นักธุรกิจหนุ่มอมยิ้มไว้เต็มสองข้างแก้มขณะเหลือบสายตามองไปยังคนข้างกายที่ดูจะมีความสุขกว่าเมื่อสักสองชั่วโมงก่อนหน้านี้มากด้วยความรู้สึกอุ่นซ่านในอก
...ถือว่าคิดไม่ผิดจริงๆที่พาจินดาออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ...
ตอนนี้รถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วระดับพอประมาณอยู่บนทางด่วนอันแสนโล่งตา เพราะเป็นเวลาเกือบๆห้าหุ่มแล้วคนทั้งคู่จึงไม่ต้องกลัวนักว่าจะต้องเผชิญกับควันจากท่อไอเสียของรถคันอื่นๆบนท้องถนน
ธีรชาติก็แค่พยายามคิดว่าสถานที่แบบไหนน่าจะเหมาะแก่การให้สถาปนิกไฟแรงสักคนได้นั่งทอดอารมณ์ยามสมองทึบตัน ซึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุดที่พอจะนึกได้คือการพาออกมาชมสีสันของซิตี้สเคปยามค่ำคืนนี่เอง
...ตึกแท่งๆที่มีอยู่ทั่วกรุงเทพฯพวกนี้คงเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้จินดาได้บ้างไม่มากก็น้อย...
“เป็นยังไง? คิดออกบ้างไหม?”
“ไอเดียเริ่มมาแล้วพี่ พอออกมากินลมชมวิวแบบนี้แล้วหัวปลอดโปร่งขึ้นเยอะเลย” จินดากล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส บนหน้าตักของเขามีสมุดสเก็ทช์คู่ใจวางแผ่ไว้อยู่เพื่อรอการบันทึกความคิด
...สกายไลน์ของกรุงเทพฯดูน่าสนใจมากขึ้นทุกปี...
...ยังจำได้ว่าเมื่อครั้งยังเป็นเด็กนั้นหน้าตาของเมืองกรุงฯไม่เคยดึงดูดใจเขาได้มากเท่านี้ ผิดกับเมืองที่เจริญเร็วกว่าเราอย่างนิวยอร์กหรือโตเกียวที่ไม่ว่าจะกวาดสายตาไปทางไหนก็สามารถมองเห็นตึกรามบ้านช่องที่ดึงดูดใจได้จากทุกทิศทุกทาง...
...แต่ยิ่งนานวันเข้า กรุงเทพฯก็ยิ่งมีตึกเจ๋งๆถูกสร้างขึ้นมาประดับบารมีให้สมยศ ‘มหานคร’ มากขึ้นเรื่อยๆ...
...ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดี...
จินดาฮัมเมโลดี้เพลงโปรดคลอเสียงลมหวีดหวิวออกจากลำคอเบาๆด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ตอนนี้เขากำลังรู้สึกผ่อนคลายแบบที่ไม่ได้รู้สึกมาหลายวันแล้ว โปรเจ็คต์คอนโดฯลาดพร้าวที่บริษัทรับไว้ใกล้จะถึงวันไฟนอลเต็มทีในขณะที่งานของลิงเกอร์ฯเองก็กำลังเข้าสู่ระยะเข้มข้น ช่วงนี้ความกดดันที่อยู่ในใจจึงมีมากเป็นพิเศษ
แม้เมื่อสักครู่ธีรชาติจะบอกว่าอยากขับรถเล่น แต่กระนั้นจินดาก็พอรู้ว่าเจตนาที่แท้จริงของอีกฝ่ายคืออะไร
...ก็คงไม่พ้นอยากช่วยให้เขาสมองแล่น...
สถาปนิกหนุ่มลอบหันมองคนข้างกายที่กำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการขับรถ
...โชคดี...
จินดารู้สึกเช่นนี้มาตลอดหลังจากได้เริ่มคลุกคลีกับผู้บริหารคนดัง เขาคิดว่าเขาโชคดีมากๆที่ได้มารู้จักกับมิตรสหายรายนี้
...ไม่ได้รู้สึกเพราะธีรชาติเป็นคนรวยหรือเป็นคนดัง...
...แต่รู้สึกเพราะธีรชาติเป็นคนที่เข้าใจและคอยให้การสนับสนุน...
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโพลจากหลายๆสำนักถึงได้ยกให้ผู้ชายคนนี้เป็นหนุ่มในฝันของสาวๆ เพราะบางทีถ้าเขาเป็นผู้หญิง เขาก็คงเป็นอีกหนึ่งคนที่หวั่นไหวไปกับความอบอุ่นที่ธีรชาติมอบให้เช่นกัน
...สักวันหนึ่งธีรชาติจะกลายเป็นสามีที่เพียบพร้อมของผู้หญิงดีๆสักคน ...กลายเป็นคุณพ่อที่น่ารักและพึ่งพาได้ทุกเมื่อของลูกๆ...
...กลายเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีที่สุดเท่าที่ใครจะหาได้...
...ภรรยาในอนาคตของธีรชาติคงถือได้ว่าโชคดียิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเสียอีก...
ลมหายใจห้วงเล็กๆถูกผ่อนออกจากปอดไปอย่างแผ่วเบาโดยที่ตัวจินดาเองก็ไม่ได้ตระหนักถึงสาเหตุของการทำเช่นนั้น ก่อนที่เพียงไม่กี่วินาทีถัดมาชายหนุ่มจะต้องสะดุ้งขึ้นจนสุดตัวเมื่อจู่ๆใบหน้าคมคายของอีกฝ่ายที่กำลังถูกเขาเหม่อมองอยู่นั้นก็หันมาหาโดยไม่เผื่อจังหวะให้ทันได้ตั้งตัว
ลูกตาดำขลับใต้กรอบเรียวรีอันเป็นเอกลักษณ์ส่ายลอกแลกเนื่องด้วยความตกใจอยู่ครู่แล้วจึงเบนหนีกลับไปมองทิวทัศน์นอกคันรถด้วยท่าทางที่ดูอย่างไรก็ไม่เป็นธรรมชาติ
...ตอนนี้หัวใจของจินดากำลังเต้นตุบตับ...
...ทั้งที่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ทำไมรู้สึกเหมือนถูกจับได้ก็ไม่รู้...
สถาปนิกหนุ่มผ่อนลมหายใจทิ้งไปอีกหนึ่งช่วงลมก่อนรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้ง
.
.
.
บ็อกซเตอร์เปิดประทุนคันงามเคลื่อนเข้ามาหยุดลงบริเวณลานกว้างอันแสนสงบเงียบริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างนิ่มนวล
...บรรลุเป้าหมายแล้ว...
เมื่อหน้าที่ของพลขับสิ้นสุดลงชั่วคราวธีรชาติก็หันหน้ามาหาคนที่ตอนนี้กำลังนั่งทำคอพับคออ่อนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกายพร้อมด้วยรอยยิ้มเล็กๆทั้งบนริมฝีปากและในแววตา
เมื่อครู่ หลังจากจินดาบอกว่าคิดงานออกสมใจแล้วเขาก็ขับรถท่องเมืองต่ออีกสักพักใหญ่ๆ แล้วก็สงสัยว่าคงจะขับนิ่มเกินไปสักหน่อยหรือไม่อย่างนั้นก็เป็นเพราะลมในกรุงเทพฯวันนี้จัดว่าเย็นกำลังดี ผู้โดยสารเพียงหนึ่งเดียวของเขาถึงได้ผล็อยหลับไปอย่างที่เห็น
ผู้บริหารหนุ่มนั่งเท้าศอกอยู่กับพวงมาลัยพลางตั้งใจสำรวจใบหน้ายามหลับของอีกฝ่ายอยู่ในความเงียบ ทีแรกก็ตั้งใจจะหันมาปลุกอยู่หรอก แต่พอได้เห็นท่าทางแสนสบายแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าอยากประวิงเวลาเอาไว้อีกสักนิด
...บรรยากาศตอนนี้มันดีมากจริงๆ...
ชายหนุ่มยื่นฝ่ามืออุ่นหนาออกไปทาบลงบนผิวแก้มอ่อนใสของอีกฝ่ายไว้เพียงแผ่วเบา สัมผัสลื่นมือทำให้ก้อนเนื้อในอกของเขาบีบตัวถี่ระรัวขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้
...น่ารัก...
ยิ่งได้อยู่ใกล้...ธีรชาติก็ยิ่งรู้สึกว่าจินดาน่ารัก
ทั้งที่คำๆนี้ไม่ใช่คำคุณศัพท์ที่สมควรนำมาใช้บรรยายลักษณะของผู้ชายหน้าไหนเลย แต่เขาก็ยังอุตริจะใช้มันกับจินดาอยู่เรื่อยๆ และแม้ว่าจะเคยพยายามบอกให้ตัวเองหยุดคิดเช่นนี้ไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถสกัดกั้นใจได้สักที
นักธุรกิจหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากลำบากพลางขยับปลายนิ้วหัวแม่มือลูบไล้ไปกับผิวหน้าเนียนละเอียดของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง เสียงลมที่ดังกรอกหูมาตั้งแต่เมื่อครู่บัดนี้ถูกกลบด้วยเสียงหัวใจไปจนหมดสิ้น
...แล้วในที่สุดธีรชาติก็ต้านทานความปรารถนาลึกๆไว้ไม่อยู่อีกต่อไป...
ใบหน้าหล่อเหลาหันซ้ายหันขวาเพื่อสำรวจบริเวณโดยรอบอยู่ครู่ และเมื่อเห็นว่าในรัศมีที่ตามองเห็นนั้นไม่มีใครอื่นเขาจึงค่อยๆขยับกายเข้าหาคนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวตามที่เคยนึกอยากทำมานาน
...กลีบปากสีเรื่อคือสิ่งเดียวที่อยู่ในสายตา...
ชายหนุ่มค่อยๆทาบทับริมฝีปากของตนลงไปอย่างอ่อนโยนด้วยกลัวเหลือเกินว่าการสัมผัสแสนล่วงล้ำครั้งนี้จะปลุกอีกฝ่ายให้ตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา
...ความนุ่มหยุ่นจากจินดาส่งผลให้ความตระหนักรู้ทั้งปวงของธีรชาติดับวูบลงโดยพลัน...
...ประสาททั้งห้าที่ใช้รับรูป รส กลิ่น เสียงและเนื้อสัมผัสนั้นถูกคุณสถาปนิกคนดียึดครองไปจนหมด...
ลมหายใจของธีรชาติ จากที่เคยเป็นจังหวะสม่ำเสมอดีบัดนี้กลับสะดุดลงเป็นพักๆราวกับคนหายใจไม่เป็น แม้จะไม่ได้บดจูบ ไม่ได้แลกน้ำลาย แต่เพียงแค่แตะลงไปเบาๆแบบนี้ก็มากพอที่จะทำให้เลือดเร่งสูบฉีดหมุนเวียนไปทั่วร่างจนรู้สึกร้อนผะผ่าวได้อย่างง่ายดายแล้ว
...จินดาทำอะไรไว้กับเขานะถึงได้เป็นไปมากขนาดนี้...
แม้จะอยากอนุญาตให้ตัวเองค้างอิริยาบถไว้ในท่าทางแบบนี้นานขนาดไหน แต่ท้ายที่สุดแล้วธีรชาติก็ต้องรีบถอนใบหน้าออกก่อนที่จินดาจะตื่นขึ้นมาพบว่ากำลังถูกเขาทำอะไร
ผู้บริหารทายาทตระกูลดังผละตัวออกมาพิงหัวลงกับพนักที่นั่งพลางหอบหายใจกอบโกยอากาศเข้าปอดด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนทั้งที่เมื่อสักครู่ก็แทบไม่ได้ออกแรงทำสิ่งใดเลย
...ในเมื่อมันชัดเจนขนาดนี้แล้ว เห็นทีเขาก็คงต้องยอมรับได้สักทีว่ารู้สึกอย่างไรกับจินดา...
เปลือกตาค่อยๆหย่อนตัวลงเป็นที่กำบังให้นัยน์ตาคู่คมได้แอบซ่อนอยู่ทางด้านหลัง
...เขาหวั่นไหว...
...ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ต้องยอมรับว่าตัวเองมีความรู้สึกพิเศษกับผู้ชายด้วยกันทั้งที่ตลอดช่วงชีวิตสามสิบกว่าปีที่ผ่านมาก็มองแต่ผู้หญิงมาโดยตลอด...
โดยปกติการตัดสินใจเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครของธีรชาติมักมีขั้นมีตอนที่รอบคอบ ชายหนุ่มไม่ใช่คนจำพวกที่จะยอมปล่อยใจให้รู้สึกไปเรื่อยโดยที่ไม่รู้เหนือรู้ใต้ อย่างน้อยที่สุดก่อนที่จะลงลึกไปถึงนิสัยใจคอได้เขาก็ต้องศึกษาโปรไฟล์ของอีกฝ่ายมาเป็นอย่างดีเสียก่อน
...และกับกรณีนี้ โปรไฟล์ของจินดาก็ไม่ควรจะผ่านด่านเข้ามาได้ตั้งแต่เรื่องของเพศกำเนิดแล้ว...
...ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาสูญเสียการควบคุมตัวเองมากเท่ากับครั้งนี้เลยจริงๆ...
ธีรชาติลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อถึงเวลาอันสมควร หน้าปัดนาฬิกาบนคอนโซลรถบอกให้รู้ว่าอีกเพียงสองนาทีก็จะเที่ยงคืน
“จิน...” ชายหนุ่มเรียกชื่อคนข้างกายพลางยื่นมือออกไปเขย่าท่อนแขนปวกเปียกเบาๆ แล้วเพียงไม่นานจินดาก็ตื่นขึ้นจากห้วงนิทราตามที่หวังให้เป็น
สถาปนิกจอมขี้เซาแสดงอาการงัวเงียอยู่ครู่ แต่ทันทีที่สติสตังเริ่มไหลคืนสู่ร่างดวงตาเรียวรีอันแสนเป็นเอกลักษณ์ก็ต้องเบิกกว้างขึ้นหลังจากตระหนักได้ว่าตอนนี้รถคันหรูกำลังจอดอยู่ที่ใด “ฮึ่ยพี่..ขับบ็อกซเตอร์มาจอดที่เปลี่ยวๆแบบนี้เดี๋ยวก็โดนไอ้พวกดมกาวดักตีหัวหรอก..รีบปิดหลังคาเหอะ อันตราย”
“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้พวกเราอยู่ในเขตรั้วบ้านญาติพี่เอง ข้างหน้ามีรปภ.เฝ้า” ผู้บริหารหนุ่มกล่าวพร้อมรอยยิ้มก่อนจะยกนิ้วขึ้นชี้ไปยังสะพานภูมิพลที่ทอดตัวข้ามน้ำอย่างสง่างามอยู่ตรงหน้า “พี่ตั้งใจพาจินแวะมาดูวิวก่อนกลับคอนโดฯ หันไปดูสิ สวยนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นจินดาก็หันไปตามคำของธีรชาติ นัยน์ตาดำขลับสะท้อนแสงสีของสะพานยามค่ำคืนจนเปล่งประกายชวนมอง
“สวยจริงๆด้วย...” นักออกหนุ่มรำพึงออกมาเสียงเบาแล้วจึงหยิบเอาโทรศัพท์คู่ใจออกมาถ่ายรูปทิวทัศน์ตรงหน้าเก็บไว้ด้วยท่าทางไม่รีบร้อนนัก แล้วในตอนที่ความสนใจของเขากำลังอยู่กับสรรพสิ่งนอกคันรถนั้นเอง กล่องขนาดเหมาะมือที่มีลวดลายกราฟฟิกดึงดูดสายตากล่องหนึ่งก็ถูกนักธุรกิจคนดังยื่นมาไว้ตรงหน้า
จินดาก้มมองกล่องปริศนาพลางกะพริบตาปริบๆก่อนที่เพียงครู่ต่อมาเขาจะหันกลับไปหาคนข้างกาย “อะไรอะพี่?”
“สุขสันต์วันเกิด”
“ฮะ!?..ข..ของขวัญเหรอครับ?”
คนถูกถามพยักหน้าลงน้อยๆ “ขอโทษที่รู้ช้าไปหน่อยเลยไม่มีเวลาไปซื้ออะไรให้ ของชิ้นนี้เป็นของที่พี่ซื้อเก็บไว้ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่อเมริกาแล้วแต่ไม่ค่อยได้ใช้ ดูท่าทางมันน่าจะเหมาะกับจินมากกว่า ลองเปิดดูสิ”
จินดามีท่าทีตกใจไม่น้อยเมื่อได้ฟังถ้อยคำของคนใจดี เขารับกล่องที่ว่ามาเปิดดูของข้างในด้วยความรู้สึกประหลาดในอก
...แล้วนาฬิกาเรือนหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตาในที่สุด...
...ยี่ห้อ FOSSIL...
...หน้าปัดดิจิตอลรูปทรงสี่เหลี่ยมของมันดูเรียบง่ายแต่ไม่น่าเบื่อ และแทนที่จะเป็นตัวเลขเหมือนนาฬิกาเรือนอื่นๆ สิ่งที่นาฬิกาเรือนนี้ใช้บอกเวลานั้นกลับเป็นตัวอักษรยึกยือที่ถูกเขียนด้วยลายมือของใครสักคนว่า ‘midnight’...
“ฟอสซิลรุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษ...” ธีรชาติเอ่ยคำขยายความขึ้นมาขณะที่สายตาจับจ้องไปยังสีหน้างงงันของคนข้างกายไปด้วย “...รู้หรือเปล่าว่าใครเป็นคนออกแบบ?”
จินดาเบนสายตาขึ้นมองผู้บริหารหนุ่มอีกครั้งก่อนจะส่ายศีรษะไปมาเบาๆ
“แฟรงก์ เกห์รี”
เพียงสิ้นคำตอบของธีรชาติ เครื่องหน้าแต่ละส่วนของคนฟังก็ขยับเปลี่ยนรูปเปลี่ยนรอยไปจากเดิมในทันที “จริงดิ!?”
“จริง ลายมือที่เห็นอยู่บนหน้าปัดนั่นก็ลายมือเขานะ”
“โห...” จินดาลากเสียงอุทานยาวนานหลายวินาที เขายกนาฬิกาเรือนที่ว่าพลิกดูให้ละเอียดกว่าเดิมด้วยความสนอกสนใจราวกับเด็กได้ของเล่นชิ้นโต
แฟรงก์ เกห์รีเป็นสถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่งของยุค ผลงานมาซเตอร์พีซหลายชิ้นของเกรตเต็กผู้นี้คือจุดหมายปลายทางที่จินดาใฝ่ฝันจะได้ไปสัมผัสด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต
...พอได้ถือผลงานการดีไซน์ของเกห์รีอยู่ในมือแบบนี้แล้วมันก็อดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้...
“จะว่าไปมันก็เหมือนของมือสอง เพราะพี่เคยใช้มาก่อนแล้ว...จินถือหรือเปล่า?”
“จะถือได้ยังไง...ที่จริงพี่ไม่จำเป็นต้องให้อะไรผมเลยด้วยซ้ำ แค่ที่พี่ช่วยผมทำงานแถมยังยอมให้ผมไปสิงคอนโดฯอยู่แทบทุกคืนแบบนี้ก็ถือเป็นบุญคุณมากแล้ว” จินดากล่าวเสียงแผ่วขณะก้มลงมองนาฬิกาเรือนสวยในมือ “นี่ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าพอจบโปรเจ็คต์จะตอบแทนพี่ยังไงดี...”
“...ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย
แค่ทำตัวน่ารักๆแบบนี้ก็พอ...”
คำตอบของธีรชาติเรียกให้สถาปนิกหนุ่มต้องเงยหน้ากลับขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จังหวะของลมหายใจซึ่งเคยสม่ำเสมอจะต้องสะดุดลงทันใดเมื่อเขาได้พบว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาด้วยแววตาแบบไหน
...บางสิ่งที่เจืออยู่ในดวงตาคู่นั้นมันดูแปลกไป...
ความรู้สึกอุ่นร้อนบังเกิดขึ้นบริเวณสองข้างแก้มโดยที่จินดาก็ไม่สามารถตอบตัวเองได้ว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
คนทั้งสองสบตากันอยู่ในความเงียบนานหลายชั่วอึดใจ ระยะเวลาที่ยาวเกินจำเป็นนี้ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบกายดูประหลาดขึ้นทุกขณะ จนกระทั่งในที่สุดจินดาจะทานทนไม่ไหวและเป็นฝ่ายถอนสายตาหนีไปก่อน
สถาปนิกหนุ่มเม้มริมฝีปากเข้าหากันเบาๆด้วยหมายว่าการกระทำเช่นนี้จะช่วยระบายความประหม่าที่เกิดขึ้นมาอย่างผิดที่ผิดทางไปได้บ้าง
...หากแต่สิ่งที่ทำกลับสร้างคำถามข้อใหม่ขึ้นมาในหัวแทน...
เรียวคิ้วของจินดากระตุกเข้าหากันน้อยๆเมื่อรสชาติขมปร่าของกาแฟดำคือสิ่งที่ปลายลิ้นสัมผัสได้จากริมฝีปากของตัวเอง
...นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าหลังจากอาหารมื้อเย็นเป็นต้นมาเขาไปแตะต้องกาแฟอีกเมื่อไหร่...
แล้วในตอนนั้นเอง หางตาของชายหนุ่มก็เหลือบไปสะดุดเข้ากับบางสิ่งได้อย่างถูกเวลาพอดิบพอดี
...กาแฟดำบรรจุกระป๋องที่ธีรชาติพกติดรถออกมาดื่มระหว่างทางถูกวางนิ่งอยู่ในช่องใส่แก้วหน้าคอนโซล...
จินดานั่งมองมันอยู่อย่างนั้นราวสองถึงสามวินาทีก่อนที่เขาจะค่อยๆดึงสายตากลับไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของคนข้างกายอีกครั้ง
...ระหว่างที่หลับไปเมื่อกี้มีอะไรเกิดขึ้นหรืออย่างไรหนอ?...
...จินตนาการไม่ออกจริงๆว่ารสกาแฟที่ธีรชาติเป็นคนดื่มนั้นมาติดอยู่บนริมฝีปากของเขาได้อย่างไร...
...หรือว่าเขาจะแค่อุปาทานไปเอง?...
TBC.
รายละเอียดรวมเล่มราคาฝัน ท่านใดสนใจลองเข้าไปดูกันนะคะ :http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57030.msg3540853#msg3540853
