บทที่ 28
“ฮูเร่...”
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นเมื่อเรือจอดเทียบท่าเรือทำจากไม้แผ่นๆ น้ำทะเลใสแจ๋วจนเห็นทรายสีขาวข้างล่าง โชคดีที่วันนี้แดดก็ดีท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีเมฆฝนตั้งเค้าเลยสักนิด
“โหหห น้ำใสมาก” ร่างเล็กชะโงกตัวลงไปมองข้างล่างแล้ววิ่งกลับไปหาพี่นาฏย วันนี้นายหัวน้อยของซีซีกรุ๊ปทำหน้าที่ขับเรือพาเพื่อนๆมาเที่ยว เรือที่เอามาเป็นเรือของบ้านเขาเอง จอดทิ้งเอาไว้ที่ท่าเรือประมงของครอบครัวอยู่แล้ว เมื่อวานให้เขามาเช็คเครื่องอะไรเรียบร้อย
“เหนื่อยไหมครับ?” การบังคับเรือน่าจะกินแรงพี่นาฏยเหมือนกัน นาฏยผูกเรือตามที่สถานที่เขาจัดไว้ มีเรือลำอื่นอยู่สองสามลำก่อนหน้าเขามาจอดไว้
“อืม นิดหน่อย ไม่ได้ขับนานเลยไม่ค่อยชิน” เขาเอาหมวกสานวางแปะลงบนหัวทุยก่อนจะจูงมือน้องลงจากเรือ
เกาะที่เขามาดำน้ำกันไม่ใช่เกาะท่องเที่ยวเท่าไร และยิ่งวันนี้เป็นวันธรรมดาทำให้ไม่ค่อยมีคนอย่างที่กลัวไว้ พอหาที่ร่มๆใต้ต้นไม้ได้ต่างคนต่างกุลีกุจอเอาเสื่อออกมาปูกันใหญ่ รอยยี้ขนกันมาเต็มที่ทั้งของกินของว่าง น้ำดื่มน้ำเมา จริงๆก็แค่เบียน์กระป๋องธรรมดาๆ ขนมคบเคี้ยว
“ใครหิวกินก่อนเลยครับ” จันทร์เอ๋ยกับจันทร์เจ้าภูมิใจนำเสนออาหารมือนี้มากเป็นข้าวห่อสาหร่ายขนาดพอดีคำเพื่อง่ายต่อการหยิบกินได้เลย เครื่องเคียงก็เป็นพวกไก่ทอด ไม่รู้ว่าสองแฝดเขาไปนัดแนะกับแม่ครัวที่บ้านตอนไหนเพราะพอตื่นเช้ามาก็เห็นสองพี่น้องวุ่นวายอยู่ในครัวที่บ้านโดยมีเหล่าแม่ครัวและพี่คนงานอีกสองคนกำลังฝึกทำกันใหญ่
บางอันก็สวยบางอันก็เบี้ยวๆแต่โดยรวมคือน่ากิน อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละตอนนี้เพราะว่าพวกนาฏยไม่มีใครทำกับข้าวเป็นทั้งนั้นแหละ มีหน้าที่แค่ยกของตามที่สั่งเท่านั้น
“โหยยย น้องเอยน้องเจ้าทำกับข้าวเก่งมาก” ท็อปร้องว้าว หยิบข้าวห่อสาหร่ายเข้าปาก “อร่อยด้วย” ร้องชมออกมา
“กินเยอะๆนะครับ มีเยอะมาก” จันทร์เจ้ายิ้มแก้มป่อง เขาทำมาสองกล่องใหญ่ๆ ไก่ทอดอีกครึ่งกิโลได้มั้ง
ความจริงคือเมื่อวานเขากับเจ้าเอยไปบอกคุณแม่ไว้ว่าจะทำอาหารมาระหว่างมาเที่ยวทะเลเอง คุณแม่เลยบอกว่าถ้าต้องการอะไรให้บอกแม่ครัวได้เลย
“พี่นาฏยกินข้าวก่อนครับ” นิ้วเล็กๆสะกิดคนรัก
“อืม...” นาฏยหยิบเข้าปากดูบ้าง เห็นตากลมๆมองอย่างใจจดใจจ่อ เลยแกล้งเคี้ยวช้าๆ พอเห็นใบหน้าขาวเริ่มหงอยๆ เลยยักคิ้วให้ “อร่อยดี”
เท่านั้นแหละ แก้มป่องๆอูมขึ้นมา “พี่นาฏยอะ เจ้าขานึกว่าไม่อร่อย...” พี่นาฏยชอบอาหารเผ็ดๆ พวกอาหารญี่ปุ่นนี่กินได้แต่ไม่ได้ชอบอะไรมากมาย ความจริงอยากทำอย่างอื่นมาด้วยแต่ว่ากลัวจะเลอะเทอะเปล่าๆ
“กินสิ” มือใหญ่หยิบอีกชิ้นขึ้นมาจ่อที่ปากเล็กๆ จันทร์เจ้าชะงักเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากงับก้อนข้าวเข้าปาก แก้มป่องขึ้นเพราะอมข้าวไว้เต็มปากก่อนจะเคี้ยวช้าๆ นาฏยแอบยิ้มบางๆ เหมือนกระต่ายกำลังเคี้ยวแครอทหนุบหนับๆ
ระหว่างกินข้าวไปเอ็ดมันด์ก็เปิดเบียร์กระป๋องแจกเพื่อนๆ ไก่ทอดมันต้องกินกับเบียร์สิถึงจะอร่อยเหาะ นาฏยรับมาหนึ่งกระป๋องมาถือเอาไว้ดื่อเข้าไปอึกใหญ่ กระต่ายมองกระป๋องตาไม่กระพริบ
“อยากกินหรอ?” นาฏยยื่นกระป๋องไปใกล้ๆ
กระต่ายพยักหน้าหงึกหงัก “อยากกินครับ” เขาไม่ได้น้อมแน้มจนกินไม่เป็น เขาก็เหมือนเด็กผู้ชายทั่วไป มีกินเหล้ากินเบียร์บ้างตามโอกาสแต่ไม่ได้ชอบหรือติดใจอะไรขนาดนั้น
“กินเป็น?” เหมือนจะรู้สึกว่าโดนแกล้งอีกแล้ว
“เป็นสิ” พอพี่ยื่นมาให้มาเลยเอาจิบๆ รสขมอ่อนกับฟองเบียร์เย็นๆชื่นใจชะมัด อากาศร้อนๆกับเบียร์เย็นก็ดีเหมือนกัน
แต่จันทร์เจ้าก็ไม่ได้กินเยอะขนาดนั้นเขาขอแบ่งจิบกับพี่นาฏยจากกระป๋องเดียวกัน พอหมดพี่นาฏยก็เอากระป๋องที่สองมาเปิด แต่คราวนี้เขาไม่เอาแล้ว หันไปหยิบเลย์เข้าปาก
พอพักให้อาหารย่อย แดดก็ร่มๆพอจะเล่นได้แล้ว หนุ่มๆก็ลุกขึ้นถอดเสื้อพรึบๆ พอเดินเข้าไปใกล้หาดให้น้ำ มีกลุ่มคนย่อยๆที่เมียงมองมา แกล้งทำเป็นเดินโฉบไปโฉบมาใกล้ๆด้วย มีสาวต่างชาติด้วยรู้สึกเหมือนเป็นชาวญี่ปุ่น เอ็ดมันด์ใช้หน้าตาลูกครึ่งฝรั่งผมทองให้เป็นประโยชน์ ยิ้มเท่ละลายใจส่งไปก่อนแล้วทักทายเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆ
และแน่นอนเป็นเรื่องปกติของชาวเอเชียที่เจอหนุ่มหน้าตาดีหุ่นงาม ผมทองบลอนด์ทอประกายกับแสงอาทิตย์แบบนี้ก็ทักทายตอบอย่างเขินอาย
“ฝรั่งขี้นกชะมัด” จันทร์เอ๋ยเบ้หน้า
“ไปเล่นน้ำกัน” จันทร์เจ้าถือลูกบอลยางที่เอามาด้วย พี่เตเตอุตส่าห์ใจดีเป่าลมให้ด้วย ถึงแม้ร่างเล็กโดนบังคับให้ใส่เสื้อยืดเล่นน้ำแต่พอกำลังจะกระโจนออกไปกลับโดนเสียงเข้มๆรั้งเอาไว้ก่อน
“เจ้าขา” เสียงเข้มๆมาพร้อมกับมิอใหญ่ที่หิ้วคอเสื้อเหมือนลูกแมวเหมียว “ทาครีมยัง?”
คนโดนดึงยู่ปาก “ต้องทาด้วยหรอครับ เจ้าขาไม่ชอบมันเหนียว” ครีมกันแดด50++เหนียวหนึบขนาดนั้น
“ต้องทา…” ส่ายหน้ายิกๆ “งั้นไม่ต้องไปเล่น”
กึก!
ไม่ได้สิ ต้องได้เล่นน้าาาา
“ทาก็ได้” ร่างเล็กยอมจำนนรับขวดครีมมาบีบ ความหนึบหนับบนแขนทำเอาเบ้หน้ารีบๆทาให้เสร็จอยากลวกๆ “เสร็จแย้วววว”
“ยังไปไม่ได้” นาฏยส่ายหน้าเจ้ากระต่ายแคระดื้อมาก ไม่ยอมทาดีๆอีกต่างหาก
“งื้อ” โดนมือใหญ่คว้าเข้าไปในอก นาฏยดึงน้องให้นั่งบนเสื่อส่วนตัวเองนั่งด้านหลัง จับกระต่ายมาทาตัวให้ทั่ว “พี่นาฏยไม่เอาแล้วววว เจ้าขาเหนียวตัว”
“ไม่ดื้อนะ” เสียงเข้มเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนๆ ทำเอากระต่ายจอมดื้ออยู่เฉยๆทันที “เด็กดี…” นาฏยหอมขมับเบาๆเป็นการปลอบ จันทร์เจ้ายอมเป็นเด็กดีตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างเต็มใจ
พอทาเสร็จกระต่ายแคระก็ถูกปล่อยไปให้วิ่งเล่น ร่างสูงหันมาหาครีมให้ตัวเองบ้าง ไม่ใช่ว่าเขากลัวดำหรืออะไรแต่ว่าแดดประเทศไทยทำเอาเป็นมะเร็งผิวหนังได้ง่ายๆ ไม่ก็โดนแดดเผาจนแสบผิว
“พี่นาฏยมาเร็วๆครับ มาเล่นบอลชายหาดกัน” เห็นเพื่อนถือบอลเล่นอยู่ริมหาด
พวกเขาแบ่งฝั่งเป็นสองฝั่งเอากิ่งไม้แถวนั้นมาขีดเส้นแบ่งฝั่ง กติกาก็เหมือนวอลเล่บอลแค่ตีไปตีมาไม่ให้ตกฝั่งตัวเองเป็นพอ
แต่แต่ละคนนี่ความสามารถเยอะเหลือเกินเพราะไม่ใช้มือตีอย่างเดียวมีการเอาเท้ามาเดาะลูกอีกต่างหาก แต่คนที่เล่นแย่ที่สุดน่าจะเป็นเขานีแหละ
“อ๊า~” เขาตีบอลเฉียงตกน้ำป๋อมแป๋มอีกแล้ว พี่นาฏยขยี้หัวแล้วหัวเราะก่อนไปเก็บมาให้
เล่นสักพักจนเหนื่อยพอแล้วก็เลิก พวกพี่เอ็ดมันด์บ้าพลังมากลงไปแข่งกันว่ายน้ำต่ออีก
เขากับเจ้าเอยหนีขึ้นมาพักอยู่บนหาด มีเรือพานักท่องเที่ยวมาอีกกลุ่มคราวนี้เป็นคนไทยเพราะได้ยินเสียงตะโกนคุยกัน มาปูเสื้อใกล้ๆกันด้วย แฝดเขาหันไปยิ้มให้เล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายขอใช้พื้นที่ข้างๆ
เป็นกลุ่มผู้หญิงรุ่นๆเดียวกันสี่คนกับผู้ชายอีกสามคน ขณะนั่งมองเรื่อยเปื่อยหูได้ยินเสียงกลุ่มข้างๆคุยกัน
“แก๊ กลุ่มนั้นงานดีมาก!” จันทร์เจ้าแอบเหล่มองตามที่เขากรี๊ดกัน
พวกพี่นาฏยนี่นา?
แล้วพวกเธอก็ลุกพรึบไปลงทะเลกันหมด เห็นเข้าไปเลียบๆเคียงๆเล่นใกล้ๆกับพวกพี่เขา จันทร์เจ้าขมวดคิ้ว อย่างนี้ก็ได้หรอ ยิ่งอ้าปากเมื่อเห็นคนหนึ่งใจกล้าเข้าไปพูดคุยกับพี่ท็อปพี่นิว แค่พวกพี่เขาก็เหมือนไม่ได้อะไรมาก ยิ้มทักทายตามประสาแต่เหมือนพวกเธอรุกมากขึ้นมีการชวนเล่นบอลหรืออะไรทำนองนั้น เพราะเขาเห็นถือบอลมาลูกหนึ่ง
ตากลมๆจ้องมองนิ่งๆ เมื่อเห็นร่างสูงของพี่นาฏยกับพี่เตเตเดินกลับมา
“อ้าวไม่เล่นแล้วหรอครับ”
“ไม่ละ ให้เขาเล่นฝั่งละสี่ๆ” ไอ้อัชก็แยกเดินกลับมาเหมือนกัน
“นั่งๆ” จันทร์เจ้ากวักมือเรียกเพื่อนมานั่งที่เสื่อ จันทร์เอ๋ยส่งกระป๋องน้ำอัดลมไปให้อชิระตามที่เจ้าตัวขอ
ร่างสูงนั่งลงข้างๆจันทร์เจ้ารับผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมเปียกชื้นของตัวเอง
“มาเที่ยวกันหรือครับ?” เสียงของผู้ชายกลุ่มข้างๆถาม
“ครับ” อชิระตอบแทน
“โอย เหนื่อย” เสียงบ่นของผู้หญิงในกลุ่มนั้นมาพร้อมกับตัว
“ขนาดพวกท็อปออมมือให้แล้วยังแพ้เลย” คนผมสั้นบ๊อบเทดูเก๋ไก๋บอกยิ้มๆ
จันทร์เจ้าจะไม่อะไรเลยถ้าหนึ่งในกลุ่มนั้นจ้องมองไม่ละสายตาไปไหน ไม่ได้มองเขาด้วยแต่เหมือนมองคนข้างๆเขามากกว่า เธอดูเป็นคนมั่นใจตัวเองถ้าเขาดูไม่ผิด
“คนอื่นๆไม่ไปเล่นด้วยกันหรือคะ?” จันทร์เจ้าได้ยินคนอื่นเรียกว่ามะปรางนะ
ได้ความจะพวกพี่เอ็ดมันด์ว่าคนกลุ่มข้างๆเรียนอยู่มหาลัยในกรุงเทพฯเหมือนกันปีเดียวกับพวกพี่เอ็ด
“ไม่เป็นอะไรครับ” เตเตตอบ เขาพอจะดูออกว่าเธอดูจะสนใจเพื่อนหน้านิ่งเป็นพิเศษเพราะมองตลอด
“แล้วนี่ชื่ออะไรหรือคะ?”
“เตครับ” มะปรางพยักหน้าแต่ยังคงเหมือนรั้งรอคำตอบอย่างอื่นด้วย ตามมารยาทเตเตเลยต้องแนะนำต่อ “นี่อัช นาฏย เจ้า แล้วก็เอยครับ”
“สวัสดีค่ะ”
แต่ว่าทุกคนรู้นิสัยนาฏยดี ผู้หญิงแบบนี้เจ้าตัวเจอมาค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่สนใจเลย คือใช้ความนิ่งเข้าใส่จนพวกเธอล่าถอยไปเองไม่รู้เพราะความนิ่งเงียบหรือนัยน์ตาคมดุคู่นี้
“พี่นาฏยไปไหนหรือครับ?” จันทร์เจ้าถามร่างสูงที่ลุกขึ้นยืน
“ผมไปดูเรือหน่อย เดี๋ยวเราก็กลับได้แล้วล่ะ” วันนี้ตอนเย็นเขาว่าจะจัดปาร์ตี้ปิ้งย่างที่สวนหลังบ้านอยู่แล้วเพราะงั้นกลับเร็วหน่อยก็ดี
พอร่างสูงลุกไปสักพัก ทุกคนก็เฮฮาตามปกติ แต่ว่าร่างของมะปรางก็ไม่ได้นั่งอยู่ด้วย
“คุณมีอะไรหรือเปล่า?” เสียงเข้มแฝงด้วยความหงุดหงิดแต่หน้ายังนิ่ง
มะปรางลูบแขน เธอค่อนข้างถูกใจกับหน้าตาของอีกฝ่ายพอสมควรเสียแต่ว่าเข้าถึงยากไปหน่อย พอเห็นอีกฝ่ายลุกออกมาเลยเดินตามออกมาขณะที่คนอื่นไม่ได้สังเกตุ
“เอ่อ...เราอยากจะขอไลน์ได้ไหม?”
นาฏยลอบถอนหายใจ เขาเข้าใจยุคปัจจุบันดีและไม่คิดว่าผู้หญิงที่กล้ามาขอเบอร์หรือไลน์ผู้ชายจะน่าเกลียดอะไรขนาดนั้น แต่เขาไม่สนใจมากกว่า บางคนก็ดีคุยง่ายพอไม่ให้ก็ไม่ตื้อแต่มันก็มีอีกประเภทที่ค่อนข้างน่ารำคาญไม่ให้แต่ก็ไม่ยอมไปสักที
“โทษที…” นาฏยพูดแค่ประโยคเดียว นัยน์ตาคมเช็คเรือว่าปกติไม่ได้มีปัญหาอะไร เห็นร่างเล็กของกระต่ายแคระลุกขึ้นแล้วก็นั่งลงคอยชะเง้อชะแง้มองมาที่ท่าเรือ
นาฏยคิดว่าเจ้าตัวก็อาจจะไม่สบายใจกับสายตาของหญิงสาว เขารู้สึกอยู่แล้วว่าโดนมองแต่ไม่ได้สนใจและไม่อยากพูดอะไร คนอื่นๆก็เช่นกันเพราะไม่อยากให้งานกร่อย
“มีแฟนแล้วหรอ?”
และนาฏยก็ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องมาบอกคนอื่นว่าเขามีแฟนหรือไม่
“ถ้ายังก็ลองคุยได้ไหม?”
ร่างสูงจ้องมองเธอนิ่งๆ มะปรางรู้สึกเกร็ง แต่ก็ยังลองอีกตั้ง
“ไม่ได้หรอ?”
สุดท้ายนาฏยก็ไม่ตอบแต่เดินผ่านมะปรางกลับไปที่เดิม
กลับมาเจอสายตากลมโตที่มองมาอย่างกังวล จันทร์เจ้ามั่นใจว่าพี่นาฏยเป็นคนยังไง เขาเชื่อใจ แต่เขาไม่รู้นิสัยใจคอคนอื่น ยิ่งเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามสนใจคนรักของเขาอย่างออกนอกหน้าขนาดนี้
“เป็นอะไร หืม?” นาฏยพอเดาได้ว่ากระต่ายแคระซึมเพราะอะไร แต่เจ้าตัวกลับส่ายหน้าเบาๆก่อนจะกัดริมฝีปากก้มหน้าลง
“เปล่าครับ…” เขาเชื่อใจพี่นาฏย
“เจ้าขา…” มือใหญ่สะกิดร่างเล็กให้ลุกขึ้นก่อนจะจูงให้เดินตามไปอีกด้าน
มะปรางเห็นว่าร่างสูงเดินจูงมือเด็กหนุ่มตัวเล็กไปก็ขมวดคิ้ว
“นาฏยเขาสนิทกับเจ้าหรอ?” ถามอชิระ
อชิระยักไหล่ แต่ไม่ได้บอกความสัมพันธ์ของเพื่อนให้คนรับรู้เพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็น “ครับ…”
“ว่าไงเจ้าขา เป็นอะไร?” นาฏยเริ่มสนทนาเมื่อเห็นว่าเดินมาไกลพอสมควร
“คือ…” ความรู้สึกชั่วแวบหนึ่งเขาแค่ไม่ชอบใจผู้หญิงคนนั้น
“ไม่ค่อยชอบมะปรางใช่ไหม?” นาฏยจี้จุด
ร่างเล็กนิ่งแต่สุดท้ายก็ยอมตอบ “แค่นิดหนึ่งครับ เจ้าขาขอโทษ เจ้าขางี่เง่าเองครับ”
“ชู่วๆนิ่งซะ” มือใหญ่ลูบแก้มนิ่มเบาๆ เกลี่ยริมฝีปากที่ขบกันอยู่ในคลายออก “เราเชื่อใจกันใช่ไหม?”
เชื่อใจ…
“ครับ…”
“คุณเชื่อใจผมและผมก็เชื่อใจคุณ คนอื่นก็เป็นแค่คนอื่น อย่าไปใส่ใจเขา” ตากลมมองใบหน้าคมดุ รอยยิ้มอ่อนโยนที่เห็นได้ยากถูกส่งมาจนเขาใจเต้น อดยิ้มตอบไม่ได้
“ผมเชื่อพี่นาฏยครับ”
นั่นสิเนอะ ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน บุคคลอื่นเป็นปัจจัยภายนอกขึ้นอยู่กับว่าเราจะเอาเขามาเกี่ยวข้องด้วยไหม ถ้าแค่เลิกสนใจเลิกยุ่งกับเขา คนอื่นก็เข้ามาแทรกไม่ได้
“ดีมาก” นาฏยยืดแก้มป่องออกด้านข้างจนเจ้าของร้องโอดโอย แต่ก็กลับมายิ้มแก้มป่องได้เหมือนเดิม “เจ้าขาของผมต้องเข้มแข็งไม่ขี้แยนะ”
เจ้าขาของผม!
เจ้าขาของผม!!
เจ้าขาของผม!!!
โอ้ เอ็ม จี๊ ร้องเสียงสูง
พี่นาฏยจะทำให้เจ้าขาโดนทรายดูดเลยไหมเนี่ย
“พี่นาฏย…” เสียงเล็กๆครางชื่อเขาทั้งที่หน้าแดงก่ำ
++++++++++++++++++++++++++++100%++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่า คนเขียนมาตามสัญญาที่บอกไว้ในเฟสบุ้คว่าจะมา อิๆๆ
ตอนที่28แล้ว อีกแค่สองตอนเท่านั้นแล้ววววววว พี่หมีกับต่ายแคระจะได้กลับบ้านเลี้ยงลูกซะที
น้องมาความหวงเล็กๆ แต่ว่าไม่ถึงกับงี่เง่า เราบอกเลยว่าเราไม่ค่อยชอบเคะหวงงี่เง่า และพี่นาฏยนางก็คนจริง
คือน้องไม่พอใจคือถามตรงๆ ไม่เก็บไม่อมพะนำ เพราะงั้นดราม่าเลยไม่มีน้าาาา 555 อีกแค่สองตอนไม่อยากม่าแล้ว
อยู่กันจบจนเลยน้าาา อย่าเพิ่งทิ้งกันนนนนนน
เยิฟๆๆๆๆๆ