#ผู้เป็นที่รัก
ตอนที่ 13
หลังจากนั้นกานต์รักก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีกเพราะความสะเทิ้นอาย ทำได้เพียงผละตัวลุกขึ้นแล้วรีบบอกให้อีกคนไปอาบน้ำอย่างอ้อมแอ้มก่อนจะออกจากห้องมาสงบจิตใจอันสั่นไหว
อยู่กับคุณแพทบ่อยๆก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคหัวใจเข้าซักวัน
เมื่อหัวใจเริ่มกลับมาเต้นด้วยจังหวะคงที่ร่างเล็กจึงพาตัวเองก้าวไปทางห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารให้คนที่กำลังอาบน้ำ กานต์รักจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย ไม่นานนักร่างสูงก็เดินเข้ามา
“ทำไมไม่ออกไปทานข้าวที่ห้างทีเดียว” เสียงทุ้มเอ่ยไปอย่างนั้นทว่าก็นั่งลงในตำแหน่งของตัวเองแล้วเรียบร้อย
“รองท้องไปหน่อยดีกว่าครับ เผื่อคนเยอะจะได้ไม่หิวมาก” กานต์รักส่งยิ้มบางพร้อมกับเอ่ยตอบ
แพทริกพยักหน้ารับก่อนจะลงมือทานข้าวต้มกุ้งที่กำลังส่งกลิ่นหอมยั่วยวนอยู่ตรงหน้า แม้คนตัวเล็กจะบอกว่าทานเพื่อรองท้องแต่ด้วยรสชาติที่ถูกปากก็ทำให้ร่างสูงจัดการข้าวต้มในถ้วยจนหมด
“ฉันขอเวลาเคลียร์งานไม่นาน” แพทริกเอ่ยบอกคนที่กำลังเก็บโต๊ะอยู่หลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อย
“งั้นเดี๋ยวรักไปซักผ้านะครับ”
“ซักทำไม” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจนักเพราะปกติหน้าที่นั้นก็มีคนคอยจัดการอยู่แล้ว
“รักว่างครับ ก็เลยหาอะไรทำระหว่างที่รอคุณ”
กานต์รักอยากดูแลอีกฝ่ายในทุกๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือว่าเรื่องใหญ่ การซักผ้านั้นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อยากจะทำให้ เรื่องเล็กๆน้อยๆที่บางคนอาจไม่ใส่ใจแต่ไม่ใช่สำหรับกานต์รัก
“งั้นก็ตามใจ...เดี๋ยวฉันมา แป๊บเดียว” เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างไม่ว่าอะไรให้ใบหน้าเล็กพยักรับด้วยความยินดี
แพทริกรีบเดินออกไปเพราะไม่อยากให้อีกคนต้องรอนาน ถึงแม้จะพยายามเคลียร์งานแล้วแต่ด้วยเพราะธุรกิจที่มากมายหลายด้านจึงทำให้มีอะไรต้องตรวจดูอยู่เสมอ
กานต์รักมองตามคนที่พึ่งเดินออกไปก่อนจะหมุนกายพาตัวเองก้าวไปยังห้องนอนแล้วรีบจัดการกับงานของตัวเองให้เรียบร้อย
แพทริกหายไปจนกระทั่งกานต์รักซักเสื้อผ้าเสร็จจึงกลับขึ้นมา
“จะใส่เสื้อตัวนี้?”
คนตัวสูงเอ่ยถามพร้อมกับเลิกคิ้วมอง พึ่งได้สังเกตว่าเสื้อยืดสีขาวบนเรือนร่างบอบบางนั้นมันบางแค่ไหน จำไม่ได้ว่าตอนให้คนไปจัดการเรื่องเสื้อผ้าของกานต์รักมันมีเสื้อประมาณนี้อยู่ด้วย
ใครจะจำได้ในเมื่อแพทริกนั้นสั่งให้คนเหมามาจนเต็มตู้
“ทำไมเหรอครับ” กานต์รักไม่ได้จะใส่เสื้อตัวนี้ทว่าพออีกคนถามพร้อมกับขมวดคิ้วใส่กันเลยสงสัยว่าทำไม
“บางไป ไปเปลี่ยน” คราวนี้คนตัวสูงเอ่ยเสียงเข้ม
“ครับ?”
“มันบาง เห็นไปถึงไหนต่อไหน”
คนขี้หวงเอ่ยขึ้นด้วยความไม่ชอบใจ กานต์รักนิ่งมองอาการของคนตรงหน้าก่อนใบหน้าหวานจะค่อยๆขึ้นสีระเรื่อเมื่อแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าคุณแพทนั้นกำลังหวง
“รักไม่ได้จะใส่ตัวนี้ครับ ว่าจะเข้าไปอาบน้ำแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรอบ”
“เอาตัวที่ไม่บาง” แพทริยังคงไม่วางใจจึงเอ่ยย้ำเสียงเข้ม
“มันก็...ไม่ได้บางขนาดนั้นซักหน่อยนะครับ”
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างพยายามกลั้นยิ้ม สำหรับกานต์รักเสื้อตัวนี้ก็ไม่ได้บางมากมายอะไร แต่สำหรับอีกคนแล้วคงจะไม่ใช่อย่างนั้น
“จะเห็นหัวนมอยู่แล้วไม่บางยังไง ใส่แค่อยู่กับฉันได้ แต่ถ้าจะใส่ออกข้างนอกต้องเปลี่ยน”
ใบหน้าคมแทบจะยับย่นไปหมดเพราะเจ้าตัวขมวดคิ้วแน่นพร้อมทั้งหรี่ตามอง
“รักเข้าใจแล้วครับ แล้วคุณแพทจะอาบน้ำอีกรอบหรือเปล่าครับ”
กานต์รักรีบเอ่ยถามไปอีกเรื่องก่อนคนตัวโตจะหงุดหงิดกับเรื่องเสื้อของเขาไปมากกว่านี้ แม้ว่าจะรู้สึกปลื้มใจที่อีกฝ่ายทำราวกับหวงแต่ก็ไม่อยากให้คุณแพทต้องหงุดหงิด
“อืม นายไปอาบในห้องเถอะ เดี๋ยวฉันอาบข้างนอกจะได้ไม่เสียเวลา” ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงเข้าไปแล้ว หากช้ากว่านี้วันนี้คงไม่ต้องออกไปไหน
กานต์รักพยักหน้ารับก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางห้องนอน ต่างคนต่างใช้เวลาจัดการกับตัวเองไม่นานนักก็เสร็จเรียบร้อย
ร่างเล็กอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ดูไม่เป็นทางการมากนักพร้อมกับเลือกสวมกางเกงยีนส์สีดำซึ่งมีรอยขาดเป็นดีเทลเล็กๆ และความบังเอิญก็อยู่ตรงที่แพทริกเองก็เลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีเดียวกันต่างกันแค่กางเกงนั้นเป็นยีนส์เข้ารูปสีเข้ม โดยยัดชายเสื้อเข้าข้างใน ตรงเอวสอบก็คาดด้วยเข็มขัดเส้นหรู
“บังเอิญจังเลยนะครับ” กานต์รักอดพูดออกมาไม่ได้เมื่อการแต่งตัวของทั้งสองนั้นดูคล้ายคลึงกัน
ปกติแล้วคุณแพทมักจะอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็กพร้อมด้วยสูทและเนกไทดูเป็นทางการ พอวันนี้คนตัวสูงเลือกสวมกางเกงยีนส์จึงทำให้ดูเด็กลงมากโข
คุณแพทดูดีเสียจนกานต์รักใจสั่น
“ไปเปลี่ยนกางเกง” ทว่าอีกคนกลับตอบกลับไปอีกเรื่องเมื่อสายตาคมเลื่อนมองผิวเนื้อขาวจัดที่โผล่พ้นออกมาจากรอยขาดของกางเกงตัวสวย
ใครมันเป็นคนจัดการเรื่องเสื้อผ้าของกานต์รัก แพทริกว่าคงต้องเรียกมาคุยกันซักหน่อย
เสื้อผ้าแต่ละตัวนั้นช่างขัดใจเขาเหลือเกิน
“ทำไมล่ะครับ” คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาโตจ้องมองคนตรงหน้าแล้วกะพริบปริบๆ
“ไปเปลี่ยน”
“มันน่าเกลียดเหรอครับ”
เพราะไม่อยากให้ดูเป็นทางการมากนักกานต์รักจึงเลือกกางเกงที่มีลูกเล่นเล็กน้อย แต่คนตรงหน้ากลับหน้าตึงจ้องมองนิ่งจนต้องก้มลงสำรวจตัวเองอีกครั้ง
หรือว่าเขาจะไม่เหมาะกับการแต่งตัวอย่างนี้
“ไปเปลี่ยนตัวไหนก็ได้ที่มันไม่ขาด...เดี๋ยวนี้”
แม้จะไม่เข้าใจกับท่าทางนั้นนักแต่เพราะกลัวว่าอีกคนจะไม่พอใจกานต์รักจึงรีบหมุนตัวกลับเข้าไปเปลี่ยนกางเกงตามคำสั่งก่อนจะกลับออกมาอีกครั้ง
“ดูโอเคหรือยังครับ”
กานต์รักเอ่ยถามคนตัวสูงที่กำลังสำรวจตัวเองด้วยสายตาอย่างไม่มั่นใจนัก คราวนี้คนตัวเล็กเลือกสวมกางเกงยีนส์สีซีดที่ไม่มีรอยขาดตรงไหนแต่อย่างใด
สายตาคมกวาดมองจนทั่วก่อนจะพยักหน้าพอใจเมื่อเห็นว่ากางเกงที่อีกคนเปลี่ยนนั้นไม่มีรอยขาดข่วนให้นึกหงุดหงิด
“อืม”
“ไม่น่าเกลียดแล้วแน่นะครับ”
เพราะคนตรงหน้ายังดูนิ่งกานต์รักจึงเอ่ยถามเสียงแผ่ว นี่เป็นการออกไปข้างนอกกับร่างสูงครั้งแรกจึงนึกกังวลไม่น้อย
“ฉันบอกตอนไหนว่านายน่าเกลียด” แพทริกมองสีหน้าที่มีความไม่มั่นใจอยู่ในนั้นก่อนจะเอ่ยถาม
“ก็...คุณแพทดูไม่พอใจ”
เมื่อได้ฟังคำตอบนักธุรกิจหนุ่มจึงนิ่งคิดก่อนสมองจะค่อยๆทำความเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้กานต์รักดูเป็นกังวล
“ฉันไม่พอใจไม่ใช่เพราะว่านายน่าเกลียด...เอาล่ะ รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสายไปมากกว่านี้” แพทริกเอ่ยบอกพร้อมทั้งปรับสีหน้าให้อ่อนลง
หากยิ่งพูดคุยกันกานต์รักอาจจะได้รู้ว่าความรู้สึกของเขานั้นมันไร้สาระแค่ไหน ถ้าใครต่อใครรู้เข้าคงโดนหัวเราะเยาะว่าแม้แต่เรื่องแค่นี้แพทริกยังสามารถ
หึงได้ ขนาดเจ้าตัวเองยังนึกอายตัวเอง แต่จะให้ปล่อยกานต์รักใส่กางเกงตัวนั้นออกไปใจก็ร้อนรุ่มเกินกว่าจะปล่อยผ่าน
“ครับ” กานต์รักรับคำก่อน พยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้คิดอะไรในเมื่อร่างสูงยืนยันว่าอย่างนั้น
แพทริกเดินนำคนตัวเล็กมายังตู้รองเท้า กานต์รักกวาดมองฝั่งที่เป็นของตัวเองก่อนจะหยิบรองเท้าผ้าใบสีขาวคาดแถบสีดำด้านข้างรุ่นฮิตมาสวม ในขณะที่ร่างสูงนั้นก็เลือกรองเท้าหนังคู่สวย
แพทริกมองร่างเล็กข้างตัวที่กำลังใส่รองเท้านิ่ง ยิ่งกานต์รักแต่งตัวแบบนี้ยิ่งทำให้ดูเด็กลงและน่ามองจนนึกอยากจะเปลี่ยนใจไม่ให้ออกไปไหน ความหึงหวงรุนแรงที่ไม่เคยพานพบตีรวนอยู่ในอก
ท่าจะเป็นเอามากแล้วแพทริก
“เรียบร้อยแล้วครับ” กานต์รักเงยหน้าขึ้นพร้อมกับขยับยืนตรง ก่อนจะหันมาพูดกับคนข้างตัวพร้อมด้วยรอยยิ้ม
มือหนาจึงเอื้อมมาคว้ามือเล็กก่อนจะดึงรั้งให้ก้าวออกจากห้อง บอดี้การ์ดด้านหน้ารีบโค้งคำนับให้เมื่อเห็นเจ้านายเดินออกมา ก่อนลูกน้องคนอื่นๆจะพากันทำความเคารพไปตลอดทาง
ทั้งสองลงมาจนกระทั่งถึงชั้นที่แซมและโจเซฟเตรียมรถไว้รอ ประตูด้านหลังถูกเปิดให้โดยแซมก่อนแพททริกและกานต์รักจะก้าวขึ้นไป รถคันหรูจึงเคลื่อนที่มุ่งตรงไปยังห้างดังใจกลางเมือง
“คุณแพทอยากจะทำอะไรครับ”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ตลอดทางระหว่างที่นั่งรถมากานต์รักมัวแต่สนใจวิวทิวทัศน์จนลืมถามอีกคนไปเสียสนิท
“นายอยากทำอะไร” แพทริกตอบคำถามนั้นด้วยคำถาม
“รักไม่แน่ใจว่าคุณแพทจะชอบไหม” ร่างบางถามออกมาอย่างไม่แน่ใจนักเมื่อมีความคิดหนึ่งที่นึกอยากทำมาโดยตลอด
“ไม่มีอะไรที่ฉันจะไม่ชอบถ้านายอยากทำ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างจริงจังเมื่อเห็นความกังวลเล็กๆจากใบหน้าของกานต์รัก
“รัก...อยากดูหนังครับ”
ลมหายใจถูกผ่อนออกมาช้าๆก่อนเสียงหวานจะเอ่ยสิ่งที่ต้องการเมื่อได้ยินคนตัวสูงพูดด้วยประโยคที่ทำให้เบาใจ
เพราะไม่ได้มีโอกาสออกมาข้างนอกมากนักจึงห่างหายจากการดูหนังในโรงมาเป็นเวลานาน กานต์รักอยากใช้ชีวิตธรรมดาอย่างที่คนทั่วไปเป็น
อยากทำในสิ่งที่เห็นคู่รักคนอื่นๆทำ
กานต์รักได้แต่คิดกับตัวเองพร้อมกับใบหน้าหวานที่เริ่มขึ้นสีจางๆ
“เอาสิ” อีกคนตอบรับอย่างง่ายดายจนคนที่รอคอยเผลอยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“จริงเหรอครับ คุณแพทยอมไปดูหนังกับรักจริงนะ”
“นายอยากทำอะไรก็ทำไป ฉันอนุญาตทั้งนั้น”
แพทริกพูดพร้อมกับยกยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นท่าทางดีใจราวกับเด็กของคนตรงหน้า ก่อนมือหนาจะเอื้อมไปรั้งแขนคนตัวเล็กให้ขยับเข้าใกล้ยามมีคนวิ่งสวนมา ทั้งสองยังคงยืนคุยกันท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไป
“ขอบคุณครับ งั้นเราไปโรงหนังกันเลยนะครับ” เสียงเล็กเอ่ยออกมาอย่างมีความสุข
ความสดใสของกานต์รักนั้นเปล่งประกายจนแพทริกสัมผัสได้ว่ามีคนมองมา ก่อนสายตาคมจะตวัดไปยังผู้ชายหลายคนจนคนพวกนั้นต้องรีบหลบ ความน่ากลัวจากคนตัวสูงแผ่ออกจนแทบไม่มีใครกล้าให้ความสนใจร่างเล็กอีก และนั่นคือสิ่งที่แพทริกต้องการ
เพราะหากยังไม่เลิกสนใจก็คงต้องให้คนมาจัดการ
“อืม ตามใจนาย”
แพทริกตอบรับพร้อมกับรีบคว้ามือนุ่มมากุมเอาไว้เมื่อนึกรำคาญสายตาของคนทั้งหลาย มองตัวเขานั้นไม่เท่าไหร่แต่คนพวกนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้มองกานต์รัก
“นักข่าวจะเห็นหรือเปล่าครับ” เจ้าของมือเล็กเอ่ยออกมาเสียงแผ่วอย่างนึกกังวล
แม้ใจดวงน้อยจะพองโตด้วยความยินดียามที่เห็นอีกฝ่ายแสดงออกอย่างเปิดเผย แต่แพทริกก็เป็นคนมีชื่อเสียงกานต์รักจึงกลัวว่าร่างสูงจะเดือดร้อนหากมีคนจับภาพได้
“เห็นแล้วจะทำไม”
“รักกลัวว่าคุณจะเดือดร้อน”
“ฉันไม่จำเป็นต้องเดือดร้อน เห็นก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร หรือว่านายเป็น?” แพทริกถามกลับเพราะคนข้างตัวนั้นดูเป็นกังวลมากกว่าเขาเสียอีก
“เปล่าครับ รักไม่มีอะไรให้เดือดร้อนอยู่แล้ว” กานต์รักรีบตอบ
“งั้นก็อย่าห่วงอะไร นายไม่จำเป็นต้องสนใจคนอื่นนอกจากฉัน”
แรงจากมือหนากระชับแน่นขึ้น ใบหน้าเล็กที่เงยมองคนข้างตัวนิ่งงันไปชั่วนาทีก่อนริมฝีปากบางสีสดจะค่อยๆคลี่แย้มเป็นรอยยิ้ม
“ครับ”
แพทริกมองใบหน้าหวานที่มีรอยยิ้มประดับอยู่จึงวางใจ ทั้งสองเดินเคียงคู่กันไปยังชั้นบนสุดของห้างซึ่งเป็นส่วนของโรงหนังโดยมีสายตาหลายคู่จับจ้องหากแต่คนถูกมองไม่ได้นึกใส่ใจ เมื่อมาถึงที่หมายกานต์รักก็มองไปรอบๆด้วยความตื่นเต้น
“อยากดูเรื่องอะไร”
เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อตอนนี้พาคนที่ดูตื่นตาตื่นใจกับทุกสิ่งมาหยุดอยู่หน้าบอร์ดซึ่งกำลังฉายตัวอย่างหนังให้ได้ตัดสินใจ
คนถูกถามนิ่งคิดก่อนจะชี้ไปทางหนังเรื่องหนึ่งอย่างไม่แน่ใจนัก
“เรื่องนั้นคุณแพทจะดูได้ไหมครับ”
กานต์รักเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคง เรื่องที่อยากดูนั้นเป็นหนังฝรั่งออกแนวตลกผสมแอคชั่นเล็กน้อย ด้วยเพราะเป็นคนที่ชอบอะไรไม่เครียดจึงชอบดูหนังแนวคอมเมดี้มากกว่าแนวอื่น แต่ไม่รู้ว่าคนตัวสูงข้างตัวนั้นจะดูได้หรือไม่
“ฉันดูได้หมด”
วันนี้ที่มาก็เพราะตามใจอีกฝ่าย ฉะนั้นไม่ว่ากานต์รักอยากจะทำอะไรแพทริกจึงไม่ขัด เขาไม่ได้มีหนังแนวไหนที่ชอบดูเป็นพิเศษ อะไรสนุกก็ดูได้หมด
“คุณแพทอยากจะดูเรื่องอื่นไหมครับ รักให้คุณแพทเลือกดีกว่า” คนขี้เกรงใจเอ่ยขึ้น
แพทริกไม่ได้พูดอะไร ร่างสูงทำเพียงหมุนตัวเดินไปยังเคาท์เตอร์ก่อนจะพูดคุยกับพนักงานโดยที่กานต์รักได้แต่ยืนนิ่งมองตาม
“คุณแพทดูเรื่องอะไรครับ”
เมื่ออีกคนเดินกลับมาพร้อมตั๋วหนังสองใบกานต์รักจึงเอ่ยถาม แพทริกไม่ได้ตอบหากแต่ยื่นตั๋วหนังในมือให้ดูแทน
“รักนึกว่าคุณแพทจะไม่ชอบซะอีก”
กานต์รักพูดออกมา ยามเห็นว่าชื่อหนังนั้นเป็นเรื่องที่ตัวเองอยากจะดูใบหน้าหวานจึงระบายยิ้มกว้าง
คุณแพทตามใจอีกแล้ว
“ฉันพูดว่าไม่ชอบตอนไหน?”
“ก็...คุณแพทเดินไปเลยตอนที่รักพูด”
คำตอบนั้นทำให้นักธุรกิจหนุ่มนิ่งคิดไปก่อนจะนึกออกว่าตอนที่อีกคนหมายถึงนั้นคือตอนไหน
“ก็นายบอกว่าให้ฉันเลือก ฉันก็เลยไปซื้อตั๋วเรื่องนี้ไง”
“ขอบคุณนะครับ”
กานต์รักเอ่ยบอกอีกคนพร้อมด้วยรอยยิ้ม แม้คนตัวสูงจะไม่ได้ดูใจดีนักแต่กานต์รักพบว่าคุณแพทยอมตามใจหลายอย่างโดยที่เขาเองยังแทบไม่ได้คาดหวัง
การกระทำที่ยิ่งทำให้กานต์รักตกหลุมรักอีกคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อย่าบอกนะว่านายคิดมากที่เห็นฉันเดินไปเลย”
“ก็นิดหน่อยครับ”
คนถูกถามยอมรับอย่างง่ายดายเมื่อรู้ว่าไม่อาจปิดบังได้ ชั่ววินาทีนั้นกานต์รักเผลอคิดว่าอีกคนรำคาญหรือเปล่าเลยเดินไปโดยไม่บอกกล่าว
“อย่าคิดมากอะไรขนาดนั้น ถ้าฉันไม่ชอบฉันจะบอกเอง” แพทริกพอจะเข้าใจธรรมชาติของกานต์รัก คงเพราะเห็นเขาเดินไปเฉยๆเลยแอบคิดขึ้นมา
ที่เดินไปเพราะรู้ดีว่ายังไงกานต์รักก็ต้องเป็นฝ่ายให้เขาเลือกหนังที่จะดูจึงตัดบทด้วยการเดินไปซื้อตั๋วจะได้ไม่ต้องปล่อยให้อีกฝ่ายตามใจเขาอีก
“คุณแพทโอเคจริงๆนะครับ” กานต์รักอดถามขึ้นมาไม่ได้ กลัวว่าอีกคนจะพูดเพียงเพราะไม่อยากทำลายความหวัง
“อยู่กับนาย ไม่มีอะไรที่ฉันไม่โอเค” มือหนายกขึ้นไล้แก้มเนียนเบาๆก่อนจะละสัมผัสออกเพราะตระหนักดีว่าตรงนี้คือที่สาธารณะ กานต์รักที่ทั้งตกใจกับความใกล้ชิดและใจเต้นแรงกับคำพูดนั้นทำได้เพียงเบิกตาขึ้นก่อนจะกวาดมองรอบตัว
พอเห็นว่าไม่ได้มีคนสนใจจึงโล่งอก
“อีกประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะได้เวลาเข้าโรง นายอยากจะไปซื้อขนมก่อนหรือเปล่า” แพทริกรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่อีกคนจะคิดอะไรไปมากกว่านี้
“ก่อนเข้าโรงค่อยซื้อก็ได้ครับ”
กานต์รักเอ่ยตอบเสียงแผ่วทั้งที่ยังไม่กล้าหันกลับมาสบตา ด้วยเพราะรู้สึกว่าสัมผัสจากปลายนิ้วแกร่งยังคงทิ้งความร้อนไว้บนผิวหน้า แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีแต่พอบวกกับคำพูดนั้นความร้อนจึงลามไปถึงหัวใจ
“อืม” แพทริกเอ่ยตอบสั้นๆก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ามือเล็ก ออกแรงรั้งให้อีกคนเดินตามกระทั่งทรุดตัวนั่งลงบนโซฟามุมในสุด
“คุณแพทชอบดูหนังแนวไหนครับ”
กานต์รักหันมาถามคนข้างตัวด้วยความอยากรู้ แพทริกที่กวาดสายตามองดูบรรยากาศโดยรอบจึงหันกลับมาสนใจร่างเล็กอีกครั้ง
“ฉันดูได้หมด ไม่มีตายตัว...นายล่ะ?” หนังไทยตลกไร้สาระบางทีก็ดู แล้วแต่อารมณ์และสถานการณ์นั้นๆ
“รักชอบดูหนังตลกกับหนังการ์ตูนครับ สนุกแล้วก็ไม่เครียดดี” เสียงทุ้มหลุดหัวเราะในลำคอทันทีเมื่อได้ยินคำตอบนั้น
หนังแนวที่กานต์รักชอบไม่ได้ต่างจากนิสัยของเจ้าตัวซักเท่าไหร่ ไม่มีความเครียด ไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน มีเพียงความสบายใจยามได้ดู
“ฉันเชื่อ แต่ปกติคนชอบอะไรไม่เครียดจะไม่คิดมากไม่ใช่หรือไง”
อดถามออกมาไม่ได้เมื่อแพทริกสังเกตว่าคนข้างตัวนั้นชอบเก็บอะไรไปคิดอยู่ตลอด ยังจำได้ดีเมื่อครั้งที่กานต์รักคิดมากจนทานอะไรแทบไม่ได้
“ไม่รู้สิครับ อันนี้มันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายของรักเอง” กานต์รักเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มแหยๆให้คนฟังส่ายหน้าเล็กน้อยกับคำตอบนั้น
“อย่าคิดมากนัก บางทีนายก็คิดมากเกินไปทั้งๆที่มันไม่ได้มีอะไร”
แพทริกเอ่ยเตือนอีกคน อยากให้กานต์รักได้รู้ข้อเสียของมันบ้างจึงเอ่ยออกมาตรงๆ หากไม่บอกไม่เตือนร่างเล็กก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนแก้ไม่หาย
“รักจะพยายามครับ”
อาจเพราะเป็นเรื่องของแพทริกคนที่ขี้คิดมากอยู่แล้วจึงยิ่งคิดมากไปอีกเป็นเท่าตัว แต่การกระทำที่แสดงออกอย่างใส่ใจนั้นทำให้กานต์รักเบาใจและรู้สึกว่าตัวเองควรลดนิสัยนี้ลงอย่างที่คุณแพทบอกจริงๆ
“ถ้ามีอะไรที่คุณแพทไม่ชอบบอกรักได้เลยนะครับ อย่าทำให้รักน่ารำคาญสำหรับคุณแพทนะ”
หากรีบบอกกานต์รักจะรีบแก้ไข คำพูดที่น่ารักเสียจนแพทริกยกยิ้ม
“แน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าฉันไม่ได้พูดอะไรก็อย่าคิดมากเข้าใจไหม”
“ครับ” ใบหน้าเล็กพยักรับหงึกหงัก
“ดีมาก...จะได้เวลาแล้ว อยากกินอะไรก็ไปซื้อเถอะ จะได้เข้าไปข้างในกัน”
กานต์รักยกนาฬิกาข้อมือตัวเองขึ้นมาดูก่อนจะรับคำในลำคอแล้วลุกขึ้นยืน ขณะที่เรือนร่างสูงใหญ่ของแพทริกก็ขยับลุกตาม
“คุณแพทชอบกินป็อปคอร์นรสอะไรครับ” ร่างเล็กที่ก้มลงมองป็อปคอร์นในตู้ราวกับเด็กเงยหน้าขึ้นมาถาม
“แล้วแต่นาย”
“อืม...ถ้าอย่างนั้นเอารสชีสกับรสคาราเมลครับ คุณแพทเอาเครื่องดื่มอะไรครับ”
หลังจากสั่งป็อปคอร์นเรียบร้อยก็หันมาถามคนตัวสูงอีกครั้ง
“นายอยากกินอะไรก็สั่งมา”
กานต์รักพยักหน้ารับก่อนจะหันไปบอกพนักงาน ขณะที่คิดเงินเสร็จเรียบร้อยมือหนาก็ยื่นบัตรเครดิตของตัวเองส่งให้
สรุปแล้วจึงได้ป็อปคอร์นพร้อมด้วยน้ำอัดลมชุดใหญ่ ใบหน้าหวานอมยิ้มน้อยๆกับตัวเอง มองแก้วและถังป็อปคอร์นที่เป็นลายมาจากหนังเรื่องดังอย่างตื่นเต้น
“มัวแต่มองของกินเดี๋ยวก็หกล้ม”
แพทริกเอื้อมมือไปหยิบน้ำแก้วใหญ่จากมือเล็กขณะที่กำลังเดินไปตามทาง กานต์รักเอาแต่สนใจของในมือจนต้องเอ่ยเตือน
“รักไม่ได้มาดูหนังแบบนี้นานมากๆเลยครับ”
“ชอบมากเลยหรือไง”
“ครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ต่อให้ที่บ้านจะมีห้องดูหนังแต่ก็ไม่รู้สึกสนุกเหมือนดูที่โรงเลย” กานต์รักตอบพร้อมรอยยิ้ม
“แต่ฉันไม่มีเวลาว่างมากนัก”
คนฟังเอียงหน้ามองอย่างไม่เข้าใจว่าอีกคนนั้นจะสื่อถึงอะไร กระทั่งแพทริกพูดประโยคต่อมาถึง
“ถ้าจะมาฉันอนุญาตให้มาแค่กับฉัน”
“รักมาคนเดียวได้นะครับ”
เพื่อนสนิทในไทยกานต์รักมีเพียงไม่กี่คนและต่างคนก็ยุ่งอยู่กับงาน การใช้ชีวิตตัวคนเดียวไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรนัก เรื่องความปลอดภัยกานต์รักรู้ดีว่าคนของพ่อกระจายตัวอยู่รอบๆเสมอจึงไม่นึกกังวล
“ไม่ได้ ถ้าจะมาต้องมากับฉันเท่านั้น” แพทริกเอ่ยเสียงเข้มขึ้น
“ก็ได้ครับ” กานต์รักตอบรับพร้อมรอยยิ้มบาง ไม่ได้ไม่พอใจอะไรแม้จะต้องทำตามคำสั่ง
ทั้งสองคนเดินมาจนกระทั่งถึงหน้าโรงหนัง แพทริกส่งบัตรให้พนักงานก่อนจะคว้ามือเล็กมากุมไว้เมื่อความมืดเข้าปกคลุมรอบตัว ร่างบางทำได้เพียงเดินตามแรงดึงรั้งกระทั่งมาถึงที่นั่งแล้วพบว่ามันเป็นฮันนีมูนซีท
พนักงานที่เดินนำทางมาโค้งให้ก่อนจะผละออกไป
“คุณแพทจองที่นั่งฮันนีมูนเหรอครับ” กานต์รักกระซิบถามขณะที่หน้าจอกำลังฉายตัวอย่างหนังเรื่องอื่นๆ
“อืม ฉันชอบอะไรที่เป็นส่วนตัว” แม้จะไม่มากเท่าไหร่นักแต่ก็เป็นส่วนตัวมากกว่าที่นั่งทั่วไป
กานต์รักพยักหน้ารับแล้วหันกลับไปสนใจจอทีวียักษ์ตรงหน้า คนตัวเล็กนั่งดูอย่างตั้งใจจนแพทริกได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ดวงตาโตจับจ้องภาพบนจอขณะที่มือเล็กก็หยิบป็อปคอร์นในถังเข้าปากไปเรื่อยๆ
“คุณแพทไม่กินเหรอครับ”
“รอนายป้อนอยู่”
ความจริงแล้วแพทริกไม่ได้ชอบกินอะไรพวกนี้แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นกินไม่ได้ พออีกฝ่ายเอ่ยถามจึงหาเรื่องลดความน่าเบื่อจากการนั่งเฉยๆลง ใบหน้าคมยกยิ้มมุมปากเมื่อแสงจากจอตรงหน้าส่องให้เห็นว่าตาโตๆนั้นเบิกกว้างขึ้น
แม้จะขัดเขินทว่ามือเล็กก็ยอมหยิบขนมมาจ่อให้ถึงปาก แพทริกอ้ารับอย่างง่ายดายจนกลายเป็นว่าตลอดการดูหนังนั้นกานต์รักป้อนตัวเองบ้างป้อนคนข้างตัวบ้างจนขนมในถังหมดลง
เวลาผ่านไปกว่าสองชั่วโมงครึ่งก่อนไฟในโรงจะถูกเปิดขึ้นอีกครั้งยามหนังฉายมาจนถึงตอนจบ
“ตลกจังเลยว่าไหมครับ”
คนตัวเล็กเอ่ยถามเมื่อทั้งคู่กำลังเดินออกจากโรงหนัง แพทริกมองคนข้างตัวที่ยิ้มกว้างก่อนจะนึกขันในใจ เขาไม่เห็นว่ามันจะตลกตรงไหนขณะที่อีกคนกลับนั่งหัวเราะทั้งเรื่อง
“หิวหรือยัง”
“อืม...ก็นิดหน่อยครับ รักให้คุณแพทเลือกดีกว่าว่าอยากทานอะไร”
เพราะอีกคนตามใจเรื่องหนังแล้วคราวนี้กานต์รักจึงให้แพทริกเป็นฝ่ายได้ตัดสินใจบ้าง
“อาหารอิตาเลียน” แพทริกเอ่ยออกมาอย่างง่ายดายเมื่อรู้ดีว่ายังไงกานต์รักก็ต้องคะยั้นคะยอให้เขาเลือกอยู่ดี
“โอเคครับ งั้นคุณแพทเลือกเลยว่าจะทานร้านไหน”
แพทริกพยักหน้ารับก่อนจะรั้งมือเล็กให้เจ้าของนั้นเดินตามเนื่องจากมีร้านที่อยู่ในใจแล้วเรียบร้อย
“แพทริกคะ”
ทว่ายังไม่ทันจะเดินถึงร้านเสียงแหลมเล็กของใครบางคนก็ดึงรั้งให้สองขาหยุดลงแล้วหันกลับไปมอง กานต์รักหน้าซีดลงทันทีเมื่อเห็นคนว่าคนที่เดินเข้ามาเป็นใคร