[YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 11 บทส่งท้าย [อัพ 30/11/2016] END  (อ่าน 16700 ครั้ง)

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
 :jul3:ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2016 11:37:22 โดย Take »

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: Mirrow ผู้ชายในกระจก [YAOI] - บทนำ
«ตอบ #1 เมื่อ22-08-2016 20:37:49 »

ตัวละคร

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: Mirrow ผู้ชายในกระจก [YAOI] - บทนำ
«ตอบ #2 เมื่อ22-08-2016 20:39:44 »

Intro


...กระจกวิเศษเอ๋ย จงบอกถ้าเถิด ใครงามเลิศที่สุดในปฐพี...


ถ้าเกิดตอบคำถามนั้นได้ จะบอกทันที


...ท่านนี่แหละ งามที่สุดในปฐพี


สายตาคมทอดมองตรงไปยังเบื้องหน้าอย่างหลงใหลให้กับรูปลักษณ์ที่เห็น คำถามที่แม่มดในเรื่องสโนไวท์ที่เป็นนิทานหลอกเด็กที่มักจะพูดคุยกับกระจกเป็นประจำผุดขึ้นมาในหัวของชายหนุ่มอย่างช่วยไม่ได้


ความฝัน


หรือความจริง


ไม่รู้...ไม่รู้อะไรสักอย่าง


เขารู้แค่ว่าคนที่อยู่ตรงหน้ามันงดงามมากเกินกว่าจะกลัว เรือนผมสีขาว ดวงตาสีดำสนิท ผิวที่ขาวซีด ใบหน้ารูปไข่กับรูปร่างที่เล็กสันทัดพอดีตัว สวมเสื้อแขนยาวสีขาวสะอาดมีระบายตรงคอนิดหน่อย ถ้าเจอตามท้องถนนปกติ ชายหนุ่มอาจคิดได้ว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งที่งดงาม


แต่นี่ไม่ใช่


ผู้ชายร่างเล็กคนนั้น กำลังยืนอยู่ในกระจก!




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2016 00:05:55 โดย Take »

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 1.1 [อัพ]
«ตอบ #3 เมื่อ23-08-2016 07:03:03 »


ลอนดอน 1880


"จะย้ายไปจริงๆ เหรอ"


เป็นอีกครั้งที่ 'เอ็ดเวิร์ด เนวิลล์' ต้องมานั่งตอบคำถามของใครหลายๆ คนที่เอ่ยถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เว้นแม้แต่กระทั่ง 'วิกเตอร์ เกรย์' ผู้เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขา


ชายหนุ่มถอนหายใจออกมานิดหน่อย ถึงจะเบื่อหน่ายแต่เขาก็หันมาตอบคำถามเช่นเคย อีกอย่างวิกเตอร์ก็ไม่เหมือนกับบรรดาคนที่เขารู้จักเท่าไหร่ ถึงจะถูกถามคำถามแบบเดียวกันแต่วิกเตอร์ก็แค่ถามด้วยความอยากรู้ซะมากกว่าและไม่เคยคิดที่ห้ามปรามหรือร้องขอให้เขาไม่ต้องย้ายออกไปเหมือนคนอื่นๆ


“ใช่” เอ็ดเวิร์ดตอบสั้นๆ


"แล้วจะย้ายไปเมื่อไหร่" ใคร่ความอยากรู้วิกเตอร์จึงถามไปอีกรอบ


"...พรุ่งนี้"


"เร็วขนาดนั้นเชียว?" วิกเตอร์ขมวดคิ้ว


เอ็ดเวิร์ดทำได้แค่เพียงยิ้มบาง...


ตระกูลเนวิลล์เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในกรุงลอนดอน ผลิตทั้งของเล่น เสื้อผ้าสตรีและของนำเข้ามากมายจากต่างประเทศ มีผู้บริหารชื่อว่า เอิร์น มาวิส เนวิลล์ และภรรยาชื่อ มาดาม ไดอาน่า เนวิลล์...เอ็ดเวิร์ดเป็นลูกชายคนโตและมีน้องชายที่อายุห่างกันไม่มากชื่อว่า ดอม เนวิลล์


แน่นอน...ลูกชายทั้งสองคนย่อมเป็นความหวังของวงษ์ตระกูล แต่ดอมกลับไม่เลือกเส้นทางเดินที่มาวิสขีดไว้ให้



'ไอ้ลูกไม่รักดี! แกจะทำให้ฉันปวดหัวไปถึงไหน!!!' มาวิสตะโกนลั่นใส่ลูกชายคนเล็กเมื่อเขาไม่ยอมทำตามคำสั่ง


'ผมไม่อยากทำ! คุณพ่อได้ยินไหมว่าผมไม่ชอบ!'



ดอมแหกกฎของบ้านและทำตัวเสเพล ไม่สนใจทรัพย์สมบัติหรือแม้กระทั่งบริษัท ก่อปัญหามากมายจนมาวิสต้องส่งไปอยู่ที่อื่นตั้งแต่ยังเด็กและเอาทุกอย่างมาลงที่เอ็ดเวิร์ดผู้เป็นความหวังเดียว


'ดีมากเอ็ดเวิร์ด ลูกเป็นความภาคภูมิใจของพ่อ' ร่างสูงลูบไปที่เรือนผมสีน้ำตาลเข้มพลางเอ่ยปากชมด้วยความภาคภูมิใจ


'ครับ คุณพ่อ'



เอ็ดเวิร์ดยิ้มบาง...เขารู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อยที่ถูกชมและเขาจะต้องพยายามมากกว่านี้อีก เอ็ดเวิร์ดในวัยเด็กคิดว่าเขาจะไม่เป็นแบบดอมเด็ดขาด!


เอ็ดเวิร์ดจึงใช้ชีวิตแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ ในทุกๆ วันต้องเรียนอย่างต่ำวันละแปดชั่วโมง ท่องตำราเรียนอย่างหนัก ออกสังคม ทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองเหมาะสมกับคำว่าผู้สืบทอด แล้วเอ็ดเวิร์ดก็ทำได้ดีมาโดยตลอด เพราะการที่ต้องอยู่กับหนังสือทุกวันทำให้เอ็ดเวิร์ดต้องสวมแว่นตาตั้งแต่เด็ก จนช่วงเวลาผ่านล่วงเลยไปหลายปี เอ็ดเวิร์ดได้เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้วนั่นเองก็ทำให้เขารู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง...เธอชื่อว่าเลดี้ พริซซิลล่า ดักลาส ซึ่งเธอเป็นลูกสาวของนักธุรกิจใหญ่เช่นกัน


'ยินดีที่ได้รู้จักคะ เอ็ดเวิร์ด' พริซซิลล่ายิ้มสวย


'ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก'



เอ็ดเวิร์ดมองพริซซิลล่าอย่างหลงใหลไปกับความงามของเธอ หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงและวาดหวังไว้ว่าเธอผู้นี้แหละที่จะอยู่เคียงข้างกาย...จนกระทั่งทุกอย่างก็มาเปลี่ยนไป


เมื่อดอมกลับมาอีกครั้ง


'แกจะกลับมาทำไม! ไอ้ลูกนอกคอก!'


ด้วยความโกรธที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัวผู้เป็นบิดา...มาวิสยังคงโกรธดอมไม่หายที่เจ้าตัวมักทำเรื่องให้เขาอับอายอยู่เสมอ
'ผมก็จะมาพิสูจน์ให้คุณพ่อเห็นนะซิ! ว่าผมเองก็ทำได้เหมือนกัน' ดอมเผยยิ้มอย่างคนมั่นใจ


มาวิสมองหน้า 'หึ ก็ได้...ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าแกจะทำได้ดีขนาดไหน' เสียงมาวิสประกาศกร้าว 'ฉันจะให้แกแข่งกับเอ็ดเวิร์ด! ถ้าแกชนะเอ็ดเวิร์ดได้ฉันจะยอมรับแก แล้วจะไม่บังคับแกอีก!!!'


เอ็ดเวิร์ดที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแน่นิ่งไปกับคำสั่งของบิดา เพราะความทะนงตัวที่คิดว่าตัวเองต่างหากที่จะเป็นผู้ชนะทำให้ร่างสูงเกิดความย่ามใจ เอ็ดเวิร์ดในตอนนั้นคิดว่าเขาที่ต้องร่ำเรียนมาอย่างหนัก ไม่มีทางแพ้ให้กับคนที่ไม่เอาไหนอย่างดอมแน่ๆ
แต่เอ็ดเวิร์ดคิดผิด


เขาแพ้...


'ทำได้ดีมาก ฮ่าๆ'


‘ขอบคุณครับคุณพ่อ’



เสียงหัวเราะและคำติชมถูกแปรเปลี่ยนเป็นอีกคนทันที เอ็ดเวิร์ดแค่แพ้ยังไม่พอ เขายังสูญเสียหญิงที่รักให้กับน้องชายตัวเองด้วย
พริซซิลล่า...หญิงที่เอ็ดเวิร์ดหมายมั่นปั้นมือจะให้เป็นเจ้าสาวในอนาคตแต่กลับถูกคนที่เพิ่งมาทีหลังอย่างดอมแย่งไปหน้าตาเฉย แต่มันจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวของเขาเองที่เป็นคนนิ่งๆ เรียบๆ วันๆ ก็บ้าแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้พริซซิลล่า...เอ็ดเวิร์ดยอมรับว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปก็ตั้งแต่ดอมกลับเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง และด้วยความทนไม่ไหวเขาก็เลยขอออกมาอยู่ข้างนอก หาบ้านหลังเล็กๆ เป็นของตัวเองก่อนที่จะย้ายเข้าไป


เพื่อหลีกหนีและเริ่มต้นใหม่ที่นั่น




 :mc4: :mc4: :mc4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2016 18:08:33 โดย Take »

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 1.2 [อัพ]
«ตอบ #4 เมื่อ24-08-2016 19:07:04 »



"...เวิร์ด...เอ็ดเวิร์ด!"

!!?

ร่างสูงสะดุ้งเมื่อถูกวิกเตอร์เอ่ยเรียกเสียงดัง แต่ถึงกระนั้นเอ็ดเวิร์ดก็ยังคงท่าทีได้ดีสมกับที่ถูกฝึกอบรมมา ชายหนุ่มขยับแว่นที่สวมใส่ประจำนิดหน่อยพลางมองหน้าคนเรียกด้วยสีหน้านิ่งเรียบเหมือนอย่างเคย

“ฉันถามว่า นายจะไปดูของกับฉันไหม”

“...อืม”

เอ็ดเวิร์ดพยักหน้ารับเบาๆ เพราะเขามัวแต่คิดเรื่องอื่นที่ไม่สมควรคิดเลยทำให้ไม่ได้ฟังที่วิกเตอร์กำลังพูดอยู่
มันเป็นคำหลังที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่

วิกเตอร์ทำได้เพียงแค่ผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วมองเพื่อนสนิทของตัวเอง เขารู้จักนิสัยของเพื่อนคนนี้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าภายนอกจะเป็นคนเข้มแข็ง ดูดีและมีระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว แต่ภายในลึกๆ แล้วเอ็ดเวิร์ดกลับเปราะบางง่ายยิ่งกว่าใครทั้งหมด
จากเพื่อนในวัยเด็กเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นและเข้าสู่วัยหนุ่มในที่สุด แต่วิกเตอร์ก็แทบไม่เคยเห็นเอ็ดเวิร์ดทำสีหน้าอื่นนอกจากสีหน้าแน่นิ่ง หรือบางทีแทบจะเรียกได้ว่าแทบไม่เคยเห็นรอยยิ้มของเอ็ดเวิร์ดเลยสักครั้ง
วิกเตอร์ก็ทำได้เพียงแค่หวังเล็กๆ ว่าสักวันหนึ่งจะมีใครสักคนผ่านก้าวเข้ามาแล้วทำให้คนที่แข็งทื่ออย่างเอ็ดเวิร์ดยิ้มได้ก็เท่านั้น
.

.
.

วิ้ง...

ภายในร้านขายของเก่าที่มีข้าวของวางอยู่เรียงราย ด้านลึกๆ กลับมีสิ่งหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางห้อง สิ่งนั้นมีผ้าผืนสีขาวปิดทับอยู่กำลังส่องแสงสว่างจ้าวับวาบเบาๆ

...ออกไป

…ออกไปจากที่นี่


เสียงที่แผ่วเบาเอ่ยพูดก่อนที่จะหายไปในที่สุดโดยที่คนอยู่ภายในร้านไม่ทันสังเกตเห็นแม้เพียงนิด

.
.

“เอ็ดเวิร์ด”

น้ำเสียงใสของพริซซิล่าเอ่ยเรียกอดีตคนรัก วันนี้เธอมาหาดอมที่บ้านแต่ระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าไปก็เจอกับเอ็ดเวิร์ดพอดี พริซซิล่าเม้มปากแน่นก้มหน้าต่ำมองพื้นอย่างไม่กล้าที่จะสู้หน้าเอ็ดเวิร์ดเท่าไหร่ เพราะเรื่องนี้เธอเป็นคนผิดเต็มประตู ในตอนแรกที่เธอเจอกับเอ็ดเวิร์ด พริซซิล่ายอมรับว่าเธอเองก็พึงใจในตัวของเขาเหมือนกัน...เอ็ดเวิร์ดเป็นผู้ชายที่เก่งและสุขุมพร้อมทั้งอนาคตที่ดีแต่มันก็มีบางอย่างมาทำให้ พริซซิล่ายังไม่อาจตกลงปลงใจกับเขาได้ จนกระทั่งได้มาเจอกับดอม...ผู้ชายที่แสนร่าเริงและมีเสน่ห์ จึงทำให้ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้พริซซิล่าตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น

“คุณสบายดีเหรอคะ”

คำถามง่ายๆ แต่มันก็เป็นคำถามที่พริซซิล่าคิดออกในตอนนี้ ร่างบางส่งสายตาสั่นระริกมองอดีตคนรักอย่างกลัวๆ

“ผมสบายดี”

แต่เอ็ดเวิร์ดก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะรักหน้าของหญิงสาว เขาทำเพียงแค่ยิ้มตอบ เขาพยายามที่จะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษถึงแม้ว่าหัวใจจะเจ็บสักเพียงไหนก็ตาม เอ็ดเวิร์ดอยากจะเข้าไปกอดร่างเล็กๆ ของเธอแล้วถามว่าทุกอย่างมันเป็นแค่ความฝันเท่านั้นใช่ไหม แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งๆ

“เอ่อ ฉัน...” หญิงสาวมองหน้าของเอ็ดเวิร์ด ตั้งท่าจะพูดบางอย่างออกมา

“พริซซิล่า”

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยพูดอะไร น้ำเสียงทุ้มต่ำก็ดังมาจากทางด้านหลัง ร่างสูงเดินเข้าหาพริซซิล่าแล้วโอบลำคอบางของเธอเอาไว้อย่างหวงแหนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ดอมมองพี่ชายตัวเองก่อนที่จะทักขึ้นตามประสาพี่น้อง

“อ้าวพี่ อรุณสวัสดิ์”

ถึงจะอายุห่างกันแค่ปีเดียว แต่ด้วยกฎของบ้านแล้วดอมจึงได้เรียกว่าเอ็ดเวิร์ดว่า ‘พี่’ แต่ถึงอย่างนั้นดอมก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด กลับกันเขากลับออกจะชื่นชมในตัวของเอ็ดเวิร์ดซะมากกว่าที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูถูกอกถูกใจมาวิสไปซะหมด ถ้าเปรียบเทียบกับลูกที่ไม่เอาไหนอย่างเขาก็เป็นแค่เจ้าตัวก่อปัญหาที่มักจะทำให้มาวิสปวดหัวซะมากกว่า พอคิดๆ แล้วมันก็ช่างน่าขำดีนัก

“อรุณสวัสดิ์” เอ็ดเวิร์ดยิ้มบาง

“ผมกำลังจะพาพริซซิล่าไปเที่ยวในเมือง พี่ไปกับผมไหม”

“ไม่ละ พวกนายไปกันเถอะ”

“ทำไมละพี่ ยังไงซะวันนี้พี่ก็ต้องไปซื้อของเข้าบ้านใหม่อยู่แล้วนี่ เราไปด้วยกันสิ” ดอมยังคงเอ่ยชวนด้วยสีหน้าสดใสและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

แต่มันทำให้เอ็ดเวิร์ดอึดอัด

“อืม”

เอ็ดเวิร์ดพยักหน้ารับ แต่มันกลับเป็นคำตอบรับที่ไม่ค่อยทำให้เขาพอใจสักเท่าไหร่ ถ้าหลีกเลี่ยงที่จะไม่เจอกับดอมได้เขาก็จะทำ แต่นี่น้องชายเขามาร้องขอขนาดนี้จะให้ตอบปฏิเสธก็คงจะไม่ใช่เรื่อง

การเดินทางด้วยรถยุโรปคันหรูที่มีม้าเป็นพาหนะในการขับเคลื่อน มันเป็นรถที่ดีที่สุดแล้วสำหรับคนในลอนดอน บรรยากาศในตลาดภายนอกก็คึกคัก พ่อค้า แม่ค้าต่างก็เร่กันขายของอย่างจ้าละหวั่น เด็กๆ ทั้งหญิงและชายต่างก็วิ่งซกซนไปในซอกซอยต่างๆ แต่คงจะเป็นแค่ภายนอกเท่านั้นที่ดูสนุกสนานแต่บรรยากาศภายในรถตอนนี้มันกำลังดูอึดอัด

ยกเว้นก็แต่กับดอม

เขายังคงร่าเริงและมองสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็นและซุกซนราวกับเด็กๆ ท่ามกลางความอึดอัดของพริซซิล่า เอ็ดเวิร์ด และวิกเตอร์... ทุกการกระทำของดอมมันช่างทำร้ายจิตใจของเอ็ดเวิร์ดไม่น้อย แต่เขาก็ต้องทนมองเห็นภาพบาดตาบาดใจโดยที่ไม่ได้แสดงท่าทีหรือปริปากพูดแต่อย่างใด

รถม้าคันหรูจอดเทียบริมถนนที่เป็นถนนคนเดิน ที่นี่มีแหล่งซื้อของมากมายให้จับจ่ายใช้สอย พริซซิล่าและดอมต่างก็เดินดูของกันไปเรื่อยเปื่อยโดยที่มีเอ็ดเวิร์ดเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง ยิ่งเห็นก็ยิ่งทำให้ใจของชายหนุ่มเจ็บปวดราวกับว่ามีมีดกรีดลงมาที่ใจของเขาให้เหมือนตายทั้งเป็น

หนึ่งคนก็น้องชาย

หนึ่งคนก็คนเคยรัก

.
.
ฟิ้ว...

...ออกไป

ในขณะที่ร่างสูงกำลังอยู่ในห้วงภวังค์ของตัวเองอยู่ จู่ๆ สายลมอ่อนๆ ก็พัดปลิวไสยพร้อมกับเสียงเพรียกเบาๆ จนแทบไม่ได้ยิน
เอ็ดเวิร์ดหันซ้ายหันขวาแต่ก็ไม่พบเสียงที่ได้ยินแต่อย่างใด จนคิดว่าคงหูฟาดก็เท่านั้น จนกระทั่งสายตาของชายหนุ่มไปสะดุดตากับร้านขายของเก่าที่ตั้งตระหง่านตาอยู่ตรงหน้า เหมือนมีอะไรมาดลใจทำให้ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในร้านอย่างช้าๆ
ภายในถูกประดับประดาด้วยสินค้ามือสองมากมายที่วางอยู่เรียงราย มันถูกจัดเป็นหมวดเป็นหมู่ แสงไฟที่สลัวๆ ทำให้บรรยากาศภายในร้านดูน่ากลัวไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเอ็ดเวิร์ดก็ยอมรับว่าข้าวของที่นี่ยังดูใหม่อยู่และยังเหมือนไม่ได้ใช้หรือไม่ก็คงเป็นเพราะเจ้าของร้านเอามาทำใหม่จนมันยังดูสภาพดีแบบนี้ก็เป็นไปได้

เอ็ดเวิร์ดเดินดูของไปเรื่อยๆ จนไปถึงมุมๆ หนึ่ง เขามองไปรอบๆ อย่างวินิตฉัยจนกระทั่งสายตาคมสะดุดกับของสิ่งๆ หนึ่ง
มันถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวสะอาด

มันถูกตั้งอยู่ตรงหน้าไม่ห่างจากตัวเขา

ด้วยความอยากรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าผืนนี้ เขาจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปจับผ้าตรงหน้าก่อนที่จะกระตุกเบาๆ เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นผ้าสีขาวผืนใหญ่ก็ร่วงหล่นกับพื้นช้าๆ

“กระจก?”

เอ็ดเวิร์ดพูดกับตัวเองเมื่อเห็นสิ่งที่ถูกปกปิดเอาไว้ มันเป็นกระจกผืนใหญ่ที่สง่างาม ดูเก่า แต่ก็ยังคงความสวย
ราวกับว่าเอ็ดเวิร์ดถูกมนต์สะกดอีกครั้ง

ทุกอย่างรอบตัวเงียบงัน ดวงตาภายใต้แว่นตากรอบหนากำลังเหม่อลอย เอ็ดเวิร์ดกำลังไร้สติ สมองที่เคยปราดเปรื่องในตอนแรกเริ่มไม่สั่งการและเขาไม่เห็นอะไรรอบตัวนอกเสียจากกระจกบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
เอ็ดเวิร์ดเอื้อมมือแตะกระจกใสอย่างไม่รู้ตัว มันมีบางอย่างดึงดูดเขา

ข้างใน...

...ออกไป

ข้างในนั้น...

...ออกไปจากที่นี่


“เอ็ดเวิร์ด!”

เฮือก!

ร่างสูงสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ก็ถูกเอ่ยเรียกจากทางด้านหลัง เป็นวิกเตอร์นั่นเองที่กำลังเรียกเขา ชายหนุ่มงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองชั่วครู่ เขาไม่แน่ใจว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ เหมือนอยู่ในความฝันแต่ก็ไม่ใช่

“นี่ฉัน...” เอ็ดเวิร์ดตั้งท่าจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ แต่ก็เปลี่ยนใจเป็นนิ่งเงียบแทน ถึงพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ สู้เขาเงียบๆ ไปจะดีกว่า

“นายเข้ามาทำอะไรที่นี่” วิกเตอร์ขมวดคิ้วพลางมองไปที่เพื่อนสนิทและกระจกที่อยู่ด้านหลัง

“แค่เดินมาดูของนะ”

เอ็ดเวิร์ดเอ่ยเสียงเบา เขาหันไปมองกระจกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่รู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่เห็น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ถึงจะเป็นของมือสองแต่มันก็ทำให้เขาหลงใหลไปกับความสวยงามนั้นไม่ยาก

“เอ็ดเวิร์ด?”

วิกเตอร์เรียก เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเขากันแน่ ตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วก็ดูแปลกๆ ชอบกล

“ฉันอยากได้กระจกบานนี้”

แล้วนั้น...คือสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดเอ่ยออกมาหลังจากจ้องมองอยู่นาน



 :mc4:

ติชมได้นะคะ เทคไม่กัด ฮ่าๆ ><

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 1.2 [อัพ]
«ตอบ #5 เมื่อ24-08-2016 19:33:26 »

สงสารเอ็ดเวิร์ดดด

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 1.2 [อัพ]
«ตอบ #6 เมื่อ24-08-2016 23:50:25 »

สงสารเอ็ดเวิร์ดดด

เอ็ดน่าสงสารจริงงง คือเอ็ดต้องพยายามมากเลยกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0



หนึ่งวันที่ผ่านพ้นไปอย่างกระอักกระอ่วน สำหรับเอ็ดเวิร์ดแล้วมันคงเป็นวันที่แย่ที่สุดก็ว่าได้ ดอมไม่ได้แค่จะพาพริซซิล่าไปเที่ยวกับเขายังไม่พอ แต่ดอมยังร้องขอขอตามไปยังบ้านใหม่ของเขาด้วย แล้วมันก็สร้างความอึดอัดให้เอ็ดเวิร์ดไม่น้อย


เขาไม่อยากให้คนในครอบครัวรู้ ไม่อยากให้ดอมเข้าไปเหยียบที่บ้านของเขา ดังนั้นเอ็ดเวิร์ดจึงพยายามหาข้อโต้แย้งและข้ออ้างต่างๆ เพื่อให้ดอมไม่ไป เขาอ้างว่าที่นั้นยังคงรก ยังไม่ได้ทำความสะอาดหรือเก็บกวาดแต่อย่างใด ซึ่งในตอนแรกดอมก็ดูท่าจะไม่ยอมง่ายๆ แต่เพราะได้วิกเตอร์ช่วยยกเรื่องของ พริซซิล่ามาอ้างว่าไม่เหมาะที่จะพาผู้หญิงเข้าไปในที่แบบนั้น ดอมจึงได้ยอมง่ายๆ แม้ว่าเจ้าตัวจะรู้สึกขัดใจอยู่บ้างก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าดีไป


“เรียบร้อยแล้วครับนายท่าน”


ชายหนุ่มร่างกำยำเอ่ยขึ้นพร้อมกับได้ทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ เอ็ดเวิร์ดพยักหน้ารับก่อนที่จะมอบเงินให้เพื่อเป็นสินน้ำใจตอบแทน


หลังจากที่ดอมกับพริซซิล่าและวิกเตอร์ระหว่างทางแล้ว เขาก็สั่งให้คนเอากระจกบานที่เห็นในร้านขายของเก่าเอากลับมาด้วย ทุกอย่างเริ่มเตรียมการเสร็จเรียบร้อย บ้านชั้นเดียวหลังเก่าก็ถูกตกแต่งขึ้นมาใหม่จนสวยราวกับบ้านใหม่เลยก็ว่าได้
เหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่วันเอ็ดเวิร์ดก็คงจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่อย่างเต็มตัว


“เฮ้อ”


เอ็ดเวิร์ดถอนหายใจพลางขยิบแว่นตาออกไปวางข้างโต๊ะ เขาเอนตัวลงนอนกับโซฟาตัวหนาผืนสีเทาเข้มด้วยความอ่อนล้า


เสียงลมพัดอ่อนๆ


เสียงใบไม้ที่ปลิวสไสว


กลิ่นไม้


แล้วเพียงไม่นานนักร่างสูงก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
.
.


เอ็ดเวิร์ดกำลังฝัน...


ในความฝันของเขาเต็มไปด้วยป่าทึบ ร่างสูงเดินไปรอบๆ ด้วยสีหน้านิ่งเรียบภายใต้กรอบแว่นตาหนาเหมือนอย่างเคย เอ็ดเวิร์ดไม่เคยเห็นที่นี่และคิดว่าคงไม่รู้จักแน่ๆ เขาขมวดคิ้วมองอย่างงุนงง ปกติแล้วเอ็ดเวิร์ดไม่ใช่คนช่างฝัน ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยได้ฝันอะไรง่ายๆ เพราะหัวสมองของเขามีแต่การเรียนและหนังสือเท่านั้น การที่จะฝันอะไรแบบนี้มันจึงเป็นเรื่องยาก เอ็ดเวิร์ดยังจำได้ดีว่าครั้งล่าสุดที่ตัวเองเคยนอนฝันก็คงจะเป็นเมื่อราวๆ อายุ 15 เห็นจะได้


ที่ไหน?...


เขาถามกับตัวเองพลางเดินไปรอบๆ ป่า บรรยากาศที่ถูกปลกคลุมไปด้วยหมอกมันทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยือกไปจนถึงกระดูก


กรี๊ดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


แล้วทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง เอ็ดเวิร์ดสะดุ้ง เขาหันไปมองรอบๆ ตัวเพื่อดูว่าต้นตอมาจากตรงไหน แต่จนแล้วจนรอดก็กลับไม่มีเลย มันดังมาจากทุกทิศ


...ออกไป


...ออกไปจากที่นี่


...ออกไป!!!


กายใหญ่กำลังมีเหงื่อลุกโชนไปด้วยความกลัว...ใช่! เอ็ดเวิร์ดกำลังยอมรับว่าเขากำลังกลัว ทั้งๆ ที่มันเป็นเพียงแค่ความฝันแท้ๆ แต่ราวกับว่ามีบางอย่างมาทำให้ผู้ชายร่างใหญ่ๆ อย่างเขาอกสั่นขวัญแขวนได้ รอบด้านมันมืดสนิท แต่ความมืดนั้นมันกลับมีความรู้สึกบางอย่างแทรกเข้ามาด้วย


เศร้าใจ...


เสียใจ...


มันเจ็บปวดมากซะจนทำให้เอ็ดเวิร์ดแทบอยากร้องไห้ เขารู้สึกทรมานตรงช่วงอกด้านซ้ายจนต้องเอามือมากอมกุมเอาไว้


ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่
.
.

ร่างสูงลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ พลันน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาหม่น เอ็ดเวิร์ดเอามือมาแตะตรงขอบตาตัวเองที่มีน้ำสีใสไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย


นี่เขาร้องไห้ทำไมกันนะ?


เอ็ดเวิร์ดจำอะไรไม่ได้เลย เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองฝันอะไร รู้แค่ว่ามันทั้งมืดและหนาวก็เท่านั้น... ร่างสูงลุกขึ้นนั่งพลางเอามือลูบไปที่ใบหน้าตัวเองเบาๆ ก่อนที่หางตาของเขาจะรู้สึกถึงบางอย่างที่อยู่ใกล้ตัว เอ็ดเวิร์ดหันไปมองกระจกที่ตอนนี้กำลังเรืองแสงรองๆ มีทั้งแสงสีขาวและสีดำสลับกันไปมาผสมปนเปมั่วกันไปหมด


“ฮึก!”


แต่ในช่วงระหว่างที่เขากำลังจดจ้องอยู่กับสิ่งที่เห็น จู่ๆ ความรู้สึกหนึ่งก็วูบเข้ามา เอ็ดเวิร์ดเริ่มหายใจไม่ออก ราวกับว่ากำลังมีบางกำลังรัดคอเขาอยู่...ชายหนุ่มงอตัวลงด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าหล่อเริ่มซีดเผือด เขาล้มลงกับพื้นและกำลังพยายามช่วยตัวให้รอดพ้นจากสิ่งที่มองไม่เห็น


“อ๊อก! แค่กๆ แค่กๆ”


เอ็ดเวิร์ดเหมือนจะตายซะให้ได้ ลมหายใจที่มีก็เริ่มร่อยหรอลงทุกขณะ เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
แต่ถ้าเกิดตายไปตอนนี้...


เหมือนมีบางอย่างมีจุดสวิตซ์ของชายหนุ่ม เขาเริ่มละมือออกจากคอตัวเองอย่างช้าๆ ร่างสูงเค้นยิ้มบางเบาอย่างนึกสมเพช


หึ นี่เราจะตายไปทั้งอย่างนี้งั้นเหรอ


ตายอย่างโดดเดี่ยว ตายอย่างอ้างว้าง...เอ็ดเวิร์ดกำลังคิดว่ามันอาจจะดีก็ได้ เพราะอย่างน้อยเขาเองก็ไม่มีใครอยู่แล้ว อีกอย่างทั้งบริษัทหรือครอบครัว ก็คงจะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป มันไม่มีอะไรให้เขาห่วงอีกแล้ว เพราะอย่างน้อยก็ยังมีดอม


ในช่วงจังหวะที่กำลังใกล้จะหมดลมหายใจ จู่ๆ ก็มีเงาดำทะมึนลอยออกมาจากกระจก รูปร่างของมันเป็นกลุ่มควันสีดำและเริ่มรวมตัวกันจนเป็นรูปเป็นร่าง ดูน่าเกลียดน่ากลัวไม่น้อย สภาพหัวที่มีขวานเจอะกลางกะโหลก ดวงตาโบ๋ลึกทั้งสองข้างถลนออกมานอกเบ้า ร่างกายที่เต็มไปด้วยหยาดเลือดสีแดงสด ท่าทางการเดินที่ไม่เหมือนมนุษย์มนา
มันกำลังเดินมาทางเขา


เอ็ดเวิร์ดเบิกตาโผลงไปด้วยความตกใจเพียงชั่วครู่ แต่ด้วยการที่เขาถูกอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่ครั้งยังเด็กให้รู้จักควบคุมสติทุกสถานการณ์ทำให้เขานอนอยู่นิ่งๆ และจ้องมองไปที่ร่างนั้นอย่างไม่วางตา


...เจ้าคิดจะตายอย่างนั้นหรือ


สิ่งนั้นเอ่ยถาม


ชายหนุ่มมองไปยังต้นตอของเสียง มันกำลังถามเขาอยู่


...ไม่กลัวความตายอย่างนั้นหรือ


“...กลัว”


ร่างสูงเค้นเสียงออกมาแผ่วเบา ในเมื่อเสียงนั้นมันถามเขา เขาก็จะตอบ


...กลัว? แล้วทำไมถึงอยากตาย


“ไม่รู้”


เอ็ดเวิร์ดไม่รู้จริงๆ ว่าสมควรจะตอบยังไงดี เขาไม่รู้อะไรเลยแม้กระทั่งความรู้สึกของตัวเอง


เขายังคงนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ถึงจะน่าสมเพชตัวเองขนาดไหนแต่อย่างน้อยเขาก็คิดว่าถ้าหากตายไปตอนนี้คงอีกสักสองถึงสามวันก็คงจะมีคนพาพบศพ


...เจ้าไม่กลัวข้า


มันเอ่ยต่อ


“ไม่”


เอ็ดเวิร์ดตอบทันที ถึงรูปร่างที่เห็นมันจะน่ากลัวแต่เขาก็คิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวหรือโวยวายอะไร เพราะยังไงเขาก็คงจะถูกฆ่าและกว่าจะมีคนมาพบศพสภาพก็คงไม่ได้ต่างอะไรจากผีตนนั้น


สิ่งที่เห็นมันเป็นแค่เพียงเปลือกนอก


คนส่วนใหญ่มักจะมองแค่ตรงนั้นเสมอ โลกที่เอ็ดเวิร์ดอยู่มันมีแค่เพียงคนสวมหน้ากาก รอยยิ้มที่แสแสร้ง สิ่งจอมปลอม ของเหล่านั้นมันทำให้เขาแทบอยากอาเจียนและหนีไปให้ไกลๆ


บางที...นี่อาจเป็นโอกาสเดียวก็ได้ที่เขาจะหลุดพ้น

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
คิดอะไรน่ากลัวมา เอ็ด ไม่เอาเนอะ ถ้านายตายแช้วใครจะเป็นพระเอกละ  :hao7:

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
คิดอะไรน่ากลัวมา เอ็ด ไม่เอาเนอะ ถ้านายตายแช้วใครจะเป็นพระเอกละ  :hao7:

เอ็ดเวิร์ดตายแล้วก็เข้าไปอยู่ในกระจกงายย ตามชื่อเรื่องเบย ><

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [YAOI] - Mirrow ผู้ชายในกระจก - 2.1 [อัพ 25/8/2016]
« ตอบ #9 เมื่อ: 27-08-2016 08:40:47 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0


ชายหนุ่มหอบหายใจเข้าออกช้าๆ เขาเริ่มรู้สึกหายใจโล่งขึ้นไม่น้อย บรรยากาศรอบตัวที่มืดครึ้มเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นแบบเดิม กลุ่มควันสีดำทะมึนก็ค่อยๆ ลอยกลับเข้าไปในกระจกอีกครั้ง เอ็ดเวิร์ดลุกขึ้นนั่งเขามองตามด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาดก่อนที่จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น

รูปร่างของกลุ่มควันสีดำเริ่มแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง ครานี้เอ็ดเวิร์ดมองอย่างตั้งใจกว่าครั้งแรก รูปร่างที่เคยน่าเกลียดน่ากลัวกลับกลายรูปเป็นร่างขึ้นมาทีละนิดๆ จนในที่สุดก็เผยสิ่งหนึ่งที่ทำให้เอ็ดเวิร์ดต้องตกตะลึง!
มันคือความฝันหรือความจริงกันแน่

เอ็ดเวิร์ดไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง ขาแค่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันงดงามเกินกว่าที่จะกลัว เรือนผมนุ่มที่ยาวระดับต้นคอเป็นสีขาว ดวงตาที่ดำสนิทซึ่งตัดกับผิวที่ขาวจัดราวกับน้ำนม ใบหน้ารูปไข่ได้รูปสวย แค่เพียงแรกเห็นก็ทำให้เอ็ดเวิร์ดมองจนแทบลืมหายใจไปชั่วขณะ ถ้าเจอตามท้องถนนทั่วไปบางทีเอ็ดเวิร์ดคงคิดว่าเป็นมนุษย์คนหนึ่งแน่ๆ

สวย...

และนี่ก็คือสิ่งที่เขาคิด

ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นผู้ชายแน่ๆ แต่เอ็ดเวิร์ดกลับคิดว่าคนๆ นี้ช่างเป็นผู้ชายที่สวยมาก บางทีอาจจะสวยกว่าผู้หญิงที่รู้จักบางคนก็เป็นได้

ภายใต้รูปร่างที่กลัวกลับมีความสวยงามที่ไม่อาจรู้ได้ซ่อนอยู่

“เธอเป็นใคร”

เอ็ดเวิร์ดถามเสียงเบาพลางเดินเข้าไปใกล้บานกระจกนั้นเรื่อยๆ

“...” ร่างนั้นไม่ตอบ

“ทำไมถึงได้เข้าไปอยู่ในกระจก” เขายังคงถามต่อ

ร่างเล็กในกระจกยืนมองเอ็ดเวิร์ดด้วยความฉงน ความคิดชั่วครู่หนึ่งนึกสงสัยชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไม่น้อย นอกจากจะไม่กลัวเขาแล้วแต่กลับยังเดินเข้ามาใกล้ๆ อีก

“คุณไม่กลัวผมเหรอ”

แทนที่จะตอบคำถามแต่ร่างปริศนากลับเป็นฝ่ายถามกลับ ใบหน้าหวานเอียงคอมองชายหนุ่ม ดวงตาสีนิลกาฬกระพริบไปมาเพื่อรอคำตอบ

ใจของชายหนุ่มกระตุกวูบเมื่อมอง เขาส่ายหน้าเป็นคำตอบว่าไม่กลัว ไม่ว่าจะเป็นร่างนั้นหรือร่างนี้เขาก็ไม่กลัวทั้งนั้น...มันไม่มีอะไรน่ากลัวเลย แต่มันน่าหลงใหลซะมากกว่า

“เธอชื่ออะไร”

เอ็ดเวิร์ดเดินเข้าไปใกล้แล้วเอื้อมมือสัมผัสที่กระจกแผ่วเบา

“...ไม่มี” คนในกระจกตอบเสียงแผ่ว

เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่มานานเท่าไหร่ กี่วัน กี่เดือน กี่ปี อยู่อย่างโดดเดี่ยวและอ้างว้าง ไม่มีใครเรียกชื่อหรือพูดคุยก็ยังไม่มี สิ่งที่จำได้คือความเศร้าและความผิดหวังอยู่แน่นอก ความเหงาและความเปล่าเปลี่ยวทำให้เขาอยากมีเพื่อนจนปรากฏกายให้กับผู้เป็นเจ้าของกระจกเห็น แต่ไม่ว่าจะกี่คนๆ ทุกคนต่างก็กลัวเขาจนต้องถูกขายเป็นทอดๆ คนแล้วคนเล่า ความเสียใจที่มีมากเป็นทีวีคูณทำให้เขาเลือกที่จะหลอกหลอนผู้เป็นเจ้าของกระจก จนทำให้เขากลายเป็นผู้ไรซึ่งเจ้าของอย่างแท้จริง

“อาร์เจน”

“...?”

“ชื่อของเธอ...คืออาร์เจน”

เอ็ดเวิร์ดย้ำอีกครั้ง

เขามองคนในกระจกอย่างหลงใหล ดวงตาคมจับจ้องดวงหน้าหวานด้วยรอยยิ้มบาง ‘อาร์เจน’ ชื่อที่เขาตั้งให้ทันทีที่แรกเห็น ผมสีเงินสวยกับผิวที่ขาวมันเหมือนราวกับไข่มุกสีเงินที่สว่างไสวอยู่ภายในความมืดมิด

เอ็ดเวิร์ดทำความรู้จักกับอาร์เจนด้วยความอยากรู้อยากเห็น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่วิสัยทัศน์ของเขาที่จะต้องมายุ่งย่ามเรื่องของคนอื่นสักเท่าไหร่ และถึงแม้ว่าเอ็ดเวิร์ดจะรู้ว่าอาร์เจนไม่ใช่ ‘คน’ ก็ตาม แต่การพูดคุยกับร่างเล็กในกระจกทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากกว่าผู้คนที่พบกันซะอีก แล้วสิ่งหนึ่งที่เอ็ดเวิร์ดรู้เกี่ยวกับอาร์เจนนั่นก็คือ
ไม่สามารถที่จะเดินออกมานอกกระจกได้

“ผมเคยลองหลายครั้งแล้ว แต่ว่า...” ร่างเล็กเว้นคำ “ผมก็ออกไม่ได้”

“งั้นเหรอ” เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้ว

เรื่องผีสางนางไม้เขาก็เคยได้ยินคำร่ำลืออยู่เหมือนกัน แต่ไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีผีที่ถูกกักขังให้อยู่แต่ในกระจกได้

“แล้วตอนนั้น นายออกมาได้ยังไง” ชายหนุ่มถามต่อ พอนึกดูดีๆ แล้วเขาเองก็ถูกผีอาร์เจนหลอกเอานี่นา

“เปล่า ผมไม่ได้ออก ผมแค่สร้างกลุ่มควันเฉยๆ ผมเป็นผี...สร้างได้” อาร์เจนรีบตอบ เขาไม่อยากให้เอ็ดเวิร์ดเข้าใจผิด ด้วยความที่อยู่ตัวคนเดียวมานานและเขาก็ไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะสร้างสิ่งที่เหมือนกับวิญญาณ

ร่างเล็กทำท่าผายมือไปด้านหน้านิดหน่อยแล้วเพียงไม่นานนักกลุ่มควันสีดำที่เอ็ดเวิร์ดเห็นเมื่อคราวแรกก็ค่อยๆ ลอยออกมาจากมือของร่างเล็กก่อนที่รูปร่างของมันจะเริ่มแปรเปลี่ยนและบดบังคนที่อยู่เบื้องหลัง รูปร่างนั้นค่อยๆ ออกมาจากกระจกทีละน้อยสู่สายตาของคนร่างสูงที่จับจ้องไม่กระพริบ รูปร่างของมันก็น่าเกลียดน่ากลัวไม่เปลี่ยน แต่คราวนี้เอ็ดเวิร์ดกลับรู้สึกเฉยๆ หายใจก็คล่อง ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด แล้วเพียงไม่นานนักกลุ่มควันนั้นก็หายไปเข้าไปในกระจกอีกครั้ง

“ผมทำได้แค่นี้” อาร์เจนตอบ สิ่งที่ร่างเล็กสร้างขึ้นมันก็แค่รูปลักษณ์ที่น่ากลัว แต่แท้จริงแล้วกลับไม่มีอะไรเลย ร่างบางก้มหน้าลงกับพื้นอย่างคนสำนึกผิด “ขอโทษนะ”

“ไม่เป็นไร” เอ็ดเวิร์ดยิ้มบาง

รอยยิ้มของคนร่างสูงตรงหน้าทำให้อาร์เจนรู้สึกอุ่นใจไม่น้อย อย่างน้อยเขาก็คิดว่าเอ็ดเวิร์ดคงไม่โกรธกัน

“เออ จริงสิ ผมยังไม่ได้ถามชื่อคุณเลย คุณชื่ออะไรเหรอ”

“เอ็ดเวิร์ด”

“...เอ็ด...เอ็ด”

อาร์เจนเอ่ยเรียกชื่อของเอ็ดเวิร์ดไปพลางยิ้มให้กับร่างสูงตรงหน้าไปด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ เสียงหัวใจของเอ็ดเวิร์ดกำลังเต้นดัง มันเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นเรื่อยๆ บางที...นี่อาจจะเป็น

รักแรกพบ


.
.
“ผมกลับมาแล้วครับคุณพ่อ”

อีกด้านหนึ่งของดอมที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านหลังจากที่เพิ่งไปส่งพริซซิล่ามา ชายหนุ่มลืมไปว่าตัวเองนัดคุยงานกับมาวิส

“แกมาสาย” มาวิสเอ่ยนัยตาดุ

“เอาน่า คุณพ่ออย่าโกรธผมเลย เราก็แค่นัดคุยเรื่องงานกัน ไม่ใช่ประชุมใหญ่ สายนิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นอะไรหรอก” ดอมเดินไปนั่งที่โซฟา “แล้วนี่คุณพ่อมีอะไรจะพูดกับผมเหรอครับ จะได้เสร็จแล้วๆ ถ้าไม่มีอะไรสำคัญผมจะได้ไปนอน พาพริซซิล่าไปเที่ยวมาทั้งวันรู้สึกเหนื่อย”

ท่าทางสบายๆ ของดอมตระหนักแก่สายตาของมาวิส เขารู้ว่าลูกชายคนเล็กของตัวเองเป็นยังไง ดอมเป็นคนรักสนุกและไม่ชอบถูกมัด แต่ถึงกระนั้นงานที่เขาทำแต่ละอย่างในช่วงหลังๆ นี้ส่งผลทำให้ยอดขายของบริษัทเพื่มขึ้น อาจเป็นเพราะยังหนุ่มและยังไฟแรงอยู่

“พรุ่งนี้แกต้องเข้าประชุมใหญ่กับฉัน นี่เอกสาร” มาวิสยื่นเอกสารให้

“ผมด้วยเหรอครับคุณพ่อ นึกว่าแค่คุณพ่อคนเดียวซะอีก” ดอมรับเอาไว้พลางเปิดเอกสารดูทีละแผ่น มันไม่น่าพิสมัยเอาซะเลยกับพวกตัวเลขและตัวหนังสือที่ระรานตาเต็มไปหมด

“คืนนี้ไปอ่านซะ พรุ่งนี้จะได้เตรียมตัวประชุม”

“คร๊าบ~” ดอมรับคำ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับคุณพ่อ” เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าประตูอย่างอิเรื่อยเฉื่อยแฉะ

“แล้วกับพริซซิล่าเป็นยังไงบ้าง”

“...ก็ดีครับพ่อ”

ปัง

ว่าจบดอมก็เดินออกไปทันที

มาวิสมองลับหลังลุชายตัวเองที่เดินออกไปก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ ถ้าจำไม่ผิดครั้งหนึ่งเขาก็เคยถามคำถามเดียวกันกับเอ็ดเวิร์ดเหมือนกัน

‘กับพริซซิล่าเป็นยังไงบ้าง’

‘เธอเป็นผู้หญิงที่ดีครับคุณพ่อ’





 :katai4: :katai4:

มาอัพจนจบตอนที่สองแล้วน้าาา

โอ๊ยๆ อยากอ่านเม้นจุงเบย จะมีใครใจดีเม้นให้ไหมน้าา

ใครเม้นนะ ขอให้สวยๆ หล่อๆ ฮ่าๆ เอามุขนี้มาใช้แปป

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะค้าาาา


ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
เนื้อเรื่องน่าติดตาม เนื้อหาน่าสนใจ อ่านเพลินดีค่ะ

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เนื้อเรื่องน่าติดตาม เนื้อหาน่าสนใจ อ่านเพลินดีค่ะ

ขอบคุณค่ะ ><

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0


“เอ็ดเวิร์ด นี่คืออะไรเหรอ”

ร่างเล็กชี้มือไปยังกล่องดนตรีขนาดเล็กที่วางตระหง่านอยู่ตรงหัวเตียง ใบหน้าหวานปนไปด้วยความสงสัยเอียงคอมองเล็กๆ  เขาไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้จักกับเจ้าสิ่งนี้มาก่อน ก็แน่ละเขาเอาแต่อยู่ในกระจกนี่ จะไปรู้จักกับพวกแปลกใหม่แบบนั้นได้ยังไงกัน

“มันคือกล่องดนตรีน่ะ”

เอ็ดเวิร์ดเดินมาหยิบกล่องดนตรีขนาดเล็กที่อยู่บนหัวเตียงแล้วเดินเข้าไปใกล้บานกระจกที่ตอนนี้เปลี่ยนมาอยู่ภายในห้องของตัวเองแล้ว เอ็ดเวิร์ดชอบความเป็นส่วนตัว อีกอย่างการเอาอาร์เจนเข้ามาอยู่ในห้องมันก็ดีกว่าที่จะเอาไปไว้ข้างนอก

“กล่องดนตรี?” อาร์เจนทวนคำ

“ใช่ กล่องดนตรี”

ร่างสูงบอกพลางนั่งลงกับพื้น อาร์เจนก็ด้วยเหมือนกัน เมื่อเห็นเอ็ดเวิร์ดนั่งร่างเล็กก็นั่งตาม

“มันเอาไว้ใช้ทำอะไรเหรอ”

“ทำแบบนี้ไง”

เสียงดนตรีไพเราะถูกขับกล่อมออกมาเมื่อเอ็ดเวิร์ดปิดฝากล่องดนตรีนั้นขึ้น ร่างเล็กยิ้มกว้างออกมาด้วยความตื่นเต้น ใจดวงน้อยเต้นระรัวราวกับกลองเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันน่าพิศวงและน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง... เอ็ดเวิร์ดเอ่ยยิ้มให้กับร่างเล็กตรงหน้า ท่าทีของอาร์เจนราวกับเด็กๆ ที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่ รอยยิ้มที่แสนใสซื่อและบริสุทธิ์ดูน่ารักซะจนอดที่จะเผลอมองตามไม่ได้จริงๆ

“เอ็ด...เพราะจังเลย” ร่างเล็กเคลิ้มไปกับเสียงเพลงที่ได้ยิน

“เธอไม่เคยเห็นเหรอ?” เอ็ดเวิร์ดถามด้วยความอยากรู้

“...ไม่”

อาร์เจนตอบเสียงแผ่ว... เขาไม่รู้จักเจ้าสิ่งที่อยู่นอกกระจก ไม่เคยไปไหน ไม่มีแม้กระทั้งเพื่อนคุย ขนาดชื่อของตัวเองยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วมันจะไปเคยเห็นได้อย่างไรเล่า

“ฉัน...” พอเห็นสีหน้าของอาร์เจนก็ทำให้เอ็ดเวิร์ดรู้สึกโทษตัวเองจริงๆ ไม่น่าที่จะถามคำถามแบบนี้ออกไปเลย

“นี่ๆ แล้วทำไมถึงตั้งชื่อให้ผมชื่อ ‘อาร์เจน’ เหรอ”

แต่ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะพูดจบอาร์เจนก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที เขาไม่อยากทำให้เพื่อนใหม่ต้องคิดมากในเรื่องแบบนี้ มันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องรู้สึกผิด

เอ็ดเวิร์ดคลี่ยิ้มบางแล้วเอื้อมมือไปแตะตรงกระจกเบาๆ “สีเงิน”

“สีเงิน?” อาร์เจนมองอย่างสงสัย

“ผมของเธอ มันสวยเหมือนสีเงิน...อาร์เจนในภาษาละตินหมายถึงสีเงิน” เอ็ดเวิร์ดไม่พูดเปล่าแต่กลับทำท่าลูบไล้ไปที่เส้นผมสีเงินสวยที่ยาวระหง

ถึงแม้ว่าชายหนุ่มไม่ได้สัมผัสโดยตรงแต่อาร์เจนกลับรู้สึกว่าผมถูกจับอยู่อย่างนั้นแหละ ฝ่ามือที่อบอุ่น รอยยิ้มที่อบอุ่นของเอ็ดเวิร์ดมันทำให้ใบหน้าหวานแดงซ่านไปด้วยความเขินอายจนต้องก้มหน้างุดมองพื้น แต่ถึงอย่างนั้นอาร์เจนก็ยังคงนั่งนิ่งๆ อยู่กับที่ปล่อยให้เอ็ดเวิร์ดทำท่าลูบหัวของตัวเองไปพร้อมกับใจดวงน้อยที่เต้นตึกตักจนแทบจะห้ามไม่อยู่
.
.
.
“เฮ้ย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรอยู่คนเดียววะ”

วิกเตอร์ที่เห็นเพื่อนสนิทของตนนั่งยิ้มอยู่คนเดียวจึงเอ่ยถามขึ้น จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไงในเมื่อเพื่อนตัวดีของเขาวันๆ นี่แทบจะยิ้มซะที่ไหน นอกจากเรื่องงานเคยคุยเล่นกับคนอื่นบ้างหรือเปล่ายังไม่รู้เลย จะเรียกได้ว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธุ์แย่แทบที่สุดคนหนึ่งก็ว่าได้ แต่ไอ้คนที่เย็นชาพรรณนั้นนะเหรอจะมานั่งยิ้มอยู่คนเดียว โลกคงได้แตกก็คราวนี้แหละ

“ก็เปล่า” เอ็ดเวิร์ดตอบหน้าตายก่อนที่จะแสร้งทำเป็นกรอกเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทำงานต่อไป

ถึงเขาจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกแต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องทิ้งการทิ้งงานที่ทำอยู่ไปด้วย ถึงช่วงนี้คนที่เป็นที่โด่งดังของบริษัทจะไม่ใช่เขาก็เถอะ แต่ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบมันทำให้เอ็ดเวิร์ดหนีไม่ได้
นี่คงจะเป็นนิสัยเสียของเขาละมั้ง

“ฮั่นแน่ หรือว่าแอบมีสาว” วิกเตอร์ชี้หน้าอย่างล้อเลียน

เอ็ดเวิร์ดได้แต่เพียงส่ายหน้าเบาๆ ให้กับความคิดเพี้ยนๆ ของเพื่อนสนิท คิดได้ยังไงว่าเขาจะเจอผู้หญิงที่ถูกใจทั้งที่เพิ่งจะอกหักจากพริซซิลล่ามา แต่ถ้าเป็นเด็กหนุ่มละก็คงไม่แน่เหมือนกัน...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น เอ็ดเวิร์ดหันไปมองก็เจอกับคนที่เพิ่งเข้ามา

“คุณพ่อ”

“สวัสดีครับคุณลุง”

ชายหนุ่มทั้งสองต่างพากับลุกขึ้นก่อนที่วิกเตอร์จะเดินไปจับมือกับมาวิสเพื่อเป็นการทักทายตามประสาคนลอนดอน
สายเลือดเดียวกัน

เป็นสายสัมพันธุ์ของพ่อกับลูกแท้ๆ แต่เอ็ดเวิร์ดกลับรู้สึกกระอักกระอ่วนทุกครั้งที่อยู่ใกล้มาวิส ถึงจะถูกเลี้ยงดูให้อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะแต่น้อยครั้งมากที่เอ็ดเวิร์ดจะเห็นหน้าของพ่อตัวเอง ยิ่งพอมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ยิ่งทำให้เขาแทบไม่อยากเจอหน้ามาวิสด้วยซ้ำ

“คุณพ่อมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”

จนแล้วจนรอดเอ็ดเวิร์ดก็คนความอึดอัดไม่ไหวเป็นฝ่ายเอ่ยพูดออกมาโดยพยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ฉันแค่มาเตือน ตอนบ่ายอย่าลืมเข้าประชุม” พูดจบ มาวิสก็หันหลังกลับเตรียมตัวจะเดินออกไป

“ครับ” เอ็ดเวิร์ดรับคำ

แล้วไม่นานนักบรรยากาศภายในห้องที่ชวนอึดอัดก็เริ่มผ่อนคลายลงเมื่อมาวิสเดินออกไปจากห้อง เอ็ดเวิร์ดเอนพนักเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า ให้เขาทำงานเป็นกองๆ ซะยังดีกว่าอีกที่จะต้องมาเผชิญหน้ากับพ่อตัวเองตรงๆ

“เอ็ดเวิร์ด”

เสียงทุ้มของวิกเตอร์เอ่ยเรียกเพื่อนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเก้าอี้ เขาเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับเอื้อมมือหนาไปจับเส้นผมนุ่มเบาๆ วิกเตอร์ยอมรับว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง ภายใต้แว่นหนากลับมีใบหน้าที่งดงาม รูปร่างที่กำยำ ทั้งหน้าอกหน้าใจก็ดูสมส่วนและสวยงาม ความทุกข์ของเอ็ดเวิร์ดเขาย่อมรู้ดีที่สุดเสมอ ไม่ว่าจะคิดยังไงหรือทำอะไรมันอยู่ในสายตาของเขาตลอด ทุกอย่างที่เป็นของเอ็ดเวิร์ดมันทำให้ใจของชายหนุ่มสั่นระรัวราวกับหญิงสาวแรกแย้มที่เพิ่งตกหลุมรักเป็นครั้งแรก
มันจะผิดหรือไม่ ที่เขาแอบมีใจให้กับเพื่อนสนิท

‘ฉันรักนายนะเอ็ดเวิร์ด’

“มีอะไร?” เอ็ดเวิร์ดลืมตาขึ้นมามองวิกเตอร์ด้วยความสงสัย

“เปล่า ผงมันติดผมนายน่ะ” วิกเตอร์พูดโกหกออกไป ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นสักนิด เขาแค่จะหาเรื่องแตะเนื้อต้องตัวของเอ็ดเวิร์ดเท่านั้นเอง

ออฟไลน์ Fenfen2537

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ไม่ใช่ mirror หรอคะ
ที่แปลว่ากระจก

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ไม่ใช่ mirror หรอคะ
ที่แปลว่ากระจก


โอ๊ยตายย เทคเขียนผิด~~ ขอบคุ๊ที่เตือนจ้าาา น่าอ่ยจุงเบย

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
บรรยากาศเรื่องหม่นๆดี
ชอบ

ออฟไลน์ Maiiz Ellfiez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
น่าติดตามมากค่า

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
น่าสนค่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มาควิส ช่างเป็นพ่อ ที่สนใจลูกเฉพาะลูกที่ทำงานได้ และดี :katai1: :katai1: :katai1:
แสดงว่าที่ผ่านมา ทำดีกับเอ็ดเวิร์ด
เพราะช่วงนั้นเอ็ดเวิร์ดทำงานได้คนเดียว
พอลูกที่เหลวไหล หันกลับมาทำงานได้ ก็ละเลยไม่สนใจเอ็ดเวิร์ด
ดูท่าว่า ดอมทำงานดีกว่าเอ็ดเวิร์ดจะเป็นแค่ฉากบังหน้า
ถ้าเอ็ดเวิร์ด หายไป จะรู้สึกถึงลูกคนนี้ไหมนะ
ตอนนี้เอ็ดเวิร์ด หลงใหล"อาร์เจน"
แต่วิกเตอร์ แอบรักเอ็ดเวิร์ด
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [YAOI] - Mirror ผู้ชายในกระจก - 3.1 [อัพ 29/8/2016]
« ตอบ #19 เมื่อ: 31-08-2016 05:14:56 »





ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0




หลังจากที่คุยกับวิกเตอร์ได้ไม่นานนักเอ็ดเวิร์ดก็ต้องเตรียมตัวเข้าประชุมหุ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ใหม่ วิกเตอร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เขาหนักใจมากที่สุดก็คงไม่พ้นน้องชายสายเลือดเดียวกันอย่างดอมเห็นจะได้ ในช่วงหลังๆ นี้ผลงานของดอมมักจะเข้าผู้บริหารอยู่เสมอ แล้วอีกอย่างผลงานที่เขาทำมันกลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า...เอ็ดเวิร์ดคิดว่าตัวเองเป็นพี่ชายที่ไม่ดีและไม่เอาไหน เขาไม่อยากจะรับรู้แต่มันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเขา...กำลังอิจฉาน้องชายตัวเอง



ล่วงเลยเวลานัดมานานมากแล้ว



ดอมก็ยังไม่มา



“ท่านครับ”



หนึ่งในคณะบริหารมองประธานบริษัทฯ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล มาวิสรูว่าเขาจะพูดอะไร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องรอคนสำคัญที่มาสาย เขารู้สึกเสียหน้าที่ลูกชายตัวเองมาสาย



“เราเริ่มประชุมกันก่อนไหมครับคุณพ่อ” เอ็ดเวิร์ดเสนอ



“นั่นสิครับคุณลุง บางทีดอมอาจจะเกิดอุบัติเหตุอะไรก็ได้ทำให้มาสาย” วิกเตอร์กล่าวเสริม

มาวิสพยักหน้าอย่างจำใจ ทั้งๆ ที่เขาก็บอกกับดอมแล้วว่าอย่ามาสายและให้เตรียมการประชุมให้พร้อม แต่ดูเจ้าลูกชายตัวดีมันทำ...มันน่านัก!



“ขอโทษครับทุกท่านที่มาสาย”



แต่ยังไม่ทันที่จะเริ่มประชุม คนมาสายก็โผล่หน้ามาด้วยกริยาที่ไม่น่ามองเท่าไหร่ เสื้อผ้าของดอมหลุดรุ่ยและไม่เป็นระเบียบ เขาหัวเราะพลางก้มหัวเบาๆ ให้กับผู้บริหารนับสิบที่อยู่ในห้องประชุม ร่างสูงเดินเข้าไปนั่งตรงฝั่งตรงข้ามกับเอ็ดเวิร์ด เขายกยิ้มให้กับผู้เป็นพี่ชาย เอ็ดเวิร์ดก็ยิ้มตอบเช่นกัน



‘อึดอัด’



เอ็ดเวิร์ดนึกดีใจที่ตัวเองใส่แว่นก็วันนี้แหละ ที่ไม่ต้องให้ใครมาคอยสังเกตสีหน้าเวลาที่มองน้องชายตัวเอง เขาไม่เคยรู้สึกอึดอัดขนาดนี้มาก่อน ทุกอย่างรอบตัวราวกับถูกปิดกั้นด้วยชั้นบรรยากาศสีดำสนิท



แล้วเอ็ดเวิร์ดก็ได้รู้ว่าคนที่มีความสามารถไม่ว่าจะทำยังไงก็ยังมีความสามารถอยู่วันยังค่ำ ไม่ต้องอ่านหนังสือหนักๆ ไม่ต้องพยายามไต่เต้าเพื่อที่จะทำให้คนอื่นยอมรับในตัวเอง ถึงจะมาสายและเป็นคนที่ไม่เอาไหน แต่คนเก่งอยู่แล้วก็แทบไม่ต้องพยายามอะไรเลย เหมือนอย่างดอม...ในการประชุมที่น่าอึดอัดของเอ็ดเวิร์ด ชั่วแวบหนึ่งเขาคิดว่าดอมอาจถูกตัดความน่าเชื่อถือจากผู้ใหญ่เพราะการมาประชุมสาย แต่ไม่ใช่เลย ดอมสามารถทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ยอมรับเขาได้อย่างง่ายดายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก



มือหนากำแน่นจนเล็บจิกไปที่เนื้อตัวเอง ความเจ็บแปลบเพียงเล็กน้อยแต่ก็ทำให้สติยังคงอยู่ เอ็ดเวิร์ดพยายามบอกกับตัวเองว่าไม่ให้นึกอิจฉาน้องชายไปมากกว่านี้ เขาต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่าเขา ‘เป็นคนแพ้’

 

อาร์เจนนั่งอยู่ในมุมห้องเดิม ดวงตาหม่นรอคอยคนที่เป็นเจ้าของบ้าน เมื่อไหร่กันนะ เมื่อไหร่เอ็ดเวิร์ดจะมาสักที เขารอจนเบื่อแล้วนะ การรอคอยที่คิดว่าน่าจะชินแต่มันกลับไม่ชินอย่างที่คิด เขาเองก็อยู่ในนี้มานานนับเป็นสิบๆ ปี แล้วทำไมกันนะ...ทำไมแค่นี้ถึงรอไม่ได้



“...เอ็ด”



ร่างน้อยพึมพำชื่อคนที่คิดถึง ใจก็เต้นแรงยามที่เห็นหน้า ใบหน้าแดงซ่านไปด้วยความเขินอายทุกครั้งที่เอ็ดเวิร์ดยิ้มมาให้



ความรู้สึกนี้มันคืออะไร?



มันเหมือนจะรู้แต่ก็จำไม่ได้ทุกที ตอนที่เขายังเป็นมนุษย์จะมีความรู้สึกแบบนี้ไหมนะ มันมีแต่คำถามเต็มไปหมด แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเห็นหน้าเอ็ดเวิร์ดเร็วๆ



รีบกลับมาสิ...กลับมา



“อาร์เจน”



บานประตูที่ถูกปิดถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาใกล้



“เอ็ด!”



อาร์เจนกุลีกุจอไปหา เขาอยากสัมผัส อยากวิ่งเข้าไปโอบกอดกายแกร่งให้หายคิดถึง แต่ทำได้เพียงแค่มองข้ามผ่านกระจกบานใส



“ฉันกลับมาแล้ว”



“อื้อ” อาร์เจนยิ้มกว้าง



“เป็นยังไงบ้าง”



เอ็ดเวิร์ดถามเสียงอ่อนนุ่ม เขานั่งลงตรงหน้ากระจกเหมือนอย่างเคย จิตใจที่ห่อเหี่ยวมาทั้งวันกลับถูกเติมเต็มจากอาร์เจนอย่างน่าประหลาด



“น่าเบื่อ ไม่มีอะไรทำเลย” ร่างน้อยบ่นทำเสียงงุบงิบในลำคอ



ท่าทีของอาร์เจนทำให้เอ็ดเวิร์ดอดที่จะขำไม่ได้ มันช่างน่ารักเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ ที่กำลังตั้งท่าจะงอนง้อ ผมสีเงินที่ตัดกับผิวขาวๆ นั่นอีก ถ้าอาร์เจนเปรียบเหมือนสุนัขก็คงจะเป็นสุนัขชั้นดีที่หาตัวจับได้ยาก ส่วนเขาก็คงจะเป็นสุนัขล่าเนื้อที่จ้องอยากจะจับเจ้าหมาตัวน้อยกินซะเต็มประดา เอ็ดเวิร์ดรู้ว่าเขาไม่สมควรคิดเช่นนี้ แต่มันห้ามความรู้สึกกันไม่ได้ ในสายตาของเขาอาร์เจนช่างน่าหลงใหลจนอยากที่จะกัดกินเนื้อนั่นเข้าไปให้หนำใจ



เหมือนราวกับมีมนต์สะกดอีกครั้ง เอ็ดเวิร์ดก้าวเข้าไปใกล้ร่างเล็กที่อยู่อีกฝาก มือใหญ่ทาบทับไปที่บานกระจกใส มันใกล้กันแค่นี้เองแต่เหมือนกับว่ามีอะไรกั้นระหว่างเราทั้งคู่ เอ็ดเวิร์ดไม่เข้าใจ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังอยากก้าวเข้าไปอยู่ในโลกเดียวกับอาร์เจน



ผู้ชายผมสีเงินที่หลงรักเพียงแค่แรกเห็น



“...เอ็ด...เอ็ด!”



อาร์เจนทำสีหน้าตื่นตระหนก เขามองอย่างฉงนและเป็นห่วงเอ็ดเวิร์ดที่จู่ๆ ก็เงียบไป คนตัวเล็กเอียงหน้ามองเล็กน้อยพลางเขยิบเข้าใกล้ ใกล้มากซะจนเอ็ดเวิร์ดคิดว่าอาจได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัว



“เอ่อ ขอโทษ...พอดีคิดอะไรนิดหน่อยนะ”



“คิดอะไรเหรอ?”



ร่างสูงสบตาคนตัวเล็ก “แค่...นึกถึง...นิทาน”



“นิทาน? นิทานมันคืออะไรเหรอ”



อาร์เจนไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยิน หรือไม่ก็อาจจะลืมไปแล้วว่ามันคืออะไร เขาอยู่ในโลกของกระจกมานานเกินไปจนไม่เข้าใจสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดพูดสักอย่าง



“มันคือเรื่องเล่า”



“เรื่องเล่า? แล้วทำไมต้องเล่าด้วยละ”



ยิ่งพูดอาร์เจนก็ยิ่งสงสัย ร่างน้อยเอียงคอมองพร้อมทำตาแป๋ว เอ็ดเวิร์ดหัวเราะแผ่วเบา เขาไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้ให้อาร์เจนฟังยังไงดี ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน เรียนมาก็สูง ความรู้ก็มีมาก การงานก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร แต่เรื่องแค่นี้ทำไมมันอธิบายออกมาเป็นคำพูดถึงยากขนาดนี้นะ หรือว่าทั้งหมดมันเป็นเพราะอาร์เจนแน่ๆ





“อยากฟังไหม”



“อื้อ!” อาร์เจนพยักหน้ารัว



เอ็ดเวิร์ดสูดหายใจเข้าปอด เขาเริ่มขยับปากด้วยน้ำเสียงโทนอ่อนนุ่ม ครั้งแรกที่เจอกับอาร์เจนจนถึงเดี๋ยวนี้นิทานเรื่องเดียวที่เขาคิดออก็มีแต่เพียง ‘สโนไวท์’ เอ็ดเวิร์ดไม่ได้นึกถึงเจ้าหญิงผู้เลอโฉม ไม่ได้นึกถึงแม่มดใจร้าย ไม่ได้นึกถึงเจ้าชายผู้สง่างามหรือพระราชาและคนแคระทั้งเจ็ด แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เรื่องทั้งหมดมันดำเนินต่อไปคือกระจกวิเศษที่เป็นของคู่กายแม่มดใจร้าย



“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีประเทศๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นประเทศที่มีหิมะ มีพระราชาและพระราชินี มีพลเมืองที่อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์”



แค่เริ่มเรื่องก็ทำให้อาร์เจนถึงกับตื่นตาตกใจอย่างหน้าประหลาด ใจดวงน้อยเต้นระรัวยามที่คนเล่ากำลังตั้งอกตั้งใจ



“ช่างเป็นประเทศที่ดูดีจัง”



อาร์เจนก็เหมือนเด็กทั่วๆ ไป เขามีความฝันและจินตนาการสูง จึงสามารถสร้างโลกที่สวยงามราวกับเรื่องเล่าของเอ็ดเวิร์ดได้ มันเป็นสิ่งที่เขาอาจเคยสัมผัสแต่จำไม่ได้ การอยู่ในนี้คนเดียวมันช่างเงียบเหงาและว้าเหว่



เอ็ดเวิร์ดยิ้มแล้วเริ่มเล่าต่อ



“วันหนึ่งพระราชินีทรงตั้งครรภ์แล้วพระธิดาองค์น้อยก็เกิดมาพร้อมกับวันที่หิมะตก เด็กน้อยผู้เกิดมากับความงดงามแต่ ผิวที่ขาวผุดผ่องราวหิมะ ริมฝีปากที่แดงฉาน เธอจึงได้ชื่อว่า ‘สโนไวท์’ แต่พระราชินีกลับสิ้นใจจนทำให้พระราชาเสียใจอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นลูกน้อยก็ยังคงเป็นความหวังเดียว พระราชาจึงเลี้ยงดูสโนไวท์ด้วยความรัก จนกระทั่งวันหนึ่งพระราชาก็ได้แต่งงานใหม่ มีพระราชินีองค์ใหม่แต่พระราชินีผู้นี้เป็นคนจิตใจชั่วร้าย เขาเกลียดสโนไวท์”



“แล้วเขาจะทำอะไรสโนไวท์ไหม” คนตัวเล็กหน้าเศร้า มันเป็นแค่เรื่องเล่าแท้ๆ แต่ทำไมถึงน่าสงสารสโนไวท์เช่นนี้นะ เสียแม่ไปตั้งแต่เกิดยังไม่พอ ยังจะมามีแม่เลี้ยงใจร้ายอีก



เอ็ดเวิร์ดยังคงเล่าต่อ



“พระราชินีเป็นแม่มด เธอมีกระจกวิเศษอยู่บานหนึ่ง เธอมักจะคอยถามมันว่า ‘กระจกวิเศษเอ๋ย ใครงามเลิศที่สุดในปฐพี’ ”



กระจกวิเศษก็จะตอบว่า “ท่านนี่แหละที่งามที่สุดในปฐพี”



“วันหนึ่ง...พระราชินีก็ถามกระจกวิเศษเหมือนอย่างเคย แต่ทำคำตอบนั้นมันทำให้พระราชินีถึงกับโกรธ”



“สโนไวท์นี่แหละ ที่งามที่สุดในปฐพี”



“ความไม่พอใจทำให้พระราชินีสั่งฆ่าสโนว์ไวท์และให้นายพรานนำหัวใจของสโนว์ไวท์มาให้เพื่อเป็นการยืนยัน แต่ด้วยความสงสาร นายพรานจึงได้ปล่อยสโนว์ไวท์ไปและฆ่าหมูป่าเพื่อเอาหัวใจมาให้พระราชินีแทน สโนว์ไวท์ที่หนีไปได้ก็เดินเข้าไปในป่า เธอได้รับความช่วยเหลือจากคนแคระทั้งเจ็ดที่ใจดี”



พอเอ็ดเวิร์ดเล่าถึงตอนนี้อาร์เจนก็ดีใจเมื่อเห็นว่าสโนว์ไวท์ยังไม่ตาย



“พระราชินีที่รู้ข่าวก็โกรธมาก เธอแอบปลอมตัวเป็นยายแก่ขายผลแอ็ปเปิลแล้วไปหาสโนว์ไวท์ตอนที่คนแคระทั้งเจ็ดไม่อยู่ สโนว์ไวท์ที่ได้เห็นก็สงสารจึงช่วยเหลือ โดยที่สโนว์ไวท์ไม่รู้เลยว่าผลแอ็ปเปิลนั้นมันเคลือบยาพิษ เพียงแค่กัดเพียงหนึ่งคำสโนว์ไวท์ก็สิ้นใจทันที พระราชินีเมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเองจึงได้กลับปราสาท”



“น่าสงสารสโนว์ไวท์จังเลยเอ็ด” อาร์เจนเริ่มน้ำตาคลอ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนๆ นึงถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้นะ ทำไมถึงได้ทำร้ายกันได้ลงคอ



เอ็ดเวิร์ดยิ้มบาง “คนแคระทั้งเจ็ดเมื่อกลับมาก็เจอกับสโนว์ไวท์ที่สิ้นใจ พวกเขาทำใจไม่ได้จึงได้เก็บสโนว์ไวท์ไว้ในโลงแก้วแล้วผลักกันมาดูแล จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีเจ้าชายขี่ม้าขาวผ่านเข้ามา ด้วยความสงสัยจึงเข้าไปดูโลกแก้วแล้วก็ได้เจอกับสโนว์ไวท์ เพียงแค่แรกเห็นก็ทำให้เจ้าชายถึงกับหลงรักสโนว์ไวท์ จึงได้มอบจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอ แล้วปาฎิหารก็เกิดขึ้น สโนว์ไวท์ได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับหลงรักเจ้าชายด้วยเช่นกัน”



อาร์เจนกลืนน้ำลายลงคือ มือบางทั้งสองข้างกำกันแน่น



“เรื่องราวทั้งหมดได้ถูกเล่าให้เจ้าชายฟังผ่านคนแคระทั้งเจ็ด นางแม่มดตัวร้ายได้อยู่ในปราสาทและต้องการกำจัดทุกคนที่สวยกว่า เจ้าชายที่ได้ฟังดังนั้นจึงอาสาไปกำจัดราชินี แล้วชัยชนะก็เกิดขึ้น ราชินีพ่ายแพ้ ถูกสังหาร กระจกวิเศษก็ถูกทุบจนแตกละเอียด สโนว์ไวท์และเจ้าชายก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”



เมื่อถึงตอนจบของเรื่องเอ็ดเวิร์ดก็เฝ้ามองพฤติกรรมของร่างน้อยตรงหน้า เขาไม่รู้ว่าเขาเล่าเรื่องได้ดีไหม มันเป็นเพียงแค่นิทานธรรมดาๆ แต่เขาก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน อาร์เจนเป็นคนแรก เขาเห็นคนในกระจกทำหน้าเซื่องซึม ดูไม่สดใส ทั้งๆ ที่เรื่องราวตอนจบก็จบลงด้วยดี แล้วนั้น มันก็ทำให้เอ็ดเวิร์ดแปลกใจไม่น้อยเช่นกัน ทำไมถึงได้ดูเศร้าหมอง ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ หรือว่าเขาเล่าอะไรผิดตรงไหน? มันมีแต่ความไม่เข้าใจ



“...เอ็ด” น้ำเสียงแผ่วเบาเรียกชื่อ



มันเจ็บในอก มันทรมาน ไม่ใช่เพราะสโนไวท์ถูกฆ่าหรือแม่มดใจร้ายถูกฆ่า แต่มันเป็นเพราะกระจกของราชินีที่ถูกทำให้แตกต่างหาก เพราะเป็นเหมือนกัน เพราะอยู่ในกระจกเหมือนกัน อาร์เจนถึงได้นึกกลัว...กลัวเหลือเกินว่าถ้าเกิดว่าวันใดวันหนึ่งกระจกแตกขึ้นมาเขาจะหายไปจากที่นี่



“ผม...ผมจะแตกไหม ฮึก”



เอ็ดเวิร์ดไม่เข้าใจสิ่งที่อาร์เจนพูดสักนิด



“ฮือ สักวันผมก็จะต้องแตกเหมือนกระจกของราชินีสินะ แล้ว...แล้วสักวันผมก็จะต้องหายไปใช่ไหม เมื่อถึงตอนนั้น ฮึก ฮึก ผมก็จะไม่ได้เจอกับเอ็ดอีกแล้วใช่ไหม”



อาร์เจนกำลังร้องไห้น้ำตาพรั่งพรู ดวงหน้าหวานมีน้ำสีใสไหลหยาดเยิ้มจนถึงคาง น้ำเสียงที่แสดงถึงความสั่นเครืออย่างคนกำลังนึกกลัว แต่อกข้างซ้ายของเอ็ดเวิร์ดกำลังเต้นระริกด้วยความดีใจ ใบหน้าหล่อภายใต้แว่นตากำลังคลี่ยิ้ม ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากเข้าไปโอยกอด ปลอบโยนให้คนที่กำลังร้องไห้หยุดร้อย เรื่องนิทานสโนไวท์เขาไม่คิดที่จะสนใจสักนิด ถ้าอาร์เจนเป็นคนในกระจก เขาก็จะยอมเป็นราชินีใจร้าย



กระจกวิเศษ ใครงานเลิศที่สุดในปฐพี



ก็ท่านนี่แหละ กระจกวิเศษ ที่งามเลิศที่สุดในปฐพี



เอ็ดเวิร์ดทาบมือไปบนกระจกอีกครั้งให้ตรงกับมือของอาร์เจนที่อยู่อีกฝั่ง เขาเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ร่างเล็กก่อนที่จะทาบริมฝีปากอุ่นบนกระจกที่กั้นกลาง



“ฉันไม่มีทางให้เธอหายไปเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนฉันก็จะอยู่กับเธอ จะไม่ปล่อยให้เธอต้องเหงา ฉันสัญญา”



มันคือคำมั่นสัญญาที่เขาได้มอบให้กับคนที่รัก...



ผู้เป็นรักครั้งแรก







TAKE

มาอัพแล้วจ้าาา

แฮะๆ ขอบคุณนะคะที่ติดตามกัน เทคดีใจ
แล้วก็ขอโทษที่มาช้านะ พอดีเทคไปไล่ลงในเด็กดีกับธัญวลัยให้ทันในเล้าอยู่อ่ะ

1 คอมเม้นเท่ากับ 1 ล้านกำลังใจนะจ้าาา

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
รักนี้อุปสรรคสูงจริง ๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew1:

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0




มือบางทาบทับริมฝีปากตัวเองแผ่วเบา ดวงตาใสสุกวาบคิดถึงคนที่ส่งจูบมาให้ ใจของร่างน้อยเต้นรัวราวกับกลองก็มิปาน นี่เขาตายแล้วไม่ใช่เหรอ นี่เขาต้องไม่รู้สึกสิ แล้วอาการหน้าร้อนผ่าวนี่คืออะไรกัน อาร์เจนไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง เขาเป็นผี เป็นวิญญาณ ไม่ต้องหลับต้องนอน การรอคอยให้เอ็ดเวิร์ดตื่นในแต่ละวันมันช่างแสนยาวนานแต่ก็มีความสุข การดำเนินชีวิตในช่วงกลางวันก็เช่นกัน เมื่อก่อนเคยเบื่อและไม่ชอบแต่นี่กลับไม่เลยสักนิด



อาร์เจนมีความสุขทุกครั้งที่คิดถึงเอ็ดเวิร์ด



“เอ็ด...” เสียงแผ่วเอ่ยเรียกคนหลับ



เอ็ดเวิร์ดไม่ยอมนอนที่เตียงใหญ่ ที่นอนนุ่มๆ หรือผ้าห่มดีๆ เขาก็ไม่สนแต่เลือกที่จะมานอนอยู่ข้างกระจกเป็นเพื่อนกับตัวเอง จนอาร์เจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเกิดว่าตัวเองสามารถออกไปนอกกรงขังนี้ได้ก็คงจะดีไม่น้อยเช่นกัน



เอ็ดเวิร์ดกำลังฝันอะไรอยู่นะ



ดูสีหน้าช่างมีความสุข



แล้วในความฝันนั้นจะมีเขาอยู่หรือเปล่านะ



ร่างน้อยนอนลงขนาบกับพื้น ดวงตาวาวทั้งสองจับจ้องไปที่คนกำลังหลับ อาร์เจนยิ้มบางพลางทาบแก้มลงฝ่ามืออุ่นพร้อมกับคำภาวนาที่เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา



อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ จัง



 

นับเป็นครั้งที่เอ็ดเวิร์ดตื่นขึ้นมาในตอนเช้าท่ามกลางความสุขที่มันล้นในอก เมื่อเช้าหลังจากที่ตื่นนอนเขาก็เจอกับอาร์เจนที่นอนอยู่ข้างๆ คำที่บอกอรุณสวัสดิ์ในตอนเช้ากับรีบกลับบ้านเร็วๆ นะ ทำให้เขาแทบไม่อยากออกมาทำงานเสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยภาระหน้าการงานและเขาก็ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่จะต้องมานั่งทำตามใจตัวเอง เอ็ดเวิร์ดก็เลยต้องมาอย่างจำใจ แล้วก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาอยากให้ถึงเวลาเลิกงานเร็วๆ ขนาดนี้มาก่อนเช่นกัน



งานเอกสารที่กองท่วมหัว เคยมีครั้งหนึ่งที่เอ็ดเวิร์ดไม่ชอบใจนัก มันเป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับเขา แต่มันเป็นหน้าที่แล้วเขาก็ไม่สามารถทิ้งงานเพื่อไปหาคนตัวเล็กได้ในเวลานี้ เอ็ดเวิร์ดนึกถึงใบหน้าที่ยิ้มแย้มยามที่เขากลับไปถึงบ้าน คิดถึงเสียงหัวเราะ คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของอาร์เจน



ก๊อก ก๊อก ก๊อก



เสียงเคาะประตูดังขึ้น



“พี่”



แล้วผู้ที่เข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากดอมผู้เป็นน้องชาย เอ็ดเวิร์ดที่อยู่ในภวังค์เงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้เข้ามาเยือนด้วยสีหน้านิ่งเรียบปกติ



“มีอะไร”



“เปล่า...ก็แค่จะมาชวน”



เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้ว



“วันนี้ผมจะพาพริซซิล่าไปสังสรรค์กัน พี่จะไปด้วยไหม”



“ไม่ดีกว่า” ชายหนุ่มปฏิเสธก่อนที่จะลงมือมองเอกสารตรงหน้าต่อ “พอดีพี่มีนัดกับวิกเตอร์แล้ว”



“อ่าหะ แล้วผมจะไปบอกกับพริซซิล่าให้ก็แล้วกัน”



ดอมพูดเพียงแค่นั้นก่อนที่ปิดประตูออกไป



เอ็ดเวิร์ดละมือที่จับปากกาลง ใบหน้าหล่อแหงนมองขึ้นเพดานด้วยความเหนื่อยล้าเต็มทน ดูเหมือนว่าช่วงนี้ความสัมพันธ์ของเขากับดอมจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่นัก มันไม่เหมือนพี่น้องสายเลือดเดียวกันสักนิด



ถ้าเป็นไปได้...เขาก็ไม่อยากเห็นหน้าดอมสักเท่าไหร่



ให้มันเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว

 



ร้าน XXX



ในร้านเหล้าสุดหรูของขุนนางชั้นสูงและคนมีเงิน เอ็ดเวิร์ดกับวิกเตอร์นั่งอยู่ตรงเค้าท์เตอร์บาร์ชายหนุ่มมองน้ำสีม่วงเข้มที่อยู่ในแก้ว เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะมันไม่ได้ทำให้เขาสนใจสักนิด กลิ่นแอลกอฮอล์ที่อบอวลไปทั่วจนน่ามึนหัว เอ็ดเวิร์ดไม่ค่อยบบรรยากาศแบบนี้ มันน่าชวนอ๊วกและน่าขยะแขยงจนเกินทน



“เป็นอะไรไปเอ็ดเวิร์ด ไม่สนุกเหรอ”



วิกเตอร์ที่เห็นเอ็ดเวิร์ดทำหน้าเซ็งจึงเอ่ยถาม มันเป็นความผิดของเขาที่ชวนเอ็ดเวิร์ดมาในที่แบบนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ค่อยชอบ เอ็ดเวิร์ดเป็นพวกที่บ้างานส่วนใหญ่ เรื่องไปเที่ยวหรือออกนอกลู่นอกทางมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย



“เปล่า...แค่คิดอะไรนิดหน่อย”



“เรื่องของพริซซิล่า?”



วิกเตอร์แค่เดา...เขาไม่รู้ว่าเอ็ดเวิร์ดกำลังคิดเรื่องอะไร สิ่งเดียวที่วิกเตอร์พอจะคิดได้ก็คือเรื่องของพริซซิลาและดอมก็เท่านั้น การที่ต้องอยู่มองเห็นคนที่ตัวเองรักไปอยู่กับคนอื่นมันก็คงทรมานไม่น้อย ใช่...เหมือนกับเขาที่กำลังทรมานเพราะคิดกับคนข้างตัวเกินเพื่อน



“มันไม่ใช่เรื่องของเธอหรอก”



เอ็ดเวิร์ดหมุนแก้มไปมา...เขาไม่ได้คิดถึงพริซซิล่าสักนิด ไม่มีเรื่องของเธออยู่ในหัว ไม่มีแม้กระทั่งความคิดถึงด้วยซ้ำ นึกๆ แล้วเอ็ดเวิร์ดก็นึกแปลกใจตัวเองไม่น้อย ทั้งที่ควรจะห่วงหา ควรจะเสียใจมากกว่านี้ แต่นี่...มันกลับไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย



บางทีเอ็ดเวิร์ด...อาจไม่ได้รักพริซซิล่าตั้งแต่แรก



มันอาจดูเลวร้าย แต่มันก็เป็นความจริง พริซซิล่าคือผู้หญิงที่ดีและน่ารัก เธอดูเป็นสาวทันสมัย ทั้งฐานะและชาติตระกูลมันก็เทียบเท่ากับสังคมชั้นเดียวกัน แต่ทุกครั้งที่อยู่ใกล้พริซซิล่าเขาไม่ได้ใจเต้นแรง ไม่ได้ประหม่าเหมือนกับที่อยู่กับอาร์เจนเลยสักนิด



 

ชายหนุ่มยกแก้วไวน์เข้าปากแล้วดื่มไปจนหมด วิกเตอร์จะเอ่ยห้ามแต่ห้ามไม่ทัน เขามองดูปฏิกิริยาของเพื่อนหนุ่มพลางหัวเราะออกมาอย่างชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าของเอ็ดเวิร์ดที่แดงแป๊ดอย่างกับลูกตำลึง



“ฮ่า ฮ่า”



เอ็ดเวิร์ดเป็นคนประเภทคออ่อน กินของมึนเมาแค่นิดหน่อยแค่นี้ก็ทำให้เมาได้แล้ว นับประสาอะไรกับไวน์ที่รินเกือบเต็มแก้ว



“นาย...หัวเราะอะไรน่ะ วิกเตอร์” เสียงอ้อแอ้เอ่ยถาม



“เปล่า ฮ่า ฮ่า นายเมาแล้วนะเอ็ดเวิร์ด”





ร่างสูงขมวดคิ้ว “ฉันเปล่าเมา”



คนกำลังเมาปฏิเสธ แค่ไวน์เพียงแก้วเดียวจะเมาได้อย่างไร เอ็ดเวิร์ดคิดว่ากำลังโดนวิกเตอร์แกล้ง ชายหนุ่มทำหน้าไม่ชอบใจนิดหน่อยเมื่อเห็นวิกเตอร์หัวเราะไม่หยุด แก้วแล้วแก้วเหล้าถูกส่งมาทีละแก้ว แล้วทุกแก้วก็ถูกเอ็ดเวิร์ดกินจนหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว จากคนที่นั่งหลังตรงกลับเริ่มทรุดหมอบกับเคาท์เตอร์บาร์เรื่อยๆ กลับกลายเป็นว่าเอ็ดเวิร์ดไม่สามารถที่จะยันตัวเองให้ลุกได้เหมือนเดิม



“อาว~ อีกแก้ว”



“พอเถอะน่าเอ็ดเวิร์ด นายเมาแล้วนะ”



วิกเตอร์ที่เป็นคนคอแข็งห้ามเพื่อนสนิทที่กำลังเมาได้ที่ น่าแปลกใจจริงๆ ที่เห็นเอ็ดเวิร์ดเมาขนาดนี้ ปกติแล้วเอ็ดเวิร์ดจะเป็นคนสุภาพจะตาย อย่าหวังเลยว่าด้านแบบนี้จะให้คนอื่นได้เห็น พอได้คิดแบบนั้นแล้วก็ทำให้วิกเตอร์อดที่จะภูมิใจในตัวเองไม่ได้ ร่างสูงเอื้อมมือไปจับเรือนผมสีเข้ม นิ้วเรียวยาวเกลี่ยปอยผมไปมาเบาๆ ด้วยความทนุถนอม



“เอ็ดเวิร์ด”



“...” ไร้เสียงตอบรับจากคนคออ่อน



“เอ็ดเวิร์ด”



วิกเตอร์เรียกอีกครั้ง



“...อื้อ”





“นายเมาแล้วนะ”



“อือ~”



เอ็ดเวิร์ดครางตอบรับ ทุกอย่างรอบตัวเหมือนหมุนเป็นวงกลม เขาตาลายและมองอะไรไม่ค่อยชัด อยากจะพยุงสติตัวเองให้กลับคืนเหมือนเดิมแต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน เขาเหมือนราวกับว่าอยู่ในความฝัน กลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวของวิกเตอร์มันก็ยิ่งทำให้เขาเคลิบเคลิ้ม เอ็ดเวิร์ดไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกผู้หญิงถึงได้หลงคนๆ นี้กันมากเหลือเกิน



แว่นของเขาเหมือนกับถูกถอดออก ดวงตาปรือพยายามลืมตาขึ้นแต่ก็เหมือนมีอะไรมาปิดเปลือกตาเอาไว้ เส้นผมก็เหมือนกับมีคนมาจับเบาๆ เสียงกระซิบที่ข้างหู มันเอ่ยเรียกชื่อของเขาซ้ำๆ น้ำเสียงที่แสนอ่อนโยนนั่นมันราวกับปลอบประโลมให้ผ่านพ้นเรื่องร้ายที่เกิดขึ้น...แล้วเอ็ดเวิร์ดก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเอง...กำลังถูกจูบ



“...อาร์...เจน...”



เสียงละเมอของเอ็ดเวิร์ดทำให้วิกเตอร์หยุดการกระทำทั้งหมด เขาขมวดคิ้วมองคนเมาหลับไม่รู้เรื่อง...



อาร์เจน?



วิกเตอร์จำได้ว่าเขาไม่รู้จักชื่อนี้ ความแคลงใจเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้งเหมือนกับตอนที่เอ็ดเวิร์ดเจอกับพริซซิล่าครั้งแรก แต่ครั้งนี้ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังบอกกับเขาว่าคนที่เอ็ดเวิร์ดเอ่ยเรียกชื่อมีความสำคัญมากกว่านั้น ตั้งแต่เล็กจนโตวิกเตอร์จำได้ว่าเขาอยู่กับเอ็ดเวิร์ดมากกว่าคนในครอบครัวด้วยซ้ำ การที่คนๆ นี้ละเมอชื่อใครออกมามันเป็นเรื่องยาก



อาร์เจน...เป็นใคร

 

แอ๊ด...



หลังจากนั้นวิกเตอร์ก็มาส่งเอ็ดเวิร์ดที่บ้าน เขามีกุญแจสำรองของที่นี่เพราะเอ็ดเวิร์ดเคยให้ไว้ บ้านหลังเล็กที่เอ็ดเวิร์ดอาศัยอยู่ มันช่างเงียบสงบอย่างที่เจ้าตัวต้องการ ร่างที่ทัดเทียมกันทำให้วิกเตอร์เดินอย่างทุลัดทุเลกว่าจะถึงห้องก็พาเอาเหนื่อยไม่น้อยเลยทีเดียว



“เฮ้อ หนักไม่เบา”



วิกเตอร์เอ่ยยิ้มพลางส่วยหน้า ถ้าคนอื่นมาเห็นเอ็ดเวิร์ดในสภาพเมาขนาดนี้คงไม่เชื่อแน่ว่าเป็นคนๆ เดียวกันกับผู้ชายที่มีมาดสุขุม



พลันสายตาก็มองไปเห็นกระจกบานหนึ่ง





TAKE

วิกจะทำอะไรเอ็ดอ่าาาา

ปล.ใจร่มๆ กันเน้อ ค่อยๆ ลุ้นกันต่อไปว่าเมื่อไหร่อาร์เจนจะออกมา

ปล.ขอบคุณที่ยังคงมีคนอ่านและเม้น แค่นี้กะชื่นใจแล้วว

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0




วิกเตอร์จำได้...มันเป็นกระจกที่อยู่ในร้านขายของเก่า วิกเตอร์ไม่สามารถที่จะละสายตาออกจากมันได้เลยสักนิด ราวกับว่ากำลังถูกดูดเข้าไปในนั้น แต่มันก็แค่ความรู้สึกชั่ววูบเมื่อจู่ๆ คนกำลังหลับร้องครางอื้ออ้าในลำคอ วิกเตอร์รู้ว่าเอ็ดเวิร์ดกำลังอึดอัดกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ คนเมาก็มักจะเป็นแบบนี้ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มักจะทำให้ร้อนเสมอ วิกเตอร์จึงจัดการถอดเสื้อนอกของเอ็ดเวิร์ดออกพร้อมกับปลดกระดุมที่คอเพื่อให้เอ็ดเวิร์ดหายใจได้สะดวก



ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอด้วยความรู้สึกที่มันแน่นอยู่ในอก เอ็ดเวิร์ดกำลังเมาหลับ เขาไม่มีสติและไม่รู้เรื่อง ท่าทีเมามายที่แสดงออกมันกลับทำให้วิกเตอร์คิดว่าเอ็ดเวิร์ดกำลังยั่วอย่างไม่รู้ตัว ร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบาง ขยับไปมา ผิวขาวที่ต้องกับแสงนีออนดูสว่างสดใสราวกับว่ามันไม่เคยได้ออกแดด วิกเตอร์ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เขาเอนตัวไปหาคนด้านล่างด้วยความประหม่า



ใกล้...จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ



หยุดนะ!



เหมือนได้ยินเสียงหนึ่งร้องห้าม วิกเตอร์สะดุ้งเฮือกอีกครั้ง สิ่งแรกที่เขาทำคือหันไปมองยังบานกระจกที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง



ไม่มีใคร



ไม่มีอะไรทั้งสิ้น



มันเป็นห้องที่มีเพียงแค่เอ็ดเวิร์ดและเขาเท่านั้น นอกจากเฟอร์นิเจอร์ไม้ เครื่องประดับตกแต่งก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น หรือบางทีเขาอาจจะคิดมากไปก็ได้...วิกเตอร์หันมองคนหลับ เขาลุกขึ้นจากเตียง บางทีเสียงเรียกนั้นอาจะเป็นเสียงเรียกจากจิตสำนึกให้เขาหยุด ถ้าเกิดทำอะไรเอ็ดเวิร์ดในตอนนี้ วิกเตอร์รับรองได้เลยว่าในวันพรุ่งนี้จะไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อน



ร่างสูงถอนหายใจและลูบไปที่หน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ ด้วยฤทธิ์ของไวน์มันทำให้เขาควบคุมสติตัวเองแทบไม่อยู่ วิกเตอร์ไม่ใช่คนคออ่อน ไม่ใช่คนเมาง่ายอย่างเอ็ดเวิร์ด เพราะฉะนั้นเรื่องในคืนนี้ที่เกิดขึ้นมันก็เป็นเพียงแค่ความคิดชั่ววูบที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น...วิกเตอร์จึงตัดสินใจหันเดินไปด้านหลัง ก่อนที่จะห้ามใจตัวเองไม่อยู่เขาจะต้องออกไปจากที่นี่



บานประตูที่ถูกปิดลงอย่างช้าๆ แต่สายตาของวิกเตอร์กลับมองไปเห็นบางอย่าง เขารู้สึกเหมือนราวกับว่าเห็นคนอยู่ในกระจก! ชายหนุ่มชะงักตัวเล็กน้อยแล้วมองไปตรงๆ อีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่มีอะไรเลยนอกเสียจากเงาของตัวเอง วิกเตอร์ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง หรือสิ่งที่เขาเห็น เขาสัมผัส และทำกับเอ็ดเวิร์ดในคืนนี้ มันอาจเป็นเพราะเขาเองก็เมาเช่นกัน



ปัง...



หลังจากที่วิกเตอร์ออกไปแล้ว สายตาหนึ่งก็ยังคงจับจ้องอย่างไม่พอใจนัก อาร์เจนไม่ได้ไปไหน เขาไม่ได้หายตัวหรือแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็น สิ่งที่คนแปลกหน้าทำเมื่อสักครู่มันอยู่ในสายตาตลอดเวลา คนๆ นั้นกำลังจะทำไม่ดีกับเอ็ดเวิร์ด จึงได้ร้องห้าม...ใจดวงน้อยสั่นไหวด้วยความกังวลพลางมองไปที่ร่างของเอ็ดเวิร์ด อยากเข้าไปดู อยากเข้าไปหา แต่แค่ออกจากกระจกเขายังทำไม่ได้เลย



“อือ...”



เอ็ดเวิร์ดครางในลำคอ เขาปรือตามองไปยังรอบด้าน



“เอ็ด!” ร่างน้อยยิ้มกว้าง



สันชาติญาณของเอ็ดเวิร์ดยังคงอยู่ สติที่มีอยู่น้อยนิดผลักดันให้เขาลุกขึ้นก่อนที่จะคลานลงมาจากเตียงช้าๆ



“...อาร์...เจน”



เสียงอ้อแอ้ของเอ็ดเวิร์ดเอ่ยเรียกชื่อคนที่อยู่อีกฝั่ง ตาของเขาลายไปหมดแทบมองเห็นอะไรไม่ชัด เขาเห็นเพียงแค่อาร์เจนกำลังมองมาด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง



“...เอ็ด”



“ขอโทษ...ที่มาช้า...”



เอ็ดเวิร์ดรู้สึกผิด ที่ต้องปล่อยให้อาร์เจนรอ เขาจะต้องเหงามากแน่ๆ จะต้องคิดมากคิดว่าจะถูกทอดทิ้งอีกแน่ๆ เพียงแค่เห็นอาร์เจนทำหน้าจะร้องไห้มันก็ทำให้ใจของเขาเจ็บแปลบเหมือนกับว่ามีมีดมาแทงตรงอก เอ็ดเวิร์ดเอื้อมมือไปหาอาร์เจนเพียงหวังเพื่อที่จะจับมือนั้นแต่สิ่งที่เขาสัมผัสก็มีแต่ความเย็นของแก้ว เอ็ดเวิร์ดรู้สึกมึนหัวอย่างหนัก เขาจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองเมาได้ยังไง แต่อย่างน้อย...เขาก็ยังกลับมาที่บ้าน...ร่างสูงพยุงให้ตัวเองลุกขึ้นแล้วเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้กระจกพร้อมกับริมฝีปากอุ่นทาบทับไปที่ริมฝีปากของอาร์เจน โดยมีกระจกกั้นเหมือนเดิม



จูบที่บางเบาและสัมผัสไม่ได้



เอ็ดเวิร์ดหลับไปอีกครั้ง ร่างน้อยเม้มริมฝีปากแน่น ใจเต้นไม่เป็นส่ำ อาร์เจนไม่ได้โกรธเอ็ดเวิร์ดเลยสักนิดที่กลับบ้านช้า เขาอยากแตะตัวเอ็ดเวิร์ด อยากอยู่ใกล้ๆ อยากเข้าไปกอดด้วยสองมือนี้



“เอ็ด...เอ็ด...”



ทำไมกันนะ...



ทำไมถึงต้องมาอยู่ในกระจก...



ทำไมต้องเป็นที่นี่



อาร์เจนจำไม่ได้เลยเรื่องราวก่อนที่ตัวเองจะตาย แม้แต่ชื่อที่มีก็ยังหลงลืม นับประสาอะไรกับความทรงจำก่อนที่จะไร้ซึ่งลมหายใจ แต่อาร์เจนก็ยังคงหวัง...ความหวังที่แรงกล้า



อยากออกไปนอกกระจก!



วูบ...



มือบางเคลื่อนผ่านสิ่งกีดขวางที่เป็นตัวกักขังตัวเองเอาไว้ กว่าจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นตัวเองก็ออกมาอยู่นอกกระจกซะแล้ว...ร่างน้อยเบิกตาโผลง มองที่มือตัวเอง หรือว่านี่อาจจะเป็นความฝัน? ไม่สิ! เขาเป็นผี เขาฝันไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น...สิ่งที่เห็นนี่ก็เป็นความจริง!



“เอ็ด!...เอ็ด! ดูสิ ผมออกมานอกกระจก”



อาร์เจนร้องหาคนเมา ร่างน้อยเผยยิ้ม ใบหน้าก็เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข เขาอยากให้เอ็ดเวิร์ดมาเห็นในตอนนี้ แต่พลันขยับกายเข้าใกล้ มือบางก็เคลื่อนผ่านตัวของเอ็ดเวิร์ดภายในพริบตา...เขาสัมผัสตัวเอ็ดเวิร์ดไม่ได้ อาร์เจนมองมือตัวเองที่ใสราวกับแก้วก็มิปาน ริมฝีปากบางขบเม้มกันแน่นก่อนที่จะตัดสินใจลองอีกครั้ง...อีกครั้ง...และอีกครั้ง...แต่ทุกครั้งก็เหมือนเช่นเคย เป็นแค่เงาเรือนรางที่ลอดผ่านผิวเนื้อเท่านั้น



มันน่าเสียดาย...



น่าเสียดายจริงๆ...



ตื่นขึ้นมาสิ...เอ็ดเวิร์ด...อาร์เจนส่งเสียงเอ่ยเรียกแผ่วเบาราวกับว่ารู้สึกเสียใจที่คนสำคัญไม่อาจเห็นตัวเองในเวลานี้ได้ ร่างน้อยก้มหน้าลงไปหาคนเมาด้วยแววตาสื่อความหมายที่เต็มไปด้วยความต้องการและ...ความรัก...ที่ล้นเปี่ยม





ออฟไลน์ Maiiz Ellfiez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
น่ารักดีอาร์เจน  แต่แบบนี้จะลงเอยกันยังไงล่ะ

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0



เอ็ดเวิร์ดกำลังฝัน...



ความฝันที่แสนยาวนานและปวดใจ รอบข้างที่เต็มไปด้วยความดำมืด เขาวิ่งกระหืดกระหอบหนีอะไรบางอย่าง เอ็ดเวิร์ดไม่รู้...เขาไม่รู้จริงๆ ว่ากำลังหนีอะไรอยู่ รู้แต่ว่าเจ้าสิ่งปริศนานั้นมันจ้องจะทำลายเขาให้สิ้นซาก เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางที่สวมใส่ก็หลุดลุ่ย เส้นผมที่เคยหวีจนเรียบก็ยุ่งเหยิงราวกับว่าไม่ได้จัดแต่งมาเป็นเวลานาน และถึงแม้จะอยู่ในความฝันแต่มือและเท้าของเขากลับสั่นระรัว



ร่างสูงหันไปมองด้านหลัง มือนับสิบที่มาจากเงามืดกำลังจับเขาเอาไว้ เอ็ดเวิร์ดร่ำร้องตะโกนให้ปล่อยแต่ดูเหมือนเจ้ามือลึกลับกลับไม่ยอมทำตามแต่โดยง่าย มันพันธนาการเขาแน่น จับร่างสูงใหญ่เหวี่ยงลงกับพื้น เอ็ดเวิร์ดในตอนนี้ราวกับหนูติดจั่น เขาขยับไม่ได้ ไร้เรี่ยวแรง กว่าจะรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไรทั้งตัวก็ถูกพันธนาการเสร็จสิ้น



ริมฝีปากที่ถูกผ้ามัดเอาไว้ ข้อมือที่ถูกมัดด้วยเชือกจนมันบาดผิว เอ็ดเวิร์ดพยายามดิ้น...ดิ้น...ให้หลุดพ้น เขารู้สึกเจ็บแสบไปทั่วทั้งตัว ตรงหน้าเขาจากแค่มีมือที่ลอยมาจากในความมืดก็แปรเปลี่ยนเป็นดวงตาเหี้ยม พวกมันกำลังหัวเราะและมองมาทางเขาที่กำลังนอนอยู่ในที่คับแคบ



‘อั๊ก!’



ตรงท้องน้อยมีบางอย่างมากระแทก มันเจ็บจนร่างกายด้านชา เขากำลังสั่น กำลังกลัว น้ำตาของลูกผู้ชายก็ไหลอาบแก้ม เอ็ดเวิร์ดจ้องมองเจ้าสิ่งที่ทำร้ายเขาอย่างพินิจพิจารณา ไม่นานนักก็เห็นเป็นรูปทรง มันเป็นท่อนไม้ขนาดใหญ่ เสียงหัวเราะ เสียงเย้ยหยัน ดังก้องคำรามอยู่ในหัว เอ็ดเวิร์ดที่ขยับตัวไม่ได้เป็นหนูติดจั่น พวกมันกระแทกเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ซ้ำแล้วซ้ำอีก...จนเอ็ดเวิร์ดเจิ่งนองไปด้วยเลือด ความเจ็บที่มีก็ด้านชาจนแทบไม่รู้สึก จะมีก็เพียงหัวใจที่แหลกสลาย



‘ช่วย...ด้วย’



เขาเอ่ยร้องขอด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง



แต่ไม่มีใครเลย...ไม่มีสักคนที่จะยื่นมือมาช่วยเหลือผู้กำลังบาดเจ็บ



สวบ...สวบ...



เสียงบางอย่างดังขึ้นพร้อมกับความรู้สึกที่หนักอึ้งไปทั่วทั้งร่าง เอ็ดเวิร์ดไม่รู้ว่าเขากำลังเผชิญกับอะไร รู้แค่ว่ายิ่งเสียงนั้นเบาลงเท่าไหร่เขาก็ยิ่งอึดอัดจนหายใจไม่ออก



ออกไป...



ออกไปจากที่นี่...



น้ำตาของชายหนุ่มกำลังไหล เอ็ดเวิร์ดเองก็ใช่จะร้องไห้กับอะไรง่ายๆ แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมน้ำตาตัวเองถึงได้ไหล มันทรมานและเจ็บปวด ความชิงชังและความแค้นที่ค่อยๆ ก่อเกิดจากความเศร้าหมอง ร่างกายของชายหนุ่มชาดิก เขาแทบขยับไม่ได้...เพราะอะไร...ทำไม...มันมีแต่คำถามพวกนี้วนซ้ำนับสิบรอบ เอ็ดเวิร์ดไม่เข้าใจคำถามแต่เขาก็ยังคงคิดไม่หยุด ราวกับว่า...สิ่งนั้นมันกำลังต้องการคำตอบ

 



“เอ็ดเวิร์ด!”



เฮือก!



คนถูกเรียกสะดุ้งตัวตื่น เนื้อตัวของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ เอ็ดเวิร์ดหอบหายใจรวยรินเหมือนกับว่ากำลังจะตายเสียให้ได้ ร่างสูงมองไปยังรอบห้องด้วยดวงตาลอกแลกปนฉงนงง เขาอยู่ในห้องทำงานและตรงหน้าเขาก็คือวิกเตอร์ที่มองมาด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย



ฝัน?



เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้ว เขามองไปที่มือตัวเองที่กำลังสั่น ความฝันเรือนรางเมื่อสักครู่เขายังคงจำมันได้ดี ความรู้สึกที่หายใจไม่ออก ความรู้สึกที่กำลังกลัว...



“นายเป็นอะไรหรือเปล่า เหงื่อออกท่วมตัวเชียว” วิกเตอร์ยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้อีกฝ่าย



เอ็ดเวิร์ดรับมันไว้ เขาค่อยๆ เช็ดเหงื่อที่ไหลออกทีละน้อย เอ็ดเวิร์ดเป็นคนไม่ค่อยฝัน บางทีมันอาจเป็นเพราะความเมาเมื่อคืนก็เป็นได้ แต่ความฝันนั้นช่างน่าประหลาด มันเหมือนจริงมาก เหมือนกับว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ในนั้น ทั้งมืด ทั้งแคบ และหนาว แค่คิดถึงความฝันที่เรือนรางเมื่อสักครู่มันก็ทำให้เขาหายใจลำบากอย่างไม่รู้ตัว



“นายไม่เป็นอะไรแน่นะเอ็ดเวิร์ด”



“อืม”



“แต่ฉันว่านายควรกลับไปพักผ่อน”



วิกเตอร์ยังคงดื้อดึง เขาเป็นห่วงเอ็ดเวิร์ดมากกว่าตัวเองด้วยซ้ำ รู้อย่างนี้แล้วเมื่อคืนไม่น่าพาไปกินเหล้ากินเบียร์เลย เอ็ดเวิร์ดที่เป็นคนคออ่อนต่อให้เมาขนาดไหนเจ้าตัวก็ต้องลุกขึ้นมาทำงาน เฉดเช่นวันนี้ที่เจ้าตัวดูอ่อนล้า แต่ก็ยังคงฝืนสังขารมาทำ นั่นอาจเป็นเพราะความเย่อหยิ่งในฐานะลูกชายคนโต



“เอาน่า นายคิดมากไปแล้ว” เอ็ดเวิร์ดตอบเสียงนิ่ง เขายังคงหลับตาเพื่อผ่อนคลาย เมื่อคนคงเมามากไปหน่อยมันก็เลยแค่ฝัน ร่างสูงค่อยๆ ทบทวนความฝันของตัวเองทีละนิด แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ยังจำไม่ได้ มันเลือนราง คลับคล้ายคลับคลาแต่ก็นึกไม่ออก



“จริงสิ...วิกเตอร์”



“หืม?”



“เมื่อคืนนาย...” คิดชั่วครู่ก่อนที่จะปฏิเสธออกมา “เปล่า...ไม่มีอะไร”



เมื่อคืน...นายทำอะไรกับฉันหรือเปล่า



เอ็ดเวิร์ดคิดเช่นนั้น...ในขณะที่ตัวเองกำลังเมาหลับ รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกใครบางคนจูบ...ร่างสูงส่ายหัว มันคงเป็นไปไม่ได้



วิกเตอร์คงไม่ทำเช่นนั้น

 

วันนี้เป็นวันหยุด วันที่เอ็ดเวิร์ดรอคอยมาทั้งอาทิตย์หลังจากที่โหมงานหนักเพื่อทำงานให้เสร็จสิ้น จะได้ไม่ต้องมีใครมาก่อกวน ปกติแล้วถึงจะเป็นวันหยุดก็จริงแต่เอ็ดเวิร์ดมักจะทำงานเสมอ เขาคิดว่าวันหยุดมันไม่จำเป็นสำหรับเขาสักนิด ความคิดเช่นนั้นมันเลยทำให้เขาตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเดียวโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่คราวนี้กลับไม่ใช่...เขาอยากอยู่กับอาร์เจน



เมื่อหลายวันก่อนอาร์เจนเล่าให้เขาฟังว่าได้ออกมานอกกระจก แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็ทดลองกันมาเรื่อยๆ หลายต่อหลายครั้ง ให้ร่างเล็กรีดเร้นพลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่จะสำเร็จ ไม่มีแม้กระทั้งการกระดิกของพลังวิญญาณ สิ่งที่อาร์เจนทำได้ก็มีแค่เพียงปล่อยกลุ่มควันทีเอ็ดเวิร์ดเคยเห็นในคราวแรก...ร่างสูงนั่งหน้าบานกระจกใหญ่เหมือนเช่นเคย เขาจ้องมองคนตัวเล็กที่อยู่อีกฝั่ง อยากสัมผัส อยากกอด แต่ก็ทำได้แค่เพียงมองสบตา



“ขอโทษ”



ร่างน้อยนัยน์ตาสีนิลกาฬเศร้าหมอง



เอ็ดเวิร์ดยิ้มบาง “ไม่เป็นไรหรอก”



ถึงเอ็ดเวิร์ดจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่อาร์เจนก็รู้สึกผิดอยู่ดี เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำได้ยังไง แค่วันนั้นที่เห็นเอ็ดเวิร์ดถูกจับต้องโดยผู้อื่นมันก็ทำให้เขาแทบคลั่ง



อาร์เจนไม่ชอบวิกเตอร์



ถึงเอ็ดเวิร์ดจะบอกว่าเขากับวิกเตอร์เป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก แต่อาร์เจนรู้...สายตาของผู้ชายคนนั้นมันมีให้เอ็ดเวิร์ดมากเกินกว่าเพื่อน เพราะสายตาคู่นั้น...มันเหมือนกับที่เขามองเอ็ดเวิร์ด



อาร์เจนรู้ว่ามันคือ ‘ความรัก’ กายที่ได้ตายไปแล้วมันกลับใจเต้นแรงเพียงแค่ได้เห็นหน้าหรือแค่คิดถึง เอ็ดเวิร์ดเป็นคนแรกและคนเดียวที่ไม่กลัวเขา นั่นมันหมายถึงว่าเขายังคงรู้สึกสำคัญกับใครบางคน ไม่โดดเดี่ยว ไม่อ้างว้าง ตลอดเวลาระยะหลายสิบปีที่ผ่านมา เขาที่อาศัยอยู่แต่ในกระจกทั้งเหงาและหว้าเหว่ จนกระทั่ง...ได้มาเจอกับเอ็ดเวิร์ด ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป



เอ็ดเวิร์ดลุกขึ้นเดินไปหยิบบางอย่าง อาร์เจนมองตามหลังด้วยคิดว่าเอ็ดเวิร์ดกำลังไม่ชอบใจ แต่พอเห็นสิ่งที่อยู่ในมือก็ทำให้คนตัวเล็กถึงกับฉงน



“อะไร”



มันคืออะไรที่อยู่ในมือของเอ็ดเวิร์ด...อาร์เจนไม่รู้



“หนังสือ”



“หนังสือ?” ร่างเล็กทวนคำ



เขาไม่เข้าใจ...หนังสือมีเอาไว้ทำอะไร เอาไว้กินอย่างนั้นเหรอ?



ร่างสูงขนหนังสือมากมายมากองตรงหน้ากระจก หนังสือพวกนี้มันเป็นหนังสือนิทานที่เขาเตรียมเอาไว้เพื่อใช้ในวันหยุดกับคนในกระจก...อาร์เจนมองสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดเรียกว่าหนังสือ ตรงหน้ามันมีรูปวาดสวยงาม ร่างน้อยมองมันอย่างตาไม่กระพริบราวกับว่ากำลังตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่...เอ็ดเวิร์ดนึกขำ มันเป็นอย่างที่เขาคิดเสียด้วย คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ลงทุนไปซื้อนิทานหลายเล่มมา เขาไปยืนเลือกมันเป็นชั่วโมงๆ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเลือกซื้อพวกนี้มาก่อนเลยไม่รู้ว่าจะเอาอะไรดี เอ็ดเวิร์ดจึงหยิบมาหมดทุกเล่มเท่าที่ร้านจะมี จนที่สุดหนังสือนิทานนับสิบก็ได้มาอยู่ในมือ



“เอาเล่มนี้ก็แล้วกัน”



ร่างสูงหยิบเล่มบนสุดขึ้นมา มันมีชื่อเรื่องว่า ‘เจ้าหญิงในหอคอย’



คราวนี้อาร์เจนรู้แล้วว่าหนังสือพวกนี้มีไว้ทำอะไร มันไม่ได้เอาไว้กิน มันไม่ได้เอาไว้ใช่ แต่มันเอาไว้สำหรับอ่าน...พลันหน้าที่ยิ้มกว้างก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง เอ็ดเวิร์ดสังเกตเห็น เขาไม่เข้าใจ...หรือว่าบางทีอาร์เจนอาจไม่ชอบ



“มันมีกระจกไหม”



แต่คำถามที่อาร์เจนเอ่ย กลับทำให้เขาอดขำไม่ได้



“ไม่มีหรอก”



“จริงนะ!”



“อืม” เอ็ดเวิร์ดพยักหน้ารับ



เขารู้ว่าอาร์เจนมีภูมิต้านทานในเรื่องนี้ต่ำ ครั้งก่อนตอนที่เล่าเรื่องสโนไวท์ กระจกของแม่มดที่แตกละเอียดทำเอาอาร์เจนเศร้าสลดไปหลายวันทีเดียว ครั้งนี้เขาก็เลยจงใจเลือกเรื่องที่ไม่มีกระจกเข้ามาเกี่ยวข้อง



แล้วหลังจากนั้นเอ็ดเวิร์ดก็เริ่มเล่า







TAKE

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของเทคเลยมั้งที่แทบ...ไม่มีอะไรเลย ฮ่าๆ ไม่ฮาร์ตคอ คือแบบ...ดำเนินเรื่องไปอย่างเรียบๆ แต่ก็ขอบคุณมากคะที่อ่านกัน รู้สึกดีใจมาก ><

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0




“กาลครั้งหนึ่ง...นานมาแล้ว...”



การกระทำของคนร่างสูงตรงหน้า มันอยู่ในสายตาของอาร์เจนตลอดเวลา เอ็ดเวิร์ดที่กลัวเขาเหงา ได้ซื้อนิทานมามากมาย คอยเล่าให้เขาฟังอย่างตั้งใจ แต่สำหรับอาร์เจนแล้วพวกนิทานพวกนั้นถึงจะน่าตื่นเต้น แต่มันก็ไม่อาจเทียบเท่าเวลามองเอ็ดเวิร์ดเล่านิทานเท่านั้นเอง



เอ็ดเวิร์ดทั้งสุขุม



และสง่างาม



ดั่งเจ้าชายขี่ม้าขาว...อาร์เจนรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าหญิงในหอคอย ที่รอให้เจ้าชายมาพบและช่วยเหลือให้ออกไปสู่โลกกว้าง



“เจ้าชายได้ฆ่าแม่มดใจร้าย แล้วช่วยเจ้าหญิงได้สำเร็จ หลังจากนั้นพวกเขาก็อยู่กันอย่างมีความสุข...ตลอดไป”



หลังจากที่เล่านิทานจบ เอ็ดเวิร์ดก็ปิดหนังสือ เขามองไปยังร่างน้อยที่กำลังนั่งเหม่อลอย



“ดีใจจัง”



อาร์เจนเอ่ยเสียงแผ่ว ทั้งน้ำเสียงและท่าทางของเอ็ดเวิร์ดมันทำให้เขาเคลิ้มอย่างน่าประหลาด ในนิทานที่เริ่มอย่างไม่ดีนักแต่อย่างน้อยในตอนจบมันก็สวยงาม...



เอ็ดเวิร์ดหยิบนิทานอีกเล่ม เขาค่อยๆ เริ่มเล่าต่อ จนเวลาผ่านพ้นไปจากหนึ่งชั่วโมง กลายเป็นสองชั่วโมง แต่เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ดวงตาคมจับจ้องคนหน้าหวานด้วยความสุข รอยยิ้มของอาร์เจนมันก็ทำให้เขาอบอุ่น...เล่มแล้วเล่มเล่าถูกเล่าออกไปอย่างไม่รู้จบ กองหนังสือนิทานมากมายที่ยังไม่ถูกอ่านมันก็ถูกหยิบออกมาจนหมดกอง โดยที่เขาไม่ได้รู้เลยว่ายิ่งอยู่ใกล้กับอาร์เจนมากเท่าไหร่ พลังชีวิตของเขาก็ถูกดูดออกไปทีละนิดๆ



สีควันจางๆ ที่มองไม่เห็น มันกำลังลอยเข้าไปในกระจก



อาร์เจนไม่รู้ตัว เอ็ดเวิร์ดเองก็เช่นกัน



เอ็ดเวิร์ดวางหนังสือนิทานเล่มสุดท้ายลง...เขารู้สึกคอแห้งจึงเดินไปหยิบน้ำที่อยู่ในห้องครัว อาการวิงเวียนของศีรษะทำให้เขาแทบล้ม ร่างสูงส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่ความมึนงงที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เอ็ดเวิร์ดเป็นคนที่ไม่ได้คิดอะไรมาก บางทีที่สภาพร่างกายของเขาเป็นเช่นนี้คงเพราะอยู่กับหนังสือและแสงเป็นเวลานาน พอคิดได้เช่นนั้นเอ็ดเวิร์ดก็ไม่สนใจอาการที่อ่อนล้า เขาเดินเข้าไปยังในห้องก่อนที่จะปิดประตูลงอีกครั้ง ราวกับว่าไม่อยากให้ใครด้านนอกเข้ามา



ปัง...



 

วันแล้ววันเล่าที่เอ็ดเวิร์ดใช้ชีวิตเยี่ยงนี้ เขาไปทำงานและกลับมาบ้าน เริ่มใช้ชีวิตแปลกแยกจากบุคคลอื่นหรือจะเรียกได้ว่าแทบไม่สุงสิงกับใครทั้งนั้น ในทุกวันเขาจะรีบทำงานให้เสร็จและกลับบ้านในทันที แม้แต่กับวิกเตอร์ที่เป็นเพื่อนสนิทก็ยังแทบไม่ได้คุยกัน นับประสาอะไรกับครอบครัวที่เหมือนกับแตกแยกไปคนละทิศคนละทาง



วันหนึ่งแม่ของเขาหรือที่ใครๆ เรียกว่ามาดามไดอาน่าได้เข้ามาเยี่ยมเยียนลูกชายที่ไม่ได้กลับบ้านมานานหลายเดือน แต่ก็ได้พูดคุยกันไม่กี่คำเท่านั้นแม่ของเขาก็กลับไป เอ็ดเวิร์ดเองก็รู้สึกผิดกับผู้เป็นแม่ไม่น้อยแต่ความทรงจำเกี่ยวกับแม่เขาแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ ไม่สิ...ความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัวก็เหมือนกัน สิ่งที่เขาจำได้คือหนังสือและโต๊ะขนาดใหญ่ที่เอาไว้ให้ท่องจำคำศัพท์ต่างๆ นานา...เอ็ดเวิร์ดรู้ ถึงจะไม่มีเขาแม่ก็ไม่คิดที่จะใส่ใจอะไรอยู่แล้ว เพราะตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาแม่มักจะร้องเรียกหาลูกชายคนเล็กเสมอ



ความเสียใจ น้อยใจ กลายเป็นความชินชา...เอ็ดเวิร์ดที่ถูกหมางเมินมาตั้งแต่เด็ก เขารู้สึกชินกับสายตาคู่นั้น แววตาที่แสนเศร้าที่มีไว้มองแต่เพียงแค่ดอมก็เท่านั้น



“ดูซะ”



มาวิสหยิบเอกสารให้กับเอ็ดเวิร์ดดูด้วยใบหน้าเรียบเฉย...ผิดกับเอ็ดเวิร์ดที่ขมวดคิ้วด้วยความข้องใจ แต่เขาก็หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู เขาไล่สายตาทีละบรรทัด สิ่งที่เห็นบนกระดาษที่มีตัวหนังสืออยู่เรียงรายคือผลประกอบการของบริษัทฯ และทั้งหมดนั่นก็เป็นผลงานของเขา



เปล่าเลย...มันไม่ได้ยอดขายดีหรือถูกชม



แต่มันกลับตรงกันข้าม ผลงานของเอ็ดเวิร์ดในช่วงหลายวันมานี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ งานก็ผิดพลาดจนเกือบทำให้บริษัทฯ เสียหายเพราะเซ็นเอกสารผิด ตั้งแต่วันที่เขาคลุกอยู่กับอาร์เจนทั้งวันร่างกายของเขาก็ไม่สู้ดีนัก ร่างสูงเหมือนไร้เรี่ยวแรงไปซะดื้อๆ แต่ก็คิดว่าเพราะทำงานหนักจึงได้ไม่ใส่ใจ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคืองานที่มันล้มเหลวไม่เป็นท่า



“ฉันไม่เคยสอนให้แกทำงานผิดพลาด”



เป็นครั้งแรกที่เอ็ดเวิร์ดถูกมาวิสต่อว่า ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาได้ยินแต่คำชมจนเบื่อ แต่ก็เพราะคำชมเหล่านั้นนั่นแหละที่มันเป็นแรงผลักดันทำให้เขาทำทุกอย่างได้ดี



“ขอโทษครับ” ร่างสูงก้มหน้าตอบอย่างสำนึกผิด



‘ปวดหัว’



เอ็ดเวิร์ดพยายามเก็บซ่อนอาการเอาไว้



“ฉันต้องการคำอธิบาย” มาวิสไม่ต้องการคำขอโทษ เขาต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันก็ไร้คำตอบอีกเช่นเคย



“ขอโทษครับ” ร่างสูงกัดฟันทน เขามองข้างหน้าแทบไม่ชัดแต่ก็พยายามทรงตัวให้อยู่



มาวิสมองดูลูกชายคนโตที่สภาพโรยรา เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่รู้จะทำยังไงดี เอ็ดเวิร์ดที่ทำงานดีมาโดยตลอดแต่หมู่นี้กลับเป็นอะไรก็ไม่รู้ คนในบริษัทฯ ก็พูดกันว่าช่วงนี้เอ็ดเวิร์ดแปลกไป ในทีแรกเขาก็ไม่เชื่อจนได้มาเห็นกับตาตัวเอง มาวิสคิดเช่นเดียวกับเอ็ดเวิร์ด...บางทีเขาอาจให้ลูกชายทำงานหนักไปก็เป็นได้



“กลับไปพักผ่อนซะ”



มันคือคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เอ็ดเวิร์ดก้มหน้าทำตาม



เขาเดินไปหยิบกระเป๋าที่อยู่ในห้องตัวเองก่อนนั่งรถม้าไปยังบ้านหลังน้อยที่เขาอาศัยอยู่ช่วงนี้ พอไปถึงเขาก็ปิดประตูลงกลอนแล้วตรงดิ่งไปยังห้องของตัวเอง



อาร์เจนที่รอเอ็ดเวิร์ดอยู่ในกระจกมองด้วยความไม่เข้าใจ สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดจนน่าเป็นห่วง...เอ็ดเวิร์ดเอาหลังพิงกับขาเตียงพลางกุมขมับด้วยความปวดหัว ตลอดระยะทางที่กลับมาถึงบ้านเหมือนหัวเขาจะระเบิดเสียให้ได้



ราวกับถูกสูบพลัง



“เอ็ด...ไม่เป็นไรนะ” อาร์เจนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง



“อืม คงทำงานหนักมากไป พักสักเดี๋ยว เดี๋ยวก็หาย” ร่างสูงยิ้มให้ เขากุมขมับตัวเองแล้วเอนหลังไปยังปลายเตียงด้านหลัง



ปวดไปหมดทั้งตัว



ปวดหัว



ราวกับว่ากำลังจับไข้แต่ตัวก็ไม่ได้ร้อน แค่รู้สึกหน้ามืดเจนแทบจะเป็นลมล้มพับไปก็เท่านั้น...เอ็ดเวิร์ดเข้าใจว่าร่างกายของตัวเองแข็งแรงดี เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยก็แทบไม่มีให้ได้เห็น อาการพวกนี้มันก็แค่ประเดี๋ยวประด๋าวไม่นานนักอาการก็คงจะหายไปและคงดีขึ้น เขาหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าโดยมีสายตาของคนผมขาวจับจ้อง...กลุ่มควันที่มองไม่ได้ได้ค่อยๆ ลอยออกมาจากร่างสูงไปสู่คนในกระจกอย่างไม่รู้ตัว



อาร์เจนเป็นห่วงเอ็ดเวิร์ดแต่กลับทำลายเอ็ดเวิร์ดในคราวเดียวกัน

 

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
หรือว่าอาร์เจนจะออกจากกระจกได้ แล้วอีกคนเข้าไปอยู่แทน

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0




ร่างสูงนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงขนาดกลาง ความผิดพลาดจากงานมันทำให้เขาคิดมากกว่าที่คิด การข่มตาหลับในยามค่ำคืนมันช่างยากเย็น หัวที่หนักอึ้งมันก็ยิ่งปวดมากจนเขาแทบทนไม่ไหว ร่างกายที่มีเริ่มอ่อนแรงและดูซูบผอมกว่าเมื่อวานอยู่มากโข แถมยังมีอาการไอเข้ามาแทรกซ้อน เสียงไอโครกเครกตลอดทั้งคืนดังสนั่นไปทั่วห้อง ไม่เพียงแค่นั้นกลับมีเลือดไหลออกมาจากลำคอและจมูก จากชายหนุ่มที่มีสุขภาพแข็งแรงดูเป็นคนขี้โรคไปถนัดตา



“เอ็ด...”



อาร์เจนมองดูเอ็ดเวิร์ดด้วยสีหน้าเป็นกังวล เขาเห็นเอ็ดเวิร์ดกำลังทรมานแล้วมันช่างเจ็บปวดไม่น้อย สองมือเล็กทำได้เพียงแค่ทุบไปที่กระจก ดวงตาหม่นทั้งสองข้างก็เรื้อไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า



ออกไปไม่ได้!



ทำไมถึงออกไปไม่ได้!



ร่างน้อยนึกโทษตัวเองนัก แม้แต่เวลาสำคัญขนาดนี้เขายังออกไปด้านนอกไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอเพียงแค่ออกไปนอกกระจก...อยากเข้าไปดูเอ็ดเวิร์ดใกล้ๆ ไม่ใช่ถูกขังอยู่อย่างนี้



“ไม่เป็นไร...ฉันไม่เป็นไร”



เอ็ดเวิร์ดส่งเสียงทรมาน เขาหันมองไปยังร่างน้อยด้วยรอยยิ้มแผ่ว ก่อนค่อยๆ ยันตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากเตียง เอ็ดเวิร์ดมาหาอาร์เจนที่หน้ากระจก เขาลุกแทบไม่ไหวแต่ก็ยังฝืนสังขารให้ยืนขึ้น กายใหญ่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างคนหมดแรง



“ฮึก ฮือ ฮือ เอ็ด”



น้ำตาที่ไม่น่าจะไหลมันกลับไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว แค่เห็นเอ็ดเวิร์ดกำลังทรมานแค่นี้มันก็ทำให้ใจดวงน้อยเจ็บแปลบ



“อย่าร้องไห้”



มือหนาเอื้อมมือสัมผัสสิ่งขวางกั้น เขาใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไปที่เรือนกระจกใส ประหนึ่งกำลังเช็ดน้ำตาให้คนตัวเล็ก อีกมือก็ทาบทับลงไปตรงบานตรงหน้าให้ตรงกับฝ่ามือของอาร์เจนที่อยู่อีกฝั่ง



“เอ็ด ฮึก เจ็บไหม...เจ็บตรงไหนไหม”



เอ็ดเวิร์ดส่ายหัว



เขาทำให้อาร์เจนร้องไห้ ความรู้สึกมันท้วมท้นอยู่ในอก อยากดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด อยากปลอบประโลมและอยู่เคียงข้าง เอ็ดเวิร์ดรู้...ว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝันที่เรือนราง แต่อย่างน้อยตอนนี้...ก็ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันตอนนี้ก็เพียงพอ



เอ็ดเวิร์ดลางานอยู่หลายวันเนื่องด้วยจากว่าสภาพร่างกายที่เริ่มย่ำแย่ เขาเลือกที่จะซื้อยาแทนการไปหาหมอ เอ็ดเวิร์ดไม่ชอบสถานที่อึดอัดและโรงพยาบาลก็เป็นหนึ่งในนั้น ทั้งกลิ่นของยาและคนไข้ที่เดินเพ่นพ่านมันทำให้เขารู้สึกแย่พอสมควร...เอ็ดเวิร์ดทำเป็นแข็งแรงเหมือนแต่เก่าโดยที่ปิดบังไม่ให้อาร์เจนรู้ว่าเขายังไม่หาย แต่เพื่อให้คนตัวเล็กสบายใจเขาถึงได้ยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อไม่ให้เห็นน้ำตาของอีกฝ่าย



เอ็ดเวิร์ดกลับมาทำงานอีกครั้ง ท่าทีที่นิ่งงันเป็นทุนเดิมจึงไม่ได้เป็นที่สังเกตของคนรอบข้างเท่าไหร่นักว่าเขาป่วย แต่ภายในกลับย่ำแย่กว่าที่คิด การทำงานในช่วงครึ่งวันแรกมันช่างเหนื่อยสำหรับเอ็ดเวิร์ดเสียจริง เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ดวงตาที่มองผ่านเลนส์แว่นพยายามปรับสายตาอยู่ตลอดเวลา เอกสารที่อยู่ตรงหน้ามีให้เซ็นมากมายแต่แค่หยิบปากกาเอ็ดเวิร์ดยังทำแทบไม่ได้ ร่างกายของเขาสั่นไปหมดทั้งตัว ไหนจะอาการหมดเรี่ยวหมดแรงนั่นอีก เมื่อถึงคราวไม่ไหว มันมากเกินกว่าที่เขาจะควบคุมเอ็ดเวิร์ดจึงได้ลุกไปเข้าห้องน้ำ อย่างน้อยบางทีการล้างหน้ามันก็อาจทำให้ร่างกายของเขาดีขึ้น



“อ้าว พี่...หายดีแล้วเหรอ”



มันเป็นวันที่แย่...เอ็ดเวิร์ดคิดเช่นนั้น



เขากลับมาจากห้องน้ำก็เจอกับดอมโดยบังเอิญ ทางด้านหลังของชายหนุ่มผู้เป็นน้องชายมีหญิงสาวที่คุ้นหน้าอยู่ด้วย พริซซิลล่าทำเพียงแค่ยกยิ้มบางให้เพื่อทักทายอดีตคนที่รู้สึกดีด้วย



“อืม”



ร่างสูงขยับแว่นพลางพยักหน้ารับ



“ผมได้ข่าวว่าพี่ป่วย ไม่ได้ไปเยี่ยม พอดีงานมันยุ่งๆ”



“ไม่เป็นไร ไม่ได้เป็นอะไรมาก”



ราวกับถูกทับถมจากอีกฝ่าย ดอมอาจไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่ความคิดมันห้ามกันไม่ได้ เอ็ดเวิร์ดอาจมีอคติกับดอมถึงมองว่าน้องชายตัวเองร้ายกาจ มันเป็นความคิดด้านมืดที่เขาพยายามเก็บซ่อนมันไว้ หน้ากากของคนดีถูกสวมใส่เมื่อความอึดอัดถาโถมประดังเข้ามา



เขาเกลียดดอม...

 

“ผมว่า...พี่สมควรจะพักผ่อน”



“นั่นสิเอ็ดเวิร์ด คุณยังดูแย่อยู่เลย”



พริซซิลล่าเอ่ยด้วยความเป็นห่วง เธอได้ข่าวว่าเอ็ดเวิร์ดไม่สบายจากดอม ตอนแรกคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่ใครจะคิดว่าความจริงแล้วมันกลับไม่ใช่อย่างนั้น เอ็ดเวิร์ดดูซูบผอมลงไปมากกว่าที่เห็นเมื่อครั้งก่อน ปกติแล้วเขาเป็นคนแข็งแรงมีสุขภาพดี ถึงงานของเอ็ดเวิร์ดจะดูยุ่งขนาดไหนแต่เอ็ดเวิร์ดก็ไม่เคยปล่อยตัวให้เป็นเช่นนี้



“พริซซิลล่าพูดถูกนะพี่” ดอมยังคงสนับสนุน



“พี่ไม่เป็นอะไร”



“แต่...”



“ขอตัวก่อนก็แล้วกัน”



เอ็ดเวิร์ดส่ายหน้าให้กับความคิดด้านมืดที่กลับมองว่าดอมแค่เสแสร้งเป็นห่วง เขาไม่สนใจพริซซิลล่าที่กำลังมองมาด้วยแววตาโหยหา เขาไม่สนใจดอมที่กำลังมองตามหลังเมื่อเห็นว่าท่าทีแปลกไป ร่างสูงขยับขาก้าวแต่ละก้าวด้วยความยากลำบาก อาการปวดหัวก็เหมือนยิ่งหนักขึ้น ทางข้างหน้าเริ่มพร่ามัวและมองไม่เห็น สิ่งสุดท้ายที่เอ็ดเวิร์ดรู้สึกได้ก็คือความเย็นของพื้นกับเสียงเรียกของดอม แต่ถึงอย่างนั้นในห้วงความคิดหนึ่งก่อนที่จะสิ้นสติไป...เอ็ดเวิร์ดกำลังคิดถึงใครบางคน



อาร์เจน...

.

.

 

“...เอ็ด”



ราวกับว่าเหมือนได้ยินเสียงเรียกของเอ็ดเวิร์ด คนตัวเล็กมองผ่านกระจกไปยังห้องที่เงียบสนิท ตรงประตูที่ถูกปิดเอาไว้มันก็ยังคงปิดอยู่



เอ็ดเวิร์ดยังไม่กลับมา



“ทำไม ใจมันปวดขนาดนี้นะ”



มือบางจับไปที่หัวใจ มันยังคงเต้นตามปกติแต่ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังบ่งบอกว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับเอ็ดเวิร์ด อาร์เจนคลานไปตรงจุดเดิมที่เคยนั่งคุยกับคนที่คิดถึง เขาเฝ้ามองเพื่อรอให้เอ็ดเวิร์ดกลับมา ห้องเอ็ดเวิร์ดก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแค่นี้ ถ้าออกไปนอกกระจกนี้ได้เขาก็จะสามารถอยู่กับเอ็ดเวิร์ดได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องมานั่งเฝ้ารอให้ปวดใจ



‘รีบกลับมาเร็วๆ นะ’



อาร์เจนเฝ้าภาวนาเช่นนั้น

.

.

กลิ่นยาและกลิ่นฉุนต่างๆ ที่มันมาคัดจมูก ร่างผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือเพดานสีขาวสะอาด เอ็ดเวิร์ดขยับร่างกายแทบไม่ได้เพราะถูกสายน้ำเกลือทิ่มอยู่ที่แขนข้างซ้าย



“ตื่นแล้วเหรอคะ อาการเป็นยังไงบ้าง”



“ผม...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”



เอ็ดเวิร์ดไม่ถามว่าที่นี่คือที่ไหน ไม่ได้ตอบคำถามของพยาบาลแต่กลับถามคำถามกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ต่อให้เป็นคนโง่ก็คงจะรู้ว่ามันคือสถานที่เอาไว้ดูแลผู้ป่วย ก่อนที่เขาจะล้มลงไปเขาจำได้ว่าอยู่กับดอมและพริซซิลล่า บางทีคงเป็นพวกเขาละมั้งที่เอาตัวเขามาส่งโรงพยาบาล



“ครอบครัวของคุณนะคะ น้องชายของคุณ”



มันเป็นอย่างที่เขาคิด เอ็ดเวิร์ดทำแค่เพียงครางตอบในลำคอ ดวงตาหม่นหันมองไปยังนอกหน้าต่าง...



เอ็ดเวิร์ดกำลังคิดถึงอาร์เจน...



ไม่นานนักนายแพทย์ในชุดกราวน์สีขาวก็เดินเข้ามา เขาคอยถามและตรวจดูอาการจนเสร็จสิ้น สิ่งที่ได้คำความอ่อนเพลียของร่างกายกับโลหิตจางที่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วให้กับโรคที่เขาไม่เคยเป็น ต่อให้ทำงานหนักแค่ไหนเอ็ดเวิร์ดก็คิดว่าตัวเองไม่น่าจะจำผิด เขาเข้าโรงพยาบาลนับครั้งได้แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้หรือบางทีอาจะเป็นเพราะช่วงอายุที่มันมากขึ้นจึงทำให้ร่างกายที่เคยแข็งแรงกลับอ่อนแอลง



“ผม...จะกลับบ้าน”



ร่างสูงกล่าวเสียงเบา



“ไม่ได้!”



เสียงทุ้มต่ำเอ่ยห้ามพร้อมกับร่างสูงสมส่วนเดินก้าวเข้ามายังห้องคนไข้ มาวิสมองลูกชายตัวเองที่นอนอยู่บนเตียงสีสะอาด ร่างกำยำอยู่ในชุดของคนไข้มันดูแปลกตาไม่น้อยเลยทีเดียว ด้านหลังของเขาคือมาดามไดอาน่าผู้เป็นคู่ชีวิต เธอวิ่งตรงมาหาลูกชายคนโตด้วยสีหน้าและแววตาด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง



“เอ็ดเวิร์ด เป็นยังไงบ้าง”



ดวงตาสวยของมาดามไดอาน่าคลอไปด้วยน้ำตา ร่างของหญิงสาววัยกลางคนโอบกอดแผ่วเบา ใจของผู้เป็นแม่แทบสลายเมื่อรู้ข่าวว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นลมล้มพับกลางที่ทำงาน โชคดีที่ดอมอยู่ด้วยถึงพาเอ็ดเวิร์ดมาโรงพยาบาลได้ทัน ถ้าไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ได้เห็นหน้าลูกชายคนโตอีกแน่



“แกหลับไปสองวันเต็มๆ รู้ไหมว่าทำเอาแม่ของแกไม่เป็นอันกินอันนอน”



สองวัน?...นี่เขาหลับไปถึงสองวันอย่างนั้นหรือ



เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วให้กับคำพูดของมาวิส ทันทีที่ตื่นขึ้นมาเขาคิดว่านอนหลับแค่ไม่กี่ชั่วโมงจึงไม่ได้ถามพยาบาล แต่นี่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด...เอ็ดเวิร์ดคิดถึงหน้าคนรออยู่ที่บ้าน ใจของเขาสั่นระรัวจนแทบควบคุมไม่อยู่ เขาถอดเข็มน้ำเกลือที่อยู่ตรงแขน แรงกระชากที่มีทำให้เลือดมันไหลย้อนไปสู่ท่อสายยาง เอ็ดเวิร์ดกระทำอุกอาจท่ามกลางสายตาของมาวิสและไดอาน่า




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด