...โง่เง่าเต่าตุ่น...
ฝ่ามือซึ่งกำแน่นอยู่บนพวงมาลัยยามนี้เหนียวเหนอะไปด้วยเหงื่อกาฬที่ซึมชื้นออกมาไม่หยุด
...ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องเสียเวลามาทำอะไรแบบนี้อยู่ได้แทบทุกวัน...
นับตั้งแต่คืนที่จินดาเดินเข้ามายุติความสัมพันธ์ที่เขาตั้งอกตั้งใจสร้างขึ้นอย่างเลือดเย็น ธีรชาติก็บังคับให้ตัวเองหยุดใช้เวลาหลังเลิกงานไปกับการแอบตามดูชีวิตของอีกฝ่ายไม่ได้เลย
...อยากจะรู้ว่ามีความสุขจริงหรือเปล่า...
...อยากจะรู้ว่าเสียใจเหมือนเขาบ้างสักนิดไหม...
หลายวันที่ผ่านมาธีรชาติยังไม่เห็นว่าหลังเลิกงานจินดาจะเดินทางไปที่ไหนนอกจากบ้านเช่าหลังเดิมในซอยปรีดี การใช้ชีวิตของสถาปนิกหนุ่มเรียบง่ายเสียจนเขาไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือกิจวัตรของผู้ชายที่เพิ่งจะกลับไปคบกับคนรักเก่า
...แน่นอนว่าเขาหวัง...
...หวังให้คำบอกเล่าในคราวนั้นเป็นเพียงคำโกหก...
...ยังอยากเชื่ออยู่ว่าจินดาไม่ได้ใจร้ายถึงขั้นทรยศได้แม้กระทั่งหัวใจตัวเอง...
คิ้วหนาเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้บริหารหนุ่มเลิกขึ้นน้อยๆในจังหวะที่เกือบจะหมุนพวงมาลัยเลี้ยวรถหายออกจากบริเวณไปอยู่แล้วเชียว
ร่างกายขนาดสันทัดของคนที่เขามอบใจให้เดินกลับออกมาจากบ้านเช่าหลังจากเข้าไปได้เพียงไม่ถึงห้านาที ข้าวของพะรุงพะรังที่เมื่อครู่ถูกถือติดมือมาตั้งแต่ตอนออกจากออฟฟิศหายไปแล้ว นักออกแบบหนุ่มในตอนนี้ดูตัวเบาขึ้นอีกเป็นกอง
จินดายกขาขึ้นพาดคร่อมท้ายมอเตอร์ไซค์ของวินหน้าร้านสะดวกซื้อไม่ไกลกันก่อนจะขยับปากบอกที่หมาย
ธีรชาติแตะคันเร่งเบาๆพารถยนต์คันหรูเคลื่อนตามยานพาหนะสองล้อเบื้องหน้าไปอย่างเงียบเชียบ
.
.
“ขอบคุณนะที่มาเป็นเพื่อน”
“อืม..ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้สบายมาก”
หญิงสาวคลี่ยิ้มรับคำตอบของอดีตคนรักที่เดินเคียงอยู่ข้างกาย ในใจยังคงนึกอยู่เหมือนเก่าว่าสักวันเธอคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตอบแทนความช่วยเหลือจากเพื่อนคนนี้ให้ได้
วันนี้หมอที่ตรวจร่างกายให้เธอในวันที่ถูกทำร้ายนัดให้กลับมาดูอาการอีกครั้ง ซึ่งเมื่อเห็นว่าต้องออกจากบ้านจินดาจึงอาสามาเป็นเพื่อนด้วยกลัวว่าจะไปเจอกับผู้ชายสันดานเสียคนนั้นเข้าอีก
“จิน..เราว่าไหนๆก็มาโรงพยาบาลแล้ว จินแวะหาหมอด้วยเลยดีไหม? เห็นบ่นว่าปวดหัวนอนไม่หลับมาหลายวันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวมันก็หายไปเองแหละ อย่าห่วงเลย”
หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
...ช่วงนี้จินดาเองก็กำลังมีปัญหาชีวิต...
...แววตาที่เคยดูสดใสมีพลังยามนี้หม่นหมอง...
“เราขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงได้ไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นมาเช่นนั้น
“ไปสิ เดี๋ยวเรารอตรงนี้แหละ”
หญิงสาวทอดสายตามองตามแผ่นหลังห่อเหี่ยวของเพื่อนคนดีไปด้วยความไม่สบายใจนัก แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่เธอเพิ่งจะรู้สึกได้ว่ากำลังถูกใครสักคนจ้องมอง
ชั่วขณะแรกหญิงสาวตกใจจนแทบผงะเพราะคิดไปว่าผู้ชายที่เคยทำร้ายเธอนั้นกลับมาหาอีกแล้ว แต่เมื่อได้พบว่าเจ้าของสายตาคู่ที่ว่านั่นคือผู้ใดความรู้สึกก็ต้องเปลี่ยนไปทันที
...แน่นอนว่าเธอจำหน้าเขาได้จากภาพในสื่อต่างๆ...
...ผู้ชายคนที่ทำให้เพื่อนของเธอนอนไม่หลับมาเสียหลายคืน...
.
.
ธีรชาติกำลังรู้สึกใกล้เคียงกับการเป็นคนบ้า ยิ่งได้เห็นว่าจินดามากับผู้หญิงเขายิ่งสั่งให้ตัวเองหยุดตามดูไม่ได้
...คนนี้สินะที่บอกว่าเหมาะสมจนต้องกลับไปคบกัน...
...จินดาไม่ได้โกหกเขาจริงๆด้วย...
ผู้บริหารหนุ่มตระหนักดีอยู่ทุกขณะว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นไม่ต่างอะไรจากการยืนนิ่งให้คนเอามีดมากรีดมาแทงซ้ำๆ รู้ทั้งรู้ว่ามองไปแล้วจะต้องเจ็บแต่ก็ไม่ยอมถอนสายตาออก
...บางทีเขาก็ไม่ได้เก่งอย่างที่คนอื่นคิดไปเสียทุกเรื่อง...
...ตกม้าตายกับเรื่องง่ายๆแบบนี้ได้เหมือนกัน...
ชายหนุ่มสะดุ้งตัวขึ้นน้อยๆเมื่อเห็นว่าจู่ๆหญิงสาวที่มากับจินดาก็เดินตรงเข้ามาใกล้ สายตาที่จับจ้องแน่วแน่มายังตัวเขาบอกให้รู้ว่าเจ้าหล่อนล็อกพิกัดเอาไว้แล้ว
อารามตกใจ ชายหนุ่มหมุนตัวหันหลังกลับก่อนจะเริ่มสาวเท้าหนีอย่างขี้ขลาดไม่สมตัว
“คุณธีรชาติคะ! รอก่อนค่ะ!” หญิงสาวเอ่ยปากรั้งไว้ทันควันพลางซอยเท้าเข้าไปใกล้ ท่าทีของเธอส่งผลให้เขาจำต้องยอมหยุดยืนนิ่งอีกครั้ง
ผู้บริหารคนดังปั้นหน้าเรียบแล้วจึงทำใจดีสู้เสือหันกลับไปมอง
“ครับ?”
หญิงสาวไม่กล่าวสิ่งใด สีหน้าของเธอฉายชัดถึงความหวาดเกรงที่อยู่ในใจ
เศษกระดาษยับยู่แผ่นหนึ่งถูกส่งมาตรงหน้านักธุรกิจคนดัง
ธีรชาติรับมันมาทั้งที่ยังไม่เข้าใจอะไรนัก
“ขอโทษจริงๆค่ะ” เจ้าหล่อนว่าเช่นนั้นโดยไม่มีคำขยายความใดต่อท้าย และเมื่อทำในสิ่งที่ต้องการจนครบถ้วนแล้วเธอก็วิ่งกลับไปยืนรอจินดาอยู่แถวๆหน้าห้องน้ำต่อเหมือนเดิม ทิ้งให้ชายหนุ่มได้แต่ยืนจับต้นชนปลายไม่ถูกเพียงลำพัง
แผ่นกระดาษปริศนาถูกคลี่ออกอ่านในทันที
‘ชื่อหมิงค่ะ เป็นคนๆเดียวกับที่จินบอกคุณธีรชาติไปว่าเป็นแฟน ทีแรกหมิงคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงและไม่สามารถคบกับจินได้เพราะไม่ได้รักก็เลยชวนให้เขากลับมาคบกัน แต่พอได้รู้รายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากนั้นหมิงก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจินถึงได้สับสนมากขนาดนี้ คุณธีรชาติอย่าโกรธจินเลยนะคะ จินกับหมิงไม่ได้กลับมาคบกันแบบที่จินบอกคุณหรอกค่ะ เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น
หมิงต้องขอโทษจริงๆที่เข้ามาผิดจังหวะ จะพยายามช่วยพูดกับเขาให้เท่าที่ทำได้นะคะ
ปล.จินรักคุณค่ะ’ ข้อความทั้งหมดถูกเขียนด้วยลายมือฉวัดเฉวียนอ่านยาก ดูแล้วก็พอเข้าใจได้ว่าเธอคงรีบร้อน
ธีรชาติไล่สายตาอ่านซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายต่อหลายรอบ ทั้งที่เข้าใจเนื้อความได้ตั้งแต่รอบแรกที่อ่านแต่แม้กระนั้นเขากลับยังอยากอ่านซ้ำ โดยเฉพาะข้อความที่ต่อท้ายปล.
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ดวงตาหม่นแสงทอดมองผืนน้ำเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอยราวกับกำลังคาดหวังว่าจะมีสัตว์ประหลาดโผล่ขึ้นมาให้เชยชมในนาทีในนาทีหนึ่งอันใกล้นี้
...ยังจำได้ดีถึงความรู้สึกตอนที่ได้นั่งมองเจ้าพระยากับธีรชาติในคืนวันเกิด...
...ตอนนั้นมีความสุขจนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้เชียวล่ะ...
โดยปกติแล้วจินดาไม่ใช่คนอ่อนไหวง่ายนัก ตอนตัดสินใจจบทุกอย่างกับธีรชาติเขาเคยคิดว่าจะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ใจไปได้ด้วยการปิดกั้นความคิดไม่ให้นึกถึง แต่พอเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆกลับกลายเป็นว่าเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย
...การหยุดคิดถึงธีรชาติเป็นเรื่องยากกว่าที่คิดเอาไว้มาก...
นาฬิกาที่แฟรงก์ เกห์รีเป็นผู้ออกแบบยังคงถูกพันติดข้อมือเอาไว้ไม่ห่าง ทุกครั้งที่ก้มลงมองเวลาใบหน้าของผู้ให้ก็จะลอยขึ้นมาในห้วงคำนึงทุกครั้งไป
...แม่งเอ๊ย!...
...เอามีดแทงตัวเองจนเนื้อจะพรุนไปหมดแล้ว...
สัมผัสหนักๆจากท่อนแขนของรุ่นพี่คนสนิทที่พาดเข้ามาตรงต้นคอเรียกให้สถาปนิกหนุ่มต้องหันมอง
“มายืนทำอะไรคนเดียวตรงนี้วะมึง?” โกวิทเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มบางเบาบนใบหน้า “คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีหรือไง?”
จินดาไม่ตอบ เพียงแต่ส่ายศีรษะน้อยๆให้อีกฝ่ายดูเท่านั้น
หลังจากเข้าร้านมาได้เพียงไม่ถึงสิบห้านาทีดีเขาก็ตัดสินใจปลีกวิเวกออกจากวงสังสรรค์ฉลองจบโปรเจ็คต์ลาดพร้าวอันครื้นเครงมาเนื่องจากทนฝืนแสดงท่าทางสนุกสนานกับการกินดื่มต่อไปไม่ไหว
“มีอะไรอยากระบายให้กูฟังไหม?”
น่าแปลกว่าทั้งที่คำถามของโกวิทนั้นก็แสนจะธรรมดา แต่พอฟังแล้วไม่รู้ทำไมไอ้ก้อนน้ำที่จุกอยู่บริเวณหัวตามาทั้งวันมันถึงรื้นออกมาให้ระคายได้ง่ายนัก
“กูเก็บความลับเก่งนะจิน แล้วถึงกูปากหมาแต่กูก็ไม่ได้วิจารณ์ดะมันทุกเรื่อง...ไม่งั้นคิดซะว่ากูฟังภาษาไทยไม่ออกก็ได้ ระบายออกมาบ้างเหอะ หมู่นี้กูว่ามึงดูเก็บกดมากเกินไปแล้ว”
หยาดน้ำที่จินดาพยายามกักไว้ค่อยๆกลิ้งตัวลงมาตามผิวแก้มข้างหนึ่ง ชายหนุ่มยืนชั่งใจเงียบๆอยู่ครู่จนในที่สุดบางสิ่งในใจก็ถูกส่งผ่านกลีบปากบางออกมา
“พี่เคยรู้สึกกับใครมากๆแต่รู้ตัวว่าไม่สามารถเก็บเขาไว้เป็นของตัวเองได้หรือเปล่า?”
คำถามที่ได้รับมาส่งผลให้โกวิทต้องนิ่งไปครู่ น้ำลายเจือรสเครื่องดื่มถูกกลืนลงคอไปอย่างยากลำบาก “เคยสิวะ..เพิ่งถอนตัวได้เมื่อไม่นานมานี้เอง”
“จริงเหรอ? ต้องทำยังไงถึงจะรอดมาได้วะพี่? สอนผมบ้างสิ..” จินดาเอ่ยขอเสียงสั่นเครือ “..ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดแล้วเนี่ย ไอ้เหี้ยแม่งโคตรเฮิร์ทเลย เกิดมาไม่เคยเจอ..”
“กรณีของกูมันไม่มีทางเลือกโว๊ยไอ้จิน เขาไม่ได้คิดกับกูแบบที่กูคิดกับเขา ทางเดียวที่เหลืออยู่คือตัดใจ...แต่กูว่ากรณีของมึงน่าจะต่างกันนะ คนนั้นของมึงเองเขาก็รักเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? จำเป็นต้องตัดใจจริงเหรอวะ?”
จบประโยคของคนเป็นรุ่นพี่จินดาก็หันขวับไปมองใบหน้าครึ้มหนวดครึ้มเคราข้างๆทันที “..พี่พูดเหมือนรู้ว่าเขาเป็นใคร..”
โกวิทพยักหน้ารับเบาๆ “อืม..กูว่ากูรู้ คุณชาติใช่ไหม?”
“..น..นี่..นี่ผมแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?..”
“ก็ชัดอยู่นะ แต่คุณชาติชัดกว่า...มึงไม่ต้องห่วงหรอกน่า ถ้าไม่ได้คลุกคลีกับมึงบ่อยเท่ากูก็มองไม่ออกหรอก” คนอายุมากกว่ากล่าวเช่นนั้น “กูว่าคุณชาติเขารักมึงมากนะเว้ยจิน...ต่างคนต่างก็รักกันอยู่แล้ว โชคดีขนาดนี้มึงจะทิ้งโอกาสหาหอกอะไร? กลัวตัวเองจะไปถ่วงชีวิตเขาเหรอ?”
เหมือนโกวิทมานั่งอยู่กลางใจ คำถามที่ถูกส่งออกมาตรงประเด็นจนจินดาแทบกระอัก
ศีรษะทุยมนผงกลงเบาๆแทนการตอบด้วยคำพูด
“แล้วมึงไปกลัวแทนเขาทำไม๊ไอ้ตูดหมึก? กูว่าลักษณะแบบคุณชาติเนี่ยแม่งเกิดมาเพื่อแก้ปัญหาเลยล่ะ ถ้าเขาคิดว่าเขาดีลกับอุปสรรคในอนาคตไม่ได้เขาคงไม่มาจีบมึงตั้งแต่แรกหรอก”
คราวนี้จินดาหันกลับมาสบตากับรุ่นพี่คนสนิทอีกครั้ง สุ้มเสียงที่ถูกเลือกใช้ในประโยคถัดไปฟังดูจริงจังยิ่งกว่าที่เคย “ผมถามหน่อยนะ
ตั้งแต่เกิดมาพี่เคยเจอใครสมบูรณ์แบบเท่าพี่ชาติไหม?”
“..อืม..ไม่เคยอะ..”
“ก็นั่นไง” นัยน์ตาของจินดาสั่นไหวขณะที่พูด “พี่ชาติมีครบทุกอย่าง เกิดมาในครอบครัวที่ดี นิสัยดี จิตใจดี ฐานะดี การศึกษาดี หน้าที่การงานก็ดี แล้วพี่ลองคิดดูสิ โพสิชั่นแบบผมสามารถทำอะไรให้เขาได้บ้าง ที่ผ่านมามีแต่เขาที่เป็นฝ่ายให้ แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นคือนอกจากจะไม่สร้างประโยชน์แล้วผมยังจะทำให้ชีวิตดีๆของเขาแย่ลงด้วย ก็ไม่ได้คิดว่าพี่ชาติจะแก้ปัญหาไม่ได้หรอก แต่ผมไม่อยากให้เขาต้องมาคอยปวดหัวกับเรื่องแบบนี้ไปตลอดในเมื่อเขามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าอีกเยอะ...
แค่คิดว่าตัวเองเป็นจุดด่างจุดเดียวในชีวิตเขาผมก็ทรมานจะตายแล้วพี่”
ทัศนคติส่วนที่แอบซ่อนอยู่ในใจถูกเผยออกมาพร้อมน้ำตามากมาย โกวิทเองเมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย
...พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้ารุ่นน้องคนดีถึงดูเศร้าหมองถึงเพียงนี้...
ฝ่ามืออุ่นหนาข้างหนึ่งวางทาบลงไปบนกลุ่มผมนุ่ม ร่างของจินดาถูกโกวิทใช้แขนที่ว่างอีกข้างโอบเข้ามาซุกอก ชายหนุ่มรุ่นพี่กอดปลอบคนที่กำลังเสียใจไว้ด้วยอิริยาบถชวนพึ่งพิง
“แล้วดูแลใจนี่ยังไม่นับว่าเป็นการให้อีกเหรอ? ถึงมองไม่เห็นแต่ผลที่ได้มันใหญ่นะจิน” โกวิทกล่าวเสียงแผ่ว “มึงลองคิดดูดีๆเถอะว่ามันคุ้มที่จะแลกจริงหรือเปล่า? หาไม่ง่ายเลยนะเว้ยคนที่ใจตรงกันน่ะ..กูหามาตั้งสามสิบกว่าปีแล้วยังไม่เจอแม่งสักคน”
การรู้สึกว่าตัวเองเป็นความผิดพลาดในชีวิตของคนที่รักนับเป็นความทนมานอย่างที่จินดาว่าไว้จริงๆ ใช่ว่าพอจบหนึ่งปัญหาแล้วความรู้สึกแบบนั้นจะหายไปได้ง่ายๆ กลับกัน..มันจะติดอยู่ในใจและทำให้หวาดระแวงไปได้อีกนาน
ในช่วงแรกที่เริ่มชอบเจ้ารุ่นน้องคนนี้โกวิทเองก็เคยมีความรู้สึกคล้ายๆกันมาก่อน ไม่กล้าจีบ ไม่กล้าเดินหน้า เพราะไม่อยากทำให้ผู้ชายปกติคนหนึ่งต้องมาเบี่ยงเบน แต่ดูแล้วเคสของจินดาน่าจะหนักหนากว่าหลายเท่าเนื่องจากชีวิตของธีรชาตินั้นใกล้เคียงกับคำว่า ‘ไร้ที่ติ’ เสียเหลือเกิน
...หากจิตใจไม่ได้แข็งแกร่งมากเสียจนเอาอะไรมากะเทาะก็ไม่ร้าว เป็นใครก็คงต้องมีจังหวะที่แอบคิดแบบนี้กันทั้งนั้น...
สถาปนิกรุ่นพี่ยืนลูบหัวลูบหลังปลอบใจคนในอ้อมกอดโดยไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยไปไหนจนกว่าน้ำตาจะแห้งเหือดจากใบหน้าละไม ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบบริเวณก่อนจะต้องผงะไปเล็กน้อยเมื่อได้พบกับสายตาอีกคู่ของใครบางคนเข้า
เด็กหนุ่มหลานรักของผู้เป็นนายกำลังยืนมองเขาและจินดาผ่านเลนส์แว่นมาจากมุมหนึ่งไม่ไกลกัน และในทันทีที่ตระหนักได้ว่าถูกเขาหันไปเจอเข้าแล้วร่างเล็กๆนั่นก็สะดุ้งขึ้นจนสุดตัว
โกวิทเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆด้วยความประหลาดใจ
...ไม่ได้ประหลาดใจเพราะถูกแอบมอง...
...แต่ประหลาดใจเพราะสายตาที่มองมานั้นฉายแววบางอย่างที่ทำให้จู่ๆเขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาชอบกล...
ต้นตระการหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่ก่อนจะรีบผละออกจากพื้นที่บริเวณนั้นไปเงียบๆ
.
.
...ในที่สุดเขาก็กลับมาที่นี่อีกจนได้...
จินดายกมือขึ้นปาดไล่ความชื้นออกจากผิวแก้มทั้งสองข้างหลังจากตลอดระยะเวลาที่เอนหลังมองวิวจากบนรถแท็กซี่คันเมื่อสักครู่นั้นน้ำตาของเขามันไหลไม่ยอมหยุดมาตลอดทาง
ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ยามนี้ดูหม่นหมองยิ่งกว่าครั้งใดเงยขึ้นเพ่งสายตามองไปถึงยอดอาคารสูงที่ยืนตระหง่านล้อเมฆล้อหมอกอยู่เบื้องหน้า แขนข้างหนึ่งของเขากระชับของสำคัญที่นำติดตัวมาด้วยอย่างทะนุถนอม
...มันเป็นของเพียงชิ้นเดียวที่สถาปนิกโง่ๆสักคนจะสามารถมอบให้กับชายที่มีทุกอย่างพร้อมอย่างธีรชาติได้...
.
.
...ดึกแล้วแต่ธีรชาติยังไม่อยากเข้านอน...
...นอนไปก็นอนไม่หลับ สมองมันมัวแต่คิดอยากจะกอดร่างอุ่นๆของใครบางคนที่ทำตัวใจร้ายกับเขาอยู่เรื่อย...
ชายหนุ่มนั่งนิ่งเป็นรูปปั้นหินสลักอยู่ที่โซฟากลางห้องในท่าที่ไม่ต่างจากเมื่อชั่วโมงก่อนแม้สักกระเบียดนิ้ว หุ่นกันดั้มตัวน้อยซึ่งเคยได้ร่วมกันต่อกับจินดาถูกจับหมุนแขนหมุนขาไปมาอยู่อย่างต่อเนื่องทั้งที่มันไม่ได้สนุกเลยสักนิด
...คิดถึง...
...โกรธแต่ก็คิดถึงจนแทบบ้า...
หลังจากที่รู้ว่าจินดาไม่ได้ไปสานสัมพันธ์กับใครอย่างที่ปากบอก ธีรชาติก็เริ่มกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นข้อเท็จจริงที่ทำให้ใจชื้นขึ้นมาอีกหน่อยว่าสถาปนิกหนุ่มยังไม่ได้กลายเป็นบุคคลที่เขาไม่มีสิทธิ์แตะต้องไปโดยสมบูรณ์ แต่แม้กระนั้นเมื่อลองคิดดูว่าอีกฝ่ายต้องอยากหนีกันไปมากขนาดไหนถึงเลือกใช้วิธีแบบนี้ได้ลงคอ เขาก็ยังไม่สามารถสลัดความเสียใจทิ้งไปได้เสียที
เสียงทุบประตูไม่เป็นจังหวะดังขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนผู้บริหารคนดังรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที ร่างกายสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
...หากกดลิฟต์ขึ้นมาจนถึงชั้นนี้ได้แปลว่าต้องมีคีย์การ์ด...
...และเพียงคนเดียวที่ไว้ใจเขามอบคีย์การ์ดไว้ให้ถือก็คือ...
เมื่อสะระตะได้ดังนั้นนักธุรกิจหนุ่มก็ไม่รอช้ารีบจ้ำอ้าวออกไปที่ประตูห้อง ใบหน้าอันแสนคุ้นเคยที่มองเห็นผ่านตาแมวยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่คิดนั้นถูกต้องที่สุดแล้ว
ธีรชาติสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดราวกับต้องการเรียกกำลังใจเฮือกสุดท้ายแล้วจึงค่อยๆหมุนลูกบิดให้ประตูเปิดออก
กลิ่นฉุนจมูกของแอลกอฮอล์คือสิ่งแรกที่ชายหนุ่มสัมผัสได้หลังจากที่อากาศภายในและภายนอกห้องเชื่อมถึงกัน ดวงตาเรียวรีของอีกฝ่ายยามนี้บวมแดงและหรี่ปรือ ซึ่งเมื่อเห็นดังนั้นแล้วเรียวคิ้วหนาเข้มของเขาก็กระตุกเข้าหากันอย่างเป็นอัตโนมัติ
...เมาหรือ?...
TBC.
รายละเอียดรวมเล่มราคาฝัน ท่านใดสนใจลองเข้าไปดูกันนะคะ :http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57030.msg3540853#msg3540853
