@คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @คนบ้า@ *Mpreg* [ลงตอนที่26 ตอนจบ] อัพล่าสุด>>>>22/10/59  (อ่าน 104194 ครั้ง)

ออฟไลน์ snoopy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
เวลาเสี่ยงๆ ก็ยัง :a5:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
หิน โมเม้นนั้นมันไม่เหมาะอย่างแรง ใช่เวลาไหมเนี่ยย
ดีนะที่รอด เฮ้อออ

ออฟไลน์ yingcnx1

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เหมือนหินความจำจะกลับมาแล้วหรือปล่าวนะ
รอๆตอนต่อไปจร้า
หวังว่าคนที่ไปอยู่ด้วยจะไม่ใช่คนเดียวกับฝังที่หนีมาน๊าเก็นติดต่อยากเหมือนกันเลยงะ :ling1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ยังจะสวีทกันอีก!

ออฟไลน์ Tastsu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: @คนบ้า@ *Mpreg* [ตอนที่9]
«ตอบ #94 เมื่อ24-09-2016 12:27:15 »

                 ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานไม้ที่ไม่คุ้นเคย… ที่ไหนกันนะ… ผมพยายามเพ่งมอง แต่เพราะปวดหัวและปวดตามตัวจึงทำให้ต้องนิ่วหน้าและหลับตาลงอีกครั้ง กุมขมับและค่อยๆ นึกถึงเหตุการณ์
                “ที่นี่ที่ไหน… หิน!” ผมรีบลุกนั่งทันทีแม้จะยังปวดไปทั้งตัวจนต้องนิ่วหน้าก็ตาม แต่จะมัวมานอนอยู่แบบนี้ไม่ได้ เพราะตอนนี้หินไม่ได้อยู่ข้างๆ ผม เขาหายไปไหน! ผมค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกจากเตียงนุ่มน่านอนซึ่งตอนนี้ผมไม่ได้ให้ความสนใจในความสบายนี้เลยสักนิด และมองพิจารณาไปรอบๆ ห้องที่ผมอยู่ตอนนี้เป็นห้องที่ทำด้วยไม้หายาก ของตกแต่งเป็นของมีราคาแต่กลมกลืนกับวัฒนธรรมของชาวเหนือ ผมพยุงตัวเองไปที่ผ้าม่านก่อนจะเปิดออก
                กระจกใสบานใหญ่ไม่อาจกั้นธรรมชาติที่แสนงดงามตรงหน้าได้เลย
ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือทุ่งหญ้าสีเขียวชอุ่มเสมือนลานกว้างและสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ มีสวนดอกไม้ปลูกเป็นหย่อมๆ ถัดไปไกลพอสมควรเป็นฟาร์มสัตว์ขนาดใหญ่และมีบ้านคนอยู่บริเวณนั้นหลายหลัง ด้านซ้ายของฟาร์มสัตว์เป็นป่าขนาดกลาง ส่วนบริเวณอื่นๆ เป็นไร่ผลไม้ชนิดหนึ่งที่ปกคลุมเนื้อที่มากมายหลายร้อยไร่ หรืออาจหลายพันไร่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
                ผมมองภาพตรงหน้าอย่างมึนงง “ที่นี่คือ…..”
                “บ้านฉันเอง”
                ผมหันไปมองเจ้าของเสียง ปรากฏชายร่างสูงใหญ่รูปร่างและความสูงพอๆ กับหิน ดูจากหน้าตาอายุคงประมาณสามสิบปลายๆ  แต่รูปร่างกลับตรงกันข้าม แม้จะอยู่ภายใต้เสื้อผ้าแบบชาวไร่ แต่กล้ามเนื้อที่แข็งแรงและความกำยำยังคงเห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วงแขนที่มีกล้ามเป็นมัดเหมือนคนออกกำลังกายเป็นประจำ
                “เอ่อ…”
                “เธอเพิ่งฟื้นนะ อย่าเพิ่งเดินไปไหนเลย”
                “คุณคือ… เอ่อ…”
                “ฉันชื่อใหญ่ เรียกว่าพ่อเลี้ยงก็ได้ ภาพที่เธอเห็นผ่านกระจกนั่นเป็นของฉันทั้งหมด” เขาชี้ไปทางวิวทิวทัศน์ที่ผมเพิ่งมองเมื่อกี้นี้
                “พี่ลีฝากฝังเธอให้กับฉันจำได้ไหม”
                ผมเบิกตากว้าง “คุณคือ… เอ่อ… ขอบคุณมากนะครับ” ผมรีบยกมือไหว้ นั่นสิผมเพิ่งหนีมาที่นี่ มาขออาศัยใบบุญน้องชายของเจ๊ลี
                “อย่ามากพิธีเลย พักก่อนเถอะ เธอเพิ่งหายไข้” เขาจับมือผมแล้วพามานั่งที่เตียงอีกครั้ง
                “เอ่อ… หินอยู่ที่ไหนเหรอครับ”
                “หิน?”
                “หิน… ผู้ชายที่มาด้วยกันกับผม”
                “เขาน่ะเหรอ… อย่าสนใจจะดีกว่านะ”
                “มะ..หมายความว่ายังไงเหรอครับ”
 
ooooOoooo
 
                “ปล่อย! ปล่อยกูออกไป!” เสียงตะโกนลั่นดังออกมาจากกรงขังที่ทำด้วยไม้ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับคอกม้า คนงานผู้ชายที่ผ่านไปมาไม่มีใครสนใจที่จะให้ความช่วยเหลือ ซ้ำยังมีท่าทีจะเข้าไปทำร้ายแทน ส่วนสาวๆ ที่เดินผ่านไปมากลับถูกใจในหน้าตาและรูปร่าง แต่พอเจอเสียงตวาดก็ต้องรีบหนีไปทางอื่น
                “ฟ้า! เอาฟ้าคืนมา อ๊ากกกกกกก”
                ปังๆๆๆ
                คนข้างในคลั่งทุบกรงไม้แทบหัก เหมือนสัตว์ร้ายที่พร้อมจะพังกรงออกมาขย้ำได้ทุกเมื่อ แม้คนในกรงจะไม่ต่างจากสัตว์ที่กำลังบ้า แต่ก็ไม่อาจคลายความหล่อดูดีลงได้แม้แต่น้อย กลับเพิ่มความหล่อแบบดิบเถื่อนมากขึ้นด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็คงไม่มีใครอยากเข้าใกล้ …คนบ้า…
                “เอาฟ้าคืนมา ฟ้า!!!”
 
ooooOoooo
 
                “ว่ายังไงนะครับ! คุณขังหินไว้ในกรงขังเหรอ” ผมเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ
                “ใช่”
                “ทำไม…” ผมถามอย่างอ่อนแรงแทบขาดใจเมื่อรู้ว่าตอนนี้หินกำลังเจอกับอะไร
                “เพราะเขาคลั่งน่ะสิ เธอป่วยมาก ฉันจำเป็นต้องพาเธอไปรักษาที่โรงพยาบาลและพามาพักฟื้นที่นี่ แต่หมอนั่นกลับอาละวาดไม่ยอมให้พาเธอไปรักษา ทำร้ายคนงานจนบาดเจ็บ เลยจำเป็นต้องขัง ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับรองความปลอดภัยของหมอนั่น”
                “อะไรกัน… คุณขังเขามากี่วันแล้ว”
                “ตั้งแต่เธอมาจนถึงตอนนี้ก็... สามวัน”
                ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินว่าหินถูกขังอยู่นานถึงสามวัน “พะ..พาผมไปหาเขาที”
                “เธอเพิ่งหายป่วยนะ”
                “ขอร้องล่ะครับ! พาผมไปที เขา... ตอนนี้ต้องการผม…”
                “ฉันคงทำไม่ได้ พี่ฉันบอกว่าเธออยู่กับคนบ้า”
                ผมสะอึก… ผมไม่ได้บอกเจ๊ลีว่าหินเป็นคนบ้า แค่บอกว่าเขาอาจไม่ค่อยเหมือนคนปกติ
                “คุณไม่พาผมไปก็ไม่เป็นไร ผมจะไปหาเขาเอง” ผมเตรียมจะวิ่งออกไปจากห้องแม้ไม่รู้ทิศทาง แต่แขนกลับถูกกระชากรั้งไว้ก่อน
                “เดี๋ยวก่อนคราม ฉันบอกว่าเธอเพิ่งหายป่วย จะวิ่งไปไหน”
                “ผมจะไปหาหิน ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง ผมจะไปหาเขา”
                “…งั้นขึ้นรถ ฉันจะพาไป” พ่อเลี้ยงจับมือผมแล้วพาไปที่รถยนต์สำหรับขึ้นเขา ขับออกมาไม่นานก็มาถึงคอกม้าขนาดกลาง ผมมองไปที่กรงขังที่ทำด้วยไม้แล้วรีบวิ่งไปหาทันที ยิ่งได้ยินเสียงตะโกน ขาผมก็ยิ่งเพิ่มความเร็วโดยไม่สนใจสภาพร่างกาย
                “หิน!”
                “ฟ้า!”
                เขารีบวิ่งมาจับกรงไม้ด้านที่ผมยืนอยู่แล้วยื่นแขนออกมากอดผม
                “ฮึก..ก… ฟ้า... คิดถึงฟ้า”
                “ปะ..เป็นยังไงบ้าง ฮึก..ก…” ผมจับใบหน้าของหินที่โทรมอย่างมาก เนื้อตัวก็มอมแมม ปากก็แตก นี่พวกเขาทำอะไรหินกันแน่
                “ผมจะพาคุณออกมานะ”
                “คราม” พ่อเลี้ยงเดินมากระชากตัวผมให้ออกห่างจากหิน
                “พ่อเลี้ยง”
                “จะปล่อยไม่ได้ ถ้าเขาทำร้ายคนอื่นจะทำยังไง”
                “เขาไม่ทำร้ายใครหรอกครับ หินเขาเชื่อฟังผม เขาไม่ทำร้ายใคร”
                “ฟ้า! มึงอย่าเข้าใกล้ฟ้า!” หินตะโกนลั่น พ่อเลี้ยงขมวดคิ้วไม่พอใจ
                “หิน! อย่าพูดแบบนี้สิ ขอโทษพ่อเลี้ยงซะ เขาคือคนที่ช่วยพวกเรานะ…”
                หินมองพ่อเลี้ยงด้วยสายตาแข็งกร้าวไม่ลดละ
                พ่อเลี้ยงถอนหายใจ “ถ้ายังเป็นแบบนี้คงปล่อยไม่ได้หรอกนะ” พูดพลางสวมหมวกปีกกว้างแบบคาวบอยก่อนจะเดินไปทางอื่น
                “ฉันจะไปดูคนงานตรงนั้นก่อน ถ้าฉันกลับมาเธอก็ต้องกลับบ้านพร้อมฉัน”
                “พ่อเลี้ยง! ขอร้องล่ะครับ ปล่อยหินเถอะครับ!”
                “แล้วมีอะไรรับรองว่าเขาจะไม่ทำร้ายใคร”
                “ผมรับรอง! ถ้าเขาอาละวาดคุณจะทำยังไงกับผมก็ได้ ผมเชื่อว่าถ้าหินอยู่ข้างๆ ผม เขาจะไม่ทำร้ายใคร”
                พ่อเลี้ยงมองผมนิ่งงัน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเอ่ยบอกคนงาน
                “ปล่อยหมอนี่ออกมา”
                ผมยิ้มแล้วไหว้ “ขอบคุณมากครับ ขอบคุณจริงๆ”
                เมื่อประตูถูกเปิดออกหินก็รีบพุ่งมากอดผม
                “ฟ้า... คิดถึงฟ้า หินเหงามากเลย... ฟ้าหายไป หินเจ็บไปหมด... โดนทำร้าย...”
                ผมกอดเขาแน่นแล้วลูบหลังปลอบโยน ทำไมเขาต้องเจอเรื่องแบบนี้อีก นี่เราหนีมาเพื่อเจอสิ่งร้ายๆ อีกหรือไง ผมมองพ่อเลี้ยงขณะที่เขาหันมามองผมพอดี เขาไม่พูดอะไรแต่เดินไปอีกทาง
                “เจ็บตรงไหนไหม”
                “เจ็บปาก เจ็บหัวด้วย คนพวกนี้ทำร้ายหิน”
                “ผมขอโทษ… ฮึก..ก… ผมไม่ได้ช่วยอะไรคุณเลย ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณอีก”
                “ฟ้า...’’ เขากอดผมแน่นอย่างสั่นกลัว
                ผมจับมือเขามานั่งบนพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ ค่อยๆ ลูบแผลที่มุมปากของเขาอย่างแผ่วเบา       หินเองก็ลูบแผลที่หน้าผากของผมซึ่งตอนนี้ไม่เจ็บมากแล้ว
                “ฟ้าเจ็บไหม”
                “ไม่เจ็บแล้ว”
                หินจูบลงบนแผลที่หน้าผากของผมแล้วกอดผมแน่น
                “คิดถึง…”
                “ผมก็คิดถึงคุณ…”
                ผมซบอกกว้างแล้วหลับตา เราหนีกันมาแล้ว หนีมาในที่ที่คิดว่าปลอดภัย แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่าอันตรายกว่าเก่า โดยเฉพาะหิน ผมกลัวว่าเขาจะได้รับอันตราย แค่มาวันแรกเขาก็ถูกจับขังแล้ว หรือว่าที่นี่ก็ไม่ต้องการเราและจะทำร้ายเราเหมือนกับที่ผ่านมากันนะ หลังจากปลอบโยนกันอยู่สักพัก พ่อเลี้ยงก็กลับมา
                “คราม เธอกลับบ้านกับฉัน”
                “แล้วหินล่ะครับ”
                “อยู่ที่นี่…”
                ผมกำมือแน่น ทำไมทุกคนถึงต้องปฏิบัติกับหินแบบนี้ ทำไมทุกคนถึงไม่ให้โอกาสเขาบ้าง…
 
                “ถ้าอย่างนั้น ผมขออยู่ที่นี่ครับ เราสองคนมาที่นี่ด้วยกัน เราก็จะอยู่ด้วยกันครับ จะให้เรากินข้าววันละมื้อก็ได้ จะใช้งานหนักแค่ไหนก็ได้ แต่ขอแค่ให้เราสองคนอยู่ด้วยกัน”
                พ่อเลี้ยงทำท่าทางเหมือนไม่เข้าใจ
                “ทำไมเธอถึงยอมอยู่กับหมอนี่… ยอมลำบากขนาดนี้”
                “เพราะเราสองคน…” ผมบีบมือใหญ่ของหินแน่น “…เป็นสามีภรรยากันครับ”
                พ่อเลี้ยงยืนอึ้ง แววตานั้นไม่พอใจอย่างมาก แต่รอยยิ้มของผมและมือที่กุมกันและกันเอาไว้คือสิ่งที่บอกได้อย่างดีว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริงและจะไม่มีสิ่งใดมาพรากพวกเราให้จากกันได้
                “เธอนี่แปลกคนจริงๆ รักกับคนบ้า”
                ผมเจ็บในอกซ้ายตรงหัวใจ… ไม่เป็นไร ก็แค่คำดูถูก ผมจะต้องผ่านไปให้ได้ หินเจอมามากกว่าผมอีก เรื่องแค่นี้ผมจะท้อไม่ได้…
                “งั้นตามใจ เรื่องที่พัก ฉันจะให้คนงานจัดให้ คงเป็นแถวๆ นี้แหละ เพราะทั้งสองคนต้องทำงานที่คอกม้าคอกนี้ โดยมีหน้าที่ทำความสะอาด ไหวไหม”
                “ไหวครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ช่วยพวกเราไว้และยังให้ที่พักพวกเราอีก”
                พ่อเลี้ยงไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะขึ้นรถยนต์แล้วขับกลับไป ผมมองใบหน้าของร่างสูงที่ตอนนี้ซูบผอม เขาถูกขังไว้แบบนี้ได้กินอะไรบ้างหรือเปล่า
                “พวกเอ็งสองคนตามข้ามา” เสียงของลุงคนหนึ่งพูดขึ้น พวกเราเดินตามเจ้าของเสียงไปจนถึงบ้านหลังหนึ่ง ไม่สิ ควรเรียกว่ากระท่อมมากกว่า เพราะสร้างด้วยไม้ล้อมรอบชั้นเดียวแบบติดดิน ลักษณะไม่น่าจะแข็งแรงมากนัก หลังคามีรอยรั่วจนเห็นแสงอาทิตย์สาดลอดเข้ามา ใกล้กับกระท่อมอีกด้านหนึ่ง คือป่าที่ผมยืนมองจากบ้านของพ่อเลี้ยง
                “พวกเอ็งอยู่ที่นี่แหละ พวกที่นอนก็อยู่ในตู้นั่น อาจสกปรกหน่อย เอาไปซักก็สะอาดแล้ว ส่วนพวกเสื้อผ้า แม่ณีเขาเก็บไว้ให้ตอนเย็น เอ็งก็ไปเอาที่แม่ณีละกัน”
                “ขอบคุณมากนะครับ”
                “อืม… ส่วนเรื่องทำงาน คอกม้าคอกนี้มีคนทำสี่คนเพราะมีม้าแค่สี่ตัว งานพวกเอ็ง พ่อเลี้ยงคงบอกแล้วใช่ไหม… ส่วนงาน เดี๋ยวข้าสอนให้ ข้าชื่อดำ พวกเอ็งล่ะ”
                “ผมชื่อครามครับ ส่วนนี่ชื่อหิน”
                “อืมๆ เอ็งดูแลไอ้บ้านี่ให้ดีนะ อย่าให้มันอาละวาดอีก ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน ที่นี่กฎของพ่อเลี้ยงใหญ่กว่ากฎหมาย ฆ่าคือฆ่า… ส่วนแผล เดี๋ยวข้าเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ละกัน…” พูดจบ ลุงดำก็เดินออกไปจากกระท่อม
                ผมจับมือหินแน่นแล้วลูบใบหน้าของเขา
                “ไม่ต้องกลัวนะ… คุณไม่ต้องกลัว…”
                หินยิ้มแล้วกอดผมแน่น “หินกลัวว่าฟ้าจะจากไป ไม่เจอฟ้าหลายวันแล้ว”
                “ต่อไปนี้ผมจะอยู่ข้างๆ คุณนะ ไม่ต้องกลัว… จริงสิคุณกินอะไรหรือยัง”
                หินส่ายหน้า
                “ว่าไงนะ! คุณไม่ได้กินอะไรเลยมากี่วันแล้ว”
                หินส่ายหน้าอีก
                “คุณนั่งนี่นะ เดี๋ยวผมมา”
                “จะไปไหน!” เขารีบจับมือผมจนเผลอจิกเข้าไปในเนื้อ
                “โอ๊ย! ผมเจ็บ”
                “อย่าไป! ห้ามไป!”
                “ผมแค่จะไปเอาอาหารมาให้คุณกิน”
                “ไม่กิน ไม่กิน ฟ้าอย่าไป! อยู่กับหินที่นี่” เขารวบตัวผมแล้วกอดแน่น
                “แต่…” ผมจะเอ่ยขัด แต่แรงกอดที่แน่นขึ้นทำให้ผมเลือกที่จะกอดเขาแทน…
 
ooooOoooo
 
                ตกเย็น ลุงดำก็เรียกพวกผมไปอาบน้ำ กินข้าว บอกกฎต่างๆ ของคนงานว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้างเพื่อไม่ให้พ่อเลี้ยงโกรธ ผมนั่งฟังขณะตักกับข้าวใส่จานให้หินและถูกจับจ้องด้วยสายตาของคนงานหลายสิบคน
                “ส่วนงาน เริ่มพรุ่งนี้ละกัน เพราะเอ็งยังไม่หายไข้ ส่วนไอ้บ้า เอ็งก็สอนมันด้วยล่ะ”
                “ครับ…”
                หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็รีบพาหินกลับไปที่พัก แต่กว่าหินจะยอมปล่อยผมออกไปหาลุงดำเพื่อจะได้ไปเรียนรู้งานก่อนจะเริ่มงานจริงในวันพรุ่งนี้ ก็นานพอสมควร ผมต้องขู่ว่าจะไม่ให้เขากอดอีกถ้าไม่เชื่อฟังผม เขาจึงยอมแต่โดยดี
                “ตอนเช้าจะมีคนพาม้าไปกินหญ้า เวลานี้พวกเอ็งก็ขนขี้ใส่รถเข็นไปที่โรงทำปุ๋ยหมักตรงโน้น” ลุงดำชี้ไปยังโรงทำปุ๋ยที่อยู่ไกลออกไปพอสมควร
                “ไกลหน่อยนะ เอ็งไหวแน่นะ ท่าทางบอบบางอย่างกับผู้หญิง”
                “ไหวครับ ผมทำได้”
                “ก็ดี พอขนไปทิ้งแล้วก็ล้างคอกให้สะอาดด้วย ทำให้เสร็จก่อนม้ากลับมานะ เริ่มงานตอนเช้ามืด บ่ายๆ พ่อเลี้ยงจะมาตรวจ”
                “ครับ”
                “อืม แค่นี้แหละ ไปเฝ้าไอ้บ้าไป เดี๋ยวมันอาละวาดอีก”
               
ผมเดินกลับไปที่พัก เห็นหินกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงไม้ไผ่ซึ่งใหญ่พอจะให้คนสองคนนอน           ผมเดินไปนั่งข้างๆ มองใบหน้ายามหลับแล้วจูบหน้าผากเบาๆ
                “ฝันดีนะครับ”
 
ooooOoooo
 
                เสียงคนคุยกันทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้นมาตอนกลางดึกที่เงียบสงัด พอลุกขึ้นมาก็ไม่เจอคนข้างกาย ในขณะที่กำลังจะเอ่ยเรียก เขาก็เดินกลับมาพอดี
                “ใครมาเหรอครับ… แล้วคุณไปไหนมา” ผมถามอย่างงัวเงีย
                “ไม่มี… หินหิวน้ำ” เขายิ้มแล้วโอบตัวผมให้นอนลงเหมือนเดิม “ฟ้าตื่นเพราะหินเลย”
                “ไม่เป็นไร… นึกว่าเกิดอะไรขึ้น ผมได้ยินเสียงคนคุยกัน”
                “ไม่มีใครมาหรอก คงเป็นเสียงลม... ฟ้าหลับเถอะนะ”
                “อืม…”
                หลังจากนั้นผมก็เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งภายในอ้อมกอดของคนตัวใหญ่ที่โอบอยู่อย่างนั้นทั้งคืน
 

 

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สงสัยๆ

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :hao4: ยังไงกันหินมีความลับอะไรหรือเปล่า

ออฟไลน์ Warnkt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หินหายแล้วเหรอ หรืออะไรยังไง รออออออออ

ออฟไลน์ aurusma

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
หินหายแล้วหรือเปล่าาาา แต่แบบอาจจะยังระแวงหรืออะไรบ้างถึงได้อาละวาดตอนฟ้าครามป่วย

ออฟไลน์ supizpiz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 692
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
หินหายแล้วเหรอหรือยังไง  แปลกๆตั้งแต่ตอนที่เจ๊ลีพูดละ ถถถถ รออ่านตอนต่อไปนะคะ :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
พ่อเลี้ยงยังไงๆๆอยู่น่ะ

แต่หินเนี่ย เหมือนออกไปคุยกับใครน่ะ หายแล้วหรอ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ป้าหนอน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบฟ้า น่ารักดี  อ่านมาเรื่อยๆ จนตามทันล่ะ

สงสัยเหมือนหินเป็นปกติ พูดจารู้เรื่องขึ้นเยอะ  พี่เลี้ยงสิน่าสงสัย

เอาใจช่วย หินฟ้า  o22

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9
สงสัยตั้งแต่ที่เจ๊ลีพูดละ แล้วหินยังรับปากเจ๊ลีได้แบบคนปกติ เหมือนกับว่าหินแกล้งบ้าเลยอ่ะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
หินแกล้งเป็นบ้าหรอ
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จะหนีเสือปะจระเข้หรือป่าวน้อ!?

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ JessieB

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ท่าทางหินจะเริ่มดีขึ้นแล้วนะ แต่ที่ต้องแกล้งอยู่ เพื่อหลอกคนอื่น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PiiNaffe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เดี๋ยวๆเกิดอะไรขึ้น หินออกไปทำอะไร

ออฟไลน์ snoopy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
หินมีความลับหรอ  แล้วหินคุยกับใครอ่ะ

ออฟไลน์ tartar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เป็นกำลังใจให้คนเขียน
รออ่านอยู่นะคะ

ออฟไลน์ Kalamall

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
พ่อเลี้ยงแปลกๆ ...หินหายดีแล้ว?!? รอความลับเปิดเผยอยู่

ออฟไลน์ Tastsu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
               อากาศร้อนอบอ้าวจนไม่คิดว่าที่นี่คือภาคเหนือของประเทศไทย ผมเงยหน้ามองพระอาทิตย์ที่อยู่ในตำแหน่งเหนือหัวพอดี พลางเช็ดเหงื่อแล้วเข็นรถเข็นที่มีกองขี้ม้าอยู่เต็มไปยังโรงทำปุ๋ยหมักซึ่งอยู่ห่างจากคอกม้าพอสมควร ทำแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนผมแทบจะทรุด
                “เอาการเอางานดีนี่ ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะของลุงศรที่อยู่ในโรงเก็บปุ๋ยหมักดังลั่นเมื่อเห็นผมเข็นรถไปมาหลายรอบและหยุดพัก
                “เอ้า น้ำ”
                “ขอบคุณครับ”
                “เอ็งนี่ เห็นบอบบางแบบนี้ ทำงานใช้ได้นี่หว่า…”
                “คงชินน่ะครับ ผมต้องช่วยแม่ทำงานมาตั้งแต่เด็ก” ผมมองท้องฟ้าแล้วนึกถึงช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับแม่ แม่จะเป็นยังไงบ้างนะ หวังว่าคุณท่านจะไม่ทำร้ายแม่
                กริ๊งงงงง! กริ๊งงงงง!  เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์เครื่องหนึ่งดังขึ้น ผมมองลุงศรรับโทรศัพท์ก่อนจะคิดบางอย่างได้
                …โทรศัพท์…
                “คราม! ไอ้บ้ามันอาละวาดอีกแล้ว!” เสียงตะโกนมาพร้อมกับร่างของพี่ทัดที่รีบวิ่งมาจนเหงื่อโทรมกายแล้วหยุดหอบ “แฮ่กๆ อะ..ไอ้บ้า… มัน..”
                ผมไม่รอฟังจนจบ แล้วรีบเข็นรถเข็นกลับไปยังคอกม้าทันที อากาศก็ร้อน พอยิ่งวิ่งด้วยความเร็วขนาดนี้แล้วจึงทำให้ผมเหนื่อยแทบขาดใจ แต่ความกลัวว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับหินทำให้ผมไม่สนใจความเหนื่อยล้า เมื่อไปถึงคอกม้า เสียงโวยวายก็เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะของคนงานแทน
                “ฮ่าๆๆ เอ็งนี่เซ่อใช้ได้” ผมยืนมองด้วยความงง แม้จะเหนื่อยแต่ก็เดินเข้าไปหา
                “ฟ้า!” หินเรียกชื่อผมแล้วเดินออกมาจากคอกม้า
                ผมมองสภาพคนตรงหน้าที่เปื้อนขี้ม้าและเศษหญ้าไปทั้งตัว ดูตลกเหมือนเด็กไม่มีผิด ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะตามคนอื่นๆ
                “ทำไมเป็นแบบนี้ครับ” คนตัวใหญ่มองสภาพตัวเองแล้วยู่จมูก
                “เหม็น”
                “ก็คุณเปื้อนไปทั้งตัวเลย คุณล้างคอกม้าหรือทำให้เลอะมากกว่าเดิมครับเนี่ย” ผมส่ายหน้าระอาใจ
                “ฮ่าๆๆ คราม ไอ้บ้านี่ตลกใช้ได้นะ มันโวยวายเพราะสะดุดก้อนขี้ม้าแล้วล้มทับก้อนขี้ม้าอีกที ฮ่าๆๆ” หลายคนหัวเราะจนท้องแข็ง ผมหัวเราะแล้วปัดเศษหญ้าออกให้
                “คุณไปล้างหน้าล้างตัวก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมขนขี้ม้าไปอีกรอบแล้วจะกลับมาช่วยทำความสะอาด” หินหยักหน้าแล้วเดินไปที่ก๊อกน้ำ
                “เอ็งพักก่อนก็ได้นะ เที่ยงกว่าแล้ว” ลุงดำเอ่ย
                “อีกรอบเดียวก็เสร็จแล้วครับ” ผมพูดพลางขนขี้ม้าขึ้นรถเข็นแล้วเข็นออกไป ถึงแม้แขนและขาจะล้าไปหมด แต่ผมก็ยังขนขี้ม้ารอบสุดท้ายไปไว้ที่โรงทำปุ๋ยจนเสร็จ แล้วกลับมาหาหินจนได้
                “ฟ้าเหนื่อยไหม”
                “ก็นิดหน่อย” ผมพูดแล้วทรุดนั่ง เหยียดขาแล้วทุบแก้ปวด
                “ฟ้าให้หินขนขี้ม้าแทนเถอะ”
                “แค่คุณล้างคอกยังเลอะแบบนี้เลย ถ้าเข็นรถไปมาเดี๋ยวคุณก็เข็นจนตกเนินเขาหรอกครับ”
                “หินเป็นห่วงฟ้านะ”
                “ไม่เป็นไร ผมจะระวังตัว… ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ หึ” ผมยิ้มเมื่อหินนวดขาให้ผม  แล้วเปลี่ยนมานวดบ่า นวดไหล่ จนผมนึกขำ คนงานคนอื่นๆ ก็ยิ้มอย่างเอ็นดู
                “รักกันจริงๆ นะพวกเอ็ง” ป้าณีพูดพร้อมกับยกสำรับข้าวมาให้
                “มากินข้าวกันทุกคน!”
                แม้วันนี้จะเป็นการทำงานวันแรก แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ผมนั่งตบยุงเพราะตอนกลางคืนในป่าในเขาแบบนี้ยุงชุมนัก ยิ่งกระท่อมที่พวกผมอยู่ก็มีรูมีช่องให้ยุงเข้ามาได้หลายทิศทาง จึงลำบากอยู่ใม่น้อย
                “หินหลับไปก่อนนะ เดี๋ยวผมจุดยากันยุงก่อน”
                “หลับพร้อมกันน่า น้าา…” คนตัวใหญ่ขี้อ้อนนี่น่าหมั่นไส้จริงๆ
                “คุณนอนก่อนเลยครับ”
                หินหน้ามุ่ยแล้วนอนตะแคงหันหลังให้ ผมคงต้องง้ออีกแล้วสินะ ผมจุดยากันยุงแล้วจะหาขวดในกระสอบมาเป็นขาตั้ง แต่ค้นไปค้นมาก็พบบางสิ่งปนอยู่กับขวดในกระสอบ บางสิ่งที่ทำให้ผมยืนอึ้ง ผมมองสิ่งนั้นอย่างพิจารณา เป็นอันเดียวกับเมื่อตอนนั้นจริงๆ เพราะผมจำได้ดี ผมหันไปมองหินที่นอนหลับไปแล้ว ก่อนจะซ่อนมันไว้ในกระสอบตามเดิมและเดินไปหาคนตัวใหญ่ จะถามก็ไม่กล้า ผมเลยเลือกที่จะปิดเงียบไว้แทน
ooooOoooo
                “จะดีเหรอคราม มาช่วยป้าทำอาหารเช้าแบบนี้ ไม่เหนื่อยแย่เหรอ เดี๋ยวต้องไปทำงานอีก”
                “ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ก็ว่างอยู่ด้วย” ผมเอ่ยขณะปอกกระเทียม มองนาฬิกาแล้วยังพอมีเวลาอยู่บ้าง
                “เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ทำอาหารคล่องนะ แม่สอนเหรอ”  ป้าณีถามอีก
                ผมยิ้ม “ครับ… แม่ผมสอนทุกอย่าง…”
                “แล้วเอ็งมากันสองคน แล้วแม่เอ็งจะอยู่ยังไงล่ะ”
                ผมหยุดปอกกระเทียมแล้วนิ่งงัน… ไม่สามารถจะตอบอะไรได้… นั่นสิแม่จะอยู่ยังไง ผมอยากติดต่อกับแม่ ขอแค่ได้ยินเสียงสักนิดก็ยังดี
                “ป้าณีครับ ที่นี่พอจะมีโทรศัพท์สำหรับคนงานไหมครับ”
                “มีโทรศัพท์บ้านน่ะ แต่สัญญาณไม่ค่อยจะดี”
                “เอ่อ… ถ้างั้นขอผมใช้ได้ไหมครับ”
                “ได้สิ อยู่ในบ้านป้านี่แหละ เดินตรงไปก็เจออยู่ทางขวาเลย” ป้าชี้เข้าไปในบ้าน ผมเดินไปตามที่ป้าบอก พอเห็นโทรศัพท์ก็รีบพุ่งเข้าหาทันที ผมจำเบอร์โทรศัพท์ได้ขึ้นใจ แต่พอจะกดโทร มือมันกลับนิ่งค้าง
                “ขออย่าให้คุณท่านรับสายเลย” ผมยกมือไหว้ก่อนจะตัดสินใจโทรออกไป
                ตื๊ดดดดด
                “รับทีเถอะ แม่ ป้าดา ลุงสงวน พี่อาจ ใครก็ได้รับที”
                ตื๊ดดดดด
                [สวัสดีค่ะ บ้าน…]
                เสียงที่ดังปลายสายทำให้น้ำตาผมไหลอาบแก้ม ไม่สามารถที่จะพูดได้เพราะร้องไห้ออกมาแทน
                [สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าจะเรียนสาย..]
                “แม่ครับ”
                ปลายสายหยุดนิ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมา [คะ..ครามลูก]
                “ฮึก..ก… แม่ครับ ผมคิดถึงแม่”
                [ครามลูกอยู่ที่ไหน! เป็นยังไงบ้าง โธ่… แม่เป็นห่วงมากเลยรู้ไหม ฮึก..ก]
                “ผมสบายดีครับ… แม่เป็นยังไงบ้างครับ”
                [แม่ก็สบายดีจ้ะ แล้วลูกหนีกันไปทำไม]
                “…..คือ พี่ปรางบอกว่าพวกคุณท่านจะฆ่าพวกผมครับ”
                [ว่าไงนะ! จริงเหรอลูก]
                “ครับ…”
                [แม่ไม่อยากจะเชื่อ... ตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน]
                “ชะ..เชียงใหม่ครับ ทำงานที่ฟาร์ม”
                [โธ่… แม่เป็นห่วงคราม คิดถึงมาก ฮึก..ก…ก]
                “ผมขอโทษนะครับที่ไม่ได้บอก แต่มันฉุกละหุกจริงๆ พอพี่ปรางบอกให้พวกผมหนี พวกผมก็รีบหนีกันเลยครับ…”
                [คุณท่านทำไมทำกับลูกแบบนี้ แม่… รู้สึกผิดหวังเหลือเกิน]
                “แม่ครับ… หนีมาอยู่กับพวกผมนะครับ”
                [……]
                “ผมเป็นห่วงแม่ กลัวคุณท่านจะทำร้ายแม่ เพราะฉะนั้น..”
                [คือแม่… คุยกับใครน่ะ!]
                ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ปลายสายถูกตัด เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินคือเสียงคุณนาย!
                แม่... แม่จะเป็นยังไงบ้าง ขาผมอ่อนแรงจนทรุดลงกับพื้น
                “ฮึก..ก..ก… อย่าทำร้ายแม่เลย ขออย่าทำร้ายแม่ผมเลย”
 
ooooOoooo
 
                “โอ๊ย!”
                “วันนี้เหม่ออะไรนักหนา ล้มไปกี่รอบแล้ว” ลุงศรเอ่ยแล้วรีบเข้ามาพยุงผมที่สะดุดก้อนหินจนล้ม โชคดีที่รถเข็นไม่ได้ล้มตาม
                “ถ้าเอ็งยังสะดุดแบบนี้ทั้งวันนะ มีหวังได้ตกเนินเขาแน่ๆ ถึงจะไม่สูง แต่ถ้ากลิ้งตกไปก็เจ็บไม่น้อยเลย”
                ผมมองขาตัวเองที่มีรอยถลอกหลายรอย
                “ขอโทษครับ”
                “เฮ้อ… ระวังหน่อยสิ”
                ผมเดินกลับไปหาร่างสูงใหญ่ที่กำลังทำความสะอาดคอกม้าอย่างขยันขันแข็ง แม้จะโวยวายแต่ก็ทำงานได้ดี ผมนั่งพิงต้นไม้ใกล้ๆ แล้วเหม่อมองท้องฟ้า สายลมเย็นที่พัดผ่านบวกกับความเหนื่อยล้าทำให้ผมเผลอหลับไป
                ‘น้องฟ้า…’
                เขาคนนั้นเรียกชื่อผมอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ช่วงนี้ผมไม่ได้ฝันถึงเขามานานมากแล้ว และผมเองก็จำหน้าเขาไม่ได้เช่นกัน หรือเพราะแบบนี้ ใบหน้าของเขาจึงเลือนลางจนมองไม่เห็น
                ‘ทำไมน้องฟ้าถึงจำพี่ไม่ได้…’
                ‘…คุณเป็นใครกันแน่…’
                ‘พี่ก็คือ..’
                ผมลืมตาตื่นเอ่ยชื่ออย่างแผ่วเบา “พี่ภูมิ…”
                ทันทีที่เอ่ยชื่อ ร่างสูงใหญ่ของหินก็เดินมาหยุดตรงหน้าของผม ผมเงยหน้ามองก่อนจะค่อยๆ ลุก หินมองหน้าผมแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น แววตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
                ปฏิกิริยาเขาแปลกไป…
                “…รู้จักพี่ภูมิไหม”
                “…..”
                “คุณ…”
                “คราม!” เสียงเรียกทำให้ผมสะดุ้งเฮือกแล้วหันไปทางที่พี่ทัดกำลังวิ่งมา
                “มะ..มีอะไรเหรอครับพี่ทัด”
                “เมื่อเช้าครามโทรไปหาใครหรือเปล่า… เขาโทรกลับมาน่ะ แม่พี่รับสายรอให้อยู่”
                ผมเบิกตากว้าง มีคนโทรกลับมา… หรือจะเป็นคุณนาย!
                “จะรับไหมคราม”
                “อะ..เอ่อ… รับครับ” ผมหันไปมองหินที่ยังยืนนิ่ง ก่อนจะรีบวิ่งไปบ้านป้าณี
                “เอ้านี่จ้ะ” ป้าณียื่นโทรศัพท์ให้แล้วเดินไปยังครัว ผมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่แล้วรับสาย
                “ฮัลโหลครับ…”
                [คราม…]
                “แม่!” ผมโล่งอก นึกว่าคุณนายจะโทรกลับมา เพราะนึกว่าเมื่อเช้าแม่จะถูกจับได้         “ผมตกใจแทบแย่ นึกว่าคุณนาย”
                [เเม่โทรมาเพราะคิดถึง… อยากได้ยินเสียง...]
                ผมยิ้ม “ผมก็คิดถึงครับ แล้วแม่จะหนีมาอยู่กับผมไหมครับ”
                […ไม่จ้ะ แม่ไม่หนี]
                “ทำไมครับ พวกคุณท่านจะทำร้ายแม่นะ”
                [คราม… แม่อยู่รับใช้ตระกูลนี้มานานแล้วลูก แม่คงจะอกตัญญูแล้วหนีไปไม่ได้หรอก อีกอย่าง แม่แก่แล้วล่ะ หนีไปไหนไม่ไหวแล้ว… ส่วนคราม ลูกน่ะ แม่อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีกว่านี้… ตั้งต้นชีวิตใหม่นะลูก…]
                ผมเม้มปากแน่น “แต่ผมเป็นห่วง ผมเสียใจที่หนีมาแล้วทิ้งแม่ไว้ ฮึก..ก… ผม…”
                [อย่าร้องไห้สิลูก เราไม่สามารถจะไปคาดเดากับทุกอย่างได้หรอกนะจ๊ะ ครามอย่าเสียใจเรื่องแม่อีกเลย ตอนนี้ลูกต้องพยายามให้มากนะ เพราะแม่คงไม่ได้อยู่ข้างๆ ลูกและแนะนำอะไรให้ได้อีกแล้ว]
                ผมเช็ดน้ำตาแล้วพยักหน้ารับ
                “ครับ…”
                [ดีมากจ้ะ]
                “จริงสิครับ… ผมมีเรื่องจะถามแม่”
                [อะไรจ๊ะ]
                “หิน เอ่อ... คนที่แม่ให้ผมดูแลเขาเป็นใครเหรอครับ”
                ปลายสายนิ่ง
                “แม่จะไม่บอกผมหน่อยเหรอครับ ผมอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร เพราะอะไรจึงถูกขังไว้ในกระท่อม”
                แม่นิ่งอยู่นานก่อนจะบอกความจริงออกมา
                ผมเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อในคำตอบ
                “ฟ้า… กินข้าวกัน” หินเดินมาหยุดตรงหน้าผม
                ผมมองคนตรงหน้าพร้อมกับได้ยินความจริงจากปากของแม่…..

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ chancha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
ลุ้นๆ รอตอนหน้า

ออฟไลน์ ่KEI_jry

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
โอ้โห ค้างเลย อย่างนี้ค้างมาก  :katai1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ฟ้าเจออะไรในขวด  :katai1: :katai1: :katai1:
เป็นของๆ หิน แน่เลย
ฟ้า รู้เรื่องหิน เป็นใครแล้วสินะ
รอ ตอนใหม่
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด