ตอนที่ 2“แกริค! เด็กนั่นอยู่ไหน”
“สักครู่ครับบอส”
ความสามารถพิเศษของแกริค เป็นที่ต้องการของคาดอสมากในตอนนี้ เขาสามารถเมมโมรี่และติดตามเป้าหมายได้แค่
เพียงแรกพบ แต่ตอนนี้...กลับไม่ง่ายอย่างนั้นแล้ว?
“บอสครับ ผมไม่เห็นภาพนั้นเลยครับ” คาดอสขมวดคิ้วเข้าหากัน
“เป็นไปไม่ได้ แยกย้ายกันตามหา!” ร่างสูงสั่ง
“ครับ!”
มันน่าจะง่ายและสะดวกกว่านี้มาก หากไม่มีผู้คนเดินพลุกพล่าน เพราะเขาจะได้อาศัยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเทียบเท่ากับความเร็วรถ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของเขานั้นออกตามหา แต่สุดท้ายทางที่เขากำลังเดินไป นำพาไปยังเป้าหมายพอดี เห็นหลังของชาวไทยคนนั้นอยู่หลัดๆตรงหน้า
พรวดดด คานอสเดินไปลัดดักด้านหน้าเอาไว้ได้ทัน คนถูกตันทางแทบหยุดเดินไม่ทัน เงยหน้ามองด้วยความสงสัย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คาดอสได้จ้องมองใบหน้านี้อย่างละเอียด
“ ขอโทษครับ ผมต้องขอทางด้วย” ร่างบางยิ้มบอกอย่างเป็นมิตร แล้วเลี่ยงตัวเบี่ยงไปทางซ้าย
พรึบ ร่างสูงก้าวขวาไปดักเช่นเดิม คนถูกก่อกวน มองหน้าคนตัวสูงอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้วก็ตัดสินใจเบี่ยงเดินไปด้านขวาอีกทีเพื่อตัดปัญหา
พรึบ คาดอสไม่ลดละ ก้าวเท้าซ้ายมาตันทางไว้เหมือนเดิม และไม่ยอมพูดอะไรนอกจากใบหน้านิ่งเฉยแต่ในใจกลับมีคำถามที่มากมาย
“คุณครับ ช่วยขยับตัวหน่อย ผมต้องการออกประตูนี้” ตัวเล็กบอกความจำนง เริ่มไม่พอใจนิดนิด พร้อมกับเบี่ยงตัวไปทางซ้ายอีกที
คราวนี้หนุ่มหล่อไม่ได้เลื่อนตัวไปดักตามเดิม แต่ใช้มือแกร่งข้างขวานั้นคว้าเข้าจับต้นแขนเล็กๆที่กำลังจะผ่านตัวเขาไป
หมับ!“คุณจะทำอะไร?” พิคเจอร์หน้าเหวอ ร้องเสียงหลง
ประจวบเหมาะกับคนสนิททั้ง 4 คนวิ่งมาสมทบทันพอดี คาดอสมองไปหาเจ้าของพลังงานสะกดจิตและลบล้างความทรงจำ เหมือนจะต้องการให้ช่วยเหลือที่สุด
“ไดนาดิน!”
“ทราบแล้วครับบอส”
หนุ่มผู้สุขุมพูดน้อย เดินตรงเข้ามาใกล้ไม่ชักช้า เว้นระยะห่างกับพิคเจอร์ประมาณหนึ่งเมตร ก่อนจะเอื้อมมือขวาขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง แต่บางอย่างนั้นกลับทำให้ทั้งเจ้าตัวและคนอื่นแปลกใจไปตามๆกัน
“นายเป็นอะไรไป?” เรนเดลกระซิบถาม แต่ไดนาดินกลับมองหน้าคาดอส ราวกับจะบอกบอสว่าเขาทำไม่สำเร็จ
“เอาล่ะ หลานชาย ปล่อยแขนชาวต่างชาติเถอะ นายกำลังเสียมารยาทนะ” ด๊อกเตอร์บารอนเพิ่งเดินมาสมทบคนสุดท้ายเห็น
สถานการณ์คร่าวๆก็พอจะเดาออก
“แต่คนไทยคนนี้ ไม่ใช่คนธรรมดา” แกริคเปรยออกมา ดังพอที่จะให้ด๊อกเตอร์ได้ยิน
“คุณเป็นใคร?” คาดอสหันมาสนใจและถามต่อ ในขณะที่ยังจับต้นแขนอีกฝ่ายอยู่เช่นเดิม
“ผมเป็นไทย” พิคเจอร์ตอบแบบซื่อๆ เพราะไม่เข้าใจความต้องการ และตอนนี้เขาเริ่มเครียด
“ผมหมายถึง...ใครส่งคุณมาที่ลอสแอนเจลิส”
“คุณ! ไม่มีใครส่งผมมาทั้งนั้นแหละ คุณจำคนผิดแล้ว แต่ดูจากท่าทีพวกคุณ น่าจะมีอำนาจไม่น้อย” คนตัวเล็กกว่ากวาดตามองคนรอบข้างกายตอนนี้พร้อมกับประเมินด้วยความคิดตัวเอง แต่ละคนดูหน้าตาดีแต่บุคลิกโหดเหี้ยมทั้งนั้น หรือว่าคนพวกนี้คือแก๊งมหาอำนาจ! พิคเจอร์ทำตาโตทันที
“คุณคิดอะไรอยู่!” สุดท้ายคาดอสกลับนิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป หากไม่รู้ว่าชาวไทยคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ด้วยสีหน้าท่าทีตื่นกลัวของชาวไทยนั้น เขาจะต้องบ้าคลั่งเป็นแน่หากยังไม่สามารถอ่านความคิดคนคนนี้ออก
“คุณถามผมว่าไงนะ?” คำถามที่พิลึกนั่นทำให้ร่างบางต้องการฟังซ้ำ
“ผมถามว่า..
.คุณ! กำลัง! คิด! อะไร! อยู่!”“ผมจะคิดอะไรก็เรื่องของผมสิ คุณนี่ถามแปลกๆ”
“แต่คุณต้องบอกผม เดี๋ยวนี้!” ความหงุดหงิดใจที่ไม่สามารถอ่านความคิดคนคนนี้ได้นั้น บีบบังคับให้เขาพูด
แต่ไหนแต่ไรมา ตั้งแต่มีพลังงานเหนือมนุษย์ในร่างกาย มีหรือที่อยากรู้อะไรแล้วไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น นี่เป็นครั้งแรกกับชาวไทยคนนี้ที่ขัดใจเขามาก และอีกประเด็นเขากลัวว่านี่ จะเป็นหนึ่งในศัตรูที่ถูกส่งตัวมาแน่
“คุณ! ผมจะคิดอะไร ไม่เห็นต้องบอกคุณเลยนะ เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ” พิคเจอร์ทำสีหน้าอยากจะบ้าตาย
“คาดอสหลานชาย ใจเย็นเถอะ เขาอาจจะไม่ใช่...”
“ผมว่าเขาใช่ครับด๊อกเตอร์ ต้องใช่แน่ๆ ดูซิว่าจะปิดบังความจริงไปได้นานแค่ไหน! เบลซ...จับตัว!”
“บอส! จะพาชาวต่างชาติคนนี้ไปไหนครับ” เรนเดลถามด้วยความตื่นตระหนกปนสงสาร
“ไปบ้านฉัน”
เรนเดลได้คำตอบ รีบหันกลับไปมองอีกคนในอ้อมแขนของเบลซเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หนุ่มเปลวไฟตัวใหญ่เข้าจับกุมตั
ได้อย่างง่ายดายและแนบเนียนเกินกว่าที่คนภายนอกจะดูออก
พอไปถึงบ้าน คาดอสสั่งให้ลูกน้องจับพิวเจอร์เขาไปในห้องสี่เหลี่ยมโล่งกว้างทันที มีเพียงเก้าอี้กับเครื่องบรรณาการมัดตัวอยู่กลางห้อง รายล้อมไปด้วยผนังสีขาวรอบทิศ ร่างบางพยายามขัดขืนแต่ไม่สามารถสู้แรงของเบลซได้ ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วจริง ทบทวนอีกทีนี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
“ผมของถามคุณอีกครั้ง คุณเป็นใคร?” คาดอสยืนถามเว้นระยะห่างราว 5 เมตร
“คุณต้องการให้ตอบแบบไหน ผมไม่เข้าใจว่าคุณต้องการอะไร!” พิคเจอร์หวั่นกลัว
“ถ้างั้น ตอบผมมาว่าที่ประเทศไทย คุณทำอาชีพอะไร ”
“ผมเป็นนักวาดภาพศิลปะ” เขารีบบอกร่างสูงไปเผื่อว่าการเจรจาจะง่ายขึ้นและเขาจะได้เป็นอิสระเร็วๆ
“แล้วมาที่ลอสแอนเจลิสทำไม?” คาดอสหรี่ตารอคำตอบ ใช่เขาต้องเป็นฝ่ายรอคำตอบ เพราะตอนนี้เขาอ่านใจอีกคนไม่ได้ นี่คืองานยากสำหรับเขา คำตอบจะจริงหรือเท็จก็ต้องรับรู้เอาไว้ก่อน
“ผมมาร่วมนิทรรศการภาพวาดระดับโลกที่นี่”
“แล้วทำไมคุณถึงหลบหลีกการตามหาตัวจากแกริคได้ ทั้งที่เขาไม่เคยทำพลาด แถมคุณยังปกป้องตัวเองจากการถูกสะกดจิตระดับเซียนของไดนาดิน มือขวาของผม ที่สำคัญคุณปิดบังความคิดของคุณจากผมได้”
ร่างสูงร่ายยาวหวังว่าชาวไทยร่างบางที่ถูกมัดเอาไว้กับเก้าอี้จะเข้าใจ แต่...ไม่เลยแม้แต่น้อย
“คุณพูดเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ” พิคเจอร์ตัวสั่นเทา กลัวก็กลัว สับสนก็สับสน ดูงุนงงไปหมดทุกอย่าง
“หลานชาย จริงๆเขาอาจจะไม่ใช่คนที่นายสงสัย ปล่อยเขาไปเถอะ” ด๊อกเตอร์เดินเข้ามาบอกด้วยความสงสาร แต่ดูเหมือนคาดอสจะดื้อรั้นไม่ฟังความ หันไปมองร่างบางที่ถูกตรึงร่างกับเก้าอี้อีกครั้ง
“ที่ผมพูดไป คุณเชื่อไหม?”
“ไม่! ผมไม่อยากเข้าใจอะไรทั้งนั้น ผมมาที่นี่เพื่อไปร่วมนิทรรศการศิลปะเท่านั้น คุณจำคนผิดแน่ๆเชื่อผมเถอะ ปล่อยผมไปเถอะนะ” พิคเจอร์อ้อนวอน
“ถ้าไม่เชื่อ งั้นดูนี่ อย่าตกใจจนเป็นลมไปซะล่ะ” บอสใหญ่พูดจบก็หันไปพยักหน้าให้เรนเดล เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าคาดอสจะเลือกเขาให้แสดงความพิเศษเป็นคนแรกต่อหน้าชาวไทยใบหน้าใสคนนี้
“จับตาดูให้ดี” เรนเดลเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม
พรึบ เจ้าตัวยกมือโบกสะบัดไปมากลางอากาศจากช้าเป็นเร็วๆ และมันเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดปรากฏการณ์เกล็ดหิมะสีขาวเริ่มโปรยปรายลงมาจากเพดาน อุณหภูมิในห้องลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว หลายคนเริ่มตัวสั่นเทา เกล็ดหิมะเหล่านี้ทำให้คนธรรมดาๆอย่างพิคเจอร์อ้าปากค้างและหนาวเหน็บ
“ไง นี่คือพลังของเรา” เรนเดลยิ้มให้อย่างเป็นมิตรและภูมิใจเล็กน้อย
“...”
“นี่ ถึงกับอึ้งเลยหรอ เราชื่อเรนเดล เรียกเรน คำเดียวก็พอ” การแนะนำตัวเริ่มขึ้น มือที่เต็มไปด้วยหิมะยื่นไปกระชับความสัมพันธ์กับชาวไทยที่ยังลังเลและตกใจไม่น้อย
“พวกนาย ไม่ใช่คนแน่ๆ” ร่างบางเอ่ยพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอของเรนดังขึ้น
“พวกเราเป็นคน เพียงแต่มีพลังวิเศษเท่านั้น อ้อลืมไปเสียสนิท มือนายถูกมัดเอาไว้ สรุปนายชื่ออะไร”
“พิคเจอร์ เรียกพิคเฉยๆก็ได้” เรนเดลพยักหน้าเข้าใจ หันไปหาบอสใหญ่ที่ยืนทำสีหน้าเข้มอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
“บอสครับ ผมเชื่อนะครับว่าพิคเจอร์ ชาวไทยคนนี้ ไม่ใช่คนของ TR แน่นอน”
“ฉันวางใจไม่ได้ ตราบใดที่ยังอ่านความคิดและจิตใจของคนคนนี้ไม่ออก” คาดอสพูดเสียงเรียบ
“เราจะปล่อยเขาไปไหมครับ?” เบลซเอ่ยถาม
“เบลซ! ถ้าเราปล่อยชาวไทยคนนี้ออกไป แล้วเรื่องของเราล่ะ?” ร่างสูงกำลังเตือนสติและความคิดของเบลซ
“ไม่ยากนี่ครับ เราก็ให้ไดนาดิน ล้างความทรงจำส่วนนั้นไป เท่านี้ก็สิ้นเรื่อง” เบลซอธิบาย
“แต่นายก็เห็น ว่าไดนาดินทำไม่ได้ ไม่แม้แต่จะสะกดจิตชาวไทยคนนี้ได้ด้วยซ้ำ” คาดอสจ้องมองตาเขม็ง เขาจะวางใจไม่ได้ กลัวว่านี่จะเป็นแผนของพวก TR เป็นแน่ที่ส่งคนคนนี้มา
“หมายความว่าไง? คุณคงไม่คิดจะขังผมไว้ในนี้ตลอดไปหรอกนะ”
“คุณคิดถูกแล้ว ผมจะขังคุณไว้ที่นี่” คำตอบนั้นทำพิคเจอร์ดวงตาเบิกโพง
“ไม่ได้นะคุณ ผมต้องการไปชมงานนิทรรศการ แล้วอีกอย่าง ผมมาที่นี่แค่ 5 วันเท่านั้น”
“แต่คุณต้องอยู่ เพราะตอนนี้คุณรู้ความลับเรื่องพลังงานพวกเราไปหมดแล้ว”
“ผมรับรอง ผมไม่บอกใครแน่นอน”
“ผมจะเชื่อคำพูดของคุณมากกว่านี้ ถ้าหากพลังงานวิเศษของไดนาดินใช้ได้ผลกับคุณ”
“โถ่คุณ ปล่อยผมเถอะนะ ผมขอร้อง! ”
“เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น สมมติว่าคุณไม่ใช่พวก TR ส่งมา ตอนนี้คุณก็เป็นคนหนึ่งที่แย่ เพราะพวกนั้นคิดว่าคุณเป็นหนึ่งในแก๊ง
ของเราไปแล้ว และผมไม่รับรองด้วยว่าความเป็นความตายของคุณจะเป็นยังไง ถ้าหากคุณออกไปจากที่นี่”
พิคเจอร์น้ำตาซึม นี่มันเรื่องอะไรกัน ช่วยบอกเขาทีว่าหลังจากลงเครื่องบินมา ทั้งหมดนี้คือความฝันใช่ไหม
คาดอสพูดจบก็กลับหลังกำลังจะเดินออกไป แต่ร่างบางกลับตะโกนรั้งเรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวคุณ! แล้วผมต้องอยู่ที่นี่นานแค่ไหน”
“จนกว่าผมจะมั่นใจและเชื่อใจ ว่าคุณไม่ใช่พวก TR และไม่คิดจะทรยศเรา แต่จะดีกว่านี้ถ้าคุณลืมปัจจุบันของคุณว่าคุณเป็นใคร แล้วหันหน้าร่วมงานเข้าทีมกับเรา”
“ทีมของคุณคืออะไร?”
“เหนือมนุษย์ บริวารของผมมีความสามารถมากมาย ถึงหลายคนจะไม่มีพลังงานที่ว่า แต่ก็ใช่ปืน และ อาวุธล้ำสมัยทางเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี ตอนนี้คุณคือคนที่ทางเราต้องการมากที่สุด เพราะพลังงานการปกป้องตัวของคุณเองยังไงล่ะ”
“ปกป้องหรอ? ไม่อ่ะ...ผมไม่เข้า ได้โปรดปล่อยผมเถอะ เฮ้ อย่าเพิ่งไป!” พิคเจอร์พยายามรั้งไว้
“เรนเดลจะเป็นคนสอนคุณเอง” คำพูดตะโกนกลับทิ้งท้ายพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกปิดลงไป ตอนนี้ภายในห้องไม่เหลือใครเลยนอกจากเรนเดลและเขาเท่านั้น
แต่พอตั้งใจมองเรนเดลอย่างจริงจังกลับพบว่า เจ้าของหิมะโปรยปรายเมื่อครู่นี้อยู่ในสุดเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีเทา ยืนห่างพิคเจอร์ไป 4 เมตร แต่ความหนาวเหน็บกลับล่องลอยมากระทบผิวเนื้อของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“อย่ามองเราแบบหวั่นกลัวอย่างนั้นสิพิค”
“พวกนายเป็นคนจริงๆหรอ”
“ฮ่าๆๆ นายนี่ขี้วิตกกังวลจังเลย วางใจเถอะ บอสและพวกเราทุกคนเป็นคนดี นายอยู่ที่นี่จะปลอดภัย”
“แสดงว่าพวก TR นั้นเป็นคนไม่ดีสินะ”
“ใช่ ไม่ใช่ไม่ดีธรรมดา แต่พวกนั้นโคตรเลว พวกมันต้องการความเป็นหนึ่งทางด้านความมั่งคั่งและอำนาจทั้งโลก แต่ติดตรงที่ว่า
ยังไม่สามารถเอาชนะบอสของเราได้ เพราะเราเหนือมนุษย์ยังไงล่ะ”
“แต่บอสนายดูไม่เห็นจะเป็นคนดีเลยนะ” พิคเจอร์เอ่ยไปตามความรู้สึก ถึงใบหน้านั้นจะหล่อแค่ไหนก็ตาม
“จุ๊ๆๆ อย่าเผลอพูดออกไปล่ะ เก็บเอาไว้ในใจดีกว่า เพราะนายเป็นคนพิเศษ รู้ไหมไม่ใครปิดบังความลับไว้ในใจกับบอสได้ แต่สำหรับนาย บอสอ่านความคิดนายไม่ออก เพราะฉะนั้นเก็บมันเอาไว้ในใจแล้วกัน”
“แต่พลังงานของบอสนายแย่มากจริงๆ นี่คงจะแอบอ่านใจใครต่อใครมามากจนเคยชินละสิ ถึงได้มาพาลทำสีหน้าหงุดหงิดแบบนี้ใส่เรา แย่ชะมัด”
“ฮ่าๆๆๆ เอาล่ะๆ เอาเป็นว่าเราขอแล้วกัน อย่าพูดออกมาเด็ดขาด แต่เรายังยืนยันคำเดิมนะว่าบอสใจดี”
“อันดับแรกจะให้เราเชื่อว่าบอสนายเป็นคนดี นายควรจะปลดลวดหนาที่มัดตัวเราออกไปที เจ็บตัวไปหมดแล้วเนี่ย”
“so sorry พิคเจอร์ เราจะปลดให้นายเดี๋ยวนี้แหละ” ทันทีที่ตัวเป็นอิสระ ร่างบางก็วิ่งพรวดไปที่ประตูทางออก แต่ก็ไม่เร็วเท่าเรนเดลที่วิ่งเร็วดั่งลมกลด
ฟิ้วววว“นะ...นาย ทำไมวิ่งมาดักเร็งจัง”
“ก็บอกแล้วไง ว่าเหนือมนุษย์ หวังว่าคำนี้จะทำให้นายเลิกหนีได้นะ”