บทที่ 27
แอร์เย็นฉ่ำปะทะหน้าขาวๆ กลิ่นในห้องนี้เป็นกลิ่นของพี่นาฏยที่เขาคุ้นชิน ห้องขนาดใหญ่เหมือนห้องเขาสองห้องรวมกัน เตียงหลังใหญ่กลางห้อง มีตู้กระจกและชั้นกระจกตกแต่งสวยงาม
จันทร์เจ้าเดินเข้าไปดู มันเป็นหุ่นยนต์ที่ต่อเสร็จเรียบร้อยวางเรียงอยู่ อีกด้านเป็นรถถัง เครื่องบินโมเดล
“พี่นาฏยเล่นพวกกันดั้มด้วยหรือครับ?”
“เอ้าคุณผมก็เคยเป็นเด็กนะครับ” คิ้วเข้มๆเลิกขึ้นเหมือนจะกวน
“เจ้าขาก็นึกว่าเกิดแล้วแก่เลย ฮ่าๆ” ย่นจมูก ยิ้มกว้าง หัวเราะเสียงใส
นาฏยดึงจมูกเล็กๆนั่นเบาๆ ว่าใครแก่เนี่ยเจ้ากระต่ายแคระ!
ตากลมยังกวาดตาไปมองรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ ก็มันเป็นห้องของพี่นาฏย ห้องที่เด็กชายนาฏยเติบโตมาเป็นนายนาฏยอย่างทุกวันนี้
จันทร์เจ้าเห็นอัลบั้มรูปวางอยู่บนชั้นสามเล่ม “พี่นาฏยครับ เจ้าขาดูรูปหน่อยได้ไหม?”
“ได้สิ” มือใหญ่หยิบลงมาให้
จันทร์เจ้ายิ้มตาหยีเปิดดู มีตั้งแต่รูปเด็กชายนาฏยตอนยังเป็เด็กทารก ไล่มาเรื่อยๆจนคลานต้วมเตี้ยม หัวเหม่ง ยิ้มแฉ่งใส่กล้อง จนมาอยู่อนุบาล ประถม มัธยม ภาพก็มีถึงประมาณชั้นมัธยมเท่านั้น
แต่ที่จันรทร์เจ้าถึงกับหัวเราะคือภาพที่เด็กชายนาฏยตัวจิ๋วยืนถือผ้าอ้อมข้างหนึ่ง ปากก็ดูดขวดนม แต่ประเด็นคือใส่แต่เสื้อไม่ใส่กางเกงเห็นอะไรต่อมิอะไรหมดเลย
“ฮ่าๆ รูปนี้พี่นาฏยน่ารักจัง” เขาเอาให้พี่ดู
นาฏยถึงกับหูร้อนเพราะว่าสภาพเขานี่ดูไม่ได้ “พอเถอะ”
“อะไรกันน่ารักออก มีแค่นี้เอง” เดี๋ยวนี้เป็นกระต่ายใจกล้า(แต่ไม่เต็มร้อย) ชูนิ้วทำท่าว่าแค่นี๊เองแล้วหัวเราะร่า
นาฏยเข่นเขี้ยวในใจ หึ! กระต่ายแคระชักเอาใหญ่แล้ว
“หึ! อยากเห็นของจริงก็ไม่บอก” ร่างสูงใหญ่โน้มตัวมาหาร่างเล็กที่นั่งอยู่ริมเตียงนุ่ม ยกยิ้มร้ายกาจไปให้
คนขำชะงักกึก เริ่มจะเหงื่อตก พี่นาฏยจะทำอะไรรรร!
“เอ่อ...พี่นาฏย” คราวนี้เริ่ทเสียงอ่อย หัวเราะไม่ออก
“หึ ว่าไง อยากเห็นของจริงไหม” นาฏยไล่สายตาลงต่ำ จันทร์เจ้ามองตามลงไปก่อนจะสะบัดหน้าหนีด้วยใบหน้าแดงก่ำ มือใหญ่จับมือเล็กๆแกล้งดึงลงไปช้าๆ “ว่าไง” เสียงทุ้มชิดใบหูจนเจ้าของสะท้าน หดคอหนี
“ไม่เอา...แล้ว” ฮือ! พี่นาฏยแกล้งเจ้าขาอีกแล้ว
“ทำไมล่ะ ในรูปนั่นมันเด็กๆ อยากเห็นของจริงจะให้ดูไง” พี่นาฏยลามกจกเปรต จะมาชงมาโชว์อะไร ไม่อยากดูววววววว
“งื้อ ไม่อาววว” พยายามจะเขยิบตัวหนี ล่นถอยขึ้นเตียงไป
นาฏยขึ้นมาคร่อมทับตาม จันทร์เจ้าหลับตาปี๋ รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆที่ซอกคอ ร่างเล็กตัวแข็งเมื่อริมฝีปากหนาประทับลงบนคอขาวๆพร้อมเม้มเบาๆ
ร่างเล็กกำมือแน่น ใบหน้าเห่อร้อนจัด
“อื้อ…” เสียงเล็กร้องแผ่วเมื่อโดนริมฝีปากหนาดูดดุนเนื้ออ่อนๆบนผิว “พ...พี่นาฏย…”
นาฏยไล่ริมฝีปากขึ้นถึงปากเล็กก่อนจะพรมจูบลงไป ลิ้นร้อนๆค่อยๆไล้ริมฝีปากน้องเหมือนขอให้เปิด ลิ้นร้อนไล้ไปตามไรฟันเล็กๆ จันทร์เจ้ากำเสื้อของอีกฝ่านแน่น
ใจเหมือนจะกระดอนหลุดโลก เป็นครั้งแรกที่พี่นาฏยจูบเขาแบบนี้เพราะทุกทีแค่แตะๆ
นาฏยครางต่ำๆในลำคอเมื่อเขากระหวัดลิ้นเล็กๆดูดดุนเบาๆ แล้วค่อยๆถอนออก น้ำใสๆไหลเยิ้มจนนาฏยต้องค่อยๆเช็ดออกจากหน้าขาว
ก็ไม่ขาวแล้วเพราะตอนนี้แดงก่ำจนเหมือนลูกมะเขือเทศ ปากเล็กบวมเจ่อจนนาฏยก้มลงไปดูดเบาๆอีกครั้งจนเกิดเสียงจุ๊บ
จันทร์เจ้าค่อยลืมตาขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายเงียบหายไปเฉยๆ แต่พอลืมไปก็ต้องหลับลงอีกครั้งเพราะว่าใบหน้าคมเข้มยังอยู่ติดเขาไม่ยอมห่างไปไหน นัยน์ตาคมดุแพรวพราว มีรอยยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“ฮื้อ...” มือเล็กๆดันหน้าอกแกร่งออกไป แต่เหมือนเอามือดันหินเพราะว่ามันไม่ขยับไปไหนเลย
“ง่วงไหม?” นาฏยตัดสินใจว่าจะเลิกแกล้งกระต่ายแคระเพราะกลัวว่าจะระเหิดหายไปในอากาศเสียหมด
ร่างเล็กๆรีบหันหนีคลานตัวเองไปที่อีกทางแต่กลับโดนแขนแข็งแกร่งรวบเอาไว้ทั้งตัว นาฏยรั้งร่างเล็กลงงมานอนด้วยกัน
“อื้อ พี่นาฏย”
“หึๆ” ปล่อยร่างเล็กเป็นอิสระ
จันทร์เจ้าลุกขึ้นมาจับผมเผ้าตัวเองที่ยุ่งเหยิงไปหมด “ผมเจ้าขายุ่งหมดเลย”
“โอ๋ มาๆ” มือใหญ่ลูบๆให้เข้าที่ “พักผ่อนหน่อยไหม? เย็นๆค่อยตื่น”
“ครับ” ร่างเล็กถูกมือใหญ่ดึงลงไปนอนเกยแขนแกร่ง โดยมีมืออีกข้างพาดอยู่บนเอว ร่างเล็กๆจมลงไปกับอ้อมแขนใหญ่และอบอุ่น ฝ่ามือใหญ่ตบบนต้นแขนเล็ก พร้อมจูบลงบนกลุ่มผมนุ่ม เพียงไม่นานตากลมๆก็ปรือจนปิดสนิท นาฏยก็เริ่มจะเพลียเลยหลับไปเช่นกัน
“ครับ...เดี๋ยวผมปลุกน้องแล้วลงไป”
จันทร์เจ้าได้ยินเสียงแว่วแต่ก็ไม่ได้สนใจกลับคลุมโปงหันหนีไปอีกทาง ร่างสูงเดินกลับมาที่เตียง กระต่ายแคระยังนอนคลุมโปงไม่ยอมตื่น แต่ว่ายังไงก็ต้องปลุกเพราะว่าใกล้เวลาข้าวเย็นแล้ว
“เจ้าขาตื่น...” นาฏยเขย่ากองผ้านวม เห็นหัวกลมๆดุกดิกๆออกมาจากกองผ้านวม ผมยุ่งฟูเหมือนรังนก
“อื้อ...” ค่อยกระเถิบๆมาวางหัวแหมะบนตักแข็งๆของพี่อย่างลืมตัว
“ตื่น” นาฏยขำเบาๆ กระต่ายแคระไม่ยอมลืมตา
“คร้าบบบ” ตอบเสียงยานคางค่อยลุกขึ้นมา ขยี้ตาหนุบหนับ
นาฏยรอให้เด็กตัวเล็กตื่นเต็มตาแล้วค่อยพาลงไปด้านล่าง จันทร์เจ้าได้ยินเสียงพูดคุยดังมากจากห้องนั่งเล่น ทุกคนมานั่งเล่นรอกันหมดแล้ว
“ตื่นแล้วหรอ?” จันทร์เอ๋ยถามน้องชายที่อยู่ทิ้งเขาหายไปนอนห้องแฟนจนได้
“อื้อ” จันทร์เจ้าลูบผมตัวเองเก้อๆ
“ไปเด็กๆกินข้าวจ้า” คุณหญิงมาเรียกเหล่าทโมนทั้งหลายไปนั่งรอที่ห้องอาหาร
เพียงครู่เดียวประมุขของบ้านอย่างคุณนพ ช่วงชัชวาลย์และเนตร ช่วงชัชวาลย์ก็กลับมาถึงบ้าน จันทร์เจ้าลงความเห็นเลยว่าพี่นาฏยได้พ่อมาเต็มๆทั้งรูปร่าง ใบหน้า ดวงตาหรือแม้กระทั่งท่วงท่าการเดิน
ร่างเล็กอดเกร็งไม่ได้เมื่อคุณพนและเฮียเนตรนั่งลงตรงที่ประจำ
“พ่อสวัสดีครับ เฮียเนตรสวัสดีครับ” เหล่าชายหนุ่มเพื่อนของนาฏยที่เคยมาแล้วทักทายอย่างคุ้นเคย จะมีก็เพัยงแต่จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้าและอชิระที่ทำความเคารพอย่างเงอะงะ
“เป็นไงเดินทางเหนื่อยไหม?” คุณนพถาม
“ไม่เท่าไรครับ” เตเตตอบแทนเพื่อนทั้งหมด
คุณนพพนักหน้า ก่อนสายตาจะไปหยุดที่ร่างเล็กๆที่นั่งอยู่ข้างลูกชายคนเล็ก
...เด็กคนนี้?...
หรือว่าจะเป็น…
“เจ้าขาครับพ่อ” นาฏยเปิดขึ้นมาก่อนเพราะสายตาของบิดาที่จ้องร่างเล็กไม่หยุด
“คนนี้น่ะหรือ?” เขารับรู้เรื่องราวคนรักของลูกชายมาตลอด ช่วงแรกก็มีตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย ก็นะไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกชายเป็นเกยห์หรอก แต่หลังจากที่นาฏยแสดงความตั้งใจว่าเขาขอเลือกเดินเส้นทางนี้ คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ไม่อยากจะค้านเพราะเขาเชื่อว่าลูกชายเขาคิดมาดีแล้วเจ้าตัวถึงมั่นใจมาก
“สวัสดีครับ ผมชื่อเจ้าครับ”
“อ้าว ไม่ใช่เจ้าขาหรือ?” คุณนพได้ยินว่าชื่อเจ้าขานะ ใบหน้าของชายชราวัยหกสิบกว่าเคร่งขรึมแต่น้ำเสียงแฝงด้วยความล้อเลียน
“เอ่อ...” เจ้าของชื่อยิ้มเก้อ “ครับ ชื่อเต็มๆว่าเจ้าขาครับคุณลุง”
“ไม่ลุงสิ ฉันคงไม่แก่ขนาดนั้น” ยังขอความเป็นวัยรุ่นหน่อย คนฟังคนอื่นๆยิ้มตามกับประโยคนี้ “เรียกพ่อเหมือนพี่เขานั่นแหละ”
จันทร์เจ้าหน้าแดงเพราะเขิน มันเหมือนพ่อของพี่นาฏยก็ยอมรับเขาแล้วเหมือนกัน เอาจริงๆเขาก็ตื่นเต้นและกลัว...กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมรับเขา แต่ตอนนี้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย…
...พี่นาฏยเหมือนพ่อร้อยเปอร์เซ็น…
เป็นคนหน้าดุแต่ว่าใจดีมากๆ
ส่วนเฮียเนตรก็เป็นพี่นาฏยกับเฮียนโมเวอร์ชั่นเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย
พอคุณนพเปิดสำรับกับข้าวเด็กอย่างพวดเขาก็ลงมือได้
“เผ็ด!” จันทร์เอ๋ยร้องเบาๆ จันทร์เจ้าที่นั่งข้างๆเลยต้องรีบยกมาแก้วน้ำเข้ามาใกล้ๆ
“น้องเอยก็ไม่กินเผ็ดเหมือนน้องเจ้าเลย” คุณหญิงรีบเลื่อนจานอาหารรสอ่อนไปแทน
“เผ็ดแต่อร่อยครับ”
“กินไม่ไหวอย่าฝืน”
“เห็นทีเด็กแถวนี้ก็คงกินไม่ไหวเหมือนกัน” นาฏยพูดลอยๆ เด็กแถวนี้เลยตีแปะเบาๆ
“พี่นาฏยอะ” ย่นจมูกใส่ ก่อนจะยิ้มขอบคุณเมื่อมือใหญ่ตักแกงจืดใส่ถ้วยเล็กๆมาให้และยังเผื่อแผ่ไปถึงพี่ชายฝาแฝดของคนรักด้วย
หลังจากจบมื้ออาหารนาฏยก็ต้อนเพื่อนๆไปนั่งเล่นริมสระน้ำด้านหลังบ้าน เอ็ดมันด์ถึงกับขอว่ายน้ำเลย เจ้าตัวหลายผลุบไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาด้วยชุดกางเกงบอกเซอร์ตัวเดียว โดดตูมลงไปจนน้ำกระเซ็นใส่คนอื่น
คนอื่นเลยเอาบ้างรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากระโดดลงน้ำทั้งนั้น นาฏยเลยเดินไปบอกแม่ครัวให้ช่วยเตรียมอาหารว่างเผื่อไว้เดี๋ยวพวกนั้นขึ้นมาคงหิวอีก
“เดี๋ยวเจ้าขาไปให้ครับ” จันทร์เจ้าเสนอตัวเมื่อเห็นพี่เตเตเรียกร่างสูงไปคุย
นาฏนพยักหน้าปล่อยให้คนรักไปแทน
“อ๊ะ!” แต่พอจันทร์เจ้าเลี้ยวออกจากสนามก็เจอคุณนพยืนอยู่ตรงชานบ้าน
“คุณพ่อ…” ไม่รู้จะคุยอะไรทำตัวไม่ถูกเลย
คุณนพเห็นร่างเล็กยังเกร็งๆ ริมฝีปากเม้มเข้าออกเหมือนคนตื่นเต้น มือก็เกี่ยวไปเกี่ยวมาอยู่ไม่สุก
“คบกันนานหรือยัง?” สุดท้ายผู้ใหญ่เลยเปิดประเด็นก่อน
“เอ่อ...ก็ไม่นานนี้เองครับ” นับจากวันที่พี่นาฏยขอคบบนรถไฟก็ผ่านมาไม่นานเอง
“ชอบนาฏยมานานหรือยัง?”
“ก็...ตั้งแต่เข้าปีหนึ่งใหม่ๆครับ”
คุณนพพยักหน้ารับ เขาหันไปเท้าแขนกับระเบียงชานบ้าน “ความจริงตอนที่นาฏยมาบอกชอบผู้ชาย ฉันก็ช็อคไปเหมือนกัน”
จันทร์เจ้านิ่งงัน มันก็คงจริง รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก
“แต่สุดท้ายฉันก็ยอม” คุณนพหันมามองเด็กตัวเล็กที่กล้าเปลี่ยนลูกชายเขา “ฉันรู้ว่านาฏยเป็นคนเงียบๆแต่เวลาที่เขาเล่าถึงเธอแววตาเขาดูอ่อนโยนแล้วก็มีความสุข” เขายังจำสายตาที่ลูกชายเล่าเรื่องเด็กคนนี้ให้ฟัง
คนฟังถึงกับหน้าร้อนเหมือนมีนัยน์ตาคมดุมามองอย่างออนโยนตรงหน้าเขา
“พ่อขอฝากพี่นาฏยด้วยเช่นกันนะ”
...พ่อ…
จันทร์เจ้าน้ำตารื่นเมื่ออีกฝ่ายพูดเสียงนุ่ม เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยของบิดามารดาที่จะเสียสละและใจกว้างถึงจนาดนี้
“ขอบคุณครับ ผมจะดูแลพี่นาฏยให้ดีที่สุด” เมื่อพี่นาฏยเคยสัญญากับป๊าม้าแล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่เขาให้สัญญาเช่นกันว่า…
เราสองคนจะดูแลกันและกันตลอดไป
“ขอบคุณครับพ่อ” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมแรงกระชับไหล่เล็กเข้าหาตัว
นาฏยยืนฟังการสนทนามาสักพัก เขาขอบคุณความรักของพ่อแม่ที่ยิ่งใหญ่ราวมหาสมุทร ความสุขของเขาคือสิ่งที่พ่อแม่ให้ได้เสมอ รวมถึงคำสัญญาจากปากเล็กๆที่หนักแน่นลึกลงไปในใจเขา
“พี่นาฏย…” เสียงเล็กพึมพำ จันทร์เจ้ายกมือพนมอีกครั้งเมื่อคุณนพลูบหัวทุยเบาๆ
“ยินดีต้อนรับสู่ช่วงชัชวาลย์นะลูก”
“หมั่นไส้” อชิระแขวะขึ้นมา “แหมหน้าบานอย่างนี้ พ่อแม่พี่นาฏยรับมึงเป็นลูกสะใภ้เต็มตัวแล้วใช่มั้ย”
จันทร์เจ้าวักน้ำใส่หน้าเพื่อนข้อหาพูดจาไม่เข้าหู “บ้าบอ”
แต่ก็แอบอมยิ้มไม่ได้
ร่างเล็กๆตีขาแปะในน้ำ พลางมองไปในสระ พี่นาฏยกำลังว่ายแข่งกับพวกพี่ท็อป จันทร์เอ๋ยนอนพิงเก้าอี้ดูดน้ำสบายใจเฉิบ ส่วนไอ้อัชก็เป็นสัมภเวสีลอยไปลอยมาเดี๋ยวก็ลอยมาแขวะเขาบ้างล่ะ
“ยิ้มอะไร” ร่างเล็กสะดุ้งมองคนที่โผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำมาจับข้อเท้าเขาไว้
นาฏยเสยผมขึ้น จันทร์เจ้าไม่รู้ว่าทำไมพี่นาฏนเหมือนนายแบบอย่างนี้นะ
ชมแฟนตัวเองคงไม่ผิดใช่ไหม?
นาฏยแทรกตัวเข้าระหว่างขาน้องที่นั่งแช่ขาในน้ำก่อนจะเอามือสอดรอบเอว กระต่ายเลิ่กลั่กหันซ้ายหันขวากลัวคนล้อ ทำไม
เดี๋ยวนี้พี่นาฏยชอบทำเขาเป็นระเบิดเวลาทุกทีเลย
นัยน์ตาคมถูกหยดน้ำบนบังจนจันทร์เจ้าอดไม่ได้ที่จะลูบออกให้
“โอยยยย สระน้ำหวานหมดแล้วเว้ย” เมื่อบรรยากาศดีต้องถูกทำลายตลอด
เอ็ดมันด์แท็คมือกับไอ้เอมที่หัวเราะร่า นาฏยไม่สนใจพวกมัน มีแต่พวกติงต๊อง
“ไม่ว่ายหรือ?”
จันทร์เจ้าส่ายหน้า “ไม่ดีกว่าครับ รอเล่นทะเลพรุ่งนี้เลย” พรุ่งนี้พี่นาฏยบอกว่าจะพาไปเที่ยวเกาะ
“ไอ้นาฏยหยุดสวีท มาแข่งกันหน่อย” เอ็ดมันด์หึกเหิม เรียกทุกคนในสระมาว่ายแข่งกัน จันทร์เจ้าที่นั่งอยู่ริมขอบสระถูกไหว้วานให้เป็นกรรมการ
ชายหนุ่มหกคนของเหล่าคณะประมงปีสามจับขอบสระเตรียมพร้อมจะออกตัว
“พร้อมนะครับ” มือเล็กยกขึ้นแล้วก็ตีแปะจนน้ำกระจาย “สตาร์ท”
สิ้นเสียงทั้งหกคนก็พุ่งไปเหมือนฉลาม ร่างเล็กลุกพรวดขึ้นมายืนริมขอบสระเพื่อให้มองเห็น แต่ละคนรีบสปีดตัวเองว่ายเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไอ้อัชเดินดูตามขอบสระ จันทร์เอ๋ยถึงกับทิ้งหนังสืออ่านเล่นลุกขึ้นมาดู
“พี่นาฏยสู้ๆ” ร่างเล็กเริ่มตื่นเต้นแทนเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ม้วนตัวกลับจากอีกฝั่งของสระ เตเตกำลังนำ ไม่น่าเชื่อว่าคนตัวสูงใหญ่อย่างเอ็ดมันด์จะว่ายช้ากว่าคนอื่น เรียงลำดับมาคือเตเต พี่ท็อป พี่นาฏย พี่เอม พี่นิว พี่เอ็ด แต่ก็ห่างกันแค่ช่วงจมูกเองมั้ง คือไล่บี้กันมาติดๆ
สุดท้ายคนที่เข้าเส้นชัยก่อนก็เป็นตามคาดคือพี่เตเต ตามมาด้วยพี่นาฏยที่ไล่พี่ท็อปในระยะสุดท้าย และนอกนั้นก็มาตามลำดับ
คนชวนแข่งถึงกับกระฟัดกระเฟียด “โว๊ะ!” ตบน้ำใส่หน้าเพื่อน “มึงนี่ว่ายเร็วตลอด”
“ก็มึงช้าไงไอ้ยักษ์ฝรั่ง” เตเตตอกกลับอย่างสะใจ
ทุกคนหัวเราะ คนในกลุ่มรู้ดีอยู่แล้วว่าเตเตว่ายเร็วที่สุดเพราะว่าเด็กๆมันเป็นนักกีฬา
จันทร์เจ้าเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาคิดว่าพี่นาฏยเก่งไปหมด ไม่คิดว่าก็ยังมีอะไรที่ไม่ถนัดกับเขาอยู่เหมือนกัน ก็อย่างว่าไม่มีใครเพอร์เฟคไปซะทุกอย่าง
“งุยยยย แพ้เยยยยยย” แต่ก็ขอหน่อยเถอะ อยากล้อมานานล่ะ
“หึ...” นาฏยส่ายหัว รู้ว่ากระต่ายแคระต้องการจะล้อเลียน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นเขามาเป็นที่สอง เลยแกล้งกวักน้ำใส่กระต่าย
พอกระต่ายแคระขนเปียกก็โวยวาย “ฮื้อออ พี่นาฏยยยยยย อย่าแกล้งเจ้าขานะ” รีบตีน้ำคืนใส่พี่
“ล้อผมจะโดนไม่ใช่น้อย” โดนคาดโทษเอาไว้ แต่กระต่ายทำเป็นมองไปทางอื่นไม่รู้ไม่ชี้ รีบลุกหนีขึ้นจากริมสระเพื่อไม่ให้มือยาวของอีกฝ่ายจับตัวได้ทัน จันทร์เจ้ารีบหนีมานั่งอยู่ข้างเก้าอี้ริมสระกับฝาแฝดตัวเอง จันทร์เอ๋ยเลยซ้ำเติมสมน้ำหน้าว่าอยากไปแกล้งล้อเข้าก่อนพอสู้ไม่ได้ก็หนีหางกระเจิง
จันทร์เจ้าเลยงุ้งงิ้งใส่แฝด นี่น้องนะต้องเข้าข้างกันสิ ห้ามเข้าข้างคนอื่น
หลังจากที่เล่นน้ำกันมาเกือบสามชั่วโมงเหล่าหนุ่มประมงก็ขึ้นจากสระกันเพราว่าจะเก็บแรงไว้ไปดำน้ำที่ทะเลกัน แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าแต่ละคนแข็งแรงมาก ไม่มีอาการเหนือยล้าให้เห็นเลย
ร่างเล็กเดินตีคู่มากับแฝดที่ตัวเท่าๆตัวเองมาที่ห้องนอน แต่ร่างสูงของนาฏยก็เดินตามมาด้วย
“ห้องน้องนาฏยอยู่ทางนู้นไม่ใช่หรอวะ” เอ็ดมันด์จำได้ว่าหน้าห้องไอ้นาฏยมันมีป้ายแขวนเอาไว้ “ทางนี้ห้องนอนแขกนะจ๊ะ”
“น้องเอยมานอนกับพี่เอ็ดไหม ปล่อยให้พี่นาฏยเขานอนกับแฟนสุดที่รัก” เล่นไม่เลิกนะ
สุดท้ายเอ็ดมันด์ร้องโอดโอยเพราะโดนฝ่ามือเล็กสองมือซัดเข้าที่ต้นแขนคนละข้าง
“พี่เอ็ดปากมอม!” เจ้าขาด่าที
“กวนคนอื่นไปถึงไหนกันครับ” เจ้าเอยขอซ้ำอีกที
“สม!” นาฏยยืนยักคิ้วให้ ใจจริงอยากถีบมันเข้าห้องไปเลย
พอสถานการณ์คลี่คลาย ต่างคนต่างเข้าห้อง
“ฝันดีน้าพี่นาฏย” จันทร์เจ้ายืนยิ้มอยู่หน้าห้อง นาฏยไม่ได้ล้ำเข้าไปให้ห้องเพราะเกรงใจฝาแฝดของคนรัก
“อืม ฝันดี” ตบผมนุ่มปุๆ เจ้ากระต่ายแคระถูหัวทุยๆกับมือใหญ่อย่างเคยชิน
TBC.
++++++++++++++++++++++++100%+++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่า พี่นาฏยและน้องเจ้าขามาตามที่สัญญาเอาไว้เมื่อวาน
ใครบอกว่าอีพี่หมีจะได้กินกระต่ายแคระ ฮ่าๆ จะมีไหมต้องลองอ่านตอนนี้
อีกแค่สามตอนเท่านั้น เรื่อง รักตามสั่ง ก็จะจบลงแล้วค่า ตอนนี้กำลังจะเขียนตอนจบตามพลอตที่วางไว้แล้ว
แอบใจหายเหมือนกันเพราะพี่นาฏยและเจ้าขาอยู่กับเรามานานเหมือนกัน ต้องแอบคิดถึงสองคนนี้และผองเพื่อนก๊วนมหาลัย
อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณทุกท่านมากจริงๆที่ติดตามและเอ็นดูเจ้าขากับพี่นาฏยมาตลอด
ปล. เราขอฝากเรื่องใหม่เอาไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เรื่อง HEAVY WEIGHT รัก ▪️ หนัก ▪️ มาก เป็นเรื่องราวของหนูพุกตุ้ยนุ้ยและเพื่อนของขางนะจ้าาา ใครจำหนูพุกไม่ได้ ย้อนกลับไปอ่าน รักตามสั่งตอนที่ 23ได้จ้า หนูพุกออกมาแจมนะจ้า
ขอบคุณทุกการสนับสนุนและการติดตาม อ่านจบแล้ว ถ้าฟินจิกหมอนแค่ไหนคอมเม้นมาเล่าสู่กันฟังได้จ้า คนเขียนชอบอ่านคอมเม้นน้าาา เพราะงั้นเม้นกันมาเยอะๆเลยน้าาาาา
เยิฟฟฟฟฟฟ
ปล. อีกหนึ่งเรื่องของคนเขียน วณิพกพเนจร ไปตามได้
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0
และเรื่องที่สองคือ HEAVY WEIGHT รัก ▪️ หนัก ▪️ มาก
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59114.0
ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
ขอฝากไปกดไลค์เพจเฟสบุ้คกันได้นะครับบบบ เพราะว่าส่วนใหญ่เราจะอัพเดทเวลาที่เรา
หายไปนานๆ หรือว่าติดธุระอะไร เราจะไปอัพเดทไว้ในเฟส หรือว่าบางครั้งจะมีเขียนโมเม้นน่ารักของอีพี่กะน้องเอาไว้เล่นๆที่ไม่
ได้เอามาลงหน้านิยายนะครับ เลยอยากให้ไปพูดคุยในเฟสกันเลยยยย ถ้าคนเขียนหายไปตามจิกในเฟสจะเจอเราเร็วมากเพราะ
เราเล่นประจำ
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=ts
ปล.สาม. เรื่องรักตามสั่งเป็นเรื่องสบายๆคลายเครียด ฟีลกู๊ด น่ารักๆ การดำเนินเรื่องอาจจะเรื่อยๆเอื่อยๆไปบ้าง ขอต้องขออภัย
คนอ่านที่ชอบความตื่นเต้นหรือเรื่องที่ซับซ้อนนะค่า เรื่องนี้เราตั้งพลอตไว้แบบเป็น สไลด์ออฟไลฟ์ อยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึง
ชีวิตตัวละครจริงๆ เวลาเขียนเราค่อนข้างใส่ความรู้สึกของมนุษย์จริงๆเข้าไป
คืออยากให้ลองนึกว่าพี่นาฏย น้องเจ้าและตัวละครทุกตัวเป็นคนจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่เหมือนพวกเรานี่ละค่ะ เวลาเราเขียนเรานึกถึงว่าถ้าพี่นาฏยเป็นเพื่อนเรา น้องเจ้าเป็นน้องชายเรา เขาจะรู้สึกแบบไหนกันนะตอนนี้ เราเขียนให้ตัวละครเราค่อนข้างเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องเลยจะเป็นการดำรงชีวิตของคนคนหนึ่งนะค่า
ปล.สี่. อยากจะให้ทุกท่านติดตามชีวิตของพี่นาฏยกับน้องเจ้าไปด้วยกันกับเรานะค่า