บทที่ 16.1
“เอ่อ ผมว่าผมกลับไปอ่านต่อเองก็ได้ครับ” เสียงกล้าๆกลัวๆดังมาจากข้างคนขับ นาฏยหันไปมองนิดหน่อยแต่ไม่ได้ตอบอะไร
จันทร์เจ้าทำปากขมุบขมิบ ไอ้เพื่อนตัวดีทิ้งเขาไปตั้งแต่ตอนแรกเลยด้วยซ้ำ เขาถูกจับให้มานั้งรถพี่นาฏยแต่ไอ้อัชบอกจะไปกับไอ้เอก สรุปคือพอขับมาได้สักพักพวกมันโทรมาบอกเขาว่าไม่กล้าไปแล้วเกรงใจ
แล้วพวกมันเคยถามเขาไหม?????
ว่าเขาอยากไปไหม?
เขาจะต้องกลับไปเคลียร์บัญชีหนังหมากับไอ้สองตัวนั้นแน่นอน พี่นาฏยไม่ได้ว่าอะไรที่สองคนไม่มาเพราะสองคนนั้นดูเอาตัวรอดได้อยู่ แต่พี่นาฏยบอกว่ากรณีเขาต้องติวเข้มเพราะพื้นฐานไม่แน่น โฮ…
“พี่นาฏยครับ...”
แต่ไม่ได้คำตอบอะไร เลยต้องนั้งหน้าตูมจนรถยนต์เคลื่อนเข้าสู่หมู่บ้านที่เขาเคยมาครั้งหนึ่งตอนที่แม่พี่นาฏยชวนมากินข้าวที่บ้าน บ้านหลังใหญ่หลังเดิม จันทร์เจ้ายังอดตะลึงกับความใหญ่ไม่ได้อยู่ดี เวลาเย็นๆอากาศไม่ร้อนระอุ จันทร์เจ้ามองสวนสวยขนาดใหญ่พอสมควรที่กำลังมีคนถอนหญ้า ตัดแต่งกิ่งดูวุ่นไปหมด
“คุณเข้าไปก่อน เดี๋ยวผมคุยกับคนสวนแป๊ปนึง”
นาฏยชี้เข้าไปในตัวบ้าน จันทร์เจ้าเลยเดินเตาะแตะสะพายกระเป๋าเข้าไปในตัวบ้าน
นัยน์ตากลมเห็นหญิงชราใจคนเดิมที่เคยเจอเมื่อครั้งก่อนที่เคยมาที่นี่ “สวัสดีครับยายน้อม” เขาบกมือไหว้
ร่างเล็กรู้สึกถึงความอบอุ่นและความนุ่มนิ่มของยายน้อมเข้าสวมกอดเข้าแน่น
“หิวหรือยังคะน้องเจ้า?”
“ยังครับ”
รอยยิ้มใจดีของหญิงชราทำให้เขายิ้มตอบกว้างๆ
“งั้นกินขนมก่อนไหมคะ? ยานน้อมทำบัวลอยไข่หวานเอาไว้ ไม่หวานมากเพราะพี่เขาไม่ชอบหวาน”
‘พี่’ ที่ยายน้อมว่าคงหมายถึงร่างสูงใหญ่ที่ยังอยู่ด้านนอก ร่างเล็กยิ้มเขินๆเดินตามแรงจูงมือเข้าไปในครัว กลิ่นกะทิต้มอยู่ในหม้อทองเหลืองส่งกลิ่นหอมกรุ่นจนน้ำลายจะไหล
“หอมจัง”
ยายน้อมตักบัวลอยไข่หวานชามย่อมส่งมาให้ เม็ดบัวลอยสามสีลอยฟ่องอยู่ด้านบน
“ทานรองท้องก่อนนะคะ เดี๋ยวมือเย็นมีของอร่อยกว่านี้” คุณหนูของบ้านโทรมาบอกหล่อนว่าให้ทำอาหารเผื่อรุ่นน้องอีกหนึ่งที่และกำชับว่าขอให้มีอาหารรสจืดอย่างน้อยสองอย่าง เพราะปกติจะมีเมนูรสจัดสำหรับคนกระเพาะเหล็กอย่างนายหัวน้อย
จันทร์เจ้าตักขนมเคี้ยวตุ้ย ยิ้มแต้ใส่ยายน้อม “อร่อยจังครับ” ตักเข้าปากเพิ่มอีกคำเป็นการยืนยัน
“อ้าวคุณนาฏย รับสักชามไหมคะ?”
นาฏยเดินเข้ามาในครัว เห็นกระต่ายแคระคุยจ้อสลับกับเคี้ยวขนมตุ้ยๆ
“ไม่เป็นไรครับ” ร่างสูงเดินมาเคาะหัวทุยเบาๆ “พร้อมติวยัง?”
“ครับ...ขอกินให้หมดก่อนนะครับ” จันทร์เจ้าพยักหน้าหงึกหงักพลางตักบัวลอยเข้าปากอีกคำใหญ่ แต่ไม่กล้ามูมมามมาก กลัวพี่นาฏยจะไม่ชอบใจ
“ไม่ต้องรีบ ค่อยๆกิน” มือใหญ่ตบหัวปุๆ
ร่างสูงหยิบน้ำจากตู้เย็นมารินดื่มเอง “ยกตัวอย่าง present simple tenseมาสามประโยค”
มือเล็กชะงัก “หา…”
“ตอบผิดจะอดกิน” นัยน์ตากลมมองมือใหญ่ที่มาคว้าถ้วยบัวลอยหอมๆไปไว้กับตัวเอง
ปากเล็กเบ้ออกเล็กน้อย “งือ…”
“อย่าแกล้งน้องสิคะคุณนาฏย” ยายตีไหล่หนาเบาๆแต่แอบอมยิ้มเอ็นดูเด็กหนุ่มตัวเล็ก
“ไม่ได้ครับยายน้อม น้องมาติวหนังสือ”
คำว่า ‘น้อง’ ทำให้ใบหน้าขาวรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมา
“เอ้า ตอบเร็ว” เสียงกระตุ้นทำให้ร่างเล็กเริ่มงุ้นง้าน ขนมก็โดนแย่งไปแถมโดนกดดันอีก สายตาคมดุจ้องมองนิ่งๆ จันทร์เจ้าหัน
ไปมองหญิงชราเพียงหนึ่งเดียวในห้องครัว ยายน้อมยกมือนุ่มนิ่มบอกให้เขาสู้ๆ
ร่างเล็กค่อยๆตอบคำถามตามที่ตัวเองคิด พอตอบเสร็จ นาฏยพยักหน้านิดๆแต่ใบหน้ายังคงนิ่งตามเหมือนเดิม
“ถูกไหมครับ?”
ร่างสูงไม่ตอบแต่ดันถ้วยขนมกลับมาให้ร่างเล็ก หน้าขาวๆยิ้มกว้าง
“เย้” ดีใจเป็นเด็กเล็กๆจนนาฏยหัวเราะเบาๆ
“กินเสร็จแล้วตามผมไปที่ห้องนั่งเล่น”
จันทร์เจ้ารีบตักบัวลอยเข้าปากก่อนจะตามร่างสูงออกไปที่ห้องนั่งเล่น
นัยน์ตากลมมองมือใหญ่ที่หยิบหนังสือออกมาจากกล่องใส่ของ กองเอกสารของจันทร์เจ้าก็ถูกหยิบขึ้นมาบ้าง กระดาษแบบฝึกหัด
ติวเตอร์ตัวโตสั่งนักเรียนตัวเล็กให้ทำแบบฝึกหัดแบบจับเวลา
จันทร์เจ้าตั้งใจว่าจะต้องเก็บความรู้ทุกเม็ดให้ได้มากที่สุด
“เฮ้อ…” เสียงผ่อนลมหายใจของคนตัวเล็กหลังจากวางปากกาในมือ ชุดคำถามชุดที่สามที่นาฏยทำมาให้ลองข้อสอบถูกมือใหญ่เก็บกลับไป
“ไปกินข้าวเย็นก่อน แล้วเดี๋ยวผมมาตรวจให้ กลับสักสามทุ่มได้ไหม?”
ตอนนี้เวลาประมานเกือบหกโมงเย็น เป็นเวลาอาหารเย็นพอดิบพอดี เริ่มรู้สึกว่าท้องเริ่มจะประท้วงมากขึ้นเรื่อยๆ สงสัยบัวลอยที่กินไปจะย่อยไปหมดแล้ว นาฏยเดินนำร่างเล็กไปทางห้องอาหาร
ยายน้อมกับเด็กรับใช้อีกคนกำลังลำเลียงอาหารขึ้นโต๊ะ กลิ่นหอมจนน้ำลายหก ตากลมมองกับข้าวบนโต๊ะ ส่วนหนึ่งเป็นกับข้าวสีสันจืดชืดเช่น หมูทอดและผัดผัก แต่อีกด้านเป็นอาหารใต้รสจัดตามสไตล์เจ้าของบ้าน
พอนั่งได้ที่ มือใหญ่ก็ตักข้าวในโถให้แขกตัวเล็กของบ้าน พร้อมกับหมูทอดหอมๆถูกตักมาวางให้ด้วย จันทร์เจ้าขอบคุณอีกฝ่ายก่อนจะลงมือเมื่อเจ้าของบ้านให้สัญญาณ
“ไอ้โซ้ยตี๋...”
เสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านนอกห้องอาหารทำให้ร่างสูงชะงักเล็กน้อย คิ้วเข้มทั้งสองข้างขมวดขึ้นเล็กน้อย
...มาได้ไงว่ะ?!...
นาฏยสบถในใจ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกหนึ่งเบาๆ “ยายน้อมครับ…”
หญิงชราแย้มยิ้ม เธอได้ยินเสียงเรียกแล้ว มีไม่กี่คนที่กล้าเรียกนายหัวน้อยว่า ‘โซ้ยตี๋’ เท่าไรนัก เห็นทีคนที่มาจะเป็น…
“โซ้ยตี๋…” เสียงดังมาถึงหน้าห้องอาหารพร้อมร่างสูงใหญ่ทะทึนทึงมายืนอยู่ตรงหน้ากรอบประตูพอดิบพอดี
จันทร์เจ้าเบิกตามองคนมาใหม่อย่างตกใจเล็กน้อย
...พี่นาฏย?!...
...ไม่ใช่สิ…
...แฝดพี่นาฏย?!...
เฮ้ย! จะบ้าตาย ใช่ที่ไหน พี่นาฏยไม่มีแฝดสักหน่อย ร่างเล็กอยากจะเขกหัวตัวเอง แต่ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนที่เหมือนพี่นาฏยอย่างกับแกะขนาดนี้
“อะไรเฮีย” คนโดนเรียกทำเสียงเหม็นเบื่อใส่
“ก็เรียกแล้วไม่ตอบวะ” อีกคนตอบ
“แล้วเฮียมาได้ไง?”
“ก็อยากมา”
“แล้วป๋ากับแม่รู้เปล่า”
“รู้มั้ง”
“มั้ง? คือไม่รู้?”
“โว๊ะ จะซักเฮียทำไมไอ้ตี๋เล็ก”
จันทร์เจ้ามองพี่นาฏยสองคนยืนคุยโต้กันไปมา
“ยายน้อมสวัสดีครับ…” ร่างสูงที่มาใหม่เข้าไปสวัสดีหญิงชราที่ยิ้มกว้างพลางสวมกอดร่างแกร่งแน่น
“มาได้ไงคะคุณนโม…”
“ผมลอยตามกลิ่นกับข้าวยานน้อมมาครับ เมื่อไรยายน้อมจะกลับไปทำให้ผมกินบ้าง ทิ้งไอ้โซ่ยตี๋ให้มันอยู่คนเดียวเถอะครับ ผม
กับเฮียเนตรคิดถึงยายน้อม” เสียงทุ้มนุ่มแต่ฟังดูฉ้อเลาะประหลาด
หน้าตาเหมือนพี่นาฏยแต่นิสัยคนละเรื่องเลย นัยน์ตากลมลอบมองอีกฝ่าย แต่นัยน์ตาคมหันกลับมาจ้องมองเขาแทน ร่างเล็กเกร็งขึ้นรู้สึกเหมือนโดนสแกนร่างกายยังไงไม่รู้
นาฏยเลยเอ่ยขึ้นก่อน “เจ้า นี่พี่ชายคนที่สองของผมชื่อนโม ส่วนนี่รุ่นน้องที่มหาลัยชื่อเจ้า”
“สวัสดีครับ” จันทร์เจ้ายกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่า พอมาลองดูดีๆ คนตรงหน้าดูแล้วจะดูมีอายุเยอะกว่าพี่นาฏยอยู่สักหน่อย
“อ่า...สวัสดีครับ” นโม ช่วงชัชวาลย์มองร่างเล็กตรงหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
“คุณนโมกินข้าวไหมคะ” ยายน้อมถามแต่ว่ารีบบริการตักข้าวสวยร้อนๆใส่จานข้าวของชายหนุ่มทันที นโมรัจานข่าวพูนๆมาก่อนจะ
นั่งลงข้างๆร่างสูงใหญ่ของน้องชายที่อายุห่างกันประมานสามปี ส่วนเฮียเนตรพี่ชายคนโตสุดนั้นอายุห่างจากเขาประมานห้าปี
“น้องเจ้าเป็นรุ่นน้องคณะประมงของไอ้ตี๋เล็กหรอ?”
ตี๋เล็ก?
หมายถึงพี่นาฏยใช่ไหมนะ?
“อ่า เปล่าครับ ผมเรียนคณะบริหารครับ” จันทร์เจ้าตอบ
“แล้วรู้จักกับตี๋เล็กได้ยังไง?” นโมถามต่อ
ร่างเล็กลอบยิ้มเล็กน้อย คำที่ชายหนุ่มใช้เรียกน้องชายตัวเองฟังดูน่ารักพิลึก เหมือนพี่นาฏยยังเป็นเด็กชายอายุสามขวบอย่างไรอย่างนั้น
ตี๋เล็ก...แต่เดี๋ยวตัวคงไม่เล็กแล้วมั้ง สุงอย่างกับตึกขนาดนี้
“อ่อ...เอ่อ...” นั้นสิ เขาไปรู้จักกับพี่นาฏยได้ยังไง สงสัยเพราะเจอตามสถานการณ์บ่อยๆละมั้ง
“เฮียเลิกถามน้อง กินข้าว” เสียงนิ่งๆตัดบท นโมยิ้มให้กับเด็กหนุ่ม ก่อนจะยักไหล่
สงสัย...ตี๋เล็กจะไม่ชอบให้ยุ่งกับรุ่นน้องคนนี้เท่าไร
TBC.
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่า วันสุดท้ายของปี 2016 ขอบคุณทุกการสนับสนุนนิยายมาโดยตลอด
ปี 2016 เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคน แต่วันพรุ่งแห่งปีใหม่จะต้องเป็นปีที่ดีกว่าแน่นอน
พี่นาฏยก็จะยังคงขายอ้อยข้ามปีเช่นกัน ปีหน้าไร่พี่อ้อยก็ยังคงคุณภาพเยี่ยมดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
น้องต่ายแคระก็คงความน่ารักน่ากอดไว้เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแน่
สุดท้ายนี้ขอวาระมงคลวันขึ้นปีใหม่ ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุขความเจริญในปีใหม่นี้
ขอบคุณทุกการติดตามค่า
เลิฟ
รักน้องเจ้าบวกเป็ด ปลื้มพี่นาฏยคอมเม้นโลดค่า
ปล. อีกหนึ่งเรื่องของคนเขียน วณิพกพเนจร ไปตามได้
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0
ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=ts
ปล.สาม. เรื่องรักตามสั่งเป็นเรื่องสบายๆคลายเครียด ฟีลกู๊ด น่ารักๆ การดำเนินเรื่องอาจจะเรื่อยๆเอื่อยๆไปบ้าง ขอต้องขออภัย
คนอ่านที่ชอบความตื่นเต้นหรือเรื่องที่ซับซ้อนนะค่า เรื่องนี้เราตั้งพลอตไว้แบบเป็น สไลด์ออฟไลฟ์ อยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึง
ชีวิตตัวละครจริงๆ เวลาเขียนเราค่อนข้างใส่ความรู้สึกของมนุษย์จริงๆเข้าไป
คืออยากให้ลองนึกว่าพี่นาฏย น้องเจ้าและตัวละครทุกตัวเป็นคนจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่เหมือนพวกเรานี่ละค่ะ เวลาเราเขียนเรานึกถึงว่าถ้าพี่นาฏยเป็นเพื่อนเรา น้องเจ้าเป็นน้องชายเรา เขาจะรู้สึกแบบไหนกันนะตอนนี้ เราเขียนให้ตัวละครเราค่อนข้างเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องเลยจะเป็นการดำรงชีวิตของคนคนหนึ่งนะค่า
ปล.สี่. อยากจะให้ทุกท่านติดตามชีวิตของพี่นาฏยกับน้องเจ้าไปด้วยกันกับเรานะค่า