ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานไม้ที่ไม่คุ้นเคย… ที่ไหนกันนะ… ผมพยายามเพ่งมอง แต่เพราะปวดหัวและปวดตามตัวจึงทำให้ต้องนิ่วหน้าและหลับตาลงอีกครั้ง กุมขมับและค่อยๆ นึกถึงเหตุการณ์
“ที่นี่ที่ไหน… หิน!” ผมรีบลุกนั่งทันทีแม้จะยังปวดไปทั้งตัวจนต้องนิ่วหน้าก็ตาม แต่จะมัวมานอนอยู่แบบนี้ไม่ได้ เพราะตอนนี้หินไม่ได้อยู่ข้างๆ ผม เขาหายไปไหน! ผมค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกจากเตียงนุ่มน่านอนซึ่งตอนนี้ผมไม่ได้ให้ความสนใจในความสบายนี้เลยสักนิด และมองพิจารณาไปรอบๆ ห้องที่ผมอยู่ตอนนี้เป็นห้องที่ทำด้วยไม้หายาก ของตกแต่งเป็นของมีราคาแต่กลมกลืนกับวัฒนธรรมของชาวเหนือ ผมพยุงตัวเองไปที่ผ้าม่านก่อนจะเปิดออก
กระจกใสบานใหญ่ไม่อาจกั้นธรรมชาติที่แสนงดงามตรงหน้าได้เลย
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือทุ่งหญ้าสีเขียวชอุ่มเสมือนลานกว้างและสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ มีสวนดอกไม้ปลูกเป็นหย่อมๆ ถัดไปไกลพอสมควรเป็นฟาร์มสัตว์ขนาดใหญ่และมีบ้านคนอยู่บริเวณนั้นหลายหลัง ด้านซ้ายของฟาร์มสัตว์เป็นป่าขนาดกลาง ส่วนบริเวณอื่นๆ เป็นไร่ผลไม้ชนิดหนึ่งที่ปกคลุมเนื้อที่มากมายหลายร้อยไร่ หรืออาจหลายพันไร่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
ผมมองภาพตรงหน้าอย่างมึนงง “ที่นี่คือ…..”
“บ้านฉันเอง”
ผมหันไปมองเจ้าของเสียง ปรากฏชายร่างสูงใหญ่รูปร่างและความสูงพอๆ กับหิน ดูจากหน้าตาอายุคงประมาณสามสิบปลายๆ แต่รูปร่างกลับตรงกันข้าม แม้จะอยู่ภายใต้เสื้อผ้าแบบชาวไร่ แต่กล้ามเนื้อที่แข็งแรงและความกำยำยังคงเห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วงแขนที่มีกล้ามเป็นมัดเหมือนคนออกกำลังกายเป็นประจำ
“เอ่อ…”
“เธอเพิ่งฟื้นนะ อย่าเพิ่งเดินไปไหนเลย”
“คุณคือ… เอ่อ…”
“ฉันชื่อใหญ่ เรียกว่าพ่อเลี้ยงก็ได้ ภาพที่เธอเห็นผ่านกระจกนั่นเป็นของฉันทั้งหมด” เขาชี้ไปทางวิวทิวทัศน์ที่ผมเพิ่งมองเมื่อกี้นี้
“พี่ลีฝากฝังเธอให้กับฉันจำได้ไหม”
ผมเบิกตากว้าง “คุณคือ… เอ่อ… ขอบคุณมากนะครับ” ผมรีบยกมือไหว้ นั่นสิผมเพิ่งหนีมาที่นี่ มาขออาศัยใบบุญน้องชายของเจ๊ลี
“อย่ามากพิธีเลย พักก่อนเถอะ เธอเพิ่งหายไข้” เขาจับมือผมแล้วพามานั่งที่เตียงอีกครั้ง
“เอ่อ… หินอยู่ที่ไหนเหรอครับ”
“หิน?”
“หิน… ผู้ชายที่มาด้วยกันกับผม”
“เขาน่ะเหรอ… อย่าสนใจจะดีกว่านะ”
“มะ..หมายความว่ายังไงเหรอครับ”
ooooOoooo
“ปล่อย! ปล่อยกูออกไป!” เสียงตะโกนลั่นดังออกมาจากกรงขังที่ทำด้วยไม้ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับคอกม้า คนงานผู้ชายที่ผ่านไปมาไม่มีใครสนใจที่จะให้ความช่วยเหลือ ซ้ำยังมีท่าทีจะเข้าไปทำร้ายแทน ส่วนสาวๆ ที่เดินผ่านไปมากลับถูกใจในหน้าตาและรูปร่าง แต่พอเจอเสียงตวาดก็ต้องรีบหนีไปทางอื่น
“ฟ้า! เอาฟ้าคืนมา อ๊ากกกกกกก”
ปังๆๆๆ
คนข้างในคลั่งทุบกรงไม้แทบหัก เหมือนสัตว์ร้ายที่พร้อมจะพังกรงออกมาขย้ำได้ทุกเมื่อ แม้คนในกรงจะไม่ต่างจากสัตว์ที่กำลังบ้า แต่ก็ไม่อาจคลายความหล่อดูดีลงได้แม้แต่น้อย กลับเพิ่มความหล่อแบบดิบเถื่อนมากขึ้นด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่มีใครอยากเข้าใกล้ …คนบ้า…
“เอาฟ้าคืนมา ฟ้า!!!”
ooooOoooo
“ว่ายังไงนะครับ! คุณขังหินไว้ในกรงขังเหรอ” ผมเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ
“ใช่”
“ทำไม…” ผมถามอย่างอ่อนแรงแทบขาดใจเมื่อรู้ว่าตอนนี้หินกำลังเจอกับอะไร
“เพราะเขาคลั่งน่ะสิ เธอป่วยมาก ฉันจำเป็นต้องพาเธอไปรักษาที่โรงพยาบาลและพามาพักฟื้นที่นี่ แต่หมอนั่นกลับอาละวาดไม่ยอมให้พาเธอไปรักษา ทำร้ายคนงานจนบาดเจ็บ เลยจำเป็นต้องขัง ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับรองความปลอดภัยของหมอนั่น”
“อะไรกัน… คุณขังเขามากี่วันแล้ว”
“ตั้งแต่เธอมาจนถึงตอนนี้ก็... สามวัน”
ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินว่าหินถูกขังอยู่นานถึงสามวัน “พะ..พาผมไปหาเขาที”
“เธอเพิ่งหายป่วยนะ”
“ขอร้องล่ะครับ! พาผมไปที เขา... ตอนนี้ต้องการผม…”
“ฉันคงทำไม่ได้ พี่ฉันบอกว่าเธออยู่กับคนบ้า”
ผมสะอึก… ผมไม่ได้บอกเจ๊ลีว่าหินเป็นคนบ้า แค่บอกว่าเขาอาจไม่ค่อยเหมือนคนปกติ
“คุณไม่พาผมไปก็ไม่เป็นไร ผมจะไปหาเขาเอง” ผมเตรียมจะวิ่งออกไปจากห้องแม้ไม่รู้ทิศทาง แต่แขนกลับถูกกระชากรั้งไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนคราม ฉันบอกว่าเธอเพิ่งหายป่วย จะวิ่งไปไหน”
“ผมจะไปหาหิน ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง ผมจะไปหาเขา”
“…งั้นขึ้นรถ ฉันจะพาไป” พ่อเลี้ยงจับมือผมแล้วพาไปที่รถยนต์สำหรับขึ้นเขา ขับออกมาไม่นานก็มาถึงคอกม้าขนาดกลาง ผมมองไปที่กรงขังที่ทำด้วยไม้แล้วรีบวิ่งไปหาทันที ยิ่งได้ยินเสียงตะโกน ขาผมก็ยิ่งเพิ่มความเร็วโดยไม่สนใจสภาพร่างกาย
“หิน!”
“ฟ้า!”
เขารีบวิ่งมาจับกรงไม้ด้านที่ผมยืนอยู่แล้วยื่นแขนออกมากอดผม
“ฮึก..ก… ฟ้า... คิดถึงฟ้า”
“ปะ..เป็นยังไงบ้าง ฮึก..ก…” ผมจับใบหน้าของหินที่โทรมอย่างมาก เนื้อตัวก็มอมแมม ปากก็แตก นี่พวกเขาทำอะไรหินกันแน่
“ผมจะพาคุณออกมานะ”
“คราม” พ่อเลี้ยงเดินมากระชากตัวผมให้ออกห่างจากหิน
“พ่อเลี้ยง”
“จะปล่อยไม่ได้ ถ้าเขาทำร้ายคนอื่นจะทำยังไง”
“เขาไม่ทำร้ายใครหรอกครับ หินเขาเชื่อฟังผม เขาไม่ทำร้ายใคร”
“ฟ้า! มึงอย่าเข้าใกล้ฟ้า!” หินตะโกนลั่น พ่อเลี้ยงขมวดคิ้วไม่พอใจ
“หิน! อย่าพูดแบบนี้สิ ขอโทษพ่อเลี้ยงซะ เขาคือคนที่ช่วยพวกเรานะ…”
หินมองพ่อเลี้ยงด้วยสายตาแข็งกร้าวไม่ลดละ
พ่อเลี้ยงถอนหายใจ “ถ้ายังเป็นแบบนี้คงปล่อยไม่ได้หรอกนะ” พูดพลางสวมหมวกปีกกว้างแบบคาวบอยก่อนจะเดินไปทางอื่น
“ฉันจะไปดูคนงานตรงนั้นก่อน ถ้าฉันกลับมาเธอก็ต้องกลับบ้านพร้อมฉัน”
“พ่อเลี้ยง! ขอร้องล่ะครับ ปล่อยหินเถอะครับ!”
“แล้วมีอะไรรับรองว่าเขาจะไม่ทำร้ายใคร”
“ผมรับรอง! ถ้าเขาอาละวาดคุณจะทำยังไงกับผมก็ได้ ผมเชื่อว่าถ้าหินอยู่ข้างๆ ผม เขาจะไม่ทำร้ายใคร”
พ่อเลี้ยงมองผมนิ่งงัน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเอ่ยบอกคนงาน
“ปล่อยหมอนี่ออกมา”
ผมยิ้มแล้วไหว้ “ขอบคุณมากครับ ขอบคุณจริงๆ”
เมื่อประตูถูกเปิดออกหินก็รีบพุ่งมากอดผม
“ฟ้า... คิดถึงฟ้า หินเหงามากเลย... ฟ้าหายไป หินเจ็บไปหมด... โดนทำร้าย...”
ผมกอดเขาแน่นแล้วลูบหลังปลอบโยน ทำไมเขาต้องเจอเรื่องแบบนี้อีก นี่เราหนีมาเพื่อเจอสิ่งร้ายๆ อีกหรือไง ผมมองพ่อเลี้ยงขณะที่เขาหันมามองผมพอดี เขาไม่พูดอะไรแต่เดินไปอีกทาง
“เจ็บตรงไหนไหม”
“เจ็บปาก เจ็บหัวด้วย คนพวกนี้ทำร้ายหิน”
“ผมขอโทษ… ฮึก..ก… ผมไม่ได้ช่วยอะไรคุณเลย ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณอีก”
“ฟ้า...’’ เขากอดผมแน่นอย่างสั่นกลัว
ผมจับมือเขามานั่งบนพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ ค่อยๆ ลูบแผลที่มุมปากของเขาอย่างแผ่วเบา หินเองก็ลูบแผลที่หน้าผากของผมซึ่งตอนนี้ไม่เจ็บมากแล้ว
“ฟ้าเจ็บไหม”
“ไม่เจ็บแล้ว”
หินจูบลงบนแผลที่หน้าผากของผมแล้วกอดผมแน่น
“คิดถึง…”
“ผมก็คิดถึงคุณ…”
ผมซบอกกว้างแล้วหลับตา เราหนีกันมาแล้ว หนีมาในที่ที่คิดว่าปลอดภัย แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่าอันตรายกว่าเก่า โดยเฉพาะหิน ผมกลัวว่าเขาจะได้รับอันตราย แค่มาวันแรกเขาก็ถูกจับขังแล้ว หรือว่าที่นี่ก็ไม่ต้องการเราและจะทำร้ายเราเหมือนกับที่ผ่านมากันนะ หลังจากปลอบโยนกันอยู่สักพัก พ่อเลี้ยงก็กลับมา
“คราม เธอกลับบ้านกับฉัน”
“แล้วหินล่ะครับ”
“อยู่ที่นี่…”
ผมกำมือแน่น ทำไมทุกคนถึงต้องปฏิบัติกับหินแบบนี้ ทำไมทุกคนถึงไม่ให้โอกาสเขาบ้าง…
“ถ้าอย่างนั้น ผมขออยู่ที่นี่ครับ เราสองคนมาที่นี่ด้วยกัน เราก็จะอยู่ด้วยกันครับ จะให้เรากินข้าววันละมื้อก็ได้ จะใช้งานหนักแค่ไหนก็ได้ แต่ขอแค่ให้เราสองคนอยู่ด้วยกัน”
พ่อเลี้ยงทำท่าทางเหมือนไม่เข้าใจ
“ทำไมเธอถึงยอมอยู่กับหมอนี่… ยอมลำบากขนาดนี้”
“เพราะเราสองคน…” ผมบีบมือใหญ่ของหินแน่น “…เป็นสามีภรรยากันครับ”
พ่อเลี้ยงยืนอึ้ง แววตานั้นไม่พอใจอย่างมาก แต่รอยยิ้มของผมและมือที่กุมกันและกันเอาไว้คือสิ่งที่บอกได้อย่างดีว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริงและจะไม่มีสิ่งใดมาพรากพวกเราให้จากกันได้
“เธอนี่แปลกคนจริงๆ รักกับคนบ้า”
ผมเจ็บในอกซ้ายตรงหัวใจ… ไม่เป็นไร ก็แค่คำดูถูก ผมจะต้องผ่านไปให้ได้ หินเจอมามากกว่าผมอีก เรื่องแค่นี้ผมจะท้อไม่ได้…
“งั้นตามใจ เรื่องที่พัก ฉันจะให้คนงานจัดให้ คงเป็นแถวๆ นี้แหละ เพราะทั้งสองคนต้องทำงานที่คอกม้าคอกนี้ โดยมีหน้าที่ทำความสะอาด ไหวไหม”
“ไหวครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ช่วยพวกเราไว้และยังให้ที่พักพวกเราอีก”
พ่อเลี้ยงไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะขึ้นรถยนต์แล้วขับกลับไป ผมมองใบหน้าของร่างสูงที่ตอนนี้ซูบผอม เขาถูกขังไว้แบบนี้ได้กินอะไรบ้างหรือเปล่า
“พวกเอ็งสองคนตามข้ามา” เสียงของลุงคนหนึ่งพูดขึ้น พวกเราเดินตามเจ้าของเสียงไปจนถึงบ้านหลังหนึ่ง ไม่สิ ควรเรียกว่ากระท่อมมากกว่า เพราะสร้างด้วยไม้ล้อมรอบชั้นเดียวแบบติดดิน ลักษณะไม่น่าจะแข็งแรงมากนัก หลังคามีรอยรั่วจนเห็นแสงอาทิตย์สาดลอดเข้ามา ใกล้กับกระท่อมอีกด้านหนึ่ง คือป่าที่ผมยืนมองจากบ้านของพ่อเลี้ยง
“พวกเอ็งอยู่ที่นี่แหละ พวกที่นอนก็อยู่ในตู้นั่น อาจสกปรกหน่อย เอาไปซักก็สะอาดแล้ว ส่วนพวกเสื้อผ้า แม่ณีเขาเก็บไว้ให้ตอนเย็น เอ็งก็ไปเอาที่แม่ณีละกัน”
“ขอบคุณมากนะครับ”
“อืม… ส่วนเรื่องทำงาน คอกม้าคอกนี้มีคนทำสี่คนเพราะมีม้าแค่สี่ตัว งานพวกเอ็ง พ่อเลี้ยงคงบอกแล้วใช่ไหม… ส่วนงาน เดี๋ยวข้าสอนให้ ข้าชื่อดำ พวกเอ็งล่ะ”
“ผมชื่อครามครับ ส่วนนี่ชื่อหิน”
“อืมๆ เอ็งดูแลไอ้บ้านี่ให้ดีนะ อย่าให้มันอาละวาดอีก ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน ที่นี่กฎของพ่อเลี้ยงใหญ่กว่ากฎหมาย ฆ่าคือฆ่า… ส่วนแผล เดี๋ยวข้าเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ละกัน…” พูดจบ ลุงดำก็เดินออกไปจากกระท่อม
ผมจับมือหินแน่นแล้วลูบใบหน้าของเขา
“ไม่ต้องกลัวนะ… คุณไม่ต้องกลัว…”
หินยิ้มแล้วกอดผมแน่น “หินกลัวว่าฟ้าจะจากไป ไม่เจอฟ้าหลายวันแล้ว”
“ต่อไปนี้ผมจะอยู่ข้างๆ คุณนะ ไม่ต้องกลัว… จริงสิคุณกินอะไรหรือยัง”
หินส่ายหน้า
“ว่าไงนะ! คุณไม่ได้กินอะไรเลยมากี่วันแล้ว”
หินส่ายหน้าอีก
“คุณนั่งนี่นะ เดี๋ยวผมมา”
“จะไปไหน!” เขารีบจับมือผมจนเผลอจิกเข้าไปในเนื้อ
“โอ๊ย! ผมเจ็บ”
“อย่าไป! ห้ามไป!”
“ผมแค่จะไปเอาอาหารมาให้คุณกิน”
“ไม่กิน ไม่กิน ฟ้าอย่าไป! อยู่กับหินที่นี่” เขารวบตัวผมแล้วกอดแน่น
“แต่…” ผมจะเอ่ยขัด แต่แรงกอดที่แน่นขึ้นทำให้ผมเลือกที่จะกอดเขาแทน…
ooooOoooo
ตกเย็น ลุงดำก็เรียกพวกผมไปอาบน้ำ กินข้าว บอกกฎต่างๆ ของคนงานว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้างเพื่อไม่ให้พ่อเลี้ยงโกรธ ผมนั่งฟังขณะตักกับข้าวใส่จานให้หินและถูกจับจ้องด้วยสายตาของคนงานหลายสิบคน
“ส่วนงาน เริ่มพรุ่งนี้ละกัน เพราะเอ็งยังไม่หายไข้ ส่วนไอ้บ้า เอ็งก็สอนมันด้วยล่ะ”
“ครับ…”
หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็รีบพาหินกลับไปที่พัก แต่กว่าหินจะยอมปล่อยผมออกไปหาลุงดำเพื่อจะได้ไปเรียนรู้งานก่อนจะเริ่มงานจริงในวันพรุ่งนี้ ก็นานพอสมควร ผมต้องขู่ว่าจะไม่ให้เขากอดอีกถ้าไม่เชื่อฟังผม เขาจึงยอมแต่โดยดี
“ตอนเช้าจะมีคนพาม้าไปกินหญ้า เวลานี้พวกเอ็งก็ขนขี้ใส่รถเข็นไปที่โรงทำปุ๋ยหมักตรงโน้น” ลุงดำชี้ไปยังโรงทำปุ๋ยที่อยู่ไกลออกไปพอสมควร
“ไกลหน่อยนะ เอ็งไหวแน่นะ ท่าทางบอบบางอย่างกับผู้หญิง”
“ไหวครับ ผมทำได้”
“ก็ดี พอขนไปทิ้งแล้วก็ล้างคอกให้สะอาดด้วย ทำให้เสร็จก่อนม้ากลับมานะ เริ่มงานตอนเช้ามืด บ่ายๆ พ่อเลี้ยงจะมาตรวจ”
“ครับ”
“อืม แค่นี้แหละ ไปเฝ้าไอ้บ้าไป เดี๋ยวมันอาละวาดอีก”
ผมเดินกลับไปที่พัก เห็นหินกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงไม้ไผ่ซึ่งใหญ่พอจะให้คนสองคนนอน ผมเดินไปนั่งข้างๆ มองใบหน้ายามหลับแล้วจูบหน้าผากเบาๆ
“ฝันดีนะครับ”
ooooOoooo
เสียงคนคุยกันทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้นมาตอนกลางดึกที่เงียบสงัด พอลุกขึ้นมาก็ไม่เจอคนข้างกาย ในขณะที่กำลังจะเอ่ยเรียก เขาก็เดินกลับมาพอดี
“ใครมาเหรอครับ… แล้วคุณไปไหนมา” ผมถามอย่างงัวเงีย
“ไม่มี… หินหิวน้ำ” เขายิ้มแล้วโอบตัวผมให้นอนลงเหมือนเดิม “ฟ้าตื่นเพราะหินเลย”
“ไม่เป็นไร… นึกว่าเกิดอะไรขึ้น ผมได้ยินเสียงคนคุยกัน”
“ไม่มีใครมาหรอก คงเป็นเสียงลม... ฟ้าหลับเถอะนะ”
“อืม…”
หลังจากนั้นผมก็เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งภายในอ้อมกอดของคนตัวใหญ่ที่โอบอยู่อย่างนั้นทั้งคืน