บทที่ 4
“เจ้าขา ไปซื้อของกับเราหน่อยสิ” วันนี้วันหยุดสุดสัปดาห์ เสียงเรียกจากฝาแฝดตัวเองทำให้ร่างที่นอนคดอยู่ในผ้าห่มพึมพำ
“ก็ได้ กี่โมง” ที่จริงจันทร์เจ้าตื่นนานแล้วแต่ว่าขี้เกียจลุก เลยนอนกกอยู่ในผ้านวมนุ่มๆ
“สักเที่ยงๆก็ได้ จะได้ไปหาไรกินด้วย” จันทร์เอ๋ย ฝาแฝดบอก
“แล้วใครอยู่ช่วยร้าน” เขาลุกขึ้นมานั่งพลางหาวหวอด
“มีพี่จอยอยู่ช่วย ไม่น่าจะเป็นอะไร” พี่จอยคือพี่คนงานที่ทำงานที่ร้านอาหารตามสั่งของบ้านเขามาได้หลายปีแล้ว
“โอเค ได้ ขอเราอาบน้ำก่อน”
พอพี่ชายฝาแฝดเดินออกไป จันทร์เจ้าก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว พลางคิดว่าไหนๆก็ไปเดินห้างแล้ว ว่าจะไปซื้อข้าวกล่องอันใหม่อยู่พอดี
ข้าวกล่องใส่กับข้าวสำหรับพี่นาฏย
เวลาเที่ยงวันของวันเสาร์ แดดร้อนเปรี้ยงกลางศีรษะพอดิบพอดี ทำเอาฝาแฝดสองคนเหงื่อไหล ทั้งที่นั่งบีทีเอสตากแอร์มาถึงสถานีสยามก็เถอะ
แต่ให้ตาย...แอร์ในบีทีเอสนี่เสียหรือไง มันถึงแรงเท่ากับลมตด
พอรถไฟฟ้านิ่งจอดเปิดประตูให้ผู้โดยสาร เหล่าชาวกรุง นักท่องเที่ยวทั้งหลายก็แห่กันลง ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปในตัวห้างจนดูแน่นไปหมด
“ไม่ชอบมาสยามวันเสาร์เลย” จันทร์เจ้าบ่น เขาเกลียดการมาเดินแถวนี้ในวันหยุดมากที่สุด ไหนจะนักท่องเที่ยว ไหนจะเด็กเรีย
พิเศษ ไหนจะคู่รัก ไหนจะครอบครัว โอย...เยอะแยะไปหมด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาแทบทุกอาทิตย์
“เอาน่า อย่าบ่น” ฝาแฝดเขาพูด “ไปกินไรก่อนแล้วกัน”
ร้านที่เขาสองคนมาหยุดก็คือร้านประจำที่ไม่ว่ามากี่ทีก็ต้องกินตลอด ก็คือร้านปิ้งย่างๆที่มีไดโนเสาร์ตัวเขียวเป็นมาสคอตพรีเซนเตอร์ของร้าน พี่พนักงานหน้าร้านอมยิ้มกับเขาสองคน
“ฝาแฝดหรือคะ” เขาสองคนยิ้มรับ
เป็นปกติที่โดนทักบ่อยๆ ด้วยหน้าตาที่เหมือนกันจนแยกไม่ค่อยออกและรูปร่างที่คล้ายๆกัน ภายนอกที่ไม่เหมือนกันเพียงอย่างเดียวก็คือ จันทร์เอ๋ยจะมีไฝที่ใต้ตาซ้าย ส่วนเขาไม่มี พอได้โต๊ะเรียบร้อย สั่งอาหารเรียบร้อย ทีนี้ก็แค่รออาหารมาเสิร์ฟ
“เจ้าเอย เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เขาลุกไปเขาห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกไม่ไกลจากร้าน
จันทร์เอ๋ยที่นั่งดูดน้ำเปล่าในแก้วไปพลางๆ มองดูนอกร้านไปพลางๆ เห็นกลุ่มคนกลุ่มย่อมๆเดินเข้ามาในร้าน ชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับตัวเองแต่ว่าความสูงของแต่ละคนนี่กินขาด คือสูงไม่รู้จะสูงไปไหน
“สามคนครับ” เสียงทุ้มฟังดูขี้เล่นของหนึ่งในนั้นทำให้จันทร์เอ๋ยเพ่งมองอีกครั้ง
ชายหนุ่มดูแล้วเป็นลูกครึ่งเพราะหน้าตาที่ไม่เหมือนคนเอเชียทีเดียวแต่ก็ไม่ใช่ชาวตะวันตก กับเพื่อนหน้านิ่งดูขรึมๆ น่าตาคุ้นๆเหมือนเคยเห็นจากที่ไหน ระหว่างที่กำลังนั่งคิดเพลินๆ เสียงจากคนกลุ่มนั้นก็ดังขึ้น
“อ้าวน้องเสื้อช้อป...เอ้ย...น้องเจ้า” จันทร์เอ๋ยขววดคิ้วเมื่อเห็นหนุ่มลูกครึ่ง(ละมั้ง) โบกไม้โบกมือให้เขา ก่อนจะหันไปประจบพนักงานร้าน “พี่ครับผมขอโต๊ะข้างรุ่นน้องก็ได้ครับ” พูดเสร็จก็เดินเข้ามาทางเขา
จันทร์เอ๋ยหันไปมองโต๊ะที่ว่างข้างๆโต๊ะตัวเอง แล้วลอบถอนหายใจ
...คนกลุ่มนี้…
...เป็นใครวะ?...
“ไงเจ้า” เสียงผู้ชายอีกคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้า ทักขึ้น เขาเลยได้แต่ผงกหัวให้ มีหลายครั้งที่เขาและน้องชายฝาแฝดถูกทักผิดบ่อยๆ แต่พวกเขาสองคนก็ไม่ได้ปฏิเสธเวลาโดนทักผิดเพราะว่าบางทีมันรู้สึกเหมือนไปหักหน้าคนทักอย่างไรก็ไม่รู้ ถ้าแค่ทักทายแล้วผ่านไปก็ดีไป แต่นี่เล่นมานั่งโต๊ะข้างๆ แถมชวนคุยแบบนี้คงต้องบอกไปตรงๆ
“เอ่อ...”
“เอ้าพวกมึงนั่งๆ สั่งเร็วกูหิว” พอกำลังจะพูด คนร่างสูงใหญ่เหมือนยักษ์อารมณ์ดีก็เรียกให้เพื่อนนั่ง “น้องเจ้าสั่งหรือยัง”
จันทร์เอ๋ยแอบขมวดคิ้วยุ่ง คนอะไรไม่ฟังคนอื่นเลย “สั่งแล้วครับ” ตอบเสียงนิ่งๆกลับไป
...โอย…
เมื่อไรเจ้าขามันจะกลับมาสักทีเนี่ย คนรู้จักของมันกำลังนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ได้ยินไหมมมม
ระหว่างที่รอเพื่อนสั่ง นาฏยเหลือบมองไปที่รุ่นน้องตัวเล็กโต๊ะติดกันพลางขมวดคิ้ว ทำไมเขารู้สึกว่าคนนี้ไม่ใช่รุ่นน้องที่เคยยังไงก็ไม่รู้ ความรู้สึกของเขาบอกมาแบบนั้น
“เจ้าๆ ไม่ได้มากับไอ้อัชหรอ” เสียงไอ้เตทำให้รุ่นน้องหันมามอง
“เปล่าครับ” จันทร์เอ๋ยรู้จักเพื่อนสนิทของแฝดตัวเอง เคยเจอกันบ่อยๆ
“แล้วนี่มากับใคร?” เตเตเห็นฝั่งตรงข้ามมีจานชามช้อนอีกชุดวางอยู่เลยคิดว่าน่าจะมากับอีกคน
“อ่อ...มากับ...” ยังไม่ทันรุ่นน้องตอบอะไร นาฏยก็ขัดขึ้นมา
“มึงจะไปยุ่งเรื่องน้องเขาทำไม”
“แหม...แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะ” เอ็ดมันกวนตีนเพื่อนตัวเอง
แต่นาฏยไม่สนใจกลับมองนัยน์ตากลมโตที่กำลังจ้องมาที่เขาไม่มีหลบ
...ไม่ใช่…
...ไม่เหมือน…
ถึงหน้าตาจะเหมือน แต่ดวงตาที่มองมา รวมถึงความรู้สึกบอกว่า คนนี้ไม่ใช่จันทร์เจ้า
“น้องคือเจ้าหรือ?” คำถามที่หลุดออกมาจากปากทำให้นัยน์ตากลมที่มองสบฉายแววแปลกใจ ก่อนจะลอบยิ้มบางๆ
...ไม่ค่อยมีใครแยกเขาสองคนออกเท่าไร…
...แต่ดูเหมือนจะมีคนแยกออกเพิ่มมาอีกคนแล้ว…
“มึงถามไรแปลกๆ นี่เจ้าก็เห็นกันชัดๆ” หนุ่มลูกครึ่งเมืองผู้ดีมองเพื่อนสนิทดวยายตาเหมือนมองคนบ้า โดนนัยน์ตาคมกริบ
มองกลับเช่นกัน
“เอ่อ...จริงๆแล้ว...” จันทร์เอ๋ยกำลังจะสงบศึกนี้ แต่เสียงที่คล้ายกันๆดังขึ้นมา
“เจ้าเอยอาหารมายัง” เสียงของน้องชายฝาแฝดมาก่อนตัว พร้อมกับร่างโปร่งเหมือนกับเขาเดินเข้ามา แต่ว่าต้องหยุดชะงักกึก
นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ
จันทร์เจ้าคิดว่าถ้าเขาโดนสาปให้แข็งเป็นหิน คงเป็นความรู้สึกเดียวกับที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้เพราะว่าส่งที่เขาเห็นมันน่าตกใจไม่ต่างอะไรกับการเจอแฮรี่ พอตเตอร์ขี่ไม้กวาดผ่านหน้าบ้านไป
...ทำไม…
พี่นาฏยและผองเพื่อนถึงได้มาอยู่ที่นี่ แถมยังมากินโต๊ะข้างๆเขาอีก
“เฮ้ย!!!!” เสียงพี่เอ็ดมันร้องตกใจ
อย่าว่าแต่พี่เอ็ดมันตกใจเลย เขายังอยากร้องตกใจเป็นภาษาอุซเบกเลย
“ทำไมมีน้องเจ้าสองคน?” ควายเอ๊ยยยยย คำถามอะไรของมึงเนี่ย เอ็ดมัน
“เอ่อ...ง่า...” คนที่เพิ่งไปห้องน้ำมาทำปากพะงาบๆ ไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเขามีฝาแฝดเพราะว่าเรียนอยู่คนละที่กัน
“ผมชื่อเอยเป็นแฝดของเจ้า” จันทร์เอ๋ยพูดขึ้นก่อน จันทร์เจ้าไม่ชอบให้ใครมาเรียกชื่อเล่นตัวเองว่าเจ้าขา เขาเองก็เช่นกัน...ไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อเล่นเต็มๆของตัวเอง จากเจ้าเอยเหลือแค่...เอย
“แฝด!” กลุ่มรุ่นพี่พูดพร้อมกัน ยกเว้นร่างสูงตาคมกริบที่มองจันทรเจ้าเขม็ง จนเจ้าตัวยิ้มแห้งหลุบตาต่ำลง
“ครับ ผมไม่ค่อยบอกใครว่ามีฝาแฝดน่ะครับเพราะยังไงก็เรียนคนละที่ด้วย เลยไม่ค่อยมีใครรู้ บางทีโดนทักผิดบ่อยนะครับ เลยชิน” จันทร์เจ้ายิ้มแหยพลางนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง
“โห...เป็นแฝดที่หน้าเหมือนกันมากอะ แยกไม่ออกเลย” เตเตยิ้มๆ บางทีการมีฝาแฝดก็ดูเป็นเรื่องมหัศจรรย์ดีเหมือนกัน
“แต่ก็มีคนแยกออกไม่ใช่หรือไงวะ” เอ็ดมันพูดยิ้มๆ
“หึ...นั่นสินะ” เตเตหัวเราะตาม
นัยน์ตากลมแอบมองร่างสูงใหญ่ของคนที่นั่งปิ้งหมูเงียบๆ ตาคมดุสบตากลมๆ จนอีกฝ่ายสะดุ้งหลบตาทำเป็นย่างนู่นนี่ไม่รู้ไม่ชี้ นาฏยหัวเราะเบาๆในใจ
ก็เด็กที่เขารู้จักน่ะ
...ชอบทำท่าเหมือนกระต่ายขี้ตกใจ…
“น้องเอยเรียนที่ไหน?” เอ็ดมัน(ฉายาขี้เสือก) ถามไปเรื่อย
มือที่คีบตะเกียบชะงัก “ที่...” ชื่อมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นๆของประเทศ เอ็ดมันพยักหน้า
“อ่อ...แล้วอยู่หอหรือ?”
“ครับ เสาร์อาทิตย์ถ้าว่างก็กลับบ้าน” จันทร์เอ๋ยตอบนิ่งๆ ถ้ารู้จักดีๆ คนจะรู้ว่าจันทร์เอ๋ยจะเงียบๆนิ่งๆกว่าแฝดคนน้อง แฝดน้องจะยิ้มง่ายกว่านิดหน่อย
“แต่แบบหน้าเหมือนกันมากอะ ถามจริงคนที่บ้านแยกออกได้ไง” เอ็ดมันที่มือก็คีบ ปากก็ถาม
นาฏยทำหน้าเบื่อ สันดานเพื่อนสนิท ถ้าอยากรู้จะถามไม่หยุด จนเขารำคาญ
“มึงรีบๆแดกเลย เสือกเรื่องน้องอยู่ได้ เดี๋ยวจะไปซื้อรองเท้าอีกไง”
“เออๆ ไอ้สัส” ถวายพระพรเพื่อนไปอย่างไม่สำนึกแล้วลงมือกินต่อแต่ยังไม่วาย “แล้วแยกออกยังไงอะ อยากรู้”
“คิกๆ” จันทร์เจ้าแอบขำกิก เพราะเห็นหน้าแฝดตัวเองที่หน้าเหม็นเบื่อรุ่นพี่ตัวใหญ่ข้างๆเหลือทน ก่อนจะตอบแทน “ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครแยกออก แต่ถ้าสังเกตุดีๆ เอยจะมีไฝใต้ตาซ้ายแต่ผมไม่มี” มือขาวๆชี้ที่ใตต้าตัวเองที่ไม่มีรอยไฝทั้งสิ้น
เอ็ดมันพยักหน้าเข้าใจแล้วหันไปกินต่อ หลังจากที่กินเสร็จเรียบร้อย จันทร์เจ้าต้องซูฮกรุ่นพี่สามคนที่สามารถกินได้เยอะขนาดนี้ เพราะมาสามคนแต่เล่นสั่งเหมือนมาเยอะกว่านั้น โดยเฉพาะพี่นาฏยที่เขาแอบเห็นว่าสั่งข้าวผัดกระเทียมสามชาม
หรือว่าเขาควรเพิ่มปริมาณอาหารกล่องกันนะ กลัวพี่เขากินไม่อิ่ม ทั้งที่ก็คิดว่าเขาทำเยอะให้เป็นพิเศษแล้วนะ แต่เห็นพี่เขากินแบบนี้ยิ่งตกใจ แต่ก็ว่าสมกับตัวพี่นาฏยแล้วละ พี่เขาสูงเกือบร้อยเก้าสิบ ไม่ค่อยมีคนไทยสูงขนาดนี้เลยนอกจากนักกีฬา
“กินน้อยจัง” เอ็ดมันที่ก็เล่นซัดอาหารไปไม่น้อยถามจันทร์เอ๋ยที่นั่งดื่มน้ำปิดท้าย
“ครับ ใครจะกินเยอะแบบพวกพี่กัน” แม้จะดูนิ่งๆ และเพิ่งจะเจอหน้ากัน แต่บอกเลยว่าจันทร์เอ๋ยสามารถกัดคนหน้านิ่งได้เช่นกัน
ไม่ค่อยสนใจด้วยว่าสนิทหรือไม่สนิท
“ฮ่าๆๆ แฝดเราน่ารักดีนะ” เอ็ดมันหัวเราะเสียงดัง หันไปพูดกับรุ่นน้องขำๆ รู้สึกว่าฝาแฝดคนพี่น่าาแกล้งไม่หยอก
เห็นนิ่งๆ เงียบๆ แต่ยั่วขึ้นไม่หยอก อย่างนี้สิ...น่าสนุก
“ไปไหนกันต่อหรือเปล่านี่” รุ่นพี่คณะประมงถามหลังจากพวกเขาเดินออกมาจากร้านอาหาร
“คือเอยอยากซื้อของน่ะครับ” จันทร์เจ้าตอบแทนฝาแฝด
“อ่อ...งั้นแยกกันตรงนี้เนอะ” เอ็ดมันบอก ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นผมไปนะครับ” พอรุ่นพี่บอกจะแยกไปเดินดูรองเท้า จันทร์เจ้าก็ตกลงกับแฝดว่าจะไปดูหนังสือเป็นเพื่อนแฝดตัวเอง
“ไปนะเจ้า ไปนะน้องเอย...” เอ็ดมันพูดยิ้มๆ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนว่ากำลังล้อเลียนอีกคนอยู่ยังไงก็ไม่รู้สิ
จันทร์เอ๋ยแอบเบ้หน้ากับความกวนตีนของอีกฝ่าย ก่อนจะรีบล่ำลา แล้วลากแขนแฝดน้องไปอีกทาง โดยที่ไม่สนใจร่างสูงใหญ่ยักษ์ของหนุ่มลูกครึ่งอารมณ์นั่นอีก
“คนนั้นใช่ไหม?” จันทร์เจ้าหันไปมองอีกคนที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย
“อะไร?”
“ก็...นายข้าวกล่อง” จันทร์เอ๋ยแอบยักคิ้วให้ “คนที่ตัวสูงๆใหญ่ๆพอๆพี่พูดมากๆ”
จันทร์เจ้ายิ้มเขินๆ “อื้อ พี่นาฏย” เกาแก้มตัวเองที่รู้สึกว่าร้อนขึ้นมานิดหน่อย ทุกทีเจ้าเอยรู้ว่าเขาส่งข้าวกล่องให้กับพี่นาฏยแต่ไม่
ค่อยมายุ่งเท่าไร คอยจับตาดู ล้อเลียนอยู่ห่างๆมากกว่า
“ดูเป็นคนเงียบๆนะ ไม่น่ามาคบกับอีกคนได้เลย” จันทร์เอ๋ยแอบแขวะหนุ่มลูกครึ่งเมืองผู้ดี ที่ดูก็รู้แล้วว่าเอาแต่จะคอยกวนประสาทเขาอยู่เนืองๆ
จันทร์เจ้าแอบอมยิ้ม ก็เป็นอย่างที่ว่านั่นละ พี่นาฏยค่อนข้างเป็นคนเงียบๆ ไม่รู้ยังไงถึงมาคบกับพี่เอ็ดมันได้เลย อาจจะเป็นเพราะถึงพี่นาฏยจะเป็นคนเงียบๆ แต่ก็เข้าร่วมกิจกรรมหลายอย่างเลยละ ไม่ใช่เงียบแล้วหยิ่ง
เขาเดินลากขากับแฝดมาที่ร้านหนังสือบนห้างใหญ่แห่งนี้ รสนิยมการอ่านหนังสือของเขาทั้งคู่ก็คล้ายๆกัน คือชอบอ่านนิยาย วรรณกรรมแปลของต่างชาติ เลยชอบมาซื้อหนังสือที่นี่เพราะมีตัวเลือกให้เยอะมาก เขาทั้งสองสามารถอยู่ที่นี่ได้เป็นวันๆเลยละ
หลังจากเดินดูหนังสือเรื่อยเปื่อย เขาก็ได้หนังสือนิยายแปลแนวสอบสวนเล่มใหม่ที่ติดตามมาได้สักพัก ดูเหมือนแฝดเขาก็ได้ของตัวเองเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
“ไปซื้อไอติมกันมะ” แฝดเขาชี้ไปที่ร้านไอศกรีมที่ชอบคว่ำถ้วยเวลาสั่งเสร็จ
“เอาสิ”
ไปถึงหน้าร้านแฝดเขาก็สั่งรสที่ตัวเองชอบเรียบร้อยไปยืนรอจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เขาที่ติดนิสัยเลือกของยาก คืออันที่เจ้าเอยมันกินเขาชอบแต่ว่ารสใหม่ที่เพิ่งออกก็น่าลองไม่แพ้กัน เจ้าเอยมันรู้อยู่แล้วว่าเขาเลือกยากเลยไปนั่งแทะไอติมรอที่โต๊ะเล็กๆของร้านเรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้เขายืนขมวดคิ้วมองซ้ายทีขวาที
...กินอะไรดีละเนี่ย น่าอร่อยไปหมด…
“เลือกสักอันเถอะ” จันทร์เอ๋ยบอกเสียงเนือย มองแฝดน้องที่ทำหน้ายุ่งเหมือนกำลังตัดสินเรื่องคอขาดบาดตาย
“งืม...ก็เราเลือกไม่ถูก” คนนั่งแทะจนจะหมดเลยได้แต่ปล่อย
“อันนี้สองครับ แก้วกลางนะครับ” เสียงคนสั่งจากด้านข้าง ทำให้ร่างโปร่งเขยิบออกมาหน่อยจะได้ไม่บังคนอื่น
...แต่…
...เอ๊ะ…
ทำไมเสียงมันถึงคุ้นหูแบบนี้นะ แถมเหตุการณ์ยังเหมือนเคยเจอมาก่อนด้วย
ใบหน้าขาวรีบหันไปมอง ก่อนจะร้องในใจ
...พี่นาฏย (อีกแล้ว)...
ซื้อหวยให้มันถูกแบบนี้บ้างสิ แจ๊กพอตบ่อยไปไหม
“เลือกยากเหมือนเดิมนะคุณ” เสียงทุ้มเอ่ยนิ่ง แต่ดวงตาคมกริบแฝงไปด้วยความขบขันจางๆ มือใหญ่รับของที่สั่งมาไว้ในมือ
ก่อนจะยื่นให้เจ้ากระต่ายขี้ตกใจ “อ่ะ เอาไป ผมเลี้ยง เห็นคุณเลือกช้ามาก”
ดูทำหน้าเขาสิ ตากลมๆจะโตไปถึงไหน นาฏยแอบขำในใจ
จันทร์เจ้าตาค้าง แต่มือถูกยัดด้วยถ้วยไอติมเย็นทำเอาสติกลับมา “ง่า...ขอบคุณครับ นี่เงินครับ” จะควักเงินคืนให้ แต่โดนมือใหญ่โบกห้าม
“ไว้ค่อยเลี้ยงรวบยอดทีเดียวก็ได้”
หัวกลมๆพยักหงึกหงักๆ ก้มหน้างุดตักไอติมเย็นเข้าปาก เป็นรสที่ไม่เคยสั่งเลย แต่พอกินก็ต้องบอกเลยว่าอร่อยกว่าที่คิด “อร่อย”
มือใหญ่ตบปุๆลงบนผมนุ่ม “เอาไว้ถ้าเลือกไม่ได้อีก สั่งรสนี้นะ อร่อย ผมรับรอง”
...บึ้ม!...
ถ้าใครได้ยินเสียงระเบิดดังละก็ บอกเลยว่าเป็นหน้าเขาเองละไม่ใช่ใครที่ไหน
“โอย...ปวดขา” จันทร์เจ้าบ่น ทุบขาเบาๆหลังจากวางของลงบนโต๊ะ หลังจากพี่นาฏยมาเลี้ยงไอศกรีมอีกรอบ เชาก็รีบแวบไปซื้อกล่องข้าวที่แผนกเครื่องครัว แฝดเขาแขวะเสียงล้อเลียนว่าหน้าบานแข่งกับกะทะที่แขวนอยู่ สุดท้ายเขาก็ได้กล่องข้าวสีเทาเรียบๆแต่มีช่องให้ใส่กับข้าวแยกกันเป็นอย่างดี แถมเก็บความร้อนได้ดีกว่าอันเดิมด้วย
“ว่าแต่...ไอติมรสนั้นอร่อยไหม?” เสียงถามล้อเลียนไม่เลิกจากฝาแฝด จนจันทร์เจ้าต้องตวัดตามอง
“ยุ่ง”
จันทร์เอ๋ยหัวเราะเบาๆกับท่าทีของอีกฝ่าย
“ไว้รอบหน้าเราลองสั่งบ้างดีกว่า” ทิ้งท้ายยิ้มๆแล้วทิ้งให้แฝดคาดโทษไว้ในใจ
TBC.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อะไร ไหนพี่นาฏยอ้อยน้อง ไหนพี่ชอบน้อง ไม่มี๊ไม่มี (นาฏย: จุ๊ๆ เบาหน่อยสิ เดี๋ยวไก่ตื่นหมด)
ฮ่าๆๆๆ พี่เป็นคนขรึมๆนะค่า ไม่มีอ้อย ไม่มีอ่อย แต่นางเป็นคนจริง ทำจริงค่า ฮ่าๆๆ
น้องเจ้าก็เขินได้เขินดี อิๆ
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม บวกเป็นให้ทุกท่านที่น่ารักกกกก

แวะเวียนมาทักทายพวกเราได้ที่บ้านหลังน้อยได้ที่นี่เลยค่า
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=tsรักทุกคนนนน เยิฟฟฟฟ ส่งจุ๊บรัวๆใฟ้คนอ่าน แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
