เที่ยวแบบนี้มีเหล้าคงไม่ดี” หนึ่งสาวที่ดูจะหลงเสน่ห์หนุ่มบ้านป่ามองอย่างเคลิบเคลิ้ม ไม่อยากจะเชื่อว่าในป่าในเขาจะมีคนหล่อแบบนี้อาศัยอยู่

   “คุณใหญ่ทานบาร์บีคิวไหมคะ” เพื่อนสนิทของอัษฎายื่นจานบาร์บีคิวให้ แต่ชายหนุ่มคลอนศีรษะเชิงปฏิเสธ

   “ตามสบายเลยครับ ผมอิ่มแล้ว”

   “อยากรู้จังว่าแฟนของคุณใหญ่เป็นใคร อิจฉาจริงๆ”

   และยังมีอีกหลายเสียงที่เสียดายความไม่โสดของเจ้าของไร่ทั้งพี่ ทั้งน้อง

   “นั่นน่ะสิ อิจฉาแฟนของคุณใหญ่จริงๆ เนอะ” อัษฎาถลึงตาให้เพื่อนสนิทที่ใช้ข้อศอกสะกิดยิกๆ

   ตอนนี้ความสนุกของทัศนัยชักจะกร่อย ไม่คิดว่าใหญ่จะมาเบียดแล้วนั่งแทรกไม่ลุกไปไหน แล้วพอเขาจะคุยกับอัษฎาก็มักจะโดนคนนั่งขวางขัดอยู่ตลอด ทั้งที่วันนี้คิดจะมาทำคะแนนสักหน่อย เลยกลายเป็นว่าถูกกันไว้ซะหมด

   “คุณทัศนัยเติมน้ำหรือเปล่าครับ” กำลังท้อใจอยู่รู้สึกมีแรงเมื่อได้ยินเสียงใสเอ่ยถาม เจ้าของร้านอาหารรีบชะโงกหน้าให้พ้นคนตัวใหญ่ที่คอยขวางอยู่ตลอด แม้จะใช้ความพยายามอย่างมากแต่ก็คุ้มที่ได้เห็นหน้าอัษฎาอีกครั้ง

   “ขอบคุณครับ” เอ่ยพร้อมรอยยิ้มหวานก่อนจะหุบฉับพลันเมื่อมีใบหน้าอื่นยื่นมาคั้น แม้เจ้าของใบหน้าจะฉีกยิ้มแต่ดวงตานั้นกำลังขู่เอาเรื่องอยู่

   อัษฎายื่นมือผ่านใหญ่ไปหยิบแก้วน้ำที่หมดค่อนแก้ว น้ำมะตูมหอมๆ ถูกเทลงไปจนเต็ม อากาศยามดึกเช่นนี้ต้องมีเครื่องดื่มอุ่นๆ ไว้คลายความหนาว มือเรียวกำลังจะยื่นส่งคืนเจ้าของแก้ว หากมีมือคนนั่งคั่นกลางคว้าไปซะก่อน ทัศนัยหน้าเสียทันทีเมื่อได้รับแก้วน้ำจากใหญ่

   “ดื่มเยอะๆ นะครับ” น้ำเสียงปกติแต่สายตาไม่ใช่

   “ขอบคุณครับ” แม้จะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจแต่ไม่กล้าขอตัวกลับ ทัศนัยยกน้ำขึ้นจิบ รู้สึกไม่ได้ดั่งใจสักนิด

   กองไฟที่กำลังลุกโหมสร้างความอบอุ่นให้คลายหนาว ยิ่งมีเสียงดีดกีต้าร์เบาๆ เคล้าเสียงร้องเพลงเพราะๆ ยิ่งทำให้เพลิดเพลิน อัษฎามองดูบรรยากาศรอบตัวด้วยความสุข ดวงตากลมหันไปเจอคนที่ดูมีความทุกข์นั่งอยู่เพียงลำพัง

   “จะไปไหน” ทันทีที่ลุกขึ้นยืน ใหญ่รีบคว้าข้อมือไว้แล้วถามออกมา

   “ไปหาคุณเล็ก” อัษฎาก้มหน้ากระซิบชิดใบหู เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังให้ความสนใจเสียงดนตรีอย่างไพเราะ “เดี๋ยวผมมา”

   เมื่อมือที่ถูกกำคลายออก อัษฎาค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปหาคนที่นั่งมองเหม่ออยู่คนเดียว ขนาดมีคนเดินมาใกล้ เล็กยังไม่รู้สึกตัว จนถูกสะกิดถึงได้หันกลับมามอง

   “เป็นอะไรหรือครับคุณเล็ก” คนเป็นห่วงนั่งลงข้างๆ

   “คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละครับ” เล็กตอบ “แล้วพี่ใหญ่ล่ะ”

   “นั่งอยู่กับสาวๆ นั่นแหละครับ” อัษฎาชี้ไปทางใหญ่ที่ตอนนี้มีสาวมานั่งที่แทนเขาเรียบร้อย “คุณเล็กมีอะไรให้ผมช่วย บอกมาได้เลยนะครับ”

   “ผมจะไปมีเรื่องอะไรให้อัดช่วยล่ะ” เล็กทำเป็นหัวเราะแล้วมองคนเล่นดนตรีกลบเกลื่อน

   “ก็เรื่องของคุณแคท” พอได้ยินชื่อนี้หลุดออกมา รอยยิ้มที่แสร้งขึ้นค่อยๆ หุบลงจนกลายเป็นนิ่ง เล็กหันมามองพี่สะใภ้ช้าๆ ด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความทุกข์อย่างไม่ปิดบัง “หากคุณเล็กต้องการให้ผมช่วย ผมยินดีเสมอนะครับ”

   “ขอบคุณครับ” เล็กมองมือนุ่มที่ยื่นมาจับมือเพื่อปลอบ

   “เรื่องบางเรื่อง เก็บไว้คนเดียวมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย หากคุณเล็กไว้ใจผมเมื่อไหร่ ผมพร้อมจะเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ” รอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาทำให้คนทุกข์ใจมีรอยยิ้มอีกครั้ง

   “ขอบคุณจริงๆ มีพี่สะใภ้ดีมันเป็นแบบนี้นี่เอง” แม้จะเศร้า แต่ก็ยังแกล้งแหย่ได้ อัษฎาหน้าตูมทันทีที่ถูกล้อ “พี่ใหญ่ท่ามากไปอย่างนั้นเอง ที่จริง หวงอัดจะตาย” คนถูกหวงทำท่าไม่เชื่อ เล็กเลยพยักพเยิดหน้าไปทางกลุ่มที่อัษฎาเพิ่งลุกมา ตอนนี้ใหญ่กำลังจ้องมาทางนี้อย่างไม่วางตา

   “คุณใหญ่เขาอาจจะห่วงคุณเล็ก”

   “พนันกันไหมล่ะครับ ว่าห่วงผม หรือหวงอัด”

   ไม่ทันคาดคิด แค่เล็กดึงอัษฎามานั่งเก้าอี้เดียวกัน คนที่นั่งจ้องอยู่ถึงกับลุกออกจากวงสนทนาแล้วตรงเข้ามาหาทันที ดวงตาคมมองจ้องน้องชายอย่างเอาเรื่อง

   “เห็นไหมล่ะ” เล็กรีบกระซิบข้างใบหูขาวก่อนจะถูกพี่ชายดึงแขนให้ลุกขึ้นยืน “อะไรเนี่ยพี่ใหญ่” แกล้งโวยวายแต่ริมฝีปากมีรอยยิ้ม

   “ไปคุยกับพวกเขาสิ แกอยู่ฝ่ายประสานงานไม่ใช่หรือ”

   ทำมาเป็นไล่ เล็กขำท่าทางของพี่ชายที่ออกอาการขนาดนี้

   “เดี๋ยวผมไปเองก็ได้ คุณใหญ่กับคุณเล็กนั่งคุยกันเถอะครับ” คนตั้งใจดีกำลังจะหมุนตัว พอดีกับมีมือกร้านคว้าหมับเข้าที่แขน

   “ให้ไอ้เล็กไปถูกแล้ว นายนั่งที่นี่นั่นแหละ” คำสั่งกลายๆ จากปาก แต่ดวงตาบังคับให้อัษฎานั่งลง

   “รู้แล้วๆ ผมไปเอง อัดนั่งกับพี่ใหญ่นี่แหละ เดี๋ยวลมพัดหึงจะกำเริบ” เล็กรีบหลบหน้าแข้งพี่ชายที่ยกจะหวดก้น ก่อนเดินไปนั่งแทนที่พี่ชายตัวเองในวงล้อมของสาวๆ

   “มองอะไร” เมื่อน้องชายไปแล้ว ใหญ่จึงหันมาสนใจคนที่นั่งอยู่เก้าอี้ข้างๆ ดูเหมือนว่า อัษฎากำลังมองหาอะไรสักอย่าง

   “ก็คุณทัศนัย ไม่รู้ไปที่ไหนแล้ว” วงล้อมที่เล็กไปนั่งมีแต่สาวๆ ทั้งที่ตอนใหญ่ลุกมายังเห็นทัศนัยนั่นอยู่

   “จะไปมองหามันทำไม” แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกไม่ชอบใจ ใหญ่นั่งหน้านิ่วยกแขนขึ้นกอดอก เขานั่งนี่อยู่ทั้งคนยังมองหาคนอื่นอีก

   “มองหาเฉยๆ ไม่ได้หรือครับ”

   “ไม่ได้”

   เสียงปฏิเสธแทบจะทันทีที่ถูกถาม อัษฎายิ้มออกมาให้คนท่ามาก

   “คุณใหญ่หึงผมหรือ”

   “ใครหึง ไม่ได้หึง”

   “เหรอครับ”

   อยากจะขำกับท่าทางคนไม่ได้หึง ใหญ่กรอกสายตาไปมาคล้ายคนกำลังโกหก ดวงตาคมก็ไม่ยอมหันมามอง อาการแบบนี้มีพิรุธเห็นๆ

   “เมื่อกี้คุยอะไรกับเพื่อนนาย ได้ยินทำงานกรุงเทพอะไร” หลังจากเงียบไปนาน ใหญ่ก็เอ่ยถามออกมา ตอนแรกว่าจะถามตั้งแต่ได้ยินใหม่ๆ แต่พอมีทัศนัยคอยพยายามจะยิ้มให้คนของเขาทำให้สมองลืมคำถามทุกอย่างไปเสียหมด

   “อ๋อ พอดีเพื่อนผมชวนไปทำงานด้วยน่ะครับ” อัษฎาละความสนใจจากเสียงเพลงหันกลับมามองคนที่นั่งจ้องอยู่ “ก็ทำงานกับทีมนี้แหละครับ”

   “แล้วนายตอบว่าไง” ดูใหญ่จะสนใจเป็นพิเศษ จากท่านั่งสบายๆ ตอนนี้ขยับมายืดตัวตรง ดวงตาคมจ้องไม่กระพริบ อีกทั้งคิ้วยังขมวดคล้ายกับรอลุ้นคำตอบที่กำลังจะได้ยิน

   “ก็...”

   “ก็อะไร”

   “ขอคิดดูก่อน”

   “จะไปคิดทำไมวะ”

   คำตอบที่ได้ดูไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่ ใหญ่หน้าบึ้งกว่าเดิม แถมยังลุกเดินไปทางเรือนแล้ว อัษฎามองตามด้วยความมึนงง ก็แค่คำตอบแบบขอไปทีไม่ได้จะตกลงสักหน่อย ทำไมต้องโมโหซะเว่อร์ขนาดนั้น

   คนเดินขึ้นเรือนลงส้นเท้าจนคุณพิกุลที่กำลังจะปิดประตูห้องตกใจ อีกอย่างนี่เป็นเรือนไม้ เดินเช่นนี้ก็สะเทือนไปทั้งบ้าน ใหญ่ทิ้งตัวนั่งเก้าอี้นวมหน้าทีวี ในใจกำลังสับสนกับสิ่งที่ได้ยิน อัษฎากำลังคิดจะกลับไปอยู่กรุงเทพงั้นหรือ ได้เขาแล้วจะทิ้งหรือนี่ ช่างเป็นคนนิสัยไม่ดีเอาเสียเลย ความรู้สึกตอนนี้ไม่ใช่โกรธ ไม่ใช่โมโห แล้วมันคืออะไรกันแน่

   “เป็นอะไรของเราน่ะ” คุณพิกุลยกมือลูบศีรษะลูกชายด้วยความเป็นห่วง พอเห็นใหญ่ทำหน้าเคร่งเครียดคำติติงที่ตั้งใจไว้ก็มลายหายไป

   “เปล่าครับ”

   “เปล่าแล้วทำหน้าบึ้งทำไม หรืองานไม่สนุกล่ะถึงขึ้นเรือนมาก่อน”

   “แค่เบื่อๆ”

   คุณพิกุลขำคำตอบของลูกชายคนโต ทั้งที่ตอนหัวค่ำยังตามติดอัษฎาอยู่เลย แล้วไหงตอนนี้บอกเบื่อเช่นนี้ สงสัยคงถูกทำอะไรขัดใจมาถึงหน้าบึ้งมาแบบนี้

   “เบื่องานหรือเบื่ออะไร”

   “ทุกอย่าง”

   “งั้นหรือ”

   น้ำเสียงของแม่คล้ายกับรู้ทันความคิดภายในใจ ใหญ่จึงรีบเปลี่ยนประเด็นเป็นเรื่องอื่นทันทีเพื่อกลบเกลื่อน

   “อาทิตย์นี้ตาต้นไม่ได้กลับหรือครับ”

   “แม่เห็นว่าเราจะยุ่งเลยไม่ได้รับกลับมา แต่แม่ก็อธิบายจนแกเข้าใจแล้วล่ะ”

   ต้น ลูกชายคนเดียวของเล็กอยู่โรงเรียนประจำในตัวจังหวัด ทุกวันศุกร์คุณพิกุลจะไปรับหลานชายมาอยู่ที่รีสอร์ทด้วย หากวันไหนหลานบ่นคิดถึงพ่อถึงจะพามาที่ไร่

   “อัษฎาเขาเจอแคทที่ในตัวเมือง แสดงว่าเธอไม่ได้หนีไปไกลเลย”

   “ทั้งที่เราพยายามตามหาแทบตายแต่ทำไมถึงไม่เคยเจอนะ” คุณพิกุลทำหน้าหนักใจ “แล้วตาอัดไปเจอได้ยังไง อีกอย่างตาเล็กว่ายังไงบ้างล่ะ”

   “อัษฎาใช้เบอร์ของแคทโทรเรียกคนงานให้ไปรับครับ เจ้าเล็กคงไปเห็นเข้าเลยมาคาดคั้นซะยกใหญ่ เห็นว่าแคทไม่ถามถึงมันสักคำ”

   “มิน่า ถึงดูเศร้าพิกล” ใช่ว่าคุณพิกุลจะไม่สังเกตลูกชาย วันสองวันมานี้ ลูกชายคนรองดูเศร้าซึมกว่าทุกที “แล้วจะทำยังไงต่อล่ะ ตอนนี้ฝ่ายนั้นก็ไม่โทรมาขอตาต้นแล้วนี่”

   “ไม่รู้สิครับ”

   “ใหญ่ต้องช่วยน้องนะลูก แม่สงสารน้อง ไม่อยากให้เล็กกลับไปติดเหล้าเหมือนแต่ก่อน” ใบหน้าเศร้าหมองของแม่ทำให้ใหญ่ยื่นมือไปจับ มุมปากมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา

   “ครับ ผมจะลองไปตามหาแล้วคุยกับเธอดู”

   สองแม่ลูกกอดกันกลมจนมีเสียงฝีเท้าเดินมาถึงผละออกจากกัน อัษฎาโค้งศีรษะเชิงขอโทษที่มาขัด คุณพิกุลยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นอาการลูกชายคนโต

   “ไม่เป็นไร แม่จะเข้าไปนอนแล้ว ฝากดูแล...ให้เรียบร้อยนะ” ประโยคที่เว้นหายไปแต่ใช้สายตาบอกแทน อัษฎายิ้มแกรนๆ ส่งท้ายให้กับคุณพิกุล

   เสียงประตูลงกลอนดังขึ้น คนที่นั่งหน้าบึ้งก็ลุกขึ้นแล้วก้าวพรวดเข้าห้อง อัษฎามองท่าทางเช่นนั้นด้วยความอ่อนใจ อยากจะรู้จริงๆ ว่าตอนนี้อายุของใหญ่เท่าไหร่กันแน่ สามสิบห้า หรือสิบห้ากันแน่ ถึงได้ขี้งอนเหรอเกิน ขาเรียวเดินตามเข้าไป เจอคนเข้ามาก่อนกำลังถอดเสื้อเตรียมอาบน้ำ

   “งานเลิกแล้วหรือ” แม้จะถาม แต่ไม่มองหน้า

   “ใกล้แล้วครับ คุณเล็กดูแลอยู่” คนถูกถามตอบออกไป

   “นายทัศนัยล่ะ เจอหรือยัง” ไม่อยากจะพูดชื่อนี้สักนิด แต่ก็อดจะว่าไม่ได้ ชื่อนี้นั่นแหละที่ทำให้โมโหแล้วขึ้นมาปรับอารมณ์บนเรือน

   อัษฎาเลิกคิ้วมองคนถามนิดๆ ไม่คิดว่าจะได้ยิน คงเป็นอย่างที่เล็กว่า หึงแต่ไม่ยอมรับความจริง พอเห็นแบบนี้แล้วก็สนุกดีเหมือนกัน หากได้แกล้งสักนิดสักหน่อย

   “เจอแล้วครับ ไปส่งที่รถเสร็จก็เลยขึ้นมา” พูดไปเพื่อยั่วเท่านั้น ทั้งที่จริงบอกลากันตั้งแต่ใหญ่ขึ้นเรือน ทัศนัยก็เดินมาขอตัวกลับ รวมๆ แล้วก็เกือบครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้

   พอได้ยิน เสื้อที่ยังถอดคาอยู่ที่คอถูกดึงออกแล้วเหวี่ยงไม่รู้ทาง เจ้าของเสื้อเดินตาวาวเข้ามาหาจนอัษฎาต้องถอยหลังหนี ท่าทางเอาเรื่องราวกับโกรธแค้นแสดงออกทางสายตา

   “ไปส่งมันทำไม หรืออยากไปกับมันด้วย” เสียงพูดกึ่งตะคอกชักจะไม่รู้สึกสนุกซะแล้ว อัษฎาที่ถูกดันจนหลังติดประตูยกมือขึ้นดันแผ่นอกกว้างออก แต่ข้อมือกลับถูกยึดไว้แน่น “ฉันถาม”

   “ผมล้อเล่น เขากลับไปตั้งนานแล้ว” รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ข้อมือจนต้องนิ่วหน้า

   “ฉันไม่ชอบคนล้อเล่น” เสียงพูดกัดฟันจนคนอยากแกล้งหน้าหงอยอย่างคนรู้สึกผิด

   “ขอโทษครับ”

   ใหญ่ปล่อยแขนที่จับไว้ลง ก่อนเดินปึงปังเข้าห้องน้ำอย่างไว อารมณ์โมโหตอนนี้มันพุ่งสูงจนอยากได้อะไรเย็นๆ มาดับ ไม่อย่างนั้นคนด้านนอกที่ยืนเบ้หน้าร้องไห้คงจะถูกพายุเดือดพัดเข้าใส่อีกแน่

        น้ำเย็นจัดยามถูกผิวกายรู้สึกยะเยือก หากมันดับความรุ่มร้อนภายในใจได้เป็นอย่างดี หลังจากได้ยินประโยคนั้นใหญ่รู้สึกเหมือนภูเขาไฟในหัวกำลังปะทุขึ้นมาจนอยากจะระเบิด แต่พอดวงตากลมนั่นมีน้ำใสๆ คลอขึ้นมาลาวาที่พร้อมจะพุ่งก็ถูกก้อนอะไรสักอย่างกดทับ เพราะไม่อยากทะเลาะกันอีกจึงเลือกที่จะใช้น้ำเย็นดับความโมโหก่อนออกไปเจอ

   ส่วนอัษฎาทรุดนั่งลงกับพื้นด้วยความตกใจที่ได้เห็นใบหน้าขึงขังยามโกรธก็รู้สึกเสียใจที่ได้พูด แต่จะย้อนกลับไปก็ไม่ได้เสียแล้ว ตอนนี้คงหาวิธีที่จะทำให้คนอาบน้ำอยู่ใจเย็นขึ้นมาบ้าง พอคิดเช่นนั้น ขาเรียวก็วิ่งออกจากห้องไป

   ขณะคนหนึ่งวิ่งออกไป อีกคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็เปิดประตูออกมา ดวงตาคมมองเห็นประตูห้องเปิดออกก็ตกใจ หรือว่าอัษฎาจะกลัวจนวิ่งหนี เมื่อกี้เขายังไม่ได้ตะคอกเสียงดังเลยนะ เอ่อ...เมื่อเทียบกับช่วงแรกๆ หรือจะร้องไห้ไปหานมอิ่ม...ใหญ่เดินรีบออกจากห้องเพื่อไปตามหาคนที่หายไป ทันทีที่ขาเหยียบขั้นบันได คนที่เขาตามหาก็ก้าวขึ้นมาพอดี สายตาสองคู่สบกันนิ่ง
 
   “ไปไหนมา” คนที่ยืนด้านบนถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

   “ไปเอานี่มา” อัษฎาชูแก้วน้ำสีเหลืองใสให้ดู “น้ำเก๊กฮวยจะทำให้คุณใหญ่รู้สึกอารมณ์เย็นขึ้น”

   คนเป็นห่วงขมวดคิ้วจ้องแก้วน้ำในมือขาว นี่อย่าบอกว่าเขาตื่นตูมไปเอง ก็ท่าทางเหมือนจะร้องไห้เมื่อกี้มันทำให้คิดแบบนี้นี่นา

   “อ่าว มายืนท้าลมหนาวอะไรแถวนี้พี่ใหญ่” เสียงจากด้านหลังทำให้สายตาสองคู่ที่สบกันอยู่หันไปมอง เล็กกระพริบตาปริบๆ มองพี่ชาย “แก้ผ้าโชว์สาวหรือ”

   แก้ผ้างั้นหรือ ใหญ่รีบก้มมองร่างตัวเองพร้อมเบิกตาโต เพิ่งจะรู้ว่าทั้งตัวมีแค่ผ้าขนหนูสีขาวพันรอบเอวอย่างหมิ่นเหม่ ก็เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จแล้วก็วิ่งออกมาเลยจนลืมว่ายังไม่ได้แต่งตัว เล็กเห็นพี่ชายทำหน้าตื่นก็สะกิดอัษฎา

   “รีบพาเข้าห้องเถอะ เดี๋ยวก็เป็นหวัด” ใหญ่ไม่รอให้ใครพาเข้าห้อง เพราะตอนนี้ขายาวสาวเท้าเข้าห้องเองเรียบร้อย สร้างรอยยิ้มให้กับคนที่ยังยืนอยู่ด้านนอก “แล้วนี่ เอาน้ำเก๊กฮวยไปไหน”

   “ให้คุณใหญ่น่ะครับ ตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว”

   เล็กขอตัวเข้าห้องนอน ส่วนอัษฎาหลังจากดื่มน้ำเก๊กฮวยจนหมดถึงเดินกลับเข้าห้อง พอเปิดประตูเข้าไป ใหญ่ก็นอนอยู่บนเตียงเรียบร้อย

   “ไหนล่ะน้ำเก๊กฮวย” คนที่ใช้ผ้าห่มคลุมจนเหลือแต่ตาถาม คงจะหนาวหลังเจออากาศเย็น

   “ผมดื่มหมดแล้ว” บอกพร้อมทำตาใส

   “เอามาให้ฉันไม่ใช่หรือ” ใหญ่ขยับลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง

   “ก็คุณใหญ่อารมณ์เย็นขึ้นแล้ว ไม่ต้องกินก็ได้นี่ครับ”

   “แต่นายเอามาให้ฉัน”

   “งั้นเดี๋ยวผมไปเอาให้ใหม่”

   “ไม่ต้องๆ รีบไปอาบน้ำแล้วมานอนเลย ง่วงแล้ว”

   อัษฎาถอนหายใจออกมาเมื่อการเถียงเรื่องน้ำเก๊กฮวยจบลง

   “คุณใหญ่ก็เข้านอนไปก่อนเลย ผมอาบน้ำนาน”

   “ไม่รอหรอกน่า”

   นาฬิกาบนผนังค่อยๆ ขยับไปทีละนิด จนคนในห้องน้ำเดินออกมา มือเรียวเอื้อมปิดไฟแล้วสอดตัวลงนอนในผ้าห่มผืนใหญ่ พยายามจะขยับตัวให้น้อยที่สุดเพราะกลัวคนที่หลับแล้วตื่น ถึงแม้จะขยับตัวเบายังไง คนที่แกล้งทำเป็นหลับก็รู้สึกอยู่ดี เมื่ออัษฎาล้มตัวนอนลง แขนแกร่งก็รีบพาดทันที คนถูกกอดรีบเอี้ยวหน้าไปมองยังเห็นใหญ่นอนหลับตานิ่ง คงจะละเมอคิดว่าเขาเป็นหมอนข้าง เลยปล่อยให้กอดไปอย่างนั้น

   ลมเย็นพัดโชยทั้งคืน คนตัวหอมขยับตัวเข้าหาความอุ่นข้างๆ แขนเรียวสอดเข้าที่เอวหนาแล้วรัดแน่น ดวงตากลมโตถูกเปลือกตาปิดสนิทในยามหลับใหล ต่างจากดวงตาคมที่ยังคอยจ้องมองไม่ยอมหลับตา ใหญ่โน้มหน้าจูบหน้าผากมนเบาๆ แขนที่กอดกระชับร่างผอมจนแนบชิดราวกับหวงแหน...

   “ฉันเป็นของนายแล้ว ห้ามทิ้งขว้างเป็นอันขาด เข้าใจไหม” กระซิบแผ่วเบาชิดใบหู ก่อนจะหลับตาลงในคืนที่แสนอบอุ่น อีกไม่นานคงจะหนีใจตัวเองไม่พ้นจนตองยอมรับออกมาเป็นแน่


...TBC

ประโยคสุดท้ายของลุง เพิ่มความน่าหมั่นไส้ได้จริงๆ ค่า  :katai5:


 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
คุณใหญ่เริ่มน่ารักละ  :hao6:

ออฟไลน์ PIMJOO

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
โอ้ยยยยย เขินลุงงงงงง 555555555 :hao6:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
มันน่าหมั่นไส้จริงๆนั้นแหละ

ออฟไลน์ zeeL

  • ข้าน้อยนามว่าเสี่ยวหลิงลี่เจ้าค่ะ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
หมั่นไส้ใหญ่มากอะ
เล่่นตัวตลอด เฮ้อๆ

ออฟไลน์ Khan_htt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ลุงคนซึนนน หึงก็ยอมรับสิว่าหึง :ling1:

ออฟไลน์ angelhani

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ลุงพูดเหมือนตัวเองเสียสาวเลยนะคะ

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ขี้หึง ขีน้อยใจ ขี้วีน อารมณ์ขึ้นง่ายถ้าเป็นเรื่องของอัทกะคุณทัศนัย

โอ๊ยคุณใหญ่ขา ยอมรับใจตัวเองไปเหอะ เดี๋ยวน้องอัทหนีไปทำงานที่กรุงเทพนะ  :hao3:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
น้านนนน!!! ฉันเป็นของนาย แสดงว่าให้หัวใจกับอัดแล้วสิ ฮ่าๆ รออ่านต่อคับ

ออฟไลน์ Pakeleiei

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 850
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
โอ้ยลุงงงงงง!!!!!!!!!!!!!
หวานก็เป็นง่าาาา :katai5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หวงขนาดนี้ยังจะท่ามากอีกเนอะ

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
 
ฉันเป็นของนายแล้วอย่าทิ้งข้วางเด็ดขาด อั้ยยะลุงเปลี่ยนไป๊ :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

น่ารักขึ้นเรื่อยๆนะลุง

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
โอ้ยคุณใหญ่ สลับบทรึป่าว

น้องต้องพูดสิ โดยเต๊าะไปแล้วน่ะ

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
แคทถามถึงไร่ ถามถึวเล็กหนิ ไม่ใช่หรอ ไมอัดบอะว่าไม่ได้ถามถึง

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
โอ้ยลุง ยังไม่แก่เลย ทำไมอารมณ์แปรปรวนง่ายจัง :z1:
หึงเค้าก็บอกว่าหึงสิ เอ้ออออ ต้องจัดการให้อัดรู้เลยว่าเป็นของเค้าแล้วอ่ะ เป็นยังไง อีกสักทีซิ :hao6:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ก็รีบยอมรับใจตัวเองสักทีเถอะลุงงง รอจนจะแก่ตามลุงไปแล้วเนี่ยย

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
หมั่นไส้อิลุงค่ะ  :beat: <--- อีโมนี้มาตลอด 55555555
จะมีตอนแก้เผ็ดอิลุงไหมคะ? หมั่นนางมานานนนนน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
“ฉันเป็นของนายแล้ว ห้ามทิ้งขว้างเป็นอันขาด เข้าใจไหม”
คุณใหญ่ ทั้งน่ารัก  ทั้งแสนงอน มากมาย
แน่จริงพูดต่อหน้าอัดไปเลย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ monkey_saru

  • ทำไมหัวใจถึงเอียงซ้าย...*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
วันวันนึงลุงแกเปลี่ยนหลายอารมณ์มาก
วัยทองสุดๆ โดยมีตัวแปรสำคัญคือคนที่ได้ลุงแกแล้ว?คิดจะทิ้งลุงแก(ตอนไหน)? 555555

ออฟไลน์ Dolamon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อิคุณใหญ่ แสดงออกซะขนาดนั้นแล้ว


คนอื่นเขาดูออกหมด มีแต่เจ้าตัวทึ่ยังปากแข็ง


 :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
อิลุงท่ามากกกกกกกกก  ล
เล่นใหญ่และมีความโกรธจิงมาก 555555555

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
อ่านทันแล้วจ้า

ชอบความซึนของคุณใหญ๋มากๆ

จะติดตามอ่านต่อไป รอๆ

ออฟไลน์ Asmknrt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ยยย ลุงนี่จะโรแมนติกไปไหนน :hao7:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
16




         เปลือกตาที่ซ่อนดวงตาคมยังปิดสนิท คนที่ตื่นก่อนกำลังจ้องใบหน้ายามหลับสนิทของเจ้าของไร่ นิ้วเรียวสัมผัสอย่างแผ่วเบา เริ่มจากเส้นผมสีดำเข้มชี้ไม่เป็นทรง หน้าผากที่มีความแห้งเพราะไม่ได้บำรุงอะไร ดวงตาคมนัยน์ตาดุราวกับเสือยามที่ถูกจ้องมอง จมูกโด่งเป็นสันสวยได้รูป จนมาถึงริมฝีปากบางที่เคยทำให้หลงใหลในรสสัมผัส นิ้วเรียวยกเหนือริมฝีปากเพราะกลัวเจ้าของจะตื่น

   หล่อเหลาไร้ที่ติจริงๆ

   “จะจ้องอีกนานไหม คิดว่าฉันเขินไม่เป็นอย่างงั้นหรือ”

   เสียงพูดผ่านริมฝีปากทำเอาอัษฎาตกใจจนแทบกลิ้งตกเตียง ยังดีที่มีแขนแกร่งรัดร่างไว้ได้ทัน

   “คุณใหญ่ตื่นนานแล้วหรือ” รู้สึกทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกจับได้เช่นนี้

   “ตั้งแต่นายขยับตัวตื่นนั่นแหละ” แค่คนในอ้อมกอดขยับเพียงนิดเดียว ใหญ่ก็รู้สึกตัวตื่น แต่อยากจะดูว่า คนในอ้อมกอดนี้จะทำอย่างไรบ้าง

   “ตื่นแล้วก็ลืมตาสิ” พูดไม่ทันจบดี ดวงตาคมก็ลืมพรึบขึ้นมา คนท้าเผลอจ้องอย่างตกใจ “เอ่อ ผมไปอาบน้ำดีกว่า” ว่าแล้วก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำด้วยความเร็ว

   ใหญ่ยังนอนอยู่บนเตียง มุมปากมีรอยยิ้มฉายออกมา รู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะกลิ่นหอมจากร่างผอมคล้ายกับยานอนหลับ ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมาเขานอนหลับสนิท หากเมื่อกี้อัษฎาไม่ขยับตัวละก็ เขาอาจจะยังไม่ตื่นก็ได้ ใหญ่พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงไม่อยากจะลุก จมูกโด่งหยุดสูดดมผ้าปูที่นอนที่ยังมีกลิ่นกายหอมของเจ้าตัวฝากทิ้งเอาไว้...

   ด้านคนที่เข้าห้องน้ำ อัษฎายกมือกุมหัวใจตัวเองที่เต้นระรัวยามเผลอสบตาคมคู่นั้น นัยน์ตาที่สั่นไหวมีภาพเขาอยู่ แม้จะเพียงชั่วครู่แต่ก็ทำให้รู้สึกใจเต้น อัษฎาพยายามควบคุมสติแล้วยิ้มให้กับกระจก แม้จะดูคิดไปเองสักหน่อย แต่ความรู้สึกบางอย่างบ่งบอกว่า ในไม่ช้า ใหญ่ต้องชอบเขา อย่างที่เขาชอบใหญ่ไปแล้ว

   ขาเรียวก้าวออกจากห้องน้ำหยุดกึกหน้าประตูเมื่อเจอร่างกำยำที่ถอดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ

   “ผมรู้ว่าคุณใหญ่ไม่อาย แต่ผมอายแทน”

   อัษฎาหน้าร้อนทันทีที่คนหน้าไม่อายถอดชุดออกจนหมด สภาพตอนนี้เรียกได้ว่าล่อนจ้อนเลยทีเดียว ใหญ่ทำลอยหน้าลอยตาเดินเบียดคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ และไม่ลืมก้มลงมากระซิบข้างใบหูขาวเบาๆ พร้อมขยิบทำตาเจ้าชู้ใส่

   “อย่างกับไม่เคยเห็น”

   คนยืนหน้าห้องน้ำยกมือจับแก้มร้อนสองข้างแน่นเมื่อคนอารมณ์ดีผิวปากร้องเพลงเข้าห้องน้ำไปแล้ว นี่ใหญ่ทำให้เขาหวั่นไหวเกินไป อัษฎาสูดอากาศหลายเฮือกแล้วเดินออกมาด้านนอก ทีมงานจากกรุงเทพบางคนขึ้นมาจิบชาและกาแฟหอมๆ บนเรือน บ้างก็ยังไม่ตื่น

   “ตื่นเช้าจังเลยนะครับ” อัษฎาเอ่ยทักหัวหน้าทีมงานหรือตำแหน่งโปรดิวเซอร์ของรายการ ชายหนุ่มซึ่งเป็นญาติกับทัศนัยยิ้มทักทาย

   “คงชินนั่นแหละครับ งานผมมันไม่เป็นเวลา” หัวหน้าทีมบอกก่อนหัวเราะเบาๆ “ได้ยินจากแอนว่าคุณเคยทำบริษัทฟรีแลนซ์ในกรุงเทพหรือครับ”

   “ครับ” เพื่อนสาวคงไปคุยอะไรมาแน่ มิน่าถึงได้เอ่ยชวนให้ไปทำงานด้วย

   “มิน่า เมื่อวานถึงช่วยงานได้เยอะทีเดียว แถมเก่งซะด้วย”

   “ไม่หรอกครับ ผมแค่อยากให้งานออกมาดีมากกว่า”

   “คนเก่งมักถ่อมตัวเสมอ ผมชอบคุณนะ ถ้าอยากทำงานเมื่อไหร่ ติดต่อไปได้เลย”

   “ขอบคุณครับ”

   บทสนทนามากมายเมื่อสักครู่ ดูจะไม่เข้าหูคนที่เพิ่งเดินออกมา นอกจากประโยคเดียวที่ถูกฉายซ้ำไปมาว่า ผมชอบคุณ ใหญ่ขมวดคิ้วเตรียมเดินเข้าไปหา หากถูกแม่ที่เพิ่งออกจากห้องเรียกไว้ซะก่อน หน้าหล่อบึ้งตึงจนคนเรียกแปลกใจ คุณพิกุลมองตามสายตาของลูกชายคนโตก่อนจะพยักหน้ารับรู้ถึงสาเหตุ

   “หึงหรือเรา”

         ถามออกมาทั้งๆ ที่รู้คำตอบในใจ แต่คุณพิกุลแค่อยากได้ยินคำยืนยันเท่านั้นเอง แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อคำตอบที่ออกมาจากลูกชายไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้

   “เปล่าครับ”

   “งั้นหรือ”

   คุณพิกุลอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง คนบอกไม่ได้หึงแต่ตาดุนั่นเบิกโตแทบจะหลุดออกจากเบ้าอยู่หลายครั้ง แล้วดูจ้องคนไม่วางตาขนาดนี้ยังจะบอกเปล่าอีก เบื่อจริงพวกปากไม่ตรงกับใจ

   “ทำไมพวกเขายังไม่กลับอีกครับ” น้ำเสียงห้วนๆ เอ่ยขึ้น ทำไมรู้สึกขวางหูขวางตา ทั้งที่วันนี้ตื่นมาด้วยความสดชื่นแล้วแท้ๆ
 
   “ก็นี่มันเช้าอยู่ สายๆ คงออกเดินทางแล้ว จะไล่พวกเขาแล้วรึ” พยายามอย่างที่สุดแล้วในการกลั้นขำ แต่ก็ยังมีเล็ดลอดให้ได้ยิน ใหญ่รีบหันหน้ากลับมาเมื่ออัษฎาเหลือบมามอง “ท่ามากจริงพ่อคนนี้” อดไม่ได้ที่จะตีแขนลูกชายดังเพียะ คอยดูเถอะ ไม่แสดงออกอะไรไป วันไหนเขาจากไปแล้วจะรู้สึก



   มื้อเช้าวันนี้เริ่มสายทำให้ทีมงานเมืองกรุงกว่าจะขึ้นรถกลับก็เกือบบ่าย อัษฎาเดินไปช่วยเพื่อนสาวขนกระเป๋าขึ้นรถตู้ แขนเรียวกอดรัดร่างเล็กของเพื่อนด้วยความรัก

   “แล้วมาเที่ยวอีกนะ”

   “อืม แล้วอย่าลืมล่ะ ที่จองแกไว้น่ะ”

   “ไม่ลืมหรอกน่า”

   คำพูดหยอกล้อดูมีลับลมคมในจนคนที่ยืนใกล้อยากจะรู้ เมื่อรถตู้สองคันวิ่งลับตาไป ใหญ่ก็รีบประชิดตัวอัษฎาทันที

   “นัดอะไรกัน”

   อัษฎายืนยิ้มให้กับท้ายรถที่แม้จะลับตาไปแล้ว ก่อนจะหันหน้ามาหาคนที่ถามด้วยใบหน้าใคร่รู้

   “ก็แค่...”

   “พี่ใหญ่ คุณอรเธออยากคุยกับพี่ใหญ่แน่ะ”

   กำลังจะได้เรื่องอยู่แล้วเชียว หากน้องชายไม่มาขัดซะก่อน ใหญ่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะแล้วดึงโทรศัพท์จากเล็กมารับช่วงต่อด้วยหน้าตาบูดบึ้งราวกับกินยาขม ส่วนคนไม่รู้เรื่องอะไรก็ทำหน้ามึนงงที่ถูกโมโห

   “ผมมาขัดอะไรหรือเปล่า”

   “เปล่าครับ” อัษฎาหัวเราะให้กับท่าทางของเล็ก “เอ่อใช่ คุณแคททักข้อความผมมาด้วย” คำบอกเล่าของพี่สะใภ้ทำเอาเล็กตัวชาวาบ ก่อนจะใจเต้นเพราะอยากรู้ว่าติดต่ออะไรมา “เธออยากพบผมเพราะมีเรื่องอยากจะคุย คุณเล็กไปกับผมไหมครับ”

   “เธอจะได้หนีหน้าอีกน่ะสิ” ใช่จะไม่เคยแอบไปพบ แต่ทุกครั้งอดีตภรรยามักจะหนีหายไปทุกที แม้แต่โทรศัพท์ก็ยังไม่รับ

   “ผมเจ้าแผนการนะครับ” บอกพร้อมหัวเราะออกมาเมื่อเห็นหน้าหล่อเหลาไม่แพ้พี่ชายสลดลง

   “วันนี้หรือครับ” เล็กมีท่าทีกังวล แต่ก็อยากจะคุยอีกสักครั้ง ผ่านมาเกือบปีแล้วที่ไม่เคยเจอหน้า มีแค่การโทรคุยไม่กี่ครั้งกับเรื่องอยากได้ลูกชายไปเลี้ยง

   “ครับ ออกสักบ่ายๆ หรือคุณเล็กจะไม่อยากไป ผมจะได้...”

   “ไปครับไป งั้นเดี๋ยวผมไปจัดการเอกสารก่อน อย่าเพิ่งรีบไปก่อนนะครับ”

   ท่าทางหงอยเหงาคราแรกหายวับไปทันตา เล็กยิ้มแย้มก่อนรีบวิ่งไปทำงานที่คั่งค้าง ตอนแรกที่อัษฎาได้รับข้อความก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน เคยภาวนาให้หญิงสาวติดต่อมา และเธอก็ติดต่อมาจริงๆ การช่วยให้คนรักสมหวังจะมีบุญหนุนนำให้เราเจอคนที่รักโดยเร็ว นี่คือคำทำนายที่ถูกทายทักสมัยยังเป็นนักศึกษา ครั้งนั้นถูกเพื่อนลากไปแท้ๆ เลยมีโอกาสได้สัมผัส และไม่เคยคิดเลยว่า ผ่านมาไม่ถึงห้าปีที่สิ่งถูกทักจะเกิดขึ้น

   คำทำนายที่ว่า คนรักจริงๆ จะไม่ต้องไขว่คว้า เขาจะมาเองตามดวงชะตาที่เคยบนบานร่วมกันแต่ชาติปางก่อน ทั้งที่แฟนคนแรกก็ไม่ต้องไขว่คว้าและคิดว่าใช่คู่ แต่สุดท้ายก็มีอันต้องจากลาเพราะความมักง่ายไม่รู้จักพอ

   อัษฎาเลือกลงไปทำงานในไร่เพื่อฆ่าเวลารอ อีกทั้งตอนนี้ในสมองยังมีคำถามมากมายที่จะใช้ถามหญิงสาวว่าเหตุใดกันแน่ที่เธอเลือกที่จะทิ้งทุกอย่างไป

   ดอกไม้ในไร่ยังบานสะพรั่งสวยสดเช่นเคย คนงานก็ยังคงตั้งใจทำงานไม่มีอู้ให้เห็น สมแล้วที่ลูกเจี๊ยบว่า คนงานที่นี่ทุกคนรักเจ้านาย รักไร่ เป็นความรักที่น่าชื่นชมซะจริงๆ

   “คุณอัดอย่าทำให้คุณใหญ่อารมณ์แปรปรวนสิครับ” ระหว่างตรวจดูขนาดดอกดาวเรือง คนงานหนุ่มผิวดำเอ่ยออกมา ซึ่งคนอื่นๆ ต่างก็พากันเห็นด้วย ที่จริงหลังจากแต่งงานกับใหญ่ คนงานจะเรียกอัษฎาว่าคุณนาย แต่เจ้าตัวยืนยันว่าห้ามเรียก ทุกคนเลยเรียกคุณอัดแทน ซึ่งน่าจะดีกว่าเป็นไหนๆ

   “ผมเนี่ยนะ ทำให้คุณใหญ่อารมณ์แปรปรวน” คนถูกกล่าวหาขมวดคิ้วมุ่น

   “ครับ บางวันก็อารมณ์ดีจนพวกผมแปลกใจ บางวันก็โมโหร้ายจนไม่อยากจะเข้าใกล้”

   “พวกเราไม่เคยเห็นคุณใหญ่เป็นแบบนี้มาก่อนจริงๆ”

   “ใช่ๆ”

   “ขนาดตอนคุณนายคนแรกเสีย คุณใหญ่ยังไม่โมโหร้ายขนาดนี้”

   ประโยคหลังน่าจะเข้าหูสุด อัษฎากระพริบตาปริบๆ แล้วถามกลับว่าจริงหรือ ซึ่งทุกคนลงความเห็นแบบเดียวกับคนที่ตอบ

   “ตอนนั้นคุณใหญ่จะสุขุม นิ่งเงียบ ไม่โวยวาย หากไม่พอใจจะใช้สายตาด่าเอา พวกผมพากันหวาดผวากันหมด แต่ตอนนี้ คุณใหญ่กำลังเปลี่ยนไป” แล้วเสียงหัวเราะก็มาจากทั่วสารทิศ อัษฎาเพิ่งรู้ว่าตอนนี้คนงานหลายคนมายืนรวมอยู่ที่เขากันหมด

   “งั้นหรือ”

   เสียงนิ่งๆ ดังมาจากด้านหลัง เพียงแค่นั้นบรรดาผึ้งงานทั้งหลายต่างแตกฮือไปคนละทิศละทาง จะมีก็แต่ร่างผอมที่ยังยืนหันหลังให้ อัษฎาหลับตาแน่นปากก็ขยับสบถอยู่ตลอด

   “คุณใหญ่” คนที่ยืนหันหลังค่อยๆ หันกลับไปมองพร้อมรอยยิ้มหวาน แต่พอเจอใบหน้าบึ้งตึงก็รีบหุบยิ้มทันที

   “งานไม่มีทำหรือไง มาชวนคนงานอู้งานน่ะ” น้ำเสียงนิ่งซะจนใจแป้ว

   “มีครับ กำลังตรวจขนาดดอกตามที่คุณใหญ่บอกนี่ไง”
 
   “แต่ที่ฉันเห็นกำลังคุยกันอยู่ไม่ใช่หรือ” ดวงตาคมจ้องปุ๊บ อัษฎาก็รีบเดินไปตามร่องของแปลงทันที “มีหนีนะ”

   ใหญ่เดินแยกไปอีกฝั่ง สายตาตวัดมองคนงานที่หมายหัวด้วยสายตาไว้แล้วว่าแอบมาคุยกับคนของเขา ไม่ใช่โมโหหรอก แต่ไม่ชอบใจ แม้พยายามคิดว่า ทำไมช่วงนี้ถึงรู้สึกแบบนี้บ่อยยามมีคนมาคุยกับอัษฎา แต่ก็ยังหาคำตอบอื่นให้กับตัวเองไม่ได้ นอกจากกำลังหึงแบบที่แม่และน้องชายว่า

   ระหว่างที่ใหญ่กำลังเช็คงาน เขาเห็นหลังบางที่คุ้นเคยเดินลิ่วๆ ไปที่ออฟฟิต พอดูนาฬิกามันเพิ่งจะบ่ายโมงครึ่ง จะว่าหิวก็ไม่ใช่ เพราะเพิ่งกินข้าวเที่ยงก่อนมาที่ไร่ หรือมีเรื่องอะไรกับเจ้าเล็กที่เขายังไม่รู้ พอคิดเช่นนั้น ใหญ่ก็รีบฝากงานกับหัวหน้าคนงานแล้วเดินตามไปที่ออฟฟิต

   ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป เห็นน้องชายกำลังเก็บของ คล้ายกับจะเตรียมตัวออกไปที่ไหนสักที่ ส่วนอัษฎาถือกระเป๋ารออยู่แล้ว

   “จะไปไหนกัน”

   พอเจอคำถาม คนจะออกไปข้างนอกหันมองหน้ากันนิดๆ ก่อนจะเป็นอัษฎาที่ตอบแทน

   “ไปตัวเมืองครับ พอดีผมอยากได้ของใช้นิดหน่อย” ไม่ได้ตั้งใจปิดบัง แต่หากไปหลายคนกลัวเรื่องราวมันจะบานปลาย
 
   “งั้นหรือ”




       คล้ายกับเข้าใจ แต่ไม่เลย เมื่อภายในรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวมีบุคคลหน้ามุ่ยนั่งกอดอกอยู่ด้านหลัง ใหญ่เหล่ตามองน้องชายกับอัษฎาที่นั่งหน้าคู่กันอย่างขัดเคือง เพราะทั้งคู่ไม่ยอมเล่าเรื่องให้ฟังเลยต้องมาด้วย ที่จริงก็ไม่ได้อยากมาสักเท่าไหร่ เพียงแค่ไม่ชอบใจที่ถูกปิดบัง

   รถคันใหญ่เลี้ยวจอดหน้าร้านกาแฟตามที่นัดไว้ อัษฎาเหลือบตามองคนด้านหลังก่อนพยักหน้าให้เล็กนิดๆ พอมือขาวยื่นเปิดประตู ด้านหลังก็รีบเปิดตาม หากถูกน้องชายเอี้ยวตัวดึงแขนไว้ แม้จะมีแรงยื้อยุดแต่เล็กก็ไม่มีท่าทีว่าจะปล่อย

   “อะไรของแกวะ” ใหญ่ถามเสียงเขียว เขาตั้งใจจะตามอัษฎาไป เผื่อในร้านนั้นจะมีคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้ารออยู่ อีกอย่างตอนนี้ร่างผอมนั้นเดินเข้าร้านกาแฟไปแล้ว จะตามยังไงให้ดูปกติที่สุดละนี่

   “อีกเดี๋ยวค่อยเข้าไปนะ ผมขอล่ะ” เมื่อน้องชายทำหน้าร้องขออย่างจริงจัง ใหญ่จึงชะงักแล้วดึงประตูรถกลับเข้าที่ ก่อนยกแขนขึ้นกอดอกหันหน้ามองเข้าร้านตรงหน้าอย่างกังวล ขออย่าให้คนที่รอเป็นคนที่คิดไว้เถอะ ถ้าใช่พ่อจะพังร้านให้ดู

   ด้านอัษฎาที่เดินเข้าร้านกาแฟมาด้านใน ดวงตากลมกวาดมองทั่วร้านจนเจอแขนขาวๆ ยื่นสูงเพื่อเรียก หญิงสาวสวมชุดเดรสสีขาวดูสวยใส ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางโทนอ่อน ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงเหยียดยิ้มเมื่อเจอคนที่ตั้งใจเรียก

   “ขอโทษนะคะที่เรียกคุณอัดออกมา” หญิงสาวเอ่ยด้วยความเกรงใจ

   “ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ คุณแคทมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า” ไม่อยากจะเสียเวลา คนเพิ่งมารีบเข้าประเด็นทันที

   “แคทก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี” ท่าทางสับสนแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน “อยู่ที่นี่แคทรู้จักกับคุณอัดแค่คนเดียว แคทเลยอยากจะปรึกษา คือตอนนี้แคทอึดอัดมาก รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่ามาก ที่แคททำทุกอย่างพังเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตัวเอง”

   “ใจเย็นๆ นะครับ” อัษฎายื่นมือไปจับเพื่อให้คนระบายอารมณ์ใจเย็นลง 

   “แคทรู้ว่าแคทโง่จริงๆ” หญิงพยายามก้มหน้าซ่อนน้ำตาที่รื้นหน่วยตารอเวลาไหล

   “เรื่องคุณเล็กใช่หรือเปล่าครับ” อัษฎาลองถามออกไปดู

   ทันทีที่ได้ยินชื่ออดีตสามี หญิงสาวเบิกตาโตไม่คิดว่าอัษฎาจะรู้เรื่อง เพราะเธอไม่เคยปริปากบอก แม้จะได้ยินว่าชายหนุ่มตรงหน้าพักที่ไหนก็เถอะ แต่เธอไม่เคยบอกว่ารู้จักเล็ก

   “คุณอัดรู้เรื่องด้วยหรือคะ” น้ำเสียงสั่นเครือทันทีเมื่อคนตรงหน้าพยักหน้าลง “เล็ก...เล่าเรื่องให้คุณฟังหมดหรือเปล่าคะ”
 
   “ไม่เลยครับ คุณเล็กไม่ยอมเล่าอะไรออกมาเลย”

   หญิงสาวจุดรอยยิ้มขึ้นมาบางๆ เมื่อนึกถึงหน้าอดีตสามีเก่าที่ยังรักมาก

   “เล็กก็เป็นคนแบบแหละค่ะ เขาชอบเก็บทุกอย่างไว้กับตัว ไม่นานแคทว่า คงจะเป็นบ้าแน่นอน”

   “ขอบคุณนะ ที่ยังจำได้”

   ไม่ใช่เสียงจากคนตรงหน้า เพราะเสียงนี้แคทจำได้ดี และจำมันฝังอยู่ในหัวใจ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ดวงตารีมองตรงมาที่เธออยู่แล้ว

   “เล็ก...” เสียงเรียกชื่อเบาหวิวจากปากสวย

   “ขอผมนั่งด้วยคนนะ” เล็กเอ่ยออกมา แม้พี่ชายของเขาจะนั่งลงไปแล้วก็ตาม

   ไร้เสียงตอบรับ หญิงสาวก้มหน้าซ่อนความรู้สึกยามเมื่อพบพานอีกครั้ง เล็กมองอดีตภรรยาด้วยความรักและคิดถึง ความรู้สึกที่ลึกซึ้งทำให้คนที่ดูจะเป็นตัวขัดต้องรีบลุกออกไป อัษฎาดึงแขนใหญ่ให้ลุกออกมาด้วย

   “จะไปไหน ยังไม่ได้สั่งกาแฟเลยนะ” ใหญ่ยื้อยุดร่างตัวเองเมื่ออยู่หน้าเคาน์เตอร์ เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากบริกรสาวที่ยืนไม่ไกล

   “เรื่องมากจริงคุณใหญ่เนี่ย” อัษฎาแสร้งทำเป็นบ่น แขนสองข้างยกขึ้นกอดอกรอคนเรื่องมากสั่งกาแฟแก้ง่วง ในระหว่างนั้นดวงตากลมชะเง้อมองเหตุการณ์ด้านใน ก็อยากอยู่ฟังด้วยหรอกนะ แต่ก็กลัวจะไม่เหมาะ และตอนนี้เล็กนั่งแทนที่เขาแล้ว ดูเหมือนว่าทั้งสองยังไม่ยอมที่จะพูดจากัน ขออย่าล่มทีเถิด

   “จ่ายเงินให้หน่อย” แรงสะกิดที่หัวไหล่ทำให้คนที่ชะเง้อคอมองต้องหันกลับมา “นายรีบเองนะ ฉันเลยหยิบกระเป๋าเงินมา” ตัวผิดแท้ๆ ยังมีหน้ามาโทษคนอื่นเขา อัษฎามุ่ยหน้าแต่ก็ควักเงินมาจ่ายให้

   เสียงกระดิ่งประตูดังหลังจากมือหนาปิดประตู อัษฎาหรี่ตามองเพราะแสงแดดช่างจ้าเหลือเกิน ไม่รู้คนด้านในจะคุยกันนานหรือเปล่า และไม่รู้ว่าจะไปรอที่ไหนดีด้วยซ้ำ

   “ตรงนั้นมีตลาดนัด” ใหญ่ชี้นิ้วไปอีกฟากฝั่งของถนน มือที่ถือกาแฟยื่นหลอดดูดไปตรงกับปากแดง อัษฎาเหลือบตามองนิดๆ ก่อนก้มดูดชิมความอร่อย รสชาติที่สัมผัสคือความขมจนต้องเบ้ปาก “ไม่ชอบหรือ”

        “ผมชอบลาเต้มากกว่า” ตอบโดยไม่สนใจคนข้างๆ

   “แล้วฉันจะจำไว้”  ประโยคเรียบๆ แต่ทำเอาเขิน พอเหลือบตามองคนพูดก็แสร้งทำเป็นดูดกาแฟไม่สนใจ 

   รถราวิ่งกันขวักไขว่ อัษฎามองมือตัวเองที่ถูกมือหนายื่นมาจับแน่น เจ้าของมือจะรู้ไหมว่าตอนนี้หัวใจเขาเต้นเร็วแค่ไหน เมื่อรถว่าง ใหญ่รีบดึงร่างผอมให้วิ่งตาม พอข้ามฝั่งมาภาพที่คิดไว้ก็มลายหายสิ้น รู้สึกผิดหวังนิดๆ เมื่อมีร้านเปิดแค่ไม่กี่ร้าน   
“สงสัยยังเช้าอยู่ ต้องรอค่ำๆ ร้านถึงจะเยอะ”

   ถึงแม้จะมีเพียงไม่กี่ร้านที่เปิด แต่ก็มีของที่ทำให้ถูกใจ นั่นคือข้าวโพดคลุกเนย ความหอมของเนยและข้าวโพดยั่วยวนชวนท้องร้อง อัษฎาเดินนำหน้าไปที่ร้านโดยจูงมือใหญ่ไปด้วย กว่าจะรู้ตัวว่ามือจับกันอยู่ก็ตอนที่คนขายยื่นข้าวโพดมาให้ อัษฎาแก้เขินรีบตักข้าวโพดเข้าปากคำใหญ่ แต่เพราะมันเพิ่งลงจากเตาเลยทำให้ลวกปาก

   “ร้อนๆ”

   ใหญ่หัวเราะเบาๆ แต่พอเห็นว่าอัษฎาเจ็บจริงใบหน้าเข้มก็ขมวดคิ้ว ก่อนมือกร้านจะจับคางให้เงยขึ้น แล้วให้รีบอ้าปากดู ถึงแม้ตอนนี้คนจะยังไม่ค่อยเยอะ แต่การที่ผู้ชายสองคนยืนเป็นห่วงกันเช่นนี้ก็เป็นจุดสนใจมากทีเดียว พออัษฎาเหลือบเห็นผู้คนมองมาก็รีบงับปากแล้วดึงใหญ่ให้กลับไปร้านกาแฟดังเก่า

   “ทำไม อายหรือ” ถามออกมาด้วยความไม่พอใจนิดๆ 

   “ไม่ได้อาย แต่กลัวคนจะมองคุณใหญ่ไม่ดีต่างหาก” อัษฎาว่าจากใจ เพราะสายตาพวกนั้นเขาเจอมาจนชิน จนไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ

   “เป็นห่วงฉันหรือ” อยู่ๆ ก็อยากยิ้มออกมา ใหญ่พยายามฝืนตัวเองไม่ให้ยิ้ม แต่มันก็หลุดออกมาบางที

   ท่าทางตลกนั่นเรียกเสียงหัวเราะจากอัษฎาได้เป็นอย่างดี

   “จะขำก็ขำสิ คุณใหญ่จะเก๊กทำไม มิน่าคุณเล็กถึงบอกว่าพี่ชายฟอร์มจัด ท่ามาก...”

   “ท่ายากก็มีนะ”

   “คุณใหญ่” พอถูกกระซิบแบบนั้น หน้าขาวก็ซับสีแดงจางๆ “ทะลึ่งจริงๆ”

   “พูดกับเมียทะลึ่งตรงไหน” ยังไม่ยอมหยุด ใหญ่พูดยั่วเย้า แถมยังตีก้นงอนเต็มมือ

   “ไม่พูดด้วยแล้ว”

   “เขินเหรอ นี่”

   คนเดินนำหน้าปั้นหน้าบูดกลบความเขินอาย ส่วนคนเดินตามเอาแต่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี นี่ชีวิตคู่เริ่มเข้าที่เข้าทางหรือเปล่า พอคิดเช่นนี้คนหัวเราะก็หัวเราะหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก ความสุขอยู่แค่เอื้อมจริงๆ


...TBC


วันนี้ลุงมาพร้อมความน่ารักแล้วค่าาาา  :-[


มาทุกวัน ลงทุกวัน มาจนเบื่อกันไปข้างนึง  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

เลิฟ เลิฟ รอทุกวันเลย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ตามอัดแจเลย
พอได้คุยกับอัด อารมณ์ดีนะคุณใหญ่
ทำเก่งอีก "ท่ายากก็มีนะ " อะจ๊ากกกก :z1: :z1: :z1:
แสดงเลย แสดงกับอัดสิ คุณใหญ่คนเก่ง
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เมื่อไหร่คุณใหญ่จะเลิกปากหนัก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด