ภารกิจที่ 33 : โชแปงคำแนะนำในการอ่าน** ตอนนี้เป็นเรื่องของโชแปงนะคะ ใครอยากอ่านคู่อื่น แนะนำให้รออ่านพร้อมตอนหน้าค่า
“พี่อิฐ”
“ครับ”
“พี่อิฐคิดว่าโชแปงเป็นยังไงคะ” โชแปงรวบรวมความกล้าถามออกไป ระหว่างเดินทางกลับโรงแรมกับอิฐแค่สองคน
“เป็นยังไงเหรอ โชแปงก็เป็นเด็กดี เป็นน้องที่น่ารักมาก”
“เฮ้อ ทำไมแปงถึงไม่แปลกใจเลยน้าว่าจะเจอคำตอบนี้” โชแปงถอนใจยาวแต่หน้ายังมีรอยยิ้ม ถามว่าผิดหวังไหมก็ผิดหวัง แต่อย่างที่บอกเธอคิดไว้อยู่แล้วว่าจะเจอคำตอบนี้ ถ้าจะเสียใจก็แค่เรื่องเดียว คือเสียใจที่ทำให้เพื่อนพลอยวุ่นวายไปด้วย จุนอุตส่าห์จัดการให้เธอได้นั่งรถกลับมากับอิฐสองคน
“ทำไมล่ะครับก็โชแปงเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือเขินไม่ชอบให้ใครชม” อิฐหัวเราะเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าเซ็งกับคำตอบของเขา
“แปงถามจริงๆเถอะ พี่อิฐไม่รู้จริงๆ เหรอคะ” โชแปงท้อจนไม่รู้จะท้องอย่างไรแล้ว
“รู้อะไรครับ”
“ช่างเถอะค่ะ” โชแปงค้นพบจากคำตอบของอิฐว่าบางทีสิ่งที่เธอควรทำไม่ใช่พยายามต่อไปแต่ควรตัดใจมากกว่า อิฐแสดงตัวชัดมาตลอดว่าเป็นพี่ชายที่แสนดีของเธอเสมอ คำก็เรียกน้องสองคำก็เรียกเด็ก จะฝืนไปเพื่ออะไร
“เมื่อไหร่พี่อิฐจะมีแฟนคะ”
“หือ? ทำไมจู่ๆ แปงถามเรื่องนี้ขึ้นมา ไหนเคยบอกว่าไม่อยากให้พวกพี่มีแฟนไม่ใช่เหรอ จะได้อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มไปอีกนานๆ”
“แปงเปลี่ยนใจแล้วอยากให้พี่อิฐมีแฟน”
“ฮ่าๆ เอาจริงเหรอ”
“แปงพูดจริงๆ นะคะ แปงอยากให้พี่อิฐมีแฟนเสียที มีวันนี้พรุ่งนี้เลยยิ่งดี” โชแปงหยิบคุณบู้บี้ขึ้นมากอด ตุ๊กตาที่เธอฝากเอาไว้และอิฐไม่เคยเอาลงจากรถเลยตามที่เธอขอ ถ้าเธอตัดใจเองไม่ได้ก็ช่วยส่งใครสักคนมาให้อิฐทีเถอะ เธอจะได้ตัดใจเสียที
“โชแปงมีอะไรหรือเปล่า ทำไมวันนี้ดูแปลกๆ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้” อิฐกะพริบไฟเลี้ยวก่อนนำรถเข้าจอดข้างทาง ปลดสายเข็มขัดออกและหันหน้าไปหาโชแปง
“ว่าไงครับ มีอะไรบอกพี่ได้นะ”
“ไม่มีค่ะ” โชแปงกอดคุณบู้บี้แน่นขึ้น เธออยากได้กำลังใจเพื่อไม่ให้เผลอแสดงความรู้สึกออกมา
“ยังชอบอินอยู่ใช่ไหม”
“คะ?!!” โชแปงตาโตกับประโยคที่ได้ยิน อะไรทำให้อิฐคิดแบบนั้นเธอไม่เข้าใจ
“ไม่เป็นไร” อิฐชะโงกตัวไปดึงโชแปงเข้ามากอด เขาลูบหัวสาวน้อยอย่างปลอบประโลม ไม่อยากให้เสียใจหรือร้องไห้
“พี่อิฐ”
“พี่รู้ว่าโชแปงเป็นเด็กดีแต่เด็กดีไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา แค่โชแปงยินดีกับอินกับเขียวพี่ว่าเราก็เก่งมากแล้ว ถ้ายังทำใจไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน มีอะไรก็เล่าให้พี่ฟัง”
“โอ๊ยแปงอยากจะบ้า” อิฐงงเมื่อคนที่กอดอยู่ จู่ๆ ก็ทำท่าเหมือนจะตีอกชกหัวตัวเอง
“พี่อิฐแกล้งพูดหรือพี่อิฐซื่อบื้อจริงๆ เนี่ย”
“เดี๋ยวๆ แปงเป็นอะไร” อิฐทั้งแปลกใจทั้งขำ เมื่อคนตรงหน้าทำหน้าเหมือนจะเป็นจะตายให้ได้ มองเขาด้วยดวงตาเขียวปั๊ด จะว่าโกรธก็ไม่ใช่งอนก็ไม่เชิง
“ไม่รู้แล้วตายเป็นตาย แปงชอบพี่อิฐ ได้ยินไหมคะแปงชอบพี่อิฐ”
“โชแปง” อิฐชะงัก เขาแปลกใจเพราะสิ่งที่ได้ยินเกินกว่าจะคาดเดา โชแปงชอบเขาอย่างนั้นหรือ
“ใช่ค่ะโชแปงนี่แหละ น้องที่พี่อิฐเรียกแอบชอบพี่อิฐมานานแล้ว”
“พี่..พี่ไม่เคยคิด”
“พี่อิฐ” โชแปงคิดว่าเธอเตรียมใจไว้แล้วอย่างดี แต่เมื่อได้ยินกับหู ใจของเธอกลับเจ็บปวดเหมือนมีใครเอามีดมากรีด
“เดี๋ยว! โชแปงอย่าเพิ่งเข้าใจผิด” อิฐรเดความคิดของโชแปงได้จากสีหน้าปวดร้าวของเจ้าตัว
“พี่หมายถึงพี่ไม่เคยคิดเลยว่าโชแปงจะชอบพี่”
“แล้ว..แล้วพี่อิฐโกรธแปงไหมคะ” ความจริงเธออยากถามว่าแล้วพี่อิฐคิดอย่างไร แต่เพราะใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีไปแล้ว ตอนนี้เธอจึงกลับมาเป็นโชแปงที่แสนขี้ขลาดอีกครั้ง
“ไม่โกรธ จะโกรธทำไมครับพี่ดีใจเสียอีก ขอบคุณมากนะโชแปง” มีใครเป็นเหมือนเธอไหม รู้สึกห่อเหี่ยวสุดใจกับคำว่าขอบคุณ มันคือคำปฏิเสธที่แสนจะไพเราะ
“ขอบคุณค่ะที่ไม่โกรธแปง แล้วก็...” โชแปงสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ เพื่อดึงให้ร่างกายยืดออกไม่ห่อเหี่ยวอย่างที่มันกำลังเป็น
“ขอบคุณที่ปฏิเสธแปงอย่างสุภาพนะคะ”
“พี่ปฏิเสธโชแปงแล้วเหรอ เมื่อไหร่กันพี่ไม่ยักรู้”
“อะไรนะคะ!!” โชแปงตาโตหูผึ่ง เธอได้ยินอะไรผิดหรือเปล่า พี่อิฐหมายความว่ายังไง หรือพี่อิฐก็ชอบเธอเหมือนกัน
“พี่..พี่อิฐก็ชอบแปงเหรอคะ” คนเราเมื่อได้คืบย่อมอยากได้ศอกเป็นธรรมดา สาธุขอให้พี่อิฐชอบเธอด้วยเถอะ
“ใช่ครับพี่ชอบโชแปง แต่มันยังไม่ใช่แบบเดียวกับที่โชแปงคิด เพราะตลอดมาพี่เชื่อว่าแปงชอบอินมาตลอดก็เลยไม่เคยคิดเป็นอื่น”
“อ้าว” ใครบางคนได้เจาะเอาลมออกจากลูกโป่งที่ชื่อโชแปงไปเรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กกลับมาห่อเหี่ยวอีกครั้ง
“งั้นแปงก็ผิดหวังใช่ไหมคะ ได้ๆ ไม่เป็นไร แปงเป็นน้องก็ได้ค่ะ” โชแปงยิ้มสู้ แค่ยังเข้าหน้ากันติดก็บุญแค่ไหนแล้ว
“เดี๋ยวๆ ใจเย็น จะรีบร้อนไปไหนเรา” อิฐยกขึ้นจับแก้มทั้งสองข้างของโชแปงไว้ พยายามกลั้นหัวเราะไม่ขำอีกฝ่ายออกมา กลัวว่าจะเข้าใจผิดไปใหญ่โต
“พี่บอกว่ายังไม่เหมือน ไม่ได้แปลว่าอีกหน่อยมันจะไม่เหมือน โชแปงเป็นผู้หญิงที่น่ารักใครเห็นก็ต้องรัก พี่ยังคิดเล่นๆ ว่าทำไมอินมันถึงใจแข็งนัก ถ้าเป็นพี่คงชอบโชแปงไปนานแล้ว”
“พี่อิฐ” โอ๊ย! มันไม่ใช่คำสารภาพรักแต่ทำไมหัวใจของเธอถึงกลับมาพองโต หน้าเห่อร้อน
“โชแปงน่าจะรู้ดีว่าพี่เป็นพวกไม่แย่งของเพื่อน และที่สำคัญพี่คิดมาตลอดว่าโชแปงชอบอิน พี่ถึงไม่เคยคิดจะพัฒนาความรู้สึกตัวเอง วันนี้มันอาจยังไม่เท่าโชแปง แต่พี่เชื่อว่าถ้าโชแปงยอมรอพี่อีกนิด พี่ว่า..” อิฐแกล้งทิ้งท้ายประโยค หยุดพูดเสียเฉยๆ มองตาโตๆ กับท่าทางกลั้นหายใจของโชแปง
“พี่อิฐอ่า พี่ว่าอะไรคะ เร็วๆ แปงหัวใจจะวายแล้ว”
“ฮ่าๆ พี่ว่า..โชแปงน่าจะได้ข่าวดีนะ”
“โอ๊ยยย เกลียดคนเล่นตัว หล่อมาก” โชแปงทำปากยื่นปากยาวงอนที่อีกฝ่ายเลือกใช้คำแบบเล่นตัว จะบอกว่าพี่ว่าพี่คงชอบโชแปงก็ไม่ได้ เชอะเธองอนแล้ว
“โอ๋ๆ ไม่งอนพี่สิครับ”
“แปงน่ารักนะบอกก่อน คนชอบแปงก็เยอะด้วย”
“นี่ขู่พี่เหรอครับ”
“ไม่ได้ขู่ แปงแค่บอกเฉยๆ ค่ะ” โชแปงแกล้งสะบัดหน้า ใช่แล้วมันคือการขู่ เธอจะได้ไม่ต้องรอนาน
“หึหึ ครับผม” อิฐจับหัวเล็กๆ โยกไปมาด้วยความเอ็นดู เมื่อไม่มีอะไรมากางกั้นความสัมพันธ์ เขาก็สามารถปล่อยใจได้เต็มที่
“ว่าแต่โชแปงชอบพี่มานานหรือยัง”
“พี่อิฐถามทำไมแปงก็อายเป็นนะ” โชแปงยกคุณบู้บี้ขึ้นมาปิดหน้า
“ตอบพี่หน่อยสิ พี่อยากรู้”
“นานแล้วค่ะ” แค่สามคำสั้นๆ แต่โชแปงสามารถพูดได้เร็วพอๆ กับรถด่วนไฮสปีด บอกแล้วนี่นาว่าเธอก็อายเป็น
“บอกได้ไหมว่าทำไมถึงชอบพี่ไม่ใช่อิน”
“อย่ารู้เลยค่ะแค่รู้ว่าชอบก็พอแล้ว”
“พี่จะได้เอาไปข่มไอ้อินมันได้ไง”
“พี่อิฐฐฐ”
“ฮ่าๆ พี่ล้อเล่นครับ แต่อยากรู้จริงๆ”
“ก็..” โชแปงเผลอบิดตัวไปมา “พี่อิฐใจดีกับแปง อ่อนโยน เข้าอกเข้าใจแปง ปกป้องแปง แต่พี่อินเหมือนดารา พี่อินใจดีเหมือนกันแต่ใจดีแบบคนเจ้าชู้ อยู่ใกล้ก็เหมือนอยู่ไกล”
“ที่แท้ก็อยากได้พี่ชาย ไอ้เรารึแอบดีใจ นึกว่ามีดีกว่าไอ้อินมัน”
“ไม่ใช่สิคะ ไม่ได้สักหน่อย” โชแปงโผล่หน้าออกมาจากคุณบู้บี้ รีบปฏิเสธเป็นพัลวันกลัวอิฐเข้าใจเธอผิด
“หึหึ ยอมโผล่หน้าให้พี่เห็นแล้วเหรอครับ คุณบู้บี้มานี่”
“พี่อิฐอย่าเอาคุณบูบี้ไปสิคะ” โชแปงพยายามคว้าคุณบู้บู้คืน แต่อิฐเอาไว้ซ่อนไว้ด้านหลัง
“คุณบู้บี้ต้องอยู่กับพี่ โชแปงเป็นคนบอกเองลืมหรือเปล่า”
“ไม่ใช่สักหน่อย แปงบอกให้คุณบู้บี้อยู่ในรถ”
“ใช่แต่แปงบอกว่าถ้ามีใครมานั่งให้พี่เอาคุณบู้บี้นั่งตัก”
“โอ๊ย ทำไมพี่อิฐร้ายอย่างนี้คะ เรื่องตุ๊กตาก็ยังจะเอาชนะแปงอีก”
“พี่ไม่ได้อยากเอาชนะ แค่อยากคุยกับโชแปงแบบเห็นหน้ามากกว่า” โชแปงหลบตายิ้มเขิน เมื่อเจอกับดวงตาวาววับของอิฐ
“ถ้าอย่างนั้น...” อิฐส่งยิ้มอ่อนโยน เสียงทุ้มนุ่มของเขาทำให้โชแปงยิ่งเขินอาย
“นับตั้งแต่วันนี้โชแปกับพี่เรามาใช้เวลาศึกษากันและกันดู ตกลงไหมครับ”
“.....” โชแปงไม่ยอมตอบ เธอแค่พยักหน้าน้อยๆ ไม่ยอมสบตากับอิฐ
“พี่ตอบไม่ได้ว่าสุดท้ายมันจะเป็นยังไง แต่เรามาพยายามไปด้วยกันนะ”
“ค่ะ แต่..”
“แต่อะไรครับ” อิฐแปลกใจที่โชแปงค้านเขาขึ้นมา
“แต่เอาที่พี่อิฐสบายใจนะคะ อย่าถึงกับต้องพยายามเลย ถ้าเกิดสุดท้ายพี่อิฐไม่ชอบแปงก็บอกแปงตรงๆ ได้”
“โธ่เอ๊ยเด็กน้อย” อิฐนึกเอ็นดูสาวน้อยตรงหน้าสุดใจ
“พี่ใช้คำว่าพยายามเพราะไม่ว่าในความสัมพันธ์ไหน เราต่างต้องคอยประคับประคองมันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนหรือคนรัก เพียงแค่ไม่ฝืนตัวเองเกินไปและอยู่ด้วยกันแบบมีความสุขทุกฝ่ายก็พอ”
“ค่ะพี่อิฐแปงเข้าใจแล้ว มาพยายามไปด้วยกันนะคะ”
“ครับผม”
“จุนกับเขียวต้องดีใจมากแน่ๆ ลุ้นเรื่องแปงกันน่าดู”
“สองคนนั้นรู้ด้วยเหรอ”
“โอ๊ยยิ่งกว่ารู้อีกค่ะ แปงน่ะถ้าไม่ได้จุนกับเขียวคงไม่มีวันได้เป็นแฟน เอ๊ย! ไม่ใช่ๆ !! แปงขอโทษ” โชแปงเขินหน้าแดงเมื่อเผลอใช้คำว่าแฟนกับอิฐ
“แปงหมายถึงคงไม่มีวันได้คบหาดูใจกับพี่อิฐแน่เลย”
“หึหึ ไม่ต้องขอโทษพี่ แปงใช้คำนี้ได้ เพราะสำหรับพี่การคบหาดูใจกับใครสักคน แปลว่าพี่เลือกแล้วที่จะมองคนๆ นั้นเพียงคนเดียว”
“ตกลงค่ะ เราเป็นแฟนกัน” โชแปงพูดเร็วปรื้อ ดีนะเธอนึกขึ้นมาได้ เกือบลืมไปแล้วโชแปงหัวขี้เลื่อย จุนบอกว่าห้ามใช้คำถามให้ใช่ประโยคบอกเล่าแทน
“ฮ่าๆ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณแฟน”
“พี่อิฐอ่าอย่าล้อแปงสิคะ”
“โอเคครับพี่ไม่ล้อแล้ว ถ้าอย่างนั้นกลับกันนะ หายมานานเดี๋ยวพวกนั้นจะห่วงนึกว่าเกิดอุบัติเหตุ”
“ค่ะ แปงก็อยากไปเจอจุนกับเขียวเร็วๆ”
“ครับผม” อิฐเปิดไฟเลี้ยวก่อนขับรถกลับขึ้นถนน เขาอารมณ์ดีจนผิวปากออกมา อิฐไม่เคยคิดมาก่อนว่าโชแปงจะชอบเขา ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงมองไม่ออก ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะซื่อบื้อได้ถึงเพียงนี้
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ไฟนอลลี่ ในที่สุดมึงก็เลิกซื่อบี้อเสียที” อินทรีย์ดีใจไปกับเพื่อนด้วย เมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจากอิฐ
“พวกมึงรู้เหรอวะ หรือจุนกับเขียวบอก”
“เปล่าสองคนนั้นไม่ได้บอก กูรู้เอง ไอ้เบตก็รู้” ทิเบตพยักหน้าเมื่ออินทรีย์พาดพิงถึง
“อ้าวจริงเหรอวะไอ้เบต แล้วทำไมกูไม่รู้วะ” สิงห์เสียหน้าเล็กน้อยที่เสือกเกือบทุกเรื่องแต่ดันพลาดเรื่องนี้
“มึงซื่อบื้อพอๆ กับไอ้อิฐ” อินทรีย์ตอบได้อย่างรวดเร็ว
“เพราะกูไม่สนใจเรื่องไอ้อิฐต่างหาก” สิงห์แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ
“มึงไม่ต้องแปลกใจ เพราะน้องมันคอยระวังตัวต่อหน้ามึง มึงถึงไม่เคยสังเกตเห็น แต่เพราะพวกกูเป็นคนนอก เป็นคนที่มองเข้าไปอะไรๆ มันถึงได้ชัด”
“ถูกของไอ้เบต ยิ่งโชแปงอยู่ข้างกูกูยิ่งเห็นชัด เวลามึงเผลอน้องมันก็แอบมอง พอน้องเผลอแอบมองกูเลยเห็น มันเป็นเรื่องธรรมดา”
“ก่อนหน้านี้โชแปงไม่แสดงอาการมากด้วย กูมาเห็นชัดๆ ตอนจุนกับเขียวเข้ามาในกลุ่ม พอมีเพื่อนเลยกล้าขึ้น” ทิเบิตให้เหตุผลกับเพื่อน
“อืมเห็นโชแปงพูดอยู่เหมือนกันว่าต้องขอบคุณจุนกับเขียว”
“แต่มึงจะไม่ทำให้น้องเสียใจใช่ไหม” สิงห์ไม่สนใจอย่างอื่น คาดคั้นจะเอาคำตอบเรื่องนี้จากอิฐ
“ไอ้สิงห์ กูเพื่อนมึงนะ”
“กูไม่สน ตอนนี้กูอยู่ในบทบาทพี่ชายต้องสแกนหนุ่มๆ ที่เข้ามากวนใจน้อง”
“น้องมันกวนใจไอ้อิฐหรือเปล่า ไม่ใช่ไอ้อิฐไปกวนใจน้อง” อินทรีย์อดแก้ให้ไม่ได้
“มึงเข้าข้างเพื่อน”
“อ้าวไอ้นี่ แค่รู้เรื่องเป็นคนสุดท้ายแล้วพาลเหรอวะ”
“ไม่ใช่ กูเป็นห่วงโชแปงจริงๆ”
“มึงไม่ต้องเป็นห่วงน้องมันหรอก” ทิเบตเอ่ยปาก “ในจำนวนพวกเราสี่คน โชแปงเลือกชอบไอ้อิฐมันถือว่าฉลาดแล้ว”
“เออจริง” สิงห์พยักหน้าเห็นด้วย
“เดี๋ยว! มึงพูดแบบนี้ก็ด่าว่ากูเหี้ยสิวะ”
“แล้วกูได้ด่าตัวเองด้วยไหม”
“เออมันก็จริง”
“มึงเป็นอะไรวะไอ้สิงห์ วันนี้เพี้ยนๆ เหมือนสมองมึงไม่ทำงาน” อินทรีย์อดทักไม่ได้ เมื่อเห็นเพื่อนดูมึนๆ งงๆ
“ไม่มีอะไรหรอก ช่างกูเถอะ” สิงห์จะบอกเพื่อนได้อย่างไรว่าทั้งขาไปและขากลับ เขาถูกมนุษย์ร่างใหญ่นามว่าแทนต้อนให้ความคิดเขาวิ่งไปวิ่งมาจนหัวหมุน
“แล้วนี่เด็กพวกมึงจะคุยกันอีกนานไหม กูว่าพวกมึงต้องคิดหนักๆ แล้วว่ะ อำนาจมากเหลือเกิน นี่ยังไม่ทันไรเอะอะไล่ออกจากห้อง” สิงห์ใส่ไฟ จะให้มีความสุขเกินหน้าเกินตาไม่ได้
“เอาน่า คงมีเรื่องอยากคุยกัน ให้เวลาหน่อย”
“ยอม ยอมตลอด นี่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันหรือยังวะ”
“ไอ้สิงห์ กูรักจริงหวังแต่ง ไม่ได้อยากฟันเพื่อความบันเทิง” อินทรีย์รีบแก้ตัว กลัวเพื่อนรู้ว่าเขากลัวเขียวหวานจนไม่กล้าทำตัวรุ่มร่าม
“หึ”
“กูพูดจริง”
“ถ้าจริงแล้วมึงจะร้อนตัวเพราะเสียงหัวเราะกูทำไม”
“หึหึ สิงห์มันพูดถูกก็คราวนี้” อิฐเข้าข้างสิงห์ร้อยเปอร์เซ็นต์ นานๆ จะเห็นอินทรีย์เสียท่าสักครั้ง
“อย่าว่าแต่กู ไอ้เบตก็ยังไม่กล้า”
“มึงรู้ได้ไง” ทิเบตพูดเสียงเนิบๆ คล้ายไม่สนใจและไม่ร้อนตัว
“หะ! มึงเรียบร้อยไปแล้วเหรอวะ” อินทรีย์เริ่มรู้สึกถึงความเชื่องช้าของตัวเอง เห็นจะไม่ได้การ
“กูแค่อยากให้แน่ใจว่าตัวจุ้นเป็นของกูแล้ว” ทิเบตถือว่าเขาไม่ได้โกหก ไม่มีประโยคไหนใช้อ้างอิงได้ว่าเขาตอบว่าใช่
“หึหึ ไอ้ไก่อ่อน” สิงห์มีความสุขที่ได้กระทืบเพื่อนซ้ำ นานๆ ทีถึงจะมีโอกาส ยิ่งหลังจากที่โดนกลั่นแกล้งเรื่องแทน มีหรือเขาจะไม่เอาคืน
“กูกลับห้องดีกว่า ไอ้เบตมึงจะไปไหม เดี๋ยวกูจะแวะไปตามเขียวที่ห้องมึงด้วย”
“ไปตามคนเดียวไม่กล้าเหรอ”
“ไอ้เหี้ยเบต!” “ฮ่าๆ” สิงห์หัวเราะงอหาย รู้สึกสะใจที่อินทรีย์โดนรุมเหมือนเขาบ้าง
“ไปๆ พวกมึงออกไปได้แล้ว กูจะแดกเบียร์ฉลองให้ไอ้อิฐมันหน่อย ที่มันหาว่าที่แฟนได้แล้ว”
“แล้วมึงเมื่อไหร่จะจริงจังเหมือนคนอื่น เลิกเถอะวะไปกับคนโน้นทีคนนี้ที” อินทรีย์บ่นสิงห์เพราะคนที่เลื่อนลอยเรื่องของความรักที่สุดในกลุ่มก็เห็นจะเป็นสิงห์นี่แหละ
“ไม่ได้ๆ ยิ่งพวกมึงสามตัวมีเมียกันหมด กลุ่มซุปตาร์เหลือกูคนเดียว ถ้ากูเลิกอีกคนมึงคิดไหมว่าสาวๆ จะเสียใจแค่ไหน”
“สักวันมึงจะโดนปราบ”
“กูยุ่งฉพาะลูกกระต่ายกูไม่เล่นแม่เสือ”
“กูจะคอยดู”
“ตามสบาย แต่มึงอาจจะเสียเวลารอเปล่าๆ เพราะมันจะไม่เกิดขึ้น”
“พูดอย่างนี้ตายตอนจบมาเยอะแล้วเชื่อกูไอ้อิน” อิฐมั่นใจมากว่าเขาคิดถูก ร้อยทั้งร้อยปากดีแบบนี้ตายตอนจบทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนของเขา
“มึงคอยดู” สิงห์กระหยิ่มยิ้มย่อง ยังเชื่อมั่นในตัวเอง เขาไม่ชอบการผูกพัน ไม่ชอบการผูกมัด เขาชอบลอยชายไปวันๆ เหมือนที่เป็นอยู่มากกว่า ในเมื่อโลกนี้ยังมีสาวสวยอีกมากมายแล้วทำไมเขาต้องหยุดที่คนเพียงคนเดียว
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin