ราคาฝัน # 27
...ไม่อยากมาทำงาน...
...ไม่ใช่เพราะเบื่องาน แต่เพราะไม่อยากต้องฝืนยิ้มให้ใครบางคน....
โกวิทผลักประตูเข้าบริษัทไปด้วยสภาพไร้ชีวิตชีวา เทวดานางฟ้าบนสวรรค์ไม่ใจดีพอให้สถาปนิกผู้มีงานล้นมืออย่างเขาได้หยุดพักสักวันแม้ว่าสองเท้าจะเพิ่งได้กลับมาเหยียบกรุงเทพฯเมื่อคืนสดๆร้อนๆก็ตามที
ชายหนุ่มเดินลากขาไปตามเส้นทางที่คุ้นชินอย่างที่ทำจนเป็นกิจวัตร แต่คงเป็นเพราะวันนี้พื้นที่ส่วนหนึ่งในห้วงคำนึงถูกแบ่งไปให้เรื่องราวที่ยังคงติดอยู่ในใจมาตั้งแต่คืนสุดท้ายบนยอดดอยทำให้สติสตังที่เคยมีนั้นลดลงไปกว่าครึ่ง
...สมาธิหายไปเยอะเสียจนไม่มีปัญญาสังเกตเห็นแม้กระทั่งร่างของใครบางคนที่เดินถือแก้วเครื่องดื่มควันฉุยออกจากห้องครัวมา...
...แต่ที่จริงจะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนักหรอกในเมื่อเจ้าคู่กรณีเองก็ดูท่าทางจะป้ำๆเป๋อๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย...
“เหี้ย!” โกวิทปล่อยสัตว์เลื้อยคลานตัวเบ้อเร่อออกมาเดินเพ่นพ่านในออฟฟิศตั้งแต่หัววัน แรงปะทะที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่เป็นผลให้โกโก้เหนียวข้นในแก้วของไอ้คนแปลกหน้าหกรดลงมาสู่แผงอกอย่างจัง มันร้อนมากเสียจนแม้แต่ผู้ชายตัวโตๆอย่างเขายังถึงกับดิ้นพล่านเลยทีเดียว
“ร้อนๆๆ โอ๊ย..ร้อนฉิบหาย” ชายหนุ่มเปล่งคำสบถสลับกับการสูดลมเข้าปากจนเกิดเป็นเสียงซี๊ดซ๊าดอยู่นานหลายอึดใจ สองมือที่ขยับปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตอย่างรีบร้อนทำงานได้ไม่ทันใจนัก ซ้ำยังจับผิดจับถูกเพราะความลนลานอีกด้วย เดือดร้อนใครอีกคนที่อุตส่าห์ยืนลนลานอยู่เป็นเพื่อนกันข้างๆต้องรีบยื่นมือเข้ามาช่วย
“ขอโทษครับพี่ ขอโทษจริงๆครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” เด็กหนุ่มไม่คุ้นหน้าที่เป็นเจ้าของโกโก้ร้อนแก้วเมื่อสักครู่ช่วยโกวิทปลดกระดุมเสื้ออย่างตั้งอกตั้งใจ เรียวคิ้วเหนือกรอบแว่นขมวดเข้าหากันเสียชิดจนแทบจะผูกเป็นเงื่อนตะกรุดเบ็ดได้
...แล้วในที่สุดพวกเขาก็ทำสำเร็จ...
“เฮ้อ...” สถาปนิกรุ่นเกือบซีเนียร์ที่ตอนนี้ยืนเปลือยท่อนบนอยู่กลางบริษัทผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกโตพลางขยับมือไม้กวักอากาศพัดแผงอกแดงเถือกของตัวเองไปด้วย “...เกือบสุกแล้วไหมกู”
“ขอโทษครับพี่ ผมเดินไม่ดูทางเอง แสบผิวมากหรือเปล่าครับ?”
โกวิทตวัดสายตามองเด็กหนุ่มคู่กรณีที่กำลังยกมือไหว้เขาปลกๆ นับเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้มองใบหน้าค่าตาของอีกฝ่ายชัดๆ
...ดูเจื่อนพิลึก...
“ใครวะเนี่ย? ฝึกงานเหรอ?”
“..ครับ..มาฝึกงานวันแรกครับ..”
“มาวันแรกก็ได้เรื่องเลย ดวงอย่างนี้ไม่ต้องคิดไปซื้อหวยนะไอ้น้อง โดนแดกหมด” โกวิทพูดไปพลางก้มหน้าก้มตาใช้ผ้าเช็ดหน้าที่เจ้าเด็กแว่นยื่นให้เช็ดเนื้อเช็ดตัวไปพลาง ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังตัวสั่นงันงกเพราะสุ้มเสียงดุดันและสีหน้าถมึงทึงของตนไปหมดแล้ว
“..ข..ขอโทษอีกครั้งครับ เดี๋ยวเสื้อตัวนี้ผมเอากลับไปซักมาคืนเอง..”
“ช่างเหอะๆ พี่ก็ไม่ได้ตั้งใจมองทางเหมือนกัน ถือว่าผิดคนละครึ่ง..แต่ขอยืมผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไว้ก่อนแล้วนะ..” สถาปนิกหนุ่มไม่คิดรอฟังคำอนุญาต พอกล่าวจบเขาก็เริ่มก้าวห่างจากตรงนั้นก่อนจะพาร่างกายหนาใหญ่ของตัวเองหายเข้าห้องน้ำไปโดยทิ้งเจ้าเด็กฝึกงานหน้าจืดให้ยืนหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูกอยู่เพียงลำพัง
.
.
“อ้าวเฮ้ยพี่! ทำไมใส่เสื้อบอลมาทำงานวะ?” ประโยคทักทายแรกของวันจากไอ้คนไฟแรงที่ตอนนี้กำลังนั่งปั่นงานอยู่ที่โต๊ะดังขึ้นเมื่อโกวิทเดินเข้ามาวางสัมภาระลงที่เก้าอี้อีกตัวข้างๆกัน
“อุบัติเหตุ โดนโกโก้ของไอ้น้องฝึกงานคนใหม่ราดใส่ โชคยังดีนะที่กูพกชุดกีฬาติดรถมาด้วย ไม่งั้นสงสัยแม่งต้องนั่งทำงานเป็นชีเปลือยไปทั้งวันแน่”
“โธ่ น่าสงสาร” จินดากล่าวเสียงอ่อน
“ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย สงสารกูทำไม?”
“เปล่า ไม่ได้สงสารพี่ สงสารน้อง..ซวยแท้ๆเลย พี่ไม่ได้เสียงดังใส่เขาไปใช่ไหม? ป่านนี้กลัวขี้หดตดหายไปแล้วมั้งเนี่ย”
ได้ฟังดังนั้นคนเป็นรุ่นพี่ก็ส่ายศีรษะไปมาเบาๆ จินดาพูดอย่างกับว่าเขาน่ากลัวเหมือนยักษ์เหมือนมาร ทั้งที่เป็นฝ่ายเจ็บตัวแท้ๆแต่กลับไม่ได้รับความสงสารจากมันบ้างเลย
โกวิททิ้งกายลงพักบนเก้าอี้ด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนอย่างผิดวิสัย โดยปกติแล้วสิ่งแรกที่ชายหนุ่มจะทำทุกเช้าหลังจากเอาของมาวางที่โต๊ะคือการเดินไปห้องครัว
...ทำจนชิน ทำจนเหมือนเป็นหน้าที่...
...แต่วันนี้คงถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเอาไอ้กิจกรรมที่ว่านี่ออกจากตารางชีวิตไปได้เสียที...
“..จิน..”
“หืม?”
“..หลังจากนี้กูไม่ชงกาแฟให้มึงแล้วนะ..”
“อ้าว!” สิ่งที่ได้ฟังเรียกให้จินดาต้องหันมองใบหน้าครึ้มหนวดครึ้มเคราของคนพูดด้วยความงุนงง “ทำไมอะพี่!? กำลังจะทวงอยู่เลยเนี่ย”
“คือ..ช่วงนี้เวลาได้กลิ่นกาแฟแล้วกูปวดหัวว่ะ..เลยว่าจะเลิกดื่มสักพัก ถ้ามึงอยากแดกก็ไปชงเองแล้วกัน..โทษที”
“อ้อ..โอเค” คนเป็นรุ่นน้องพยักหน้ารับทั้งที่ยังรู้สึกประหลาดใจกับถ้อยคำของรุ่นพี่คนสนิทไม่หาย “แปลกดีเนอะ ดื่มมาตั้งหลายปีอยู่ๆก็มาปวดหัวเอาช่วงนี้ ร่างกายพี่แข็งแรงปกติดีใช่ไหม? เคยไปเช็คสุขภาพบ้างหรือเปล่า?”
“เออ กูแข็งแรงอย่างกับวัวกับควาย ไม่ต้องห่วงหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว..ยังไงที่ผ่านมาขอบคุณมากนะพี่ที่อุตส่าห์ชงเผื่อผมตลอดเลย กาแฟฝีมือพี่แม่งอร่อยสุดแล้วตั้งแต่เคยกินมา”
โกวิทไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ชายหนุ่มเพียงแต่คลี่ยิ้มออกมาบางเบาแบบที่ไม่ได้มีโอกาสได้ทำบ่อยนัก ดวงตาที่ปกติมักดูเอาเรื่องอยู่เสมอยามนี้กำลังจับจ้องไปยังพื้นโต๊ะตรงหน้าอย่างเหม่อลอย
บรรยากาศรอบกายคนทั้งสองเงียบลงเมื่อจินดาหันกลับไปให้ความสนใจกับงานในจอคอมพิวเตอร์ต่อดังเดิม จนกระทั่งเมื่อเสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะเครื่องที่อยู่ใกล้มือพวกเขาทั้งสองดังขึ้นนั่นแหละสมาธิของโกวิทถึงได้ถูกดึงกลับมาอยู่ที่เหตุการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง
สถาปนิกหนุ่มรุ่นน้องเป็นคนยื่นมือออกไปรับ ส่งเสียงอืออารับคำได้อยู่เพียงไม่กี่ทีธุระของคนปลายสายก็สิ้นสุดลง
“พี่โก๋ ป๋าเรียกให้ไปหาที่ห้อง”
“หืม? ตอนนี้เลยเหรอ?”
“ใช่ ตอนนี้เลย”
.
.
“มี’ไรป๋า?” โกวิทผลักประตูห้องทำงานส่วนตัวของผู้เป็นนายเข้าไปด้วยท่าทางไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์ไขลานเก่าๆสักตัว สีหน้าสีตาไร้อารมณ์ยิ่งส่งเสริมให้ผู้พบเห็นเชื่อได้ง่ายเข้าไปอีกว่าพลังชีวิตของชายผู้นี้ถูกผีห่าซาตานดูดออกจากร่างไปจนเกือบหมดหลอดแล้ว
เด็กหนุ่มเจ้าของร่างกายผอมบางที่นั่งจับจองหนึ่งในเก้าอี้สองตัวหน้าโต๊ะประจำตำแหน่งของสถาปนิกรุ่นใหญ่คือจุดสนใจแรกที่หยุดสายตาคมดุไว้ได้ครู่สั้นๆ
“เฮ้ย! นี่มึงแต่งตัวห่าอะไรของมึง!? ตอนบ่ายออกไปเจอลูกค้าสภาพนี้ไม่ได้นะโว๊ย! ขายหน้าบริษัท!” ถ้อยคำท้วงติงจากเจ้าของห้องดังขึ้นทันทีที่เสื้อกีฬาสีน้ำเงินสดใสบนตัวโกวิทปรากฏเข้ามาในระยะการมองเห็น
ได้ยินดังนั้นคนถูกต่อว่าก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกก่อนจะบุ้ยใบ้ปลายคางครึ้มเคราไปทางเจ้าเด็กแว่นที่ตอนนี้เอาแต่คลี่ยิ้มเจื่อนมองมาทางเขาด้วยท่าทางรู้สึกผิด “ตอนออกจากบ้านเสื้อผ้าผมก็ถูกระเบียบดีอยู่หรอก แต่เกิดอะไรขึ้นป๋าลองถามไอ้หนูนี่ดูสิ”
“อ้าว..มีเรื่องอะไรกันต้น?”
“ผมทำโกโก้หกใส่เสื้อพี่เขาครับ” เด็กหนุ่มตอบไม่เต็มเสียง เล็บหัวแม่มือข้างหนึ่งกดจิกลงไปเบาๆที่หัวเข่าของตัวเองเพื่อเป็นการระบายความรู้สึกอึดอัดที่เกิดขึ้นในใจ “ขอโทษอีกครั้งครับ ถ้าพี่ต้องออกไปหาลูกค้าเดี๋ยวบ่ายนี้เอาเสื้อของผมไปใส่ก่อนก็ได้ครับ”
“พูดถึงตัวที่เราใส่อยู่นี่น่ะเหรอ? บ้า ตะเข็บปริพอดี เสนออะไรช่วยดูขนาดตัวหน่อย” โกวิทกล่าวติติงก่อนจะหันกลับไปหาหัวหน้าที่เคารพอีกครั้ง “ไม่ต้องห่วงหรอกป๋า เดี๋ยวตอนบ่ายผมสลับเสื้อใส่กับไอ้แม็ค ตะกี้ไปขอมันไว้แล้ว...ว่าแต่ที่เรียกผมมานี่มีเรื่องอะไร? อย่าบอกนะว่าจะให้เลี้ยงเด็กอีก”
“เออ เดาถูกแล้ว เก่งนี่..นั่งก่อนๆ จะได้คุยรายละเอียด”
“โธ่! อีกแล้วเหรอ? ป๋าเอาไปให้คนอื่นดูบ้างได้ไหมอะ? มีเด็กฝึกงานมากี่คนก็เอามาให้ผมทุกคน ช่วงนี้ผมงานยุ่งมากเลย ไม่มีเวลาเทคแคร์ใครหรอก” สถาปนิกหนุ่มบ่นกระปอดกระแปด ท่าทางเบื่อหน่ายถูกแสดงออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง พูดไปสายตาไม่เป็นมิตรก็ปรายมองเจ้าตัวต้นเรื่องไปจนใบหน้าใต้กรอบแว่นดำหนานั่นต้องก้มหนีงุดๆอย่างน่าสงสาร “ได้ยินทีมไอ้แม็คร่ำๆจะหามือดราฟต์เพิ่มอยู่ไม่ใช่เหรอ? นี่ไง เอาไอ้น้องนี่ไปให้พวกมันใช้งานสิ”
“มึงนี่แหละเหมาะสุดแล้ว ช่วยหน่อยน่า..เจ้านี่ชื่อต้น ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นหลานกูเอง กูไม่ค่อยอยากเอาไปฝากไว้กับคนอื่น โดยเฉพาะพวกไอ้แม็ค แม่งชอบพาน้องๆไปเตร็ดเตร่แถวร้านเหล้าหลังเลิกงาน กลัวเดี๋ยวจะใจแตกซะก่อน”
“หลานแท้ๆเลยเหรอ?”
“เออ แท้ สายเลือดเดียวกัน รักเหมือนลูกเลย ดูแลดีๆนะ”
“เดี๋ยวสิเดี๋ยว อย่าเพิ่งฝากฝัง ผมยังไม่ได้ตอบตกลงสักหน่อย” โกวิทส่ายศีรษะไปมาน้อยๆ ถ้อยคำกดดันของผู้เป็นนายเมื่อสักครู่ทำให้เขานึกอยากเดินหนีออกจากห้องไปดื้อๆดูสักที “เอามาแล้วให้ผมใช้งานน้องเขายังไงต่ออะ? ไม่มีเวลาสอนหรอกนะ ป๋าก็รู้ว่าตอนนี้ผมดูแลอยู่ตั้งสามสี่โปรเจ็คต์”
“กูว่าจะให้ต้นมาช่วยมึงดูโปรเจ็คต์หัวหิน เห็นว่างานเพิ่งเริ่มไปได้ไม่เยอะ จะได้เรียนรู้ตั้งแต่ช่วงแรกๆเลย พวกเรื่องสกิลมันพอมีอยู่แล้ว ใช้เป็นทุกโปรแกรม งานออกแบบก็ไม่เลวร้าย มึงไม่ต้องเสียเวลาสอนอะไรมากหรอก แค่เวลาไปเจอลูกค้าหรือไปไซต์ก็หนีบมันไปด้วยทุกครั้งก็พอ เดี๋ยวมันเรียนรู้ของมันเองแหละ”
จบประโยคของผู้อาวุโสกว่าลมหายใจห้วงหนึ่งก็ถูกโกวิทผ่อนผ่านปลายจมูกออกมาเบาๆ
...ทำงานที่นี่มาก็หลายปี ยังไม่เคยเข้าใจเลยสักทีว่าเหตุใดเวลามีพวกนักศึกษามาขอฝึกงานที่บริษัทเขาถึงได้กลายเป็นตัวเลือกแรกที่ต้อมจะมอบหมายหน้าที่พี่เลี้ยงให้ทุกครั้งไป...
“อะๆ โอเค เอาก็เอา..แต่ถ้าดูแลไม่ดีอย่ามาว่ากันทีหลังนาป๋า”
“เออ กูเชื่อว่ามึงจะดูแลหลานกูดี”
“ครับๆๆ จะพยายาม..ถ้าหมดธุระแล้วผมไปทำงานต่อก่อนนะ” สถาปนิกหนุ่มกล่าวเช่นนั้นด้วยจังหวะเนิบช้าก่อนจะหันหน้าไปหาเจ้าหนูที่ตนเพิ่งจะเอ่ยปากรับมาอยู่ในความดูแลหมาดๆ “ที่นั่งอยู่ตรงไหนวะน้อง?”
“แถวๆหน้าเครื่องพล็อตครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงเบา ดูท่าทางแล้วคงยังเกร็งไม่หาย
“งั้นเดี๋ยวใกล้ๆเที่ยงพี่ค่อยเดินไปหา ตอนนี้ขอเคลียร์งานอื่นก่อน ถ้ายังไม่มีอะไรทำก็นั่งหาเคสสตัดดีพวกโปรเจ็คต์คอนโดฯริมหาดดูไปพลางๆแล้วกันนะ” พูดจบโกวิทก็ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบสิ่งใดกลับมาอีก ชายหนุ่มพาร่างสูงใหญ่ของตนหายออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วปานพายุ
เมื่อประตูปิดลงไปเด็กหนุ่มก็เปิดปากขึ้นมาทันที
“..พี่คนนี้น่ากลัวจังเลยกู๋ต้อม ท่าทางเขาดูรำคาญต้น ไปรบกวนเขาจะดีเหรอ?..”
“โอ๊ย อย่าไปคิดมากเลยไอ้ต้นเอ๊ย พี่โก๋เขาก็อย่างนี้แหละ เป็นคนเสียงดังเฉยๆ จริงๆไม่มีอะไรหรอก” ต้อมตอบพร้อมรอยยิ้ม “ถ้ากู๋เลือกให้รับรองว่าดี เชื่อสิ ตั้งใจช่วยพี่เขาทำงานแล้วกัน”
“ครับ..”
สถาปนิกรุ่นใหญ่ยกแขนขึ้นกอดอกพลางทอดสายตาจับจ้องไปยังสีหน้าเป็นกังวลของหลานรักอยู่ครู่
เป็นเพราะอดีตพี่เขยนั้นเลิกรากับพี่สาวแล้วย้ายออกไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่ตอนต้นตระการยังตีนเท่าฝาหอย ตัวเขาในฐานะน้าชายแท้ๆจึงคอยทำหน้าที่แทนพ่อของเจ้าหลานคนนี้มาโดยตลอด อย่างน้อยก็เท่าที่โอกาสจะเอื้ออำนวย แล้วก็เป็นเพราะแบบนั้นเอง เมื่อหลานต้องมาเรียนรู้ชีวิตการทำงานอยู่ในทอมทอมฯระยะหนึ่ง เขาจึงอยากฝากฝังมันไว้กับลูกน้องคนที่ไว้ใจได้มากที่สุด
แม้ดูภายนอกแล้วโกวิทจะไม่ใช่คนประเภทที่เด็กๆอยากเข้าหาเท่าใดนัก แต่ในฐานะหัวหน้าที่ทำงานด้วยกันมาหลายปีต้อมรู้ดีที่สุดว่าลูกน้องรายนี้ดูแลคนรอบข้างได้ดีมากเพียงไร ความละเอียดอ่อนในจิตใจอันผิดกับภาพลักษณ์ภายนอกนับเป็นจุดสำคัญที่ทำให้มันเหมาะกับงานประเภทที่ต้องถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ให้คนอื่นยิ่งกว่าใคร
...ดูอย่างสมัยจินดา...
ตอนเข้ามาที่นี่วันแรกๆไอ้ลูกหมานั่นกลัวโกวิทอย่างกับอะไรดี แต่พอถึงวันสุดท้ายของการฝึกงานเท่านั้นแหละ ร้องห่มร้องไห้ซาบซึ้งในน้ำใจจนแทบจะมุดโต๊ะลงไปกราบตีน
...เชื่อว่าภายในเวลาอันใกล้นี้ต้นตระการเองก็คงรู้สึกแบบนั้นกับโกวิทได้เช่นกัน...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
