บทที่ 14
บอกเลยว่าแอบจุกไข่พะโล้ ข้าวแกงจานนั้นรวมถึงไข่พะโล้อีกครึ่งลูกพี่นาฏยเป็นคนรับไปเหมาทั้งหมด
เดินท้องอืด...หืม? ไม่ใช่ๆ เดินเอื่อยลากเท้าตามกลุ่มใหญ่ไป คนที่ดูตื่นเต้นที่สุดน่าจะเป็นพี่เอ็กมันด์และคนที่ดูไม่เอ็นจอยที่สุด
คือ...เป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเพื่อนสนิทของชายหนุ่มลูกครึ่งเมืองผู้ดี...นายหัวน้อย…
ร่างสูงเดินหน้านิ่งตามหลังจันทร์เจ้าอยู่ท้ายสุดของกลุ่ม แอบเหล่มองนิดหน่อย พี่นาฏยใส่เสื้อเชิ้ตสีเทา ด้านในเป็นเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงผ้าสามส่วนสีตุ่นๆ คีบรองเท้าแตะสีเข้ม แต่จากที่เคยได้ยินพี่นาฏยชอบรองเท้าแตะของเฟอรากาโม่แต่ตอนนี้เห็นลองเปลี่ยนมาใส่รองเท้าแตะสัญชาติเยอรมันอย่างเบอเกนสตอกด้วย
ดูเป็นการแต่งตัวที่ถ้าอยู่บนร่างกายคนอื่นๆอาจจะดูธรรมดาแต่พอมาอยู่ร่างสูงเฉียดร้อยเก้าสิบของอีกฝ่ายแล้วดูเหมาะดีทีเดียว
ข้างในสวนน้ำกับข้างนอกนี่อย่างกับคนละโลกเลย ข้างในมีสไลเดอร์สีสันฉูดฉาดเยอะมากทั้งสูงทั้งคดเป็นวงๆหลายอัน มีอันเตี้ยๆประปราย จันทร์เจ้าเห็นกลุ่มเด็กเล็กวิ่งไปกรี๊ดไปให้พ่อแม่ตามจับ
เห็นแล้วนึกถึงตอนเป็นเด็ก มาที่นี่ก็เหมือนย้อนวัยละมั้ง สนุกไปอีกแบบ
เอ็ดมันด์เดินนำกลุ่มมาถึงล็อกเกอร์เก็บของ แต่ละคนเริ่มเปลี่ยนเสื้อกัน ฝั่งเอก อชิระและเพื่อนๆใส่กางเกงว่ายน้ำมาพร้อมอยู่แล้วเลยแค่ถอดเสื้อผ้าออกก็พร้อมเล่น
จันทร์เจ้าที่ยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลี่ยงไปทางห้องน้ำพร้อมกระเป๋า นาฏยและเตเตก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน
จันทร์เจ้าเปิดกระเป๋าเป้หยิบกางเกงขาสั้นสีเทาเข้มออกมาเปลี่ยน เปลี่ยนครู่เดียวก็เสร็จเดินสะพายเป้ไว้ข้างหนึ่งขณะที่กำลังกางผ้าเช็ดตัวคลุมไหล่เอาไว้
ออกมาแล้วเหมือนคิดผิดจริงๆ นัยน์ตากลมมองรุ่นพี่คณะประมงที่ดูเหมือนจะเรียกสายตาคนได้เป็นอย่างดี
เตเตพี่ชายเพื่อนคณะเดียวกันกับพี่นาฏยที่ใส่แค่กางเกงขาสั้นสีเข้ม ช่วงบนเปลือยเผยให้เห็นแผ่นอกกว้างแน่นตึง หน้าท้องมีลอนสวย ต้นแขนที่มีกล้ามเนื้อสวยไม่ได้ดูกล้ามปูน่าเกลียด ร่างสูงเหมือนหลุดมาจากนิตยสารชุดว่ายน้ำชาย ยกเว้นที่กางเกงขาสั้นไม่ได้รัดรึงจนเห็นอะไรมากมาย
แต่แค่นี้ก็ทำเอาคนอื่นน้ำลายย้อยแล้ว...กระต่ายแคระกลืนน้ำลายเอือก ใจเต้นรัว เหล่มองร่างกายแน่นตึงด้วยกล้ามเนื้อนั่นหลายครั้ง แล้วกลับมามองของตัวเอง ดูแล้วเหมือนคนผอมกะหร่องมาก
นัยน์ตาคมกริบมองไปยังร่างเล็กกว่านิ่งๆ สาวเท้าเข้าไปหาพร้อมเพื่อนสนิท
“ไปเลยไหม?” เตเตถามยิ้มๆ
จันทร์เจ้าพยักหน้าจะเดินตามแต่กลับถูกรั้งไว้ก่อน ตากลมๆมองฝ่ามือใหญ่ที่กำอยู่รอบต้นแขนเขาเกือบมิด
“ครับ?”
ผลุบ!
เสื้อยืดสีเข้มตัวใหญ่ถูกพาดลงบนศีรษะ “ใส่เสื้อ”
มือเล็กๆดึงเสื้อลงมาถือ หน้าขาวฉายแววงงงวยอย่างเห็นได้ชัด ใส่เสื้อทำไม?
“ห้ะ?!” เขามองหน้าคนตรงหน้า หันไปมองพี่เตเตอีกคนที่ยืนอยู่
เตเตยิ้มๆ พยักหน้าเป็นเชิงให้ทำตาม
“ใส่ซะ” เสียงเข้มๆกำชับมาอีกระลอก ทำให้ร่างเล็กต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้
กล้ามเนื้อหน้าอกด้านซ้ายค่อนข้างทำงานหนักจนเขารู้สึกได้ชัดเจน กลิ่นโคโลนจ์อ่อนๆตามแบบฉบับของอีกฝ่าย เสื้อยืดสีเข้มเนื้อนิ่ม แค่กะจากตาก็รู้แล้วว่าตัวใหญ่กว่าเขาสองเบอร์ได้ ปกติเขาใส่ไซด์เอมแต่ตัวนี้ดูแล้วอย่างน้อยน่าจะเอ็กซ์เอลได้ ปกติของอีกฝ่ายแล้วละเพราะคนสูงใหญ่ขนาดนั้น
“ผมเอาเสื้อของผมก็ได้ครับ” ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมถึงยอมทำตามโดยไม่ถามเหตุผล อาจจะเป็นเพราะสายดุๆคู่นั้นก็ได้
“ใส่นี่ละ ผมเอามาสองตัว”
“เอ่อ...ขอถามได้ไหมครับ ทำไมต้องใส่…” เขาไม่อยากจะกวนตีนนะแต่อยากรู้
“บอกให้ใส่คือใส่ ไม่ต้องดื้อ” เย้ย พี่นาฏยครับ...เขาจะยี่สิบละนะครับไม่ใช่สองขวบ ไม่เคยดื้อเถอะ...พูดมาได้
จมูกเล็กๆย่นจนหน้าขึ้นรอย แต่คนหน้าดุไม่ได้สนใจยังยืนกดดัน จนมือเล็กต้องเอาเสื้อขึ้นมาใส่อย่างเสียไม่ได้
เป็นอย่างที่คาดเสื้อตัวใหญ่ของอีกฝ่ายใหญ่เกินไปหน่อย แขนเสื้อเกือบตกมาถึงไหล่ ชายเสื้อยาวเลยกางเกงขาสั้นเขาไปอีกปิดเกือบถึงเข่า
นัยน์ตาคมดุดูพอใจขึ้นมาหน่อย นิ้วชี้ใหญ่ชี้ไปทางเดินสั่งให้คนตัวเล็กกว่าเดินไปได้แล้ว
“เฮ้ย! ไอ้เจ้า มึงขโมยเสื้อพ่อมาใส่หรอจ๊ะ” เสียงกวนตีนยียวนอย่างนี้มีคนเดียว
“พ่อคนไหนวะไอ้อัช” มีหนุ่มลูกครึ่งเป็นลูกคู่อีกระลอก
“นั่นดิ ป๊ามันมั้ง”
“พ่อทูนหัวมากกว่ามั้ง” เอ็กมันด์ผิวปากอารมณ์ดีแล้วต้องร้องโอดโอยเมื่อโดนฝ่ามือหนาตีลงกลางหัวเข้าให้
แม่งเอย...ไอ้พ่อเวรตะไล! มือหนักฉิบหาย ตีมาได้ สมองหลุดหมด
“เร็วๆเลยมึง” เอกเร่งเพื่อนที่เดินตามข้างหลังให้ขึ้นบันไดตามมา
“มึงจะรีบไปไหนวะ” อชิระบ่น ระริกระรี้เหมือนเด็กพ่อแม่พามาสวนน้ำครั้งแรก
จันทร์เจ้าเดินไต่ๆบันไดตามขึ้นไป แอบเดินยากเพราะว่าเสื้อยืดสีเข้มแม้จะบางไม่หนามากแต่พอโดนน้ำก็ทำให้หนักขึ้นมาได้เหมือนกัน พอจะถอดออกก็โดนคนตาดุมองจนใจแป้ว จำใจต้องใส่ต่อไป
เลยลองถามเหตุผล...คราวนี้คนร่างสูงเลยตอบว่า…
...อยากผิวลอกหรือไง…
แดดแรงก็จริงแต่เขาไม่ได้บอบบางขนาดโดนแดดไม่ได้สักหน่อย แต่เจอสำทับมาอีกเหมือนเดิม
...อย่าดื้อ…
ครับ ไม่เคยดื้อเลยครับ
เท้าไต่ขึ้นมาจนอยู่บนสุดพร้อมจะไหลลงไปในรูสไลเดอร์ เอาเข้าจริงๆรู้สึกว่ารุ่นพี่คณะประมงไม่ได้เล่นสักเท่าไร พี่เอ็ดมันด์นั่ง
อมยิ้มฮัมเพลงเหล่สาวไปทั่ว ส่วนพี่นาฏยกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ข้างสระใต้ร่มสนามคันใหญ่ ใบหน้าคมมีแว่นตากันแดดสวมอยู่เลยดูไม่ออกว่าหลับหรือตื่นกันแน่ มีแค่พี่เตที่ขึ้นมาเล่นกับพวกเขาบ้างบางรอบ พอเหนื่อยก็ไปนั่งกับเพื่อนแทน
เล่นอันนู่น ขึ้นอันนี้ เปลี่ยนอันไปเรื่อยๆสลับๆกันไปแก้เบื่อ เปลี่ยนรสชาติ ตอนนี้เขาเปลี่ยนมาเล่นสไลเดอร์อันที่มีเหมือนห่วงยางให้นั่งไหลลงซึ่งนั่งได้สองคน เขาตกลงว่าจะนั่งกับอชิระส่วนเพื่อนคนอื่นๆในคณะเดียวกันแบ่งๆกันนั่งไป
“มึงกูนั่งหน้านะ” จันทร์เจ้าบอก เขาอยากนั่งหน้ามันมองเห็นทัศนียภาพมากกว่า ขืนนั่งหลังมีหวังไอ้อัชบังมิดมองอะไรๆม่เห็นสักอย่าง
อชิระเออออเพื่อนไป เขายังไงก็ได้อยู่แล้ว
พอถึงคิวที่ได้เล่น ร่างเล็กๆก็ขึ้นไปนั่งบนเบาะยางก่อน สายตามองไปข้างล่างตามท่อไหลอย่างตื่นเต้น รู้สึกถึงความยวบของเบาะยางเมื่อมีร่างของอีกคนตามลงนั่งด้วย เมื่อคนดูแลให้สัญญาณ มือขาวๆจับที่เกาะไว้ พร้อมกับเบาะยางถูกปล่อยไหลลงตามแรงโน้มถ่วง จนเรือเบาะยางไหลลงมาตามท่อจนลงสระที่รออยู่ด้านล่าง ด้วยความหนักของเรือทำให้น้ำแตกกระจานเป็นวง
จันทร์เจ้าร้องเบาๆอย่างตื่นเต้น ใครบอกของเล่นพวกนี้สำหรับเด็กๆ มันทำให้ผู้ใหญ่ผ่อนคลายเหมือนกลับมาเป็นเด็กอีกครั้งเหมือนกันนะ แอบเสียดายที่พงกรุ่นพี่เอาแต่นอนอาบแดดเหมือนร่างกายหมดพลังอย่างไรก็ไม่รู้ ทำให้พูดขึ้นมาอย่างน่าเสียดาย
“พวกพี่นาฏยน่าจะมาเล่นเนอะ ออกจะสนุก เสียดายเงินออก เข้ามานอนเป็นหมีจำศีลเลย” ถ้าพี่นาฏยไม่ได้อยู่ใกล้หรือคุยกับอีกฝ่าย จันทร์เจ้าก็จะเริ่มกลายเป็นคนพูดเยอะได้เหมือนกัน
เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากด้านหลัง แต่ไม่ได้ยินเสียงเพื่อนตอบกลับมาเลยหันไปมอง
...พจชกขป…
พระเจ้าช่วย! กล้วยแขกปิ้ง! แต่ตอนนี้ใครจะปิ้งกล้วยไม่สำคัญล่ะ!
แม่ง มีความอยากจะคว่ำเรือเบาะยางนี่ให้จมแล้วฝั่งตัวเองลงกับตระไคร้น้ำใต้พื้นสระจริงๆ
“ผมเหมือนหมีจำศีล?” ตายๆๆๆ ตายยกกำลังสิบซ้อนกำลังล้าน
TBC.
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขออภัยที่ทำให้รอนานนะค่าาาาา ขอบคุณจริงๆสำหรับทุกการติดตามค่
หมีที่ไหนหล่อขนาดเดือนประมงปีะสามคะคุณพี่ของน้อง(เจ้าขา) แต่เท่าที่รู้หมีไม่กินอ้อยนะค่าาาาา
พี่แกเล่นคว่ำรถอ้อยกลางสวนน้ำ แล้วน้องจะอยู่ต่อทำไมครับ ระเบิดตัวตายเถอะ 
รักน้องเจ้าบวกเป็ด ปลื้มพี่นาฏยคอมเม้นโลดค่า
ปล. อีกหนึ่งเรื่องของคนเขียน วณิพกพเนจร ไปตามได้
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0
ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=ts
ปล.สาม. เรื่องรักตามสั่งเป็นเรื่องสบายๆคลายเครียด ฟีลกู๊ด น่ารักๆ การดำเนินเรื่องอาจจะเรื่อยๆเอื่อยๆไปบ้าง ขอต้องขออภัย
คนอ่านที่ชอบความตื่นเต้นหรือเรื่องที่ซับซ้อนนะค่า เรื่องนี้เราตั้งพลอตไว้แบบเป็น สไลด์ออฟไลฟ์ อยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึง
ชีวิตตัวละครจริงๆ เวลาเขียนเราค่อนข้างใส่ความรู้สึกของมนุษย์จริงๆเข้าไป
คืออยากให้ลองนึกว่าพี่นาฏย น้องเจ้าและตัวละครทุกตัวเป็นคนจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่เหมือนพวกเรานี่ละค่ะ เวลาเราเขียนเรานึกถึงว่าถ้าพี่นาฏยเป็นเพื่อนเรา น้องเจ้าเป็นน้องชายเรา เขาจะรู้สึกแบบไหนกันนะตอนนี้ เราเขียนให้ตัวละครเราค่อนข้างเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องเลยจะเป็นการดำรงชีวิตของคนคนหนึ่งนะค่า
ปล.สี่. อยากจะให้ทุกท่านติดตามชีวิตของพี่นาฏยกับน้องเจ้าไปด้วยกันกับเรานะค่า
แก้ไขข้อความ