ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับใช้ต่อหุ่นกันดั้มแต่ละแผงถูกนำออกจากกล่องมาวางเรียงอยู่บนพื้นโดยมีชายหนุ่มสองคนนั่งสุมหัวดูภาพขั้นตอนการต่อด้วยกันอยู่ใกล้ๆ
แม้ว่ากาแฟชนิดทรีอินวันที่จินดาชงให้จะหมดลงไปได้หลายนาทีแล้ว แต่กระนั้นธีรชาติก็ยังมีท่าทีอ้อยอิ่งนั่งติดอยู่กับพื้นราวกับตัวเองเป็นเสื่อน้ำมันอีกผืนก็ไม่ปาน ซึ่งพอเห็นเช่นนี้จินดาก็ไม่รู้ว่าควรชวนอีกฝ่ายทำอะไรดี ในเมื่องานทั้งหมดก็ถูกทิ้งไว้ที่เพนต์เฮาส์สุดหรู สุดท้ายสถาปนิกหนุ่มจึงตัดสินใจเสนอให้แขกคนสำคัญมาช่วยกันต่อฟิกเกอร์ตัวใหม่แกะกล่องที่เขาซื้อมาวางทิ้งไว้ที่ห้องตั้งแต่เดือนที่แล้วด้วยกันแทน
...ไม่รู้ว่าที่เจอกันอยู่ทุกวันนี่ธีรชาติไม่รู้สึกเบื่อหน้าเขาบ้างหรือไงนะ...
...เวลาส่วนตัวก็ถูกขโมยไปจนหมด พอตั้งใจจะเว้นสเปซให้ก็ดันตามมาใช้เวลาด้วยกันอีก...
...ประหลาดจริง...
“ตะกี้จินไปไหนกับคุณโก๋มาเหรอ?” หลังจากห้องเงียบไปได้สักพักเมื่อสมาธิของพวกเขาถูกปันมาให้จดจ่ออยู่กับของเล่นบนพื้นธีรชาติก็เปิดปากชวนพูดคุยขึ้นมาอีกครั้ง
“ไปกินชาบูมา อิ่มแปล้เลย”
“อ๋อ ไปกินข้าวกันมานี่เอง..” ผู้บริหารหนุ่มทวนความเสียงเบา “...ทีแรกที่จินบอกว่าเย็นนี้ติดธุระพี่ก็นึกว่าเรื่องงานซะอีก”
“วันนี้ที่ร้านเขามีโปรโมชั่นน่ะ ถ้าไม่ไปเสียดายแย่ นานๆจะได้กินราคานี้ที”
“วันหลังถ้าจินอยากกินอะไรก็บอกพี่ได้นะ แถวคอนโดฯมีร้านอร่อยๆเต็มเลย จะได้ออกไปกินด้วยกัน”
จินดาคลี่ยิ้มพลางส่ายศีรษะไปมาเบาๆ “ไม่เอาดีกว่า ออกไปกินข้าวกับพี่ทีไร พี่ชอบเลี้ยงผมทุกที”
“อ้าว แล้วคุณโก๋เขาไม่ได้เลี้ยงเหรอ?”
“ไม่ได้เลี้ยง เขาจะเลี้ยงผมทำไมล่ะ ตังค์ใครก็ตังค์มันสิ...แต่จริงๆแบบนี้มันดีกว่าเยอะเลยนะ เวลาชวนกันไปไหนก็สบายใจว่าจะไม่มีใครเป็นภาระใคร”
“งั้น..ถ้ามื้อหน้าพี่ให้จินออกเอง จินจะยอมไปกินกับพี่ไหม?”
“ไปได้อยู่แล้ว ขอแค่อย่าเลือกร้านแพงๆได้รึเปล่า?”
“ได้ทั้งนั้น พี่ให้จินเลือกเองเลย...แค่ไปด้วยกันก็พอ”
จบประโยคของธีรชาติ จินดาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาน้อยๆ “พี่นี่ก็แปลก จริงๆเราเจอกันทุกวันอยู่แล้วยังจะอยากออกไปกินข้าวด้วยกันอีก ไม่เบื่อหน้าผมบ้างเหรอถามจริง?”
“อ้าว ทีจินกับคุณโก๋ก็เจอกันที่ออฟฟิศทุกวันเหมือนกัน ยังออกไปทานข้าวด้วยกันได้เลย พี่ทำบ้างไม่ได้หรือไง?...พี่น่ะไม่เบื่อจินหรอก จินเบื่อพี่เหรอ?”
พอได้รับคำถามมาแบบนั้นสถาปนิกหนุ่มก็ยื่นแผงพลาสติกที่อยู่ในมือตนออกไปเขี่ยลงเบาๆบริเวณต้นแขนของธีรชาติ ลักยิ้มเล็กๆผุดขึ้นมาบนสองข้างแก้ม ดูๆไปก็คล้ายว่ากำลังปั้นหน้าหยอกเย้า “แหม จะเบื่อได้’ไง? ไม่เบื่อหรอก”
ผู้บริหารทายาทตระกูลดังละสายตาออกจากส่วนขาของหุ่นในมือเพื่อหันมามองอากัปกิริยาของคนพูด แผงพลาสติกยังคงถูกขยับเขี่ยไปมาอยู่ที่แขนของเขาไม่หยุด อีกทั้งดวงตาเรียวรีอันเป็นเอกลักษณ์คู่นั้นก็ยังส่งประกายชวนมองมาให้อีกด้วย
...น่าแปลกที่พอได้เห็นท่าทางเหมือนกับจะอ้อนเป็นลูกแมวลูกหมาแบบนั้นของจินดาแล้วธีรชาติก็รู้สึกอยากจะพุ่งตัวเข้าไปขย้ำให้อีกฝ่ายเนื้อช้ำดูสักที...
...เห็นแล้วมันหมั่นเขี้ยวพิลึก...
“เคยทำหน้าแบบนี้ให้คุณโก๋เขาดูบ้างไหมเนี่ย?” ธีรชาติเอ่ยถามขึ้นมาเช่นนั้นทั้งที่ยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าอ่อนใสตามกรรมพันธุ์ของอีกฝ่ายไม่วางตา
“หืม? หน้าแบบไหน?”
“ก็เนี่ย แบบที่ทำอยู่ตอนนี้ไง พี่ก็บรรยายไม่ถูก...เคยทำบ้างไหม?”
เรียวคิ้วของคนถูกถามขมวดเข้าหากันจนแทบชิดเป็นเส้นเดียว “เอ่อ...ผมไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าผมเป็นยังไง ก็คงเคยมั้งครับ มันก็หน้าปกติของผมไม่ใช่เหรอ?...ว่าแต่ ทำไมพี่ถึงถามอย่างนั้นอะ? แล้วรู้สึกวันนี้พี่จะพูดถึงพี่โก๋บ่อยจัง มีอะไรหรือเปล่า?”
คำถามที่ถูกส่งกลับมาทำให้ธีรชาติชะงักทุกอิริยาบถลงไปครู่หนึ่ง ลูกตาของเขาหลบวูบกลับลงมาสู่ขาของเจ้ากันดั้มในมือทันที
...ไม่ทันสังเกตเลยว่าตัวเองพูดถึงโกวิทถี่เกินไปจริงๆ...
“อ่า...ก็ไม่ได้มีอะไรหรอก คือพี่นึกเรื่องคุยไม่ค่อยออก อีกอย่างตอนแรกพี่เคยคิดว่าคุณโก๋เขาจะเป็นคนดุๆหน่อย แต่พอเห็นว่าเขาดูใจดีกับจินมากก็เลยสนใจขึ้นมานิดนึง..”
“อ๋อ...อืม จะว่าไปตอนผมรู้จักเขาแรกๆผมก็กลัวอยู่เหมือนกัน หน้าเขาดุแถมชอบพูดเสียงดังด้วย แต่เห็นโหดๆแบบนั้น ที่จริงแล้วพี่โก๋เป็นคนใจดีอย่างที่พี่ว่าจริงๆนั่นแหละ เขาช่วยผมหลายเรื่องเลย ตั้งแต่สมัยฝึกงานแล้ว”
“เหรอ...” ผู้บริหารคนดังนิ่งไปเมื่อได้ฟังเช่นนั้น “...โชคดีนะที่ได้เจอกับเพื่อนร่วมงานดีๆ”
“นั่นน่ะสิ”
“จิน..”
“หืม?”
“ถ้าสมมุตินะ..สมมุติว่าจินเป็นผู้หญิง แล้วบนโลกเหลือผู้ชายให้เลือกแค่สองคนคือพี่กับคุณโก๋ จินว่าจินจะเลือกแบบไหน?”
จบประโยคของธีรชาติดวงตาคู่เรียวก็เบิกกว้างขึ้นน้อยๆ “คำถามแปลกอีกแล้วแฮะ...ที่มาของคำถามคืออะไรเนี่ย? บังเอิญไปจีบหญิงคนเดียวกันหรือว่าอะไร?” จินดากล่าวกลั้วหัวเราะ ชายหนุ่มส่งสายตาล้อเลียนไปให้คู่สนทนาแต่สุดท้ายเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบโต้สิ่งใดกลับมาเขาก็ยอมครุ่นคิดตามประโยคเมื่อสักครู่แต่โดยดี “อืม..ถ้าผมเป็นผู้หญิงเหรอ? ต้องถามก่อนว่าผมเป็นผู้หญิงแบบไหน ถ้านิสัย รสนิยม แล้วความเป็นอยู่ของผมเป็นแบบนายจินดาเลย แค่เปลี่ยนจากผู้ชายเป็นผู้หญิง ผมก็คงเลือกพี่โก๋มั้ง...พี่ห้ามงอนนะที่ผมตอบแบบนี้”
“อ้าว ทำไมล่ะ? พี่ไม่ดีตรงไหน?” หางคิ้วหนาเข้มของธีรชาติตกลงจากตำแหน่งเดิมของมันโดยพลัน
“ไม่ใช่ไม่ดี แต่ดีเกินไปสำหรับคนธรรมดาต่างหาก ผมว่านะ..แบบพี่เนี่ยสาวที่ไหนเห็นก็คงกรี๊ด..หล่อ รวย เก่ง ดี ครบสูตร แต่ถ้าไม่ใช่ระดับดาราเซเลบก็คงไม่ค่อยมีใครกล้าหวังหรอกมั้ง แบบพี่โก๋คงเหมาะกับการเอามาทำผั..เอ้ย..ทำแฟนมากกว่า”
“อ้าว...แล้วถ้าตัดเรื่องฐานะออกไปล่ะ เอาแค่นิสัยใจคอ...”
คราวนี้จินดานิ่งคิดไปนาน ลูกตาดำขลับเบนมองไปทางนั้นทีทางนี้ทีจนคนรอต้องหมุนคอมองตาม
“...ผมว่าก็ยังเป็นพี่โก๋อยู่ดี...”
“โธ่...แล้วกัน”
เมื่อได้เห็นท่าทางผิดหวังของธีรชาติแล้วจินดาก็ต้องรีบกล่าวออกมาอีกรอบ “ก็ผมถึงถามไงว่าพี่กำลังพูดถึงผู้หญิงแบบไหน คือถ้าเอาที่คล้ายนายจินดาพี่ก็จะได้คำตอบแบบนี้แหละ ผมเลือกพี่โก๋เพราะผมกับเขารู้ไส้รู้พุงกันดีแถมยังทำอาชีพเดียวกัน...แล้วตกลงพี่ถามทำไม บอกเหตุผลหน่อยได้รึเปล่า? ไปปิ๊งใครแล้วเจอคู่แข่งที่มีบุคลิกคล้ายพี่โก๋เหรอ?”
ผู้บริหารหนุ่มผ่อนลมหายใจผ่านปลายจมูกออกไปห้วงยาว เขาเพียงยกไหล่ขึ้นน้อยๆเป็นคำตอบเท่านั้น
“โห่ อย่าหงอยสิ ถามผมไปก็ไม่ได้เรื่องได้ราวหรอก ไปขอความเห็นจากผู้หญิงจริงๆเหอะพี่ ผมเป็นผู้ชาย ก็ตอบได้ประมาณนี้ล่ะ พวกผู้หญิงเขาคงคิดกันอีกแบบมั้ง...ไม่ได้งอนใช่ไหมเนี่ย?”
ดวงตาคู่คมของธีรชาติเหลือบสบกับดวงตาของจินดาเพียงครู่สั้นๆก่อนจะถูกดึงกลับลงไปที่ชิ้นส่วนพลาสติกในมืออีกครั้ง “พี่ไม่งอนใครด้วยเรื่องแค่นี้หรอกน่า...ช่างเถอะ ตั้งใจต่อกันดั้มของจินให้มันเสร็จดีกว่า...”
สถาปนิกหนุ่มกระตุกหัวคิ้วเข้าหากันน้อยๆพลางจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ก้มหนีสายตาของเขาไปแล้ว
...ทั้งที่ปากเพิ่งจะบอกอยู่ว่าไม่ได้งอน แต่ดูจากท่าทางแล้วงอนชัดๆ...
...เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงนิ่งคิดอยู่ครู่ก่อนจะตัดสินใจเขยิบกายเข้าไปใกล้...
จินดาขยับศีรษะถูไถไปมากับต้นแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายเบาๆด้วยท่าทางไม่ต่างจากหมาอ้อนนาย “พี่ชาติ..ผมเปลี่ยนใจแล้ว ถ้าผมเป็นผู้หญิงผมจะเลือกพี่..ไม่เลือกพี่โก๋แล้วก็ได้..” ชายหนุ่มกล่าวเสียงค่อย
...จังหวะลมหายใจที่เคยสม่ำเสมอของธีรชาติสะดุดลงในตอนนั้นเอง...
...จินดาชอบเอาหัวไถ ข้อนี้เขารู้ดี...
...บางทีก็ไถโต๊ะไถกำแพงเวลาคิดงานไม่ออก...
...แล้วบางทีก็ไถตัวชาวบ้านเวลาจะง้อแบบที่เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง...
...ลักษณะเหมือนพวกตัวการ์ตูนตลกๆ...
ผู้บริหารคนดังนั่งเกร็งตัวนิ่งค้างไปราวกับถูกผีห่าซาตานสาปให้กลายเป็นรูปปั้นอย่างปัจจุบันทันด่วน เขาก้มลงมองศีรษะทุยมนที่ยังคงขยับหยุกหยิกอยู่ที่ต้นแขนพร้อมด้วยความรู้สึกเหมือนกับว่าแรงเต้นของชีพจรมันชัดขึ้นมากจนน่าตกใจ
“..จิน..”
“ไม่งอนนะพี่นะ..นะๆๆ” สุ้มเสียงของสถาปนิกหนุ่มในยามนี้ฟังดูอู้อี้เนื่องจากคนพูดกำลังก้มหน้าก้มตา “แค่ขับเบนซ์ไปอวดสาวคนนั้นเขาก็เลือกพี่แล้ว คู่แข่งพี่ไม่ชนะหรอก อย่าเสียความมั่นใจน่า..ปากผมมันก็พูดไปเรื่อย’งี้แหละ อย่าให้ราคานักเลย”
ธีรชาติสูดลมหายใจเข้าจนอกพอง เขาไม่แน่ใจว่าเหงื่อกาฬที่ซึมชื้นออกมาตามรูขุมขนนั้นเป็นผลมาจากอากาศที่อบอ้าวหรือว่าอาการตื่นเต้นของตัวเองกันแน่
...จินดาแอบใช้อาคมหรือร่ายคาถาบทใดใส่กันหรือเปล่าหนอ? เหตุใดจู่ๆเขาถึงได้รู้สึกราวกับเพิ่งไปร่ำสุรามาสักสิบขวดเช่นนี้?...
กลิ่นแชมพูสูตรฟอร์เมนที่หอมฟุ้งติดเส้นผมของสถาปนิกหนุ่มมาตั้งแต่เช้าลอยเข้าจมูกพาให้ธีรชาติเผลอหลับตาลงด้วยท่าทางไม่ต่างจากที่เห็นได้ตามโฆษณาน้ำยาปรับผ้านุ่มหรือสเปรย์ดับกลิ่นกาย และความคิดเดียวที่ผุดขึ้นกลางใจในตอนนี้คือ...
...อยากจะสูดดมความหอมให้ใกล้กว่านี้อีกสักหน่อย...
เมื่อสมองคิดได้ดังนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ค่อยๆเคลื่อนเข้าหากลุ่มผมนุ่มอย่างที่ปรารถนาไว้ ก่อนที่เพียงครู่ต่อมาปลายจมูกได้รูปจะถูกกดลงไปกับกระหม่อมของอีกฝ่ายสมใจอยาก
...เพียงเท่านั้นทุกความเคลื่อนไหวของจินดาก็หยุดชะงักลงโดยพลัน...
ดวงตาเรียวรีจับจ้องค้างอยู่ที่แขนเสื้อของอีกฝ่าย นักออกแบบหนุ่มปล่อยให้ธีรชาติได้สัมผัสอยู่ในท่าทางแสนประหลาดนี่ด้วยความรู้สึกวูบโหวงในช่องอก
...ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด...
...อวัยวะส่วนที่นาบลงมากับศีรษะอยู่ในตอนนี้ต้องไม่ใช่มือแน่ๆล่ะ...
จินดาไม่สามารถบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจออกมาเป็นภาษาได้ เขาบอกได้ได้เพียงว่ามันจั๊กจี้แปลกๆ ยิ่งตอนที่ฝ่ามืออุ่นหนาของนักธุรกิจคนดังขยับเข้ามาประคองท้ายทอยเอาไว้เบาๆนั้นก็ยิ่งรู้สึกจั๊กจี้จนเผลอหลับตาปี๋ราวกับกำลังกินของเปรี้ยวเข็ดฟัน
...จะไม่ให้จั๊กจี้ได้อย่างไร?...
...ก็..ผ..ผู้ชายที่ไหนเขาหอมหัวกันแบบนี้บ้าง?...
...หรือว่ามันจะเป็นเรื่องปกติในวัฒนธรรมของพวกคนรวยวะ?..
ต้องรอให้ผ่านไปนานเกือบนาทีกว่าคนที่เป็นฝ่ายเคลิบเคลิ้มอยู่ในภวังค์จะถอนใบหน้าออกไปได้
“ผ่านมาทั้งวันแล้วทำไมหัวยังหอมอยู่เลยล่ะ?” ธีรชาติเอ่ยถามออกมาเสียงเบา รอยยิ้มจางๆที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าทำให้คนมองอดประหม่าขึ้นมาไม่ได้
จินดาจำต้องดึงสายตากลับลงสู่พื้นห้องเมื่อเขาเริ่มจะรู้สึกว่าสองข้างแก้มมันมีอาการวูบวาบอุ่นๆร้อนๆมากขึ้นทุกขณะ “..ม..ไม่รู้สิ..ผมเพิ่งไปกินชาบูมา กลิ่นติดหัวแบบนี้ จะเรียกว่าหอมได้ยังไง?..พี่ไปเมามาจากไหนหรือเปล่าเนี่ย?”
สิ้นประโยคของคนถูกชมธีรชาติก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“นั่นน่ะสิ...พี่ก็ไม่แน่ใจว่าพี่กำลังเมาหรือเปล่า...สงสัยตัวเองอยู่เหมือนกัน”
.
.
.
...บางทีเขาอาจจะเมาอย่างที่จินดาว่าจริงๆ...
แม้ว่าเตียงที่คอนโดฯนั้นจะกว้างกว่าถึงสองจุดห้าฟุต ซ้ำอากาศก็ยังเย็นกว่าเกือบสิบองศา แต่กระนั้นคืนนี้ธีรชาติก็ยังดันทุรังเลือกห้องเช่าเก่าโทรมแห่งนี้เป็นที่ซุกหัวนอนไปเสียได้
เมื่อครู่ผู้บริหารหนุ่มให้เหตุผลกับคนเป็นเจ้าของห้องไปว่ารู้สึกง่วงและไม่อยากขับรถนักเพราะกลัวจะเป็นอันตราย อีกฝ่ายจึงยอมให้ค้างด้วยกันแต่โดยดี
...ทั้งที่จริงๆแล้วเขาไม่ได้รู้สึกอย่างที่ปากว่าเลยสักนิด...
...ง่วงที่ไหนกัน..ตายังสว่างออกปานนี้...
ธีรชาตินอนยิ้มอยู่ในความมืดพลางรับไออุ่นจากเนื้อตัวของจินดาที่แทบจะแนบชิดอยู่ข้างกาย เมื่อผู้ชายสองคนอุตริขึ้นมานอนเบียดกันอยู่บนเตียงขนาดนอนคนเดียวก็อย่างนี้...
...ใกล้กันได้โดยไม่ต้องอาศัยความหนาวเย็นของอากาศเลย...
เมื่อช่วงบ่ายของวันตอนที่ได้อ่านไลน์จากจินดาชายหนุ่มก็รู้สึกห่อเหี่ยวลงทันใด เพียงแค่ได้รู้ว่าค่ำคืนนี้จะไม่ได้เห็นหน้าไม่ได้พูดคุยอย่างทุกทีเขาก็รู้สึกเซ็งขึ้นมาได้ง่ายๆ
...บางทีมันคงสะสมมาจากตอนที่แกล้งโกรธอยู่เป็นสัปดาห์นั่นก็ได้เลยทำให้เขามีอาการคล้ายคนลงแดง...
“..อ..อ๊า..” ความคิดของชายหนุ่มถูกหยุดลงกะทันหันด้วยเสียงแปลกปลอมที่ดังทะลุผนังห้องเข้ามา นอกจากเสียงครางกระเส่าเร้าอารมณ์ของผู้หญิงแล้วต่อจากนั้นก็ยังมีเสียงดังกุกกักๆเหมือนขาเตียงกระทบพื้นดังเป็นจังหวะตามมาด้วย
...หากไม่ไร้เดียงสาจนเกินไป ไม่ว่าใครมาฟังก็คงรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่ได้ยินอยู่นั้นคือเสียงอะไร...
ธีรชาติแทบจะหยุดหายใจลงในตอนนั้น ในขณะที่จินดาเอง จากที่กำลังขยับตัวหาท่านอนที่สบายไปมาอยู่เมื่อครู่ตอนนี้ก็หยุดเคลื่อนไหวลงไปดื้อๆเช่นกัน
นักธุรกิจคนดังเหลือบตามองไปยังร่างกายขนาดสันทัดของคนข้างๆภายใต้ความมืดสลัวของห้องก่อนจะต้องกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอไปอย่างยากลำบาก เหงื่อกาฬที่เริ่มซึมชื้นออกมาตามแผ่นหลังและข้อพับต่างๆทำให้เขารู้สึกเหนอะหนะไปหมด
...ยิ่งเสียงที่ได้ฟังทวีความร้อนแรงมากขึ้นเท่าใด กล้ามเนื้อแต่ละส่วนของธีรชาติก็ยิ่งเกร็งเขม็งมากขึ้นเท่านั้น...
...ตอนนี้ในหัวมันมีภาพ...
...ในหัวมันแอบจินตนาการ...
แล้วในที่สุดเมื่อการผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆไม่ได้ช่วย การพยายามบังคับสมองให้นึกถึงเรื่องน่าเกลียดน่ากลัวก็ไม่ช่วย ผู้บริหารหนุ่มจึงตัดสินใจเด้งตัวขึ้นจากที่นอนราวกับมีใครมาจุดไฟจี้หลัง
...ร่างกายมันร้อนวูบวาบไปหมด...
“จิน!” เขาเอ่ยเรียกขึ้นเสียงเข้มจนคนเป็นเจ้าของชื่อต้องสะดุ้งขึ้นอย่างแรงด้วยความตกอกตกใจ
“..ค..ครับ!?..”
“พี่เปลี่ยนใจแล้ว คืนนี้พี่กลับไปนอนที่ห้องตัวเองดีกว่า” ว่าแล้วธีรชาติก็ลุกออกจากเตียงก่อนจะสาวเท้าไปหยิบสัมภาระทั้งหลายทั้งแหล่ที่นำติดตัวมาด้วยท่ามกลางบรรยากาศอันมืดมิด ซึ่งแม้สภาพทัศนวิสัยเช่นนี้จะทำให้เดินเหินลำบากอยู่สักหน่อยแต่กระนั้นชายหนุ่มก็ไม่คิดจะเปิดไฟเพราะกลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นว่าตอนนี้มือไม้เขาสั่นมากเพียงใด
“..ม..ไม่ง่วงแล้วเหรอ? ขับรถได้แน่นะ?” จินดาเอ่ยถามไม่เต็มเสียงพลางเบนสายตาฝ่าความมืดเพื่อมองตามความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายไปด้วย
“อือ ไม่ง่วงแล้ว ขับได้ พี่ไปก่อนล่ะ บาย” ความกระชับของถ้อยคำทำให้การถามตอบจบลงอย่างรวดเร็ว ธีรชาติไม่ประวิงเวลาอย่างที่ทำเมื่อช่วงหัวค่ำอีกต่อไป ทันทีที่รวบข้าวของเข้ามือจนครบจำนวนเขาก็ตรงไปยังประตูห้องอย่างรวดเร็ว แล้วเพียงไม่ถึงสองวินาทีให้หลังประตูบานเก่าก็ถูกปิดลงไปจนได้
นักธุรกิจคนดังก็ออกมายืนหอบหายใจอยู่ตรงโถงทางเดินหน้าห้องของจินดา ตอนนี้ก้อนเนื้อในอกของเขากำลังบีบตัวตุบๆอย่างรุนแรงจนน่ากลัวว่ามันจะกระเด็นทะลุซี่โครงออกมาเต้นต่อข้างนอก
...บ้าไปแล้ว...
...ความรู้สึกอันแสนคลุมเครือซึ่งเป็นเหมือนกับกลุ่มควันที่ลอยฟุ้งอยู่ในจิตใจมาหลายวันมันไม่เคยกอปรตัวกันเป็นรูปเป็นร่างชัดขนาดนี้มาก่อน...
...เมื่อกี้ ตอนที่นอนฟังเสียงชวนสยิวกิ้วของคู่รักข้างห้องอยู่บนเตียงด้วยกัน...
...เขาแอบคิดทะลึ่งกับจินดา... ...ฟุ้งซ่านถึงขั้นว่ามโนได้เป็นฉากๆเชียวล่ะ...TBC.
รายละเอียดรวมเล่มราคาฝัน ท่านใดสนใจลองเข้าไปดูกันนะคะ :http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57030.msg3540853#msg3540853
