เหนือมนุษย์ อวสาน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เหนือมนุษย์ อวสาน  (อ่าน 19076 ครั้ง)

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เหนือมนุษย์ อวสาน
« เมื่อ16-08-2016 19:05:21 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

:pig2: :pig2:

เหนือมนุษย์


“ภาพวาดทุกชิ้น มันมีความชัดเจนในลายเส้นและสีที่ใช้ระบายอยู่แล้ว

แต่ชีวิตของใครบางคนกลับบอกไม่ได้ว่าความแน่นอนของหัวใจนั้น

มันจะชัดเจนหรือจะเลือนรางจางหายไป”


ฝากด้วยน้า เรื่องนี้แนวเกินจริงไปหน่อย แต่เพื่อสนองความต้องการผู้แต่ง เลยมีเรื่องนี้ขึ้นมา  :pig4: :pig4:

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2016 11:13:19 โดย loveice »

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์
«ตอบ #1 เมื่อ16-08-2016 19:10:28 »

 :L2: บทนำ


          หากโลกนี้ไม่เคยคิดจะหยุดหมุน  หากวันและฤดูกาลไม่คิดจะหยุดผันแปร หรือหากแม้แต่สายน้ำไม่เคยคิดไหลย้อนกลับ และนั่นก็คงจะถึงเวลาแล้วที่ชีวิตของผู้ชายวัยเบญจเพสคนหนึ่งต้องดำเนินต่อไปเพื่อพบเจอสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่อาจคิดในอีกไม่นาน

“...นั่นแหละ อย่างนั้น ค่อยๆวาดนะครับ ไม่ๆ ต้องเบามือกว่านี้นะครับ”

เสียงนุ่มฟังแล้วเบาสบายหู ไม่ต่างอะไรกับอาชีพที่เขาเป็นอยู่ อาจารย์พิเศษผู้มากความสามารถเป็นนักวาดรูปอิสระ และชำนาญการใช้สีทุกชนิดละเลงบนเนื้อกระดาษสีขาวหลากหลายไซน์ใช้ปรากฏจินตนาการตามที่ก้นบึ้งหัวใจนั้นรู้สึก

“อย่างนี้หรอครับอาจารย์!”

“นั่นล่ะ เก่งมาก” น้ำเสียงอ่อนโยนชื่นชมศิษย์ของตัวเอง คราวนี้คงไม่ต้องควบคุมมากเท่าเดิมแล้ว


           นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม กวาดมองลูกศิษย์ในคาบเรียนไม่ต่ำกว่า 20 ชีวิตรอบห้อง อย่างภาคภูมิใจ ถึงเขาจะไม่ได้จบด้านนี้
มาโดยตรงแต่ความสามารถและฝีมือกลับกลายเป็นที่โดดเด่นและติดตัวเขามาตั้งแต่เด็กก็ว่าได้ เขาเริ่มจากการวาดภาพใบไม้ ทุ่งหญ้า ไปจนถึงงานชิ้นเอกที่ได้จากการออกตะเวนหามุมวาดภาพสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นเมืองไทยหรือต่างประเทศในทุกครั้งที่มีโอกาส


        ผลงานมากชิ้นกลายเป็นวัตถุประมูลล้ำค่าน้ำงาม จำนวนเงินที่ได้มาก็คงเก็บเข้าธนาคารเช่นเคย จากหลักไม่กี่พันพอเลี้ยงตัวเองได้ จนตอนนี้เขามีเงินมากพอถึงขั้นหยิบออกมาช่วยเหลือสังคมอยู่ตลอดเวลาไม่ขาดสาย เดิมทีเขาเป็นเด็กกำพร้า และไม่คิดจะหยุดตัวเองไว้กับปมชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ในด้านครอบครัวเหมือนคนอื่น มาทำให้ชีวิตมีด่างพร้อย เขามักจะใช้ความล้ำค่าทางศิลปะที่เขารักและทำออกมาได้ดี ช่วยกลบมลทินของชีวิตตัวเองไปจนหมดสิ้นได้ตั้งแต่เมื่อไหร่นั้น เขาเองก็ไม่รู้


        และเป็นที่น่ายินดี บ่อยครั้งเขาถูกทาบทามไปเป็นครูสอนเด็กประถม มัธยม ตลอดจนมหาวิทยาลัย รวมถึงวันนี้ด้วยเช่นกัน  จนทุกวันนี้ ชื่อเสียงค่อนข้างจะเป็นที่รู้จักในวงการศิลปะ ไม่มีใครจะปฏิเสธฝีมือของเขาได้เลย ในทางกลับกันกลับมีแต่คำชมและรอยยิ้มที่ปรากฏออกมาแทนเมื่อคนเหล่านั้นได้สัมผัสชิ้นงานด้วยแววตา และเห็นพร้อมต้องกันว่า หนุ่มวัย 25 ปีอย่าง          พิคเจอร์ สมควรแล้วที่จะเป็นนักวาดภาพอิสระผู้มีชื่อเสียงมากในขณะนี้


            พิคเจอร์เติบโตมาด้วยความสดใสของศิลปะ และชื่อเล่นนี้ได้มาจากคุณครูพี่เลี้ยงเพราะเห็นว่าชื่อนี้เหมาะกับเขามากที่สุด เนื้อตัวบอบบางไปนิดแต่สปีริตความเป็นชายนั้นไม่มีหญิงใดกล้าปฏิเสธ หากแต่เพียงว่าพิคเจอร์นั้นไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่กลับชอบผู้ชายแทน


          สามวันต่อมา มีข่าวคราวเกี่ยวกับภาพวาดที่ถูกจัดขึ้น มันช่างน่าอัศจรรย์และดึงดูดให้คนอย่างพิคเจอร์ต้องเดินทางไปแคลิฟอร์เนียทันที เพราะเป็นงานค่อนข้างใหญ่และอลังการ เขาอยากจะไปชมและไปเห็นด้วยตาของตัวเอง โดยปฏิเสธการว่าจ้างให้ไปสอนเด็กประถมวาดภาพในช่วงที่ตรงกับโครงการนี้พอดี


“พิค! แน่ใจนะว่าไม่ให้ ‘ฟิน’ ไปด้วย”


           เพื่อนสนิทคนเดียวของพิคเจอร์  ยืนถือกระเป๋าสำภาระให้อีกคนด้วยสีหน้าเป็นห่วง ตลอดการเรียนที่มหาวิทยาลัย ฟิน เป็นเพื่อนคนเดียวที่เขาไว้ใจและยอมปรึกษาเรื่องส่วนตัวมากที่สุด แม้ในใจลึกๆฟินอาจไม่ได้คิดจะเป็นแค่เพื่อนสนิทกับพิคเจอร์เพียงอย่างเดียว ซึ่งข้อนี้คนตัวเล็กกว่ารู้ดีมาตลอด แต่เพื่อมิตรภาพ พิคเจอร์ได้ขอเอาไว้ว่าให้เป็นเพื่อนกันแบบนี้ต่อไปนนั้นดีที่สุดแล้ว


“อื้ม พิคคิดว่า...พิคไปเพื่อความสุขตัวเอง แล้วก็ไม่ได้นานหรอก มากสุดก็ 5  วัน ฟินอย่าห่วงเลยนะ”

“ถ้าฟินคิดถึง ฟินวีดีโอคอล หาได้ปะ”

“ได้สิ เครื่องจะออกแล้ว ไปแล้วนะขอบใจที่มาส่ง ขับรถกลับบ้านดีๆล่ะ” พิคเจอร์โบกมือให้เพื่อนสนิท ก่อนจะหันหลังหายวับ
เข้าไปในราวกั้นผู้โดยสารตรงหน้า ทิ้งไว้แต่แววตาที่เป็นห่วงของอีกคนไว้ด้านหลัง


     เครื่องบินลำใหญ่โลดแล่นทะยานขึ้นท้องฟ้า อีกนานหลายชั่วโมงต่อจากนี้ การเดินทางบนอากาศจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะถึงที่หมายปลายทาง คนตัวเล็กทั้งตื่นเต้นและดีใจมากที่จะได้ไปสมัผัสสิ่งที่ชอบ


    แต่ทว่า การเดินทางไปที่แคลิฟอร์เนียครั้งนี้ จะเปลี่ยนชีวิตของหนุ่มนักวาดภาพผู้อ่อนโยนไปตลอดกาล

รัฐแคลิฟอร์เนีย (เวลาช้ากว่าประเทศไทย 12 ชั่วโมง)

บริเวณซอกมุมตึก ใจกลางมหานครลอสแอนเจลิส ยามค่ำคืน


พรึบ!

“เมื่อกี้นี้ แกเห็นอะไร!” ร่างสูงเกิน 185 เซนติเมตร เค้นเสียงต่ำถาม พร้อมกับยืนนิ่ง ไม่ไหวติง แต่มืออีกข้างกลับจับคอล็อคชายหนุ่มตรงหน้าแน่น ความเจ็บและหายใจไม่ออกทำให้คนไม่มีทางสู้ดิ้นทุรนทุรายเพราะขาสองข้างยกลอยเหนือพื้น

“มะ... ไม่ ฉันไม่เห็น ปะ...ปล่อยฉันเถอะ นะ”

“เอายังไงดี ‘เบลซ’ เรื่องของเราจะให้คนอื่นรู้ไม่ได้”

 ใครอีกคนในชุดคลุมสีดำยาวถึงเข่า กำลังเซ้าซี้ความคิดของเบลซเพื่อนรัก ด้วยการยืนเท่ห์สอดมือสองข้างเข้ากระเป๋าเสื้อพร้อมกับเอาหลังพิงผนังตึก อย่างกับคนไม่ได้ทุกข์ร้อนใจอะไร

“รออะไรเล่า ‘แกริค’  ลงมือเลย”

      หนุ่มผมบอร์นทอง ยิ้มอย่างมีเลศนัยน์ทันทีที่ได้คำตอบ เขาค่อยๆเอามือที่สอดอยู่ในชุดคลุมออกมาหนึ่งข้าง เลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าของผู้ที่มีคออยู่ในมือของ เบลซ เพื่อนรัก




“ช้าก่อน!”



เสียงตะโกนพร้อมกับร่างที่กระโจนลงมาจากบนตึกทำให้พวกเขาชะงัก


“ไดนาดิน!” เบลซและแกริคอุทานชื่อขึ้นพร้อมกัน


“ชายคนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง” เบลซยอมปล่อยมือออกจากคอหลังจากคำอาสาของผู้มาเยือนเอ่ยขึ้น


“มันจะหนีไปแล้ว!” แกริคหนุ่มผมบรอนซ์ทองเอ่ยบอกอย่างใจเย็น


“หนีไปไม่พ้นหรอก!” ไดนาดินยิ้มอ่อน ทันใดนั้น คนที่กำลังวิ่งหนีพวกเขา เข่าทรุดลงกับพื้นทันที


“พลังของนายเจ๋งจริง พ่อหนุ่มนักสะกดจิต” เบลซ ยิ้มอย่างชื่นชม


   ไดนาดิน หนุ่มผิวขาวซีดจ้องมองเป้าหมายจากด้านหลังต่อ ไม่นานชายคนนั้นก็หมดฤทธิ์แน่นิ่งไป จากนี้ถึงชายคนนั้นจะฟื้นขึ้นมา เขาจะไม่มีทางจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และเขาได้เห็นอะไร


“เรารีบกลับไปหา ท่านคาดอส ดีกว่า ฉันเหมือนจะได้ยินเสียงรถตำรวจกำลังมาทางนี้” แกริคเอ่ย


“ไกลแค่ไหน ทำไมต้องรีบร้อน?” ไดนาดิน เดินช้าๆนำหน้าสองคนออกไปจากซอกมุมตึก ก้าวข้ามร่างไม่ได้สติไป


“ก็...ประมาณหนึ่งกิโลเมตร” คำตอบของแกริค ถึงขั้นทำให้ให้เบลซต้องหลุดขำ


“ฮ่าๆๆๆๆ แกริค หูนายนี่มันดีไปแล้ว เชื่อสิ! เราหนีทัน ว่าแต่นายเอารถมาด้วยรึเปล่าไดนาดิน”


“ไม่! เพราะฉันวิ่งมาที่นี่ มันเร็วกว่ารถเยอะ”


“ดี ใครไปถึงเขตคาดอสก่อน คนนั้นชนะ”


“ได้!”


พิ้ววว!


สามหนุ่มออกตัววิ่งลิ่วไปยังบริเวณเป้าหมายทันที ผ่านซอกตึกลัดเลาะเข้าตรอกซอยไปเรื่อย แข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทิ้งเอาไว้แต่วีรกรรมที่ตำรวจแคลิฟอร์เนียจะมาเห็น ก็ไม่สามารถตามจับผิดได้อีกเช่นเคย


:L2:


สนุกไหมอ่าาาา ฝากด้วยน้า  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ บทนำ
«ตอบ #2 เมื่อ17-08-2016 14:17:45 »

ตอนที่ 1


          ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน แสงไฟมุกประดับบนรั้วบ้านยาวเหยียดขนาบข้างกับความยาวถนนส่องแสงสว่างแทนดวงอาทิตย์ที่หายลับขอบฟ้าไป สามหนุ่มวิ่งแข่งกันจนมาถึงที่หมายไร้ซึ่งความหอบเหนื่อย ที่นี่คือ อาณาจักร ตระกูลอินทรีทอง


     ไดนาดิน ผู้สุขุมรอบคอบ ปลดกระดุมที่คอเสื้อเชิ้ตสีเทาหนึ่งเม็ด ขณะเดียวกันแกริคก็ถอดชุดคลุมสีดำออก ส่วนหนุ่มหล่อร่างสูงกว่าเพื่อนกลับปรากฏแววตาวอกแวกกลัวความผิดก่อนหน้านี้แทน


    ที่หน้าประตูมีใครคนหนึ่งยืนรออยู่ก่อนหน้านี้ด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก...


“เบลซ! ท่านคาดอส รออยู่ที่สระว่ายน้ำหลังบ้าน” แววตาไม่เป็นมิตรกับน้ำเสียงห้วน ท่าทีไม่ชอบใจของหนึ่งในสมุนแนวหน้าอีกคน ทำให้คนตัวใหญ่ยิ่งสลดไปอีก


“หมดหน้าที่ของฉันแล้ว ขอตัวนะ” ไดนาดินพูดลอยๆ แต่กลับถูกมือของคนไม่สบอารมณ์จับไว้ก่อน


“ฉันอยากจะคุยกับนาย ไดนาดิน”


“ เรน! วันนี้ฉันเหนื่อยมาก  ” หนุ่มผู้สุขุมหันมาบอกด้วยความใจเย็น


“แต่...”


พรึบ!



         ไม่สำเร็จ เรนเดล ถูกไดนาดินตรึงร่างเอาไว้ก่อน หากไร้ความช่วยเหลือจากการอ่านใจของแกริคแล้ว เรนเดลจะไม่มีทางรู้เลยว่าไดนาดินคิดจะเล่นงานเขาตอนไหน จนกระทั่งหนุ่มผู้สุขุมเดินเข้าห้องส่วนตัวไป การตรึงร่างจึงคลี่คลายหายสูญ


“นายรู้...แต่ไม่บอกฉัน!” พอเรนกลับสู่สภาวะปกติได้ก็หันไปเขม่นเอาเรื่องกับแกริค ที่กำลังยืนยักคิ้วให้อย่างอารมณ์ดี


พรึบ!


มือเรียวบางพุ่งเข้าไปที่ต้นคอหนุ่มผมบอร์นทองทันที พร้อมกับปล่อยไอเย็นยะเยือกติดลบไม่กี่องศาเล่นงาน


“เรน! คอฉัน! อ่า…” แกริคร้องทรมาน ไม่ว่าจะโดนกี่ครั้งเขาก็ไม่วันเคยชินได้เลย


“เสียงดังอะไรกัน!”



         เจ้าของเสียงเดินกลับเข้ามาในตัวบ้าน มีบริวารขนาบข้างสองคน  เขาทำสีหน้านิ่งเรียบ ความสูงของเจ้าของบ้านแห่งนี้เป็นที่ประจักษ์และเกรงใจของทุกคนในบ้าน แม้แต่เรนเดลที่ยังไม่หายโมโหแกริคก็ต้องรีบละมือปล่อยคออีกฝ่ายเป็นอิสระทันที


“บอส!” ทุกคนก้มหน้าลงหมด


“ไดนาดิน หลับไปแล้วสินะ!” นั่นไม่ใช่คำถามของหนุ่มร่างสูงเกือบ 190 เซนติเมตร เพียงแต่พูดไปตามพลังงานที่จับความเคลื่อนไหวของคนสนิทได้เท่านั้น


“เบลซ!” เสียงกดต่ำ แววตาดุดัน จ้องมองไปที่สมุนเอกตัวสูงผู้มีจิตใจร้อนเป็นหนึ่งของเขา


“ท่านคาดอส ผมไม่ได้มีเจตนาให้คนรู้ว่าเราเหนือธรรมชาติ มีอำนาจเหนือมนุษย์ แต่...” เบลซกำลังจะพล่ามต่อ


“ฉันเคยบอกว่ายังไง?” คาดอส หรี่ตาลงกว่าเดิม


“อย่าเอาความผิดของตนมาเป็นข้ออ้างครับ”


“ดี! คิดซิว่าถ้าฉันส่งไดนาดินไปช่วยนายไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้น”


“ขอโทษครับท่าน” เบลซรู้สึกผิด


“อีกห้าวัน ฉันจะกลับเมืองไทย ส่วนพรุ่งนี้ฉันจะไปทำธุระที่สนามบิน เตรียมตัวให้พร้อม”


“ครับ!”



           การมาเยือนลอสแอนเจลิสรอบนี้ได้สิ้นสุดลง เขาในฐานะผู้นำและทรงอำนาจทางธุรกิจของตระกูลอิงจินเซ่อ หรืออินทรีทอง ได้รับการต่ออำนาจจากพ่อที่เสียไปได้ไม่กี่ปี ความลับมันอยู่ตรงที่ว่าใครคนหนึ่งที่มีความสำคัญกับเขาและบริวารมากมายเหล่านี้นั้นต่างหาก อำนาจพลังที่เปลี่ยนไปตามคุณสมบัติของแต่ละคน คนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้นั้นก็คือ ด๊อกเตอร์บารอน สุดยอดนักวิทยาศาสตร์วิจัยแห่งโลกผู้ก้าวล้ำทางเทคโนโลยีจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูกอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้คือความน่ากลัวสำหรับคนอื่น เพาะถูกทำให้เข้าใจผิดได้ว่า พวกเขาไม่ใช่มนุษย์   







เช้าวันใหม่ สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส


      ผู้โดยสารขาเข้า-ออกมากมาย เดินสวนทางป้วนเปี้ยนไปมา จดจำใบหน้าแทบไม่หวาดไม่ไหว คุณชายใหญ่แห่งตระกูลอินทรีทอง เลือกนั่งรอใครบางคนอยู่ในร้านเครื่องดื่ม ด้วยการเหมาร้านเป็นเวลาจนกว่าจะได้เจอกับใครคนนั้น โดยมีบริวารมากมายนั่งดูความเรียบร้อยเต็มร้านไปหมด



            คาดอสอายุครบ 30 ปีแล้ว เขาเป็นลูกครึ่ง มีพ่อเชื้อชาติชาวอเมริกันและมีแม่เชื้อชาติจีน ธุรกิจมากมายได้รับสานต่อจากทางพ่อ และอำนาจทางโลกตะวันออกได้จากตระกูลของแม่ ผู้เป็นมาเฟียตระกูลอินทรีทอง แต่ด้วยความพิเศษของอำนาจที่เป็นความลับของเพื่อนพ่ออย่าง ด๊อกเตอร์บารอน ที่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยนั้นทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นไปมากหลายเท่าตัว



“แกริค! อีกนานไหม” นายใหญ่เอ่ยถามพลางยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบ


“สายการบินใกล้เข้าฝั่งแล้วครับ อีกประมาณ 10 ไมล์” เจ้าของความสามารถพิเศษบอกบอสใหญ่ไป



พิ้วววววววว   


        เสียงเครื่องบินลดระดับต่ำลง ตามคำบอกของแกริคได้ไม่นาน คาดอสตัดสินใจส่งหนุ่มผมบอร์นทองกับเรนเดลไปรับด๊อกเตอร์บารอนที่ทางออกผู้โดยสารทันที แม้ว่าจะรู้อยุ่แล้วว่าสองคนนี้ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่นัก แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ไม่ชอบพอกันอยู่อย่างนี้ ทุกครั้งที่มีโอกาสเขาจะส่งสองคนให้ร่วมงานกันประจำ


 
      ผู้โดยสารขาเข้า หลายบริษัทการบินหลายประเทศเดินตามกันออกมาติดๆ หนึ่งในนั้นคือ พิคเจอร์ เด็กหนุ่มเชื้อชาติไทยที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง กำลังเดินลากกระเป๋าสัมภาระ มองซ้ายมองขวาหาป้ายบอกทาง ภาษาอังกฤษของเขาพอจะเข้าด้ายเข้าเข็มพอสมควร คราวนี้เห็นทีจะต้องได้ใช้บ้างแล้ว


   ขาสองข้างเดินฉับๆสลับซ้ายขวาอย่างมั่นใจ แต่ในขณะเดียวกัน คนด้านหน้ากลับไม่ระวังการเดินของเขาเท่าที่ควร จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อย



ตุ๊บ!



      ร่างบางกว่า เซถลาถอยหลังกลับไปสองก้าว สีหน้ามึนงง ก่อนจะจ้องดูสิ่งที่เขาเดินชนเมื่อครู่ กลับกลายเป็นหนุ่มสูงวัย รูปร่างท้วม สวมชุดสบายๆ ใส่แว่นหนาเตอะ ดูจากสีหน้าท่าทางจะเป็นชาวอเมริกันแน่นอน ชายร่างท้วมดังกล่าวรีบเดินไปหยิบหนังสือเดินทางที่หล่นบนพื้นทันที ก่อนจะพยักหน้านิดๆ


“ขอโทษนะครับผมไม่ได้ตั้งใจ พอดีรีบไปหน่อย นี่พาสปอร์ตของคุณครับ”


“ไม่เป็นไรครับ ” พิคเจอร์ ก้มหน้ารับคำขอโทษจากชายร่างท้วม


“คุณ O.K. ไหม?” เขาถามต่อ


“ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ ว่าแต่ทำไมคุณพูดไทยได้”


“ผมต้องไปทำธุระหลายประเทศ และหนึ่งในนั้นคือประเทศไทยครับ ”


“อ่อครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”


       ชายร่างท้วมพยักหน้ายิ้มให้ เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่ารั้งฝ่ายตรงข้ามนานเกินไปแล้ว แต่แปลกใจชะมัด ทำไมเด็กหนุ่มคนไทยคนนี้ดูน่าค้นหายังไงไม่รู้


“ยินดีต้อนรับครับ ด็อกเตอร์บารอน” เสียงเรียกชื่อเขาดังมาจากด้านหลังจนต้องละสายตาจากหนุ่มน้อยไป


“แกริค เรนเดล! ”


“ดูคุณสีหน้าไม่ดีเลยนะด๊อกเตอร์ มีอะไรรึเปล่า?” เรนเดลจับผิดได้


“นิดหน่อย ”


“เด็กผู้ชายคนนั้นสินะครับ” แกริคแอบอ่านใจเพราะอยากรู้ว่าเป็นใคร แต่ตอนนี้ก็พอจะมองเห็นชายหนุ่มร่างบางเดินห่างออกไปแล้วหลายสิบเมตรแล้ว


“ใช่ เขาเป็นคนไทย น่ารักดี”


“ไปเถอะ ท่านคาดอสรออยู่ในร้านเครื่องดื่มแล้ว” เรนเดลพูดตัดบท


“อืม!”


          หน้าร้านเครื่องดื่มทางขาออกผู้โดยสาร ไม่รู้อะไรดลใจให้หนุ่มนักศิลปะคนนี้คอแห้งอยากดื่มอะไรบางอย่างขึ้นมา เหลือบมองเห็นร้านด้านซ้ายมือพอดี  แต่ยังไม่ทันตัดสินใจก้าวย่างเข้าไปในร้านกลับถูกชายใส่สูทสองคนหน้าร้านรั้งเอาไว้



“เข้าไม่ได้!”


“ร้านยังไม่เปิดหรอครับ” ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะถามต่อด้วยความสงสัย เพราะสิ่งที่เห็นคือร้านเปิดแล้วชัวร์แน่นอน เพราะลูกค้าหลายคนนั่งอยู่ในร้านเกือบเติม



“บอสของเราเหมาร้านนี้แล้ว รบกวนคุณไปซื้อร้านอื่นแทนนะ”



          คำตอบห้วนๆ ทำให้ร่างบางพยักหน้าเข้าใจ ในขณะที่อีกคนนั่งนิ่งจ้องมองจากโต๊ะในร้านมาที่พิคเจอร์ผู้ยืนสนทนากับลุกน้องของเขา หนุ่มไทยตัดสินใจเดินเลี่ยงไป แต่ยังไม่ทันจะก้าวเท้า เสียงทุ้มต่ำกลับดังสั่งลูกน้องทันที



“ให้เขาเข้ามา!”


“ครับ! เชิญเข้าร้านได้ครับคุณ” คนขวางประตูเอ่ยบอกพร้อมกับหลีกทาง ร่างบางทำสีหน้างงๆ แต่ก็เดินเข้าไปในร้านแต่โดยดี


“มีอะไรรึเปล่าครับบอส” ไดนาดินจับผิดเจ้านายได้


“ฉันยังไม่แน่ใจ” คาดอสตอบไดนาดิน พร้อมกลับจดจ้องมองดูร่างบางที่เดินเกร็งๆไปที่เคาน์เตอร์อีกครั้ง และนั่นทำให้เขาแทบ
อยากจะลุกไปหาชาวต่างชาติคนนั้นเหลือเกิน



“ผมขอนมสดปั่นแก้วหนึ่งครับ ไม่ดื่มที่นี่นะครับ” คนตัวเล็กยิ้มบอกละเอียด 


“สักครู่นะครับ เชิญนั่งรอก่อน”



        พิคเจอร์พาร่างน้อยๆของตัวเองเดินมานั่งหยุดห่างจากโต๊ะใหญ่สุดของร้านประมาณ 3 เมตร โดยไม่มีทางรู้เลยว่ากำลังถูกใครบางคนมองอย่างแปลกใจอยู่



     คาดอสจ้องมองอยู่อย่างนั้นนานจนกระทั่งอีกฝ่ายได้ของที่ต้องการแล้ว และพร้อมจะเดินจากไป นั่นทำให้คาดอสกำหมัดแน่น แต่สีหน้ายังแน่นิ่งเช่นคย


“คนเมื่อครู่มีอะไรรึเปล่าครับบอส?” ไดนาดินถามต่อ


“ฉัน...อ่านความคิดเขาไม่ออก”


“อะไรนะครับ?” เบลซกับไดนาดินเอ่ยร้องพร้อมขมวดคิ้ว


“ให้ไปพาตัวกลับมาไหมครับบอส” เบลซเสนอแนะ


“ไม่! อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม รอด๊อกเตอร์บารอนมาซะก่อน”


“บอสครับ ด๊อกเตอร์บารอนมาแล้วครับ” เรนเดลเดินนำหน้าแขกที่เจ้านายรอเข้ามา


“สวัสดีครับด๊อกเตอร์”


“สวัสดีหลายชาย สบายดีนะ” ร่างท้วมเอ่ยทักตอบ


“ด๊อกเตอร์ คุณช่วยเช็คให้ผมทีว่าพลังงานของผมยังปกติอยู่ไหม ”


“ได้สิ ”


              ชายสูงวัยหยิบสิ่งประดิษฐ์เล็กๆบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเดินทาง มันเป็นเครื่องช่วยตรวจพลังงานของพวกเขาได้ดี แต่จริงๆพลังงานไม่มีวันหมดจนกว่าตัวพวกเขาจะล้มหายตายจากไปเท่านั้น


“อืม... ก็ปกติดี มีอะไรรึเปล่าหลานชาย?”


“เมื่อครู่ มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในร้าน แต่ก็เพิ่งจะเดินออกไปไม่นานนี้เอง”


“แล้วยังไงต่อ?” บารอนอยากรู้เรื่องราว


“ผมอ่านความคิดเขาไม่ได้”


“เป็นไปได้ยังไง นายมีพลังงานอ่านจิตใจคนเป็นที่หนึ่ง มีสายฟ้าหลายหมื่นโวลล์มากมายไหลผ่าน นายไม่ได้โกหกฉันหรอกนะหลานชาย ”


“ด๊อกเตอร์ ผมรู้แล้วว่าบอสกำลังหมายถึงใคร คนที่คุณเดินชนไงครับ” แกริคยิ้มมุมปากนิดๆ


“อ้ออย่างนั้นสินะ เขามาที่นี่ ฮ่าๆ บอกเลยนะคนนี้นิสัยดีมาก ความรู้สึกของฉันมันบอกอย่างนั้น อีกอย่างเขาเป็นคนไทยนะ” ด๊อกเตอร์กระซิบบอก


“คนไทย! มาทำอะไรที่นี่?” สุดหล่อร่างสูงไม่เข้าใจ


“ถามไม่คิดอีกแล้วเบลซ เขาก็อาจจะมาเที่ยวก็ได้ หรืออาจจะมาทำธุระ” เรนเดลเอ็ดเพื่อนทันที


“ผมต้องการความมั่นใจอีกครั้ง ผมจะตามเขาไป”



   คาดอสลุกพรวด ออกจากร้านไป ทิ้งไว้แต่ลูกน้องกับด็อกเตอร์นั่งทำหน้างงกันอยู่อย่างนั้น ตอนนี้หนุ่มเชื้อชาติไทยคนนั้นกำลังทำให้ความเยือกเย็นสุขุมของเขาเดือดพล่าน เพราะไม่สามารถอ่านความคิดเขาได้ มันเป็นอะไรที่หงุดหงิดใจและทรมานมาก เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเด็กคนนี้เป็นใครกันแน่...



:L2:


สั้นไปนิด ฝากด้วยน้าาา :mew1:

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 1
«ตอบ #3 เมื่อ18-08-2016 15:05:17 »

ตอนที่ 2


“แกริค!  เด็กนั่นอยู่ไหน”


“สักครู่ครับบอส”



          ความสามารถพิเศษของแกริค เป็นที่ต้องการของคาดอสมากในตอนนี้  เขาสามารถเมมโมรี่และติดตามเป้าหมายได้แค่
เพียงแรกพบ แต่ตอนนี้...กลับไม่ง่ายอย่างนั้นแล้ว?



“บอสครับ ผมไม่เห็นภาพนั้นเลยครับ” คาดอสขมวดคิ้วเข้าหากัน


“เป็นไปไม่ได้ แยกย้ายกันตามหา!” ร่างสูงสั่ง


“ครับ!”



        มันน่าจะง่ายและสะดวกกว่านี้มาก หากไม่มีผู้คนเดินพลุกพล่าน เพราะเขาจะได้อาศัยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเทียบเท่ากับความเร็วรถ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของเขานั้นออกตามหา   แต่สุดท้ายทางที่เขากำลังเดินไป นำพาไปยังเป้าหมายพอดี เห็นหลังของชาวไทยคนนั้นอยู่หลัดๆตรงหน้า 



พรวดดด



             คานอสเดินไปลัดดักด้านหน้าเอาไว้ได้ทัน คนถูกตันทางแทบหยุดเดินไม่ทัน เงยหน้ามองด้วยความสงสัย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คาดอสได้จ้องมองใบหน้านี้อย่างละเอียด



“ ขอโทษครับ ผมต้องขอทางด้วย” ร่างบางยิ้มบอกอย่างเป็นมิตร แล้วเลี่ยงตัวเบี่ยงไปทางซ้าย


พรึบ


    ร่างสูงก้าวขวาไปดักเช่นเดิม คนถูกก่อกวน มองหน้าคนตัวสูงอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้วก็ตัดสินใจเบี่ยงเดินไปด้านขวาอีกทีเพื่อตัดปัญหา


พรึบ


     คาดอสไม่ลดละ ก้าวเท้าซ้ายมาตันทางไว้เหมือนเดิม และไม่ยอมพูดอะไรนอกจากใบหน้านิ่งเฉยแต่ในใจกลับมีคำถามที่มากมาย



“คุณครับ ช่วยขยับตัวหน่อย ผมต้องการออกประตูนี้” ตัวเล็กบอกความจำนง เริ่มไม่พอใจนิดนิด พร้อมกับเบี่ยงตัวไปทางซ้ายอีกที


คราวนี้หนุ่มหล่อไม่ได้เลื่อนตัวไปดักตามเดิม แต่ใช้มือแกร่งข้างขวานั้นคว้าเข้าจับต้นแขนเล็กๆที่กำลังจะผ่านตัวเขาไป



หมับ!



“คุณจะทำอะไร?” พิคเจอร์หน้าเหวอ ร้องเสียงหลง


            ประจวบเหมาะกับคนสนิททั้ง 4 คนวิ่งมาสมทบทันพอดี คาดอสมองไปหาเจ้าของพลังงานสะกดจิตและลบล้างความทรงจำ เหมือนจะต้องการให้ช่วยเหลือที่สุด



“ไดนาดิน!”


“ทราบแล้วครับบอส”



             หนุ่มผู้สุขุมพูดน้อย เดินตรงเข้ามาใกล้ไม่ชักช้า เว้นระยะห่างกับพิคเจอร์ประมาณหนึ่งเมตร ก่อนจะเอื้อมมือขวาขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง แต่บางอย่างนั้นกลับทำให้ทั้งเจ้าตัวและคนอื่นแปลกใจไปตามๆกัน



“นายเป็นอะไรไป?” เรนเดลกระซิบถาม แต่ไดนาดินกลับมองหน้าคาดอส ราวกับจะบอกบอสว่าเขาทำไม่สำเร็จ


“เอาล่ะ หลานชาย ปล่อยแขนชาวต่างชาติเถอะ นายกำลังเสียมารยาทนะ” ด๊อกเตอร์บารอนเพิ่งเดินมาสมทบคนสุดท้ายเห็น
สถานการณ์คร่าวๆก็พอจะเดาออก


“แต่คนไทยคนนี้ ไม่ใช่คนธรรมดา” แกริคเปรยออกมา ดังพอที่จะให้ด๊อกเตอร์ได้ยิน


“คุณเป็นใคร?” คาดอสหันมาสนใจและถามต่อ ในขณะที่ยังจับต้นแขนอีกฝ่ายอยู่เช่นเดิม


“ผมเป็นไทย” พิคเจอร์ตอบแบบซื่อๆ เพราะไม่เข้าใจความต้องการ และตอนนี้เขาเริ่มเครียด


“ผมหมายถึง...ใครส่งคุณมาที่ลอสแอนเจลิส”


“คุณ! ไม่มีใครส่งผมมาทั้งนั้นแหละ คุณจำคนผิดแล้ว แต่ดูจากท่าทีพวกคุณ น่าจะมีอำนาจไม่น้อย” คนตัวเล็กกว่ากวาดตามองคนรอบข้างกายตอนนี้พร้อมกับประเมินด้วยความคิดตัวเอง แต่ละคนดูหน้าตาดีแต่บุคลิกโหดเหี้ยมทั้งนั้น หรือว่าคนพวกนี้คือแก๊งมหาอำนาจ! พิคเจอร์ทำตาโตทันที



“คุณคิดอะไรอยู่!” สุดท้ายคาดอสกลับนิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป หากไม่รู้ว่าชาวไทยคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ด้วยสีหน้าท่าทีตื่นกลัวของชาวไทยนั้น เขาจะต้องบ้าคลั่งเป็นแน่หากยังไม่สามารถอ่านความคิดคนคนนี้ออก


“คุณถามผมว่าไงนะ?” คำถามที่พิลึกนั่นทำให้ร่างบางต้องการฟังซ้ำ



“ผมถามว่า...คุณ! กำลัง! คิด! อะไร! อยู่!”


“ผมจะคิดอะไรก็เรื่องของผมสิ คุณนี่ถามแปลกๆ”


“แต่คุณต้องบอกผม เดี๋ยวนี้!” ความหงุดหงิดใจที่ไม่สามารถอ่านความคิดคนคนนี้ได้นั้น บีบบังคับให้เขาพูด



  แต่ไหนแต่ไรมา ตั้งแต่มีพลังงานเหนือมนุษย์ในร่างกาย มีหรือที่อยากรู้อะไรแล้วไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น นี่เป็นครั้งแรกกับชาวไทยคนนี้ที่ขัดใจเขามาก และอีกประเด็นเขากลัวว่านี่ จะเป็นหนึ่งในศัตรูที่ถูกส่งตัวมาแน่



“คุณ! ผมจะคิดอะไร ไม่เห็นต้องบอกคุณเลยนะ เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ” พิคเจอร์ทำสีหน้าอยากจะบ้าตาย


“คาดอสหลานชาย ใจเย็นเถอะ เขาอาจจะไม่ใช่...”


“ผมว่าเขาใช่ครับด๊อกเตอร์ ต้องใช่แน่ๆ ดูซิว่าจะปิดบังความจริงไปได้นานแค่ไหน! เบลซ...จับตัว!”


“บอส! จะพาชาวต่างชาติคนนี้ไปไหนครับ” เรนเดลถามด้วยความตื่นตระหนกปนสงสาร


“ไปบ้านฉัน”


          เรนเดลได้คำตอบ รีบหันกลับไปมองอีกคนในอ้อมแขนของเบลซเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หนุ่มเปลวไฟตัวใหญ่เข้าจับกุมตั

ได้อย่างง่ายดายและแนบเนียนเกินกว่าที่คนภายนอกจะดูออก         




        พอไปถึงบ้าน คาดอสสั่งให้ลูกน้องจับพิวเจอร์เขาไปในห้องสี่เหลี่ยมโล่งกว้างทันที มีเพียงเก้าอี้กับเครื่องบรรณาการมัดตัวอยู่กลางห้อง รายล้อมไปด้วยผนังสีขาวรอบทิศ  ร่างบางพยายามขัดขืนแต่ไม่สามารถสู้แรงของเบลซได้ ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วจริง ทบทวนอีกทีนี่มันเรื่องอะไรกันแน่?



“ผมของถามคุณอีกครั้ง คุณเป็นใคร?” คาดอสยืนถามเว้นระยะห่างราว 5 เมตร


“คุณต้องการให้ตอบแบบไหน ผมไม่เข้าใจว่าคุณต้องการอะไร!” พิคเจอร์หวั่นกลัว


“ถ้างั้น ตอบผมมาว่าที่ประเทศไทย คุณทำอาชีพอะไร ”


“ผมเป็นนักวาดภาพศิลปะ” เขารีบบอกร่างสูงไปเผื่อว่าการเจรจาจะง่ายขึ้นและเขาจะได้เป็นอิสระเร็วๆ


“แล้วมาที่ลอสแอนเจลิสทำไม?” คาดอสหรี่ตารอคำตอบ ใช่เขาต้องเป็นฝ่ายรอคำตอบ เพราะตอนนี้เขาอ่านใจอีกคนไม่ได้ นี่คืองานยากสำหรับเขา คำตอบจะจริงหรือเท็จก็ต้องรับรู้เอาไว้ก่อน


“ผมมาร่วมนิทรรศการภาพวาดระดับโลกที่นี่”


“แล้วทำไมคุณถึงหลบหลีกการตามหาตัวจากแกริคได้ ทั้งที่เขาไม่เคยทำพลาด แถมคุณยังปกป้องตัวเองจากการถูกสะกดจิตระดับเซียนของไดนาดิน มือขวาของผม ที่สำคัญคุณปิดบังความคิดของคุณจากผมได้”


ร่างสูงร่ายยาวหวังว่าชาวไทยร่างบางที่ถูกมัดเอาไว้กับเก้าอี้จะเข้าใจ แต่...ไม่เลยแม้แต่น้อย



“คุณพูดเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ” พิคเจอร์ตัวสั่นเทา กลัวก็กลัว สับสนก็สับสน ดูงุนงงไปหมดทุกอย่าง


“หลานชาย จริงๆเขาอาจจะไม่ใช่คนที่นายสงสัย ปล่อยเขาไปเถอะ” ด๊อกเตอร์เดินเข้ามาบอกด้วยความสงสาร แต่ดูเหมือนคาดอสจะดื้อรั้นไม่ฟังความ หันไปมองร่างบางที่ถูกตรึงร่างกับเก้าอี้อีกครั้ง



“ที่ผมพูดไป คุณเชื่อไหม?”


“ไม่! ผมไม่อยากเข้าใจอะไรทั้งนั้น ผมมาที่นี่เพื่อไปร่วมนิทรรศการศิลปะเท่านั้น คุณจำคนผิดแน่ๆเชื่อผมเถอะ ปล่อยผมไปเถอะนะ” พิคเจอร์อ้อนวอน



“ถ้าไม่เชื่อ งั้นดูนี่ อย่าตกใจจนเป็นลมไปซะล่ะ” บอสใหญ่พูดจบก็หันไปพยักหน้าให้เรนเดล เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าคาดอสจะเลือกเขาให้แสดงความพิเศษเป็นคนแรกต่อหน้าชาวไทยใบหน้าใสคนนี้



“จับตาดูให้ดี” เรนเดลเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม



พรึบ



      เจ้าตัวยกมือโบกสะบัดไปมากลางอากาศจากช้าเป็นเร็วๆ และมันเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดปรากฏการณ์เกล็ดหิมะสีขาวเริ่มโปรยปรายลงมาจากเพดาน อุณหภูมิในห้องลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว หลายคนเริ่มตัวสั่นเทา เกล็ดหิมะเหล่านี้ทำให้คนธรรมดาๆอย่างพิคเจอร์อ้าปากค้างและหนาวเหน็บ



“ไง นี่คือพลังของเรา” เรนเดลยิ้มให้อย่างเป็นมิตรและภูมิใจเล็กน้อย



“...”



“นี่ ถึงกับอึ้งเลยหรอ เราชื่อเรนเดล เรียกเรน คำเดียวก็พอ” การแนะนำตัวเริ่มขึ้น มือที่เต็มไปด้วยหิมะยื่นไปกระชับความสัมพันธ์กับชาวไทยที่ยังลังเลและตกใจไม่น้อย



“พวกนาย ไม่ใช่คนแน่ๆ” ร่างบางเอ่ยพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอของเรนดังขึ้น



“พวกเราเป็นคน เพียงแต่มีพลังวิเศษเท่านั้น อ้อลืมไปเสียสนิท มือนายถูกมัดเอาไว้ สรุปนายชื่ออะไร”



“พิคเจอร์ เรียกพิคเฉยๆก็ได้” เรนเดลพยักหน้าเข้าใจ หันไปหาบอสใหญ่ที่ยืนทำสีหน้าเข้มอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว



“บอสครับ ผมเชื่อนะครับว่าพิคเจอร์ ชาวไทยคนนี้ ไม่ใช่คนของ TR แน่นอน”


“ฉันวางใจไม่ได้ ตราบใดที่ยังอ่านความคิดและจิตใจของคนคนนี้ไม่ออก” คาดอสพูดเสียงเรียบ


“เราจะปล่อยเขาไปไหมครับ?” เบลซเอ่ยถาม


“เบลซ! ถ้าเราปล่อยชาวไทยคนนี้ออกไป แล้วเรื่องของเราล่ะ?” ร่างสูงกำลังเตือนสติและความคิดของเบลซ



“ไม่ยากนี่ครับ เราก็ให้ไดนาดิน ล้างความทรงจำส่วนนั้นไป เท่านี้ก็สิ้นเรื่อง” เบลซอธิบาย


“แต่นายก็เห็น   ว่าไดนาดินทำไม่ได้ ไม่แม้แต่จะสะกดจิตชาวไทยคนนี้ได้ด้วยซ้ำ” คาดอสจ้องมองตาเขม็ง เขาจะวางใจไม่ได้ กลัวว่านี่จะเป็นแผนของพวก TR เป็นแน่ที่ส่งคนคนนี้มา



“หมายความว่าไง? คุณคงไม่คิดจะขังผมไว้ในนี้ตลอดไปหรอกนะ”



“คุณคิดถูกแล้ว ผมจะขังคุณไว้ที่นี่” คำตอบนั้นทำพิคเจอร์ดวงตาเบิกโพง



“ไม่ได้นะคุณ ผมต้องการไปชมงานนิทรรศการ แล้วอีกอย่าง ผมมาที่นี่แค่ 5 วันเท่านั้น”



“แต่คุณต้องอยู่ เพราะตอนนี้คุณรู้ความลับเรื่องพลังงานพวกเราไปหมดแล้ว”



“ผมรับรอง ผมไม่บอกใครแน่นอน”


“ผมจะเชื่อคำพูดของคุณมากกว่านี้ ถ้าหากพลังงานวิเศษของไดนาดินใช้ได้ผลกับคุณ”


“โถ่คุณ ปล่อยผมเถอะนะ ผมขอร้อง! ”


“เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น สมมติว่าคุณไม่ใช่พวก TR ส่งมา ตอนนี้คุณก็เป็นคนหนึ่งที่แย่ เพราะพวกนั้นคิดว่าคุณเป็นหนึ่งในแก๊ง
ของเราไปแล้ว และผมไม่รับรองด้วยว่าความเป็นความตายของคุณจะเป็นยังไง ถ้าหากคุณออกไปจากที่นี่”


พิคเจอร์น้ำตาซึม นี่มันเรื่องอะไรกัน ช่วยบอกเขาทีว่าหลังจากลงเครื่องบินมา ทั้งหมดนี้คือความฝันใช่ไหม


คาดอสพูดจบก็กลับหลังกำลังจะเดินออกไป แต่ร่างบางกลับตะโกนรั้งเรียกไว้ก่อน



“เดี๋ยวคุณ! แล้วผมต้องอยู่ที่นี่นานแค่ไหน”



“จนกว่าผมจะมั่นใจและเชื่อใจ  ว่าคุณไม่ใช่พวก TR และไม่คิดจะทรยศเรา แต่จะดีกว่านี้ถ้าคุณลืมปัจจุบันของคุณว่าคุณเป็นใคร แล้วหันหน้าร่วมงานเข้าทีมกับเรา”



“ทีมของคุณคืออะไร?”



“เหนือมนุษย์ บริวารของผมมีความสามารถมากมาย ถึงหลายคนจะไม่มีพลังงานที่ว่า  แต่ก็ใช่ปืน และ อาวุธล้ำสมัยทางเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี ตอนนี้คุณคือคนที่ทางเราต้องการมากที่สุด เพราะพลังงานการปกป้องตัวของคุณเองยังไงล่ะ”



“ปกป้องหรอ? ไม่อ่ะ...ผมไม่เข้า ได้โปรดปล่อยผมเถอะ เฮ้  อย่าเพิ่งไป!” พิคเจอร์พยายามรั้งไว้


“เรนเดลจะเป็นคนสอนคุณเอง” คำพูดตะโกนกลับทิ้งท้ายพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกปิดลงไป ตอนนี้ภายในห้องไม่เหลือใครเลยนอกจากเรนเดลและเขาเท่านั้น



     แต่พอตั้งใจมองเรนเดลอย่างจริงจังกลับพบว่า เจ้าของหิมะโปรยปรายเมื่อครู่นี้อยู่ในสุดเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีเทา ยืนห่างพิคเจอร์ไป 4 เมตร แต่ความหนาวเหน็บกลับล่องลอยมากระทบผิวเนื้อของเขามากขึ้นเรื่อยๆ



“อย่ามองเราแบบหวั่นกลัวอย่างนั้นสิพิค”


“พวกนายเป็นคนจริงๆหรอ”


“ฮ่าๆๆ นายนี่ขี้วิตกกังวลจังเลย วางใจเถอะ บอสและพวกเราทุกคนเป็นคนดี นายอยู่ที่นี่จะปลอดภัย”


“แสดงว่าพวก TR นั้นเป็นคนไม่ดีสินะ”


“ใช่ ไม่ใช่ไม่ดีธรรมดา แต่พวกนั้นโคตรเลว พวกมันต้องการความเป็นหนึ่งทางด้านความมั่งคั่งและอำนาจทั้งโลก  แต่ติดตรงที่ว่า
ยังไม่สามารถเอาชนะบอสของเราได้ เพราะเราเหนือมนุษย์ยังไงล่ะ”



“แต่บอสนายดูไม่เห็นจะเป็นคนดีเลยนะ” พิคเจอร์เอ่ยไปตามความรู้สึก ถึงใบหน้านั้นจะหล่อแค่ไหนก็ตาม



“จุ๊ๆๆ อย่าเผลอพูดออกไปล่ะ เก็บเอาไว้ในใจดีกว่า เพราะนายเป็นคนพิเศษ รู้ไหมไม่ใครปิดบังความลับไว้ในใจกับบอสได้ แต่สำหรับนาย บอสอ่านความคิดนายไม่ออก เพราะฉะนั้นเก็บมันเอาไว้ในใจแล้วกัน”


“แต่พลังงานของบอสนายแย่มากจริงๆ นี่คงจะแอบอ่านใจใครต่อใครมามากจนเคยชินละสิ ถึงได้มาพาลทำสีหน้าหงุดหงิดแบบนี้ใส่เรา แย่ชะมัด”


“ฮ่าๆๆๆ เอาล่ะๆ เอาเป็นว่าเราขอแล้วกัน อย่าพูดออกมาเด็ดขาด แต่เรายังยืนยันคำเดิมนะว่าบอสใจดี”


“อันดับแรกจะให้เราเชื่อว่าบอสนายเป็นคนดี  นายควรจะปลดลวดหนาที่มัดตัวเราออกไปที เจ็บตัวไปหมดแล้วเนี่ย”


“so sorry พิคเจอร์ เราจะปลดให้นายเดี๋ยวนี้แหละ” ทันทีที่ตัวเป็นอิสระ ร่างบางก็วิ่งพรวดไปที่ประตูทางออก แต่ก็ไม่เร็วเท่าเรนเดลที่วิ่งเร็วดั่งลมกลด



ฟิ้วววว


“นะ...นาย ทำไมวิ่งมาดักเร็งจัง”


“ก็บอกแล้วไง ว่าเหนือมนุษย์ หวังว่าคำนี้จะทำให้นายเลิกหนีได้นะ”


:L2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2016 15:58:20 โดย loveice »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 2
«ตอบ #4 เมื่อ18-08-2016 21:17:41 »

คาดอส อ่านความคิดของพิคไม่ได้
แสดงว่า นายอ่อนนะ :m20: :m20: :m20:
แล้วยังจับพิคมาอีก  :katai1:
เอาแต่ใจตัวจริงๆ :z3:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 2
«ตอบ #5 เมื่อ19-08-2016 14:02:06 »

ตอนที่ 3



      เช้าวันใหม่ พิคเจอร์ตื่นนอนจากเตียงนุ่มที่ไม่คุ้นชิน ถึงมันจะเบาสบายตัวเท่าไหร่ก็ตาม แต่สุดท้ายเมื่ออยู่ในสถานที่แปลกตาหลายคนมักจะเป็นอย่างเขา นั่นก็คือการนอนไม่ค่อยจะหลับนั่นเอง เมื่อคืนนี้เรนเดลไม่โหดร้ายถึงขั้นให้เขานอนในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวคุมขังนั่น แต่ชวนให้ไปนอนที่ห้องพักอีกห้องหนึ่งแทน



      ร่างบางออกมาเดินเล่น แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเปิดประตูห้องออกไป กลับปรากฏชายใส่เสื้อเชิ้ตสีเหลืองกับสีเทายืนขนาบข้างกับประตูห้อง สองคนสวมแว่นดำ ดูหล่อและเท่ห์มาก บางทีเขาก็เกิดคิดขึ้นมาเล่นๆว่า นายร่างยักษ์นั่นเลือกลูกน้องด้วยหน้าตาและส่วนสูงหรือยังไงกัน?



“จะไปไหนครับ?”


         เสื้อเชิ้ตสีเทาเอ่ยถามก่อน พร้อมกับหันหน้ามามองเขาที่สวมชุดนอนสีชมพูอ่อน ให้ตายสิเป็นสีที่เขาไม่ชอบ แต่เรนเดลคะยั้นคะยอว่าให้ใส่ไปก่อน เพราะมันเป็นชุดเดียวที่เรนเดลไม่เคยได้ใส่ ก็แหงล่ะหวานซะขนาดนี้ใครจะไปอยากใส่


“ปะ...เปล่า ไม่ได้คิดหนีนะ ก็แค่อยากออกไปเดินเล่น” พิคเจอร์ยิ้มเจื่อนรีบปฏิเสธบอกไป


“บอสสั่งเอาไว้ว่า คุณจะทำอะไรต้องให้พวกเราแจ้งบอสก่อน” เสื้อเชิ้ตสีเหลืองหันมาพูดเสริม



“นี่! ผมไม่ใช่นักโทษของเขานะ ฝากไปบอกด้วย ไม่ดงไม่เดินมันแล้ว”


        ชายหนุ่มหน้ามุ่ยเดินกลับเข้าห้องนอนไปทันที แต่นั่นก็ยังปรากฏความน่ารักให้เห็นอยู่ในคราบชุดนอนสีชมพู แม้แต่คนเฝ้าหน้าห้องสองหนุ่มชายแท้ ก็ยังอดอมยิ้มให้กับคนน่ารักคนนี้ไมได้









นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา




      ธุรกิจอิงจินเซ่อมีอยู่มากมายรวมทั้งที่นี่ ด้วยอำนาจของ บรูซ พ่อของเขาชาวอเมริกันที่เสียชีวิตลงเพราะความเครียดต่อเนื่อง ตอนนี้เขาต้องเดินทางมาที่นี่เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยแทนพ่อเป็นประจำ มันคือธุรกิจด้านเรือสินค้าส่งไม้แปรรูปจากประเทศจีนโดยตรง ลำเลียงขึ้นจากฝั่ง ซึ่งก็ไม่ใช่บริษัทโรงงานไม้ของใครอื่น แต่มันคือโรงงานของเครือเขาเองที่ประเทศจีน โดยจะถูกส่งมาแปรรูปทำเฟอร์นิเจอร์ที่นี่ปีละหนึ่งครั้ง และทำมูลค่าได้มากมายมหาศาล




       หลังจากพูดคุยกับหุ้นส่วนดูแลกิจการที่ไว้วางใจเสร็จเรียบร้อย ชายร่างสูงและทะนงศักดิ์เดินกลับไปขึ้นรถเช่นเดิม พร้อมปลดกระดุมชุดสูททั้งหมดออกด้วยความอึดอัด



“บอสครับ!”



“อย่าสงสัย!  ไดนาดิน เชื่อฉันเถอะ ตอนนี้พวก TR คงไม่ปล่อยชาวไทยคนนั้นแน่”


“เพราะอย่างนี้บอสถึงไม่ปล่อยเขาไปใช่ไหมครับ” แกริคที่นั่งอยู่ด้านหน้าคู่คนขับถามขึ้น


“ไม่ใช่! ไม่ว่าเด็กนั่นจะเป็นหรือตาย มันไม่สำคัญเท่าเขารู้เรื่องของเรามากเกินไป”



“เข้าใจแล้วครับ บอสกลัวว่าความลับของเราจะถูกเปิดเผยเพราะชาวไทยคนนั้น บอสจึงตัดปัญหาให้เขาอยู่ในอาณาเขตของเราไปก่อนนี่เอง” เบลซ คนขับรถยิ้มหน้าระรื่นหลังจากเข้าใจจุดประสงค์ของเจ้านาย



“เราไม่มีทางรู้เลยว่าสรุปเขาคือคนของฟ่านหยางเฟยรึเปล่า ถ้าไม่ติดกฎเหล็กของอินทรีทองแล้ว ฉันอยากจะฆ่าเขาด้วยซ้ำเพื่อปิดปากความลับเอาไว้ ”



“บอสครับ!”



“ไดนาดิน ฉันก็แค่คิด ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยวางใจไปได้ แต่เด็กนั่นแม้แต่นายก็ลบล้างความทรงจำไม่ได้ ถ้านายทำได้ฉันก็คงปล่อยเขาไปนานแล้ว”



“ครับ” ไดนาดินหนุ่มพูดน้อย โล่งใจไปที่เจ้านายพูดเล่น เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่านิสัยของคาดอสเป็นอย่างไร



“เบลซ ไปสนามบินได้ เราจะเดินทางกลับ ลอสแอนเจลิส”



“ครับบอส”







มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน



          คฤหาสน์สีขาว หลังคาสีแดงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ติดปากแม่น้ำแยงซีเกียง รายล้อมไปด้วยตึกรามบ้านช่องสูงเสียดฟ้า  ภายในห้องโถงใหญ่ชายวัย 30 ปีนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สลักรูปเสือ ท่าทางกำยำ เขาเปลือยกายท่อนบน เผยให้เห็นรอยสักอกซ้ายเป็นรูปเสือแดงและลอนท้องกล้ามอกแน่นนั่นสวยจนต้องมองแล้วมองอีก



            รูปเสือบ่งบอกถึงอิทธิพลครอบคลุมทั่วทั้งประเทศจีน ด้วยความสง่างามของมัน แต่สีแดงบนตัวหมายถึงท่วงท่าและฝีมือทรงอำนาจดั่งเพลิงร้อนควบคู่กันไปด้วย นี่คือแก๊ง เหลาสู่หงเซ่อ หรือเสือแดง เป็นไม้เบื่อไม้เมากับ อิงจินเซ่อ อินทรีทองมาตั้งแต่คราวรุ่นพ่อ และคนพวกนั้นเรียกนามแฝงแก๊งพวกเขาว่า Tiger Red หรือ TR นั่นเอง



เจียนเหมิง กลับมาแล้วหรอ ”



“ครับนาย เรื่องน้องชายที่ให้ไปสืบ ยังไม่มีวี่แววเลยครับ”



          คำตอบของเจียนเหมิงคนสนิททำให้หนุ่มร่างสูง ผู้นำเหลาสู่หงเซ่อถอนหายใจ กี่ปีๆก็ล้มเหลวเช่นเคย เขาหวังแค่ว่าจะพบน้องชายสักครั้ง แต่กลับไร้ผล เขาต้องทำอะไรจริงจังมากกว่านี้ เห็นทีจะต้องเดินทางไปอยู่ที่เมืองไทยจนกว่าจะเจอเบาะแสน้องชายตัวเอง ก่อนที่คนของอิงจินเซ่อจะมาเจอตัดหน้าเขาไปก่อน ไม่อย่างนั้นน้องชายเขาจะไม่ปลอดภัยแน่ อดีตจะต้องซ้ำรอยเหมือนพ่อกับแม่ของเขาที่ตายปริศนาอยู่เมืองไทยเมื่อ 22 ปีก่อน ซึ่งเขาคิดว่าต้องเป็นคนของ อิงจินเซ่อแน่นอน เขาจะไม่มีทางนิ่งนอนใจแน่หากยังไม่เจอน้องชายของเขา



“อีกไม่กี่วัน เรามีการเจรจากับ ไอ้คาดอสที่บางกอก เสร็จภารกิจ เราจะอยู่ที่ประเทศไทยต่อ”


“ครับนาย!”


         เจียนเหมิงหนุ่มหล่อลูกครึ่งจีนญี่ปุ่น เป็นมือขวาของ ฟ่านหยางเฟย หัวหน้าแก๊ง TR เจียนเหมิงเป็นคนรูปลักษณ์หล่อเหลา ร่างสูงและสมส่วน มีความร้ายแรงด้านเพลงกระบี่และซามูไรอย่างช่ำชอง



       ฟ่านหยางเฟย ผู้นำเสือแดงหล่อคมผิวขาวฉบับแดนมังกร หากตัดความพิเศษของแก๊งอิงจินเซ่อแล้ว เขาเชื่อเสมอว่าฝีมือของพวกนั้นไม่มีทางสู้พวกเขาได้ แค่ลำพังมีเจียนเหมิงจอมกระบี่ตะวันออก และอาวุธลับอาบยาพิษของ อืนจือ มือซ้ายของเขานั้นยังไงก็ชนะเห็นๆ






          เย็นวันนั้น หนุ่มน้อยชาวไทยนั่งขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่มีอะไรทำ ได้แต่เปิดทีวีดูแก้เบื่อไปเรื่อย แต่ก็ไม่รู้จะดูอะไรเพราะที่นี่มันเป็นช่องสถานีของอเมริกา ถ้าอยู่ที่ประเทศไทย ป่านนี้คงจะเปิดดูละครตอนเย็นไปแล้ว



ก๊อกๆๆๆ


“เข้ามาเลยครับ” พิคเจอร์ตะโกนบอก เพราะรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนเคาะประตู


“ทำอะไรอยู่พิค?”


“เปล่าหรอก เปิดทีวีดูไปงั้นแหละ ไม่รู้จะดูอะไร”


“อย่างนั้นหรอ? บอสฝากเรามาบอกว่าให้นายลงไปทานข้าวเย็นได้เลย”


“บอสนายกลับมาแล้วหรอ!” ร่างบางทำสีหน้าตกใจไม่อยากจะเจอร่างยักษ์เท่าไหร่นัก


“ใช่ กลับมาได้ไม่นานนี้เอง แต่นายจะไม่ลงไปร่วมทานข้าวก็ไม่เป็นไรนะ เพราะบอสบอกว่าไม่ต้องการบังคับใคร”


พิคเจอร์กรอกตาลอกแลกไปมาราวกับคิดอะไรอยู่  น่าเชื่อจังว่านายร่างยักษ์ไม่ชอบบังคับใคร



“เรน! เราเอาขึ้นมาทานในห้องนี้ได้ไหม?”



“ไม่ได้หรอก บอสเคร่งเรื่องมารยาท ถ้านายหิว ให้ลงไปร่วมทานที่ห้องทานข้าวเท่านั้น ตอนนี้บอสกำลังจะเริ่มทาน”



“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวรอบอสของนายอิ่มก่อนละกัน”



“ฮ่าๆๆ ตามใจ” เรนเดินหันหลังกลับ


“เอ่อ...เดี๋ยวสิเรน!”


“หืม...ว่าไง?”


“คือ...เราอยากได้กระเป๋าเสื้อผ้ากับกระเป๋าสะพายเล็กๆคืน”


“ถ้านายหมายถึงของสำคัญที่พกติดตัวมา บอสให้เราวางเอาไว้ที่ลิ้นชักหัวเตียงหมดแล้ว”



  พิคเจอร์ลุกพรวดไปที่ลิ้นชักดังกล่าวตามที่บอกทันที สุดท้ายก็ยิ้มแก้มปริดีใจที่เห็นกระเป๋าเงิน หนังสือเดินทาง มือถือ ทุกอย่างครบ แต่ตอนนี้เขาอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะที่เรนหามาให้มันก็เสื้อผ้าใหม่ยังไม่ผ่านการใช้งาน จริงๆมันก็ดูดีอยู่หรอก แต่จะดีกว่านี้ถ้าเขาได้ใส่เสื้อผ้าของตัวเอง



“เรน! แล้วเสื้อผ้าเราล่ะ”



“ถ้าบอกนายไป นายจะโกรธไหม?”


“หมายความว่าไง?”


“บอสสั่งให้เอาทั้งกระเป๋าสัมภาระของนายและเสื้อผ้านายไปเผาหมดแล้ว”


“ฮะ ว่าไงนะ? บอสนายไม่มีสิทธิ์นะ” ร่างบางโกรธจนลมออกหู เดินปรี่ไปที่ห้องรับประทานอาหารทันที  เรนเดลวิ่งร้องเรียกไล่หลังมา แต่พิคเจอร์ไม่ฟังแม้แต่นิดเดียว



      เรนเดลรีบวิ่งไปดักหน้า แต่อีกคนก็ผลักเขาออก เรนเดลใช้น้ำแข็งยึดขารั้งไว้แต่ก็ไร้ผล และทึ่งกับพิคเจอร์มาก ตอนนี้เขากำลังโกรธและดูเหมือนสิ่งที่บอสพูดมานั้นเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง  หนุ่มชาวไทยใบหน้าใสคนนี้มีบางอย่างปกป้องเขาอยู่จริงๆ เชื่อว่าหากได้รับสารกระตุ้นบางอย่างของด๊อกเตอร์ฉีดเข้าร่างกาย พลังงานของพิคเจอร์จะชัดเจนกว่านี้แน่



       ในห้องโถงกว้างมีชายหนุ่มสุดหล่อนั่งอยู่หัวโต๊ะ อาหารมากมายหลายรสชาติวางไว้บนโต๊ะยาวร่วม 20 เมตร พร้อมกับบริวารมากมายนั่งขนาบข้างรอทานข้าวมื้อเย็นไปพร้อมกันนั้น กลับมีใครบางคนที่ไม่พอใจเดินพรวดพราดเข้ามาเสียก่อน



        คาดอสวางช้อนตักซุปร้อนลง ก่อนจะหันไปมองหน้าคนร่างเล็กที่กำลังโมโหเขาด้วยความเฉยชาแทน สงครามประสานสายตากันเกิดขึ้น ทำเอาลูกน้องหลายคนกลืนน้ำลายลงคอ เพราะไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้กับคาดอสเลยซักครั้ง และไม่รู้ด้วยว่าคาดอสจะโมโหชาวไทยคนนี้ไหม



“ยืนโมโหผมอยู่อย่างนั้น แล้วผมจะรู้ไหมว่าคุณเป็นอะไร” คาดอสตัดสินใจพูดก่อน เพราะเหตุผลเดิมคืออ่านความคิดร่างบางไม่ออก



“เอาเสื้อผ้า กระเป๋าของผมไปเผา แล้วยังจะมีหน้านิ่งเฉย เอ่ยถามแบบไร้ความรู้สึกแบบนี้อีกหรอ?”



     พอร่างหนาได้ยินสาเหตุที่ทำให้อีกคนโมโห ก็เลิกอยากรู้ความคิดในใจแล้ว เขาเอื้อมมือตักน้ำซุปเข้าปากต่ออย่างสบายใจ ท่ามกลางลูกน้องที่ลุ้นแทบจะกลั้นหายใจกันไปหมดแล้ว



“นี่คุณ! ไม่คิดจะพูดจะอธิบายเลยหรอ?”


“เพื่อความปลอดภัยของคุณ ผมจำเป็นต้องเผาทำลายหลักฐาน” จริงๆแล้ว คาดอสอ้างไปอย่างนั้น แต่เหตุผลจริงๆคือกำลังจะเริ่มขึ้นหลังจากนี้ต่างหาก



“อย่ามาอ้างหน่อยเลย ดูคุณจะเป็นห่วงความลับองค์กรของคุณจังเลยนะ ”


“ผมไม่ได้เป็นห่วงองค์กร แต่เป็นห่วงความเป็นความตายของคุณต่างหาก” คาดอสแสร้งพูดไป


“มันจะมากแล้วนะ! คุณรู้ไหม เสื้อผ้า กระเป๋า ทุกอย่างกว่าผมจะหามาได้ด้วยเงินของตัวเองมันเหนื่อยแค่ไหน!” ร่างบางยืนกรานอยู่ข้างกายคาดอสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่ขณะเขานั่งความสูงกลับเท่าคนที่กำลังยืนต่อว่าเขาอยู่


“ถ้าอย่างนั้นตัดปัญหา พรุ่งนี้ผมจะให้เรนเดลพาคุณไปซื้อของ”



  พิคเจอร์อ้าปากค้าง เขาไม่เคยเห็นใครที่ทำผิดแล้วหน้าตาเฉยได้ขนาดนี้ พอให้รับผิดชอบก็ปัดไปด้วยการใช้เงินที่มีมากมายของตัวเองตัดปัญหา



“ผมไม่ต้องการ! ผมต้องการของเดิมคืนมาเท่านั้น” พิคเจอร์โมโห แม้ในใจจะรู้ว่าของเก่าไม่มีทางคืนกลับมา


“เรนเดล! ”


“คะ...ครับบอส” เรนเดลที่ยืนแข็งทื่อดูคนกล้าต่อปากต่อคำกับคานอสอย่างอึ้งๆ จนได้สติกลับก็ตอนที่คาดอสเรียกชื่อเขา


“ดูแลชาวไทยคนนี้ให้ดี อย่าให้มาพูดจาแบบนี้อีก เพราะฉันจะไม่ปราณี” คำพูดของคาดอสไม่ได้ต้องการขู่ให้อีกคนกลัว แต่เขา
ต้องการให้อีกคนโกรธ เพื่อที่จะปล่อยพลังงานไม่ธรรมดาออกมาอีกครั้งเหมือนวันนั้น


“หึ เรนเดลไม่ต้อง ไม่ปราณีก็ไม่ต้องปราณี คิดว่าผมกลัวคุณมากนักหรือไง?” ร่างบางต่อปากต่อคำต่อ


 ซึ่งนั่นได้ผลมากทีเดียว ชาวไทยตัวเล็กคนนี้กำลังโมโหเขาถึงขีดสุด เข้าแผนของคาดอสทันที


“แม้แต่ความตายก็ไม่กลัวอย่างนั้นหรอ?” คาดอสพูดอย่างใจเย็น


“ที่เป็นอยู่นี่คงยังไม่ตายมั้งครับ ไร้อิสระ ไร้เสรีแบบนี้  ”


“ดี งั้นลองนี่หน่อยแล้วกัน”


   คาดอสลุกขึ้นจากเก้าอี้ ความสูงค่อยๆเพิ่มขึ้น จนตอนนี้เขายืนเหยียดเต็มตัว ความสูงของพิคเจอร์สูงยังไม่ถึงคางของเขาด้วยซ้ำ ลูกน้องหลายสิบชีวิตรีบลุกยืนตาม



“บอส! อย่านะครับ” เรนเดลเป็นห่วงชาวไทยคนนั้นจับใจรีบห้ามปรามบอส

           ตอนนี้ทุกคนในห้องรีบลุกถอยกรูไปรวมกลุ่มกันอีกมุมหนึ่งของห้อง มีแค่คนสนิท 4 คนเท่านั้นที่ยืนรายล้อมคาดอสไว้เหมือนเดิม มีเบลซคนเดียวที่ยิ้มสะใจ จะได้เห็นอะไรมันๆแล้วสิ



        กระแสไฟฟ้าเป็นเส้นๆถูกปล่อยปรากฏวิ่งไหลอยู่บนฝ่ามือของร่างสูง ดวงตาแน่นิ่งไม่มีความรู้สึกอะไรเลย แต่กำลังเพ่งมองมาที่พิคเจอร์อย่างท้าทาย ตอนนี้พิคเจอร์ชักจะไม่มั่นใจในสิ่งที่ท้าทายคาดอสไปเมื่อครู่เสียแล้ว ไม่มีใครบอกเขามาก่อนว่า
คาดอสมีพลังงานพิเศษอีกอย่างคือ กระแสไฟฟ้า


“ถ้าไม่กลัวตาย ลองเดินมาแตะกระแสไฟฟ้าที่มือของผมหน่อยซิ”


“ถ้าผมรอด คุณจะปล่อยผมเป็นอิสระ ไม่กักขังแล้วใช่ไหม?” พิคเจอร์ต่อรองไปอย่างนั้น แต่เอาเข้าจริงๆเขาไม่รู้เลยว่าถ้าแตะไอ้กระแสไฟฟ้าน่ากลัวบนฝ่ามือนั่นแล้ว เขาจะรอดมีชีวิตอยู่ไหม



“บอส! บอสคิดอะไรอยู่ครับ  กระแสไฟฟ้านี่หลายหมื่นโวลล์เลยนะครับ คนธรรมดาถ้าได้แตะต้องตายแน่”เรนเดลพูดพร้อมกับหายใจถี่



“กี่โวลล์นะเรน?” พิคเจอร์หน้าถอดสี หันไปทวนถามอีกรอบอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง



“ถ้าคุณรอด ผมจะไม่กักขังคุณ” ใบหน้าเฉยชานั้นของคาดอสกำลังตอบรับข้อเสนอที่ยื่นให้



      ที่คาดอสต้องการทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะอยากทำ แต่เห็นแล้วว่าชาวไทยคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เขาแค่อยากมั่นใจกว่าเดิมว่าพิคเจอร์นั้นมีบางอย่างปกป้องอยู่ ถ้ามี...เขาก็รอด ถ้าไม่!...ก็ต้องเสียใจด้วย



“อย่าลองนะพิค นายไม่รอดแน่” เรนเดลเข้ามาบอกอย่างเป็นห่วง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองแววตาไร้ความรู้สึกนั้นของบอส ว่าคาดอสกำลังจะทำอะไรของเขากันแน่?


:L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2016 14:15:43 โดย loveice »

ออฟไลน์ ReWill

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 3
«ตอบ #6 เมื่อ19-08-2016 14:10:59 »

ชอบๆ มาต่อเร็วๆนะ ^^

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 3
«ตอบ #7 เมื่อ20-08-2016 11:54:36 »

ตอนที่ 4

    ทุกคนกำลังลุ้นระทึก แต่เรนเดลดูเป็นห่วงคนไทยคนนี้มาก ถ้าเป็นไปได้ขอให้พิคเจอร์ล้มเลิกความตั้งใจไปซะ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะคนตัวเล็กได้เดินเข้าไปหาคาดอสอย่างไม่สะทกสะท้านหวั่นกลัว
   


      มือเรียวเล็กค่อยๆเอื้อมไปแตะกลุ่มกระแสไฟฟ้าน่ากลัวไหลแล่นไปมาบนมือนั่น  ดูก็รู้ว่าร่างบางก็ชั่งใจตัวเองไม่น้อยที่อยากจะลอง โดยมีร่างสูงทำสีหน้านิ่งท้าทายจ้องมองรออยู่ 



“อย่า!” เรนเดลตะโกนสุดเสียง


พรึบ!




...



เงียบ




ไม่มีอะไรเกิดขึ้น





ไฟฟ้าไม่ได้คร่าชีวิตชาวไทยหน้าใสคนนี้





มือเล็กๆของพิคเจอร์วางแหมะอยู่บนฝ่ามือหนา โดยมีกระแสไฟฟ้าไหลห้อมล้อมมือทั้งสองเอาไว้ด้วย


“พิค นายเป็นยังไงมั่ง?”


          เรนเดลมองสองมือต่างขนาดที่ประกบกันนั้น หนุ่มไทยได้แต่หันไปส่ายหน้าให้เพื่อนสนิทคนใหม่พร้อมรอยยิ้ม เท่านี้เขาก็เป็นอิสระแล้วสินะ ตอนนี้ข้างในหัวใจกำลังยิ้มอย่างดีใจ



“ผมไม่ตาย! ตรงตามเงื่อนไขแล้วนะ ปล่อยผมกลับประเทศไทยได้แล้ว ” ร่างบางทวงเงื่อนไขทันที



“ไม่อยู่ในเงื่อนไข!” คาดอสตอบเสียงเรียบหน้าตาเฉย


“อะไรของคุณอีกเนี่ย ก็ผมแตะกระแสไฟฟ้าบนฝ่ามือของคุณแล้วไง แล้วผมก็ไม่ตายด้วย”


“…”


       หนุ่มร่างสูงมองสีหน้าท่าทางดีใจเกินเหตุของอีกคน แต่เขาเองกลับได้คำตอบที่ชัดเจนกว่าเดิม แผนของเขาสำเร็จ พิคเจอร์เป็นคนมีพลังงานพิเศษอย่างที่สงสัยไว้จริงๆ เพียงแต่เด็กนี่ยังใช้มันไม่เป็น



“เอาล่ะ ผมจะออกจากบ้านคุณพรุ่งนี้ตามที่ตกลงนะ ” พิคเจอร์ยิ้มระรื่น



“ข้อตกลงคือความอิสระ และไม่กักขังคุณ  คุณไม่ได้ขอว่าให้ปล่อยกลับประเทศไทย” คาดอสเอ่ยบอก พิคเจอร์อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่นึกว่าพวกมหาอำนาจจะซื่อตรงได้ขนาดนี้ ต่อไปถ้าเขาอยากต่อรองก็ต้องละเอียดชัดเจนกว่านี้ใช่ไหม?



“เจ้าเล่ห์นักนะ” พิคเจอร์ต่อว่าทันที



“...”




   ร่างสูงไม่โต้ตอบ แถมเดินหนีอีกฝ่ายออกจากห้องทานข้าวไป ไม่วายที่ร่างเล็กจะเดินตามติดออกมาต่อว่าและทวงสิทธิ์ด้วยความโมโห และหมั่นไส้คนร่างยักษ์ที่สุดในสามโลก



“คุณคาดอส คุณจะเดินหนีผมไปไหนไม่ได้นะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้!” ได้ผลคนตัวโตหยุดเดิน



“ผมมีงานที่ต้องทำมากมาย ไม่มีเวลามาคุยเรื่องไร้สาระ”


คำพูดห้วนๆนั่นกระทบเข้าหู ทำให้พิคเจอร์กำลังจะเป็นประสาทเต็มที  ร่างบางเดินอ้อมไปข้างหน้าคนตัวโตด้วยความโมโห



“ไร้สาระหรอ นี่คุณคิดว่าความอิสระของผมคือความไร้สาระของคุณอย่างนั้นหรอ กักขังคนอื่นมันบาปนะคุณ”



“หรอ? ผมเพิ่งรู้”


         คาดอสตอบเสียงเรียบหน้าตาเฉย แต่คำตอบนั้นแทบอยากจะทำให้ร่างเล็กกระโดดตบหน้าสักหนึ่งที พิคเจอร์ได้แต่กำหมัดแน่นทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่วายที่ร่างสูงอยากรู้



“คุณกำลังคิดอะไร?”


“ไม่บอก เก่งนักไม่ใช่หรอ อ่านความคิดผมให้ได้สิ” ร่างบางเหน็บด้วยคำพูดอย่างเหลืออด



“...”


       คาดอส ละสายตาจากใบหน้าเนียนใสนั้น ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆแล้วไม่สนใจร่างเล็กอีกเลย เขาเริ่มชินแล้วกับการอยากรู้ความคิดความอ่านในใจของพิคเจอร์แต่เขากลับอ่านใจไม่ออก



“คุณคาดอส หยุดเดินหนีผมเดี๋ยวนี้นะ” เสียงร้องนุ่มหูนั้นดังตามหลังมาอย่างไม่ลดละ แต่ร่างสูงกลับไม่คิดจะหยุดเดินตามคำสั่งนั้น



“พิค ฉันว่านายหยุดก่อนดีกว่า ตอนนี้บอสกำลังอดทนกับนายมากเลยนะ” เรนเดลเดินเข้ามาเตือนสติ


“ใช่! บอสเป็นคนรักษาคำพูด คุณขอมาเท่านี้บอสก็ให้ได้เท่านั้น คุณไม่ตายก็ดีแค่ไหนแล้ว ” แกริคเปรยออกมา ก่อนจะรู้สึกตัว
ตามมาว่าน้ำแข็งหนาได้ครอบปากเขาเอาไว้แล้ว




“แกริค! ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าใบ้หรอกนะ ลองเป็นคนใบ้พูดไม่ได้ซัก 1 นาทีแล้วกัน” เรนเดลหันไปค้อนใส่ก่อนจะพาเพื่อนชาวไทยเดินขึ้นบันไดไป



พรึบ!


      เปลวไฟสีส้มแดงจากฝ่ามือเพื่อนชายร่างสูงค่อยๆหลอมละลายน้ำแข็งบนปากแกริคช้าๆ จนในที่สุดไอร้อนนั่นก็ทำให้ปากของหนุ่มผมบอร์นเป็นอิสระ ถึงแม้จะยังมีความชาอยู่ก็ตาม



“ขอบใจมากเบลซ ”





“เราไม่ยอมหรอกนะ เงื่อนไขก็ต้องเป็นไปตามที่ตกลงสิ เราจะไปคุยกับบอสนายให้รู้เรื่อง!” พิคเจอร์ไม่ว่าเปล่ารีบผละตัวออกจากเรนเดล แล้ววิ่งตามร่างสูงไป จนกระทั่งตามไปทันก่อนอีกคนจะหมุนลูกบิดเข้าประตูห้องไป


“คุณ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ”


“ไดนาดิน ขวางไว้” คาดอสสั่งคนสนิทด้วยความเบื่อ



“ครับ!”



“ไม่ต้องสั่งคนของนายเลยนะ นายร่างยักษ์!”



  ได้ผล สรรพนามใหม่นั่นทำให้ทั้งมือและขาของคาดอสหยุดชะงักไป แล้วหันกลับมามองหน้าเจ้าของคำพูดนั่นด้วยความไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก



“เมื่อครู่ คุณเรียกผมว่าอะไร!”



“นายร่างยักษ์” พิคเจอร์พูดให้ฟังอีกครั้ง



“ต่อไปห้ามเรียก ผมไม่ชอบ ผมชื่อ คาดอส จำใส่สมองของคุณด้วย”



แกร๊ก เสียงลูกบิดดังขึ้นแต่กลับต้องชะงักอีกรอบ



“ผมจะเรียกคุณว่านายร่างยักษ์ต่อไป คุณจะชอบหรือไม่ก็ช่าง!” ร่างบางพูดลอยหน้าอย่างท้าทาย



“...”



          คาดอสหยุดนิ่งมองหน้าคนท้าทายเขาอย่างเฉยชา เพียงครู่เดียวเขาก็ปรับอารมณ์ให้สุขุมนิ่งเช่นเดิม สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการพูดจาไร้สาระนานๆ และพิคเจอร์ชาวไทยคนนี้เป็นคนแรกที่ชวนเขาพูดจาเพ้อเจ้อไร้แก่นสารได้นานขนาดนี้




       สุดท้ายทั้งเขาและไดนาดินลูกน้องคนสนิทก็หายเข้าไปในห้อง ทิ้งไว้แต่ความเจ็บใจเล่นๆให้กับร่างเล็กหน้าประตู


“ไม่คิดจะสนใจกันบ้างหรือไงคุณ ผมอยากกลับบ้านแล้ว! โถ่...ได้โปรด”


      พิคเจอร์ทำสีหน้าอยากจะร้องไห้ดิ้นไปดิ้นมาตรงนี้เสียเหลือเกิน แต่ทำไม่ได้เพราะเขาโตแล้ว ทำไมนายร่างยักษ์ถึงได้เอาแต่ใจอย่างนี้นะ!






มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน



   คนของเหลาสู่หงเซ่อมารวมกันที่ทุ่งหญ้าสีเขียวหลายสิบชีวิต  วันนี้ครบรอบวันตายของ ฟ่านอี้ฟง กับนายหญิง เหยาหมิงเอ๋อ พ่อแม่ของฟ่านหยางเฟย ผู้นำเสือแดงคนปัจจุบัน ในมือของลูกชายคนโตคนนี้ถือดอกกุหลาบสีเหลืองสองช่อสวยงาม วางไว้ตรงหน้ารูปด้วยความรำลึก



“ป๊า!  ม๊า! ไม่ต้องห่วงนะ อั้วกำลังตามหา อาหยางอี้ ที่ประเทศไทย อั้วจะไปตามน้องกลับมา แล้วสืบให้ได้ว่าคนที่ฆ่าป๊ากับม๊าเป็นใครกันแน่?”

      หนุ่มกำยำผิวขาวสูง 188 เซนติเมตร พูดทั้งน้ำตาตั้งปณิธาณแน่วแน่ มีเพียงเจียนเหมิงคนสนิทเท่านั้นในตอนนี้ที่รับรู้ว่านายใหญ่กำลังร้องไห้



“นายครับ อืนจือโทรมาบอกว่า เขามาถึงแล้วนะครับ” จอมกระบี่เอ่ยบอกเจ้านายอย่างหนักแน่น



“โทรบอกเขาว่า ฉันกำลังจะกลับแล้ว ให้รอที่บ้านเลย”


“ครับนาย!”




ภายในคฤหาสน์หลังคาสีเลือด



       คนร่างบางแต่ใส่ชุดรัดกุมดูทะมัดทะแมง ปราดเปรียวเป็นที่สุด เขาคือเจ้าของอาวุธลับอาบยาพิษ มือซ้ายของฟ่านหยางเฟย กำลังยืนประชันหน้ากับประมุขเสือแดงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แกะสลักเสือใหญ่น่าเกรงขาม


“ว่าไงอืนจือ”


“คนของเราที่นายท่านให้ไปติดตามดูความเคลื่อนไหวของไอ้คาดอส ตอนนี้ถูกจับได้หมดแล้วครับ แต่คนของเรารอดมาได้หนึ่งคน”


“แล้วได้ความว่าไงบ้าง”


“สองวันมานี้ เห็นคาดอสจับกุมตัวชาวไทยอายุ 25 ปีไปที่อาณาเขตของมัน ท่าทางลับๆล่อๆ สาเหตุนั้นไม่ทราบแน่ชัด จนป่านนี้ชาวไทยคนนั้นยังไม่ออกมาจากอาณาเขตของอิงจินเซ่อที่ลอสแอนเจลิสเลยครับ”


“ดี! น่าสนใจ ส่งคนของเราไปจับตาดูให้ดี ได้โอกาสเมื่อไหร่ให้จับตัวมาที่เซี่ยงไฮ้ได้เลย”


“ครับนาย!”



     อืนจือก้มหน้ารับคำสั่งใหม่แล้วหันหลังเดินจากไป ฟ่านหยางเฟยผู้เป็นประมุขแววตามีความหวัง เขาหันไปมองแววตามือขวาคนสนิทที่ยืนนิ่งแต่ดวงตากลับมองตามหลังอืนจือไปก็รู้ใจทันทีว่ากำลังคิดอะไรอยู่


“เจียนเหมิง!”


“ครับนาย!”


“ตามไปสิ”


       หยางเฟยเอาฝ่ามือตบลงบนบ่าจอมกระบี่เบาๆ เจียนเหมิงก้มหัวคำนับนิดนิดแล้วเดินตามอืนจือไปจนทันในที่สุด
แต่การวิ่งตามตัวเบาฉบับซามูไร มันทำให้อันตรายเกิดขึ้นกับเขาได้ไม่ยาก



ฉึบ! 



      ดาวกระจายคมกริบสีดำ สามอันถูกโยนย้อนสวนกลับหลัง เฉียดเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาของเจียนเหมิงที่วิ่งตามมาติดๆไปนิด เดียว แต่นั่นก็ทำให้คนตัวสูงกว่าได้เลือดไม่น้อย ส่วนดาวกระจายสีดำทั้งสามปักอยู่บนผนังบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



“ฝีมือไม่ตกเลยนะ อืนจือ” ร่างสูงกว่าเอ่ยชม พร้อมกับเอามือขึ้นมาแตะเลือดที่ไหลซิปบนใบหน้า



         แต่คำชมนั่นทำให้ร่างบางแสยะยิ้ม รอยยิ้มนั้นแม้จะน่ารักสำหรับเจียนเหมิง แต่อืนจือสามารถมอบความตายให้เขาได้ทุกเมื่อ หากเล่นอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้อีกครั้ง


“นายตามมา มีอะไร!” อืนจือหันหลังกลับไปมอง และได้เห็นเลือดบนใบหน้าที่เกิดจากรอยถากดาวกระจาย


“เปล่า ก็แค่...คิดถึง” เจียนเหมิงพูดหยอดไป แม้ว่าอีกคนจะระแคะระคายเมื่อได้ยินก็ตาม


“ฉันต้องไปทำงานแล้ว ”   คนตัวเล็กกว่าบอกเสียงเรียบ


“แล้วแผลบนใบหน้าฉันล่ะ นายไม่คิดรับผิดชอบหรือไง” เจียนเหมิงหาข้ออ้าง


“ดาวกระจายนี้ไม่ได้อาบพิษจงอาง สบายใจได้ อีกไม่กี่วันมันหายปกติ ถ้าใช้ยานี้ทาสม่ำเสมอ” อืนจือโยนห่อกระดาษเล็กๆให้อีกคน


“ร้ายนักนะ เมียใครเนี่ย”


“อย่าพูดเอาแต่ได้ คำว่าเมียมันทำให้ฉันคลื่นไส้”


“อืนจือ! ”



           ร่างเล็กหันหลังเดินขึ้นรถที่จอดรถอยู่ก่อนหน้านี้ไป ปล่อยให้เจียนเหมิงถอนหายใจ เขาจะทำยังไงถึงจะทำให้คนคนนี้หายโกรธได้กันนะ 









          ห้องนอนในคฤหาสน์หลังใหญ่  พอตกค่ำบรรยากาศรอบบ้านกลับเงียบสะงัด ได้ยินแม้กระทั่งเสียงแมลงเล็กๆร้องประสานเสียงกันอยู่ด้านนอก พอไม่มีอะไรทำมากๆ พิคเจอร์กลับนึกขึ้นได้ว่ายังมี ฟิน เพื่อนสนิทที่ประเทศไทยรออยู่


          อุตส่าห์รับปากอย่างดีว่าจะรอวีดีโอคอลมาหา แต่นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้ว ถ้าเปิดเครื่องตอนนี้ ฟินเพื่อนสนิทจะโกรธเขามากไหมนะ ไหนคนโทรติดต่อที่จะให้ไปเป็นอาจารย์พิเศษอีกล่ะ บ้าชะมัดตั้งแต่เกิดเรื่องวุ่นวายนี่ขึ้นมา อะไรๆมันก็ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปหมดเลย



          วันนี้ก็เพิ่งกลับมาจากไปช็อปปิ้งกับเรนเดล ตามสัญญารับผิดชอบการเผาเสื้อผ้าและกระเป๋าของเขา  แต่จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ไปช๊อปปิ้งกับคนของคาดอสนับสิบ รวมทั้งสองสมุนที่เฝ้าหน้าห้องเขาตอนนี้ด้วย มันดูโอเคเลยใช่ไหม แต่มันไม่ได้ดีอย่างที่คิดหรอกนะ จะขยับตัวหรือทำอะไรก็เกร็งไปหมด ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยซักนิด



“เอาล่ะ วีดีโอคอลหา ฟิน ดีกว่า” มือเรียวเปิดมือถือแล้วเข้าเฟสบุ๊คทันที ดีหน่อยที่ขอรหัส wifi จากเรนเดลมาแล้วเรียบร้อย


“ฟิน สวัสดี” พิตเจอร์แสร้งยิ้มกลบกลื่น


“พิค ทำไมสามวันมานี้เงียบไปล่ะ นี่ฟินเป็นห่วงนะ แล้วนิทรรศการเป็นไงบ้าง”


“ฟิน เราไม่ขอตอบได้ไหม จริงๆเรายังไมได้ไปร่วมนิทรรศการเลย เสียดายมาก”


“เกิดอะไรขึ้นอ่ะ ทำไมไม่ได้ไป แล้วนี่พักอยู่ไหน ทำไมดูหรูหราจัง” ฟินเริ่มเป็นห่วงเพื่อนสนิทขึ้นมาแล้วสิ



“คือว่า....”



พรึบ  


      โทรศัพท์ถูกแย่งออกจากมือไปอย่างรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว พอเจ้าของมือถือมองตามกลับสะดุ้งตกใจไม่น้อยที่เห็นคนร่างสูง พร้อมกับคนสนิทอย่างไดนาดิน ยืนมาดนิ่งจ้องหน้าอย่างเฉยชา



“นายร่างยักษ์”


:L2:


ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 4
«ตอบ #8 เมื่อ21-08-2016 15:05:46 »

ตอนที่ 5


       คาดอสไม่สนใจสรรพนามที่ใช้เรียกชื่อเขา  แล้วยื่นมือถือของพิคเจอร์ไปให้ไดดาดินที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง


“คุณจะทำอะไร เอามือถือผมคืนมานะ!”


“ตราบใดที่ยังอยู่ในบ้านของผม ห้ามวีดีโอคอลหาใครทั้งนั้น ไม่ว่าสนิทแค่ไหนก็ตาม เพราะนี่จะเป็นหลักฐานสำคัญของศัตรูที่จะตามตัวคุณจนเจอ”


“คุณรู้ได้ไงว่าผมวีดีโอคอล หรือว่าคุณอ่านใจผมออกแล้ว?” พิคเจอร์ทำสีหน้าสงสัยปนตกใจ


         คาดอสได้แต่ถอนหายใจ เบื่อความสงสัยที่งี่เง่าของพิคเจอร์เต็มทน


“ในห้องนี้มีกล้องวงจรปิดขนาดจิ๋วซ่อนอยู่ 10 ตัว เราเห็นการกระทำคุณทุกอย่างครับ คุณพิคเจอร์”

ไดนาดินเห็นคาดอสไม่ตอบคำถาม จึงต้องเป็นฝ่ายบอกแทนอย่างสุภาพ 



           แต่สมองของพิคเจอร์ประมวลผลเร็วเกินคาด เขาอุตส่าห์เบาใจคิดว่าอย่างน้อยถ้าอยู่ในห้องนอนส่วนตัว จะหลบสายตาและการกระทำจากคนของคาดอสได้ แต่...ไม่เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาอึ้งอ้าปากค้าง แทบพูดอะไรไม่ออก


“นี่อย่าบอกนะว่าพวกคุณแอบดูตอนผมแก้ผ้า อาบน้ำ...แล้วก็แต่งตัวด้วย”


“ไดนาดินกลับ!” คาดอสเริ่มจะเหนื่อยใจขึ้นทุกทีๆ เขาไม่เห็นจะมีอะไรที่ชาวไทยคนนี้ต้องทำสีหน้าตกใจขนาดนั้น ผู้ชายด้วยกันเห็นเรือนร่างแล้วจะเป็นอะไรไป


“หยุดนะนายร่างยักษ์ตอบผมมาก่อนว่าคุณแอบดูผมตามที่พูดรึเปล่า”




ปัง!


ประตูห้องปิดลง เสียงร้องตะโกนเมื่อครู่ของพิคเจอร์เปล่าประโยชน์  คาดอสไม่แม้แต่จะฟังเลยด้วยซ้ำ


“ฉันจะไม่ยอมนายอีกแล้ว นายร่างยักษ์” ความค้างคาใจทำให้ร่างบางรีบลุกเดินตามออกไปทันที




แต่แล้วก็ต้องชะงักกับหนุ่มสองคนคุ้นหน้าคร่าตาเป็นอย่างดีเพียงแค่เปิดประตูห้องออกไป



“คุณพิคเจอร์จะไปไหนครับ?” ผู้เฝ้าประตูคนซ้ายถาม


“ไปตามบอสของพวกนายนั่นแหละ” พิคเจอร์ไม่ว่าเปล่า ทำหน้ามุ่ยตอบคำถามแล้วเดินจ้ำอ้าวไปที่ห้องอีกฝ่ายทันที  ทิ้งเอาไว้แต่เสียงหัวเราะในลำคอของคนเฝ้าประตูทั้งสองตามมา


“แปลกว่ะ ชาวไทยคนนี้ดื้อรั้นไม่เบา ไม่เห็นบอสจะโมโหหรือสั่งลงโทษอะไรเลยซักครั้ง”


“ไม่เห็นจะต้องคิดมาก  เพราะไม่แน่เราอาจจะได้บอสคนที่สองเร็วๆนี้”



   เสียงหัวเราะเบาๆประสานกันไปมาอย่างชื่นใจ ไม่เคยเห็นเจ้านายเป็นแบบนี้สักครั้ง ถึงจะอ้างว่าพิคเจอร์มีพลังงานพิเศษและคาดอสต้องการให้เข้าร่วมเป็นพักพวกก็เถอะ



ปังๆๆๆๆ!


      มือเรียวพาดลงประตูต่อเนื่อง ภายในห้องคาดอสกำลังจะเตรียมตัวอาบน้ำ เขาเปลือยกายล่อนจ้อน เสื้อผ้าถูกโยนลงตะกร้าพลาสติก มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวพันรอบเอวเท่านั้น สัดส่วนบนเรือนร่างของคาดอส หากใครได้มาเห็นเว้นแต่บุรุษเพศ จะต้องอยากเอามือไปลูบไล่สัมผัสกล้ามแน่นๆนั่นแน่  อินทรีทองแผ่สยายปีกถูกสักบนอกขวา สวยงามทรงอำนาจน่ามองมากทีเดียว



“บอสครับ!”



“ไปถามเขาว่ามีอะไร?” ร่างสูงสั่งเสียงเรียบ ก่อนตัวเองจะเดินลงอ่างอาบน้ำสีขาวขนาดใหญ่


“ครับ!”


แกร๊ก แอ๊ดดดดด 


ไดดาดินเปิดประตูออกอย่างช้าๆ แล้วยืนนิ่งมองคนหน้ามุ่ยไม่พอใจ


“ผมต้องการคุยกับบอสคุณ”


“บอสกำลังอาบน้ำอยู่ครับ” คนสนิทคาดอสบอกอย่างสุภาพ


“ถ้างั้นฝากบอกบอสคุณด้วยว่า ถ้าไม่เอากล้องวงจรปิดออกไปจากห้องผม ผมจะไปนอนกับเรน”


      ไดนาดินถอนหายใจเบาๆ พอเห็นคนตีโพยตีพายเดินเลี่ยงลงไปด้านล่างตามที่กล่าวไว้ เขาถึงปิดประตู


“ว่าไง?”


“คุณพิคเจอร์บอกว่า...ถ้าบอสไม่เอากล้องวงจรปิดออกจากห้อง เขาจะไปอยู่กับเรนเดลครับ”


“ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายที่งี่เง่าเท่านี้มาก่อน” คาดอสบ่นออกมาภายใต้ใบหน้านิ่งเฉย


“บอสไม่รู้หรอครับว่าคุณพิคเจอร์เป็นอะไร”


“หมายความว่าไง? ”


“คุณพิคเจอร์เขาไม่ใช่ชายแท้นะครับ ”


“อย่างนั้นหรอ?” คาดอสขมวดคิ้วเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง


“เขาคงจะอายมากแน่ ที่ต้องรับรู้ว่าโป๊ต่อหน้าบอสมาสองวันแล้ว”


“ฮึ ปล่อยให้อายไป...ยังไงฉันก็ไม่พิศวาสผู้ชายอยู่แล้ว”


“ครับบอส” ไดนาดินหมดหนทางแล้วที่จะช่วยพิคเจอร์ เขารู้สึกเกรงใจและเสียมารยาทไม่น้อยเลย  แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อคา
ดอสพูดคำไหน สั่งทำอะไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น


“ไดนาดิน บอกคนของเราเตรียมตัวให้พร้อม เราจะไปเจอฟ่านหยางเฟยที่ประเทศไทยอีกสองวันข้างหน้า”


“ครับบอส!”


“บอกเรนเดลไม่ต้องไป ให้อยู่เป็นเพื่อนชาวไทยคนนั้นที่นี่”


“ทราบแล้วครับบอส”







ผ่านไปสองวัน...



กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย



        บนชั้นรับประทานอาหารส่วนตัวในตึกใบหยกอันสูงใหญ่ตระการตากลางเมือง ระหว่างร่วมรับประทานอาหารบนโต๊ะวงกลม โดยมีสองหนุ่มทรงอิทธิพลนั่งหันหน้าเข้าหากัน ด้านซ้ายเป็นประมุขอิงจินเซ่อ ด้านขวาเป็นประมุขเหลาสู่หงเซ่อ อินทรีทองกับเสือแดง ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองจีน


     อาหารมากหน้าหลายตา หลากรสชาติน่ารับประทาน แต่สองหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาคนละสไตล์กลับนั่งจ้องตากันไม่มีใครเป็นฝ่ายยอมกระพริบตาและชายตามองอาหารบนจานแม้แต่น้อย พร้อมกันนี้กลับมีบริวารทั้งสองฝ่ายยืนรายล้อมฝั่งใครฝั่งมันหลายชีวิต



“ไง คาดอส สบายดีนะ?” นั่งจ้องตาอยู่นาน สุดท้ายหยางเฟยกลับเป็นคนเริ่มเอ่ยถามก่อน


“เข้าเรื่องเลยแล้วกัน!...ไดดาดิน” คาดอสเอียงหน้าบอกคนสนิท


“ครับบอส”


      หนังสือเล่มสีเทาหนาพอประมาณถูกนำมาวางลงตรงหน้าคาดอส และนั่นทำให้อีกคนที่นั่งตรงข้ามยิ้มอย่างพึงพอใจ


“ใจเย็นสิเพื่อนยาก สั่งอาหารมามากมายไม่ชิมหน่อยหรือไง”


“...” คาดอสนั่งนิ่งเช่นเดิม แต่ดวงตาสาดส่องไปที่อาหารตรงหน้า มันก็น่าทานไม่น้อย แต่ว่า...


“ฮ่าๆๆ นายคงไม่คิดว่าฉันจะใส่ยาพิษลงไปในอาหารหรอกนะ?”


“ฉันรู้ว่านายไม่ทำ เพราะผิดวิสัยของเสือแดง”


“รู้อย่างนั้นแล้ว ก็ชิมก่อนสิ อาหารไทยรสชาติกลมกล่อม บางทีนายอาจจะติดใจก็ได้”



        สุดท้ายการร่วมรับประทานอาหารก็เริ่มขึ้น โดยมีฉากเบื้องหน้า รักใคร่ปรองดอง แต่เบื้องหลังภายในใจของทั้งสองคนกลับไม่ได้สวยงามตามฉากที่ว่านั่น แต่ต้องเก็บความแค้นเอาไว้ในใจ เพราะต่างฝ่ายตอนนี้กำลังไปได้สวยและอีกอย่าง หยางเฟยต้องการหลักฐานมากกว่านี้ 



       ฟ่านหยางเฟยฉลาดพอที่จะต่อรองและเจรจาธุรกิจอีกแห่งในประเทศไทย เขาถึงได้เอาลูกน้องติดตัวมาไม่ถึง 10 คนเพื่อให้คาดอสเข้าใจว่าทางเสือแดงไม่ได้ต้องการความขัดแย้ง แต่ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายกลับไม่คิดไว้วางใจประมุขเสือแดงแม้แต่น้อย คาดอสพา 3 ทหารแกร่งเหนือมนุษย์มาด้วย ขาดไปก็แค่คนเดียวนั่นก็คือ เรนเดล เจ้าแห่งธารน้ำแข็งอันหนาวเหน็บและเย็น
ยะเยือก



       ดูจากสีหน้าคาดอส ดูก็รู้ว่ากำลังหงุดหงิดที่อ่านความคิดร้ายกาจของเขาไม่ออก เพราะหยางเฟยพยายามไม่คิดถึงเรื่องการลับพาตัวคนไทยที่คาดอสจับกุมตัวยังไงล่ะ


“เอาล่ะ อาหารมื้อนี้ต้องขอบใจนายมาก เราเริ่มคุยกันดีกว่า ฉันมีงานอื่นต้องทำอีกมาก”คาดอสเอ่ยบอก


“ได้สิ สำหรับหุ้นธุรกิจสินค้านำเข้าจากจีน ฉันอยากให้นายยกตรงนี้ให้ฉันมีสิทธิ์ 50 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด นายจะว่ายังไง?”


“ไม่มีปัญหา”


“ฮ่าๆๆๆๆ ดี พูดกันง่ายๆแบบนี้ก็ดี แล้วตอนนี้นายยังอยู่ที่ลอสแอนเจลิสอยู่รึเปล่าคาดอส”


“ใช่ ฉันต้องทำงานอีกมากที่อเมริกา ”


“แล้วอาณาเขตอิงจินเซ่อที่ปักกิ่ง ก็ไม่มีใครอยู่เลยสินะ?” หยางเฟยหยั่งเชิงถาม


“มี! คนของฉันยังเฝ้าอยู่หลายร้อยคน นายถามทำไม?”


“เปล๊า ไม่มีอะไร ยังไงฉันก็ขอเอกสารหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรหน่อยแล้วกัน”


“ได้สิ...ไดนาดิน เอาเอกสารอนุมัติไปให้ฟ่านหยางเฟย”


“ครับบอส”



ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา



        บริเวณสวนหย่อมหน้าบ้านแสนร่มรื่นยามกลางวัน ลมพัดเย็นสบายแบบนี้  ร่างบางนั่งเล่นอยู่บนเก้าอี้เหล็กทรงเตี้ยตั้งแต่เช้า กำลังตั้งใจทำอะไรบางอย่าง ตรงหน้ามีโครงไม้สำหรับหนีบขึงกระดาษผ้าสีขาวขนาด 60x60 เซนติเมตร  มือหนึ่งข้างถือจานสี อีกข้างถือพู่กัน ละเลงสีนั้นไปพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสและมีความสุขมากที่ได้ทำมัน


    ภาพวาดนี้เป็นภาพคฤหาสน์หลังใหญ่นี้เอง ถูกนำมาเป็นแบบแทบจะยกของจริงมาไว้ในกระดาษเพราะมันเหมือนจริงมาก  กิจกรรมนับสองชั่วโมงถูกสายตาหลายคู่มองดูอยู่ห่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรนเดลและคนเฝ้าประตูห้องนอนทั้งสองคน



“วาดรูปได้สวยมาก” เรนเดลเปรยออกมาลอยๆ


“วาดเหมือนมากครับ ดูดูไปคุณพิคเจอร์ก็น่ารักดีนะครับ” หนึ่งในคนเฝ้าประตูห้องชื่นชม



“คุณเรนเดล เรากำลังถูกจับตามอง จากรั้วทางซ้ายครับ” อีกคนเหมือนจะจับผิดสังเกตอะไรบางอย่างได้รีบกระซิบบอกเจ้าหิมะทันที


“เข้าใจแล้ว พวกนายเฝ้าพิคเจอร์ไว้ ฉันจะไปสืบเอง”




ฟิ้วววววว


            พอสั่งเสร็จเท่านั้น เรนเดลก็ออกตัววิ่งลู่ลมไปที่ริมรั้วนั่นทันที เขารีบกระโดดออกนอกรั้วตามไป  การวิ่งไล่จับเริ่มขึ้น เป็นไปตามที่คาดอสบอกไว้จริงๆด้วย คนของ TR ต้องตามมาสอดส่องทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องของชาวไทยคนนี้



             เรนเดลวิ่งไปไม่มีหยุด เขาเริ่มตามทันแล้ว แต่กลับแปลกใจที่ไม่คิดว่าจะเจออีกคนที่นี่ด้วย มองจากแผ่นหลังตรงนี้ เขามั่นใจว่าไม่ผิดคน เจ้าหิมะวิ่งไล่ต้อนคนพวกนี้จนมุม สุดท้ายรอยยิ้มแห่งชัยชนะก็ปรากฏบนใบหน้าของเรนเดล


“ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่ อืนจือ!”


“ขอบใจนะเรนที่ไม่ลืม นายนี่โง่ไม่เปลี่ยนเลย!” อีกฝ่ายที่ตัวบางพอกันเอ่ยบอก นั่นทำให้เรนเดลกลับเป็นฝ่ายหุบยิ้ม



“นี่แกหลอกฉันมา?”



“ไม่ได้หลอก แต่นายตามฉันมาเองต่างหากเรน ฮึฮึ!”



พรึบ 




          เรนเดลโมโหสุดฤทธิ์เมื่อคิดไปถึงความปลอดภัยของพิคเจอร์ที่นั่งวาดรูปอยู่ในสวนหย่อม ไม่มีเวลาคิดแล้ว เรนเดลปล่อยธารน้ำแข็งหนาปกคลุมตัวพวก TR ขวางทางไว้ทันที และเลวร้ายที่สุดคือเขาเนรมิตกำแพงน้ำแข็งนั่นขึ้น บริเวณนั้นอุณหภูมิกำลังลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ร่างกายมนุษย์ของอีกฝ่ายกำลังตัวสั่นเทา



“เราจับตัวชาวไทยคนนั้นได้แล้ว ตอนนี้กะเทาะน้ำแข็งนี่แล้วรีบตามไปที่สนามบินเลย!” อืนจือบอกลูกน้องให้เอาปืนยิงทลายกำแพงน้ำแข็งและใช้ไฟแชคหลอมละลายซะ



“รีบไปเร็วก่อนจะแข็งตายกันหมด” เจ้าของอาวุธอาบยาพิษตะโกนบอกลูกน้องอีกครั้งหลังใช้เวลานานร่วมสิบนาทีทำลายน้ำแข็ง




    เรนเดลวิ่งกลับไปที่อาณาเขตอิงจินเซ่อด้วยเวลาไม่นาน แต่ก็ต้องไม่เชื่อตาตัวเอง พิคเจอร์หายไป พร้อมกับคนของพวกเขาที่เจ็บตัว ร้องโอดโอยกันอยู่  แต่ยังดีที่เป็นแค่ส่วนน้อย



“คุณเรน พวก TR มัน....”


“ฉันรู้แล้ว  พาคนของเราที่เจ็บไปโรงพยาบาล อีกส่วนเฝ้าที่นี่ไว้ ที่เหลือเตรียมรถ 4 คันเร็ว!”


“ครับ!”

      เรนเดลคิดอะไรไม่ออก แต่ถ้าให้เดาอืนจือต้องพาพิคเจอร์ไปที่สนามบินแน่! ตอนนี้เขาต้องรีบโทรแจ้งบอสก่อน



“ว่าไงเรน!” แกริคเป็นคนรับสายแทน


“แกริค บอกบอสเดี๋ยวนี้ว่าคนของ TR ลักพาตัวพิคเจอร์ไปแล้ว” ได้ยินเพียงแค่นั้นปลายสายก็ถูกวางไป


“ฉิบหายแล้ว!”



แกร็กแกร็ก!


   แกริคเก็บมือถือแล้วยกปืนขึ้นมาแทน เขาเพ่งจิตดูภาพตามที่เรนเดลบอก มันเป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย  เสียงปืนที่ชักพร้อมกับจ่อไปที่ตัวของฟ่านหยางเฟย ทำให้ทุกคนในห้องต้องชักปืนออกมาปะทะกันอัตโนมัติ


“แกริค เกิดอะไรขึ้น” คาดอสเอียงหน้าไปถามอย่างร้อนรน เมื่อทุกคนต่างเอาของเล่นประจำตัวขึ้นมาจ่อกัน



“ฟ่ายหยางเฟย ให้คนไปลักพาตัวพิคเจอร์ไปแล้วครับบอส”



“ว่าไงนะ” คาดอสตาโต ทุกครั้งที่โกรธกระแสไฟฟ้ามักวิ่งแล่นออกมาโดยไม่รู้ตัว สองมือตอนนี้กำลังมีกระแสไฟฟ้าหลากสีที่ดูสวยงามแต่มันจะปลิดชีวิตเป้าหมายทันทีไม่มีพลาด!



:L2:



ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 5
«ตอบ #9 เมื่อ21-08-2016 16:10:38 »

อินจือ ใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ
แล้วก็ได้ลูกเสือพิคเจอร์
คาดอส โกรธ เพราะเหมือนถูกหยาม
หรือเพราะสูญเสียพิคเจอร์
เรื่องจะเป็นยังไงต่อนะ :ling1: :ling1: :ling1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 5
« ตอบ #9 เมื่อ: 21-08-2016 16:10:38 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 5
«ตอบ #10 เมื่อ22-08-2016 09:36:09 »

ตอนที่ 6



ผ่านไปหนึ่งวัน...


มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน




          อาณาจักรเหลาสู่หงเซ่อ ภายในห้องลับแสนอับไร้แสงสว่าง ในความมืดสลัวนั้นกลับปรากฏเรือนร่างสลบแน่นิ่งของใครคนหนึ่งบนเก้าอี้ เส้นผมสีดำยาวพอเย้าหยอกกับใบหูได้ ตอนนี้กลับยุ่งเหยิงไม่เรียบร้อย ปากรูปสวยถูกผ้าสีดำมัดเอาไว้แน่น  แขนสองข้างถูกตรึงกับเก้าอี้ท่าทางอิดโรย เหนื่อย และอ่อนแรงนัก 



แกร๊ก! แอดดดดดด



          เสียงประตูไม้ลายสวยถูกทาทับสีน้ำนมเปิดออก เงาสูงใหญ่ถูกพาดยาวบนพื้นห้องไปจนถึงเก้าอี้กลางห้องตัวนั้น แต่ผู้มาเยือนกลับแปลกใจนิดหน่อย เมื่อเห็นผู้ชายร่างน้อยคนดังกล่าวยังไม่ได้สติ


“ยังไม่ตื่นอีกหรอ?”


“เปล่าครับนาย สลบต่อเพราะฤทธิ์ยาเมื่อเช้านี้เองครับ” อินจือเอ่ยบอก


“ฉันขออยู่ตามลำพังกับเขา ปิดประตูซะ” คำพูดนั้นหยางเฟยเหมารวมถึงเจียนเหมิงมือขวาของเขาด้วย



ปัง! 


           เสียงประตูงับปิดลง สองขายาวก้าวย่างไปที่บานหน้าต่างปิดทึบ มือหนาเอื้อมไปแหวกม่านสีทึบออก แสงอาทิตย์ยามเที่ยงสาดส่องเข้ามาภายในห้องแทน


 
           ฟ่านหยางเฟย เดินอ้อมกลับไปด้านหน้า ชายผิวเนียนถูกผ้าปิดปากบังรูปลักษณ์นั้นไว้ ตอนนี้ในใจเขาชักอยากจะเห็นใบหน้าเต็มๆนั้นขึ้นทุกทีแล้ว ในที่สุดผ้าปิดปากก็ถูกแกะหลุดออกไป


           ร่างสูงอึ้งชั่วขณะ ตอนนี้ใบหน้านิ่งหลับใหลไปนั้น ช่างเป็นบุรุษชาวไทยที่อ่อนโยน น่าทะนุถนอมยิ่งนัก ทั้งๆที่แทบไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอของคนไร้สตินี้ดีพอ แต่หยางเฟยกลับเชื่อลึกลึกในใจว่าเขาเป็นคนดีและไม่ควรจะใช้ความรุนแรงกับร่างบานี้งเสียเท่าไหร่นัก



“อึก อืออออ”  เสียงร้องครางดังขึ้น นั่นบ่งบอกว่ายาสลบกำลังหมดฤทธิ์



           เปลือกตาสองข้างค่อยๆลืมขึ้นอย่างยากลำบาก สิ่งแรกที่พิคเจอร์เห็นคือ ชายร่างใหญ่ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำ แขนเสื้อทั้งสองถูกพับทบขึ้นจนเกือบถึงข้อศอก ใบหน้าหล่อเหลาราวกับหนุ่มตี๋แดนมังกรห่างเขาไม่ไกลนัก แต่ในความแน่นิ่งบนใบหน้านั้นกลับไม่ปรากฏอารมณ์ใดเลย นอกจากแววตาคู่คมดูทรงพลังนั่นจ้องมองเขาอยู่ แต่พิคเจอร์รับรู้ได้ ว่าเขามองมาอย่างสุภาพพอสมควร



“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ต้องทำแบบนี้!” เสียงทุ้มเข้มนั่นเปรยบอกการกระทำในจิตใจ



          ร่างบางพยายามนึกว่าเกิดอะไรขึ้น หากจำไม่ผิด เขากำลังใช้พู่กันแต้มสีน้ำเข้มทาหลังคาคฤหาสน์ของคาดอสบนกระดาษที่สวนหย่อมหน้าบ้าน หลังจากนั้นก็...จำอะไรไม่ได้อีกเลย



“ผมเป็นอะไรไป แล้วคุณคือคนของคาดอสหรอครับ?”


         ร่างบางไม่เข้าใจเรื่องราวความเป็นมา ความอ่อนโยนของเขามันมีมากเกินกว่าจะตีความโหดร้ายของชีวิตบนโลกได้  นี่เป็นความหนักใจให้กับฟ่านหยางเฟยที่จะบอกคนตรงหน้า และที่สำคัญเขาหงุดหงิดที่ชายหนุ่มน่ารักตรงหน้าเอ่ยถึงชื่อนั้นให้ได้ยิน



“ไม่ใช่! ไอ้คาดอสคือศัตรูของพวกเรา!”



              คนตัวเล็กบนเก้าอี้ขมวดคิ้ว ตอนนี้เขายังเข้าใจว่าอยู่ห้องไหนสักห้องที่บ้านคาดอสแน่ แต่พอได้สังเกตดีดี เขาเริ่มรับรู้แล้วว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนของคาดอสแน่นอน เพราะอย่างแรกชายหนุ่มดูไม่คุ้นหน้า ห้องสี่เหลี่ยมนี่ก็ทาสีไม่เหมือนผนังห้องที่บ้านคาดอส ที่สำคัญในห้องนี้มันอับและรกมาก เหมือนเป็นห้องเก็บของหรือไม่ก็ไม่ได้ใช้งานมานานมาก


กึกกักๆ


“!!!” หัวใจเริ่มทำงานหนักขึ้น เมื่อพิคเจอร์เริ่มขยับมือทั้งสองแต่กลับเหมือนมีอะไรมามัดตึงขึงไว้


“นี่มันอะไรกัน คุณทำอะไรผมครับ” ทั้งที่ยังตกใจแต่พิคเจอร์ยังคงเอ่ยถามด้วยสติน้ำเสียงสั่นเครือนิดๆ


“ผมขอโทษ แต่ที่ผมจับตัวคุณมาผมมีเหตุผลนะ” ร่างบางขมวดคิ้วหนักขึ้นกว่าเดิม


“เหตุผล?”


“ใช่!  ถ้าอยากเป็นอิสระ ช่วยบอกผมทีว่าคุณจะไม่โวยวายและคิดหนีจนกว่าผมจะได้ข้อมูลบางอย่าง”



   ข้อมูลอย่างนั้นหรอ? อะไรกันเห็นเขาเป็นผู้รู้เรื่องทุกสิ่งบนโลกหรือไง แต่ฟังๆไปกลับเกลียดคำว่า อิสระ ขึ้นมาเหลือเกิน ตั้งแต่อยู่ที่ลอสแอนเจลิส นายร่างยักษ์ใบหน้านิ่งนั่นก็ต่อรองเขาแบบนี้ พอมาเจอชายหน้าตี๋หล่อเหลาตรงหน้าก็ต่อรอง อิสระ อีกเช่นกัน มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!



“คุณต้องการอยากรู้อะไร? แต่บอกตรงๆนะ ผมไม่รู้อะไรมากนักหรอก”


“ฮ่าๆๆๆ ใจเย็นๆ สิ่งที่ผมอยากจะถามก็คือ เรื่องของ คาดอส!”


“คาดอส!”


“เอาล่ะสรุปคุณจะไม่คิดโวยวายหรือดื้อรั้นคิดหนีใช่ไหม?”



    พิคเจอร์ไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน ตอนนี้ร่างบางฉลาดพอที่จะรู้ว่าไม่ควรตุกติกกับคนตรงหน้า หากขึ้นชื่อว่าไม่ชอบคาดอสแล้ว นั่นหมายถึงตอนนี้เขากำลังอยู่ในวงล้อมของศัตรูคาดอสแน่นอน


“เอาล่ะคุณเป็นอิสระแล้ว ผมขอถามเลยแล้วกันว่าหลายวันมานี้ ทำไมคาดอสถึงต้องการตัวคุณ!”


“โถ่คุณ คำถามแรกก็ยากแล้ว คุณรู้ไหมว่าผมถูกนายร่างยักษ์ เอ้ย! คาดอสจับตัวไป ผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องการอะไร เขาเอาแต่พูดว่าใครส่งผมมาที่ลอสแอนเจลิส”

          หยางเฟยเอียงใบหน้านิดนิดกับคำตอบ แต่ด้วยลักษณะการพูดและความสับสนของอีกฝ่ายทำให้เขาเชื่อว่าร่างบางไม่ได้โกหก แต่ในทางกลับกันเขากำลังยิ้มในใจให้กับความเป็นตัวเองของชาวไทยคนนี้  แม้สีหน้าเขาจะนิ่งไม่สื่ออารมณ์ออกมาให้อีกคนเห็นก็ตาม



“เอาล่ะ คำถามที่สอง สรุปคุณเป็นใคร?”


“ผมเป็นนักวาดภาพศิลปะครับ บางครั้งก็ไปรับงานสอนพิเศษที่มหาวิทยาลัยบ้าง โรงเรียนเด็กบ้างครับ”


“อย่างนั้นหรอ?” ตอนนี้ร่างสูงไม่ได้ยืนถามคะยั้นคะยอรอคำตอบแล้ว เขาผ่อนคลายตามอีกคนมากขึ้น


...


“ผมขอถามอะไรคุณหน่อยสิ ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนครับ? ”  เมื่อเห็นว่าร่างสูงไม่ถามต่อ เขาเลยขอถามขึ้น


“เซี้ยงไฮ้ ประเทศจีน ” หยางเฟยตอบสั้นๆ แต่ก็สังเกตเห็นอีกฝ่ายเอามือป้องปากตัวเองอย่างตกใจ


“มาได้ไงเนี่ย! จากอเมริกาตอนนี้อยู่เมืองจีน”


“ฮ่าๆๆ เป็นคำถามที่ซื่อมาก ผมก็ให้ลูกน้องพาคุณนั่งเครื่องบินมาไง คุณ...” ร่างสูงเว้นคำพูดไป


“พิคเจอร์ครับ เรียกพิคเฉยๆก็ได้”


“โอเค พิค  ส่วนฉันชื่อ ฟ่านหยางเฟย เรียกว่าหยางเฟยเฉยๆก็ได้” คนอายุน้อยกว่าพยักหน้ารับรู้


“คุณหยางเฟย” เสียงเรียกชื่อน้ำหนักเบา แต่ร่างสูงก็พอจะได้ยินและแปลกกับแววตาอีกฝ่ายมาก


“มีอะไรจะถามผมงั้นหรอ?”


“คุณเป็นคนจีน แต่พูดไทยคล่อง คุณดูมีอำนาจ แต่กลับอ่อนโยน คุณคงไม่ใช่พวกมหาอำนาจใช่ไหมครับ?”


“ถูกแล้วล่ะครับ! ผมคือประมุขเหลาสู่หงเซ่อ หรือ เสือแดง จริงๆคุณน่าจะชินตั้งแต่อยู่กับคาดอสแล้วนะ รายนั้นเป็นประมุขอิงจินเซ่อ ตอนนี้ยิ่งใหญ่กว่าผมเสียอีก”

พูดเรื่องนี้ทีไรเขาเป็นต้องเจ็บใจทุกครั้ง แต่ตอนนี้หยางเฟยต้องหันมาสนใจร่างบางแทน


“พิค อย่าทำสีหน้ากลัวผมเลยนะ ผมไม่เหมือนเขา เพราะผมไม่ใช่ฆาตกรเหมือนมัน!”


“ฆาตกรหรอครับ?” พิคเจอร์ทำตาโต


“ผมแค่คิด…แต่ยังไม่มีหลักฐาน แต่ผมเชื่อว่าเป็นฝีมืออิงจินเซ่อ ผมต้องเสียป๊ากับม๊าไป ไหนจะต้องพลัดพรากจากน้องชายอีก ป่านนี้ผมก็ไม่รู้ด้วยว่า ฟ่านหยางอี้ จะเป็นตายร้ายดียังไงที่ประเทศไทย”



        ร่างสูงน้ำเสียงสลดลง  ร่างบางเข้าใจความรู้สึกนั้นดี ว่าการไร้คนรักในครอบครัวไปมันเป็นยังไง



“ผมเชื่อว่าน้องชายคุณต้องปลอดภัยนะ คุณหยางเฟย”


        พิคเจอร์ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปปลอบใจอีกฝ่าย เขาไม่รู้หรอกว่าคนทรงอำนาจอย่างหนุ่มตี๋นี้ จู่ๆทำไมถึงพูดเรื่องครอบครัวให้ฟัง แต่ที่แน่ๆความรู้สึกเขามันบอกว่าฟ่านหยางเฟยใจดีและดูอบอุ่นกว่าคาดอสมากเลย


“ขอบใจ! อ้อจริงสิ ของใช้สำคัญและหนังสือเดินทางผมให้คนเอามาพร้อม ส่วนสิ่งที่ผมอยากถาม ตอนนี้ก็หมดแล้ว ผมจะปล่อยคุณไป”



        พิคเจอร์ยิ้มแก้มปริ แต่ในขณะเดียวกันเขากลับเสียใจนิดนิด เหมือนมันเร็วเกินไป เขาอยากรู้จักผู้ชายตรงหน้าให้มากกว่านี้ เพราะอะไรนะหรอ...



         ตั้งแต่เติบโตมาแล้วรู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบผู้หญิง สเป็คที่พิคเจอร์วาดฝันไว้ว่าอยากเจอนั้น เป็นชายร่างสูง ผิวขาว หล่อตี๋ และอบอุ่น ในขณะเดียวกันก็ดูเท่ห์และทรงอำนาจด้วย ตอนนี้หยางเฟยคือทุกอย่างในจินตนาการ และต้องการอยากเจอมากทีเดียว



“คุณพิค มองหน้าผมมีอะไรรึเปล่าครับ หรือว่าคิดเปลี่ยนใจอยากจะอยู่เที่ยวจีนต่อ!”


“เปล่าหรอกครับ ผมแค่...”


“คิดอะไรกับผมใช่ไหม” ร่างสูงยิ้มมุมปากเดาไปอย่างนั้น แต่มันเล็กน้อยจนพิคเจอร์แทบไม่ทันสังเกตเห็น


“ผมไม่กล้าคิดหรอกครับ อย่างคุณหยางเฟยคงต้องเจอคนที่เหมาะสมสักคนแน่”


“ผมยังไม่เจอเลยสักคน นี่ก็อายุ 30 ปีแล้ว แต่สำหรับผมตอนนี้ชักจะไม่มั่นใจแล้วว่า...คนที่เหมาะสมนั้นบางทีอาจจะปรากฏตัวแล้วก็ได้”



     จริงๆด้วย หยางเฟยตรงหน้าไม่ช้าก็เร็ว เขาจะต้องเจอคนที่เหมาะสม และพิคเจอร์ก็คงต้องแห้วไปตามระเบียบ แต่เขาก็ดีใจนะที่ได้เจอหยางเฟย สเป็คชายในฝัน


“ดีใจด้วยนะครับ เห็นไหมว่าคุณต้องเจอสักวัน” ร่างบางยิ้มกลบความผิดหวังนิดๆ


     หยางเฟยทำสีหน้าฉงนใจนิดๆ เหมือนกำลังรับรู้ว่าอีกคนไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่เขาเปรยบอกแน่นอน แต่ไม่เป็นไรค่อยๆให้ร่างบางรับรู้ด้วยตัวเองทีกว่า ตอนนี้เขาเองก็ไม่อยากคิดเรื่องหัวใจ เพราะเรื่องงานมากมายที่ต้องทำ และสะสาง แต่ก็ช่วยไม่ได้คนที่เหมาะสมของชีวิตนั้นก้าวเข้ามาในชีวิตแล้วมีหรอที่เขาอยากจะรามือปล่อยไป

นั่นคือ พิคเจอร์หนุ่มไทยหน้าตาน่ารักคนนี้ยังไงล่ะ





กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย


                 ในคอนโดหรูหราราคาแพง ใจกลางเมืองที่คาดอสซื้อเอาไว้ เขายังไม่บินออกนอกประเทศหรือไปไหนทั้งนั้น  ร่างสูงกำลังโมโหที่ถูกหยามถึงถิ่น ภายในใจกำลังปะทุรุนแรง แต่สีหน้ากลับนิ่งเรียบไร้ความรู้สึกเช่นเคย แววตามองทอดออกไปจากกระจก  มองดูเมืองหลวงที่แสนวุ่นวายของไทยไปพลางๆ แต่แท้จริงแล้วเขากำลังทบทวนเรื่องราวที่ปะทะคารมกับฟ่านหยางเฟยเมื่อวานนี้อยู่ต่างหาก


“เจ็บใจเรื่องเมื่อวานอยู่หรอครับบอส!” ไดนาดินเอ่ยถาม


“ก็แน่ล่ะ จริงๆเพียงกระแสไฟฟ้าของบอส ก็ทำมันตายได้แล้ว แต่สุดท้ายก็...” แกริคหนุ่มผมบอร์นเงียบไป


            มันก็จริงอย่างที่แกริคพูด สุดท้ายกระแสไฟฟ้าสุดแสนบรรลัยนั้นไม่ได้คร่าชีวิตประมุขเหลาสู่หงเซ่อหรือลูกน้องแม้แต่คนเดียว เพียงเพราะคำพูดเดิมพันว่าหากคนของเสือแดงเป็นอะไรไปแค่คนเดียว หยางเฟยจะโทรบอกคนของเขาที่อยู่กับชาวไทยร่างบางนั้น ให้ฆ่าตายซะ


 
             ด้วยความที่รู้จักฟ่านหยางเฟยดี เพราะโตมาด้วยกันระหว่างความบาดหมางสองตระกูล เลยรู้ว่าหยางเฟยไม่ได้พูดเล่น แล้วอำนาจการตัดสินใจของคาดอสเองก็ต้องหยุดไป เพียงเพราะต้องการให้อีกคนปลอดภัย? คิดทบทวนไปมาแล้วยังอดงงกับความคิดตัวเองในตอนนั้นไม่น้อย และตัดสินใจปล่อยหยางเฟยไปให้เป็นฝ่ายชนะแล้วบินกลับประเทศจีน


            ส่วนเขากลับมานั่งกลุ้ม  แต่จะมีซักกี่คนที่เข้าใจเขาว่าตอนนี้เขาสับสน พูดตามหลักไม่เห็นจะต้องห่วงความปลอดภัยคนไทยคนนั้นแม้แต่น้อย แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรอีกล่ะ!


“บอสครับ บอสเคยบอกว่า...ที่ให้คุณพิคเจอร์อยู่ลอสแอนเจลิสต่อเพราะเขารู้ความลับพลังงานของพวกเรามากเกินไป  แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรน่าห่วงเพราะศัตรูที่ว่าเป็นไอ้หยางเฟย พวกมันก็รู้เรื่องพลังงานของเราอยู่แล้ว” เบลซพูดเสริมขึ้นมา


“นั่นสิครับ ทำไมเราไม่เอาคำขู่ของหยางเฟยมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ให้หยางเฟยฆ่าชาวไทยนั่นซะ ความลับของเราก็หายสูญ ส่วนความลับที่หยางเฟยต้องการรู้ ยังไงชาวไทยคนนั้นก็ไม่มีอะไรบอกพวกมันอยู่ดี” แกริคเสริมทับอีก



           สองสมุนคนสนิทพูดขึ้นมา...นั่นยิ่งตอกย้ำทำให้หัวเขาปั่นป่วนไปหมด อย่าว่าแต่แกริคและเบลซเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็หาเหตุผลไม่เจอ ทั้งที่เขาเองเกิดมาด้วยความเฉียบขาด ตัดสินใจไม่เคยลังเล แต่เมื่อวานมันเรื่องอะไรกัน!


“ฉันอยากอยู่คนเดียว” สามคนด้านหลังเงียบไป


...


“มีอะไรไม่ชัดเจนในคำพูดของฉันอย่างนั้นหรอ?” คาดอสเอ่ยเสียงเรียบ เมื่อเห็นว่าทั้งสามยังยืนนิ่ง


“ครับบอส!!! ” แกริคและเบลซรีบก้มหัวให้แล้วเดินออกไป เหลือเพียงไดนาดินที่ยืนกุมมืออย่างสุภาพ แต่ก็ทำท่าทีว่าจะตามออกไปด้วยเช่นกัน


“ไดนาดิน! โทรบอกเรนเดลว่าอีกสองวันให้บินไปที่ปักกิ่ง  ฉันจะกลับเมืองจีน!” คาดอสสั่งเสียงเรียบ


“ครับบอส”ในแววตาของคนสนิทที่สุดเข้าใจคำสั่งดี แต่ไม่เข้าใจบอสตัวเองว่าคาดอสกำลังจะทำและคิดอะไรอยู่



ปัง!


      เสียงประตูปิดลงไป คาดอสมั่นใจแล้วว่าในห้องมีเพียงเขาคนเดียว เขาเอนกายนั่งลงที่โซฟาใหญ่นุ่มเขาคิดเอาไว้ไม่มีผิด ว่าซักวันพวก TR ต้องตามมาลักพาตัวชาวไทยแน่ จริงๆพิคเจอร์ก็ไมได้รู้ความลับอะไรขององค์กรเขากับหยางเฟยเลย

แต่ทำไมต้องสนใจความปลอดภัยของอีกฝ่ายด้วย

ทั้งที่ชีวิตของใครคนหนึ่งต้องปลิดชีวิตดับไป มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับเขาอยู่แล้ว

เพราะที่สำคัญเขาไมได้ฆ่าร่างบางด้วยมือเขาเองด้วยซ้ำ



“นี่ฉันต้องไปช่วยนายงั้นสินะ!”



:L2:



ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 6
«ตอบ #11 เมื่อ22-08-2016 14:17:54 »

คาดอส ชอบพิค แล้ว แต่สับสน
หยางฟย ก็ชอบ พิค
แต่็สเป็คของ พิค คือหยางเฟย
เอาไงดีล่ะ คาดอส
รอ     :L1: :L1: :L1:
   :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 6
«ตอบ #12 เมื่อ23-08-2016 12:35:20 »

ตอนที่ 7


เช้าวันต่อมา คฤหาสน์หลังคาสีเลือด แดนเสือแดง



ปักปัก!!  ตุบตุบ!! ปักปัก!!


        เสียงนั้นถูกการกระทำจากชายร่างสูง ที่กำลังคิดว่าแผ่นไม้หนาตรงหน้าความสูงพอๆกับตัวเขานั้นเป็นคู่ดวลต่อสู้  ท่อนบนของเขาไร้เสื้อผ้าอื่นใดห่อหุ้มตัว ส่วนท่อนล่างกลับมีกางเกงยาวผิวลื่นขาใหญ่สีดำสวมอยู่

 
       ท่วงท่าลีลาการต่อสู้นั้นช่างสง่างามและดูทรงพลัง หยาดเหงื่อย้อยรินไหลอาบแก้มจากการเผาผลาญร่างกาย  หยาดหยดผุดบนลำตัวพร่างพราวน่ามอง  รอยสักรูปเสือแดงนั้นปรากฏให้เห็นเด่นชัดบนแผงอกซ้าย ลูกน้องเสือแดงมากหน้าหลายตายืนมองดูอยู่ห่างๆ ใกล้ตัวเข้ามาหน่อยเห็นจะเป็นเจียนเหมิง จอมกระบี่ตะวันออก มือชวาของเขา



“นั่นใคร?”    เจียนเหมิงจับความผิดปกติหลังพุ่มไม้นั่นได้


“ผะ...ผมเองครับ” คนซ่อนตัวขานตอบ



       แต่พอเห็นใบหน้าคนซ่อนตัว เจียนเหมิงก็เปลี่ยนสีหน้ากลับสู่สภาพเดิม ส่วนฟ่านหยางเฟยที่ดูเหมือนจะเมามันและสนใจการต่อกรกับแผ่นไม้หนาตรงหน้าก็ชะงักไป  ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปใกล้ชาวไทยคนนี้แทน จนชาวไทยผู้นี้แอบเขินอายชนิดไม่สามารถปกปิดได้



        สำหรับผู้ชายสเป็คในฝันตรงหน้าพิคเจอร์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ต้องปฏิเสธเขาแม้แต่น้อย  ทั้งความตี๋และหล่อเหลาของประมุขเสือแดง มันกำลังทำให้อีกคนราวกับต้องมนต์สะกดก็มิปาน



“ผมเหนื่อยจังเลย ขอน้ำซักแก้วสิ!” ใบหน้านิ่งเอ่ยขอ  แววตาคู่นั้นยิ้มให้อีกคนที่ตัวสูงไม่ถึงคางเขา


“คะ..ครับ”

       จริงๆน้ำเย็นอยู่ในมือลูกน้องฟ่านหยางเฟย แต่ในเมื่อเจ้านายสั่งแบบนั้น คนที่ถือน้ำเย็นดังกล่าวก็เดินยื่นมาให้ชาวไทยตัวเล็กอย่างสุภาพ และพิคเจอร์เองก็รับมันมารินลงแก้ว



“ชื่นใจจัง!” หลังจากดื่มน้ำนั่นได้แก้วเดียว ร่างสูงกลับเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าสดชื่น พร้อมกับเดินไปนั่งลงที่โต๊ะ


         สายตาของลูกน้องมากมายมองมา ถึงมันจะไม่ใช่การมองแบบอยากจะฆ่าให้ตาย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ร่างเล็กสบายใจ ความเกร็งเริ่มแผ่ซ่านเข้ามาในเรือนร่าง จนหนุ่มตี๋หยางเฟยสังเกตเห็นเอง


“พวกนายออกไปก่อน!”


“ครับนาย” เจียนเหมิงก้มหัว แล้วเดินนำทีมออกไป ตอนนี้เหลือแค่เขากับพิคเจอร์แล้ว


“มาแอบดูผมออกกำลังกายแต่เช้าแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ?” หยางเฟยแกล้งเปรยเล่นๆ


“ปละ..เปล่า นะครับ พอดีผมมาเดินเล่นแถวนี้ แล้วก็...” อีกคนปฏิเสธอย่างรวดเร็ว


“ผมรู้สึกเหมือนน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น คุณพิคช่วยดูหุ่นให้ผมหน่อยซิครับว่าอ้วนมากรึเปล่า”


“!!!”


       เอาตรงๆตอนนี้คนตัวเล็กกว่าแทบอยากจะหยุดหายใจ นี่ฟ่านหยางเฟยไม่ได้คิดแกล้งเขาใช่ไหม? เขาอุตส่าห์ละสายตาไม่มองท่อนบนนั่นแล้วเชียว แต่ทำไมถึงได้...



“ว่ายังไง ให้คำตอบผมได้รึยังครับพิค” น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นถามคั้นเอาคำตอบ



      ยิ่งเห็นร่างบางสีหน้าอึกอัก เอาแต่กระอักกระอวลก้มหน้า ยิ่งทำให้เขามีความสุข แก้มสองข้างจากขาวเนียนเริ่มปรากฏสีชมพูระรื่น มันน่ารักมากเลยทีเดียวสำหรับฟ่านหยางเฟยในตอนนี้ แต่ใบหน้าเขากลับไม่ปรากฏอาการใดๆออกมา มีเพียงความแน่นิ่งเช่นเดิม



“ยะ...ยังไม่อ้วนหรอกครับ”


“จริงหรอ? แล้วหุ่นของผมตอนนี้คุณพิคคิดว่าเป็นยังไงครับ?”


“!!!”


          ร่างบางตกใจอีกรอบ หัวใจเต้น ตึ๊กตั๊กตึ๊กตั๊ก นี่ถึงขั้นจะให้เขาเอ่ยพรรณนาบรรยายเรือนร่างอีกคนให้เจ้าตัวฟังเลยหรือ?


“ว่ายังไง?” อีกแล้ว...เร่งรัดเอาคำไตอบอีกแล้ว


“ทะ...เท่านี้ก็หล่อแล้วครับ”


“ผมหมายถึง...ในสายตาของคุณ ผมหล่อรึยัง?”


“หล่อแล้วครับ!!!”


“ทำไมไม่เงยหน้ามามองผมล่ะ หรือว่าแท้ที่จริงแล้ว คุณแกล้งหลอกให้ผมดีใจไปอย่างนั้น?” ร่างสูงแกล้งน้อยใจ แต่นั่นมันทำให้อีกคนรีบเงยหน้ามองเรือนร่างขาวกำยำทันที


“หล่อครับ คุณหยางเฟยหล่อมากครับ”


“ขอบคุณนะ” ร่างสูงยิ้มบาง


“ครับ?”


“อย่าสนใจเลย เข้าบ้านเถอะ มื้อเช้าคงพร้อมแล้ว ไปทานเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ”


“ครับ”  ไม่มีอะไรที่ต้องปฏิเสธตอนนี้พิคเจอร์รู้สึกดีมากอย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ





ผ่านไปอีกวัน....


        ตอนนี้คาดอสบินกลับประเทศจีน มหานครปักกิ่ง พร้อมกับคนสนิทเรียบร้อยแล้ว ภายในบ้านที่แสนจะสวยงาม ภายนอก
ปลูกต้นไม้ยืนต้นมากมายให้ความสดชื่นร่มรื่นเย็นสบาย  แต่จิตใจประมุขใหญ่เจ้าของบ้านกลับไม่เป็นอย่างนั้น มีคนอยู่ภายในห้องโถงหรูมากมายแต่ไร้ซึ่งเสียงการพูดคุย มีเพียงลมหายใจที่แทบจะดังจนได้ยินอยู่แล้ว   


“บอสครับ! ทานข้าวต้มกุ้งหน่อยไหมครับ”

         ไดนาดินถามพลางถืออาหารที่ว่าอยู่ในมือ มองดูแล้วเป็นห่วงเจ้านายตัวเอง ตั้งแต่บินกลับมาทั้งข้าวเช้า เที่ยง ยังไม่แตะเลยสักมื้อ เขาไม่เคยเห็นคาดอสเป็นแบบนี้


“...”


“บอสครับ!”


“อีกสองวัน เราจะไปที่เซี่ยงไฮ้!” ร่างสูงเอ่ยบอกทุกคนแทนคำตอบว่าจะทานหรือไม่ทานข้าวต้มกุ้ง


“ครับบอส!”


      คาดอสลุกจากเก้าอี้ เดินขึ้นชั้นสองไป ทิ้งไว้แต่ความแปลกใจและแววตาสงสัยของลูกน้องที่มองตาม พวกเขาไม่เคยเห็นคาดอสบอสของเขาสนใจหรือว่าใส่ใจใครมากเท่านี้มาก่อนเลยจริงๆ


“เอาตรงๆนะ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมบอสถึงเป็นห่วงชาวไทยคนนั้นด้วย” แกริคเอ่ยขึ้นลอยๆอย่างขัดใจ


“เพราะเขาเป็นคนดีไง ไม่ได้ใจแคบเหมือนนาย!” เรนเดลพูดใส่อีกคนแล้วเดินสะบัดหน้าไปทางหลังครัว


“ฮ่าๆ ไม่ตามไปง้อหรอแกริค?” เบลซยืนขำเพื่อนสนิทผมบอร์นทอง


“จะบ้าหรอ..ตามไป มีหวังเรนเดลแช่แข็งฉันไปทั้งตัวแน่ คนอะไรดุชะมัด”


“แต่นายมีความพิเศษ มองเห็นอนาคตได้ด้วยไม่ใช่หรอ ต้องรู้สิว่าเรนจะจู่โจมนายตอนไหน”


“ไม่เอาหรอก มันไม่คุ้ม” แกริคแหยะปาก


         ไดนาดินยังไม่สบายใจนัก เขายังเป็นห่วงบอสมากทีเดียว จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าคาดอสกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ตั้งแต่รู้จักกับเจ้านายมา ไม่มีเรื่องอะไรทำให้ประมุขอินทรีทองผู้นี้เดือนเนื้อร้อนใจได้  แม้ว่าสีหน้าคาดอสนั้นจะไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลยก็ตาม



ก๊อกๆๆๆ 


เสียงประตูดังขึ้น ร่างสูงรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นไดนาดินคนสนิทของเขาเป็นคนเคาะ


“เข้ามา!”


แอดดดดด


เสียงประตูถูกผลักเข้ามา ไดนาดินก้าวเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างสุภาพ


“มีอะไร?” คาดอสเอ่ยถามเมื่อเห็นลุกน้องหยุดนิ่ง


“ผมไม่สบายใจ ท่าทางบอสเป็นห่วงชาวไทยคนนั้นมาก ทำไมกันครับบอส”


“ฉันไม่มั่นใจ!” ใช่!!!...คาดอสไม่รู้จริงๆว่าเพราะอะไร เขาก็ไม่มีอะไรจะปิดบังลูกน้องตัวเองอยู่แล้ว


“แต่ผมพอจะทราบสาเหตุ” คำพูดนั้นทำให้คาดอสหันขวับไปมองคนสนิททันที


“ผมขออนุญาตเดานะครับ”


“ว่ามา...” เขาเองก็อยากรู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นอะไรกันแน่ แย่มากใช่ไหมที่เขานั้นไม่รู้ความรู้สึกตัวเอง


“บอสกำลังเป็นห่วงชาวไทยคนนั้น เพราะว่าเขามีพลังงานพิเศษ ซึ่งหาได้ยาก!”



“...”


       คาดอสทำสีหน้าครุ่นคิดไปตาม มันอาจจะจริง บางทีเขาอาจจะเสียดายหากปล่อยให้พิคเจอร์หลุดมือไป เพราะเหตุนี้สินะเขาถึงรู้สึกอยากให้พิคเจอร์กลับมาอยู่ในการปกครองของเขาอีก อยากให้ร่างบางนั้นมาอยู่ใกล้ๆตัวตลอดเวลา


“บอสครับ!”


“ว่าไง” น้ำเสียงคาดอสอ่อนลง


“ถ้าได้ตัวคุณพิคเจอร์มาคราวนี้ ผมคิดว่าบอสควรให้ด๊อกเตอร์บารอน ฉีดสารกระตุ้นพลังงานนั้นเลยจะดีกว่านะครับ”


“มันไม่เป็นการบังคับเขาไปหน่อยหรอ?” สุดท้ายคาดอสก็แอบเผลอพูดเกรงใจอีกฝ่ายขึ้นมาไม่ทันคิด


“แต่อย่างน้อย หากเขาอยู่ไกลสายตาบอส เขาจะได้ใช้พลังงานปกป้องตัวเอง และใช้การเคลื่อนตัวที่รวดเร็ววิ่งหนีพวก TR ได้นะครับ” ไดนาดินให้คำแนะนำ


“แต่ตอนนี้ไม่มีวี่แววว่า ทางฟ่านหยางเฟยจะโทรมาเย้ยหยันเรา” คาดอสเปรยบอก


“นั่นอาจเป็นเพราะว่าตอนนี้ ชาวไทยคนนั้นอาจจะยังไม่ตายก็ได้นะครับ”


“ไม่หรอก ฉันรู้จักนิสัยไอ้หยางเฟยดี มันไม่ทำร้ายคนอ่อนแอไม่มีทางสู้”


“ถ้าอย่างนั้นบอสก็น่าจะหายกังวลได้แล้วนะครับ ปล่อยคุณพิคเจอร์ให้ใช้ชีวิตของเขาปกติไป”



“...”


            ทุกอย่างที่ไดนาดินพูดมันถูกต้องทุกอย่าง แต่ในใจประมุขอินทรีทองตอนนี้มันเสียใจแปลกๆหากจะปล่อยให้ร่างบางนั้นหายไปจากเขา หรือว่านี่อาจไม่ใช่สาเหตุที่ว่า พิคเจอร์มีพลังงานพิเศษที่เขาอยากได้ แต่เป็นเพราะสาเหตุอื่น แล้วสรุปมันคืออะไรกัน! ทำไมเขาถึงยังต้องการตัวของชาวไทยคนนี้อยู่



“หรือว่า…” ไดนาดินหยุด พร้อมเงยหน้ามองคาดอส แล้วรีบลบความคิดซะ ก่อนที่คาดอสจะอ่านใจออก


“พูดออกมา!” คาดอสเห็นความว่างเปล่าในความคิดคนสนิท เลยอยากรู้ความคิดที่ลบทิ้งนั้นไป


“ผมอาจจะคิดไปเรื่อย บอสอย่างใส่ใจเลยครับ”


“ไดนาดิน! ” เสียงทุ้มตะหวาดขึ้นเสียงดังก้อง


“สิ่งที่ผมคิดมันไม่มีทางเป็นไปไม่ได้หรอกครับบอส”


“นายกล้าขัดฉัน!”


“ผมไม่กล้าครับ บอสอย่าเข้าใจผิด” ไดนาดินคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีอะไรปิดบังเจ้านาย


“สรุปแล้วเพราะอะไร?” คาดอสเสียงอ่อนลง


“เพราะบอสกำลังแอบชอบคุณพิคเจอร์อยู่ยังไงล่ะครับ”


“!!!”


       ประโยคนั้นทำให้คาดอสอึ้งไปพอสมควร หัวใจเขาเต้นแรงขึ้น ทำไมหัวใจเขาต้องเต้นหนัก เพราะอะไรกัน? แต่สิ่งที่ไดนาดินพูดมันไม่มีทางจริงแน่

เขาไม่ได้ชอบผู้ชาย!!!

ต้องไม่ใช่แน่แน่!!!

มันต้องเป็นสาเหตุอื่น





หลายวันผ่านไป เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน


          อินจือถูกรับมอบหมายให้เป็นคนดูแลพิคเจอร์แทนฟ่านหยางเฟย เพราะประมุขเสือแดงบินไปทำธุระที่ประเทศแอฟริกาใต้เรื่องเหมืองทองคำ อีกสามวันถึงจะบินกลับจีน ชาวไทยร่างบางยังคงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่น่าจะนานกว่านี้นัก เขาตั้งใจว่าอีกสักพักเขาคงจะต้องบินกลับประเทศไทยแล้ว



          เอาความจริงก็คือเงินที่พิคเจอร์เก็บเอาไว้ใช้มันเริ่มจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่เขาได้เผื่อและวางแผนไว้หมดแล้ว  ในจำนวนเงินเหล่านี้เขามั่นใจว่าจะพอสำหรับกลับประเทศครั้งนี้แน่



          และตอนนี้เขาออกมาเดินซื้อของติดไม้ติดมือกลับประเทศไทยที่ตลาดย่านการค้าใกล้คฤหาสน์ของเสือแดง  โดยมีอินจือผู้มีเรือนร่างบอบบางไม่ต่างจากเขานักเป็นผู้ตามติดใกล้ชิดดูแล



“อันนี้ก็สวยดี อินจือมานี่หน่อยสิ” มือเรียวกวักเรียกอีกคนที่เอาแต่หันซ้ายหันขวาดูแลความปลอดภัย


...


“อินจือ…” พิคเจอร์เรียกอีกรอบ แต่ก็ไร้เสียงตอบรับ

...



“อินจือ?”



“ฮะ อะ...เอ่อ ครับ คุณพิคเจอร์”


“ทำไมต้องจริงจังขนาดนั้น ไม่มีใครมาลักพาตัวผมหรอก” ชาวไทยยิ้มละมุน


“ไว้ใจไม่ได้หรอกครับ เพราะคนของคาดอส เราประมาทไม่ได้!” อินจือกระซิบกระซาบบอก


“ลองนายน่ายักษ์นั่นโผล่มาสิ ผมนี่แหละจะแจ้งตำรวจท่องเที่ยวจับเขา” ร่างบางเอ่ยพร้อมมุ่ยหน้า


“ผมไม่คิดว่าคุณจะกล้าพูดให้คาดอสขนาดนี้” ใบหน้านิ่งเรียบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่


“เอ่อ...” พิคเจอร์ไปไม่ถูก  แต่มันก็จริงอย่างที่อินจือพูด ทั้งที่ตอนนี้เขาก็รู้กิตติมศักดิ์นายร่างยักษ์ดีขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนี้ออกไปนะ เขาอาจจะตายได้ง่ายๆถ้าร่างสูงนั่นคิดเอาเรื่องหรือเคืองโกรธเขาขึ้นมา



“รีบกลับเถอะครับ ผมรู้สึกว่าตอนนี้...”

          จอมอาวุธลับพูดยังไม่ทันจบก็ยืนตัวแข็งทื่อ เงียบเสียงไปเสียดื้อๆ รวมทั้งคนติดตามมาสองคนด้วย



“อินจือ นายเป็นอะไร”

            พิคเจอร์ตกใจวางของที่จะซื้อลง แล้วเดินเข้ามาดูใกล้ๆ เอามือจับดูตรงโน้นตรงนี้เช็คอาการแปลกไปของอินจือ


“นี่...ทำไมไม่พูดล่ะ? อย่าเงียบสิ ผมใจไม่ดีนะ” แต่ว่าอาการแบบนี้เหมือนเห็นที่ไหน?



“สวัสดีครับคุณพิคเจอร์!”


       เสียงที่ดังมาจากข้างหลังนั่น! ทำให้เขาสะดุ้งโหยง มันทั้งคุ้นหูและคุ้นเคย  เร็วเท่าความคิดร่างบางหันขวับกลับไปมอง ก็ต้องเบิกตากว้าง ไม่ใช่เพราะนึกคนเอ่ยทักเขาออก

แต่เป็นเพราะอีกคนที่ตัวสูงกว่ามากยืนใกล้ตัวเขาในเวลานี้!


ใบหน้านิ่งๆนั่น เหมือนหุ่นปั้นก็ไม่ปาน


ทำไมเขาจะจำไม่ได้



หมับ!




:L2:



ออฟไลน์ โอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 7
«ตอบ #13 เมื่อ23-08-2016 17:00:27 »

อยากอ่านต่อจังเลย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 7
«ตอบ #14 เมื่อ23-08-2016 20:31:23 »

คาดอส ชอบพิคเจอร์
พิคเจอร์ สนใจหยางเฟย เพราะถูกสเป็ค
แล้วหยางเฟย ชอบพิค หรือเปล่า :katai1: :katai1: :katai1:
คาดอส รวดเร็ว มาหาพิคแล้ว
แต่พิค จะอยากไปกับคาดอสหรือเปล่า? :katai1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 7
«ตอบ #15 เมื่อ24-08-2016 00:43:16 »

พิคเจอร์กับหยางเฟย เป็นพี่น้องกันรึป่าว

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 7
«ตอบ #16 เมื่อ24-08-2016 09:00:31 »

ตอนที่ 8


“นายร่างยักษ์!!!” คนตัวเล็กร้องครางอยู่ในลำคอ


“ไดนาดิน ลบล้างความคิด พวกเหลาสู่หงเซ่อสามคนนี้ให้หมด!” คาดอสหันไปสั่งคนสนิทที่ยืนด้านหลัง


“ครับบอส!”           


“นี่มันอะไรกัน...ปล่อยแขนผมนะ จะพาผมไปไหน!”

          ปากก็พูดไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้มีเรี่ยวมีแรงอะไรจะขัดขืนอยู่แล้ว  นานแค่ไหนไม่รู้ที่ถูกจูงมือไป จนกระทั่งตัวของพิคเจอร์เองได้เข้ามานั่งในรถไฟฟ้าความเร็วสูง แต่แปลกตรงที่ภายในบริเวณสถานี ผู้โดยสารกลับดูบางตายังไงชอบกล



           ภายในรถไฟฟ้ายิ่งไปกันใหญ่ หนุ่มชาวไทยหันซ้ายแลขวา ทั่วทั้งลำไม่มีคนอื่นเลยนอกจากคนในชุดสูทเฉดสีคุ้นตานั่นเต็มไปหมด คาดอสปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระ ก่อนที่ เบลซ หนุ่มหล่อร่างใหญ่จะเข้ามาทำหน้าที่ต่อ ตัวของพิคเจอร์ถูกล็อคให้นั่งติดกับเบาะ ร่างบางขัดขืนแม้ภายในใจจะรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางสู้ ส่วนเจ้านายของคนเหล่านี้เดินไปนั่งลงตรงข้ามกับพิคเจอร์
ส่งสายตาทอดมองมาอย่างกับคนไร้ชีวิต



          สุดท้ายขบวนรถไฟฟ้าก็ออกตัว เคลื่อนที่เร็วกว่าที่คาดคิดไว้ สมชื่อรถไฟสายด่วนของจีนจริงๆ ในใจหนุ่มไทยก็คิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยว่าคาดอสจะพาเขาไปที่ไหน? แต่ดูจากทิศทางของดวงอาทิตย์ยามบ่ายคล้อยแล้วนั้น คาดว่าตอนนี้เขากำลังมุ่งหน้าขึ้นทางทิศเหนือของจีนแน่นอน


ผ่านไปนานเป็นชั่วโมง...

          ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรเลย พิคเจอร์แอบนึกแปลกใจว่าคนเหล่านี้อยู่นิ่งๆกันได้ไง คือคนเคยอยู่เคยสนิทสนมกันมันก็ต้องมีปริปากคุยกันบ้างไม่ใช่นั่งนิ่งสีหน้าเรียบเฉยมองหน้ากันไปมา เงียบใครเงียบมันแบบนี้ มันพลอยทำให้ร่างบางอึดอัดมากเลยทีเดียว



“คุณเป็นอะไรไหม?” จู่ๆเสียงทุ้มนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง ตัวเล็กหันขวับไปมองคนถามทันที


“เป็นสิ! เป็นมากด้วย ทำไมผมต้องมาเจอคุณในที่ที่ไกลจากอเมริกาขนาดนี้ด้วย” ร่างบางหน้ามุ่ย



           คาดอสเหลือบมองพิคเจอร์ต่อนิดเดียว ก่อนจะหันไปมองทางอื่นแทน เขาเหนื่อยที่ต้องทะเลาะกับร่างบางเต็มทีแล้ว เขาอยากพูดดีดีด้วยบ้าง แต่ฟังจากบทสนทนาเมื่อครู่รู้เลยว่าอีกคนไม่อยากจะคุยอะไรกับเขาเท่าไหร่นัก



...



“หยางเฟยถามอะไรคุณบ้าง?” สุดท้ายเขาก็เปรยถามอีกรอบ



“อ้อ...ที่ตามมานี่ เพราะเป็นห่วงองค์กร กลัวความลับจะเปิดเผยนี่เอง!” คาดอสขมวดคิ้วนิดนิด นี่คนตรงหน้าเขาเข้าใจผิดแล้ว  แต่พิคเจอร์ไม่ได้แสร้งเอ่ยประชดแน่เขารู้ดี เด็กนี่ซื่อเกินกว่าที่จะมีเล่ห์เหลี่ยมในคำพูดของตัวเอง



     แต่ตอนนี้เขาขี้เกียจอธิบาย เพราะถ้าเขาแย้งว่าไม่ใช่เรื่องอย่างที่ร่างบางเข้าใจตอนนี้ มีหวังต้องถูกเค้นถามความจริงที่จับตัวมาอีกแน่ ซึ่งนั่นมันยากสำหรับคาดอส เพราะเขาไม่รู้ว่าจะตอบอีกคนยังไง



“บอสทำไมไม่บอกคุณพิคเจอร์ไปล่ะครับ!” เบลซที่นั่งเบาะถัดจากพิคเจอร์ไปไม่ไกลพูดขึ้น


“...” คาดอสนั่งนิ่งมองทิวทัศน์นอกกระจกแทน แต่นั่นยิ่งทำให้พิคเจอร์อึดอัด เพราะเขาไม่เข้าใจว่าเจ้านายกับลูกน้องพูดเรื่องอะไรกัน



“คุณยังไม่คิดจะเลิกกักขังชีวิตผมอีกหรอ? รู้อะไรไหมขนาดฟ่านหยางเฟยเขายังไม่กีดกันอิสระของผมเท่าคุณเลย ” พิคเจอร์เอ่ยเปรียบเปรยไปตามรู้สึก แต่....นั่นทำให้คาดอสเหมือนถูกหยามพร้อมกับกำมือแน่น



“คุณพิคเจอร์มองดูข้างทางสิครับ ทุ่งหญ้าสีเขียว สวยดีนะครับ”



       คนที่นั่งนิ่งข้างคาดอสบอสของเขาตลอดทางอย่างไดดาดิน จู่ๆกลับเอ่ยชวนร่างบางให้หันไปมองตามที่บอกแทน   ในใจของคนสนิทรู้ดีว่าคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของพิคเจอร์กำลังทำให้คาดอสหงุดหงิด แม้ร่างสูงใหญ่จะนั่งนิ่งใบหน้าเรียบเฉยก็ตาม




“ไม่มีที่ไหนสวยเท่าเมืองไทยของผมหรอกครับ” น้ำเสียงอ่อนปนประชดแต่แฝงไปด้วยความคิดถึงบ้าน



          ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ต้องนั่งอยู่ในรถไฟฟ้าความเร็วสูงนี้กับเจ้านายใหญ่แห่งอินทรีทอง จากค่อนบ่ายตะวันยังไม่ตกดิน จนกระทั่งตอนนี้พระจันทร์กลับกระโดดขึ้นขอบฟ้าส่องแสงนวลเต็มดวงแทน ร่างเล็กเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่ที่แน่ๆตอนนี้พวกเขาเดินทางมาถึงสถานีรถไฟฟ้ามหานครปักกิ่งแล้ว



“ปลุกเขา!” คาดอสสั่งเสียงเรียบก่อนจะลุกออกจากที่นั่งไปยังประตูทางออก ผ่านไปสักพัก...



“บอสครับ คุณพิคเจอร์หลับลึกมาก เกรงว่าถ้าปลุกตื่นแล้วจะทำให้เขาหงุดหงิด” ไดนาดินเดินออกมาบอก




            หนุ่มหล่อยืนคิดอะไรชั่วครู่ สุดท้ายก็เป็นฝ่ายกลับเข้าไปในรถไฟฟ้าแทน ทันทีที่เดินมาถึงร่างนั้นเขาก็ปลดสายรัดคาดเอวนั่นออก พร้อมกับช้อนตัวอีกคนที่หลับใหลในท่าอุ้มเจ้าสาว



             ดวงตาทรงอำนาจเหลือบก้มมองใบหน้าเนียนหลับสนิทนิดนิด ก่อนจะพาออกไปขึ้นรถสีดำยี่ห้อหรูอีกสี่คันด้านหน้าสถานี ที่จอดรอเจ้านายก่อนหน้านี้           



              รถยนต์คันหรูเลี้ยวเข้าสู่รั้วประตูของอิงจินเซ่อ ไฟมุขเสาประตูปรากฏรูปปั้นอินทรีทองตัวใหญ่สองตัวประดับสวยงามต้อนรับ ลูกน้องในชุดยูนิฟอร์มรอโค้งคำนับหลายชีวิต ทันทีที่รถจอดสนิท คาดอสก็หันมามองใบหน้าอีกครึ่งที่ไม่ได้พิงไหล่เขา แก้มเนียนและลมหายใจพ่นเข้าออกยังไม่รู้ตัวว่ามาถึงจุดหมายแล้ว ร่างสูงค่อยๆช้อนอุ้มประคองร่างบางลงจากรถอีกครั้ง



              ในอ้อมแขนเจ้านายที่ปรากฏเป็นบุรุษเพศนั้น ทำให้ลูกน้องทั้งหลายยืนมองอย่างสงสัย แต่ไม่มีใครกล้าถามเลยสักคน ที่นี่คืออาณาจักรของอิงจินเซ่อ มีความสมบูรณ์แบบในอำนาจและอิทธิพลมากกว่าบ้านพักที่อื่นๆ เพราะที่ปักกิ่งนี้ ทุกอย่างมันดีไซน์ออกมาแนวผู้ทรงอำนาจแดนมังกรเต็มรูปแบบ พื้นที่กว้างใหญ่ เป็นส่วนตัว และดูจะเสริมบารมีของประมุขอย่างคาดอสได้
เป็นอย่างดี



              บ้านหลังนี้เป็นสิ่งเดียวที่ฝ่ายคุณตาหรือพ่อของม๊าได้ทิ้งไว้ให้สืบต่อ ความใหญ่โตของวัตถุตรงหน้านี้ คนหลับใหลไร้สติในอ้อมแขนคงยังไม่ทันได้เห็นมัน เห็นทีต้อรอให้ตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยว่ากันอีกที 


แต่ค่ำคืนนี้สิ่งที่คุยวางแผนเอาไว้กับไดนาดิน เขาจำเป็นต้องทำ เพราะความเป็นห่วงมากกว่า...



เช้าวันใหม่...


“อืมมมมม” เสียงร้องครางหลังเต็มอิ่มกับการพักผ่อน แต่พอลืมตาได้เท่านั้นกลับสะดุ้งลุกนั่งบนเตียงนุ่ม


“ที่นี่ที่ไหนเนี่ย?” สีหน้างุนงงพร้อมกับกวาดสายตาดูทุกซอกทุกมุม ห้องนี้กว้างใหญ่มาก แถมยังมีห้องอื่นๆแยกออกไปอีก แต่กลับเชื่อมต่อกันแบบไร้ประตูกั้น หันไปมองสำรวจอีกทีจะมีก็แต่ประตูห้องสีดำบานหนึ่งที่ปิดกั้นระหว่างในห้องกับนอกห้อง



       ในห้องนี้ต่างจากห้องนอนที่เซี่ยงไฮ้ของฟ่านหยางเฟย วัตถุตกแต่ง ม่านเพดาน ส่วนใหญ่เน้นโทนสีทอง  ครีม และดำ รูป
ปั้นอินทรีทองตาแดงขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่พร้อมสยายปีกเหมือนจะบินถูกจัดวางโชว์กลางห้องสวยงาม ผ้าม่านผ้าปูดูหรูหราไปหมด เขาไม่คิดจะสงสัยเหมือนตอนตื่นขึ้นมาเห็นหยางเฟยในห้องรกอับ เพราะรู้ดีว่าตัวเองนั้นมาอยู่ที่ได้ยังไง?


แกร๊ก!!!

ประตูถูกเปิดเข้ามา สายตาเหลือบมองอัตโนมัติแต่นั่นก็ทำให้อีกฝ่ายเผยยิ้มออกมาได้



“เรน!”


“โทษทีพิค เรานึกว่านายยังไม่ตื่นเลยไม่ได้เคาะประตูกลัวจะรบกวนนาย” เรนเดินถือถาดข้าวเช้ามาให้


“ไม่เป็นไรหรอก เราคิดถึงนายมากเลยนะ สบายดีไหม?”


“สบายดีแต่...เราไม่สบายใจ เราขอโทษที่ดูแลนายไม่ดี ปล่อยให้พวกนั้นลักพาตัวนายไป”


“อย่าโทษตัวเองเลย เราปลอดภัยดี อีกอย่างคนเหล่านั้นเขาใจดีกับเรามาก ว่าแต่ทำอะไรมาให้กิน....ห้อม หอม” ร่างบางทำสีหน้าอยากรู้พร้อมสูดกลิ่นที่โชยมาแตะจมูก


“ไม่มีอะไรแปลกใหม่หรอก นี่ก็น้ำซุปร้อนๆ ใส่หัวไชเท้าหน่อยๆพริกไทดำนิดๆ กับข้าวสวยหนึ่งถ้วย ส่วนนี่ก็หมูแดงเนื้อนุ่ม ในถ้วยเล็กคือซอสหวาน หวังว่าจะเทียบอาหารที่ประเทศไทยของนายได้นะ”


“เท่านี้ก็วิเศษแล้วเรน ขอบใจนะ” มือเรียวรีบคว้ามือรับถาดข้าว  พิคเจอร์เงียบไปสักพักก่อนตัดสินใจพูด


“เรน!...ช่วยอะไรเราหน่อยได้ไหม?”


“อะไรล่ะ”


“เราอยากกลับประเทศแล้ว อีกไม่กี่วันจะได้กลับแล้วเชียวแต่เจ้านายของเรนก็ยังตามไปจับเราพามาที่นี่... ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน?”


“ที่นี่คือปักกิ่ง ไกลจากเซี่ยงไฮ้ 1,300 กิโลเมตร ส่วนที่จะให้ช่วยนายกลับประเทศ เราไม่รับปากนะ”


“โถ เรน สงสารเราเถอะ!” พิคเจอร์อ้อนวอนจากใจจริง



“เรนเดล! ไปทำงานอื่นได้แล้ว”

        เสียงทุ้มดังไล่หลังมา ทำให้ทั้งสองคนหยุดชะงัก คาดอสเข้ามาในห้องเงียบๆ เรนเดลไม่ทันรู้ตัวก่อนจะก้มหัวรับคำสั่ง หันหลังเดินออกประตูไป


     ใจจริงก็หิวนะ อาหารเช้ามันหอมมากเลย แต่พอเห็นนายร่างยักษ์เท่านั้น ร่างบางถึงกับวางตะเกียบลง


“ไม่อร่อยหรอ?” คาดอสเป็นห่วง เพียงแต่น้ำเสียงมันแข็งทื่อไปหน่อย


“ยังไมได้ทานหรอก!...เอ่อ คุณ! ที่ผมพูดคุณคงได้ยินแล้วใช่ไหม ผมอยากกลับประเทศจริงๆนะ”       



       เขาได้ยินแล้ว ได้ยินชัดด้วย แต่...ลึกๆคาดอสไม่ต้องการให้พิคเจอร์กลับประเทศตอนนี้ เพราะอะไรกันนั้น เขาก็ตอบตัวเองยังไม่ได้ แม้ว่าทั้งคืนเขาจะนอนไม่หลับเพราะคิดเหตุผลนี้อยู่ แต่ที่แน่ๆเขาอยากให้พิคเจอร์อยู่ต่อ เขาเองต้องเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วสินะ


“ผมเอาภาพวาดของคุณจากอเมริกามาด้วย ” หนุ่มไทยทำตาโต


“ขอบคุณ...ผมนึกว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอมันแล้วซะอีก จริงๆมันยังไม่เสร็จดีเท่าไหร่” พิคเจอร์ยิ้มดีใจ รับงานศิลป์ของตัวเองออกมาคลี่ดู แต่ท่าทางเหล่านั้นทำให้คาดอสแอบยิ้มในใจไปด้วย



“ผมต้องออกไปทำธุระ บ่ายๆถึงจะกลับมาอีก” คาดอสเปรยบอกอีกคน นั่นทำให้พิคเจอร์งงและสงสัย ปกติร่างสูงจะไปไหนมาไหนไม่เคยเห็นบอกเขาให้รับรู้ด้วยซ้ำ แล้ววันนี้คิดยังไงถึงได้มาบอกก่อน


“เอ่อ...” ร่างบางสบตาคาดอสไม่รู้จะพูดอะไรดี นั่นสิเขาจะพูดอะไรกลับไปล่ะ...ระหว่าง รับทราบครับหรือว่า…อืม! ดี



     แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรเลย คนตัวสูงงก็หันหลังกลับออกไป แต่ยังเดินไม่พ้นออกประตูดีนัก ร่างบางจึงตัดสินใจเอ่ยออกไป  ถามจากใจที่สงสัยจะได้จบๆ


“คุณบอกผมทำไม?”


“บอกเอาไว้เผื่อคิดอยากหนี ก็ให้หนีตอนที่ผมไม่อยู่” คาดอสประชดแต่น้ำเสียงเรียบไร้อารมณ์ร่วม  ยิ่งทำให้ร่างบางงงไปกันใหญ่ หมายความว่ายังไงกัน คาดอสจะปล่อยให้เขากลับประเทศได้แล้วงั้นหรอ?


“งั้น...ผมเก็บของเลยแล้วกัน คุณแวะไปส่งผมที่สนามบินด้วย” พิคเจอร์ยิ้มร่าระเริงใจ คาดอสหันกลับทันที



“หยุดเดิน! เดี่ยวนี้!” เสียงทรงพลังตะโกนสั่งอย่างลืมตัว


“อะไรกันคุณ ผมไม่รบกวนเวลาคุณมากหรอก รอผมแป๊บนึง” พิคเจอร์ทำท่าเหมือนจะขยับอีกครั้ง



“นายต้องอยู่ที่นี่! ในเวลานี้!”


“อ้าว! เมื่อครู่ที่คุณพูดมา...”


“ผมประชด!” คิดกลับไปอีกทีเขาไม่น่าประชดเลย เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าร่างบางซื่อเกินไป


“ผมไม่เข้าใจ?” ชาวไทยขมวดคิ้ว


“คุณต้องอยู่ที่นี่  เพื่อความปลอดภัย!” คาดอสตอบสั้นๆ



“จากใคร? ถ้าหมายถึงฟ่านหยางเฟย ผมบอกคุณเลยนะว่าเขาไมได้คิดทำร้ายผม เขาใจดีกับผมด้วยซ้ำ คุณเลิกกลัวว่าผมจะตายเพราะไม่มีความลับอะไรไปบอกพวกนั้นเถอะ เพราะหยางเฟยไม่ฆ่าผมแน่”



    คาดอสมองดูคนตรงหน้าอย่างหงุดหงิด รู้จักกับฟ่านหยางเฟยไม่กี่วัน แต่ทำไมกัน ทำไมคนตรงหน้าถึงได้เชิดชู ยกยอปอปั้น สรรเสริญขนาดนี้ เขารู้สึกโกรธและโมโหมาก  นี่พิคเจอร์คงไม่รู้จริงๆใช่ไหมว่าตอนนี้เขากำลังจะสื่ออะไร ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะทำกันได้ง่ายๆ เพราะนี่ก็ต้องรวบรวมความกล้าจากตัวเขาเองมากเช่นกัน เขาไม่เคยขอร้องใคร แต่กับร่างเล็กนี้เขากลับอยากให้อยู่ที่นี่ต่อ



“ตกลงคุณให้ผมกลับวันนี้เลยได้ไหม?”


“ไม่!”


“คนเอาแต่ใจ ทำไมคุณเป็นแบบนี้ สู้ฟ่านหยางเฟยไม่ได้เลยแม้แต่ครึ่งเดียว”


“หยุด! พูด! เปรียบ! เทียบ! ผม! กับไอ้นั่น! ได้แล้ว!” คาดอสตวาดดังลั่นหมดความอดทน


“...”



    พิคเจอร์ตะลึงและตกใจมากกับเสียงตะหวาดที่ออกมาจากใบหน้านิ่งนั้น ร่างบางตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยถูกตะหวาดแรงขนาดนี้  จริงหรือที่สองคนนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ทำไมพูดเปรียบเทียบนิดๆหน่อยๆถึงได้อารมณ์เสียง่ายแบบนี้



     สุดท้ายความเงียบของทั้งสองทำให้บรรยากาศตรึงเครียด แต่คาดอสกลับเป็นฝ่ายขยับร่างกายก่อน เขาหันหลังเปิดประตูห้องออกไป ภายในห้องตอนนี้เหลือแค่พิคเจอร์คนเดียวเท่านั้น



“น่ากลัวชะมัด!” ร่างบางเปรยพร้อมถอนหายใจออกมาแรงๆ



       สุดท้ายเขาก็ต้องอยู่ที่นี่ต่อไปสินะ แล้วอีกนานแค่ไหนล่ะ  อีกใจหนึ่งเขาอยากให้ฟ่านหยางเฟยตามมาที่นี่จัง อย่างน้อยอยู่กับฟ่านหยางเฟยเขาก็ยังรู้สึกปลอดภัยกว่าอยู่กับนายร่างยักษ์นี่เป็นไหนๆ


“หยางเฟย มาช่วยผมที ผมไม่อยากอยู่ที่นี่”


ก๊อกๆๆๆๆ แอดดด



“ขอโทษครับ บอสฝากขอโทษคุณพิคเจอร์เรื่องเมื่อครู่ครับ ” พูดเสร็จลูกน้องก็ปิดประตูลงไป



“ฮะ?”


         ร่างบางขมวดคิ้วแปลกใจ ให้ตายเถอะนายร่างยักษ์เนี่ยนะขอโทษเขา นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ มีที่ไหนกันขนาดผิดยังไม่ออกปากพูดเอง ปล่อยวานให้ลูกน้องมารับหน้าแทนไม่ไหวจริงๆ ยังไงซะพิคเจอร์ก็พุดได้เต็มปากว่า นายคาดอสร่างยักษ์จอมนิ่งนี่ เทียบไม่ติดหรอกกับ ฟ่านหยางเฟย หนุ่มตี๋ที่แสนดีและอบอุ่น ในอุดมคติของเขา...


:L2:


คำถามจากใจ "ผมเองพิคเจอร์ ถ้าคุณเป็นผม คุณคิดว่าผมจะเลือกใครเป็นสามีดี  แต่บอกตามตรงๆนะผมให้ ฟ่านหยางเฟย 90% แต่นายคาดอสนั่นผมให้ได้มากสุด 10% เชอะ! "


ออฟไลน์ fcsunaree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 8
«ตอบ #17 เมื่อ25-08-2016 09:39:40 »

ติดตามนะค่ะ ชอบมากๆเลย เรี่องนี้ มาต่ออีกนะ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 8
«ตอบ #18 เมื่อ25-08-2016 11:08:52 »

ตอนที่ 9


        ท่ามกลางทุ่งหญ้าหน้าร้อน สีไม้ใบหญ้าผลัดเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนแกมเหลือง ลมโชยพัดยอดกอพลิ้วไหวไปมา  ดอกจวี๋ฮวา หรือ ดอกเก๊กฮวย เบ่งบานสะพรั่ง อวดสีเหลืองสดงดงามน่ามอง กระจายเต็มทุ่งหญ้าไร้ชีวิตชีวาเบื้องหน้า ที่อยู่ในความทรงจำ


        เด็กชายวัยสามขวบ วิ่งโลดแล่นไปยังทุ่งหญ้า กางฝ่ามือลูบเล่นหยอกเย้ากับดอกจวี๋ฮวาอย่างสนุกสนาน ร่าเริงใจ หมู่มวลผีเสื้อกลางวันนับร้อยชีวิต หลายสิบเผ่าพันธุ์ บินวนไปมารอบกายเด็กชายคนนั้น  เสียงหัวเราะด้วยความดีใจดังกึกก้องไปทั่ว มีเพียงใครคนหนึ่งทิ้งอายุห่างกัน 5 ปียืนมองดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด


ตุ๊บ!!!


“โอ้ย!”


“หยางอี้!!! เจ็บตรงไหนไหม?”

        คนตัวโตและสูงกว่ารีบวิ่งเข้าไปประครอง มองหาบาดแผลที่เกิดขึ้น แต่กลับไม่เห็นวี่แววของรอยหกล้มเหล่านั้นเลย


       แต่พอเขามองดูใบหน้ารุ่นน้องตัวเล็กหน้ารักในชุดจีนสีครีมทั้งตัว บนผืนผ้าหน้าท้องมีลายเสือแดงทำท่าเหมือนกำลังไต่ลงต้นไม้นั้น แววตามันกลับมองมาที่เขาอย่างแค้นเคือง ไม่ทันจะได้เข้าใจถึงแววตาเสือ เด็กน้อยคนนั้นก็ค่อยๆเลือนรางจางหายไป...ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากถามอะไรต่อเลย



“หยางอี้ เดี๋ยวก่อน!”


...


“ฟ่านหยางอี้ รอพี่ด้วย!”


...


“อย่าไป....”


...


“บอสครับ!”

...


“เฮือกกก”

         ร่างสูงใหญ่ สะดุ้งพร้อมเด้งตัวขึ้นมานั่งบนเตียงนอนลายอินทรีแผ่บิน หยาดเหงื่อไหลรินอาบหน้า นี่เขาฝันเห็นฟ่านหยางอี้ เด็กชายตัวเล็กคนนั้น  พอตั้งสติได้เขาก็หันไปมองคนสนิทที่ยืนห่างไม่ไกลนัก


“นี่ฝันไปหรอกหรอ?” คาดอสพึมพำกับตัวเอง


“บอสฝันไม่ดีหรอครับ?” ไดนาดินถามด้วยความเป็นห่วง


“เปล่า...ฉันฝันเห็นฟ่านหยางอี้”


“น้องชายของฟ่านหยางเฟยนะหรอครับ?”



“ใช่!” 

       คาดอสตอบไปแบบแปลกใจไม่น้อย ตั้งแต่ได้ข่าวฟ่านหยางอี้รอดจากการซุ่มฆ่าประมุขเสือแดงกับฮูหยินคนก่อนตาย เขาไม่เคยฝันถึงหยางอี้อีกเลย แต่เมื่อครู่...ทำไมถึงได้ฝันถึง เด็กชายคนนั้น



“แต่ตอนนี้ บอสต้องเตรียมตัวแล้วนะครับ เพราะฟ่านหยางเฟยมานั่งรอบอสที่ห้องรักแขกสักพักแล้ว” ไดนาดินบอกอย่างสุภาพ ฟ่านหยางเฟยมาทำอะไรตั้งแต่เช้า?



“มันมาทำไม?”



“บอสลืมไปแล้วหรอครับว่า...คุณพิคเจอร์ อยู่กับเรา” คาดอสทำสายตาลอกแลกไปมาเหมือนคิดอะไรอยู่



“บอกเขาว่าอีก 10 นาทีฉันจะลงไปหา”



“ครับบอส” จอมสะกดจิตคำนับเล็กน้อยแล้วหันหลังกลับออกไป



   ภายในห้องรับแขกชั้นล่าง ฟ่านหยางเฟยนั่งไขว้ห้างรอเจ้าของบ้านบนโซฟาหรูอย่างสบายใจ ถึงแม้ว่าในใจตอนนี้กำลังเดือดดาน มันน่าโมโหมากขนาดไหน หลังจากบินกลับจากแอฟริกาใต้มาเหนื่อยๆ ถามหาชาวไทยกับคนสนิทอย่างอินจือ แต่กลับได้เพียงใบหน้างุนงงไม่รู้เรื่องและจำไม่ได้ของลูกน้องตัวเอง อาการแบบนี้อินจือไม่ได้เป็นเองแน่นอน นอกจากฝีมือของไดนาดิน คนสนิทของคาดอส



“มาแล้วหรอ? คาดอส” หยางเฟยเอ่ยทักทายก่อน หลังจากเห็นหนุ่มร่างสูงลูกครึ่งจีนอเมริกันยืนอยู่ตรงหน้า


“นายมีอะไรว่ามาเลย!” คาดอสเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามอีกฝ่าย


“ฉันต้องการตัวพิคเจอร์กลับไปกับฉันที่เซี่ยงไฮ้”


“ไม่ได้! เขาเป็นคนของฉัน” คาดอสแย้งอย่างรวดเร็ว


“นี่นาย!...” ประมุขเสือแดงข่มใจเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะวู่วามกว่านี้  อีกอย่างที่นี่เป็นอาณาจักรของอินทรีทอง เขาไม่อยากเสี่ยงเอาชีวิตมาจบที่นี่นัก

...


“อะไรที่นายบอกว่า พิคเจอร์เป็นคนของนาย!” หยางเฟยถามอย่างใจเย็น ทั้งที่เขาก็ไม่เข้าใจเช่นกัน



“ด๊อกเตอร์บารอนกระตุ้นสารเคมีในร่างกายเขาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขาคือเหนือมนุษย์คนใหม่” คาดอสอธิบายเสียงเรียบ แต่อีกฝ่ายกลับตาโตอึ้งไป ไม่คิดว่าคนอย่างพิคเจอร์นั้นจะเป็นคนที่คาดอสเลือก



            คำว่าคนของอินทรีทอง ฝ่ายเสือแดงรับรู้ดี นั่นหมายความว่าคนคนนั้นจะต้องภักดีและอยู่ภายใต้ชายคาอาณาจักรอิงจินเซ่อโดยมีประมุขอย่างคาดอสปกครองตลอดไป จนกว่าร่างสูงใหญ่นี้จะล้มหายตายจาก  แต่ว่า...พิคเจอร์คือคนที่หยางเฟยรู้สึกดีด้วย เขาไม่ยอมปล่อยพิคเจอร์ไปเป็นของคาดอสง่ายๆแน่ ไม่ว่าจะในฐานะลูกน้องหรือ...อย่างอื่นก็ตาม



“ก่อนที่นายทำเรื่องพรรค์นั้น นายถามความคิดเห็นพิคเจอร์แล้วรึยัง!”


“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบนาย!!”
       
         คาดอสลุกยืนขึ้นเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง เย้ายวนให้ฟ่านหยางเฟยเห็นท่าทีดังกล่าวแทบอยากจะพุ่งตรงเข้าไปชกหน้าเสียเหลือเกิน


“ถ้าให้ฉันเดา พิคเจอร์ไม่ยินยอมแน่นอน! นายทำแบบนี้มันผิดวิสัยของอินทรีทอง!” ฟ่านหยางเฟยตะคอกเสียงดังอย่างไม่พอใจ


“อย่ามาทำเป็นสอนฉัน ฟ่านหยางเฟย! นายเองก็กล้าบุกไปถึงถิ่นฉันที่ลอสแอนเจลิส ความผิดของนายครั้งนั้นมันทั้งผิดวิสัยของเสือแดงและอินทรีทอง ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ โทษของนายแท้จริงแล้ว ถึงขั้นต้องตายด้วยซ้ำ ที่กล้าส่งคนของนายไปเหยียบย้ำลักพาตัวพิคเจอร์มา!”



“!!!” ฟ่านหยางเฟยไม่มีอะไรเถียง เรื่องที่เกิดขึ้นเขาไม่ทันได้ไตร่ตรอง  ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างทำผิดวิสัยขององค์กรตัวเอง แล้วอย่างนี้เขาจะทำยังไงต่อไป





“คุณหยางเฟย!” เสียงร้องตะโกนเหมือนดีใจดังมาจากบันได ดึงความสนใจของสองสิงห์ให้หันไปมอง



         ร่างบางในคราบชุดนอนสีชมพูแหววตัวเดิม ส่งยิ้มให้ฟ่านหยางเฟย ถึงแม้ตัวเล็กจะยังไม่อาบน้ำแต่ความน่ารักไม่มีทางที่ฟ่านหยางเฟยปฏิเสธ ดวงตาของคาดอสเห็นแบบนั้นลึกๆกลับรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเสียดื้อๆ



“ผมนึกแล้วว่าคุณต้องมา” ร่างเล็กไม่ว่าเปล่าเดินตรงเข้าไปหาหยางเฟยทันที พร้อมเข้าสวมกอดโดยไม่ลังเล อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว งานนี้ทำให้หยางเฟยเผยยิ้ม และทำให้คาดอสอึ้งในเวลาเดียวกัน



“ผมมารับคุณ!” ประมุขเสือแดงกระซิบบอก หนุ่มชาวไทยฉีกยิ้มกว้างตอบรับ


“พิคเจอร์จะไม่ไปไหนทั้งนั้น!” คาดอสตะโกนสั่งหลังอ่านใจหยางเฟยออก  บริวารเหล่านั้นได้ยินบอสสั่งรีบวิ่งปรี่เข้ามาประชิดตัวโอบล้อมเป้าหมายเอาไว้



“คุณคาดอส คุณจะทำอะไรของคุณ!” ร่างบางมองดูคนของคาดอสที่กำลังยกปืนขึ้นมาเล็งฟ่านหยางเฟย



“กลับขึ้นไปข้างบนห้องซะ! เรนเดล พาเขาขึ้นไป” คาดอสตะโกนเสียงแข็ง



“ไม่! ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น บอกคนของคุณลดปืนลงเดี๋ยวนี้” พิคเจอร์ต่อกลอนกับร่างสูง ซึ่งตอนนี้ปรากฏหน้ายักษ์ตามสรรพนามที่ว่าแล้วจริงๆ คาดอสกำลังโมโหและโกรธมากทีเดียว



“เรนเดล!!!”

        คาดอสตะคอกเสียงสั่งเรนเดลอีกครั้ง หลังจากคำสั่งไม่สำเร็จ ตอนนี้จอมหิมะทำตัวไม่ถูก นี่ก็เจ้านาย นั่นก็เพื่อน  เขาจะทำยังไงดี



“ผมจะไปกับฟ่านหยางเฟย คุณไม่มีสิทธิ์ห้ามผม” พิคเจอร์เอ่ยบอก


“ฉันมีสิทธิ์ห้ามนาย เพราะนายคือคนของฉันแล้ว พิคเจอร์!” คาดอสตะคอกบอกอย่างเหลืออด


“หมายความว่าไง?” คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากัน


“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนาย! กลับขึ้นห้องไปซะ” คาดอสยังคงยืนยันการขับไล่ให้ร่างบางขึ้นห้องไป



“คาดอส นายไม่มีสิทธิ์ปกปิดความลับกับพิคเจอร์ ทั้งๆที่นายเป็นคนลงมือทำเองนะ” ฟ่านหยางเฟยปะทะสายตากับอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน



“นี่มันเรื่องอะไรกันหรอครับคุณหยางเฟย?” เมื่อไม่ได้คำตอบจากอีกคน พิคเจอร์กันหันไปคั้นเอาความกับฟ่านหยางเฟยแทน



“ผมขอโทษนะที่ปกป้องคุณไม่ได้ ตอนนี้คุณเป็นเหมือนพวกเขาแล้ว”


“ยังไงครับ?” พิคเจอร์จ้องมองแววตาของฟ่านหยางเฟยอย่างไม่เข้าใจ



“คุณมีพลังงานพิเศษเหมือนพวกเขา พลังงานการปกป้องที่แข็งแกร่ง คุณคือเจ้าของพลังงานนี้” ฟ่านหยางเฟยเอ่ยบอกตัดหน้าคาดอส เพราะไม่เห็นทีท่าว่าคนทำจะเปรยบอกเองซักที



“ไม่! คุณคาดอส คุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไรตามใจชอบกับร่างกายผมแบบนี้นะ ” ร่างบางหันไปต่อว่าอีกฝ่าย


“เบลซ! ฉันเสียเวลามากแล้ว ส่งแขก!”


          ส่งแขกของคาดอสในที่นี้คือ การลงมือทำร้าย น้อยครั้งที่ร่างสูงจะหันไปสั่งเบลซ หนุ่มหล่อร่างสูงใหญ่ผู้มีพลังงานแห่งเปลวไฟ เมื่อใดที่ปริปากบอกเบลซ นั่นหมายถึงให้การส่งแขกแบบชนิดที่ว่า ถ้ารอดก็มาเจอกันใหม่ ถ้าไม่รอดก็ลงหลุมฝังศพไป



พรึบ!


      เปลวไฟอันร้อนแรงภายในตัวของเบลซลุกโชน ไอร้อนสีส้มแดงสะท้อนบนเรือนร่างทุกคนในห้องนี้   เบลซยิ้มสะแยะราวกับกำลังคันไม้คันมือมานานทีเดียว



“ตายซะเถอะ ฟ่านหยางเฟย” เบลซเอ่ยบอกพร้อมกับวิ่งพรวดเข้าหาอย่างรวดเร็ว


ซุ่มมมมมมม


        ชั่วพริบตาไฟร้อนแรง เข้าคลอบตัวทั้งฟ่านหยางเฟยและพิคเจอร์ไปตามๆกัน เปลวไฟเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง เจีนยเหมิงได้แต่ยืนมองเจ้านาย ตัวของเขาถูกไดนาดินสะกดจิตให้ยืนนิ่งไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่คนที่แอบกังวลใจมากที่สุดคือคาดอส


 
        ต้องที่เขาบอกให้ลงมือทำเอง แต่กลับเป็นฝ่ายไม่สบายใจ ที่เขาต้องเลือกทำแบบนี้เพราะอยากจะให้พิคเจอร์เลือกใช้พลังงานภายในตัวของตัวเองให้เป็น แม้ว่าจะยอมแลกให้ร่างบางนั้นปกป้องฟ่านหยางเฟยก็ตาม


“บอสครับ ไฟผมทำอะไรสองคนนี้ไม่ได้” เบลซพูดขึ้นพร้อมกับดับพลังงานตรงหน้านั้นไปด้วย ตอนนี้เปลวไฟหายวับไปกับตา เพียงควันไฟที่เผาไหม้เลือนรางกลับปรากฏร่างชาวไทยกับอดีตเพื่อนรักยังคงปลอดภัย



     ที่กำบังลักษณะคล้ายโดมแก้วขนาดใหญ่ ครอบคลุมตัวพวกเขาเอาไว้ ท่าทางพิคเจอร์เหนื่อยหอบนิดๆกับการใช้พลังงานครั้งแรก เพราะยังไม่เข้าที่เข้าทางดีนัก อีกอย่างร่างบางเองก็ตกใจไม่น้อยที่ตัวเองทำอะไรแบบนี้ได้



“พิคเจอร์ คุณเป็นอะไรไหม?” หยางเฟยเข้าประคองตัวอีกฝ่าย หลังจากเห็นเขาเริ่มอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด


“คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ” พิคเจอร์เอื้อมมือไปลูบแก้มฟ่ายหยางเฟยด้วยอาการเหนื่อยล้า


“เขาแค่เหนื่อยจากการใช้พลังงาน!” คาดอสเอ่ยเสียงเรียบ แม้ตอนนี้จะหึงหวงมากเท่าไหร่ก็ตาม


“ฉันจะพาเขากลับไปเซี่ยงไฮ้ หวังว่านายจะไม่ขวางนะ”


“ตอนนี้ทั้งนายและฉันไม่มีสิทธิ์ คนที่จะชี้ขาดคือ พิคเจอร์เท่านั้น” คาดอสจำใจอ่อน รอการตัดสินใจจากอีกฝ่ายแม้ว่าจะรู้ดีในใจอยู่แล้วว่าคำตอบนั้นคืออะไร



“พิคเจอร์ว่ายังไงครับ อยากจะอยู่ที่นี่หรือไปกับผม” ประมุขเสือแดงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน



      หนุ่มชาวไทยที่กำลังอิดโรยเต็มทีแต่ได้ยินคำถามเหล่านั้นชัดเจน ไม่จำเป็นต้องลังเลเลย คำตอบในใจนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วว่าเขาต้องเลือกฟ่านหยางเฟย



“ผมจะกลับไปกับคุณครับ ฟ่านหยางเฟย” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าประมุขเสือแดง ราวกับเขาได้ชัยชนะ


“การตัดสินเป็นเอกฉัน บอกคนของนายหลีกทางให้เราด้วย!” หยางเฟยหันไปบอกคาดอส


“หลีกทางให้เขา!”


       คาดอสสั่งเสียงแข็ง แม้ในใจจะบอบช้ำจากคำตอบร่างบางก็ตาม  แต่ยังไม่ทันที่เจียนเหมิงจะเข้าไปประคองร่างเจ้า
นายและพิคเจอร์ คาดอสก็เปรยขึ้นต่อ



“ฟ่านหยางเฟย ฉันขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัว”



           ฟ่านหยางเฟย ยืนนิ่งชั่วครู่ ก่อนจะเดินตามหลังคาดอสเข้าไปในห้องลับห้องหนึ่ง ทิ้งพิคเจอร์เอาไว้กับเจียนเหมิงเพียงลำพังด้านนอก



“นายมีอะไร?”


“ฉันรู้ดีว่านายคิดยังไงกับพิคเจอร์” คาดอสไม่อ้อมค้อม


“ฮึฮึ แล้วยังไง จะขัดขวางอย่างนั้นสินะ?”


“ในฐานะที่ฉันไม่เคยเป็นคนลังเล ตอนนี้ขอประกาศต่อหน้านายว่า ฉันขอเปิดศึกหัวใจกับนายครั้งนี้”


“ฉันคิดแล้วไม่มีผิด ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ประมุขอินทรีทอง ต้องการตัวชาวไทยคนนี้นักหนา ถ้าไม่ใช่ความรัก”


“หมดธุระของฉันแล้ว นายพาเขากลับไปได้”


“ขอบใจที่บอกให้รู้ ฉันเองจะได้เตรียมตัวถูก แต่ยากหน่อยนะ เพราะตอนนี้เป็นทีของฉัน พิคเจอร์อยู่ใกล้ฉัน มากกว่านาย คะแนนที่ฉันจะได้รับมันง่ายยิ่งกว่าความพยายามแย่งชิงตัวพิคเจอร์มาที่นี่เสียอีก”



ปัง!!!


       เสียงประตูเงียบลงไป แต่ทำไมความรู้สึกตอนนี้เขาเหมือนกำลังเป็นผู้แพ้ แท้จริงแล้วเขาเพิ่งรู้ใจตัวเองช้าไปหน่อยก็เท่านั้น แต่ความเป็นห่วงพิคเจอร์กลับลดน้อยลงไป ตราบใดที่พลังงานพิเศษนั้นยังอยู่ในตัวของเขา มันจะช่วยปกป้องคุ้มครองเขาเวลามีภัยอันตราย



“ฉันไม่ขอเป็นฝ่ายชนะ แต่ขอได้ทำตามหัวใจของตัวเองสักครั้ง ”



     เพราะความฝันที่ได้พบเจอฟ่านหยางอี้ มันเหมือนเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่าง กับความรักในวัยเด็กที่คนอย่างเขาไม่คิดจะมอบความรักนั้นให้กับชายไหนอีกเลย แต่ตอนนี้ชาวไทยคนนั้นกำลังทำให้หัวใจคาดอสสั่นคลอนขึ้นมาแล้วจริงๆ 



        ขอโทษนะฟ่านหยางอี้ที่ไม่สามารถมั่นคงรักนี้ได้อีกแล้ว ความลังเลก่อนหน้านี้ได้หายไปจากใจของคาดอส  ตอนนี้พิคเจอร์กำลังมีอิทธิพลต่อหัวใจเขามากทีเดียว



:L2:


ความในใจ "ผมเองพิคเจอร์  ตอนนี้ผมกลายเป็นเหนือมนุษย์คนใหม่แล้ว ผมเกลียดเขาที่เขาทำอะไรยุ่มยามกับตัวผมแล้วไม่บอกกล่าวซักคำ หนีจากอินทรีทองได้ครั้งนี้ ผมจะไม่ขอกลับมาอีกเลยคอยดู คุณผู้อ่านไม่ต้องบังคับผมแล้วนะครับ ปล่อยให้ผมได้ใช้ชีวิตผมบ้าง ขอบคุณ"

ผู้แต่ง : แกอย่าเอาแต่ใจมากไปหน่อยเลย บอกเหตุผลมาซิว่าฟ่านหยางเฟยดีกว่าคาดอสยังไง บอกมา 3 ข้อพอ   :katai1:


ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 9
«ตอบ #19 เมื่อ25-08-2016 16:51:03 »

ไม่รู้จะสมน้ำหน้าใคร เฮ้อ คาดอสก็แบบนิสัยน่ารำคาญ วู้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 9
« ตอบ #19 เมื่อ: 25-08-2016 16:51:03 »





ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 9
«ตอบ #20 เมื่อ26-08-2016 14:45:48 »

ตอนที่ 10



         ผ่านไปอีกหนึ่งวัน...ด๊อกเตอร์บารอนโทรมาหาคาดอสตั้งแต่เช้า ข่าวคราวที่ได้ยินทำให้ร่างสูงดีใจไม่น้อย และคงไม่มีเรื่องอะไรที่ดีกว่านี้อีกแล้ว


“ไดนาดิน! จองตั๋วไปเมืองไทยวันนี้เลย”


“กี่ที่ครับบอส”


“4 ที่   ไปเมืองไทยครั้งนี้ เรนเดลต้องดูแลที่นี่แทนฉัน” คาดอสเปรยบอก


“ทราบแล้วครับบอส”



          ไม่กี่วันมานี้ ที่ด๊อกเตอร์บารอนรีบกลับประเทศไทยไมได้อยู่ใกล้ชิดประมุขอินทรีทอง ก็เพราะต้องเร่งดำเนินคดีตามหาตัวของฟ่านหยางอี้ โดยที่ฟ่านหยางเฟยไม่รู้แผนการนี้เลย 



          แท้ที่จริงคาดอสปล่อยวางใจให้หยางเฟยตามหาน้องชายคนเดียวตามลำพังไม่ได้ หากเขาไม่คิดลงมือออกตามหาหยางอี้บ้าง เขาเองก็จะรู้สึกผิดไม่น้อยเช่นกัน เพราะอย่างน้อยฟ่านหยางอี้ก็คือน้องชายที่เขาทั้งรักและหวงมากทีเดียว


          แต่ในเมื่อข่าวสารส่งมาตั้งแต่เช้า ด๊อกเตอร์บารอนซุ่มตามสืบจนได้เบาะแสบางอย่างที่เมืองไทย เขาจำเป็นต้องรีบบินไปสมทบที่เมืองไทย โดยที่ไม่ให้ฟ่านหยางเฟยรู้เด็ดขาด ในตอนนี้มีพิคเจอร์อยู่ใกล้ชิดหยางเฟยแบบนี้ยิ่งเป็นการดี อย่างน้อยก็ช่วยทำให้หยางเฟยไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของพวกเขา




ประเทศไทย 17.00 น.


          พอลงเหยียบผืนดินได้ คาดอสและคนสนิทอีกสามคนก็รีบขึ้นรถตู้ส่วนตัว ไปยังสถานที่ที่ติดต่อกับด๊อกเตอร์บารอน มันเป็นโรงแรมหรูหราสูงตระหง่าน แต่ห้องที่เขากำลังจะไปกลับอยู่ชั้นล่างสุด และเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดด้วย


“สวัสดีครับด๊อกเตอร์” ร่างสูงเอ่ยทักทาย


“สวัสดี เข้ามาข้างในก่อนเถอะหลานชาย ”


 ชายสูงวัยร่างท้วมเดินนำสี่คนเข้าในด้านใน ภายในห้องมันกว้างขวางและมีห้องพักผ่อนแยกออกไปอีก 


“นี่คือ หลักฐานว่า ฟ่านหยางอี้ยังมีชีวิตอยู่ จากการให้ความร่วมมือของตำรวจช่วยค้นประวัติการลอบสังหารประมุขเสือแดงกับฮู
หยินที่บินมาพักร้อนเมืองไทยหน้าร้อนปีนั้น เราได้บางอย่างเพิ่มเติมด้วย”


“อะไรครับ?” คาดอสใจเต้นรัวอยากรู้เร็วๆ


“เราพบสิ่งนี้อยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่น่าเชื่อว่าบริเวณนั้นผ่านไป 20 ปีแล้ว แต่พอลงสำรวจพื้นที่นั้นอีกครั้ง กลับพบปลอกกระสุนปืนในร่องคอนกรีตด้วย”


“ก็แค่ปลอกกระสุนปืน?” คาดอสปรายตามองสิ่งนั้น ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นตรงไหน


“หลานชาย ดูดีๆสิ ที่ปลอกกระสุนด้านข้างมันสลักอะไรไว้” คาดอสหรี่ตาเพ่งมองตามที่ด๊อกเตอร์บารานพูด


          นี่เป็นสิ่งที่สร้างความแปลกใจให้กับร่างสูงมากทีเดียว ในรอบหลายสิบปี กับสัญลักษณ์ลวดลายคล้ายดอกไม้ ซึ่งเขาเองคุ้นตาเป็นอย่างดีและรู้ด้วยว่าเจ้าของลวดลายนี้เป็นใคร? คนทรยศแบบนั้นเขาไม่เคยลืมได้เลย

...

...


“เบญจพิษ?”


“ใช่ มันคือสัญลักษณ์เบญจพิษ”


“เขายังไม่ตาย!”


“ดูเหมือนว่าฉากใหญ่ที่เขาจัดขึ้นเพื่อสังหารประมุขเสือแดงคนก่อน ก็เพื่อจะล้างแค้นพ่อของหลานเองด้วยการโยนความผิดนี้มาให้ และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาทำสำเร็จ ทางเสือแดงจากที่เป็นมิตรกับเรา ท้ายที่สุด กลับกลายมาเป็นศัตรูตราบเท่าทุกวันนี้” ด๊อกเตอร์วิเคราะห์ไปตามความน่าจะเป็น



“ผมคิดว่าเขายังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆเรา ไม่ที่ประเทศไทยก็ประเทศจีนนะครับบอส ” เบลซพูดสมทบ


“หรือบางทีเขาอาจจะซุ่มวางแผนทำอะไรอีกรึเปล่าครับบอส” แกริคกังวลใจ


“ปล่อยเขาไปก่อน คนทรยศอย่างมัน ป๊าไม่น่าใจดีปล่อยมันไปง่ายๆแบบนั้นเลย แต่ตอนนี้เราต้องตามหาตัวฟ่านหยางอี้ให้เจอเร็วที่สุด” คาดอสกำมือแน่น


“จากที่ตามสืบก็พอรู้แล้วว่า ฟ่านหยางอี้ถูกใครบางคน พาไปส่งที่นี่!”

ด๊อกเตอร์บารอน วางกระดาษรูปภาพ ป้ายตรงหน้าติดว่าเป็น สถานศึกษาสงเคราะห์

...

...

         
“แล้วสถานที่ที่ว่าอยู่ไกลจากนี้ไหมครับ?” คาดอสเริ่มใจเต้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัว


“ไม่ไกลหรอก แต่ไปตอนนี้ไม่ได้นะ เพราะนี่ก็พลบค่ำแล้ว พรุ่งนี้เช้าเราค่อยไปถามข้อมูลต่อ”


“ก็ได้ครับ”


“อ้อ แล้วพ่อหนุ่มใจดีชาวไทยคนนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ”


“ก็ดีครับ!” คาดอสตอบด๊อกเตอร์ไปสั้นๆ


“หมายความว่าไง?”


“ก็...หลังจากที่ฉีดสารกระตุ้นเข้าไป เขาก็กลายเป็นเหนือมนุษย์คนใหม่ และดูเขาจะชื่นชอบฟ่านหยางเฟยเป็นพิเศษด้วย”


“นี่หลานชาย ทำไมน้ำเสียงถึงได้ฟังดูน้อยใจแบบนั้น ถ้ารักเขาก็แสดงให้เขาเห็นสิ”


“เอาไว้ก่อนครับ เรื่องของหยางอี้ ตอนนี้สำคัญที่สุด ผมกลัวว่าเขาจะเป็นอันตราย”


“แล้วฟ่านหยางเฟยรู้ไหมว่าเราแอบตามสืบน้องชายของเขา เขาจะหาว่าเราก้าวก่ายรึเปล่า”


“อย่าห่วงเลยครับ ฟ่านหยางเฟยจะไม่มีทางรู้ อีกอย่างดูเหมือนตอนนี้เขาคงมีความสุขจนลืมเรื่องของน้องชายเขาไปแล้วก็ได้”



       สุดท้ายคาดอสก็ไม่วายที่จะวกกลับเข้าวังวนความประชด แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อตอนนี้มันเป็นทีของฟ่านหยางเฟยเสียแล้ว  ส่วนเรื่องใครเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของฟ่านหยางเฟย เขาไม่จำเป็นต้องบอก เพราะเขามีหน้าที่พิสูจน์ให้เสือแดงเห็นว่า อินทรีทองไม่ได้เป็นคนทำอย่างที่เขาเข้าใจ




มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

         ภายในคฤหาสน์หลังคาสีเลือด ยามค่ำคืนแสนหนาวเหน็บ แต่หนุ่มร่างเล็กกลับยังไม่คิดอยากเข้าห้องพักผ่อนตอนนี้ เขาตัดสินใจออกมาเดินเล่นภายนอกบ้าน ความสว่างไสวของแสงไฟที่ประดับตามจุดต่างๆ พร้อมกับคนของฟ่านหยางเฟยที่เดินสำรวจความปลอดภัยกระจายตามจุดต่างๆหลายสิบคน มันทำให้เขาเบาใจ


“นอนไม่หลับหรือไง?” เสียงทุ้มหวานเอ่ยเบาๆจากข้างหลัง พิคเจอร์เองตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับไปมอง


“คุณหยางเฟย มาเงียบๆแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ”


“ถ้ามาแบบเสียงดัง กระต่ายน้อยของผมก็แตกตื่นพอดี เสือแดงตัวนี้ก็คงจะแห้ว!”


“อะไรกันครับ ผมไม่ได้กระต่ายซะหน่อย”


“ใช่ คุณไม่ได้เป็น แต่คุณแค่น่ารักเหมือนกระต่าย” รอยยิ้มโปรยเสน่ห์ กับดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ มันทำให้คนตัวเล็กกว่าหลบสายตาก้มหน้ามองพื้นแทน



     แต่ยังไม่ทันไร ฝ่ามือหนาก็เชยคางอีกคนให้เงยหน้าขึ้นกลับมาจ้องสบตาเขาเช่นเดิม ฟ่านหยางเฟยตอนนี้ใส่ชุดคลุมสีแดงลายอักษรจีนอย่างหลวมๆ เผยให้เห็นร่องแผงอก กับลอนท้อง 8 ลูกบนผิวขาวเนียนนั้น อีกฝ่ายไม่ได้คิดอยากจะมอง แต่ก็ห้ามสายตาตัวเองไม่ไหว เพราะด้วยความสูงที่ไม่ถึงคางประมุขเสือแดง แนวระดับสายตามันเลยปะทะเข้าที่แผงอกพอดี



          ช่วงล่างเขาใส่กางเกงขายาวสีขาวคลุมจนปิดข้อเท้า กลิ่นหอมจากสบู่และแชมพูที่ใช้ลอยมาแตะจมูกพิคเจอร์ มันหอมมากและรุ้ทันทีเลยว่า อีกคนเพิ่งจะอาบน้ำมาหมาดๆ



“พรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณที่เมืองไทย ดีใจไหมที่จะได้กลับบ้าน?”


“ก็...ดีใจครับ”


“โถ่..นึกว่าอยากจะอยู่กับผมซะอีก”



  เสียงน้อยใจปนผิดหวังนิดๆ แต่สีหน้าท่าทีของประมุขเสือแดง กลับเป็นที่น่าขำขันของลูกน้องคนสนิทอย่างเจียนเหมิงและอินจือที่ยืนอยู่ด้านหลังยิ่งนัก เพราะท่าทางแบบนี้ฟ่านหยางเฟยไม่เคยทำให้พวกเขาเห็นแม้แต่ครั้งเดียว


“เลิกงอนได้แล้วครับ คนของคุณเขาขำคุณอยู่นะ” พิคเจอร์กระซิบบอก เพราะที่เขายืนอยู่นั้น หันหน้าไปทางลูกน้องฟ่านหยางเฟยพอดี


“ช่างเขาสิ ผมไม่แคร์ คืนนี้คุณนอนกับผมได้ไหม?”


“คุณหยางเฟย! ” ร่างบางตกใจเมื่อได้ยินคำร้องขอแบบนั้น หน้าเขาเริ่มแดงขึ้นกว่าเดิมยิ่งกว่าดื่มแอลกอฮอล์เสียอีก


“ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรคุณ นอกจาก...ขอนอนกอดเฉยๆ”


“มะ...ไม่ดีมั้งครับ”


“ดีสิ ดีมากๆด้วย”


“ดีกับคุณหยางเฟยคนเดียวต่างหากล่ะ”


“แค่นอนกอดเอง คิดซะว่ากอดลา ก่อนส่งคุณกลับเมืองไทยก็ยังดี ”


“ก็ได้ครับ”



        และแล้วค่ำคืนนั้น พิคเจอร์ก็ทำตามคำขอของฟ่านหยางเฟย และเป็นอีกครั้งที่ทำให้หนุ่มร่างบางรู้สึกชื่นชอบในสัจจะของ
ประมุขเสือแดง เขาบอกว่าจะนอนกอดอย่างเดียวก็คือเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นเลยเถิด ยิ่งได้อยู่ใกล้ชิดร่างใหญ่อย่างนี้ หัวใจของพิคเจอร์ยิ่งย้ำเตือนบอกว่า เขาคือคนที่ใช่ที่สุดแล้ว



     ฝ่ามือข้างขวาทำหน้าที่เป็นหมอนหนุนหัวพิคเจอร์ อีกข้างหนึ่งเอื้อมโอบกอดดึงตัวชาวไทยให้ขยับแนบชิดตัวร่างกายใหญ่โตเข้าไปอีก



“อากาศกำลังลดต่ำ ผมทำแบบนี้คุณจะได้อุ่นขึ้น” น้ำเสียงกระซิบกระซาบลงที่หูของร่างบางนั้น ยิ่งทำให้ความรู้สึกเสียววาบแผ่
ซ่านไปทั้งตัว

 ...


“คุณหยางเฟย คุณเคยมีแฟนไหมครับ?”


“ไม่มีหรอก ถามทำไม?”


“จริงรึเปล่า หล่อและเพอร์เฟคอย่างคุณไม่น่าโสดได้นะ”


“ก็เพราะผมไม่ชอบใครเลย สงสัยหัวใจของผมรอมาพบคุณคนเดียวแน่ๆ” คำก็หยอด สองคนก็หยอด ร่างบางแทบจะทนไม่ไหวเสียแล้ว เขาว่าเขาควรจะเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วล่ะ


“คุณเคยบอกผมว่า คุณมีน้องชายหนึ่งคน แล้วสรุปตอนนี้เรื่องของน้องชายคุณที่หายไปเป็นยังไงบ้างครับ”


“ก็...คว้าน้ำเหลว ผมอยากจะเจอน้องชายเร็วๆ อยากจะพาเขามาอยู่ที่นี่ด้วย ที่สำคัญผมคิดถึงเขา”


“ป่านนี้น้องชายของคุณน่าจะโตแล้ว”


“ใช่ ถ้าให้เทียบน่าจะราวๆกับคุณเลยนะพิค ”


“คุณคิดว่าน้องชายของคุณจะหล่อเหมือนคุณไหม?”


“ไม่รู้สิ แต่ถ้าเจอเขาผมอยากให้เขาเป็นน้องชายที่น่าตาน่ารักและใจดีเหมือนคุณนะพิค”


“คนเราจะไปเหมือนกันได้ยังไงครับ”


“นั่นสินะ นอนเถอะ พรุ่งนี้ผมจะพาไปส่งที่สนามบินนะครับ”


“ฝันดีครับคุณหยางเฟย”


“คืนนี้จะเป็นคืนที่ผมฝันดีที่สุด” ฟ่านหยางเฟยเปรยบอกเบาๆ ก่อนที่ทั้งสองจะคล้อยหลับไปในที่สุด



           อากาศยามเช้า เย็นสดชื่น  บนเตียงนอน ร่างบางรู้สึกตัวก่อนฟ่านหยางเฟยที่ยังคงนอนท่าเดิมไม่เปลี่ยนตั้งแต่เมื่อคืน แต่ดูจากตรงนี้ก็พอรู้ว่าหนุ่มตี๋คนนี้นอนหลับลึกคนหนึ่งเลย ขนาดเขาลุกตื่นลงจากเตียงแล้ว อีกฝ่ายกลับยังไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย


              แต่เช้านี้แปลกหน่อยที่ท้องของเขาร้องและหิวเร็วกว่าปกติ พิคเจอร์เดินลงบันได มุ่งหน้าไปยังห้องครัว เดินสวนกับลูกน้องของฟ่านหยางเฟยหลายคน การที่ต้องมาอยู่เซี่ยงไฮ้ภายใต้การปกครองของเสือแดงครั้งนี้ พิคเจอร์ยังไม่ชินนัก เพราะคนของที่นี่ต่างก็ปฏิบัติกับเขาราวกับเจ้านายคนหนึ่งก็มิปาน เขาเคยบอกว่าไม่การแบบนี้ แต่ทุกคนก็อ้างว่าคำสั่งของฟ่านหยางเฟย ห้ามใครขัดเด็ดขาด เพราะอย่างนี้ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย   


        พอไปถึงห้องครัว ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าไป ร่างกายของเขาต้องหยุดชะงักอัตโนมัติ เมื่อเห็นชายหนุ่มสองคนยืนพลอดรักกันอยู่ด้านใน ถึงจะเห็นเพียงด้านหลัง แต่พิคเจอร์ก็จำได้แม่นว่าเป็นเจียนเหมิงกับอินจือ ความแปลกใจเริ่มปรากฏในสมองขึ้นมา ว่าสองคนนี้สรุปแล้วมีความสัมพันธ์แบบเบื้องลึกแน่ๆ



“อุ้ย! ขอโทษทีครับนายน้อย ไม่นึกว่าจะตื่นเร็วขนาดนี้” เจียนเหมิงรู้สึกตัวก่อนตามสัญชาตญาณ รีบผละกอดจากอีกฝ่ายทันที


“ไม่ต้องเกรงใจนะ ตามสบายเถอะ พอดีวันนี้ผมหิวเร็วไปหน่อย กะจะมาหาของกินรองท้อง”


“อ้อครับ ให้ผมทำอาหารเบาท้องให้ไหมครับ” อินจืออาสา


“ไม่เป็นไร ผมขอนมกล่องเดียวกับขนมปังพอจะมีไหม?”


“ไม่มีหรอกครับ เพราะนายใหญ่ไม่ชอบทานของแบบนี้เท่าไหร่ พวกเราเลยไมได้ไปซื้อมาตุนไว้ แต่ว่าพอจะมีคุกกี้นมสดกับโอวัลตินนะครับ ” อินจือแนะนำ


“งั้นขออย่างละชุดละกันนะ”


“ครับ!” อินจือรับคำแล้ว เริ่มลงมือทำทันที ส่วนจอมกระบี่แดนตะวันออกทำท่าทีว่าจะเดินออกจากห้องครัวไป  แต่มีหรอที่พิค
เจอร์จะปล่อยไปง่ายๆ


“เจียนเหมิง ใจคอไม่คิดจะช่วยแฟนทำหน่อยหรอ?”


“เอ่อ...ครับนายน้อย” 

           เหมือนจะลังเล แต่สุดท้ายก็หันหลังเดินวกกลับไปช่วย ร่างบางจ้องมองสองคนจากทางด้านหลัง จะว่าไปคู่นี้ก็น่ารักดีนะ จอมกระบี่ตะวันออกกับจอมอาบพิษอาวุธลับ 


:L2:



โผล่มาแต่ชื่อเสียงเรียงนาม  ตัวยังไม่โผล่สำหรับกุญแจสำคัญ แถมยังเป็น คู่ของ... เดาเอาไม่ยากหรอก  :katai2-1:

เบญจพิษ โอ้พ่อหนุ่มยอดดวงใจของ...(ในอนาคต)


ออฟไลน์ fcsunaree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 10
«ตอบ #21 เมื่อ26-08-2016 18:14:57 »

มาต่อเร็วๆนะค่ะ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 11
«ตอบ #22 เมื่อ27-08-2016 14:11:09 »

ตอนที่ 11


       อิงจินเซ่อบุกมาเยือน  โรงเรียนสถานสงเคราะห์ตามข้อมูลที่ได้มาจากด๊อกเตอร์บารอนตั้งแต่เช้าตรู่ ทางสถานที่จัดเตรียมต้อนรับพวกเขาอย่างดี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับรู้ล่วงหน้าและไม่ทราบที่มาที่ไปของกลุ่มชายสง่างามเหล่านี้ดีนัก



      ในห้องลำลองไม่ใหญ่มาก พัดลมบนเพดานหมุนวนพอให้ได้ไอเย็น สิ่งที่คาดอสมามีจุดมุ่งหมายหลักคือการตามหาใครคนหนึ่งที่ถูกฝากมาไว้ยังสถานที่แห่งนี้ เมื่อ 20 ปีก่อน


“นี่คือรายชื่อเด็กกำพร้าทั้งหมดที่เข้ามาที่นี่เมื่อ 20 ปีก่อนค่ะ” หญิงสูงวัยใส่แว่น เดินกลับมาพร้อมกับแฟ้มข้อมูลที่ดูเก่าพอสมควร นับเป็นที่น่าชื่นชมแก่คนดูแลที่นี่ ที่รักษาข้อมูลได้เป็นอย่างดี


“ขอบคุณมากนะครับ ผมขอเปิดดูด้านในแฟ้มได้ไหมครับ?” ร่างสูงเอ่ยขออย่างสุภาพ


“ได้ค่ะ ตามสบายเลย” เธอยิ้มด้วยความเต็มใจ


          ไดนาดิน เดินไปรับแฟ้มนั้นจากมือของอีกฝ่ายมาให้เจ้านาย ที่นั่งนิ่งอย่างสุขุม แม้ว่าภายในกำลังใจจดจ่อกับข้อมูลที่กำลังจะได้เห็นมากก็ตาม


พรึบ! 


        เพียงแค่เปิดกางแฟ้มออกมา คิ้วหนาสองข้างจรดเข้าหากันทันที รายชื่อเหล่านั้นมากมายเหลือเกิน นับจากตัวเลขที่เรียงข้อมูลแล้ว ปาเข้าไป 31 คนเลยทีเดียว


        ปัญหาต่อมาคือ เขาต้องแยกเพศชายและหญิงก่อน ฟ่านหยางอี้เป็นผู้ชาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ปรากฏเป็นเพศชาย 12 คน นั้นในจำนวน 31 คน  นั่นถือว่ามากอยู่ดี


“ผมต้องการข้อมูลเด็กผู้ชายทั้งหมด 12 คนว่าตอนนี้เขาทำอะไร อยู่ที่ไหนบ้าง” คาดอสเปรยเสียงเรียบ ก่อนจะยื่นแฟ้มนี้ให้ไดนาดิน



         คนสนิทที่สุดเดินเอากลับไปยื่นให้อย่างสุภาพ หญิงสูงวัยเจ้าของสถานที่ยิ้มเจื่อนๆ ในใจอยากจะถามมากกว่านี้ว่าคนเหล่านี้ทำไมถึงต้องการข้อมูลเด็กเหล่านั้นนัก


“สักครู่นะคะ! เดี๋ยวดิฉันไปเอารูปภาพปัจจุบันของเด็กผู้ชาย 12 คนมาให้ดูแล้วกัน”


“รบกวนด้วยนะครับ” คาดอสเกรงใจอยู่ไม่น้อย แต่ทำยังไงได้ในเมื่อเขาต้องเร่งตามหาตัวฟ่านหยางอี้ให้สำเร็จ หากว่านี่เป็นแผนการของเบญจพิษจริงๆแล้วล่ะก็...อันตรายรอคอยอยู่ข้างหน้านี้แล้ว

...


...



       ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง คาดอสและลูกน้องไม่เคลื่อนที่ไหวตัวไปไหน กลับนั่งรอข้อมูลอยู่อย่างใจเย็นท่าทางสงบเสงี่ยม สร้างความแปลกใจให้หญิงสูงวัยไม่น้อย แต่เธอก็ต้องรีบลงมือหาข้อมูลต่อไปราวกับเหมือนถูกบังคับทางอ้อมจากสายตาเหล่านั้น


“ได้แล้วค่ะ รูปปัจจุบันกับข้อมูลสมบูรณ์ล่าสุด”


         เธอนำกระดาษสิบสองแผ่น ที่ตระเวนถามจากลูกศิษย์ ก็มีทั้งได้ข้อมูลมาบ้างและไม่ได้มาบ้าง คาดอสรับข้อมูลปึกนั้นมาเปิดดูทีละแผ่น ใน 12 คนไม่มีใครน่าสนใจเลย และสัญชาตญาณของเขามันบอกว่า ดูยังไงใบหน้าคนเหล่านี้ก็ไม่น่าใช่ฟ่านหยางอี้น้องชายของฟ่านหยางเฟย ชาวเอเชียตะวันออก


ยกเว้นก็แต่...


“พิคเจอร์!” กระดาษข้อมูลแผ่นสุดท้าย ปรากฏเป็นรูปของพิคเจอร์ หนุ่มชาวไทยผู้มีใบหน้าคุ้นตาคาดอสเสียเหลือเกิน


    คำอุทานนั้น ดึงดูดให้แกริค เบลซและไดนาดินเดินเข้ามามุงดูเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะรู้ข้อมูลพิคเจอร์เพิ่มเติม ว่าเขาเป็นเด็กกำพร้าและเคยอยู่ที่นี่มาก่อน


“จริงด้วยครับบอส นี่คือคุณพิคเจอร์” แกริคเปรยยืนยันอีกครั้ง


“ขอโทษนะครับ พอจะจำได้ไหมว่าใครพาคุณพิคเจอร์มาที่นี่เมื่อ 20 ปีก่อน” เบลซ หนุ่มหล่อร่างสูงเดินเข้ามาถามหญิงสูงวัยตรงๆ


“ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นฝนตกหนักมาก แต่แล้วเสียงแตรรถก็ดังขึ้นมาสองครั้ง พวกเราบางส่วนในตอนนั้นออกไปดู กลับเห็นเด็ก
ผู้ชายวัย 4 5  ขวบสลบอยู่หน้ารั้ว พร้อมกับ...”


“พร้อมกับอะไรครับ?” คาดอสลุกยืนจากเก้าอี้มองหน้าหญิงสูงวัยอย่างร้อนใจ


“ของบางสิ่ง คาดว่าเป็นรูปวาดดอกไม้สีม่วงค่ะ แต่น่าเสียดายที่มันถูกน้ำฝนทำลายเปรอะเปื้อนไปหมด จนไม่สามารถคงรูปเดิมได้ ”


“เบญจพิษ!”

         คาดอสพึมพำออกมาเบาๆ ถึงจะไม่มั่นใจแต่ก็มีทางเป็นไปได้สูง เบญจพิษชอบทำการใดๆ เมื่อเสร็จสิ้นจะทิ้งร่องรอยปริศนาดอกไม้ประจำกลุ่มเอาไว้


         นี่คือเหตุผลที่ป๊าและม๊าของคาดอสไม่ชอบใจและได้ตักเตือนปล่อยครั้ง จนนานวันเข้าคำตักเตือนไม่เป็นผล จึงต้องจำใจขับไล่คนของเบญจพิษที่อยู่ในการปกครองของอินทรีทองไป


“ไม่ได้การแล้วนะครับบอส ขืนปล่อยคุณพิคเจอร์อยู่กับฟ่านหยางเฟยต่อไปแบบนี้ ไม่ดีแน่” แกริคหน้าถอดสี ชักรู้สึกไม่ดีแล้ว


“ใช่ครับ บอสรีบบอกไอ้หยางเฟยให้เร็วนะครับ พี่น้องกัน จะมีความสัมพันธ์อื่นไม่ได้” เบลซร้อนใจ


“บอสให้ผมจัดการให้ไหมครับ?” ไดนาดินอาสา


“ฉันจะไปบอกฟ่านหยางเฟยด้วยตัวเอง   ไดนาดินจองตั๋วเครื่องบิน เราจะไปเซี่ยงไฮ้วันนี้เลย ”


“ครับบอส!!!”


“ต้องขอบคุณคุณมากนะครับ สำหรับข้อมูล”


            คาดอสเอ่ยขอบคุณเสร็จ ก็หันหลังกลับเดินออกไป ไม่รอฟังคำพูดไล่หลังของหญิงสูงวัยแม้แต่น้อย  ในใจตอนนี้เขาเหมือนคนที่กำลังโชคดี  เพียงเท่านี้คู่แข่งที่น่ากลัวอย่างฟ่านหยางเฟยก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ไม่มีใครขัดขวางเขาได้อีกแล้ว แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มห่วงความปลอดภัยของสองพี่น้อง


            เหนือสิ่งอื่นใดคือ ฟ่านหยางอี้ และพิคเจอร์คือคนคนเดียวกัน เป็นอีกเรื่องที่ทำให้คาดอสผู้นี้เบาใจ ไม่น้อย เพราะจะได้ไม่รู้สึกผิดต่อฟ่านหยางอี้ หากเขาจะแสดงความรู้สึกแท้จริงกับพิคเจอร์



ประเทศไทย 14.00 น. สนามบินสุวรรณภูมิ


            ระหว่างที่คาดอสให้ไดนาดินไปต่อแถวเช็คอินอยู่นั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สายการบินจากเซี่ยงไฮ้ลงจอดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพอดี พิคเจอร์ในชุดสุดเนี๊ยบถูกซื้อเป็นของขวัญจากฟ่านหยางเฟยก่อนจะส่งกลับมาเมืองไทยครั้งนี้ ยิ่งเพิ่มรุปลักษณ์ภายนอกเขาเป็นอย่างดี


“บอสครับนั่นคุณพิคเจอร์นี่ครับ!” เบลซหันไปมองรอบๆ กลับปะทะเจอร่างบางพอดี

“บอส ไม่เข้าไปทักทายนายน้อยแห่งเสือแดงหน่อยหรอครับ” แกริคแอบแซวทั้งที่ใบหน้ายังแน่นิ่ง


“จะดีหรอ?” เจ้านายสุดหล่อผู้ไม่มั่นใจในเรื่องแบบนี้ ชักโลเล



          จะให้เขาเข้าไปทักด้วยความดีใจที่พิคเจอร์ไม่สามารถรักฟ่านหยางเฟยได้แล้ว หรือว่าเข้าไปทักทายตามประสาคนที่ห่างหายจากกันไปนานกว่า 20 ปีดีล่ะ


“ดีสิครับบอส บอสไม่คิดถึงคุณฟ่านหยางอี้หรอครับ” แกริคสนับสนุนสุดตัวปนออกมากับคำพูด


“พวกนายไปกับฉัน!”


“ครับบอส!”


   ไดนาดินเช็คอินเสร็จพอดี พร้อมกับเดินมายังตรงที่คาดว่าเจ้านายกับเพื่อนยืนอยู่ แต่ตอนนี้กลับไม่มีแม้แต่เงา หนุ่มสุขุมพูดน้อย ตกใจวาบไปทั้งตัวกลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับเจ้านายของเขารึเปล่า จิตใจเขากำลังร้อนรน มือหนาพับเก็บตั๋วที่นั่งลงในกระเป๋าบนอกซ้าย ก่อนจะตัดสินใจเดินออกตามหา


ตุ๊บ!!!  ผลัก!!!


     ยังไม่ทันจะได้ก้าวขา กลับปะทะเข้าร่างโปร่งอย่างจัง ไดนาดินหน้าเหวอไป เขาไม่เคยซุ่มซ่ามแบบนี้


“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ คุณเป็นอะไรรึเปล่า” คำถามรัว ออกมารวดเดียวเหมือนกับท่องเอาไว้ใช้ยามจำเป็นนั้น คนถูกชนขมวดคิ้วทำสีหน้าสงสัย เมื่อเห็นใบหน้าชายหนุ่มละม้ายคล้ายค่อนไปทางชาวเอเชียตะวันออกและมั่นใจว่าไม่ใช่คนไทยแน่


“ผมไม่เป็นไรครับ ” อีกฝ่ายปฏิเสธการเจ็บตัว แม้ว่าเจ็บจริงๆก็ตาม เพราะไม่อยากมีเรื่องกับชาวต่างชาติ ให้อภัยได้เขาก็อยากให้อภัย


“คุณไม่เป็นอะไรแน่นะครับ” ไดนาดินเอ่ยถามอีกรอบ สายตาก็กวาดมองบริเวณรอบๆไปเรื่อย ท่าทางร้อนรนใจ  จนทำให้อีกฝ่าย
ที่ตัวเตี้ยกว่าสังเกตเห็น



“ดูคุณเหมือนกำลังจะมองหาใคร?”


“อ่อใช่ครับ ผมกำลังตามหา...เพื่อน”


“พลัดหลงกันหรอครับ?”


“ใช่ครับ ผมคงต้องไปแล้ว ต้องขอโทษอีกทีนะครับ” ไดนาดินเอ่ยอย่างสุภาพ


“ไม่เป็นไรเลยครับ อืม...ว่าแต่เพื่อนคุณมีกี่คน” อีกฝ่ายถามต่อ


“สามคนครับ”


“แต่งตัวใส่สูทเหมือนๆกับคุณด้วยไหม?”


“ใช่” ไดนาดินขานตอบแต่ไม่หยุดหันซ้ายมองขวาอยู่ดี


“ผมว่าผมเห็นเพื่อนคุณแล้วล่ะ โน่นไง!” ร่างเล็กกว่าชี้กลับไปทางด้านหลังของไดนาดิน หนุ่มจอมสะกดจิตรีบหันขวับไปตามนิ้วที่ชี้นั่น แทบยิ้มดีใจออกมา ไม่บ่อยนักที่เขาจะเผยรอยยิ้มนี้ให้ใครเห็น


“สรุปใช่ไหมครับ?”


“ใช่ครับ ขอบคุณมากนะครับ”


“ผมว่าเราไปพร้อมกันดีกว่า เพราะดูเหมือนเพื่อนคุณเขากำลังยืนคุณกับเพื่อนผมพอดี”


 ไดนาดิน ขมวดคิ้วก่อนจะเพ่งมองกลับไปอีกที นั่นบอสกำลังยืนคุยกับใครบางคนอยู่ และดูหน้าตาคุ้นมาก


“พิคเจอร์!”


“คุณรู้จักเพื่อนผมด้วยหรอครับ?” อีกคนเอ่ยถาม


“ครับ! ผมว่าเราเดินไปหาพวกเขาดีกว่า” ไดนาดินเอ่ยชวนก่อนจะก้าวเดินนำหน้าอีกฝ่ายไป


...



...



...


“พิค! ดีใจที่นายกลับบมาแล้ว” 


“ฟิน! มาเร็วดีจังเลย  เรารีบกลับกันเถอะ” พิคเจอร์ยิ้มให้เพื่อนสนิทราวกับกำลังหาตัวช่วยอยู่พอดี


“คุณยังกลับไม่ได้!” เสียงโทนต่ำไม่พอใจพูดขึ้น แม้แต่ฟินเองก็ตั้งตัวไม่ทัน สีหน้าจากยิ้มแย้มกลับหายไป


“คะ..ใครกันหรอพิค” ฟินมองชายชุดสูทเหล่านี้อย่างหวั่นกลัว

“ก็...คนหลงอำนาจ นิสัยไม่ดี เอาแต่ใจตัวเองไง ฟินอย่าสนใจเลย กลับกันเถอะ”


“อืมๆ” ฟินตอบรับทั้งๆที่ในใจรู้แน่นอนว่าเพื่อนชายต้องมีอะไรกับคนเหล่านี้แน่


หมับ!!!


ข้อมือเล็กถูกชายร่างสูงและหล่อที่สุดจับคว้าเอาไว้ทัน  บรรยากาศเดิมๆเริ่มกลับมาอีกหน


“นี่คุณ!! เจอกันครั้งแรก คุณก็ถือวิสาสะจับแขนผม มาวันนี้ก็ยังจะจับอีก ถามจริงๆเถอะ ทำไมคุณต้องวุ่นวายกับผมมากขนาดนี้ด้วย”


“ถ้าอยากรู้ คุณพอจะมีเวลาซัก 20 นาทีไหมล่ะ” ร่างสูงต่อรอง


        พิคเจอร์จ้องมองหน้าคาดอส อย่างไม่ยอมลดละและเกรงกลัว ส่วนแววตาน่ากลัวและเย็นชานั้นกลับมีบางอย่างที่ไม่อยาก
จะให้ร่างบางนั้นไปไหนไกลสายตา


“ก็ได้”


“เข้าไปนั่งในร้านเครื่องดื่มก็ดีนะ ไดนาดิน จัดการที”


“ครับบอส”


“นายชื่อไดนาดินหรอ?” ฟินเอ่ยถามเบาๆ หนุ่มร่างสูงท่าทีสุขุมได้แต่พยักหน้าให้เบาๆแทนคำตอบก่อนจะเดินไปจัดการจองโต๊ะให้เจ้านายเรียบร้อย



    การนั่งคุยตามประสาเจ้านายกับคนรักถูกแยกโต๊ะออกไป มีเพียงสายตาที่จดจ้องมองดูแต่ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน มันทำให้ฟินเริ่มหวั่นใจ กลัวว่าคาดอสจะเป็นคนที่มาแย่งพิคเจอร์ไปรึเปล่าก็เท่านั้น


“เป็นอะไรของนาย คุณพิคเจอร์อยู่กับบอสของเรา วางใจได้ว่าเขาจะปลอดภัย” หลังจากที่แกริคสังเกตท่าทางเพื่อนสนิทของชาวไทยมาพอสมควร เกิดหงุดหงิดไม่พอใจเท่าไหร่นัก


...


...


         คาดอสนั่งนิ่งมองตาอีกฝ่ายอย่างใจเย็น แต่พิคเจอร์เองกลับกำลังมีความรู้สึกตรงข้ามกับร่างใหญ่โดยสิ้นเชิง


“เอาล่ะ บอกเรื่องที่ผมอยากรู้มาได้แล้ว” ร่างบางทวงถาม


“คุณจะเชื่อผมไหม ถ้าผมจะบอกสิ่งต่อไปนี้”


“ก็บอกมาก่อนสิ ถ้าเรื่องมันน่าเชื่อผมก็จะเชื่อ”


“คุณยังไม่จำเป็นต้องรู้ตอนนี้ แต่สิ่งที่คุณต้องฟังและทำตามคำสั่งผมคือ คุณต้องเลิกยุ่งกับฟ่านหยางเฟยซะ”

    อะไรกัน เขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? มันน่าขำขันมาก คาดอสสั่งเขาแบบนี้มันไม่มีเหตุผลอะไรที่เห็นสมควรเลย เขารักฟ่านหยางเฟย แต่คนร่างใหญ่นี้กลับมาบอกว่าให้เลิกยุ่งกับฟ่านหยางเฟย มันไม่แปลกไปหน่อยหรอ?


“คุณนี่ตลกดีนะ!”


“ที่พูดนี่ ไม่ใช่เรื่องตลกนะคุณ เพื่อความถูกต้องและความปลอดภัย ผมกำลังจะไปบอกเรื่องนี้กับฟ่านหยางเฟย ส่วนคุณ ผมไม่อยากให้ถูกโยงเข้าสู่วังวนความบาดหมาง ถ้าคุณเชื่อผมคุณจะปลอดภัยพิคเจอร์”


“ผมสิต้องบอกว่า ผมเชื่อฟ่านหยางเฟยปลอดภัยกว่าเชื่อคุณตั้งเยอะ”


      คาดอสกำหมัดแน่น ดูเหมือนอีกฝ่ายหัวแข็งเกินไป ช่วยไม่ได้ในใจชาวไทยตอนนี้มีแต่ฟ่านหยางเฟยอยู่เต็มอก แต่มันน่าเห็นใจตรงที่ว่าหลังจากนี้ไป พิคเจอร์จะไม่มีสิทธ์คิดอะไรกับพี่ชายของตัวเองได้อีก


“ครั้งนี้ถือว่าผมขอร้อง ส่วนฟ่านหยางเฟยปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม”


“อย่าเอาความเหนือมนุษย์มาทำให้หยางเฟยได้รับอันตราย เพราะไม่อย่างนั้นผมจะถือว่าคุณไม่ใช่ลูกผู้ชาย ฟิน! กลับบ้านเถอะ พิคเหนื่อยมากเลยอยากพักผ่อน” พิคเจอร์จ้องหน้าคาดอสอย่างไม่เกรงกลัว



   คาดอสมองส่งร่างบางเดินหายลับตาไป ในใจเขาตอนนี้ไม่อยากให้พิคเจอร์รับรู้เรื่องละเอียดอ่อนมุมดำขององค์กร ถ้าจะให้เลือกเขาอยากให้คนของเสือแดงสักคน ใช้ชีวิตอยู่บนโลกโดยปราศจากการได้รับรู้หรือได้รับฟังเรื่องราวแย่ๆที่ผ่านมาในอดีตจะดีกว่า 

   จากนี้ไปก็เหลือแต่ฟ่านหยางเฟยแล้ว แต่เขาเชื่อว่าหยางเฟยต้องเชื่อเขาแน่ หากอ้างว่าเขาเจอหลักฐาน ปลอกกระสุน เบญจพิษ บริเวณที่มีการฆาตกรรมเกิดขึ้น


:L2:


ฝากแฟนนิยายเรื่องนี้ เข้าไปอ่าน ปันหยา จอมเทพแห่งสุราลัยด้วยน้า  บทนำกำลังจะอัพลงแล้ววว



ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 11
«ตอบ #23 เมื่อ28-08-2016 20:58:23 »

ตอนที่ 12

เช้าวันถัดมา...มหานครเซี่ยงไฮ้ ถิ่นเหลาสู่หงเซ่อ


“นายครับ คาดอสมาขอพบครับ!”


          เจียนเหมิงเดินเข้ามาในห้องออกกำลังกายส่วนตัวในคฤหาสน์หลังคาแดงด้วยท่าทางตกใจ เจ้าของบ้านกำลังถอดเสื้อยกเวทออกกำลังกายหนักต่อเนื่อง พอได้ยินชื่อที่เปรยออกจากปากลูกน้องถึงกับหยุดเล่นเวทกะทันหัน


“มันมาทำไม?”


“เขาจะบอกนาย...ก็ต่อเมื่อนายออกไปพบเขาครับ” จอมกระบี่พูดไปตามที่แขกคุ้นหน้าบอกมา


“อีก 10 นาทีแล้วจะออกไป ”


“ผมจะไปบอกเขา เดี๋ยวนี้ครับนาย”



       ใบหน้าตี๋หล่อปนกังวลใจสองมือยังยกเวทต่อไปได้สักพักก็รามือ ความร้อนภายในร่างกายทำให้หยาดเหงื่อผุดเป็นหยดพร่างพรูตามผิวหนังและใบหน้า เขาจำเป็นต้องรอให้อุณหภูมิร่างกายลดลงกว่านี้  ก่อนจะออกไปพบคาดอส ประมุขอินทรีทอง ที่วันนี้กล้าบุกมาถึงถิ่น จะว่าไปพักหลังมานี้คาดอสและเขาเจอกันปล่อยกว่าเมื่อก่อนมาก จนจะลืมไปเสียสนิทแล้วว่ามีเรื่องบาดหมางกันอยู่



          ฟ่านหยางเฟยเดินออกมาก่อนเวลานัด ชุดคลุมสีน้ำตาลเข้มถูกสวมทับเรือนร่างกำยำอย่างหลวมๆ คาดอสมาหาเขาครั้งนี้มีผู้ติดตามเพียงคนเดียวคือ ไดนาดิน สองหนุ่มเจ้านายลูกน้องหันหน้ามาจ้องมองเขาเป็นตาเดียว ไม่ปรากฏอารมณ์ความรู้สึกใดๆบนใบหน้าอันหล่อเหลานั้นเลย



“นายมีธุระอะไร?” เจ้าของบ้านเอ่ยถาม พร้อมกับหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม


“เรื่องนี้เรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว ฉันตามหาเบาะแสคนฆ่าครอบครัวของนายได้แล้วล่พฟ่านหยางเฟย!”


“ฮึ ผ่านไปตั้ง 20 ปี นึกครึกครื้นอะไรขึ้นมากันล่ะ ถึงเพิ่งจะมาบอกตอนนี้ คิดอยากจะปัดความบาปที่ตราหน้าอินทรีทองออกไปจากชีวิตหรือไง คาดอส!”


“ไม่มีประโยชน์ เพราะคนอย่างฉันไม่มีทางปัดความผิดที่ตัวเองลงมือทำแน่”


...


...

หยางเฟยสบตาอีกฝ่ายไม่กระพริบ พลางคิดอะไรบางอย่าง

“มันก็จริง เอาล่ะฉันจะรับฟังสิ่งที่นายพูด  แต่ไม่รับปากนะว่าจะเชื่อ”



         ฟ่านหยางเฟยส่องแววตาอย่างเย้ยหยัน พร้อมทั้งเปลี่ยนท่านั่งเป็นไขว้ห้างแทนอย่างผ่อนคลาย


“นี่คือหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่ประเทศไทย ค้นพบเพิ่มเติม  ไม่ไกลจากจุดฆาตกรรรมเท่าไหร่”


         ปลอกกระสุนปืนหลักฐานสำคัญถูกใส่ไว้ในซองซิปพลาสติกใส ไดนาดินเป็นคนถือเอาสิ่งนี้ไปวางไว้ตรงโต๊ะทรงเตี้ยตรงหน้าฟ่านหยางเฟย



“ปลอกกระสุน? แล้วยังไง!”

      หนุ่มตี๋เสือแดงยังนั่งท่าเดิม ท่าทีไร้คยวามอยากรู้อยากเห็น และไม่คิดจะเอื้อมไปหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมาดูแม้แต่น้อย



“ตั้งใจดูปลอกกระสุนให้ดี ฟ่านหยางเฟย! ” คาดอสเตือนสติอดีตเพื่อนรักอีกครั้ง


              หยางเฟยพ่นลมหายออก ราวกับไม่ค่อยพอใจนัก ก่อนจะตัดสินใจหยิบซองซิปพลาสติกนั่นมาดูใกล้ๆ  แน่นอนว่าสายตาของมหาอำนาจมักถูกสั่งสอนมาให้สังเกตอย่างถี่ถ้วน แม้แต่สิ่งเล็กๆที่พอมองเห็น ได้ก็ต้องใส่ใจ และครั้งนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าดวงตาของฟ่านหยางเฟยนั้นจะพลาดไม่เห็นสัญลักษณ์ที่คุ้นตานั่นบนปลอกกระสุนปืน



“เบญจพิษ?”


“ใช่ ฉันมั่นใจว่าการตายของคนในครอบครัวนายนั้น...”


“ฮึ เลิกพล่ามเสียทีเถอะคาดอส!!!  ปลอกกระสุนปืนนี่  จริงหรือเท็จอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ทันนาย ถ้าหากเป็นการจัดฉากขึ้นมาตบตาฉัน ฉันว่าปลอกกระสุนปืนนี่ไม่เห็นว่ามันจะน่าแปลกตรงไหน จริงไหม?”



“นายหมายความว่ายังไง?” คาดอสชักจะเสียอารมณ์ที่ถูกอีกฝ่ายดูถูกแบบนี้


“ก็หมายความว่า ปลอกกระสุนปืนนี่นายเองอาจจะเป็นคนเซตฉากขึ้นมาก็ได้ พยายามทำให้ฉันเชื่อ ฮึฮึ อย่าลืมซิว่าไอ้ของแบบนี้นายเองก็ลอกเลียนแบบได้ดีที่สุดอยู่แล้ว เพราะเบญจพิษเคยเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่อยู่ภายใต้การปกครองของอินทรีทองไม่ใช่หรอ?”


“ฟ่านหยางเฟย นายกำลังดูถูกฉัน!!!”



“ฉันเปล่า!”

        ทั้งที่ในใจของหนุ่มตี๋จะอยากตอบว่าใช่ตามที่เข้าใจมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่เขารู้ดีว่าคนอย่างคาดอส ถ้าถูกพูดหยาม
ให้เจ็บใจ คนพวกนี้จะกลายร่างยิ่งกว่าปีศาจในคราบมนุษย์ก็ไม่ปาน ซึ่งพลังเหนือมนุษย์มากมายขนาดนั้น มันไม่ดีต่อชีวิตเขาและลุกน้องในบ้านหลังนี้แน่นอน


“คนอย่างฉันกล่าวหาใครแบบไม่มีหลักฐานไม่ได้ นายก็รู้ดี และอีกอย่างการเซตฉากที่นายว่า ฉันไม่เคยคิดจะทำเลย สัก! ครั้ง! เดียว!” ทายาทอินทรีทองเน้นท้ายประโยคทีละคำ หนักแน่นและกังวาน จนลุกน้องฟ่านหยางเฟยเริ่มสั่นกลัว



          คาดอสยืนกรานถึงวิสัยและนิสัยของตัวเอง และดูเหมือนว่าฟ่านหยางเฟยจะยอมรับบ้างแล้วจากแววตาที่มองมา และจากการอ่านใจของอดีตเพื่อนรัก



         หากให้ย้อนกลับไป ฟ่านหยางเฟยมาคิดทบทวนแล้ว มันก็ถูกของคาดอสอีกเช่นเคย ตั้งแต่เห็นกันมาแต่เล็กจนโตเท่าป่านนี้ คาดอสไม่มีวันลงมือทำอะไรแล้วโยนความผิดให้ใครรับแทนเด็ดขาด



         จริงๆไม่ใช่ว่าเสือแดงไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เบญจพิษถูกอินทรีทองขับไล่หนีไป ก่อนที่พ่อกับแม่ของเขาจะถูกฆ่าตายปริศนาที่ประเทศไทยเสียอีก



“หมดธุระของนายแล้วใช่ไหม?” หยางเฟยเปรยถามเสียงเบา หลังปล่อยให้บรรยากาศเงียบเชียบมาชั่วครู่


“หยางเฟย ฉันขอเตือนนายด้วยความหวังดี ถ้านายไม่คิดจะเชื่อฉัน ก็ขอให้ให้เชื่อเพื่อเสือแดง เพราะคนที่จะอันตรายต่อไปคือ
นาย และน้องชายนายแน่”


“อย่ามาขู่ฉัน เหลาสู่หงเซ่อไม่เคยกลัวใคร ถึงอำนาจจะไม่เทียบเท่าอิงจินเซ่ออย่างนายก็ตาม แต่เราก็ยืนหยัดด้วยขาของพวกเราเอง จำเอาไว้”


“ที่ฉันพูด!!! ฉันไม่ได้ดูถูกความกล้าหาญของเสือแดงนะหยางเฟย แต่ที่ฉันพูด...เพราะเบญจพิษ! คนเหล่านั้นมีวิทายายุทธน่ากลัว แล้วลูกปืนกับฝีมือคนสนิทสองคนของนายคิดหรอว่าจะต้านทานอำนาจมันไหว”


“...”


“จริงอยู่เมื่อ 20 ปีก่อน พวกมันอาจมีไม่ถึงร้อยคน แต่ตอนนี้มันผ่านไปนาน 20 ปีแล้ว ไม่คิดหน่อยหรอว่าคนของเบญจพิษวุ่มสร้างขุมกำลัง จนอาจจะมีมากมายนับไม่ถ้วน มันอาจจะแฝงอยู่ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง รอคอยการเอาคืนแน่1”



“แต่ต่อให้เบจญพิษจะมีมากถึงพันคนหมื่นคนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน! ความบาดหมางทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อให้นายไม่ได้เป็นคนทำเองและอ้างว่าเป็นเบญจพิษเป็นคนทำจริงก็ตาม แต่การตายของป๊าและม๊าของฉันก็ต้องมาตายเพราะเรื่องของพวกนายเองทั้งนั้น เพราะอย่างนี้ฉันถึงได้เกลียดอิงจินเซ่อไง ฉันเกลียดแกไอ้คาดอส!”



       ฟ่านหยางเฟย แบกรับความเจ็บช้ำ รอยร้าวในชีวิตต่อไปไม่ไหวแล้ว ประมุขใหญ่แห่งเสือแดงตอนนี้ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกระจัด พร้อมกับมีน้ำใสๆเอ่อนอง ฟ่านหยางเฟยพยายามกลั้นใจไม่ให้น้ำตาแห่งความพ่ายแพ้ไหลต่อหน้าคาดอสเด็ดขาด เขาหวังว่าสักวันเขาจะเป็นผู้ที่รอดูน้ำตาคนพ่ายแพ้อย่างคาดอสแทน


“หยางเฟย การที่ฉันมาเตือนนายครั้งนี้ ถ้าไม่เห็นแก่การพิสูจน์ของฉันว่าอินทรีทองบริสุทธิ์ใจทุกการกระทำ ก็ขอให้นายเชื่อฉันสักครั้ง เพื่อน้องชายและตัวของนายเองจะได้ปลอดภัยจากเบญจพิษ”



“น้องชายฉันต้องปลอดภัยอยู่แล้ว!! เพราะอะไรรู้ไหม? ก็เพราะว่าตอนนี้แม้แต่ฉันเป็นพี่ชายเขาแท้ๆยังหาตัวเขาไม่เจอเลย พวกเบญจพาก็ไม่มีทางหาตัวน้องชายฉันเจอด้วย”


“เพราะนายไม่เริ่มจากการตามสืบประวัติเขาก่อนยังไงล่ะหยางเฟย” คาดอสพูดเสียงอ่อนลง


“แกหมายความว่าไง?”


“แท้ที่จริงแล้ว นายได้เจอน้องชายของนายแล้วต่างหาก”


“!!!” หยางเฟยทำตาโต สีหน้าตกใจคิ้วขมวดเข้าหากัน


หมับ!


      มือหนาคว้าจับคอเสื้อขยำกำแน่น ดึงทึ้งร่างอีกคนเข้าหาตัวเอง คาดอสยกมือห้ามไดนาดินเอาไว้ หลังจากเห็นท่าทีลูกน้องกำลังจะเข้ามาสะกดจิตคนอารมณ์ไม่ดีตรงหน้าเขา


“แกอย่ามาพูดล้อเล่นแบบนี้กับฉันนะคาดอส!”


“ฉันเปล่าหยางเฟย! ฉันพูดความจริง”


...

...

        ประมุขเสือแดงจ้องดวงตาของคาดอสราวกับชั่งใจลมปากที่ได้ยินเมื่อครู่พอสมควร แต่สุดท้ายอะไรหลายๆอย่างที่เขารู้จักและเคยสัมผัสจากคาดอสมาทั้งชีวิต ทำให้เขาตัดสินใจปล่อยมือที่กำขยำคอเสื้ออีกคนให้อิสระ


“บอกมาให้หมด ว่าแกรู้อะไรมา!”


      คาดอสยิ้มมุมปาก หลังจากเห็นอีกฝ่ายอ่อนใจ พร้อมทั้งแอบอ่านใจอีกฝ่ายแล้วนั้นความชัดเจนในใจหยางเฟยตอนนี้หนีไม่พ้นความต้องการเพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือเรื่องของน้องชาย  ฟ่านหยางอี้ ยังไงล่ะ


“พิคเจอร์ คือ น้องชายนาย”


“!!!”

...


...


...
 

           ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน กับประโยคที่ได้ยิน ชื่อของใครคนนั้น คนที่เขาเพิ่งจะไปส่งกลับบ้านเกิดที่สนามบินเมื่อวานนี้เอง


“ไม่ใช่!” หยางเฟยเปรยปฏิเสธอัตโนมัติ


“หยางเฟย ทุกอย่างที่ฉันบอกไป คือความจริง พิคเจอร์คือน้องชายนาย ถ้าหากไม่เชื่อการสันนิษฐานของฉัน ขอแนะนำว่าให้พาพิคเจอร์ไปตรวจดีเอ็นดีให้เรียบร้อยซะ”


“...”


“ฉันรู้ว่ามันยาก และลำบากใจ แต่ขอให้นายรู้ไว้ว่าฉันไม่เคยพูดอะไรลอยๆ ฉันกลับล่ะ!”


“เดี๋ยว! ”


“ถ้านายกำลังโกรธที่ฉันไปยุ่มย่ามเรื่องของนาย ฉันขอโทษก็แล้วกัน แต่ตอนนี้นายเองควรจะเป็นฝ่ายขอบใจฉันมากกว่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้เรื่องของนาย อุตส่าห์ลงมือตามหาน้องชายด้วยตัวเองแท้ๆแต่กลับเริ่มไม่ถูกจุดเอง พอฉันอาสาอยากช่วยขึ้นมาหน่อย เพียงไม่กี่วันคำตอบกลับพลิกโผ ฮึฮึ ”


“ฉันจะไม่ขอบใจนายเรื่องอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคดีการตายของครอบครัวฉัน หรือแม้แต่ตัวตนของน้องชายฉันเอง  ฉันต้องการพิสูจน์คำพูดพร่อยๆของนาย แต่ถ้าหากไม่เป็นจริงอย่างที่ว่ามา ประมุขอินทรีทองอย่างนายต้องชดใช้....ด้วยชีวิต ”



  ฟ่ายหยางเฟยหมายหัวไว้ เขาพูดจริงทำจริง กฎข้อนี้คาดอสรู้ดี แต่เขากลับแสยะยิ้มไม่คิดหวั่นกลัวแม้แต่น้อย ทำไมเขาต้องกลัวในเมื่อทุกอย่างที่เขาลงมือตามสืบให้สองเรื่องนั้นยังไงมันก็เป็นความจริงอยู่แล้ว ไม่ว่ามันจะประจักษ์ออกมาจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง



“ฉันจะรอวันนั้นหยางเฟย...วันที่นายขอบคุณฉัน และเลิกยุ่งกับพิคเจอร์ซะ นายคงจำได้ดีนะว่า เมื่อ20 ปีก่อน ฉันคิดกับน้องชายนายยังไง!”


“ไอ้คาดอส!”


“ฮึฮึ ตอนนี้ทั้งฉันและฟ่านหยางอี้ก็โตมากแล้ว ได้เวลาสักทีที่จะใช้ชีวิตอย่างสามีภรรยาตามที่ใจต้องการ”


“น้องฉันยังเด็ก ไม่มีความคิดทุเรศๆแบบนั้นในหัวแบบแกหรอก”


“ถึงแม้ว่าเขาจะเติบโตมาพร้อมกับการชอบเพศชายอย่างนั้นหรอ? อีกอย่างอย่าลืมสิว่า เสน่ห์ของพิคเจอร์ดึงดูดเพศเดียวกันมากขนาดไหน นายเองน่าจะรู้คำตอบดีที่สุดนะ สองวันมานี้ตัวติดกันอย่างกับอะไรดี”


“อย่ามาหยาบคายแบบนี้ เราจะไม่พูดถึงเรื่องที่อยู่ในมโนของนายแน่ ถ้าเรื่องนี้ยังไม่มีการพิสูจน์”


“ก็พิสูจน์ซะสิ...ฉันจะรอวันนั้น หยางเฟย หวังว่านายจะไม่ปิดกั้นใดๆอีกนะ ขอให้ทำใจไวๆล่ะ เพื่อนรัก!”



          หนุ่มตี๋กำหมัดแน่น คาดอสแสยะยิ้มราวกับผู้ชนะ แต่ชนะในแบบที่กหยางเฟยต้องถอนตัวไม่ขึ้นแน่ หากคำกล่าวก่อนหน้านี้เป็นจริง ตอนนี้เขาหวั่นไหวในคำพูดคาดอสไม่น้อย เพราะมันมีโอกาสสุงมากที่จะเป็นจริง อินทรีทองไม่มีทางพูดเรื่องเพ้อเจ้อไร้สาระแน่  แล้วตอนนี้เขาจะทำยังไงดี เลิกยุ่งกับพิคเจอร์ดีไหม? แต่ถ้าทั้งหมดที่พุดมานั้นเป็นแผนของคาดอสหลอกให้เขารามือจีบพิคเจอร์ล่ะ?



       แต่ว่าตั้งแต่รู้จักกันมาหมอนั่นไม่เคยหลอกเขาเลย กว่าสิ่งที่จะพูดออกมาแต่ละประโยคนั้น เขามั่นใจว่าคาดอสกลั่นกรองแล้ว เบจญพิษตอนนี้กำลังแฝงตัวอยู่แน่ๆ เขาเริ่มเชื่อคาดอสขึ้นมาบ้างแล้ว จริงอย่างที่คาดอสว่าประมุขอินทรีทองไม่มีเหตุผลใดที่จะปลอมปลอกกระสุนอดีตสมาชิกที่ดูแลอย่างเบญจพิษเลย



          สิ่งเดียวที่เขาต้องทำตอนนี้คือ ตรวจ DNA แม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นจริงอย่างที่คาดอสว่าหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าเขากับพิคเจอร์เป็นพี่น้องกันจริง มันก็เป็นผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะเขาได้เจอน้องชายแล้ว ส่วนผลเสียคือ เขาจะหยุดห้ามใจไม่ให้รักน้องชายตัวเองได้ยังไงกัน






เวลาเที่ยงคืนวันเดียวกัน กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย        

“พิค! เป็นอะไร ตั้งแต่กลับมาจากสนามบินเมื่อวานดูไม่สบายใจเลยนะ ”


“เปล่าหรอก...แล้วนี่ฟินยังไม่นอนหรอ?”


“ก็อดห่วงพิคไม่ได้นั่นแหละ มีอะไรไม่สบายใจบอกฟินได้นะ”


“ไม่ดีกว่า เราจะไม่มีทางดึงฟิน เพื่อนสนิทของพิคไปยุ่งเกี่ยวกับองค์กรแบบนั้นแน่”


“หมายความว่าไง...องค์กรงั้นหรอ?”


“เฮ้ออ..ช่างมันเถอะ เราง่วงแล้ว เข้านอนกันเถอะฟิน”


“อืม...”


           ฟินพยักหน้าตอบรับ แต่ในใจไม่ได้คิดจะปล่อยวาง เขารู้ว่าพิคเจอร์มีเรื่องไม่สบายใจแน่ๆ ถ้าให้เดาต้องเป็นเรื่องที่คุยกันกับชายหนุ่มทรงอำนาจหน้าตาหล่อเหลานั่นแน่นอนเลย


“เอ่อพิค!!!” ชายหนุ่มคว้าเข้าจับข้อมืออีกฝ่ายอย่างไม่สบายใจนัก


“หืมว่าไงฟิน?”


“พิคไม่ได้คิดอะไรกับผู้ชายหล่อๆสูงๆ ดูร่ำรวยคนนั้นใช่ไหม?”

...

...

“ถ้าเป็นคนที่เราคุยอยู่สนามบิน  เราขอบอกฟินได้อย่างไม่ลังเลเลยว่า ไม่มีทางแน่นอน ” ฟินเผยยิ้มดีใจที่ได้รับคำตอบนั้น เขาจะได้สบายใจ แต่หารู้ไม่ว่าอีกคนที่พิคเจอร์ไม่ได้เปรยบอกตรงๆนั้นคือ หยางเฟย


         และร่างบางนี้จะไม่มีทางรู้เรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือดของตัวเองแน่ จนกว่าฟ่านหยางเฟยจะเป็นคนจัดการเอง เพราะสิทธิ์นั้นคาดอสมอบให้ประมุขเสือแดงเป็นคนสานต่อเอง ทั้งนี้เพื่อเคารพอำนาจของอีกฝ่าย เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องของฟ่านหยางเฟยเองแต่เพียงผู้เดียว


:L2:


วันนี้ไม่โอเคเลย ปวดหัวนิดหน่อย เลยมาอัพช้า ถ้ามีคำผิดเยอะก็ขอโทษด้วยน้า  แต่ห้ามตัวเองไม่ให้อัพลงไม่ได้ กลัวคนอ่านรอ


:L1: :L1: :L1:


ออฟไลน์ princeofdark

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 12
«ตอบ #24 เมื่อ29-08-2016 00:11:20 »

สนุกมากเลยค่ะ อ่านรวดเดียวเลย
พิคน่าจะช็อคนะถ้าพิสูจน์แล้วผลออกมาว่าเป็นพี่น้องกัน
มาต่อไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน

ออฟไลน์ ราตรีสีน้ำเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 12
«ตอบ #25 เมื่อ29-08-2016 01:28:27 »

เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้าาา
รอตอนต่อไปค่ะ




 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fcsunaree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 12
«ตอบ #26 เมื่อ29-08-2016 04:06:07 »

ฟังแล้วเรี่องนี้ สนุกมากๆค่า มาต่อเร็วๆนะ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 12
«ตอบ #27 เมื่อ29-08-2016 12:37:55 »

ตอนที่ 13

นครมิลาโน แคว้นลอมบาเดียร์ ทางตอนเหนือประเทศอิตาลี


         ท่ามกลางราตรีอันหนาวเย็น สิ่งปลูกสร้างคล้ายบ้านพักตากอากาศสไตล์อิตาลี แม้มันจะดูกว้างใหญ่แต่สำหรับที่นี่กลับเป็นทั้งบ้านพักอาศัยและที่ซุ่มซ่อนตัวขององค์กรหนึ่ง  แต่ทว่าตอนนี้บนชั้นสามภายในห้องนอนห้องหนึ่งหันหน้าติดถนน กลับปรากฏแสงสว่างจากปล่องไปภายในห้อง ใครคนนั้นผู้เป็นเจ้าของห้องยังไม่ได้หลับใหล



         เปลวไฟที่สุมอยู่ในปล่องกำลังไหม้ได้ที่ ให้ความอบอุ่นยามค่ำคืนเป็นอย่างดี กับสีแดงฉานที่กระจายส่องทั่วห้องนั้นช่างงดงามเหมือนสีสัญลักษณ์แห่งองค์กรใหม่เหลือเกิน นัยน์ตาคู่นั้นกำลังปรากฏภายสะท้านเปลวเพลิงเหมือนกำลังเผาไหม้อยู่ในดวงตา เดาได้ว่าเขากำลังจ้องมองปล่องไฟอยู่  ท่าทางนั้นราวกับรอคอยใครคนหนึ่งในโทรศัพท์ติดต่อกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ



ครืดดดดด  ครืดดดด



“กว่าจะโทรมาได้นะ” เสียงทุ้มตำหนิปลายสายทันทีที่กดรับ


“ขอโทษครับพี่ พอดีช่วงนี้เขานอนดึก ต้องรอจนกว่าเขาจะหลับอีก นี่ก็แอบออกมาโทรหาพี่เลยนะ”


“อืม... ดี! เรื่องที่ฉันวานให้แกทำ สำเร็จไหม?”


“แผนของพี่สำเร็จครับ แต่...ไม่รู้ว่าฟ่านหยางเฟยจะเชื่อรึเปล่า”


“เสือแดงอย่างหยางเฟยไม่ใช่คนโง่ อีกอย่างอินทรีทองไม่ปล่อยให้อดีตเพื่อนรัก หันไปชอบพอกับน้องชายตัวเองหรอก!”


“พี่นี่เก่งนะ ให้คนติดตามดูการเคลื่อนไหวของคาดอสที่จีน ทั้งที่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดา ”


“แต่มันก็คุ้มไม่ใช่หรือไง? แผนนี้ฉันแค่ต้องการกำจัดฟ่านหยางเฟย ไม่อยากทนเห็นพี่ชายต้องมาชอบน้องชายตัวเอง ยังไงซะฟ่านหยางอี้ สายเลือดเสือแดงคนสุดท้องต้องเป็นของฉันคนเดียว”


“...” ปลายสายเงียบไป หลังจากได้ยินผู้พี่เอ่ยเป็นมั่นเหมาะอย่างนั้น


“เป็นอะไรไป...”


“ปะ...เปล่าครับ แต่พี่อย่าประมาทนะ ผมเจอตัวจริงเขามาแล้ว  คาดอสไม่ใช่คนโง่แน่นอน ตอนนี้ในใจลึกๆเขาคงรู้แล้วว่าปลอกกระสุนปืนของเราถูกเซตฉากขึ้นมา และคนอย่างคาดอสนั้นถ้าให้เดาคงจะเอาของสิ่งนั้นไปใช้ประโยชน์เพื่อตัดขาดความสัมพันธ์ที่กำลังจะถอนตัวไม่ขึ้นของสองพี่น้องแน่ครับ”


“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น เอาล่ะจับตาดูให้ดี ฟินกี้  อย่าให้ใครจับพิรุธนายได้ ดูกิริยาของเพื่อนสนิทนายให้ดี จับตาดูอย่าให้พลาด ฉันเชื่อว่าคาดอสคิดกับฟ่านหยางอี้แบบคู่รักแน่ ยิ่งตอนนี้มันรู้แล้วว่าสองชื่อเป็นคนคนเดียวกัน  ฉันยิ่งไม่ไว้ใจ ฉันต้องรีบกำจัดเสี้ยนหนามไปให้พ้นทางซะ”



“ผมไม่เข้าใจ ถ้าสมมติว่าพี่ไม่ชอบฟ่านหยางอี้ เมื่อ 20 ปีก่อนพี่จะบอกให้ป๊าฆ่าเขาไหม?”

        ปลายสายต้องการคำตอบ น้ำเสียงดูกังวลใจช่วยไม่ได้เพราะเหตุการณืนั้นเขาก็ยังเด้กมาก ไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก  แต่ที่ต้องถามเพราะกลัวว่าในอนาคตหากเฟอกัลพี่ชายของเขาหมดรักจากฟ่านหยางอี้แล้ว เกรงว่าชีวิตของเสือแดงคนน้องจะไม่ปลอดภัย เพราะในใจของเขาตอนนี้ก็แอบชอบฟ่านหยางอี้เต็มหัวใจแล้วเหมือนกัน


“ทำไมแกถามแบบนั้น?”


“ก็...ผมกลัวฟ่านหยางอี้จะไม่ปลอดภัย”


“นายไม่จำเป็นต้องรู้  รู้เพียงแค่ว่าฟ่านหยางอี้จะต้องปลอดภัยแน่นอน แกไปทำตามที่ฉันสั่ง เฝ้าจับตาดูฟ่านหยางอี้กับไอ้คาดอสให้ดี  หน้าที่แค่นี้ก็พอแล้ว”


“ครับพี่”  ปลายสายถูกตัดไป


           มุมปากแสยะยิ้มในที่มืดมีเพียงแสงไฟจากปล่องอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น หนุ่มคนดังกล่าวหมดห่วงกับแผนการของเขาแล้ว มันได้ผลดีทีเดียว ร่างสูงโปร่งเดินไปยังกรอบรูปสีทองขนาดใหญ่ที่ผนังห้องอีกฝั่ง ภาพวาดอันล้ำค่านั้นแขวนอยู่อย่างสง่างาม มันเป็นเครื่องเตือนใจเขาได้เสมอ


          ดอกเบญจพิษสีแดงสดเหมือนเลือด ดอกไม้ในจินตนาการ มีกลีบดอกซับซ้อนและเกสรพิษมรณะน่ากลัว ดอกไม้ชนิดนี้ไม่วันเกิดขึ้นมาได้บนโลก หากไม่ใช่องค์กรของเขาเป็นคนสร้างขึ้น และสร้างมาแบบไม่มีชีวิต เพราะมันเป็นแค่เพียงอาวุธที่ใช้สำหรับทำลายคร่าชีวิตคนต่างหาก



    องค์กร ดอกไม้พิษ อันน่ากลัว หากนำไปใช้ในทางที่ถูกมันก็จะเป็นผลดี แต่ถ้าใช้ในทางกลับกันนั่นคือความบรรลัย ไม่ต่างอะไรไปจากพลังที่เหนือมนุษย์ของพวกอินทรีทองที่มีอยู่


“รอก่อนนะป๊า ผมจะแก้แค้นพวกอิงจินเซ่อให้หมด ล้างบางมันไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว แล้วเบญจพิษกับเหลาสู่หงเซ่อ จะกลับมายิ่งใหญ่ครองโลกเคียงคู่ไปด้วยกัน!”



           ชายหนุ่มร่างโปร่งใบหน้าเรียวสวย พูดอย่างมุ่งมั่น หากย้อนกลับไป 20 ปี อายุเพียงไม่เท่าไหร่แต่กลับมีความแค้นและอิจฉาคาดอส ชายหนุ่มที่เกิดมาพร้อมกับความเยินยอสรรเสริญจากองค์กรเดียวกัน แม้แต่เสือแดงเองก็ตาม ส่วนเบญจพิษก็ทำชื่อเสียงไม่น้อยให้กับอินทรีทอง แต่คนพวกนั้นกลับไม่เห็นหัวบิดาของเขาแม้แต่น้อย


           สุดท้ายก็จบลงด้วยการถูกขับไล่ไสส่งออกจากเมืองจีน เมืองอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา ต้องหนีการไล่ล่าจากตำรวจแทบจะเอาชีวิตกันไม่รอด สุดท้ายก็ลงเอยปักหลักกันที่นี่ อิตาลีคือเมืองแห่งชีวิตของเบญจพิษ ที่นี่ชุบชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น  และตอนนี้เบญจพิษมีประมุขคนใหม่คือ เฟอกัล


         การหายสาบสูญไป และอยู่อย่างเงียบๆไม่เคลื่อนไหวไปไหนตลอด 20 ปีเลยของเบญจพิษ มันทำให้ประมุขใหญ่อินทรีทองอย่างคาดอสเชื่อสนิทใจว่าเบญจพิษตายหายสูญสิ้นหมดโลกแล้ว แต่น่าเสียใจตรงที่ไม่กี่วันมานี้ ประมุขหัวเรือคนใหม่ของเบญจพิษอย่างเฟอกัล  ลูกชายคนโตได้ประกาศการมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้ ให้คาดอสตกใจเล่นๆเท่านั้น


        แต่มันก็คุ้มค่า เพราะอย่างแรกที่ได้มา เขาช่วยให้ฟ่านหยางเฟยตาสว่าง อย่างที่สอง คาดอสมันกำลังหลงรักฟ่านหยางอี้ ยิ่งรู้ว่าบัดนี้สองชื่อนั้นคือคนคนเดียวกัน พวกมันจะต้องระแวงเป็นสองเท่าแน่ แต่เฟอกัล ชอบฟ่านหยางอี้ แต่ด้วยตำแหน่งที่ต้องดูแลองค์กร ทำให้เขาไม่อาจปรากฏตัวใกล้ชิดได้ จึงตัดสินใจส่งน้องชายไปดูแลแทนเมื่อเจ็ดปีก่อน ช่วงนั้นตรงกับที่อายุสองหนุ่มคนรักกับน้องชายกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยพอดี


          ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว เขาพร้อมที่จะยืนหยัดและเอาคืนคาดอสบ้าง เขาจะได้รู้ว่าเบญจพิษ ไม่ได้ถูกใครย่ำยีไม่ให้เกียรติไปได้ง่ายๆแบบเมื่อก่อนนี้แน่




สี่วันผ่านไป กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย



ก๊อกๆๆๆ



        เสียงเคาะประตูทำให้สองหนุ่มในห้องเริ่มรู้สึกตัว จริงๆนี่ก็สายมากแล้ว แต่เมื่อคืนทั้งสองคนนอนกว่าจะหลับ  เล่นเอาร่างกายทั้งสองตอนนี้อ่อนเพลียไปมากทีเดียว และโหยหาแต่เตียงนุ่มๆกับผ้าห่มนิ่มๆเท่านั้น


“ฟิน! วานไปดูหน้าประตูทีสิ ใช่บุรุษไปรษณีย์รึเปล่า”


“ได้ๆเดี๋ยวฟินไปดูให้”



          ชายหนุ่มเรือนร่างบอบบางไม่ต่างจากพิคเจอร์เท่าไหร่นั้น รีบเดินไปยังหน้าประตูห้อง แต่สิ่งที่เห็นจากรูเล้กๆหน้าประตู ทำให้หัวใจของฟินยิ่งเต้นแรงไปกันใหญ่ไม่ใช่เพราะความหล่อของฟ่านหยางเฟย แต่เป็นเพราะการมาเยือนของประมุขเสือแดงต่างหาก เขาต้องดึงสติอยู่มากพอสมควรก่อนตัดสินใจเปิดประตูออกไป


“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามาหาใคร?”


    ทั้งที่ในใจรู้ดีที่สุดแต่ฟินเองกลับแสร้งทำเป็นไม่เคยรับรู้อะไรมาก่อนเลยได้อย่างแยบยล


“ผมชื่อ ฟ่านหยางเฟย เป็นแฟน...ไม่สิ เป็นพี่ชายของพิคเจอร์ ตอนนี้เขาอยู่ไหม?” ประมุขเสือแดงยืนประชิดหน้าประตูเอ่ยแนะนำตัวพอสังเขปอย่างสุภาพ


“ก็...”


“เสียงเหมือนคุณหยางเฟยเลย ใช่รึเปล่าฟิน!” พิคเจอร์ตะโกนกลับออกมา


“ถ้าได้ยินชื่อเมื่อกี้ไม่ผิด ฟินว่าน่าจะคนเดียวกันแหละพิค” ร่างบางหันไปตอบเพื่อนอีกคนที่เพิ่งจะดีดตัวขึ้นมานั่งบนเตียง สีหน้ายิ้มแย้มดีใจที่สุด


“จริงหรอ ให้คุณหยางเฟยเข้ามาข้างในก่อนเร็ว!”


    ฟินได้ยินอย่างนั้นก็จำใจหลีกทางให้คนตัวใหญ่หน้าตี๋ สวมเสื้อผ้าสุดเนี๊ยบดูดีเข้ามาในห้อง โดยมีลูกน้องคนสนิทสองคนเดินตามเข้ามาด้วย ที่เหลือยืนนิ่งราวกับหุ่นปั้นเฝ้าหน้าห้องแทน


“สวัสดีครับคุณหยางเหย ไม่คิดว่าจะมาหาผมถูกด้วย”


“ลืมไปแล้วหรือไงว่าคุณให้ที่อยู่ผมเอาไว้ก่อนกลับมาเมืองไทยนะ”


   หยางเฟยเอ่ยพร้อมกับ พยายามจ้องมองใบหน้าเนียนใสของคนตรงหน้า ให้ตายสิมันช่างไม่ดีเอามากๆ เขายังคงคิดอะไรกับพิคเจอร์แบบคนรักมากทีเดียว ตอนนี้ขอเพียงพรเทพเทวดาช่วยเขาที ขอให้ผลการตรวจดีเอ็นเอครั้งนี้ไม่เป็นอย่างที่คาดอสว่ามาด้วยเถิด


“คุณหยางเฟยครับ ทำไมเอาแต่จ้องหน้าผมอย่างนั้นล่ะ” คนตัวเล็กรู้สึกเขิน


“อ้อ..เปล่าหรอก รู้สึก...คิดถึงน่ะ” หยางเฟยเปรยพร้อมรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นมันคือความคิดถึงฟ่านหยางอี้น้องชาย
เขา หรือว่าคิดถึง พิคเจอร์ที่เป็นคนรักของเขากันแน่


“พิค! เดี๋ยวฟินขอตัวออกไปซื้อของก่อนนะ!” จู่ๆฟินก็เอ่ยขึ้นมา


“อ้าว ซื้ออะไรอีกล่ะ ของในห้องก็มีมากมาย?”


“เท่านี้จะไปพอได้ไง คนสำคัญของพิคมาทั้งที ฟินออกไปหาซื้ออะไรมาเพิ่มจะดีกว่า”


“ไม่ต้อง! ผมแค่แวะมาหาพิค อาหารเช้าผมทานมาเรียบร้อยแล้ว” หยางเฟยหันไปมองฟินด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


“แล้วนี่คุณมาเมืองไทยมีธุระอะไรรึเปล่าครับ” พิคเจอร์ชวนคุยต่ออย่างเคยชิน แต่ตอนนี้หยางเฟยไม่ได้ผ่อนคลายเคยชินเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขามีแต่ความลังเลใจ และกลัวรับความจริงไม่ได้


“พิคเจอร์! วันนี้คุณว่างไหม?”


“ว่างสิครับ ทำไมหรอ?”


“ผมอยากขอร้องและชวนคุณไปทำอะไรสักอย่างหน่อย คุณไปกับผมได้ไหม?”


“ไปไหนล่ะครับ” ร่างบางกว่ายิ้มกว้างให้อีกฝ่าย


“ไปตรวจดีเอ็นเอกับผม”


“ดีเอ็นเอ!! ตรวจทำไมหรอครับคุณหยางเฟย?”


“นะครับ ถ้าคุณยอมตรวจ ผมจะบอกเหตุผล....ว่าทำไม!!!” หยางเฟยเสนอเงื่อนไขที่ลึกลับกลับ


“...” พิคเจอร์มองดวงตาของฟ่านหยางเฟย มันไม่ปรากฏคำตอบใดๆเลย แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าคนตัวสูงหน้าตี๋ตรงหน้านี้ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีหรือทำร้ายเขาแน่นอน


“นะครับ คนดี” หยางเฟยเอ่ยอ้อนวอนอีกครั้ง พรอ้มเอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆอย่างอ่อนโยน


“ก็ได้ครับ เดี๋ยวยังไงขอผมอาบน้ำก่อนแล้วกันนะครับ”

“อืม ผมจะรอ”


             พิคเจอร์โผเข้ากอดร่างกำยำหนึ่งครั้งก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ตอนนี้ในห้องก็เหลือแต่ฟิน หยางเฟย เจียนเหมิง และอินจือแล้ว  เป้าสายตาตอนนี้คงจะหนีไม่พ้นฟินแล้วสิ!



...เวลาผ่านไป ฟ่านหยางเฟยพาพิคเจอร์ไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด  ภายในห้องก็เหลือแต่ฟิน สิ่งเดียวที่เขาจะทำในเวลานี้ก็คือ โทรหาใครบางคนที่รอคอยคำตอบนั้นอย่างใจจดใจจ่อ


“ฟ่ายหยางเฟยมาที่นี่ ตอนนี้พาฟ่านหยางอี้ไปตรวจดีเอ็นเอแล้วครับ”


“ดี!! แกทำได้ดี ทันทีที่สองคนนั้นปรับความเข้าใจระหว่างพี่กับน้องได้แล้ว ฉันจะเป็นคนแรกที่คว้าหัวใจพิคเจอร์มาครอง ไม่ใช่ไอ้คาดอส”


“ครับ”


“แกเองก็เหมือนกัน อย่างประมาทล่ะ ห้ามให้ใครจับได้เด็ดขาดว่านายคือนายน้อยเบญจพิษ”


“แต่ผมไม่อยากเป็นนายน้อย ผมอยากมีชีวิตอยู่ปกติ”


“เลิกเพ้อเจ้อไร้สาระสักทีฟินกี้ นายเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เพราะฉะนั้นอย่าปฏิเสธฟ้าดิน”


   ปลายสายถูกตัดไปจากพี่ชายที่กำลังหงุดหงิดเขา  ความกลุ้มใจถาโถมเข้ามาในอกอีกครั้ง ถึงเฟอกัลพี่ชายจะบอกความสามารถพิเศษของคาดอสและคนสนิทจนหมด แต่ก็ไม่รู้อีกนานแค่ไหนที่เขาจะปิดบังไปได้อย่างนี้





มหานครปักกิ่ง ประเทศจีน


“บอสครับ บอสกำลังสงสัยปลอกกระสุนปืนอยู่อีกหรอครับ”  ไดนาดินเอ่ยถามหลังจากคาดอสกินข้าวเสร็จก็เอาแต่ยกสิ่งที่อยู่ในซองซิปพลาสติกใสขึ้นมาดู


“ใช่ ...อันที่จริงฉันก็พูดไปอย่างนั้น ว่าเบญจพิษมักลงมือทำอะไรแล้วมีหลักฐานด้วยเสมอ เพื่อให้น้ำหนักหลักฐานดึงดูดความเชื่อให้หยางเฟยได้  แต่แท้จริงแล้ว ทุกครั้งที่เบญจพิษลอบทำร้ายคนอื่นเขาประมาทเลินเล่อเกินไปจนเผลอทำหลักฐานตกเอาไว้ต่างหาก หลายครั้งที่ทางการสาวความมาถึงตัวได้ยังไงล่ะ”



“แล้วมันเกี่ยวกันยังไงกับปลอกกระสุนปืนนี้ครับบอส?”


“ก็เพราะว่าปลอกกระสุนปืนนี้ เป็นของพวกเราเอง เราสั่งทำพิเศษ และที่น่าสนใจ เบญจพิษไม่ช่ำชองและชำนาญการใช้ปืนแม้แต่น้อย อาวุธเดียวที่พวกนั้นจะใช้คือดอกไม้มรณะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่มันจะใช้ปืน”



“ผมไม่เข้าใจครับบอส?”


“สรุปง่ายๆ เบญจพิษต้องการประกาศตัวว่าพวกเขายังไม่ตาย และที่สำคัญ รูปเบญจพิษที่สลักลงข้างปลอกกระสุน มันกำลังเย้ยเรา แต่ที่น่าเจ็บใจคือเราไม่มีทางรู้เลยว่ามันกำลังเย้ยเราเรื่องอะไร”


“อย่างนี้นี่เอง! บอสถึงได้กลุ้มใจ” ไดนาดินเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว


“เป็นไปได้ว่าลูกชายของผู้นำเบญจพิษนั้นจะยังไม่ตาย!”


“บอสรู้จักพวกเขาด้วยหรอครับ?”


“อืมใช่!!! เพราะเมื่อก่อนฉันโตพอที่จะจำความได้ ถ้าเดาไม่ผิด สองพี่น้องนั่นชื่อ...เฟอกัลกับฟินกี้  นี่อาจจะเป็นการบอกอะไรเราบางอย่างว่าพวกมันกำลังกลับมาล้างแค้นแทนพ่อของมัน!” ดวงตาคาดอสไม่คิดหวั่นไหว เพียงแต่เจ็บใจที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มตามจับตัวไอ้พวกนี้ได้จากที่ไหนก็เท่านั้นเอง


           แต่ในความกลุ้มใจนั้น ชื่อคนน้องขององค์กรเบญจพิษ สุดแสนจะคุ้นหูไดนาดินได้ไม่นานมานี้ มันทำให้ใบหน้าของ ฟิน เพื่อนสนิทของ พิคเจอร์ลอยมาทันที แต่...มันคงไม่ใช่อย่างที่เขาคิดก็ได้ มันคงไม่มีอะไรเลวร้ายขนาดนั้นหรอกจริงไหม?...



:L2:


ตายแล้วววว  หนอนบ่อนไส้อยุ่ใกล้แค่นี้ ทำไมไม่มีใครรู้นะ???  ต้องโทษผู้แต่งใช่ไหมที่ปกปิดความลับนี้มานาน จนกระทั่งถึงตอนล่าสุด 5555   หัวเราะได้ หายปวดหัวแล้ว  ขอบคุณผู้อ่านทุกคนทั้งคนมาใหม่และคนเก่า  ฝากติดตามต่อไปนะ ว่าแต่ พิคเจอร์นี่เขาฮอตเนาะ สงสัยฟีโรโมนดึงดูดเพศเดียวกันได้ดีเยี่ยมแน่ๆ


:pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ ราตรีสีน้ำเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 13
«ตอบ #28 เมื่อ29-08-2016 13:14:17 »

o22 o22 o22 o22 o22




ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: เหนือมนุษย์ ตอนที่ 13
«ตอบ #29 เมื่อ29-08-2016 20:30:04 »

พิคเจอร์มีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย เพราะเสน่ห์ของตัวเองล้วนๆ เลยนะนิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด