ราคาฝัน #ตอนที่ 38 และ บทส่งท้าย หน้า 85 [22.12.2016/19:54:59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ราคาฝัน #ตอนที่ 38 และ บทส่งท้าย หน้า 85 [22.12.2016/19:54:59]  (อ่าน 762041 ครั้ง)

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2520 เมื่อ17-12-2016 21:27:59 »

คู่ปัญหาจบไป  :n1:
คู่จินดากับชาติ คงไม่เป็นปัญหา เพราะคุณเสี่ย น่าจะเข้าใจอะไร ๆ ง่าย ๆ ( หรือเปล่า ) :เฮ้อ:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ

ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2521 เมื่อ17-12-2016 22:13:39 »

คุยเรื่องอะไรเนี่ย ลุ้นๆ
พี่โก๋คะ นุ้งเขิน-///-

ออฟไลน์ zabzebra

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1044
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-1
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2522 เมื่อ17-12-2016 22:54:21 »

ขอให้พี่ชาติกับจินดาสู้ไปด้วยกันนะคะ ฮอลลลลล

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2523 เมื่อ18-12-2016 01:58:25 »

เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ ชอบแนวภาษาในการเขียน  ทำให้นิยายดูทรงคุณค่าขึ้นมา  เนื้อเรื่องสนุกดี น่าติดตาม ชอบพี่ชาติกับน้องจินมาก ๆ เลยค่ะ พี่โก๋กับน้องต้นก็ชอบ ดูมุ้งมิ้งดี  :กอด1: เป็นกำลังใจให้นะคะ


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:

ออฟไลน์ sb_ng

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 210
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2524 เมื่อ18-12-2016 02:03:35 »

ใจหายเลยยยจะจบแล้ววว ฮือออออ
เหลือบไปมองตอน ลืมไปว่าดำเนินมาถึงตอนที่30ปลายๆขนาดนี้แล้ว
มาไกลแล้วจริงๆ แต่ยังคงรู้สึกอยากอ่านต่อ ยังอยากติดตามพี่ชาติจินพี่โก๋น้องแว่นอยู่เลยหง่ะ
ตอนนี้พี่โก๋น้องแว่นก็มีความน่ารักในแบบคู่นี้ ส่วนจินพี่ชาติก็ยังคงบรรยากาศสบายๆ
แต่ตอนหน้าคงมีความตื่นเต้นของจินและพี่ชาติสินะ คุณพ่อใจดี คงไม่มีอะไรหรอกเนอะ 55555
รอติดตามค่าาา


ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2525 เมื่อ19-12-2016 12:52:55 »

ขอบคุณนิยายดีๆที่ทำให้ยิ้มและร้องไห้นะคะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ naplatoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2526 เมื่อ20-12-2016 04:29:36 »

เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ ชอบภาษาของเรื่องนี้มากๆเลย สวยงามมาก :กอด1:

คือตั้งแต่อ่านนิยายมา ไม่เคยเจอพระเอกเรื่องไหนเป็นสามีในอุดมคติเท่าพี่ชาติมาก่อนเลยค่ะ
อ่านแล้วกรี๊ดมาก คนอะไรโคตรครบเครื่อง
ฉากที่กรี๊ดพี่ชาติสุดก็ที่แกล้งงอนน้อง แล้วสอนที่หลังเรื่องการรักษาน้ำใจลูกน้อง
คือพี่เป็นผู้ใหญ่มาก อบอุ่นมาก คือมันดีมาก ฮืออออออออ ดูเป็นที่พึ่งพิงได้จริงๆ #ทีมเมียพี่ชาติ

เรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกสมจริงมากเลยค่ะ รู้สึกว่าชีวิตตังละครมันมีอยู่จริงใกล้ๆตัวเรานี่เอง
อาจจะเพราะว่ามีพี่เรียน'ถาปัตย์ก็ได้ รู้สึกว่ามันใช่มาก บรรยากาศในออฟฟิศ วิถีชีวิตคนทำงานเส้นทางนี้ 55555

สนุกมากๆ น่ารักทั้งคู่หลักคู่รองเลย รออ่านตอนต่อไป ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่านนะคะ

ออฟไลน์ aommaboo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2527 เมื่อ20-12-2016 08:30:16 »

ทำไมพึ่งเจอนิยายเรื่องนี้ ฮือออ มันสนุกมากเลยค่ะ อ่านทีเดียวรวดเลย ฟิลกู้ดสุดๆ ขอบคุณคนเขียนมาก กลับมาต่อนะคะ 55555

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2528 เมื่อ20-12-2016 16:38:32 »

สู้ๆนะคะ พี่ชาติ เอาใจช่วย  อยากเห็นชีวิตน้องจินกับพี่ชาติมีความสุข ครอบครวเข้าใจ

ออฟไลน์ Elektra

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-18
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2529 เมื่อ20-12-2016 18:58:16 »

 :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
« ตอบ #2529 เมื่อ: 20-12-2016 18:58:16 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2530 เมื่อ21-12-2016 20:41:36 »

หายไปนานเลย รออยู่น้าาา
สู้ๆค่าา

ออฟไลน์ penneeamoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2531 เมื่อ21-12-2016 20:45:16 »

รออยู่ เหมิอนกันจ้า

ออฟไลน์ B.L.Sniper

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +165/-4
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2532 เมื่อ22-12-2016 19:54:59 »

สวัสดีค่ะ

ราคาฝันเดินทางมาถึงตอนจบแล้ว เป็นยังไงกันบ้างคะ?
ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามกันมาจนถึงตอนสุดท้าย หากมีช่วงใดตอนใดของนิยายเรื่องนี้ที่ส่งผลผู้อ่านบางท่านรู้สึกไม่ดี ไม่ชอบใจ แป้งต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้จากใจจริงค่ะ สัญญาว่าเมื่อกลับมาพร้อมกับนิยายเรื่องต่อไปแป้งจะพัฒนางานเขียนให้ดีขึ้น มากน้อยเพียงใดไม่อาจทราบได้ แต่ยืนยันว่ามีความตั้งใจจริงที่จะพัฒนาค่ะ


สำหรับการรวมเล่ม แป้งได้ลงรายละเอียดการสั่งจองไว้ในลิงค์ทางด้านล่างนี้แล้วค่ะ ท่านใดสนใจลองเข้าไปดูกันนะคะ :

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57030.msg3540853#msg3540853



---------------



ราคาฝัน # 38
 
   

“พ่อได้ดูที่ชาติให้สัมภาษณ์กับนักข่าววันเปิดตัวแพ็คเกจใหม่ด้วยนะ”
   

ถ้อยคำที่ดังขึ้นจากปากผู้เป็นบิดาหลังจากการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบทั่วๆไปจบลงทำให้ชายหนุ่มต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ ก้อนความวิตกตีขึ้นมาจุกอยู่ที่กลางอกอีกครั้งแล้ว
   

หากจะมีอะไรสักอย่างที่ทำให้ผู้ชายแบบธีรชาติรู้สึกกลัวขึ้นมาได้ สิ่งนั้นก็คงเป็นความนึกคิดของคนที่เขารัก แน่นอนว่าใจบุพการีต้องนำมาเป็นอันดับหนึ่ง   
   

“ครับ..แล้วคุณพ่อมีความเห็นว่ายังไงบ้าง?”
   

ดวงตาคู่คมที่ดูเหมือนกับดวงตาของเขาแทบทุกกระเบียดนิ้วกำลังจับจ้องมาอย่างแน่วแน่
   

“...ที่ชาติตอบนักข่าวไปแบบนั้น แสดงว่าเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?...”
   

โดยไม่ต้องมีคำขยายความใดๆ คนฟังก็เข้าใจได้ทันทีว่าผู้เป็นพ่อกำลังหมายความถึงช่วงไหนของการสัมภาษณ์
   

...‘..ผมได้พูดในส่วนที่ผมจำเป็นต้องพูดไปครบแล้ว อะไรที่นอกเหนือจากนี้ผมขอเก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัว..’...
   

...ต้องเป็นคำตอบแสนคลุมเครือในส่วนนี้แน่นอน...
   

ธีรชาติเผลอตัวเม้มปากแน่นขณะกลั้นใจพยักหน้าตอบออกไป แม้ว่าในวงสังคมชายหนุ่มจะมีฐานะที่ทำให้ผู้คนข้างข้างต้องเกรงอกเกรงใจ แต่เมื่อมานั่งอยู่ต่อหน้าบิดาซึ่งเป็นผู้เลี้ยงเขามาเองกับมือตั้งแต่สมัยที่ยังเปล่งเสียงร้องได้เพียงอ้อแอ้ๆ ผู้บริหารระดับสูงคนนี้ก็รู้สึกเหมือนตัวเองนั้นเป็นแค่เด็กไม่รู้ประสา
   

“เป็นเรื่องจริงครับ” เขาสารภาพออกไปตามตรง
   

เกิดเป็นความเงียบขึ้นปกคลุมบรรยากาศรอบโต๊ะอาหารไปครู่ใหญ่ จรัสนิ่งพิจารณาสีหน้าของลูกชายอยู่นานจนคนถูกมองเริ่มมีเหงื่อซึมชื้นออกมาตามไรหน้าผากและแผ่นหลัง
   

“ไม่เห็นมีวี่แวว..” ชายสูงวัยกล่าวขึ้นอีกครั้ง สองคิ้วสีดอกเลาทรงหนาขมวดเข้าหากันน้อยๆ “...พ่อไม่เคยคิดว่าชาติจะมีรสนิยมแบบนี้มาก่อน เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน?”
   

“..ก็..ตั้งแต่เจอจินดานี่แหละครับ..”
   

“..จินดา?..อ้อ..เป็นเจ้าจินดาจริงด้วยหรือนี่? ถึงว่าสิ..พ่อก็รู้สึกแปลกๆอยู่แล้วเชียว” ทีนี้จรัสก็สามารถเข้าใจถึงที่มาของความทุ่มเทเอาใจใส่เกินปกติที่ลูกชายของตนมีต่อสถาปนิกไฟแรงคนนั้นขึ้นมาได้สักที “เจ้าหนุ่มนั่นมีรสนิยมแบบนี้อยู่แล้วเรอะ?”
   

“ไม่ใช่ครับ จินดาเองก็เป็นเหมือนผม” ท่าทีแสนเคร่งขรึมของคนตรงหน้าบอกให้ธีรชาติรับรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังเป็นกังวล “ผมขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอกให้คุณพ่อทราบด้วยตัวเอง”
   

นักธุรกิจผู้ทรงอำนาจส่ายศีรษะไปมาเบาๆทั้งที่เรียวคิ้วก็ยังคงขมวดเข้าหากัน “ชาติรู้ใช่ไหมว่าถ้าเลือกทางนี้แล้วอนาคตจะต้องเจอกับอะไรบ้าง?”
   

ชายหนุ่มพยักหน้าทันที “ทราบครับ”
   

“มั่นใจจริงหรือเปล่าว่าไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ?”
   

“มั่นใจครับ”
   

“คิดว่าตัวเองอยู่กับอนาคตแบบนั้นได้แน่เหรอ?”
   

“อยู่ได้แน่นอนครับคุณพ่อ ก่อนตัดสินใจผมก็ไตร่ตรองมาดีแล้ว”
   

เมื่อได้รับคำตอบแสนชัดเจนมาจนครบทุกคำถามชายสูงวัยก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้ก่อนยกสองแขนขึ้นกอดอก ช้อนส้อมที่อยู่ในมือเมื่อสักครู่ถูกวางพักไว้บนจานตรงหน้าชั่วคราว
   

“แม่เขาโกรธนะชาติ..” จรัสเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากนั่งจ้องตาบุตรชายนิ่งๆอยู่ครู่ใหญ่ “..ตอนเห็นข่าวนี่โมโหมากว่าทำไมชาติไม่ปฏิเสธให้ชัด เขาเกือบจะโทรฯถามให้รู้เรื่องตั้งแต่คืนวันนั้นแล้วแต่พ่อห้ามไว้ก่อน”
   

จบประโยคของผู้เป็นพ่อธีรชาติก็กดปลายคางก้มหน้าลงต่ำ แม้ไม่ได้แปลกใจนักแต่ฟังแล้วก็อดรู้สึกปวดหนึบในอกขึ้นมาไม่ได้
   

ดวงตาคู่คมเบนกลับขึ้นมาสบกับบิดาอีกครั้ง “เดี๋ยวผมจะรีบหาเวลาเข้าไปอธิบายกับคุณแม่เอง”
   

“อย่าเพิ่งเลย” จรัสรีบค้านทันที “ให้เวลาแม่ได้ทำใจอีกสักพักเถอะ เข้าไปคุยตอนนี้ก็มีแต่จะใช้อารมณ์ ชาติก็รู้นิสัยเขาดี..ระหว่างนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อไปก่อน เดี๋ยวพอเริ่มเย็นลงเมื่อไหร่น่าจะคุยง่ายขึ้นอีกเยอะ เขาไม่ใจร้ายหรอก คงแค่ห่วงลูกตามประสาแม่”

   
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากเข้าหากันอีกครั้งก่อนจะพยักหน้ารับคำแนะนำเพียงเบาๆ
   

“ไม่ง่ายนะชาติ พ่อเตือนไว้เลยว่ามันไม่ง่าย” ผู้อาวุโสกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่งกว่าครั้งใด ดวงตาคู่คมจับจ้องแน่วแน่ไปยังสีหน้าเคร่งเครียดของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “พวกเรายืนอยู่ในที่แจ้ง ทำอะไรใครก็เห็น ทำอะไรใครก็สนใจ ต่อไปชาติกับคนของชาติอาจต้องเจอปัญหาอีกเยอะ..ถ้ามั่นใจแล้วว่าการเลือกทางนี้มันคุ้มค่าจริงๆก็ช่วยดูแลชีวิตตัวเองให้ดีด้วย คนที่บ้านเป็นห่วง
   

บางสิ่งในแววตาของคนฟังเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากประโยคของผู้เป็นบิดาจบลง
   

“คุณพ่อ..ไม่เสียใจใช่ไหมครับ?”
   

นักธุรกิจสูงวัยส่ายศีรษะเบาๆ “ไม่เสียใจ แค่ตกใจ..ชาติก็รู้ว่าพ่อจะเสียใจก็ต่อเมื่อเห็นความล้มเหลว ตราบใดที่ลูกมีความสุขดีคนเป็นพ่อจะเสียใจไปทำไม?”
   

รอยยิ้มที่เกิดขึ้นจากความโล่งอกค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มทีละน้อย
   

...พ่อยังคงเชื่อเขาอยู่เสมอ...
   

...ไม่ว่าเมื่อไหร่การตัดสินใจของเขาก็ไม่เคยเป็นแค่ขยะไร้ค่าสำหรับชายคนนี้...
   

“ขอบคุณที่ไว้ใจครับพ่อ”
   

จรัสพยักหน้าเพียงเล็กน้อย ตอนนี้ช้อนส้อมถูกเจ้าสัวผู้โด่งดังหยิบขึ้นมาถือไว้ในมือด้วยท่าทางผ่อนคลายอีกครั้ง
   

“โตจนเป็นเจ้าคนนายคนได้ขนาดนี้ไม่ไว้ใจก็แย่แล้ว” ชายสูงวัยตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มข้างมุมปาก “..เดี๋ยวรอแม่เขาหายโกรธเมื่อไหร่ชาติก็พาเจ้าจินดามาให้พวกเราทำความรู้จักบ้างแล้วกันนะ..”   



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐   

   

ท่ามกลางบรรยากาศมืดสลัวของร้านเหล้าเจ้าเก่ง เสียงหัวเราะเฮฮาของบรรดาสถาปนิกและมัณฑนากรพลังงานสูงจากบริษัททอมทอมสตูดิโอดังเคล้าดนตรีอะคูสติกอยู่อย่างต่อเนื่อง หากลูกค้ารายไหนเข้ามาใหม่ก็คงต้องสะดุดตาเข้ากับโต๊ะตัวยาวซึ่งถูกจับจองไว้โดยพวกเขาเป็นจุดแรกแน่ๆ
   

“เบาหน่อยแว่น...นี่มันเยอะไปแล้ว” โกวิทรีบยกมือขึ้นดึงก้นแก้วบรรจุเครื่องดื่มสีเหลืองทองของเจ้าเด็กไม่รู้จักประมาณตนข้างกายไว้เมื่อเห็นว่ามันถูกกระดกขึ้นอีกครั้ง “ถ้าเกิดเมาขึ้นมาแบบคืนนั้นอีก คราวนี้กูปล่อยให้มึงนอนเฝ้าร้านเขาจริงๆนะ”
   

“ผมยังดื่มไม่ถึงแก้วเลยพี่โก๋”
   

“สำหรับคนคออ่อนครึ่งแก้วก็ถือว่าเยอะมากแล้ว..พอ”
   

“โธ่..”
   

บทสนทนาโต้ตอบของคนทั้งสองอยู่ในสายตาของชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลกัน รอยยิ้มล้อเลียนปรากฏขึ้นบนใบหน้าอ่อนใสที่ยามนี้เริ่มจะขึ้นสีแดงเรื่อเนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
   

“ผมกล้าพนันเลยว่าหลังจากพรุ่งนี้ไปพี่โก๋ต้องคิดถึงน้องแน่ๆ”
   

ถ้อยคำจากเจ้ารุ่นน้องตัวดีเรียกให้คนเป็นเจ้าของชื่อต้องสะบัดหน้าขวับ “กูส่งเด็กฝึกงานจบมากี่รุ่นแล้วไอ้จิน? ชินจนไม่รู้จะชินยังไงแล้ว”
   

ได้ยินดังนั้นคนฟังก็สั่นศีรษะทันที “ไม่เหมือนกันอะผมว่า กับน้องคนอื่นพี่ดูแลเขาใกล้ชิดแบบนี้เหรอ? ผมก็เห็นมีแต่ไอ้ต้นนี่แหละที่พี่เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างกับเป็นลูกตัวเอง”
   

จบประโยคของจินดาสายตาสองคู่ของคนที่กำลังถูกพูดถึงก็เหลือบมองกันราวกับเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ
   

...แม้จะเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีแต่โกวิทก็สามารถสัมผัสได้ถึงกระแสแห่งความประดักประเดิดที่เกิดขึ้นคั่นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองได้เป็นอย่างดี...
   

ฝ่ามือหนาใหญ่ยกขึ้นโบกไปมาตรงหน้าหลังจากที่ดึงความสนใจกลับมาอยู่กับคำพูดเมื่อสักครู่ของรุ่นน้องคนสนิทได้อีกครั้ง “..มึงเวอร์แล้วจิน กูก็ดูแลแบบนี้ทุกคน..”
   

...แม้ปากจะพูดไปแบบนั้นแต่ที่จริงในใจกลับตระหนักดีว่ามันไม่จริง...
   

...เขาไม่ได้ดูแลเด็กฝึกงานแบบนี้ทุกคน...
   

ครบสองเดือนเต็มแล้วนับตั้งแต่วันแรกที่ต้นตระการโผล่เข้ามาฝากเนื้อฝากตัวเป็นเด็กในปกครอง จนตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เด็กหนุ่มต้องกลับไปเรียนหนังสือตามปกติเสียที
   

...เวลาผ่านไปเร็วดีแท้...
   

แม้งานเลี้ยงส่งบรรดาเด็กฝึกงานทั้งสี่ห้าชีวิตกลับสู่รั้วมหาวิทยาลัยในค่ำคืนนี้จะดูครื้นเครงตามที่บรรดาพี่ๆตั้งใจไว้ แต่น่าแปลกว่าโกวิทกลับรู้สึกไม่มีอารมณ์ร่วมเอาเสียเลย
   

...ในใจมันห่อเหี่ยวอย่างไรไม่รู้...
   

“เฮ้ย..แย่แล้ว!” จู่ๆเจ้าเด็กที่นั่งอยู่ข้างกันก็อุทานขึ้นมาเช่นนั้น สองมือผอมบางขยับลูบๆคลำๆไปตามส่วนต่างๆของร่างกายด้วยท่าทางรีบร้อน “ผมลืมเอากุญแจรั้วที่หอมา สงสัยต้องกลับก่อนแล้วครับพี่ๆ เดี๋ยวเขาล็อครั้วแล้วจะเข้าไม่ได้”
   

“อ้าว!” โกวิทร้องเสียงดัง “แล้วมาลืมอะไรวันนี้วะ!”
   

“มันเลือกวันได้ที่ไหนล่ะ...ผมขอโทษนะครับพี่ๆ คงต้องกลับแล้วจริงๆ”
   

“โธ่ น่าเสียดาย..เลี้ยงส่งทั้งที” จินดากล่าวออกมาเสียงอ่อน “คืนนี้ไปนอนห้องพี่ก่อนไหม? พรุ่งนี้ค่อยกลับหอก็ได้ จะได้อยู่ด้วยกันจนจบ”
   

เด็กหนุ่มส่ายศีรษะไปมาเบาๆ “ผมต้องกลับไปให้อาหารปลาด้วยครับ เมื่อเช้าก่อนออกมาให้มันกินไปนิดเดียวเอง”
   

บรรดารุ่นพี่รอบโต๊ะบ่นเสียอกเสียดายกันเซ็งแซ่ จะมีก็แต่คุณพี่เลี้ยงคนสำคัญเท่านั้นที่เอาแต่นั่งกอดอกขมวดคิ้วปั้นหน้าไม่สบอารมณ์อยู่เงียบๆเพียงผู้เดียว
   

เด็กหนุ่มเก็บข้าวเก็บของก่อนลุกขึ้นจากที่นั่ง สองมือยกประนมไหวเหล่าผู้อาวุโสกว่าไปรอบวง “ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากเลยนะครับที่ช่วยดูแลแล้วก็สอนงานผมมาตลอดสองเดือน อยู่ที่นี่ผมสนุกมาก...”
   

...แม้ทุกประโยคจากปากเด็กหนุ่มจะฟังดูเหมือนถูกส่งไปให้รุ่นพี่ทุกคน ทว่าสายตาใต้กรอบแว่นคู่นั้นกลับเบนไปตกอยู่ที่ใครคนหนึ่งบ่อยเป็นพิเศษ...
   

“...แล้วก็ ถ้าหากผมเคยทำให้พี่คนไหนไม่ชอบใจหรือรำคาญ ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ”
   

ฟังมาถึงตรงนี้ใบหน้าดุดันของโกวิทก็ถูกกดลงต่ำจนปลายคางครึ้มเคราแทบชิดอก
   

...ไม่อยากฟังเลย...
   

เหล่าพนักงานจากทอมทอมฯต่างก็แย่งกันอวยพรหลานรักของผู้เป็นนาย บ้างขอให้เรียนจบไวๆ บ้างขอให้ธีสิสตอนปีห้าได้เกรดเอ จนกระทั่งไม่มีใครต้องการพูดอะไรขึ้นมาอีก...
   

“เฮ้ยไอ้โก๋ ไม่พูดอะไรกับน้องหน่อยเหรอ? ประคบประหงมกันมาตั้งสองเดือน นั่งนิ่งเป็นก้อนหินเลยนะมึง”
   

คำกระตุ้นจากนายแม็คเรียกให้โกวิทต้องเงยหน้ากลับขึ้นมาสบตาเด็กหนุ่มในความดูแลอีกครั้ง
   

...เหมือนเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ...
   

...ถ้อยคำตรงใจมากมายวิ่งวนให้วุ่นอยู่ในห้วงความคิด ทว่ากลับไม่มีคำใดเลยที่ชายหนุ่มเห็นว่าเหมาะสมพอที่จะปล่อยให้มันเล็ดลอดผ่านริมฝีปากออกมา...
   

“โชคดี” สถาปนิกร่างหนากล่าวสั้นๆเพียงเท่านั้นก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางเบา
   

“อะไรวะเฮีย? แค่นี้เองเหรอ?” จินดาท้วงขึ้นมาโดยพลัน “แม่งไม่ซึ้งเลยอะ”
   

“เออ มีปัญญาพูดแค่นี้แหละ”
   

“โห่ อะไรว้า..”
   

ต้นตระการยกสองมือขึ้นประนมตรงหน้าอีกครั้ง “แค่นี้ก็เป็นคำอวยพรที่ดีมากแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับพี่โก๋ ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องเลย”
   

“..อ..อืม..ไม่เป็นไร..”
   

“ผมกลับก่อนนะครับทุกคน”
   

แล้วในที่สุดเด็กหนุ่มก็หันหลังเดินออกจากวงสังสรรค์ไปจริงๆ
   

โกวิททอดสายตามองตามร่างกายผอมบางที่เคลื่อนห่างออกไปเรื่อยๆด้วยรู้สึกวูบโหวงในอก
   

...มันใจหาย...
   

...ไม่แน่ใจนักว่าทำไม รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกหดหู่เอามากๆ...
   

“อ้าว ไปไหนวะพี่?” จินดาเอ่ยถามขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นรุ่นพี่ที่เคารพวางธนบัตรไว้บนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
   

“กูกลับละ...ฝากจ่ายเงินด้วย”
.
.
“แว่น!”
   

สองเท้าที่ย่างไปตามฟุตบาธผิวขรุขระหยุดชะงักลงทันทีเมื่อคำสรรพนามอันแสนคุ้นเคยดังเข้าหูมา เด็กหนุ่มหันขวับไปหาต้นเสียงด้วยความตกใจ “พี่โก๋!”
   

ร่างสูงใหญ่ของโกวิทวิ่งเหยาะเข้ามาใกล้ก่อนจะหยุดลงเมื่อระยะห่างเหลือเพียงไม่ถึงเมตร “ทำไมเดินเร็วจังวะ? หา? เกือบตามไม่ทันแล้ว”
   

“..ม..มีอะไรเหรอครับ? อ๊ะ! หรือว่าผมลืมจ่ายเงิน?”
   

“ใช่ที่ไหนเล่า วันนี้พี่ๆเขาเลี้ยงมึงไง” สถาปนิกหนุ่มกล่าวเจือเสียงหอบหายใจ “นี่กลับยังไง? รถเมล์ใช่ไหม?”
   

“..ใช่ครับ..”
   

“งั้นไปกับกูไป วันนี้กูเอารถมา เดี๋ยวขับไปส่ง”
   

“โอย ไม่ต้องหรอกครับ รบกวนเปล่าๆ...พี่โก๋กลับไปนั่งในร้านต่อเถอะ”
   

โกวิทไม่เสียเวลายืนเถียงกับเด็กหนุ่มอยู่ตรงนี้นานนัก เขาคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้อย่างถือวิสาสะก่อนจะออกแรงดึงเบาๆให้เดินไปด้วยกัน “ให้กูไปส่งนะแว่น...วันนี้กูอยากไปส่งมึง”
   

“..พี่โก๋..”
   

โกวิทหันมองคนทางด้านหลังเพียงเล็กน้อย แววตาอ่อนแสงอย่างที่ต้นตระการไม่มีโอกาสได้เห็นบ่อยนักคือสิ่งที่พี่ชายปากร้ายคนนี้กำลังส่งมาให้เขา “ไหนๆก็ดูแลมาตั้งสองเดือนแล้ว ขอกูดูแลให้มันตลอดรอดฝั่งอย่างที่กู๋มึงไว้ใจแล้วกัน”
.
.
ล้อทั้งสี่ค่อยๆชะลอการหมุนลงก่อนจะมาหยุดสนิทอยู่เบื้องหน้าอาคารห้าชั้นในย่านซึ่งไม่ห่างจากที่ตั้งมหาวิทยาลัยของต้นตระการ


...ทำไมมันเร็วนักวะ?...
   

โดยปกติแล้วการได้ขับรถในช่วงหลังสี่ทุ่มมักทำให้โกวิทอารมณ์ดีได้เสมอเนื่องจากบนท้องถนนนั้นไม่มีรถราคันอื่นๆมาเบียดเสียดให้รำคาญใจ
   

...แต่สำหรับวันนี้เขากลับไม่รู้สึกเช่นนั้น...
   

...ความโล่งของเส้นทางสัญจรมันส่งผลให้เขาเดินทางมาถึงที่หมายเร็วเกินไป...
   

น่าแปลกว่าทั้งที่มีเรื่องมากมายอยากพูดอยากถาม แต่ตลอดทางที่ผ่านมาบรรยากาศภายในห้องโดยสารกลับมีเพียงความเงียบปกคลุมไว้เท่านั้น แม้กระทั่งตอนนี้เองโสตประสาทของพวกเขาก็ยังคงรับได้แค่เสียงเครื่องยนต์ไม่น่าพิสมัย
   

...คนที่ควรลงจากรถไม่ยอมขยับเขยื้อน ในขณะที่คนเป็นเจ้าของรถก็ไม่คิดออกปากไล่...
   

ฝ่ามืออุ่นหนาข้างซ้ายของโกวิทขยับขึ้นไปวางแหมะลงบนศีรษะกลมๆน่าเอ็นดูของเจ้าหนูข้างกาย ใบหน้าของพวกเขาทั้งคู่ยังคงตั้งตรงไม่หันเข้าหากัน
   

ต้นตระการหลับตาลงรับสัมผัสทันที
   

“..รีบเรียนให้จบนะ..”
   

โกวิทเอ่ยขึ้นมาเช่นนั้นด้วยระดับเสียงซึ่งแผ่วเบาผิดปกติวิสัย
   

“..เรียนจบเมื่อไหร่ก็กลับมาทำงานด้วยกัน..”
   

เสียงสูดน้ำมูกดังซื้ดซ้าดเรียกให้คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยต้องหันมองในที่สุด เป็นเพราะดวงตาใต้กรอบแว่นคู่นั้นกำลังหลับสนิทเขาจึงไม่สามารถมองเห็นความแดงช้ำของมันได้ แต่ถึงอย่างไรหยาดน้ำใสๆที่กลิ้งลงมาตามผิวแก้มก็บ่งบอกให้เขาได้รู้อย่างง่ายดายว่ายามนี้เด็กหนุ่มกำลังปี่แตกอีกครั้งแล้ว
   

“ร้องทำไม? ขี้มูกโป่งอย่างกับเด็กอนุบาล”
   

เด็กหนุ่มไม่ตอบเพียงแต่ส่ายศีรษะไปมาเบาๆ ดวงตายังคงปิดแน่นไม่มีทีท่าว่าจะลืมขึ้น
   

เมื่อได้เห็นดังนั้นรอยยิ้มเล็กๆก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่มักดูดุดันอยู่เสมอ
   

...เขาว่าเขารู้นะ...
   

...เขาคิดว่าเขามองความรู้สึกของต้นตระการออก...
   

“ขี้แยจังเลยแว่นเอ๊ย..” โกวิทโยกศีรษะของเด็กหนุ่มไปมาอย่างนึกเอ็นดู “..กลับมาเจอกูใหม่คราวหน้าต้องเข้มแข็งกว่านี้นะรู้ไหม?”
   

ต้นตระการค่อยๆเปิดตาขึ้นอีกครั้ง “..พ..พี่โก๋อย่าเพิ่งลาออกไปทำงานที่อื่นนะครับ..ผมเรียนจบเมื่อไหร่ ผมจะรีบกลับมาช่วยงานพี่โก๋อีก..”
   

“เออ กูจะไปไหนได้ ทำงานกับกู๋มึงนี่แหละสบายใจที่สุดแล้ว..ไปเถอะ รีบเข้าตึกไป อีกไม่กี่นาทีเขาก็จะล็อครั้วแล้วไม่ใช่เหรอ?”


ในที่สุดเมื่อถึงเวลาสมควรพวกเขาทั้งคู่จึงจำต้องยุติบทสนทนาแสนอ้อยอิ่งไว้เพียงเท่านี้


เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตาจนความเปียกชื้นกระจายไปทั่วสองข้างแก้ม ถ้อยคำร่ำลาถูกเอ่ยออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เข็มขัดนิรภัยที่คาดไว้ตลอดทางจะถูกปลดออก


โกวิทจับจ้องทุกอิริยาบถของต้นตระการโดยไม่วอกแวกราวกับต้องการเก็บทุกรายละเอียดใส่ใจไว้ เป็นเพราะไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้ไปจะมีโอกาสได้เจอเจ้าเด็กแว่นคนดีอีกบ้างหรือเปล่า จึงอยากจะมองให้นานที่สุด


...เบอร์ก็มี ไลน์ก็มี...


...แต่จะกล้าติดต่อกันแค่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน...


แล้วในจังหวะที่ประตูรถกำลังจะถูกเปิดออกอยู่แล้วนั้น ฝ่ามือผอมบางของเด็กหนุ่มก็ชะงักลงอย่างกะทันหันจนคนที่เฝ้ามองต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ


...กำลังจะเปิดปากเอ่ยถามถึงสาเหตุอยู่แล้วเชียว แต่คำตอบก็ดันถูกชิงเฉลยออกมาก่อนเสียได้...


ดวงตาคมดุเบิกกว้างขึ้นทันทีที่รับรู้ได้ถึงสัมผัสนุ่มหยุ่นจากบริเวณริมฝีปาก ต้นคอของเขาถูกสองมือของเด็กหนุ่มรั้งให้โน้มเข้าหาด้วยท่าทางงกเงิ่น


...ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมาก...


...เร็วเสียจนโกวิทเกือบจะตั้งตัวไม่ทัน...


ต้นตระการถอนใบหน้าออกอย่างว่องไว เด็กหนุ่มลนลานตั้งท่าจะกระโดดหนีลงจากรถไปดื้อๆหลังจากได้กระทำการอุกอาจกับรุ่นพี่ผู้น่าเกรงขามจนสำเร็จ


“เฮ้ย! เดี๋ยว!” โกวิทร้องลั่นห้องโดยสารก่อนจะยื่นมือออกไปดึงตัวเด็กหนุ่มไว้


...ไม่ว่าอย่างไรคนแก่พรรษาก็ยังคงเก๋าเกมกว่าอยู่วันยังค่ำ...


จากที่เป็นฝ่ายถูกรุ่นน้องบุก คราวนี้โกวิทไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียเหลี่ยมเจ้าเด็กเมื่อวานซืนอีกต่อไป สถาปนิกหนุ่มตรงเข้ารุกรานริมฝีปากของต้นตระการราวกับต้องการเอาคืน ยิ่งไปกว่านั้น สัมผัสของเขาก็ยังแนบแน่นชวนให้ใบหน้าร้อนวูบวาบเสียยิ่งกว่าที่อีกฝ่ายมอบให้เมื่อสักครู่อีกด้วย


โกวิทประคองแนวสันกรามขนาดเหมาะมือไว้ในขณะที่ริมฝีปากก็ยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม ความอุ่นร้อนจากร่างกายของเด็กหนุ่มทำให้เขายิ่งไม่อยากคิดถึงครรลองหรือขนบใดให้ปวดสมองอีกต่อไป


จุมพิตไม่คาดฝันดำเนินไปเช่นนั้นอยู่นานหลายวินาที จนกระทั่งเสียงก๊อกแก๊กจากรั้วหอพักที่กำลังจะถูกผู้ดูแลคล้องกุญแจดังเข้าหูมานั่นแหละต้นตระการถึงจะดึงตัวเองออกจากกิจกรรมแสนเคลิบเคลิ้มมาได้


ตอนนี้เด็กหนุ่มมีอาการไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงสักตัวที่กำลังจะถูกเจ้าของจับใส่กรง ลูกตาลอกแลกไร้จุดโฟกัสอันมั่นคง สีหน้าที่แสดงออกมานั้นดูตื่นกลัวทว่าก็ยังชวนมองชวนแหย่ในสายตาของคนเลี้ยงอยู่ดี


“..ข..ขอโทษครับ!..” ต้นตระการละล่ำละลักกล่าวออกมาเป็นครั้งสุดท้ายโดยไม่คิดเงยหน้าขึ้นสบตาอีกเลย แล้วในที่สุดประตูรถก็ถูกเปิดออกจริงๆสักที


โกวิทนั่งใจเต้นตึกตักมองเด็กหนุ่มที่ตาลีตาเหลือกหนีเขาลงจากรถไปด้วยความรู้สึกแปลกใหม่


...นานขนาดไหนแล้วที่ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้...


...ตื่นเต้น ดีใจ เขินอาย อบอุ่น...


...ทุกอารมณ์เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันอย่างกับว่าเขาเหมาซื้อมันมายกแพ็คอย่างไรอย่างนั้น...


ชายหนุ่มพลิกแผงบังแดดเหนือหัวให้กระจกบานน้อยที่ถูกติดตั้งอยู่อีกฝั่งของมันปรากฏสู่สายตา สีหน้าสีตาของตัวเองคือสิ่งที่ต้องการสำรวจที่สุดในยามนี้ และทันทีที่ได้เห็นเงาสะท้อนจนสมใจเสียงหัวเราะจากลำคอก็ถูกเปล่งออกมาในทันที


...แหม...


...บ้าจัง...


โกวิทยกสองมือขึ้นถูหน้าตัวเองอย่างแรงจนตอหนวดตอเคราที่โผล่พ้นผิวหนังออกมาทิ่มฝ่ามือจนรู้สึกเจ็บไปหมด


...อยากจะจับเจ้าหนูนั่นมาดีดกะโหลกสักทีสองที...


...โทษฐานที่ทำเขาเขินจนหน้าแดงเป็นสาวน้อยวัยใสไปหมดแล้ว...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐   

   

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-12-2016 19:58:46 โดย B.L.Sniper »

ออฟไลน์ B.L.Sniper

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +165/-4
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2533 เมื่อ22-12-2016 19:55:45 »


ภาพจำลองที่ถูกปรับสีแต่งเทกซ์เจอร์ตามรสนิยมของดีไซเนอร์ถูกเรียกขึ้นมาแสดงไว้บนหน้าจอ
   

“พื้นที่ส่วนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานของคุณลูกค้าโดยเฉพาะเลยครับ จากการติดตามพฤติกรรม ผมสังเกตว่าช่วงเวลาประมาณหกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มจะเป็นช่วงเวลาที่คุณลูกค้ามีสมาธิกับการทำงานมากที่สุด อันนี้ผมถือวิสาสะเดาเอาเองว่าส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะบรรยากาศโพล้เพล้นอกตัวอาคาร เพราะอย่างนั้นผมเลยตัดสินใจย้ายพื้นที่สำหรับนั่งทำงานมาไว้ในปีกตะวันตกแทน จากมุมนี้จะสามารถมองเห็นท้องฟ้าช่วงเย็นๆได้สวยงามที่สุดครับ” สถาปนิกหนุ่มเจ้าของร่างกายขนาดสันทัดนำเสนอผลงานอย่างฉะฉาน ความมั่นอกมั่นใจที่ฉายชัดผ่านสีหน้าดึงดูดให้นายทุนผู้ว่าจ้างต้องตั้งใจฟังชนิดถอนสายตาหนีไปไหนไม่ได้
   

“ฟังดูเข้าท่า” คนเป็นเจ้าของเงินพยักหน้าคล้อยตาม “แต่ขอขัดนิดสิ เท่าที่ฟังดูเนี่ยมันมีแต่ฟังก์ชั่นสำหรับผมทั้งนั้นเลยไม่ใช่เหรอ? แล้วพื้นที่ของผู้ร่วมอาศัยล่ะ? เป็นยังไงบ้าง? ได้ไปคิดมาหรือเปล่า?”
   

“คิดสิครับ! ต้องคิดมาแน่นอน” คนถูกถามตอบกลับไปทันควัน “คุณลูกค้าจะเห็นว่าบริเวณรอบๆบันไดของอาคารหลังนี้ถูกจัดสรรสเปซแตกต่างจากบ้านทั่วๆไป เนื่องจากผู้ร่วมอาศัยอีกท่านจำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการเก็บของค่อนข้างมาก ผมเลยคิดว่าช่องว่างใต้บันไดเหมาะสมแก่การทำเป็นคลังอุปกรณ์ครับ และเพื่อความสะดวกในการหยิบจับผมก็จัดพื้นที่สำหรับนั่งทำงานให้อยู่ไม่ไกลกันด้วยครับ”
   

“ดี” คุณลูกค้ารายสำคัญกล่าวชมเชยออกมาด้วยท่าทางพึงพอใจ “แล้วห้องนอนล่ะเป็นยังไงบ้าง? คุณยังไม่ได้พูดถึงห้องนอนเลย”
   

“สำหรับห้องนอนคงต้องเรียนตามตรงว่าไม่มีอะไรหวือหวาครับ พื้นที่กว้างขวางมากพอให้ผู้อาศัยไม่รู้สึกอึดอัด หน้าต่างหันออกไปทางทิศเหนือ..”
   

“เดี๋ยวนะคุณสถาปนิก..ทำไมในห้องถึงได้มีสองเตียง?”
   

“อ้อ..เรื่องนั้นเป็นเพราะผู้ร่วมอาศัยอีกท่านมักมีอาการนอนดิ้นกลางดึกครับ ผมก็เลยจัดพื้นที่ไว้ให้สอดคล้องกับขนาดเตียงเดี่ยวสองเตียง เวลานอนจะได้ไม่รบกวนกัน”
   

“ไม่ผ่านครับ ไปทำมาใหม่”
   

...ได้ยินดังนั้นพ่อสถาปนิกคนเก่งก็ทำหน้าตึงขึ้นมาทันที...
   

“พี่ชาติ! แก้อีกแล้วเหรอ?” จินดาท้วงขึ้นเสียงเขียว ท่าทีที่มี่ต่อนายทุนคนสนิทดูไม่พินอบพิเทาเหมือนเวลาพูดคุยกับลูกค้ารายอื่นเลยสักนิด “นี่พี่ล้มแบบผมมาเป็นสิบรอบแล้วนะ”
   

“ไม่ได้ล้มแบบ แค่บอกให้เอาเตียงคู่มายัดลงไปแทน แค่นี้ยากตรงไหน?”
   

“ก็ถ้าเปลี่ยนเป็นเตียงคู่ผมต้องจัดสเปซใหม่ไง”
   

“ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้คุณจัดเตียงแยกกันล่ะ? ใจคอจะให้ผมกับแฟนนอนแยกกันคนละเตียงจริงๆเหรอ? แบบนั้นมันใช้ได้หรือไง? แล้วมีอย่างที่ไหนมาเถียงกับลูกค้าคอเป็นเอ็นแบบนี้...ไม่น่ารักเลย”
   

คนถูกต่อว่าเดาะลิ้นเบาๆ
   

“มานี่มา มานั่งด้วยกัน” ผู้บริหารหนุ่มปรับเปลี่ยนลักษณะการพูดจาให้กลับมาฟังดูเป็นพี่ชาติคนเดิมของคุณสถาปนิกไฟแรงอีกครั้ง ฝ่ามือหนาใหญ่ตบลงเบาๆตรงที่ว่างหน้าหว่างขา
   

จินดายอมเดินมาหย่อนกายลงนั่งในตำแหน่งที่อีกฝ่ายต้องการ ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ดูมู่ทู่อยู่เมื่อสักครู่เริ่มกลับมาเจือรอยยิ้มได้อีกครั้งเมื่อสองแขนของคนรักเลื้อยเข้ามาโอบรัดไว้รอบลำตัวในท่าที่เขาโปรดปราน
   

“ไม่ชอบนอนเตียงเดียวกับพี่เหรอจิน? ทำไมถึงอยากแยกล่ะ? ทุกวันนี้ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลยนี่”
   

“มี๊...ทำไมจะไม่มี? แต่ปัญหามันไม่ได้ตกอยู่กับพี่ไง มันตกอยู่ที่ผมนี่”
   

“ปัญหาอะไร?”
   

“ผมว่าเราสปาร์คกันง่ายเกินไป” ถ้อยคำชวนกระดากที่ถูกเปล่งออกมาพร้อมการปั้นสีหน้าจริงจังทำเอาคนฟังเกือบหลุดขำพรืด “แค่โดนตัวกันนิดหน่อยก็จุดติดแล้วอะคิดดูสิ”
   

“แล้วมันไม่ดียังไง? ก็เห็นจินมีความสุขดี”
   

“ตอนเช้าไงตอนเช้า! มันตื่นไม่ไหว ลุกไม่ไหว ทำงานก็ไม่ค่อยมีสมาธิ”
   

ได้ยินอย่างนั้นธีรชาติก็ร้องอ๋อออกมาทันที ลืมคิดถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างนี้ไปเสียสนิท “ทีหลังถ้าไม่อยากทำก็บอกกันดีๆสิ พี่ไม่บังคับจินอยู่แล้ว”
   

จินดาได้แต่ตีหน้านิ่งหลังจากได้ฟังถ้อยคำของอีกฝ่าย
   

...อืม...
   

...ก็คงจะออกปากห้ามอยู่หรอกถ้าใจมันไม่อยาก...
   

...แต่ปัญหาคือพอโดนรุกทีไรเขาแม่งเคลิ้มตามทุกทีนี่สิ...
   

ธีรชาติกระชับอ้อมแขนให้แน่นยิ่งขึ้น “พี่รักจินนะ”
   

“..ฮื่อ..”
   

“จินอยากได้อะไร อยากให้ทำยังไงก็บอกพี่ได้ตรงๆ สัญญาว่าจะพยายามเห็นแก่ตัวให้น้อยที่สุด..”
   

พอจบประโยคของคนรักจินดาก็หมุนตัวขลุกขลักก่อนซุกศีรษะเข้ากับแผงอกกว้างด้วยท่าทางแสนผ่อนคลาย “พี่ชาติไม่เคยเห็นแก่ตัวกับผม ที่เป็นอยู่ตอนนี้ดีที่สุดแล้ว..ผมซะอีกที่ทำหน้าที่ได้ไม่ดีเท่าไหร่” สุ้มเสียงของสถาปนิกหนุ่มถูกเปล่งออกมาเพียงแผ่วเบา
   

“ไม่จริงหรอก ที่จินเป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีที่สุดสำหรับพี่แล้วเหมือนกัน”
   

“เออดีแฮะ อวยกันไปอวยกันมา” จินดากล่าวกลั้วหัวเราะ “ นี่พี่ชาติ..พี่ชาติเคยคิดว่ามันแปลกบ้างไหมที่พวกเรากลายมาเป็นแบบนี้? ทั้งที่ความเป็นไปได้มันมีน้อยมากแต่ก็ดันเกิดขึ้น โคตรแจ็กพ็อต ทุกวันนี้ผมก็ยังรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อจนอยากเอาเรื่องไปเสนอคลับฟรายเดย์เลย”
   

คิ้วหนาเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ของนักธุรกิจคนดังเลิกขึ้นน้อยๆ “ ‘กลายมาเป็นแบบนี้’ ของจินนี่คืออะไร? กลายเป็นคนช่างอวยน่ะเหรอ?”
   

“บ้า ใช่ที่ไหน ผมหมายถึงที่เรา..อ่า..ที่เรา..”
   

“รักกัน?”
   

“..อ..อื้อ นั่นแหละ คำนั้นแหละ..”
   

“โธ่เอ๊ย พูดออกมาชัดๆเป็นไรไป” ข้อนิ้วแข็งโป๊กของธีรชาติกระทบลงกลางหน้าผากของเจ้าคนหน้าบางเป็นการลงโทษฐานที่ปากหนักไปเสียหนึ่งที “พี่ไม่คิดว่ามันแปลก แต่รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากกว่า หาคนแบบนี้มาตั้งนาน ในที่สุดก็ได้เจอสักที”
   

“อวยผมอีกแล้ว”
   

“ก็ไม่ได้เกินจริงหรอกจิน..” ผู้บริหารหนุ่มยกมือขึ้นประคองใบหน้าที่กำลังหมุนซ้ายหมุนขวาถูไถแผ่นอกของเขาไปมาให้เงยขึ้นสบตากัน “..สำหรับพี่ จินคือคนที่พิเศษยิ่งกว่าพิเศษ..ต่อให้รออีกกี่สิบปี พี่ว่าพี่ก็หาคนที่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์อย่างนี้จากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว..”
   

รอยยิ้มแสนอ่อนโยนที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าคมคายตรึงสายตาของจินดาไว้กับที่ ความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านถ้อยคำเมื่อสักครู่ออกมาทำให้ก้อนเนื้อในอกของเขาเต้นแรงขึ้นได้อีกครั้ง


“ทำไมถึงเป็นผม?” สถาปนิกคนดีเอ่ยถามขึ้นมาเสียงเบา “คนรอบตัวพี่มีตั้งเยอะแยะ ทำไมผมถึงได้เป็นผู้โชคดี?”


ธีรชาตินิ่งคิดไปครู่ก่อนจะค่อยๆส่ายศีรษะไปมา “คำถามข้อนี้ยากเกินไป พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นจิน” ฝ่ามืออุ่นหนาขยับลูบเส้นผมของคนในอ้อมแขนด้วยจังหวะเนิบช้า “แต่อย่าพยายามหาเหตุผลเลย ปวดหัวเปล่าๆ รู้แค่ว่าพี่รักมากก็พอแล้ว พื้นที่ตรงนี้พี่ยกให้จินคนเดียว..สัญญา


คำมั่นจากปากคนรักเป็นเหมือนสิ่งที่รวบรวมให้ความรู้สึกทั้งหลายทั้งปวงแล่นริ้วลงมากระจุกตัวกันแน่นอยู่ที่กลางอก จินดายกสองมือขึ้นทาบทับไปบนแนวสันกรามเกลี้ยงเกลาของอีกฝ่ายด้วยความทะนุถนอม


...เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้...


...เคยเข้าใจว่าเป็นเส้นทางที่ผิดพลาด...


...หากเรื่องราวระหว่างพวกเขาจบลงตรงที่ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไปมีชีวิตของตัวเองแบบที่เคยตั้งใจให้เป็น ความรู้สึกในช่วงเวลาที่เหลืออยู่หลังจากนี้ก็คงจมดิ่งลงสู่วังวนแห่งความเสียใจและเสียดายชนิดที่ไม่สามารถลอยตัวกลับขึ้นมาได้อีกอย่างแน่นอน...


“รัก..” แม้จะถูกเปล่งออกไปเพียงแผ่วเบา ทว่าสำหรับคนฟังแล้วคำสำคัญจากจินดาก็ดังชัดเจนดีเหลือเกิน ม่านน้ำบางๆในกรอบตารูปทรงเรียวรีสามารถใช้เป็นเครื่องยืนยันที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมว่าสถาปนิกหนุ่มใส่ความรู้สึกลงไปในสิ่งที่กำลังสื่อสารมากมายเพียงใด “..ที่สุด”









The End.





 

ออฟไลน์ B.L.Sniper

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +165/-4
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2534 เมื่อ22-12-2016 19:56:17 »

ราคาฝัน # บทส่งท้าย
 
   

แสงไฟจากสปอตไลต์ที่ส่องเข้ามายังใบหน้าทำให้สถาปนิกหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นจนมือสั่นขาสั่น แขกผู้มีเกียรติจำนวนนับร้อยชีวิตรวมถึงกล้องอีกเป็นสิบกำลังพุ่งความสนใจมาทางเขาจากบริเวณด้านหน้าเวที
   

...จับจ้องกันเป็นตาเดียว...
   

...ทำเอาประหม่าเสียจนคอแห้งไปหมด...
   

“..เรารู้จักลูกค้าของเราเป็นอย่างดีครับ ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้ทำงานร่วมกับทีมออกแบบอย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะได้แน่ใจว่าฟังก์ชั่นต่างๆในตัวอาคารสามารถตอบรับกับความต้องการของลูกค้าเราได้ครบถ้วนที่สุด..” ธีรชาติที่นั่งอยู่ข้างกันตอบคำถามจากพิธีกรประจำงานด้วยน้ำเสียงชวนฟัง บุคลิกท่าทางของผู้บริหารหนุ่มในยามนี้ดูผ่อนคลายเป็นธรรมชาติจนจินดานึกอิจฉา “..ตัวผมเองในฐานะที่ได้เห็นโปรเจ็คต์ชิ้นนี้มาตั้งแต่วันที่มันยังเป็นแค่ภาพสเก็ทช์จากน้ำหมึกปากกาของคุณสถาปนิกก็อยากจะบอกว่ารู้สึกภูมิใจมากที่วันนี้อาคารถูกสร้างขึ้นมาจนเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งานแล้ว รู้สึกเหมือนเป็นคุณพ่อที่ลูกคนแรกเพิ่งคลอดเลยล่ะครับ..”
   

“พูดอย่างกับเคยมีประสบการณ์เลยนะคะคุณชาติ” เอ็มซีสาวออกปากแซวเพิ่มความครึกครื้นให้การสัมภาษณ์ตามหน้าที่ ซึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้นธีรชาติก็คลี่ยิ้มขำขันออกมาทันที
   

“ไม่เคยครับ เพียงแต่เดาว่าพวกคุณพ่อลูกอ่อนเขาน่าจะรู้สึกกันแบบนี้”
   

คำตอบติดตลกของนักธุรกิจคนดังเรียกเสียงหัวเราะจากบรรดาผู้ฟังไปได้หนึ่งครืน จะมีก็แต่จินดาเท่านั้นที่รู้สึกตื่นเต้นเสียจนทำได้เพียงกระตุกยิ้มแห้งผากออกมาพอเป็นพิธี
   

“แหม นอกจากจะทั้งหล่อทั้งเก่งแล้ว ดิฉันเพิ่งทราบเดี๋ยวนี้เองค่ะว่าคุณชาติก็เป็นคนขี้เล่นด้วย น่าประทับใจจังเลย..เอาล่ะค่ะ จากการพูดคุยทำให้เราได้ทราบที่มาที่ไปของเฮดออฟฟิศแห่งนี้มาพอสมควรแล้ว ทีนี้ดิฉันขอเจาะลงไปที่เรื่องของตัวดีไซน์บ้าง อยากจะทราบค่ะคุณชาติว่าแนวคิดเบื้องหลังการออกแบบเจ้าโครงข่ายแปลกตาซึ่งเราได้เห็นกันอยู่ทางด้านขวามือของดิฉันตอนนี้คืออะไร? เชื่อว่าหลายท่านต้องรู้สึกสนใจพื้นที่ส่วนนี้เป็นพิเศษแน่ๆเพราะดูสะดุดตามากจริงๆ..”
   

เมื่อสิ้นเสียงพิธีกรสาวธีรชาติก็คลี่ยิ้มหล่อเหลาออกมาพลางหันหน้าสบตาคนข้างกาย


“เรื่องนี้ผมว่าทางผู้ออกแบบตัวจริงน่าจะให้คำตอบได้ดีกว่า..” ผู้บริหารหนุ่มผงกศีรษะลงเบาๆ กำลังใจทั้งหมดถูกส่งผ่านสีหน้าและแววตาออกไปอย่างชัดเจน “..เชิญครับคุณจินดา”


สถาปนิกหนุ่มกระแอมเคลียร์ช่องคอเบาๆ ปกเสื้อสูทถูกขยับจัดแต่งทั้งที่เดิมทีมันก็ดูเรียบร้อยดีอยู่แล้ว


...หากธีรชาติเปรียบตัวเองเป็นพ่อที่ภูมิอกภูมิใจกับการได้เห็นลูกคลอดออกมาเป็นตัวเป็นตน ตัวเขาก็คงเปรียบได้กับแม่...


...เฝ้าฟูมฟักเอาใจใส่มาแรมปี กินกับมัน อยู่กับมันมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเพียงตัวอ่อน...


...กล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่มีใครรู้จักอาคารหลังนี้ดีเท่าเขาอีกแล้ว...


...เอาล่ะ...


...ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องเอาลูกออกมาอวดชาวบ้านชาวช่องเสียที...
.
.
“การได้มายืนอยู่ในอาคารที่ตัวเองเป็นคนออกแบบเองกับมือนี่มันให้ความรู้สึกสุดยอดเลยใช่ไหม?” สุ้มเสียงอันคุ้นเคยที่ดังขึ้นมาจากข้างหลังเรียกให้จินดาที่กำลังยืนล้วงกระเป๋าทอดสายตาสำรวจรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมของผลงานตัวเองอยู่นิ่งๆต้องรีบหันมอง


“อ้าว อาจารย์...สวัสดีครับ ผมไม่ทราบว่าอาจารย์ก็มาร่วมงานด้วย” ชายหนุ่มยกสองมือขึ้นประนมไหว้ผู้อาวุโสด้วยท่าทางนอบน้อม
   

“ต้องมาสิ เปิดตัวแลนด์มาร์กใหม่กลางกรุงทั้งที ผมไม่พลาดอยู่แล้ว” บุญฤทธิ์ตอบพลางหันซ้ายมองขวาชื่นชมตัวอาคารไปด้วย “ทำออกมาได้ดีนะจินดา ดูสมฐานะลิงเกอร์ฯมาก”
   

ได้ยินดังนั้นรอยยิ้มดีอกดีใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอ่อนใสของคนฟังทันที “ขอบคุณมากครับอาจารย์ ส่วนหนึ่งที่มันออกมาดีก็เป็นเพราะผมได้รับการชี้แนะจากอาจารย์ในตอนนั้นด้วย ต้องขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
   

“โอ๊ย จะจำไปเป็นบุญคุณอีกนานไหม? เจอกันทีไรคุณก็พูดถึงเรื่องนี้ทุกที ผ่านมาตั้งสองสามปีแล้วนะ”
   

“จะอีกกี่ปีผมก็ไม่มีทางลืมความกรุณาที่อาจารย์มอบให้ครับ”
   

“จริงๆทุกวันนี้ผมเองก็ยังเสียดายไม่หายที่เราไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกัน” สถาปนิกรุ่นใหญ่กล่าวโดยมีรอยยิ้มบางเบาระบายไว้บนใบหน้า “แต่ได้ยินจากชาติมาว่าคุณกำลังไปได้สวยในทางที่เลือกผมก็ยินดีด้วย”
   

“ขอบคุณมากครับอาจารย์”
   

“รู้อะไรไหม ตอนนั้นที่ผมชวนคุณมาทำงานด้วยกันไม่ใช่แค่เพราะอยากได้คุณมาอยู่ในทีมหรอก เหตุผลสำคัญอีกข้อคือผมเสียดายแทนถ้าหากคุณต้องเสียเวลาในช่วงที่ยังมีไฟไปกับการทำอะไรที่ไม่ใช่เรื่องถนัด” ลักษณะท่าทางการพูดการจาของชายมากประสบการณ์ดูจริงจังขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อสักครู่ “ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกไปแล้วใช่ไหมว่าตัวผมสมัยหนุ่มๆกับตัวคุณในตอนนี้มีบางอย่างที่คล้ายกัน..เพราะแบบนั้นผมเลยเชื่อนะจินดา ผมเชื่อว่าถ้าคุณยังรักษาระดับความกระตือรือร้นไว้ให้ดีแล้วก็คอยวิ่งเข้าหาโอกาสอยู่เรื่อยๆ อย่างน้อยที่สุดคุณจะเดินมาถึงจุดเดียวกันกับผม..‘อย่างน้อย’ นะ..ผมใช้คำว่าอย่างน้อย”
   

ความในใจจากสถาปนิกชั้นครูส่งผลให้จินดานิ่งอึ้งไปทันที ริมฝีปากบางอ้าพะงาบๆเหมือนอยากจะตอบอะไรกลับไปไม่ให้เป็นการเสียมารยาทแต่ก็ติดอยู่ตรงที่ว่าเขาเรียบเรียงคำพูดไม่ถูกนี่สิ
   

“อย่าหยุด..ทำต่อไป” บุญฤทธิ์เน้นย้ำอีกครั้ง ดวงตาลุ่มลึกใต้กรอบแว่นไม้ดีไซน์แปลกจับจ้องใบหน้าของคนที่เหมือนกับตัวเขาในอดีตไว้อย่างมีความหวัง “..ผมอยากให้บ้านเรามีตึกเจ๋งๆไว้สู้กับเมืองอื่นอีกเยอะๆ ยังไงก็ช่วยกันหน่อยนะ..”



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐   

   

เพราะเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ เรื่องหยุมหยิมอย่างการเลี้ยงฉลองวันครบรอบในแต่ละปีจึงไม่ได้ดูน่าตื่นตาตื่นใจเท่ากับที่บรรดาคนรักรายก่อนๆเคยเรียกร้องให้จัดเตรียม สองปีที่ผ่านมาพวกเขาเพียงใช้เวลาร่วมกันอย่างเรียบง่ายอยู่ภายในบ้านเท่านั้น
   

...ก็เพิ่งจะมีปีนี้นี่แหละที่วันสำคัญดูพิเศษขึ้นมาหน่อย...
   

จินดายกแก้วม็อกเทลสีเหลืองสดใสขึ้นจรดริมฝีปากด้วยท่าทางสบายอารมณ์ รสหวานอมเปรี้ยวจากผลไม้เมืองร้อนอันเป็นส่วนผสมหลักของเครื่องดื่มแก้วนี้เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับสายลมที่พัดมาสัมผัสผิวกาย


“ที่นี่วิวดีสุดๆเลย เห็นสกายไลน์กรุงเทพฯชัดแจ๋ว” สถาปนิกหนุ่มกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม สายตาของเขาวางนิ่งอยู่ที่แสงไฟวิบวับจากอาคารสูงหลังหนึ่งซึ่งโผล่ขึ้นมาปะปนอยู่กับตึกแท่งอื่นได้อย่างสวยงามไม่น้อยหน้า
   

รูฟท็อปบาร์บนชั้นยี่สิบหกของโรงแรมหรูช่วงหัวถนนวิทยุคือร้านที่ธีรชาติพาคนรักมาเลี้ยงฉลองในค่ำคืนนี้ แม้ว่าเครื่องดื่มและอาหารแต่ละรายการจะมีรสชาติถูกลิ้นมากเพียงใด แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักของการเลือกมาที่นี่
   

...ทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นได้จากบนนี้ต่างหากที่เขาต้องการให้จินดาได้ดื่มด่ำ...
   

“รู้สึกยังไงบ้าง?” ผู้บริหารคนดังเอ่ยถามเสียงนุ่ม ดวงตาคู่คมคอยสำรวจสีหน้าของอีกฝ่ายด้วยความสนอกสนใจ
   

จินดาไม่ได้ตอบกลับในทันที สถาปนิกหนุ่มยังคงจับจ้องไปยังอาคารหลังงามที่ตนเป็นผู้ออกแบบชนิดไม่วางตา ประกายแห่งความปลาบปลื้มที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าอ่อนเยาว์ทำให้คนมองอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
   

“..บอกไม่ถูกเลยครับพี่ ยังนึกว่าฝันอยู่..”
   

คำตอบถูกเปล่งออกมาเพียงแผ่วเบา
   

นับตั้งแต่วันที่ตัวอาคารถูกเปิดใช้งานจินดาก็เอาแต่พูดว่าไม่อยากจะเชื่อ ดูท่าว่าความสำเร็จครั้งนี้คงยิ่งใหญ่เหลือเกินในความรู้สึกของพ่อสถาปนิกคนดี
   

...โอกาสที่นักออกแบบตัวเล็กๆไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งจะสร้างผลงานใหญ่โตขึ้นมาประดับเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพฯได้นั้นถือว่าหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร...
   

...แต่จินดาของเขาก็ทำให้มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ...
   

“เก่งจังเลย..แฟนใครน้า?”
   

ถ้อยคำของธีรชาติเรียกให้คนฟังต้องเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
   

“หยอดจังเลย แฟนใครว้า?” สถาปนิกหนุ่มส่งประโยคล้อเลียนออกมาด้วยท่าทางมีความสุข ซึ่งเมื่อได้เห็นแบบนั้นมีหรือที่คนรักอย่างเขาจะไม่สุขตาม
   

ผลงานชิ้นนี้ไม่ได้สร้างเพียงความภาคภูมิใจให้จินดาและสร้างค่าทำแบบก้อนโตให้ทอมทอมฯเท่านั้น แต่มันยังสร้างความก้าวหน้าครั้งสำคัญขึ้นมาอีกด้วย
   

ทุกสิ่งเป็นจริงอย่างที่ธีรชาติเคยคาดการณ์ไว้เมื่อราวๆสามปีก่อนอย่างไม่ผิดเพี้ยน หลังจากที่ภาพจำลองและแก่นคอนเซ็ปต์ของโปรเจ็คต์สำนักงานใหญ่ถูกเผยแพร่ออกสู่สื่อสารธาณะ ทอมทอมสตูดิโอก็กลายเป็นบริษัทออกแบบที่ถูกจับตามองในวงกว้างขึ้นมาทันใด นายทุนหลายเจ้าเริ่มวิ่งเข้าหา จากเดิมที่เคยมีโปรเจ็คต์ประเภทคอนโดฯเป็นตัวขายเพียงอย่างเดียว ตอนนี้ทอมทอมฯก็ได้ลูกค้ากลุ่มแปลกๆมาอยู่ในมือเยอะขึ้น จนในที่สุดหลังจากดูทิศทางอยู่สักพักต้อมก็ตัดสินใจเปิดเซคชั่นเพิ่มเพื่อรองรับตลาดใหม่
   

...โดยเลือกให้จินดาขึ้นเป็นหัวหน้าสตูดิโอพิเศษที่ว่านี้แม้ชายหนุ่มจะมีอายุไม่ถึงสามสิบปีดีด้วยซ้ำ...
   

“ยิ้มอะไรอยู่ได้? เห็นนั่งอมยิ้มมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” พ่อดีไซเนอร์ไฟแรงหันมาเอ่ยถามด้วยสงสัย แม้ความสนใจหลักจะตกอยู่กับภาพวิวกรุงเทพฯยามค่ำคืน แต่กระนั้นพ่อสถาปนิกไฟแรงก็ไม่ลืมที่จะหันมาสังเกตอาการของคนรักอยู่เป็นระยะ
   

“ภูมิใจมีแฟนเก่ง” ธีรชาติตอบออกไปเพียงสั้นๆ
   

...แม้เสียงหัวเราะที่ดังตบท้ายทำให้ถ้อยคำเมื่อสักครู่ฟังดูเหมือนเป็นการล้อเล่น...
   

...แต่เชื่อเถอะว่าธีรชาติหมายความตามนั้นจริงๆ...






The End.



สำหรับการรวมเล่ม แป้งได้ลงรายละเอียดการสั่งจองไว้ในลิงค์ทางด้านล่างนี้แล้วค่ะ ท่านใดสนใจลองเข้าไปดูกันนะคะ :

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57030.msg3540853#msg3540853



 

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2535 เมื่อ22-12-2016 19:58:45 »

 :m1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
ขอวคุณเรื่องราวดี ละมุนละไมในความรู้สึก :L2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:      ขอบคุณคนแต่งมากๆ

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
จองงงง ชอบมาก จบสวยมาก นิยายที่ไม่ต้องมีฉากอย่างว่าแต่อบอุ่นสุด ๆ

ออฟไลน์ wasey

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ  :hao7:
อยากตามติดชีวิตคู่นี้ไปอีกนานๆ :o8:
เป็นคู่ที่น่ารักมากเลย รักดีๆแบบนี้หาไม่ง่ายเลย :hao5: ขอบคุณนักเขียนมากนะคะ ที่สร้างผลงานดีๆแบบนี้ออกมา จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปเรื่อยๆเลยค่ะ :katai2-1: o13 :bye2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ภูมิใจสุดๆ

ออฟไลน์ rk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ชอบมากๆเลย :-[

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: ราคาฝัน #ตอนที่ 37 หน้า 82 [14.12.2016/18:32:17]
«ตอบ #2544 เมื่อ22-12-2016 20:50:52 »

หยุดยิ้มไม่ได้ อ่านแล้วดีต่อใจ เหมาะสมกันจริง ๆ รักแฟน อวยแฟนกันไป
ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
โอ้ยย อิจฉาคนมีความรักกกก
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายดีๆน่ารักๆค่ะ
รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปค่าาาา

ออฟไลน์ Bronc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ถึงตอนจบแล้วอ่ะ อยากอ่านอีกจัง
พี่ชาติเป็นคนรักที่แสนดีมาก อิจฉาจินดา รักกันตลอดไปนะ
ส่วนคู่พี่โก้กับน้องแว่น อยากอ่านต่อจัง :-[

ออฟไลน์ PHA_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
แงงงงงงงง จบแล้วทั้งสนุก อบอุ่น เปี่ยมด้วยรักมากๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
รอติดตามเรื่องอื่นๆของนักเขียนอยู่นะคะ
กอดดดดดดดด

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
จบแล้วแบบแฮปปี้ ขอยคุณนะคะ กับนิยายดีๆที่นำมาให้

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ :L1:
 :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด