ตอนพิเศษคั่นเวลา
❤ MISSIN’ U Note: เนื้อหาในตอนนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคต ตัวละครบางตัวจึงยังไม่ปรากฏในเนื้อเรื่องหลักปัจจุบัน
แสงแดด สายลม กลิ่นหอมของดอกไม้
ทุกอย่างกำลังโอบล้อมผมอยู่ แต่ทุกอย่างที่รายล้อมผม มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเลยสักนิด
ผม....
อยากเจอเขา
อยากโอบกอดเขา
อยากสัมผัสถึงความอบอุ่นระหว่างเรา
แต่ผมทำได้แค่.........
.
.
.
ไอโฟนในมือถูกแกว่งไปมาพร้อมกับที่ดวงตาคมจ้องมองไปที่เบื้องหน้าดูความวุ่นวายของท้องถนนที่กำลังมีรถวิ่งสวนกันไปมา ผู้คนเดินบนทางเท้าเดินกันพลุกพล่าน ความวุ่นวายและเสียงที่ดังเซ็งแซ่ภายในที่ทำงานจากเพื่อนร่วมงานหลายคนวิ่งเข้าโสตประสาทแค่ผ่านหูซ้ายและทะลุออกไปเพียงเท่านั้น
แทนคุณ เหงา...
เขากำลังรู้สึกเหงาและวูบโหวงในหัวใจอย่างประหลาด ดวงตาคมฉายแววอ่อนล้าให้เห็นเด่นชัดยามที่อยู่คนเดียวเพียงลำพัง มือหนาที่กอบกุมโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่เอาไว้หยุดหมุนมันเล่นไปมาแล้วจ้องมันเพียงแค่นั้นอยู่หลายสิบนาที
ยูกำลังทำอะไรอยู่นะ...จะคิดถึงกันบ้างหรือเปล่า?“เฮ้! แทนคุณ” เสียงแหบห้าวดังขึ้นพร้อมความหนักที่บ่าเมื่อถูกแขนยาวพาดผ่านมาวางทับ เจ้าของชื่อหันมองคนมาใหม่ด้วยรอยยิ้มจางๆที่ประดับตกแต่งอยู่เป็นนิจเวลามีคนเอ่ยทักตน
“คิดถึงยูอยู่ล่ะซิ”
“.......” ไม่มีคำตอบมอบกลับให้แก่พระลักษณ์แต่อย่างใด นอกจากรอยยิ้มจางๆของแทนคุณพร้อมกับที่ชายหนุ่มจับจ้องอยู่แค่ไอโฟนในมือตัวเองเพียงเท่านั้น
“ถ้าคิดถึงก็โทรหาสิวะ”
“กูไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อน”
ในที่สุดแทนคุณก็เอ่ยตอบออกมา พระลักษณ์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหมุนตัวเท้าศอกไว้กับราวระเบียงเหล็กของตัวอาคารทั้งสองข้างพร้อมทอดสายตามองความวุ่นวายภายในตัวตึก
“แล้วจะทรมานหัวใจตัวเองแบบนี้อีกนานเท่าไหร่ล่ะ ถ้ามึงโทรไปยูเค้าก็ไม่ว่าอะไรมึงหรอก”
“รู้...แต่...”
“แทนคุณ เพราะมึงเอาแต่คิดว่ามันจะเป็นการรบกวนอีกฝ่ายยังไงล่ะ ถึงได้ไม่ได้คุยกันแบบนี้...บางที ฝ่ายนู้นเองก็อาจคิดเหมือนกันกับมึงและอาจรอให้มึงโทรไปหาเหมือนกันก็ได้นะ”
แทนคุณมองมือถือตัวเองอีกครั้ง ชื่อที่แสดงอยู่ในหน้าจอตอนนี้ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากยู
หากเขาจะแค่เพียงตัดสินใจกดปุ่มโทรออก แทนคุณก็รู้ดีว่าต่อให้อีกฝ่ายนั้นหลับแล้วหรือยุ่งวุ่นวายแค่ไหนพอเห็นว่าใครโทรเข้าก็จะรับมันและกรอกเสียงหวานหูให้ความรู้สึกวูบโหวงในหัวใจของเค้ามันหายไป
แต่....
ถ้าไม่ใช่เพราะเวลาที่มันไม่ตรงกัน แทนคุณก็คงจะโทรไปหาแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะสาเหตุที่ยูไปอยู่คนละซีกโลกนั้นเป็นเพราะต้องเรียนต่อแล้ว
แทนคุณก็อยากจะรบกวนอีกฝ่ายทุกวัน...
แต่เพราะเมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่ได้ฟังน้ำเสียงอิดโรยของยู พร้อมคำบอกเล่าที่ว่าคนรักของตนกำลังทำโปรเจ็คใหญ่และจากที่คุยกันจนยูเผลอหลับไปทั้งที่เขายังพูดกันไม่รู้เรื่องดีด้วยซ้ำ
วันนี้ แทนคุณก็อยากจะโทรไปหาเหมือนกัน
และถ้าหากเมื่อสามวันก่อนที่ ส่งข้อความไปแล้วได้รับข้อความตอบกลับมาหลังจากถามว่า...
เหนื่อยมั้ย? เรียนหนักหรือเปล่า?
แล้วคำตอบจะไม่ใช่....ทั้งเหนื่อย ทั้งเรียนหนัก
แทนคุณก็อยากที่จะโทรไปอยู่เหมือนกัน
“มัวรออะไรอยู่ละวะ โทรไปดิ”
“ไม่ดีกว่าว่ะ”
“เออนะ งั้นมึงก็ทำหน้าเป็นหมาหงอยแบบนี้ต่อไปเถอะ” ลักษณ์ไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะทิ้งเพื่อนของตนไปโดยไวเมื่อสายตาพลันเห็นใครบางคนเดินผ่านสายตาไปแว่บๆ
เรื่องของเพื่อนคงปล่อยให้เป็นเจ้าตัวเองที่ต้องแก้ไข
เหมือนกับของพระลักษณ์เองที่กำลังจะไปทำทุกวิถีทางให้ตัวเองสมหวังในความรักด้วยเช่นกัน
แทนคุณเพียงแค่หันหน้ามามองเพียงนิดหางตาพลันเห็นว่าเพื่อนตัวเองรีบถลาไปทิศทางใดก็ได้แต่ส่ายหน้าพลางอมยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสนใจกับหน้าจอมือถือที่มีรูปคนรักของตนฉีกยิ้มกว้างชูสองนิ้วให้อยู่ในนั้น
ภาพล่าสุดก่อนที่ยูจะบินไปเรียนต่อไกลถึงอีกทวีปหนึ่ง
“ยู โคตรคิดถึงเลยว่ะ”
เสียงแหบห้าวเอ่ยกับสายลมที่พัดผ่านไปมา เอ่ยผ่านให้สายลมหอบเอาคำพูดนั้นไปยังคนที่อยู่ต่างแดนที่พื้นฟ้าเป็นคนละสีตัดกันกับท้องฟ้าที่แทนคุณเห็นอยู่ในเวลานี้
.
.
.
.
ดวงจันทร์กำลังลอยเด่น ดวงดาวกำลังส่องแสงระยิบระยับ
ลมกำลังโชยพัด กระทบใบหน้าให้รู้สึกสดชื่น.....แต่เวลานี้ ผมกำลังรู้สึกว้าเหว่
ผมเหงา........และผม
ก็คิดถึงเขา
.
.
ผ้าคลุมถูกกระชับให้โอบไหล่ลาดภายใต้เสื้อยืดสีน้ำตาลเข้มมากยิ่งขึ้น ดวงตากลมโตภายใต้แว่นเลนส์บบางมองผ่านความมืดไปบนท้องฟ้าเห็นหมู่ดาววาวแสงล้อเล่นกับดวงจันทร์ลูกกลมๆสีเหลืองนวลอย่างน่าสนุกสนาน แม้กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกดีที่กำลังรายล้อมตัวเค้าอยู่นั้น มีความรู้สึกอบอุ่นเจือแฝงอยู่ด้วยสักนิด
ยูต้องการคนๆนั้น....
ต้องการสัมผัสความอบอุ่นที่เลือนหายมานานเกินปี
ต้องการแม้กระทั่งได้ยินน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ห่างหายมาเกือบสองอาทิตย์
กำลังทำอะไรอยู่นะ แทนคุณ...
จะกำลังคิดถึงกัน เหมือนอย่างที่คนทางนี้คิดถึงหรือเปล่า?
โปรเจ็คต่างๆที่มันควรจะดำเนินต่อไปในเวลานี้ถูกวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะอย่างเดิมเมื่อเวลานี้จิตใจของยูไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวก็ตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออกนอกจากใบหน้าของคนที่คิดถึงเหลือเกิน
ก็อกๆๆ
เสียงเคาะประตูจากภายนอกทำให้ยูดึงตัวเองออกมาจากโลกส่วนตัวก่อนจะขานรับออกไปให้ผู้บุกรุกยามวิกาลได้รับรู้
“ครับ”
“ทำงานอยู่หรอ ยู?” เสียงของพี่ชายเจ้าของบ้านที่ยูมาอาศัยอยู่ด้วยเอ่ยถามพร้อมกับที่ในมือมีนมอุ่นถือติดมาด้วย ก่อนจะแทรกตัวเองเข้ามาภายในห้องเมื่อยูเบี่ยงตัวหลบให้ แล้ววางแก้วในมือลงบนโต๊ะที่มีโน๊ตบุ๊คเปิดค้างเอาไว้
แต่ข้อความที่ปรากฏอยู่ในสายตาของพระรามมันทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า ยูเห็นว่าอีกฝ่ายล่วงรู้อะไรเข้าสักอย่าง จึงรีบปราดมาปิดพับหน้าจอโน๊ตบุ๊คลงเสีย เป็นผลให้รามส่งสายตาวาวอย่างล้อเลียนมาให้อย่างเต็มที่
“อะไรกันเล่าพี่”
“เปล่านิ พี่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร” ยูหลุบสายตาลงต่ำเมื่อแววตาล้อเลียนจากพี่ชายเจ้าของบ้านมันเด่นชัดเสียเหลือเกิน แถมรอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่ทำเอายูรู้สึกอยากมุดแทรกพื้นบ้านหนีนั่นอีก
เค้าไม่น่าพิมพ์อะไรแบบนั้นไว้ในคอมที่กำลังพิมพ์รายงานค้างไว้เช่นนั้นเลย
ไอ้บ้าแทนคุณ
คิดถึงจะตายอยู่แล้วโว้ย
อยากเจอ
อยากได้ยินเสียง
ทำไมไม่โทรมาสักที
“ถ้าคิดถึงขนาดนั้น ทำไมไม่โทรไปหาเองเลยล่ะ” รามเอ่ยขึ้น พลางให้ยูพรูลมหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แรงๆ
“ผมไม่อยากรบกวนเวลาเขาทำงาน”
“ทำไมล่ะ? เวลาพักก็มีไม่ใช่รึไง”
“ก็....”
“ตามใจนะยู อยากทรมานตัวเองแบบนี้ก็ได้นะ พี่ก็ไม่รู้จะแนะนำอย่างไรดี” แรงตบลงบนไหล่เบาๆ เป็นสัญญาณว่าพี่ชายคนนี้ให้คำปรึกษาได้ดีที่สุดก็เท่านี้ เรื่องแบบนี้ตัวเองเท่านั้นที่จะตัดสินใจ
“แค่กดปุ่มโทรออกมันจะยากเย็นอะไรนักหนา” รามเปรยเป็นประโยคบอกเล่าธรรมดาก่อนจะปิดประตูห้องให้อีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบ
เสียงบอกเล่าที่แผ่วเบาแต่ดังชัดให้ยูได้ยิน พาเอาลูกแก้วแวววาวทิ้งนิ่งไปยังสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่บนโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างโน๊ตบุ๊คของตน
“แล้วทำไมกูต้องโทรไปหาก่อนด้วย”
ปากเล็กงุบงิบงึมงำพลางเชิดขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะทำงานพลางทอดถอนหายใจ แล้วให้เท้าคางกับแขนที่วางนาบไว้กับโต๊ะ มืออีกข้างจับวัตถุอิเล็กทรอนิกสีดำขึ้นตั้งแล้วใช้ปลายนิ้วเลื่อนไล่ไปตามชื่อแล้วหยุดนิ่งอยู่ที่ชื่อใครคนนั้น
คนที่ยูคิดถึงเหลือเกิน
“แล้วทำไมไม่โทรมาหาอะ กูตะโทรไปหามึงทำไมกัน”
“หรือไม่คิดถึงกันเลยไม่โทรมา”
ยูพึมพำคนเดียวพลางนึกถึงเมื่อสามวันก่อนที่ได้รับข้อความจากแทนคุณ คำถามสั้นๆแค่ 2 ประโยค คำถามเรียบๆที่ไม่มีคำหวานเอ่ยติดมาด้วย แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยของแทนคุณ
ทว่าพอตอบกลับไป แทนที่จะได้รับข้อความกลับมาอีก
ปรากฏว่าไม่มี
ไอ้เราก็นึกว่าอีกฝ่ายจะพิมพ์กลับมาเมื่อเห็นคำตอบแล้วอย่างเช่น พยายามเข้านะกูเอาใจช่วยอยู่ หรือ กูรออยู่นะ สู้ๆ อะไรทำนองนั้น
แต่นี่....คนๆนั้นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักของเค้ากลับหายเงียบไปเสียเฉยๆ
เกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่แทนคุณ
หรือ.......จะไม่รักกันแล้ว
แค่คิดยูก็พาลจะน้ำตาไหล แต่เพราะรู้ว่าแทนคุณไม่ใช่คนแบบนั้น
เค้าเชื่อ แทนคุณไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่ ถ้าทำจริง....แทนคุณก็จะบอกกันตรงๆไม่ใช่หายไปแบบนี้
เพราะฉะนั้นตอนนี้....ทางเดียวที่จะรู้ว่าแทนคุณกำลังทำอะไร
โทรศัพท์ในมือถูกแกว่งไปมาอีกรอบก่อนที่ยูจะนั่งตัวตรงหลังพิงพนักเก้าอี้พร้อมชักสีหน้าเคืองใจนิดๆ ปากเล็กขมุบขมิบจับใจความได้สั้นๆว่า...
“เสียฟอร์มชะมัด”.
.
.
ความวุ่นวายภายในแผนกเริ่มเบาบางลงเมื่อเข็มนาฬิกากำลังชี้บ่งบอกใกล้เวลาเลิกพักของพนักงานบริษัทกินเงินเดือน ชายหนุ่มเสยผมตัวเองลวกๆก่อนจะเก็บเครื่องมือสื่อสารเข้ากระเป๋ากางเกง แต่ไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าเข้าไปถึงบริเวณของแผนก แรงสั่นที่หน้าขาจากวัตถุที่เพิ่งจะยัดใส่ไปเมื่อสักครู่ก็ร้องบอกว่ามีคนโทรเข้า
และเบอร์โทรเข้าที่โชว์อยู่หราก็ทำให้แทนคุณฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
‘Only YOU♥’
END..... ?
แถมนิดนึง
พระลักษณ์เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนรักที่กำลังยื่นซองกระดาษสีขาวมาให้ตรงหน้าด้วยความฉงนสงสัย เหลือบตามองนาฬิกาก็พบว่ามันยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเสียด้วยซ้ำ แล้วเพื่อนขี้เก๊กที่อยู่ตรงหน้าก็แต่งตัวเต็มยศเตรียมกับบ้านเสียด้วย
“อะไรของมึง?”
“ใบลาพักร้อน”
“ห๊ะ!?”
“เออ อย่างที่มึงได้ยินนั่นแหละ กูลาพักร้อนนะ 2 อาทิตย์ เดี๋ยวกลับมา”
“มึงจะไปไหน?”
“ไปหายู”
บทสนทนาเรียบๆง่ายๆ ก่อนที่แทนคุณจะก้าวเท้าเดินจากไปโดยไม่รอคำตอบรับว่าได้หรือไม่ได้จากพระลักษณ์เลยสักนิด พาให้เพื่อนที่ถูกโยนก้อนขี้ก้อนโตๆมาตรงหน้าให้เป็นภาระได้แต่กุมขมับหนักจิตและคิดไม่ตกว่าจะเอาคำแก้ตัวเรื่องใบลาพักร้อน 2 อาทิตย์ของแทนคุณบอกแก่คุณป๊าของมันอย่างไรดี
ก็ในเมื่อทั้งเขาและแทนคุณเป็นเพียงพนักงานบริษัทที่ถูกคุณป๊าให้มาฝึกงานก่อนจะไปขึ้นแท่นผู้บริหารเพื่อสานต่อกิจการของที่บ้านที่ทั้งสองครอบครัวถือหุ้นร่วมกันอยู่น่ะสิ
“ให้มันได้งี้สิวะ...แล้วนี่มันจะไปหายู กูต้องโทรบอกพี่รามด้วยหรือเปล่านี่” ลักษณ์ได้แต่ส่ายหน้าไปมาเมื่อรับรู้หน้าที่และภาระของตัวเองที่มีอยู่ในเวลานี้แล้วพลางถอนหายใจหนักๆ
“เป็นอะไรน่ะลักษณ์” เก็ตที่บังเอิญเดินผ่านหลังจากเอาเอกสารไปให้หัวหน้าแผนกเรียบร้อย หยุดถามชายหนุ่มที่ทำหน้าราวกับคนกำลังปวดขี้ เพราะเห็นแล้วดูน่าทรมานเลยอดเป็นห่วงนิดๆไม่ได้ ทั้งที่ไม่ได้อยากจะเสวนาด้วยเท่าไหร่ เพราะพระลักษณ์เป็นเจอหน้าเค้าไม่ได้ ต้องหยอดอะไรสักอย่างให้เค้ารู้สึกว่า
อย่าไปเสวนากับมันเลย เปลืองน้ำลาย!
พระลักษณ์เงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูที่เอ่ยถาม รอยยิ้มจึงวาดกว้างพร้อมกับที่มือหนาจะถือวิสาสะกอบกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้ เก็ตชักมือกลับพร้อมมุมปากกระตุกกับความเนียนปลาหมึกของพระลักษณ์
แต่เมื่อไม่ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยตอบจึงถามย้ำไปอีกครั้ง
“ทำท่าเหมือนคนอมขี้ ตกลงเป็นอะไร?”
“ผม?” ลักษณ์ชี้นิ้วใส่ตัวเองพร้อมกับที่เก็ตพยักหน้าให้เป็นคำตอบย้ำอีกครั้ง
“ผมก็เป็นคนที่รักเก็ตน่ะสิครับ”
“...!!!....”
กูไม่น่าเป็นห่วงมันเลยสิ ให้ตาย!!
Real END !ขออนุญาตเอาตอนพิเศษ (ที่แต่งไว้นานแล้วดัดแปลงมาจากเรื่องสั้น) มาลงคั่นเวลาให้ก่อนนะคะ
ช่วงนี้ภารกิจเยอะมากค่ะ พอดีที่ทำงานจะย้ายออฟฟิศแล้วชนช่วงตรวจคุณภาพเลยทำให้ต้องทำงานเลิกดึกมาเป็นอาทิตย์ๆไม่มีเวลามาต่อ (แต่ไม่ได้หายไปไหนนะ กำลังเขียนแต่มันยังไม่เสร็จเฉยๆ) แล้วไว้เจอกันในเนื้อเรื่องหลักค่ะ
ปล. เป็นไปได้จะรีบปั่นตอนหลักมาวันอาทิตย์นะคะ ^^ ขอโทษที่หายไปค่ะ
See you!