บทที่ 16.2
“คนนี้ใช่ไหมที่แม่เล่า?” ร่างสูงใหญ่เท่ากับน้องชายนั่งลงข้างโซฟาเดี่ยวที่ร่างสูงใหญ่ไม่แพ้กันนั่งดูทีวีอยู่
“แม่ไปเล่าอะไร?”
“บ๊ะ ไอ้นี่ ก็ที่แม่ขึ้นมากรุงเทพแล้วบอกว่าเจอน้องตัวเล็กๆคนหนึ่ง”
นัยน์ตาคมของนาฏยทำเพียงมองพี่ชายเท่านั้น เขาพอรู้อยู่แล้วว่าแม่จะต้องเล่าอะไรไปบ้างแล้วล่ะ
“แล้ว?” เขาเลิกคิ้วถาม
“แกจริงจัง?”
น้องชายคนสุดท้องเป็นคนเงียบๆนิ่งๆ บางครั้งก็เดายากว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ที่แน่ๆคนเป็นพี่ชายอย่างเขายังไม่เคยเห็นน้อง
ชายชอบยุ่งเกี่ยวกับใครมากนัก ยิ่งพามาที่บ้านนี่ยิ่งไม่มีเลย จึงถือว่าเป็นเรื่องแปลกมาก
“...” นาฏยไม่ได้ตอบคำถามพี่ชาย
นโมมองท่าทางของน้องชายแล้วถอนหายใจเฮือก “เอาเถอะ เฮียแค่ถามไม่ได้ก้าวก่ายอะไร”
ตบมือหนักๆบนไหล่กว้างก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำนอนเพราะเดินทางมาจากใต้ตั้งแต่บ่าย ความจริงเขาขึ้นมาไม่ได้จะมากวนน้องชายอะไรหรอก เขาต้องขึ้นมาดูลูกค้าทางกรุงเทพฯทุกเดือนอยู่แล้ว
นาฏยเลยเลี่ยงไปอาบน้ำบ้าง
จันทร์เจ้านอนยิ้มท่ามกลางความืดสลัวภายในหห้องของตัวเอง ในหัวคิดถึงเมนูอาหารที่จะทำให้พี่นาฏย อยากจะทำเยอะขึ้นเล็กน้อยเป็นการขอบคุณเล็กๆน้อยที่อุตส่าห์เสียเวลามาติวหนังสือให้เขา
ถ้าทำยำทะเลรวมมิตรแล้วก็ข้าวผัดน่าจะเข้ากันนะ ยำทะเลเผ็ดนำตามสไตล์ที่อีกฝ่ายชอบกับข้าวผัดรสกลมกล่อม พอคิดเมนูได้ก็คิดคำนวณสัดส่วนต่างๆของส่วนผสม จดเอาไว้ในสมองก่อนจะค่อยๆหลับตาลง
เช้าวันจันทร์กับจันทร์เจ้าที่กำลังยืนซื้อกล้วยทอดอยู่หน้ามหาลัย ในมือถือถุงผ้าที่ใส่ข้าวกล่องของใตรบางคนเอาไว้เรียบร้อย นัยน์ตากลมโตมองป้าคนขายที่กำลังทอดกล้วยในกะทะใบใหญ่
ปริ๊นๆ
เสียงแตรรถยนต์ที่ดังจากด้านหลังทำให้ร่างเล็กหันไปมอง รถยนต์คันหรูคุ้นตาดีในระยะนี้จอดอยู่ เปิดไปกระพริบเป็นสัญญาณบอก ดีว่าช่วงเช้าวันจันทร์ยังไม่ค่อยมีรถเท่าไรนักเลยจอดได้ไม่มีใครมาว่า กระจกรถด้านฝั่งคนขับเปิดลงจนเห็นใบหน้าคมดุในชุดเสื้อช็อปของคณะประมงนั่งอยู่หลังพวงมาลัย
นัยน์ตาคมดุมองร่างเล็กที่เขาเห็นเจ้าตัวกำลังยืนอยู่ร้านหน้าปากทางเข้าของมหาลัย จันทร์เจ้าสะดุ้งเล็กน้อยเพราะลืมไปว่าตัวเองกำลังถือถุงช้าวกล่องประจำของปีกฝ่ายเอาไว้ในมือ จันทร์เจ้าค่อยๆใช้ตัวเองบังถุงที่ว่านั่น อีกฝ่ายยังไม่ได้ว่าอะไรออกมาแสดงว่าอาจจะยังไม่สังเกตุ
“กินข้าวเช้าแล้วหรือถึงมาซื้อขนม?” เสียงทุ้มติดดุเหมือนอีกฝ่ายเป็นเด็กตัวเล็กที่ไม่ยอมกินข้าวแล้วมาหาขนมกิน
ร่างเล็กทำปากยู่เล็กน้อย “ยังครับ แต่ไม่ค่อยหิว” เขากะว่าจะซื้อกล้วยทอดแล้วจะไปซื้อนมกล่องมากินด้วยกัน
“เป็นเด็กหรือไงไม่กินเช้า” นาฏยส่ายหน้า
“ง่ะ”
นาฏยตบไฟเลี้ยวเอารถเข้าไปจอดข้างทาง ก่อนลงจากรถตรงมายังร้าน จันทร์เจ้ายิ้มแหย เหงื่อตก ต้องรีบเอาถุงผ้าเก็บใส่กระเป๋าก่อนไม่งั้นโดนจับได้แน่ หันหลังรีบเอาถุงยัดกระเป๋าอย่างรวดเร็ว
“ทำอะไร?”
แว๊ก!
ใครสอนให้มากระซิบข้างหลังแบบนี้ มันเขิน เอ๊ยยย มันหลอนนะพี่นาฏย
“ป...เปล่าครับ”
อย่ายื่นหน้าเข้ามาสิ เดี๋ยวเขาก็ระเบิดตัวเองหรอก แงๆ
“หึ...เด็กเลี้ยงแกะ...”
“ใครเด็กเลี้ยงแกะ?” ใบหน้าเล็กซีด ใบหน้าแฝงด้วยความตื่นตระหนก ในใจเต้นระรัว
...หรือพี่นาฏยจะเห็น?!...
“ได้แล้วจ้ากล้วยทอด” เสียงป้าช่วยขัดความหวาน? ไม่สิ ช่วยทำให้เขารอดพ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี่ไปได้
จันทร์เจ้าส่งเงินเท่ากับราคากล้วยทอดไปให้ แต่ว่ายังไม่ทันที่จะเอื้อมไปรับถุงกลับมามือดีกว่าเอื้อมไปรับแทน
“พี่นาฏย...” เสียงเด็กร้องเรียกแต่ร่างสูงไม่สนใจ เดินแกว่งถุงไปขึ้นรถตัวเอง
คนโดนขโมยกล้วยต่อหน้าต่อตากระทืบปึกๆอย่างเด็กเอาแต่ใจ นัยน์ตากลมมองร่างสูงในรถอย่างอารมณ์บูด
“กินข้าวก่อนค่อยกินขนม” ใบหน้าหล่อคมมองร่างเล็กผ่านกระจกรถที่ลดลงครึ่งหนึ่ง
“นั่นข้าวเช้าผม”
“ขึ้นรถ”คนละเรื่องละครับ เอากล้วยคืนมานะพี่นาฏย!
แก้มกลมป่องขึ้นดูเหมือนกระต่ายแคระกำลังไม่สบอารมณ์ ดูหงุดหงิดงุ่นง่านแต่นาฏยกลับอมยิ้มในท่าทางของน้อง จนทำอะไรไม่ได้ ร่างเล็กจึงต้องจำใจเดินอ้อมไปอีกฝั่ง หลังพาตัวเองมานั่งอยู่บนเบาะนุ่มแอร์เย็นฉ่ำ ใบหน้างอง้ำก็พูดขึ้น
“ผมอยากกินกล้วยทอด”
“เดี๋ยวให้กินแต่กินข้าวก่อน”
รถยนต์คันหรูขับเข้าประตูไปจอดที่โรงอาหารกลางของมหาลัย
“แต่ผมไม่หิวนี่ครับ” แง...ทำไมจะกินกล้วยทอดมันยากเย็นขนาดนี้
“ลงมาเร็ว” ร่างสูงลงมายืนนอกรถ นัยน์ตาคมมองเด็กที่กำลังทำท่าเหมือนอยากจะตีโพยตีพาย ปากเล็กขมุบขมิบจนน่าขัน เลย
แกว่งถุงกล้วยทอดอมน้ำมันเยิ้มเป็นเชิงเร่งอีกฝ่าย “ไม่ลงก็ไม่ได้กินนะ ไอ้กล้วยน่ะ”
ลงก็ได้! เชอะ!!
ตะบึงตะบอนเดินเตะฝุ่นเข้าไปในโรงอาหาร ตากลมมองร้านที่ยังเปิดไม่หมดเพราะเป็นช่วงเช้า จนมาหยุดที่ร้านโจ๊กร้อนๆ
“กินโจ๊กไหม?” นาฏยเห็นอีกฝ่ายจ้องมองร้านไม่ไปไหนเลยคิดว่าเจ้าตัวคงตัดสินใจจะกินร้านนี้
“ครับ” ปากยู่ใส่เขาอีก มือใหญ่ดันหลังเล็กๆให้เดินนำไปยังจุดหมาย
“โจ๊กหมูใส่ไข่สองครับ” นาฏยสั่งในส่วนของตัวเองและส่วนของเด็กข้างๆด้วย นาฏยบอกให้เด็กข้างๆยืนรอโจ๊กส่วนเจ้าตัวเดิน
เลี่ยงไปร้านขายข้าวแกงอีกสองร้านถัดไป ยืนสั่งอยู่ครู่เดียวก็เดินกลับมาพร้อมกับข้าวราดแกงหนึ่งจาน โจ๊กสองชามร้อนๆก็เสร็จพอดี นาฏยรับโจ๊กมาถืออีกชามส่วนจันทร์เจ้าถือของตัวเอง
“กินไม่หมด…” วางช้อนโจ๊กลง ตากลมๆมองกล้วยทอดตาละห้อย จากร้อนๆเริ่มจะเย็นชืดล่ะ
นาฏยเลยส่งถุงไปให้ ตากลมวาววับเหมือนได้แครอท เคี้ยวแก้มตุ่ยอย่างเอร็ดอร่อย
“กินไหมครับ?” ส่งถุงกลับมาให้เขา เลยหยิบมาชิมชิ้นหนึ่ง ก็ไม่เลวเท่าไรนัก
“อ๊ะ...ผมต้องรีบเข้าห้องแล้วอาจารย์เช็คชื่อด้วย”
นาฏยพยักหน้าให้อีกฝ่ายที่กำลังค้นอะไรบางอย่างในกระเป๋าด้วยความรีบร้อน เหมือนเจ้าตัวกำลังหาแฟ้มงานอยู่ พอเจอก็รีบลา
เขาก่อนจะลุกไป
“คุณ…” นัยน์ตาคมมองเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆล่วงจากกระเป๋าที่ปิดไม่สนิทขณะที่เจ้าตัวรีบก้าวเท้าไปทางตึก เขากำลังจะเรียก
ให้กลับมา
นาฏยมองกระดาษใบเล็กมือก่อนจะพับเก็บลงกระเป๋ากางเกงไป
จันทร์เจ้าขมวดคิ้วเมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นครืดๆหลายที เลยควักออกมาดู สายเรียกเข้าเป็นฝาแฝดของเขา
“ว่าไงเจ้าเอย”
[เจ้าขา ตัวเอาข้าวกล่องเราไปหรือเปล่า]
คิ้วขมวดเล็กน้อย ฝาแฝดเขาบางครั้งก็เอาข้าวกล่องไปกินเองที่มหาลัยเหมือนกันเพราะว่าเจ้าตัวบอกว่าทำเองอร่อยกว่า
“หืม…?” เขาพลันนึกไปถึงข้าวกล่องที่เอามาให้พี่นาฏย “เราหยิบผิดหรอ?” แต่เมื่อเช้าตอนที่ออกมาเขาว่าเขาก็ไม่น่าจะหยิบผิด
นะ
[หม่าม้าบอกว่ามาเอาของในครัวตอนที่เจ้าขาไปอาบน้ำแล้วเลยเอามาคู่กับของเราน่ะ วันนี้เราใช้ีเดียวกับของเจ้าขามันเลยปนกัน
คงหยิบไปผิด] จันทร์เอ๋ยกำลังจะออกจากบ้านแต่รู้สึกว่าข้าวกล่องตัวเองน้ำหนักเยอะผิดปกติเลยลองเปิดดู กลายเป็นยำสีแดง
เถือกเห็นแล้วยังเสียวกระเพาะกับข้าวผัด แทนที่จะเป็นข้าวไข่เจียวกุ้งสับของตัวเอง
“อ้าวหรอ...” งั้นสงสัยวันนี้คงต้องงดไปก่อน ไม่ได้ให้พี่นาฏย “ขอโทษทีนะเจ้าเอย”
[ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราเอาไปให้ที่มหาลัยละกัน]
“เอ้ย...ไม่เป็นไร วันนี้งดไปก่อน”
[ไม่เป็นอะไรเราออกมาแล้ว เดี๋ยวใกล้ถึงมหาลัยตัว แล้วเราจะบอกนะ]
หลังจากวางสายฝาแฝดตัวเองไป ร่างเล็กก็รู้สึกผิดเล็กน้อยที่สะเพร่าไม่เช็คให้ดีก่อนออกจากบ้าน
“นั่นมัน...” ร่างสูงใหญ่ในชุดลำลอง หน้าตาหล่อคมคล้ายน้องชายจนเหมือนเป็นแฝดกันเนืองๆเพียงแค่หน้าตาของเจ้าตัวดูมีอายุมากกว่าเท่านั้น นอกนั้นทั้งความสูง ความหนาค่อนข้างใกล้เคียงกัน
นัยน์ตาคมดุเห็นร่างเล็กๆหน้าตาคุ้นๆเหมือนเพิ่งจะเจอที่ห้องน้องชายตัวเองเมื่อวันก่อนเอง เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษากำลังเดินแกมวิ่งข้ามถนนมาทางเขา
“น้องเจ้า...” เขาเรียกอีกฝ่าย
คนที่ถูกเรียกชะงักเล็กน้อย ใบหน้าเล็กฉายแววงงงวย มั่นใจว่าตนไม่เคยเจอหรือรู้จักกับคนตรงหน้ามาก่อนแน่นอน แต่พอมองดีๆก็มีเหมือนจะเคยเจอที่ไหนหรือเปล่า
“ครับ?”
คนตัวใหญ่ยิ้มขำ “อะไรกัน? ลืมพี่แล้วหรือ พี่เป็นพี่ชายของนาฏย เราเพิ่งเจอกันเองนะ”
จันทร์เอ๋ยกระพริบตาปริบๆ ไอ้แฝดเขามันไปรู้จักมักจี่กับญาติโกโหติกาของพี่ข้าวกล่องของมันตั้งแต่ตอนไหนวะ “อ่า ครับ...” แต่ด้วยความที่เขาเฉยๆเวลาคนมาทักผิด คือก็จะไม่พูดอะไรปล่อยให้ทักให้คุยไป ไม่บอกด้วยว่าเขาไม่ใช่น้องชายซึ่งจันทร์เจ้าก็ทำเหมือนกัน
“จะเข้ามหาลัยสินะ เดี๋ยวพี่ไปด้วยสิ”
จันทร์เอ๋ยลอบสังเกตุอีกฝ่ายอย่างละเอียด ดูแล้วพี่ชายของคนที่น้องเขาแอบชอบนี่จะดูมีมนุษยสัมพันธ์ดีกว่าน้องชายตัวเองเล็กน้อย ดูอารมณ์ดีกว่า แต่นอกนั้นตัวใหญ่เป็นยักษ์เหมือนกันเลย
“เรียนบริหารใช่ไหม?” ถ้าแฝดน้องเขาล่ะก็ใช่
นัยน์ตากลมโตมองไปทางร่างสูงข้างด้วยความระแวงเล็กน้อย
...โอย…
จะเดินตามไปถึงไหนเนี่ย...เขาไม่รู้จักด้วยสักหน่อย
“ถึงแล้ว...เออ...กำลังเดินอยู่ มากับน้องด้วย” ร่างสูงกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ “ก็น้องตัวเล็กไง อะไรของแก ก็เดินมาด้วยกันนี่ไงวะ”
นโมขมวดคิ้วเข้ม ไม่เข้าใจว่าน้องชายจะงงอะไร
“แล้วเรียนกี่โมง”
“อ่า...ไม่มีเรียนครับ” เขาไม่มีเรียนแค่จะเข้ามหาลัยเฉยๆ
จันทร์เอ๋ยกดไลน์ยิกๆบอกน้องชายว่าไปเจอกันที่ไหน สรุปคือให้ไปเจอที่โรงอาหารกลาง ดูเหมือนร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายก็จะไปทางเดียวกัน นัยน์ตากลมเหล่มองอีกฝ่าย นี่มันโคลนนิ่งนายข้าวกล่องชัดๆ
...พลั่ก!!!...
“เฮ้ยย!!” ร่างเล็กร้อง ตัวหงายหลังจากบันไดแต่โชคดีว่ามีร่างสูงใหญ่ของนโมรับไว้พอดิบพอดี ชาวบ้านหลับตาด้วยความ
หวาดเสียว
“เดินยังไงเนี่ย” เสียงทุ้มดุดันดังลั่น ใบหน้าติดดุยิ่งดูน่ากลัว คนที่เดินชนรีบก้มหัวขอโทษยกใหญ่ แต่เหมือนว่าจะไม่ทำให้ร่างสูงพอใจสักเท่าไรนัก นี่ถ้าเขารับไม่ทันน้องหงายล้มตกบันไดโรงอาหารแน่ๆแม้จะไม่กี่ขั้นก็เถอะ “ยืนไหวไห?” ร่างเล็กในอ้อมกอดพยักหน้า ค่อยๆพยุงตัวขึ้นมา
จันทร์เอ๋ยเบ้ปากเล็กน้อย ยกมือลูบหัวตัวเอง แต่ว่า...เฮ้ย!…
...ฉิบหายล่ะ!!…
กล่องข้าวน้องชายกูไปไหนวะ???
นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นข้าวกล่องกระเด็นออกมานอกถุงผ้า ฝากล่องถูกกระแทกจนเปิดออกทำให้ข้าวข้างในหกเละเทะหมด
โอย...ซวยจริง!…
“เฮีย! เกิดอะไรขึ้น...” เสียงทุ้มไม่ค่อยต่งจากพี่ชายดังขึ้น จันทร์เอ๋ยหันไปมองคนที่มาใหม่
คราวนี้...ซวยบรรลัย…
นายข้าวกล่องของไอ้เจ้าขา!!!
TBC
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กลับมาแล้วค่า ขอโทษที่หายไปครึ่งเดือนกว่าๆ
รู้สึกเหมือนลงนิยายรายเดือน
คนเขียนชีวิตสับสนมากค่าตอนนี้ ทำงานประจำมีความสุขดีจัง แฮ่ๆๆๆๆ (ไม่มึความจริงสักนิด)
เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้วนะครับ ตัวละครใหม่เริ่มมีบทบาท (แม้จะไม่มาก ฮ่าๆ)
ช่วยกันติดตามต่อไปด้วยนะครับบบบบ รับรองตื้นเต้ลลลลลลล ฮ่าๆ
ขอบคุณที่ติดตามกระต่ายแคระและพี่หมีมาตลอดค่า
ขอบคุณทุกการติดตามค่า
เลิฟ
รักน้องเจ้าบวกเป็ด ปลื้มพี่นาฏยคอมเม้นโลดค่า
ปล. อีกหนึ่งเรื่องของคนเขียน วณิพกพเนจร ไปตามได้
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0
ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=ts
ปล.สาม. เรื่องรักตามสั่งเป็นเรื่องสบายๆคลายเครียด ฟีลกู๊ด น่ารักๆ การดำเนินเรื่องอาจจะเรื่อยๆเอื่อยๆไปบ้าง ขอต้องขออภัย
คนอ่านที่ชอบความตื่นเต้นหรือเรื่องที่ซับซ้อนนะค่า เรื่องนี้เราตั้งพลอตไว้แบบเป็น สไลด์ออฟไลฟ์ อยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึง
ชีวิตตัวละครจริงๆ เวลาเขียนเราค่อนข้างใส่ความรู้สึกของมนุษย์จริงๆเข้าไป
คืออยากให้ลองนึกว่าพี่นาฏย น้องเจ้าและตัวละครทุกตัวเป็นคนจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่เหมือนพวกเรานี่ละค่ะ เวลาเราเขียนเรานึกถึงว่าถ้าพี่นาฏยเป็นเพื่อนเรา น้องเจ้าเป็นน้องชายเรา เขาจะรู้สึกแบบไหนกันนะตอนนี้ เราเขียนให้ตัวละครเราค่อนข้างเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องเลยจะเป็นการดำรงชีวิตของคนคนหนึ่งนะค่า
ปล.สี่. อยากจะให้ทุกท่านติดตามชีวิตของพี่นาฏยกับน้องเจ้าไปด้วยกันกับเรานะค่า