ทันทีที่เดินออกจากห้องน้ำมาในสภาพเส้นผมเปียกชื้นจินดาก็ได้พบว่าตอนนี้ธีรชาติกำลังนั่งเอนกายพิงหัวเตียงพลางก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอยู่ก่อนแล้ว
เป็นเพราะคืนแรกที่เข้ามาซุกหัวอยู่ในห้องส่วนตัวของธีรชาติเมื่อสักสองถึงสามสัปดาห์ก่อนนั้นผ่านไปอย่างเป็นปกติสุข ครั้งต่อๆมาของการค้างแรมสถาปนิกหนุ่มจึงไม่คิดทักท้วงถึงเรื่องที่หลับที่นอนให้มากความอีก
...เดาว่าสาเหตุที่เจ้าบ้านเขาไม่เอ่ยปากบอกให้ไปนอนห้องอื่นอย่างที่เคยพูดในคืนแรกก็คงเป็นเพราะไม่อยากเปิดแอร์หลายตัวให้โลกมันร้อนเร็วขึ้นล่ะมั้ง...
“นี่...”
เสียงของคนบนเตียงดังขึ้นเรียกให้เขาต้องหยุดมือที่กำลังขยับผ้าเช็ดตัวผืนน้อยขยี้ไปมาบนศีรษะลงเพื่อหันไปมอง
“...คุณโก๋เขายังไม่มีครอบครัวใช่ไหม?” ธีรชาติเอ่ยถามทั้งที่สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่เอกสารในมือ ซึ่งเมื่อได้ฟังจินดาก็ยู่เครื่องหน้าแต่ละส่วนเข้าหากันโดยพลัน
“ฮะ?...ทำไมถึงถามอย่างนั้นอะพี่?”
“ก็แค่อยากรู้ ถามไม่ได้เหรอ?”
“ด้ายยย...แหม” กล่าวจบจินดาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะยอมตอบอีกฝ่ายไปแต่โดยดี “พี่โก๋ยังไม่แต่งงาน..โสด”
“แฟนก็ยังไม่มีเหรอ?”
“ใช่แล้ว”
สถาปนิกหนุ่มหรี่ตามองธีรชาติด้วยความรู้สึกประหลาดใจพลางในหัวก็นึกย้อนไปถึงคำถามของโกวิทระหว่างมื้ออาหารที่ตึกคณะเมื่อช่วงกลางวัน
...รายนั้นก็ถามว่าเกย์ไหม ส่วนรายนี้ก็ถามว่าโสดไหม...
...แอบไปสปาร์คอะไรกันตอนไหนหรือเปล่าวะเนี่ย?...
“แล้ว..”
...นั่น! ยังไม่จบอีก...
“...จินสนิทกับคุณโก๋เขามานานหรือยัง?”
“เอ่อ..ก็ห้าหกปีได้แล้วมั้ง ตั้งแต่สมัยฝึกงาน..เฮ้ยๆ! ถ้าจะให้เป็นพ่อสื่อพอชักนี่ไปเข้าทางคนอื่นเลยนะพี่ ผมไม่อยากโดนพี่โก๋เตะก้านคอ” จินดากล่าวกลั้วหัวเราะ ศีรษะทุยมนสั่นดิกราวกับว่ากำลังปฏิเสธยาขม “ถึงไม่มีแฟนแต่พี่โก๋ก็ไม่ได้ชอบผู้ชายนะบอกไว้ก่อน...นี่พี่อกหักจากคุณใบตองจนเริ่มเบี่ยงเบนหรือเปล่าเนี่ย ผมชักสงสัยแล้ว”
“เพ้อเจ้อ” ธีรชาติปั้นหน้าเข้ม “...ก็บอกแล้วว่าพี่แค่อยากรู้...”
.
.
.
เนื้อหาในเอกสารสำคัญที่เลขาฯสาวฝากไว้ให้พิจารณายังคงไหลเข้าสู่ห้วงการรับรู้ไม่ได้หยุดทั้งที่เวลาก็ผ่านไปแล้วเกือบชั่วโมง กว่าจะดึงให้ตัวเองกลับมาอยู่กับสรรพสิ่งรอบกายได้อีกทีก็ตอนที่เสียงพลิกตัวของคนข้างกายดังเข้าหูมาแล้วนั่นแหละ
แม้ว่าโคมไฟข้างหัวเตียงจะยังคงถูกธีรชาติเปิดใช้งาน แต่กระนั้นจินดาก็สามารถหลับอุตุได้อย่างไม่เดือดร้อน
...มาแล้วสินะ...
ผู้บริหารหนุ่มละสายตาออกจากปึกกระดาษในมือเพื่อจับจ้องไปยังอิริยาบถของคนที่กำลังขยับพลิกตัวไปมาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
...ที่จริงเขามีเรื่องอยากสารภาพ แต่เพราะไม่ได้นับถือคริสต์จึงไม่รู้จะหอบบาปประการนี้ไปบอกนักบวชนักบุญที่ไหน...
ช่วงเวลายามค่ำคืนในระยะนี้ถือเป็นช่วงที่ชายหนุ่มเพียรเฝ้ารอ
...เขารอให้คนขี้หนาวขยับกายเข้ามาหาความอบอุ่นอยู่ทุกคราวที่แบ่งเตียงกันนอนจนแทบจะติดเป็นนิสัย...
ทั้งที่มีโอกาสเรียกแม่บ้านให้เข้ามาทำความสะอาดห้องรับรองแต่เขาก็ไม่เรียก ทั้งที่มีโอกาสบอกให้จินดาย้ายไปนอนสบายๆคนเดียวที่ห้องอื่นแต่เขาก็ไม่ทำ
...จนถึงวันนี้เขาก็ยังคงปล่อยให้สถาปนิกผู้อาศัยมานอนเป็นรูมเมทอยู่เหมือนคืนแรกไม่ผิดเพี้ยน...
...และที่สำคัญคือแม้จะรู้ว่าเพื่อนร่วมห้องนั้นขี้หนาว แต่อุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศกลับถูกตั้งค้างไว้ที่ยี่สิบสี่องศาเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง...
...ใจร้ายไหมเล่า?...
ใช่ว่าธีรชาติจะไม่รู้สึกหนักใจกับความชอบอันพิลึกพิลั่นข้อนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตเขาเคยนิยมกับการถูกเนื้อต้องตัวใครมากจนเกินควรที่ไหน ผู้หญิงน่ะไม่เท่าไหร่ ถ้าเป็นแฟนก็ยังยินดีจะแอบอิง แต่กับบุรุษเพศนี่สิ ไม่เคยมีสักครั้งที่จะอนุญาตให้ใครรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวได้มากถึงขนาดนี้ แม้กระทั่งกับน้องชายแท้ๆที่คลานตามกันมาเขายังไม่นึกอยากให้มันเข้ามาใกล้ๆแบบที่ลอบหวังจากจินดาเลย
...แปลกมากๆ...
คิดมาถึงตรงนี้เสียงผ่อนลมหายใจของคนหลับก็ดังขึ้นอีกระลอก
แล้วในที่สุดร่างกายขนาดสันทัดของนักออกแบบไฟแรงก็กระแซะเข้ามาจนถึงตัวเจ้าของห้องจนได้
ธีรชาติเผลอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นขณะที่จินดาตะแคงตัวเข้าหาเขาแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นพาดมาที่หน้าท้อง เอกสารที่ถูกถือไว้มาเป็นชั่วโมงถูกวางลงข้างหัวเตียงตอนนั้นเอง
นักธุรกิจหนุ่มพยายามหายใจให้เบาลงราวกับกลัวว่าหากแผงอกกระเพื่อมมากจนเกินไปนั้นอาจจะทำให้อีกคนตื่นขึ้นมาได้ และจากที่เคยเอนกายเอาแผ่นหลังพิงกับหัวเตียงอยู่ เขาก็ค่อยๆเคลื่อนตัวลงมาในท่านอนปกติจนศีรษะแตะหมอน
...โคมไฟถูกดับลงไปพร้อมกับแววตาเป็นกระกายของธีรชาติ...
...เดี๋ยวเช้ามาเขาก็เป็นคนตื่นก่อนอีกตามเคย คนขี้เซาอย่างจินดาไม่มีทางรู้หรอกว่าท่านอนกลางดึกกลางดื่นนั้นเป็นอย่างไร...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
รถติดมาก! ติดมากๆ! ติดแบบฉิบหายวายวอด!
จินดาเดินจ้ำอ้าวเข้ามาตามทางในล็อบบี้ของคอนโดฯหรูใจกลางเมือง เมื่อมองตรงไปข้างหน้าก็เห็นว่าตอนนี้ชายหนุ่มเจ้าของเพนต์เฮาส์บนชั้นสูงสุดของอาคารได้มายืนรอเปิดประตูตามที่เขาโทรฯบอกก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว
“หน้ามุ่ยเชียวจิน”
“รถมันติดมากพี่! ผมหงุดหงิดเป็นบ้าเลยอะ อะไรก็ไม่รู้ นั่งอยู่บนรถห้าชั่วโมงคิดดูสิ ออกมาตั้งแต่ยังไม่ห้าโมงจนตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้วเนี่ย แค่เขาใหญ่เองนะ นั่งรถนานอย่างกับมาจากขอนแก่น! ติดบ้าติดบออะไรก็ไม่รู้! แม่ง!” ถ้อยคำสบถก่นด่าสภาพการจราจรดังออกมาเป็นชุดจนคนฟังได้แต่ยิ้มแห้ง
ที่จริงธีรชาติก็รับรู้ได้ถึงความร้อนรนของจินดาตั้งแต่ตอนที่เจ้าตัวยังเดินทางมาไม่ถึงแล้วล่ะ ห้าชั่วโมงที่ผ่านมานี้สถาปนิกหนุ่มไลน์มาอธิบายงานพร้อมกับบอกความเคลื่อนไหวของตัวเองให้เขารู้อยู่เป็นระยะ
...ก็จะเพราะอะไรเสียอีกถ้าไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่บอร์ดนัดเข้าไปพรีเซ็นต์โปรเจ็คต์สำนักงานใหญ่...
“พี่ทำโมเดลให้จินเสร็จแล้วนะ เหลืออะไรอีกบ้างตอนนี้?” ผู้บริหารคนดังกล่าวขณะที่พวกเขายืนกันอยู่ในลิฟต์เพียงลำพัง เมื่อครู่ระหว่างที่รอการมาของจินดาเขาก็ทำทุกสิ่งตามที่อีกฝ่ายสเก็ทช์ทิ้งไว้ให้ตั้งแต่เมื่อวานจนครบทั้งหมด
“เหลือพวกเพลตอะพี่ งานกราฟฟิกทั้งนั้น ผมยังทำเซคชั่นไม่เสร็จเลย ไหนจะเรนเดอร์อีก...พี่ใช้โฟโต้ช็อปเป็นป่ะ?”
“ก็...ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ จินสอนมาก็แล้วกัน พี่จะพยายามทำความเข้าใจ”
ได้ยินดังนั้นนักออกแบบหนุ่มก็ลอบผ่อนลมออกจากปอดเพื่อระบายความวิตก หากไม่ใช่เพราะต้องไปดูไซต์ที่เขาใหญ่กับพวกที่บริษัทอย่างกะทันหันแบบนี้แล้วเขาก็คงกลับมาทำงานกราฟฟิกพวกนี้จนเสร็จทั้งหมดด้วยตัวเองได้
...แต่เมื่อเวลาอันตรธานไปถึงห้าชั่วโมงเต็ม อย่างไรก็ต้องพึ่งมือคนอื่น...
.
.
.
ธีรชาติพบกับความยากลำบากในการใช้โปรแกรมที่ไม่ถนัด เขาจำไม่ค่อยได้ว่าเครื่องมือชิ้นไหนใช้ทำอะไร
“เอ่อ..จิน..” ชายหนุ่มเอ่ยปากเรียกคนที่กำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าแล็ปท็อปอีกตัวข้างๆกัน “...คือพี่ลากต้นไม้เข้ามาตามที่จินบอกแล้ว แต่มันหายไปไหนก็ไม่รู้...ต้องทำยังไง?”
“อ่า..เดี๋ยวแป๊บนะ” จินดาพรมนิ้วลงบนแป้นพิมพ์ตรงหน้าตัวเองอย่างคล่องแคล่วแล้วจึงค่อยละสายตาออกมามองหน้าจอของธีรชาติ “ไหนขอดู...อ้อ พี่ต้องย้ายเลเยอร์ เอาต้นไม้ขึ้นมาอยู่ข้างบน..นี่ไง มาแล้วเห็นไหม?”
“อ๋อ โอเค ขอบคุณมาก”
“เฮ้ยเดี๋ยว” ในจังหวะที่สถาปนิกผู้เร่งรีบกำลังจะผละกลับไปที่งานของตัวเองต่อนั้น สายตาของเขาก็พลันไปสะดุดเข้ากับบางสิ่งภาพในภาพจำลองที่ไหว้วานให้ธีรชาติช่วยทำ “อ้าว...นี่พี่ลากเม้าส์ตัดขอบเหรอ? โอย...ผมลืมบอกไปเลยว่ามันใช้อัลฟ่าตัดได้ ใช้มือตัดแล้วมันไม่ค่อยเนียนอะ...เอา’งี้นะ เดี๋ยวผมทำให้ดู..”
ว่าแล้วจินดาก็สาธิตวิธีการตัดท้องฟ้าออกจากรูปให้อีกฝ่ายดู
ผู้บริหารทายาทตระกูลดังรับฟังและมองตามอย่างตั้งอกตั้งใจ หยาดเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นข้างขมับทั้งที่อากาศภายในห้องก็เย็นฉ่ำดี
...ทำไมมันยุ่งยากอย่างนี้นะไอ้โปรแกรมโฟโต้ช็อปนี่?...
หลายครั้งเขาก็รู้สึกเกรงใจที่ต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากจินดาอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ว่าพยายามงมหาด้วยตัวเองอย่างไรวิธีการที่ถูกต้องก็ไม่ยักผุดขึ้นมาให้เห็นสักที
...ยิ่งทำก็ยิ่งรู้สึกกดดัน...
การปั่นเพลตดำเนินไปภายใต้บรรยากาศอึมครึมจนกระทั่งเวลาผ่านเข้าสู่ชั่วโมงที่สาม
“เฮ้ยจิน! พี่ว่าพี่เซฟผิดแน่เลย!” ธีรชาติกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตกใจก่อนจะสูดลมเข้าปากประหนึ่งว่ากำลังกินของเผ็ด
“เซฟผิดยังไงพี่!?” จินดาสะบัดหน้ามาเบิกตากว้างมองจอแล็ปท็อปของอีกฝ่ายอย่างตื่นตัว
“คือ..ที่จินบอกให้พี่ปรับความละเอียดก่อนเซฟน่ะ..พี่ลืม..เผลอกดโอเคไปเรื่อยเลย”
“อ้าว แล้วไฟล์สำหรับแก้ล่ะ? เซฟไว้ใช่ไหม?”
“คือ..อันนั้นก็ลืมเหมือนกัน..ขอโทษนะ..ปิดไปหมดแล้ว” ธีรชาติตอบเสียงเจื่อน คิ้วหนาเข้มทั้งสองข้างของเขาขมวดเข้าหากันจนแทบชิดติดเป็นเส้นเดียว
“เฮ้ย!! ผมบอกแล้วไงว่าให้เซฟเป็นพีเอสดีไว้ทุกครั้งก่อนเริ่มภาพใหม่!”
“..ขอโทษจริงๆ ขอโทษ..แล้ว..อันที่พี่เซฟผิดไปนั่นใช้ไม่ได้เลยเหรอ?..”
“ไม่ได้หรอก ขยายเป็นไซส์เอหนึ่งแล้วภาพมันน่าจะแตก โอ๊ย! ทำไงดีวะเนี่ย!?”
เมื่อได้เห็นท่าทีของจินดาแล้วคนทำพลาดก็ยิ่งรู้สึกผิดและเคร่งเครียด ถ้ารู้ก่อนว่าคืนนี้จะต้องใช้โฟโต้ช็อปเขาคงหาเวลาศึกษามาล่วงหน้า “งั้นเดี๋ยวพี่ทำใหม่แล้วกันนะ ขอโทษนะจิน”
“ไม่ต้องละพี่ เดี๋ยวผมทำเอง” จินดากล่าวเสียงขุ่นพลางเสียบแฟลชไดรฟ์เข้ากับเครื่องของธีรชาติเพื่อถ่ายงานที่เหลือในโฟลเดอร์มาสู่เครื่องของตน
...แล้วในตอนนั้น คำบางคำที่ไม่น่าฟังก็เล็ดรอดผ่านกลีบปากคู่บางมาจนได้...
“ทำคนเดียวแม่งเร็วกว่าอีกมั้งเนี่ย” แม้จะเป็นประโยคที่ถูกเปล่งออกมาเพียงแผ่วเบา แต่กระนั้นความเงียบสงัดภายในห้องก็ทำให้ธีรชาติได้ยินมันอย่างชัดเจนดี
ผู้บริหารคนดังหันมองใบหน้าบึ้งตึงของคนข้างกายโดยพลัน
ดูเหมือนจินดาเองก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเมื่อสักครู่ตนได้กล่าวสิ่งใดออกไป
“..ข..ขอโทษครับ..ผมไม่ได้หมายความอย่างที่พูด..” สุ้มเสียงของนักออกแบบหนุ่มอ่อนลงจนผิดหู ท่าทีแข็งกระด้างเมื่อสักครู่นั้นจางลงทันใด “ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกไปแบบนั้น..ผมขอโทษจริงๆนะพี่..”
“รีบทำเถอะ อย่าเสียเวลาเลย” ธีรชาติตอบกลับเสียงเรียบก่อนจะลุกออกจากตรงนั้นไป
จินดาปิดตาลงครู่หนึ่งพลางยกมือขึ้นตบปากตัวเองอยู่หลายที
...ไม่น่าเลย...
...พูดอะไรออกไปวะเนี่ยไอ้ปากพล่อยเอ๊ย!...
TBC.
รายละเอียดรวมเล่มราคาฝัน ท่านใดสนใจลองเข้าไปดูกันนะคะ :http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57030.msg3540853#msg3540853
