ราคาฝัน # 18
...บางทีจินดาก็คิดนะ...
...ว่าจริงๆแล้วธีรชาติอาจจะอยากเป็นพ่อของเขาก็ได้...
จากสถาปนิกหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่สาวๆต้องพากันมองเหลียวหลัง ตอนนี้จินดาก็ได้กลายร่างมาเป็นเพียงเทเลทับบี้ตัวกลมที่ได้แต่นั่งจุ้มปุ๊กทำหน้ายุ่งอยู่บนเตียงหลังกว้างตามคำสั่งของคุณเจ้าของห้องจอมเข้มงวดเสียแล้ว
“แล้วถ้าผมทำงานไม่ทันล่ะ?” เขาเอ่ยถามพลางขยับมือจัดฮู้ดดี้ตัวหนาที่อีกฝ่ายบังคับให้ใส่ไว้ด้วยท่าทางไม่สะดวกสบายนัก
“ทันสิ จินแค่ชี้นิ้วสั่งมาก็พอ นอกนั้นเดี๋ยวพี่จัดการให้...เอ้า อ้าปาก”
...วันนี้จินดาไข้ขึ้น...
เมื่อเช้าชายหนุ่มตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการครั่นเนื้อครั่นตัว อุณหภูมิในร่างกายร้อนผะผ่าวจนรู้สึกได้จากลมหายที่ถูกผ่อนผ่านปากผ่านจมูกออกมา แล้วลองทายกันดูสิว่าหลังจากนั้นธีรชาติทำอย่างไร...
...ก็ลากขึ้นรถพาไปโรงพยาบาลอีกแล้วน่ะสิ...
...ได้ยากลับมาถุงใหญ่เชียวล่ะ...
ดวงตาใต้กรอบเรียวรีจับจ้องไปยังช้อนบรรจุข้าวต้มอุ่นๆที่ถูกยื่นมาจ่อตรงหน้าก่อนที่ศีรษะทุยมนใต้ฮู้ดจะสั่นไปสั่นมาด้วยอาการดื้อดึง “ก็บอกว่ายังไม่หิวไง ผมไม่อยากกินอะไรตอนนี้อะ วางไว้ก่อนเถอะน่า”
“แต่มียาต้องกินหลังอาหาร...อ้าปาก”
“ยาน่ะเดี๋ยวค่อยเริ่มกินมื้อหน้าก็ได้ ตอนนี้มันเช้าไป ผมกินไม่ลงหรอก”
“จิน” ธีรชาติปั้นเสียงเข้มพลางสบสายตาอย่างแน่วแน่ “ไม่กินข้าวเช้าจนติดเป็นนิสัยแล้วนะ ถ้าไม่ปรับพฤติกรรมสักทีพี่ว่าอายุไม่ยืนแน่ๆ..เร็ว อ้าปาก”
“ก็มัน...ชินแล้ว”
“นั่นแหละ ยิ่งต้องปรับเลย...อีกอย่างตอนนี้ก็ใกล้ถึงวันไฟนอลแล้วด้วย ไม่ดูแลตัวเองแบบนี้คือกะจะรอให้หายป่วยหลังส่งงานเลยหรือไง?...
อ้าปาก”
สุ้มเสียงดุดันที่ผู้บริหารหนุ่มเลือกใช้ในตอนท้ายของประโยคทำให้จินดาจำต้องอ้าปากงับช้อนเข้าไปแรงๆอย่างเสียมิได้
ที่จริงข้าวต้มฝีมือคุณพ่อกิตติมศักดิ์ก็มีรสชาติที่ละมุนลิ้นดีอยู่หรอก เพียงแต่มันยังไม่ถึงเวลากินจึงไม่รู้สึกอยากกิน
จินดาไม่ปล่อยให้ธีรชาติได้ส่งอาหารคำใหม่เข้าปากมาอีก คราวนี้เขาชิงคว้าช้อนจากมือของอีกฝ่ายมาถือเอาไว้เอง “ไม่ต้องป้อนหรอก ผมไม่ใช่เด็กแล้ว”
เมื่อสิ้นคำของคนปากดีนักธุรกิจคนดังก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกสวนกลับมาทันควัน “ไม่ใช่เด็กแต่ดื้อยิ่งกว่าเด็ก”
ธีรชาติส่ายศีรษะไปมาเบาๆขณะปักหลักนั่งจ้องอิริยาบถของอีกฝ่ายที่กำลังเอาช้อนคนข้าวต้มด้วยท่าทางจำใจ ตอนนี้ริมฝีปากชวนมองของจินดากำลังขยับบ่นเขาอยู่ขมุบขมิบราวกับเป็นหมอผีร่ายมนต์
“โอ๊ย!” สถาปนิกตัวดีร้องออกมาทันทีเมื่อจู่ๆคนตรงหน้าก็ส่งมือออกมาบีบปากเขาเอาไว้เบาๆ “อะอำอะไอ?” คำถามไม่สามารถถูกเปล่งออกมาได้อย่างชัดถ้อยชัดคำเนื่องด้วยรูปปากที่บิดเบี้ยวไปจากสภาพปกติ
“บ่นทำไม?” ธีรชาติถามออกไปเช่นนั้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงจากเมื่อครู่ ก่อนจะปล่อยให้ปากของจินดาได้เป็นอิสระอีกครั้ง “โกรธที่พี่บังคับเหรอ?”
ครั้งนี้จินดาไม่ตอบ ใบหน้าขึ้นสีเรื่อของคนป่วยก้มลงน้อยๆทั้งที่คิ้วทั้งสองข้างก็ยังขมวดอยู่ไม่คลาย
“อย่าขี้งอนนักสิ ไหนว่าไม่ใช่เด็กแล้วไง?” ธีรชาติกล่าวเช่นนั้นพลางขยับกายเข้าไปใกล้อีกนิด ชายหนุ่มตัดสินใจยื่นปลายนิ้วออกไปงัดปลายคางให้จินดาเงยหน้ากลับขึ้นมาสบตากัน “งั้นพี่งอนจินบ้างได้ไหม?”
จินดาผงะไปเล็กน้อยเมื่อเงยขึ้นมาพบว่าตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาของธีรชาตินั้นอยู่ห่างจากใบหน้าของเขาในระยะที่น้อยกว่าเมื่อครู่อยู่หลายคืบ “..แล้วมางอนอะไรผมล่ะ? ..ผมไปทำอะไรพี่ตอนไหน?”
“ก็จินเล่นไม่ช่วยพี่เลย รู้ทั้งรู้ว่าพี่เป็นห่วง แต่ก็ยังดูแลตัวเองไม่ดี”
ดวงตาเรียวรีเบิกขึ้นน้อยๆให้กับสิ่งที่ได้ฟัง “..รู้ทั้งรู้อะไรของพี่?..ผมจะไปรู้ได้’ไง?..”
“ดูไม่ออกจริงๆเหรอ? ถ้าไม่ห่วงจินคิดว่าพี่จะเสียเวลามาดูแลทำไม?”
...เป็นอีกครั้งที่ลมหายใจร้อนผะผ่าวต้องสะดุดลง...
...ทำไมนะ?...
...ทำไมหมู่นี้ธีรชาติถึงได้ชอบพูดจาชวนเข้าใจผิดนักก็ไม่รู้...
...ไอ้คำพูดประเภทชวนจั๊กจี้หูพวกนี้มันผุดมาจากไหนเยอะแยะวะ?...
จินดาไม่แน่ใจว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือเขาเพียงคิดไปเอง หลังจากคืนวันเกิดที่ธีรชาติพาออกไปนั่งบ็อกซเตอร์เล่นรอบกรุงฯเขาก็รู้สึกได้ว่าคำพูดคำจารวมถึงกิริยาท่าทางที่ชายคนนี้แสดงออกนั้นดูจะเปลี่ยนไป
...แม้เพียงเล็กน้อยแต่ก็พอสัมผัสได้...
...จะว่ายังไงดีล่ะ...
...มันแบบ..ดูนุ่มนวลเป็นพิเศษ...
...โอ๊ย! จั๊กจี้โว้ย!...
“เป็นอะไร? สะบัดหัวทำไม? หนาวเหรอ?”
“..ป..เปล่า..”
“แล้วตกลงหายงอนหรือยัง?”
“ผมไม่ได้งอนใครตั้งแต่แรกอยู่แล้ว...พ..พี่อย่ามาอยู่ใกล้ผมมากน่า เดี๋ยวก็ติดไปด้วยหรอก” ว่าแล้วจินดาก็ใช้มือดันตัวธีรชาติให้ขยับออกห่างเพียงเบาๆด้วยท่าทางเก้กังผิดวิสัย หากแต่ฝ่ายถูกดันกลับขืนตัวไว้ไม่ยอมกระเถิบไปไหน
“แล้วตกลงรู้หรือเปล่าว่าพี่เป็นห่วง?” ผู้บริหารหนุ่มถามออกมาอีกครั้งพร้อมด้วยรอยยิ้มบางเบาบนใบหน้า ดวงตาคู่คมสบนิ่งไม่วอกแวก อากัปกิริยาดูราวกับว่าต้องการเน้นย้ำให้จินดารู้ว่าเขาไม่ได้เพียงถามผ่านๆหากแต่อยากฟังคำตอบให้เต็มสองหู
“พี่ชาติ...ถามอะไรอย่างนั้น?...”
“ทำไมล่ะ? คำถามยากไปเหรอ? ก็แค่ตอบมาว่ารู้หรือไม่รู้เท่านั้นเอง”
“..ร..รู้ก็ได้ ตะกี้ไม่รู้แต่ตอนนี้รู้แล้วครับ..ทีนี้ถอยออกไปได้หรือยัง? ผมจะได้กินข้าวแล้วรีบกินยาอย่างที่พี่บอกไง”
“ก็แค่นั้น...” นักธุรกิจคนดังกล่าวเบาๆแล้วจึงขยับตัวออกอย่างที่อีกฝ่ายต้องการในที่สุด “...งั้นถ้ารู้แล้วว่าพี่เป็นห่วงก็ช่วยดูแลตัวเองดีๆหน่อยนะ ถือว่าแลกกับที่พี่ช่วยจินทำงาน...ยื่นหมูยื่นแมว โอเคไหม?”
“..อื้ม..”
จินดาไล่สายตามองตามหลังธีรชาติที่เดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ
...ยิ่งเขาป่วยก็ยิ่งเห็นอาการประหลาดของธีรชาติได้ชัดเจนขึ้น...
ในชั่วระยะสี่ถึงห้าวันที่ผ่านมานี้ชายหนุ่มตั้งคำถามกับตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่าปกติแล้วตัวเขานั้นเคยใส่ใจใครในรูปแบบเดียวกันกับที่ธีรชาติเป็นอยู่บ้างหรือไม่ ซึ่งคำตอบที่ก็ได้คือ ‘เคย’...
...แต่เคยเฉพาะกับแฟนหรือผู้หญิงที่แอบชอบ...
ถ้าเป็นเพื่อนโดยเฉพาะเพื่อนผู้ชายด้วยแล้วเขาไม่เคยทำ อย่างดีก็แวะร้านยาซื้อพาราฯให้สักแผงแล้วอวยพรให้หายไวๆเท่านั้น
...ไม่เคยต้องมาประคบประหงมใกล้ชิดราวกับกำลังเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานแบบนี้หรอก...
...ยิ่งคิดก็ยิ่งงงว่าธีรชาติจะทำไปทำไม...
...ขืนต้องคอยดูแลเพื่อนฝูงอย่างดีเยี่ยมอย่างนี้มันทุกคน ชีวิตไม่วุ่นวายแย่หรือไงนะ?...
.
.
.
จินดาตื่นขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นกายเฉพาะตัวของธีรชาติที่โอบล้อมรอบร่างกายท่อนบนของเขาเอาไว้
...เปล่า...
...ไม่ได้โดนกอดนะ...
...มันเป็นกลิ่นที่ติดมากับเสื้อกันหนาวตัวหนาที่สวมใส่อยู่ต่างหาก...
ความรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวยังคงไม่หนีหายจากชายหนุ่มไปไหน แต่อย่างน้อยก็พอทุเลาลงบ้างเมื่อเทียบกับช่วงเช้าที่ผ่านมา
สถาปนิกผู้ป่วยไข้ค่อยๆยันกายลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะเดินลากเท้าต้วมเตี้ยมออกจากห้องนอนไปทั้งที่ตาก็ยังลืมไม่สุดความกว้างดี
“อ้าว..ตื่นแล้วเหรอ? อาการดีขึ้นบ้างไหม?” ธีรชาติที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่หน้าแล็ปท็อปคู่ใจของจินดาเอ่ยถามออกมาทันทีที่หันมาเห็น
“ดีขึ้นแล้วครับ..งานผมเป็นไงบ้างพี่?”
“แหม ตื่นมาก็ถามถึงเรื่องนี้ก่อนเลยนะ จะบ้างานไปไหนล่ะเนี่ย?” ผู้บริหารหนุ่มกล่าวกลั้วหัวเราะ แต่สุดท้ายก็ยอมรายงานความคืบหน้าออกไปแต่โดยดี “โมเดลเสร็จแล้ว ลงสีแปลนเสร็จแล้ว ลงสีรูปด้านก็เสร็จแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เรนเดอร์”
“โอ้โห ทำไมทำเร็วจัง?”
“พี่เก่งไง”
ได้ยินดังนั้นจินดาก็ปรบไม้ปรบมือเปาะแปะแทนคำชมเชยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างกายธีรชาติ ศีรษะทุยมนที่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีน้ำหนักมากกว่าปกติในความรู้สึกของเจ้าตัวค่อยๆฟุบตะแคงข้างลงกับพื้นโต๊ะไม้ขัดมัน ดวงตาเรียวรีคู่ปรือจับจ้องไปยังภาพจำลองของโปรเจ็คต์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
ธีรชาติใช้พวกโปรแกรมสำหรับทำงานกราฟฟิกเก่งขึ้นทุกวัน จากตอนแรกที่ช่วยเขาได้เพียงตัดกระดาษแปะกาวต่อโมเดล ตอนนี้พัฒนามากถึงขั้นสามารถช่วยทำพรีเซ็นเทชั่นเพลตได้แล้ว
...หัวไวอย่าบอกใครเชียว...
“ขอบคุณนะพี่”
“หืม? ขอบคุณเรื่องอะไร?”
“ก็ที่พี่ช่วยผม...”
“เรื่องนี้อีกแล้ว...จินขอบคุณพี่มาหลายรอบแล้วนะ”
“ก็มันอยากขอบคุณ...ช่วงนี้ผมขโมยเวลาส่วนตัวพี่ไปหมดเลย วันหยุดแทนที่จะได้พักผ่อนอย่างมีความสุขดันต้องมาติดแหง็กอยู่กับผมแล้วก็งานของผม”
“อยู่กับจินพี่ก็มีความสุข” ธีรชาติสวนขึ้นมาทันทีเมื่อเสียงแหบแห้งของคนป่วยสิ้นสุดลง ถ้อยคำของเขานั้นถูกเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงและจังหวะจะโคนที่ฟังอย่างไรก็ไม่ใช่การหยอกเย้าเล่นๆ
...เอาอีกแล้ว...
...ธีรชาติพูดประโยคชวนปั้นหน้าไม่ถูกแบบนี้ออกมาอีกแล้ว...
เมื่อคิดไม่ออกว่าควรแสดงปฏิกิริยาตอบกลับไปอย่างไรดีสุดท้ายสถาปนิกหนุ่มจึงเลือกที่จะหลบหนีบรรยากาศประดักประเดิดที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นด้วยการหลับตาลงไปดื้อๆเสียอย่างนั้น
แม้ดวงตาจะปิดลงไปแล้วแต่กระนั้นสองหูของเขาก็ยังคงได้ยินชัดเจนดีว่าตอนนี้ธีรชาติกำลังส่งเสียงหัวเราะผ่านลำคอออกมาเบาๆ “ถ้ายังง่วงอยู่ก็กลับไปนอนที่ห้องสิ ออกมาฟุบอยู่ตรงนี้ทำไม?”
“...เหงา...”
คำตอบที่ถูกเปล่งออกมาด้วยระดับเสียงเพียงแผ่วเบาของจินดาเรียกรอยยิ้มบางเบาจากคนฟังไปได้เป็นอย่างดี และหากว่าเจ้าตัวลองเปิดตาขึ้นมามามองสักหน่อยก็คงจะได้เห็นว่าตอนนี้สายตาคู่คมของอีกฝ่ายนั้นละออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อเลื่อนมาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของตนเรียบร้อยแล้ว
หลังจากเวลาผ่านไปอย่างเงียบเชียบนานกว่านาที จู่ๆจินดาก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นวาบจากฝ่ามือหนาใหญ่ที่สอดลอดหมวกคลุมหัวเข้ามาออกแรงนวดศีรษะให้เขาเบาๆ
...ไม่กล้าลืมตา...
...สัมผัสแปลกปลอมจากคนข้างกายทำให้จินดาไม่กล้าลืมตาขึ้นมอง...
ทั้งที่ความตระหนักรู้ยังคงเต็มตื่น ไม่ได้หลับสนิทเหมือนเปลือกตาบนล่างที่ประกบเข้าหากัน แต่ถึงอย่างนั้นนักออกแบบหนุ่มก็เลือกที่จะนอนนิ่งไม่ไหวติงราวกับสติสัมปชัญญะได้ปลิดปลิวไปไกลแล้ว
...ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังป่วยหรืออะไร ตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกว่าฝ่ามือของธีรชาตินั้นอบอุ่นสบายหัวดีจริงๆ...
แรงบีบนวดที่ดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงในนาทีใดนาทีหนึ่งเร็วๆนี้สร้างความเคลิบเคลิ้มให้กับผู้ถูกกระทำได้ไม่น้อย
...เคลิ้มจนเผลอคลี่ยิ้มออกมาทั้งที่ดวงตายังหลับอยู่...
จินดาไม่ได้รู้ตัวสักนิดว่าตอนนี้ใบหน้าของตนกำลังแสดงอารมณ์แบบไหนออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น
.
.
.
...เสียสมาธิเกินไปแล้ว เดี๋ยวเรนเดอร์ของจินดาก็ไม่เสร็จเอาพอดี...
จากเดิมที่นักธุรกิจคนดังใช้มือข้างที่ว่างผ่อนคลายอาการเจ็บป่วยให้คนข้างกายไปพลางขยับเม้าส์ในมืออีกข้างทำงานไปพลาง แต่เมื่อได้หันมาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอ่อนเยาว์นั่นแล้วกิจกรรมเดียวในยามนี้ของเขาก็ลดเหลือเพียงการนั่งเหม่อมองนิ่งๆไปทันใด
...ช่วงนี้เขาเสียจริตบ่อยเกินไป...
...ในใจมันรู้สึกอยากจะคลุกคลีตีโมงกับจินดาอยู่ตลอดเวลา...
สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวธีรชาติในตอนนี้นับเป็นเรื่องแปลกใหม่ มันใหม่มากเสียจนเขายังคิดไม่ออกว่าจะบริหารจัดการกับอาการเหล่านี้อย่างไรดี
ถ้าเป็นผู้หญิงกับผู้ชาย จะพูดจะจาจะจับจะต้องอะไรมันก็ทำได้ง่ายดายกว่านี้มาก แต่นี่จินดาเป็นผู้ชายที่ดูยังไงก็ไม่ใช่เกย์และตัวเขาเองก็เช่นกัน หากบุ่มบ่ามแสดงท่าทีออกไปชัดเจนมากๆดีไม่ดีอีกฝ่ายจะตกใจจนพาลไม่กล้าเข้าใกล้เอาเสียได้
...ในเมื่อสถานการณ์มันพิเศษแบบนี้แล้วเขาก็อยากให้ทุกก้าวที่จะเหยียบย่างต่อจากนี้เป็นไปอย่างรอบคอบที่สุด แม้ว่าในเวลาปัจจุบันจะยังหาจุดสมดุลไม่เจอก็ตาม...
นักธุรกิจหนุ่มสะดุ้งตัวขึ้นน้อยๆเมื่อจู่ๆเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงเขย่าตรงบริเวณหลังมือข้างที่วางนิ่งค้างไว้บนศีรษะใต้ฮู้ดของจินดา
“ม่ายนวดต่อแล้วเหรอออ...” พ่อสถาปนิกคนดีกล่าวเสียงยานคางทั้งที่ดวงตาก็ยังคงปิดสนิทอยู่เช่นเดิม ฝ่ามือเรียวบางทั้งสองข้างยกขึ้นกุมศีรษะตัวเองไว้เป็นผลให้มือของธีรชาติที่อยู่ใต้ผ้าเนื้อหนาถูกจับซ้อนไปด้วย
...ก็เนี่ย...
...เป็นซะแบบเนี้ย...
...จะไม่ให้หวั่นไหวได้ยังไง...
ธีรชาติเปล่งเสียงหัวเราะจากลำคอออกมาเพียงแผ่วเบาก่อนจะเริ่มขยับมือบีบนวดกะโหลกให้คนช่างอ้อนต่อแต่โดยดี
...เอาเถอะ เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็มีความสุขมากพอแล้ว...
การที่เขามีใจให้จินดามันเริ่มต้นมาจากความคิดเล็กๆที่ว่าอยากจะคอยดูแล ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็ยินดีเหลือเกินจะดูแลอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องเร่งรัด
...ขอรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอีกสักพักว่าความรู้สึกครั้งนี้ของเขามันมีความเป็นไปได้ที่จะสานต่อมากน้อยเพียงใด...
.
.
.
“เช็ดแบบนั้นแล้วเมื่อไหร่มันจะแห้ง รีบๆเช็ดหน่อยสิ ยังป่วยอยู่นะ” นี่คือสิ่งแรกที่ธีรชาติเอ่ยขึ้นเมื่อหันไปเห็นท่าขยี้ผมอันแสนเชื่องช้าของคนที่เพิ่งจะทำตาเยิ้มเดินออกจากห้องน้ำมา
“ก็มันปวดแขน ขยับทีระบมที” จินดากล่าวเสียงอ่อย แม้ว่าอาการครั่นเนื้อครั่นตัวที่มีมาตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าจะทุเลาลงไปบ้างแล้วแต่กระนั้นก็ยังไม่ถือว่าหายดี
“อยากดันทุรังสระผมทำไม? พี่บอกแล้วว่าอย่าเพิ่ง”
“อย่าดุซี่...”
“เอาผ้ามานี่มา” ผู้บริหารหนุ่มที่ตอนนี้เดินเข้าไปจนถึงตัวคนป่วยไข้เรียบร้อยแล้วคว้าเอาผ้าขนหนูผืนน้อยในมือของอีกฝ่ายมาถือไว้เสียเอง
หยาดน้ำถูกซับออกจากเส้นผมเปียกชื้นโดยฝีมือของนักธุรกิจคนดัง ชายหนุ่มขยับมือทั้งสองข้างขยี้ผ้าลงไปบนศีรษะทุยมนอย่างแข็งขัน หมายว่าพอเริ่มหมาดเมื่อไหร่ก็จะไล่ให้ไปใช้ไดร์เป่าต่อ
...หากแต่หลังจากเช็ดไปได้ไม่ทันถึงครึ่งนาทีดี ไอ้ท่าทางกระฉับกระเฉงที่มีอยู่เมื่อสักครู่ก็กลับค่อยๆอืดอาดลงเมื่อธีรชาติเผลอไปมองตาจินดาเข้า...
ด้วยระยะห่างที่มีเพียงหนึ่งช่วงศอกทำให้เขาสามารถมองเห็นเงาตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาของคนตรงหน้าได้อย่างชัดเจนดีเหลือเกิน
...ชอบ...
อาการของเศรษฐีหนุ่มไม่ต่างไปจากคนโดนสะกดจิตสักเท่าไหร่ จากเดิมที่เคยใช้ทั้งแขนในการเช็ดหัวให้อีกฝ่าย ตอนนี้ความเคลื่อนไหวของเขากลับเหลือเพียงการขยับปลายนิ้วไปมาบนศีรษะชื้นน้ำด้วยท่วงท่าที่ดูไม่ต่างจากแมวเกาไปเสียได้
แม้ในชั่วขณะแรกจินดาจะจ้องกลับทั้งที่นัยน์ตาวูบไหวหลุกหลิกอยู่บ้าง แต่หลังจากผ่านไปเพียงอึดใจเดียวเท่านั้นสถาปนิกร่างสันทัดก็กดปลายคางของตนลงต่ำก่อนจะยกมือขึ้นคว้าเอาผ้าขนหนูกลับมาไว้ในกับตัวตามเดิม
“..ผ..ผมเช็ดเองดีกว่า..” นักออกแบบหนุ่มกล่าวเช่นนั้นพลางก้มหน้าแอบซ่อนแววตาไว้ใต้เส้นผมยุ่งเหยิงและปลายผ้าผืนน้อย
ธีรชาติเพิ่งจะตระหนักได้เดี๋ยวนั้นเองว่าเมื่อครู่ตนได้เผลอแสดงอาการประหลาดออกไปอีกแล้ว
...นี่แหละ..ถึงได้บอกว่าเขายังหาจุดสมดุลของการวางตัวไม่เจอ...
ผู้บริหารคนดังยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพลางสอดสายตาลอดอุปสรรคกีดขวางทัศนวิสัยไปจนมองเห็นผิวแก้มและใบหูของคนที่กำลังขยับมือเช็ดผมตัวเองอยู่รำไร แล้วหลังจากนั้นก้อนเนื้อในอกของชายหนุ่มก็ต้องบีบตัวเป็นจังหวะที่หนักขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
...นี่เขาดูผิดไปเองหรือเปล่าว่าตอนนี้จินดากำลังหน้าแดงจนลามไปถึงใบหู?...
...เป็นเพราะพิษไข้หรือเป็นเพราะอะไรกัน?...
...หรือบางทีความเป็นไปได้พยายามมองหามันอาจจะพอมีอยู่ก็ได้นะ...
TBC.
รายละเอียดรวมเล่มราคาฝัน ท่านใดสนใจลองเข้าไปดูกันนะคะ :http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57030.msg3540853#msg3540853
