ภารกิจที่ 16 : ดุ“โอ๊ย! อะไรวะ” จุนลูบแขนที่โดนเพื่อนรักหยิกจนเนื้อแทบหลุด ความจริงเขารู้ชะตากรรมตัวเองตั้งแต่เขียวเรียกให้เข้ามาช่วยทำ
อาหารแล้ว เห็นหน้าเพื่อนรักจุนก็รู้ได้ทันทีว่างานนี้คงรอดยาก
“ยังมีหน้ามาถาม ทำอะไรของมึงวะ”
“อะไร้” จุนแกล้งทำหน้าโง่หนักกว่าตอนติวหนังสือเพื่อหวังซื้อเวลา ก็ไอ้พี่เบตไม่ให้เวลาเขาคิดคำแก้ตัวไว้เลย ตั้งหน้าตั้งตาสอน
เขาเหม่อนนิดเดียวนิ้วดีดเปรี้ยงเข้าที่หน้าผาก ใครจะกล้าเอาสมองไปคิดอย่างอื่น
“ยัง!” เขียวยื่นมือไปบีบต้นแขนเพื่อน ถ้าอยู่ที่อื่นเขาคงเตะจุนไปแล้ว
“อ๋ออ” จุนลากเสียงยาว เล่นใหญ่กลบเกลื่อนความผิด
“มึงก็เห็นว่าไอ้พี่เบตหิว กูเห็นมึงกับพี่อินยึกยักอยู่นั่น ขืนมึงชักช้ากว่ามึงจะกลับมากูคงโดนแดกเหลือแต่กระดูก”
“มึงเอาตัวรอดว่างั้นเถอะ”
“ถูกต้องครับ กูดูทรงแล้วกลางวันแสกๆ พี่อินคงไม่กล้าหลอกมึงไปปล้ำหรอก กูเลยเบาใจปล่อยให้ไปด้วยกันได้”
“เหี้ยจุน!!” เขียวหน้าแดงซ่าน
“เฮ้ย! อย่าบอกว่าพี่เขาปล้ำมึงจริงนะ” จุนชี้หน้าแดงๆ ของเพื่อน ต้องแซวเยอะๆ เขียวจะได้เลิกซักเขา
“มึงไปล้างผักเลยอย่าพูดมาก เดี๋ยวพี่เบตก็แดกหัวมึงขึ้นมาจริงๆ ”
“เดี๋ยวนี้ริอ่านมีความลับไม่บอกเพื่อน จำไว้นะมึง” จุนคว้าถุงใส่ผักเดินไปที่อ่างล้างจาน เขาแอบอมยิ้มดูจากท่าทางของเขียว
จุนบอกได้คำเดียวว่าพี่อินใช้โอกาสที่เขาให้คุ้มค่าแน่นอน
“เขียว” หลังจากจุนรื้อถุงใส่ผัก เขาหันกลับไปมองหน้าเพื่อนรัก ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“มึงจะทำกับข้าวอะไรวะ”
“กูจะทำผัดผักรวมน้ำมันหอย หมูทอดกระเทียมพริกไทย กับต้มยำกุ้ง มันมีกุ้งเป็นแพ็คๆ ขายน่ากินดี”
“มึงจะผัดคะน้ารวมกับผักอะไรวะ กูเห็นนอกจากคะน้าก็มีคื่นช่าย ผักชี แตงกวา มะเขือเทศ ผักสลัด สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง หอมหัว
ใหญ่ ข่าตะไคร้ใบมะกรูด...” จุนไล่รายชื่อผักในถุงไปเรื่อยๆ
“กูพูดผิด กูจะทำผัดคะน้าน้ำมันหอย”
“อ๋อ” จุนพยักหน้า
“แล้วสะระแหน่กับคื่นช่ายมึงซื้อมาทำไมวะ”
“กูหยิบผิด” หยิบผิดกับหยิบมั่วก็เหมือนกันล่ะน่า เขียวคิดในใจ
“แล้วมึงเอาตังค์ไหนซื้อกุ้งวะ”
“กูไม่ได้จ่ายพี่อินจ่าย”
“อ้าว ไหนมึงบอกว่ามึงกับกูควรเลี้ยงพี่เขา และแบบนี้ก็ถูกดีด้วย”
“เขาให้เลี้ยงแต่แรงไม่ต้องเลี้ยงเงิน”
“อ๋อ เขาอยากได้แค่ตัวมึงว่างั้น” จุนเลิกสนใจหันกลับไปล้างผักให้เพื่อนต่อ จึงไม่รู้ว่าหน้าที่แดงอยู่แล้วของเขียว แดงขึ้นอีกเป็น
สองเท่า
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“อร่อย” ทิเบตเอ่ยชม ตักต้มยำกุ้งรสแซ่บเข้าปาก
“อย่ากินเยอะสิ” ทิเบตชะงักมือ มองไอ้ตัวจุ้นที่จ้องเขาเขม็ง
“ทำไม”
“แค่นี้ก็พ่นไฟออกจากปากได้แล้ว ขืนกินเผ็ดเข้าไปเยอะเดี๋ยวไฟไหม้ห้อง” ทิเบตได้ยินเสียงอินทรีย์หลุดหัวเราะเต็มสองหู
แม้กระทั่งเขียวยังเบือนหน้าหลบสายตาเขา
“อะ กินนี่” จุนตักผัดคะน้าน้ำมันหอยใส่จานให้ทิเบต จุนกับเขียวนั่งฝั่งเดียวกัน ฝั่งตรงข้ามเป็นทิเบตและอินทรีย์
“อันนี้ด้วย” หมูทอดกระเทียมเป็นกับข้าวชนิดต่อไปที่จุนบริการตักใส่จานให้ทิเบต
“พวกนี้กินได้ กินเยอะๆ เลย เอาให้อิ่มแล้วเลิกแดกหัวผมเสียที”
“หึหึ” อินทรีย์มองหน้าปั้นยากของทิเบตไม่แน่ใจว่าระหว่างเหลืออดกับขำ เพื่อนของเขารู้สึกอย่างไรกันแน่
“ตอนพี่ไม่อยู่ไอ้เบตดุมากเหรอ”
“โห! อย่าใช้คำว่าดุเลยพี่อินใช้คำว่าเป็นยักษ์เป็นมารดีกว่า ชัดกว่าเยอะ”
“ก็นายมันไม่เอาไหน”
“แล้วมีใครเก่งตั้งแต่เกิดไหมล่ะ” คนตัวเล็กกว่าเถียงคอเป็นเอ็น
“ฉันสอบได้โดยไม่ต้องทวนตำราซ้ำ”
“นั่นไง! ไม่ปกติชัดๆ ไม่ใช่คนเป็นยักษ์น่ะถูกแล้ว” ทิเบตอึ้งไปชั่วครู่กับสิ่งที่ได้ยิน ตรรกะอะไรของไอ้ตัวจุ้นมันวะ
“มีด้วยเหรอ ยักษ์ที่ไหนเรียนเก่ง”
“มี” ไอ้ตัวจุ้นยิ้มถูกใจ ทิเบตเห็นรอยยิ้มก็รู้ตัวแล้วว่าพลาด
“นั่งนี่ไง” ไอ้ตัวจุ้นแทบจะเอานิ้วชี้ทิ่มหน้าเขา เพื่อให้รู้ว่ายักษ์ของมันนั่งอยู่ตรงนี้ ทิเบตอดขำไม่ได้ ไอ้ตัวจุ้นบอกว่าเขาดุ
แล้วมันกลัวเขาที่ไหน
“ถ้าไม่ดุจะเรียนดีๆ ไหม อยากสอบผ่านหรือเปล่า”
“ขู่ตลอด เอะอะอะไรก็อยากสอบผ่านหรือเปล่า ตั้งแต่พี่อินออกไปผมฟังจนหลอน” ไอ้ตัวจุ้นหันไปฟ้องอินทรีย์
“เบต มึงก็เพลาๆ หน่อย”
“ใช่” ไอ้ตัวจุ้นรีบพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย
“ดีดหน้าผากผมด้วยพี่อิน กลับไปผมจะฟ้องคุณปวีณา”
“หึหึ ซวยแล้วมึง”
“เขียว” ทิเบตไม่สนใจไอ้ตัวจุ้นที่นั่งกอดอกทำปากยื่น ฟ้องทุกอย่างราวกับเก็บกดมานาน
“ครับ”
“เพื่อนเราเพี้ยนแบบนี้ตลอดหรือเปล่า”
“จุนปกตินะครับ” เขียวทำท่าคิด
“เพี้ยนเป็นปกติ”
“เหี้ยเขียว!” เขียวหันไปยิ้มแยกเขี้ยวให้เพื่อน ไม่รู้จักหรือจุนเขาเรียกการแก้แค้นเว้ย
“ฮ่าๆ คิดแล้วไม่ผิด” ทิเบตถูกใจคำตอบของเขียว ไอ้ตัวจุ้นยิ่งหน้าง้ำเข้าไปใหญ่
“ผมเพี้ยนแล้วไง คนเพี้ยนกับยักษ์อยู่ด้วยกันก็เหมาะแล้วนี่” จุนโพล่งออกไป เขาแค่ต้องการสื่อว่าทิเบตก็ไม่ปกติเหมือนกัน
“เราเหมาะกันเหรอ...อืม..ถ้าอย่างนั้นคบกันไหม” ทิเบตประสานสายตากับจุน เขาพูดออกไปช้าๆ แต่ชัดเจนทุกคำ
“หะ!” เคร้งง!! “ฮ่าๆ” สามเสียงมาจากสามบุคคลที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับทิเบต มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่นั่งยิ้มเย็นเหมือนไม่มีอะไร
เกิดขึ้น
“พี่!.พี่เบต!พูดเล่นใช่ไหมครับ” เขียวหวานเป็นคนแรกที่ระล่ำระลักพูดออกมา ในขณะที่อินทรีย์ไม่คิดจะพูดอะไร เขาเพียงแค่
หัวเราะและนั่งมองเพื่อนเงียบๆ
“เปล่า” ทิเบตปฏิเสธ หน้าของเขาไม่ยิ้มแต่ดวงตาเต้นระยับ
“ก็ได้! คบกับคบ”
“เฮ้ย!” เขียวตกใจหนักขึ้นไปอีกเมื่อจุนตอบรับหน้าตาเฉย เขาหันไปจ้องหน้าเพื่อน จุนยักไหล่ให้เขียวหวาน ไอ้พี่เบตไม่เอาจริง
หรอก คิดว่าเขาไม่กล้ารับหรือ รู้จักจุนน้อยไปแล้ว
“ตกลง” ทิเบตยังย้ำความคิดเดิมว่าต้องการคบกับจุน
“ตามนั้น” ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ถอยมีหรือเขาจะถอย
ส่วนเขียวได้แต่กลอกตาไปมา นึกอยากตบกบาลตัวเอง ทั้งคู่กำลังตกลงคบกันเป็นแฟนใช่ไหม ไม่ได้ชวนกันออกไปกินข้าวเย็นนะ
“เขียว”
“ครับ” เขียวยังมึนๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น หันไปมองอินทรีย์ที่นั่งเงียบอยู่ได้ตั้งนาน จู่ๆ ก็เรียกเขาขึ้นมา
“คู่นั้นคบกันแล้วเราคบกันบ้างเถอะ นะ” รอยยิ้มกึ่งอ้อนกึ่งเอาใจของอินทรีย์ทำให้เขียวถอนใจเฮือกใหญ่ เขาชี้นิ้วไปทางหน้า
ประตูห้องก่อนพูดออกมา
“ผมกำลังปวดหัว พี่อินไปเล่นตรงโน้นก่อนครับ”
“เขียววว” อินทรีย์ร้องเสียงหลง เรียกเสียงหัวเราะจากจุนกับทิเบต
“เขียวไม่รู้เหมือนกันว่าคนขี้กลัวอย่างเขาเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้ดุคนตัวโตออกไปแบบนั้น อาจเพราะอินทรีย์ใจดีกับเขา
อ่อนโยนกับเขา ทำให้เขียวไม่รู้สึกกลัวหรือกังวล เขาสบายใจที่จะพูดทุกอย่างออกมา
“เสียใจด้วยว่ะ” ทิเบตตบไหล่เพื่อนเป็นการให้กำลังใจ
“กินครับกิน มาๆ ผมตักให้เป็นการปลอบใจ” จุนรีบตักกับข้าวใส่จานให้อินทรีย์ ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มขำ
“ขอบใจ ฝากบอกเพื่อนเราด้วยว่าพี่จะนั่งกินเงียบๆ รับรองว่าไม่รบกวน ขอนั่งตรงนี้นะ อย่า...”
“ขืนพูดอีกคำไม่ได้นั่งแน่ครับ”
“อุ๊บ” อินทรีย์หุบปากโดยอัตโนมัติ เขาไม่ได้เล่นมุกให้ขำ แต่เกิดกลัวขึ้นมาจริงๆ ตายละหว่า หรือจะกลัวแฟนวะกู
“ทานต่อละนะครับ” จุนก้มหน้าตักอาหารเข้าปาก แอบอมยิ้มชอบใจ ภารกิจของเขามันช่างเดินหน้าไปได้ดีจริงๆ
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ทำอะไรของมึง” กลับถึงห้องปุ๊บ เขียวก็จับจุนซักฟอกปั๊บ
“ทำไมมึงเอาแต่ถามประโยคนี้วะเขียว” จุนแผ่หลาลงบนที่นอน วันนี้เขาอ่านหนังสือจนล้าไปหมด
“ทำไมมึงตอบตกลงคบกับพี่เบต”
“อ้าวก็เขาขอ” จุนแกล้งทำตาโต ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“เหี้ยจุน!!”
“เออๆ พูดก็ได้ กูว่าไอ้พี่เบตกะพูดให้กูตกใจไปงั้นแหละ คิดว่ากูคงไม่กล้าตอบรับ ป่านนี้ไปนั่งคอตกแล้วมั้งว่าจะทำยังไงกับกูดี
ฮ่าๆ เสือกขอคบผู้ชาย” จุนมั่นใจมากว่าต้องเป็นไปตามที่เขาคิด
“ไม่ผิดเลย ไม่ผิดสักนิด”
“อะไรวะ” จุนชะโงกคอขึ้นมองเพื่อน เมื่อเห็นเขียวส่ายหัวไปมา
“ที่กูบอกพี่เบตไปไง ไม่ผิดสักนิดเดียว มึงมันไม่ปกติ”
“โธ่มึงคิดมากไปได้ มึงเห็นไหมล่ะตั้งแต่ขอเสร็จไอ้พี่เบตทำอะไรบ้าง ไม่ทำเลย กินข้าวต่อจนเสร็จแล้วก็โขกสับกูเรื่องเรียนต่อ
สอนอย่างกับจะให้มันซึมเข้าไปในเส้นเลือดกู เสร็จแล้วก็ขับรถมาส่งกูกับมึงที่ห้องเนี่ย มีอะไรต่างไปหรือเปล่าล่ะ ก็ไม่มี”
“มึงมันสิ้นคิด”
“โอ๊ย!ใครบอกกูคิดเยอะจะตาย” ถ้ากูคิดไม่เยอะกูจะเอามึงใส่พานถวายพี่อินเหรอวะ จุนแอบเถียงเขียวในใจ
“เอาน่ามึง ไม่มีอะไรหรอกใจเย็นๆ อาบน้ำให้สบายใจจะได้พักผ่อน”
“มึงว่าไม่มีแต่กูว่ามี”
“มีก็มี กูกลัวที่ไหน ว่าแต่..” เขียวเห็นจุนชะงักทำหน้าคิดหนัก เขียวได้แต่ภาวนาขอให้เพื่อนของเขาคิดได้เสียที
“คบกันนี่กูได้อภิสิทธิ์แค่ไหนวะ บังคับให้ติวให้แต่ห้ามดุกูอีกได้ไหมวะ”
“.....”
“ไปเล่นตรงโน้น” จุนชี้นิ้วไปที่หน้าประตู
“ดุกูนัก เดี๋ยวคราวหน้ากูลองพูดอย่างมึงบ้างดีกว่า” เขียวพูดอะไรไม่ออก เขาลุกเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พาดเอาไว้ หยิบเสื้อผ้า
จากในตู้จนเรียบร้อยถึงหันกลับไปมองหน้าจุน
“ดีแล้วล่ะที่มึงคบกับพี่เบต มึงควรมีคนดุไปทั้งชีวิต เชื่อกู”
“อะไรวะ! อย่าเพิ่งไปกลับมาก่อน” จุนเรียกตามหลังเพื่อนรักที่เดินดุ่มๆ เข้าห้องน้ำโดยไม่สนใจเสียงประท้วงของเขา
“เหอะ มึงก็ควรคบกับพี่อินเหมือนกัน เชื่อกู”
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
**เวลาลงแล้วโดนบ่นว่าสั้นจะชอบแอบนอยด์ เพราะกว่าจะออกมาได้อยากบอกว่าใช้เวลานานจริงๆ ค่ะ อย่างวันนี้ก็หกเจ็ด
ชั่วโมงเข้าไปแล้ว นั่งจนปวดหลัง บางครั้งมันเลยนอยด์ เห็นใจเค้าเถอะนะ ^^
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin