นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 20 (คลิกเข้ามาๆ อ่านเพลินๆ).......11.12.59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

พระเอกที่อยากให้เป็น (ไม่มีผลกับเนื้อเรื่องที่จะแต่งนาจา)

คุณชายบอลคมเข้มสุดหล่อ
10 (45.5%)
บักห่าอิทธิพลหล่อเลว
10 (45.5%)
พี่แชมป์ทันตะสุดอินดี้ เฟรนลี่ ร่าเริง
2 (9.1%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 22

ผู้เขียน หัวข้อ: นายคนนั้นอันตราย..........ตอนที่ 20 (คลิกเข้ามาๆ อ่านเพลินๆ).......11.12.59  (อ่าน 20625 ครั้ง)

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

:pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2:


เรื่องใหม่ๆๆ  ผลงานที่จบไป เหนือมนุษย์ ส่วนเรื่องนี้ย้อนวัย หน่อยนาจา มอปลายแต่วัยไม่ใสนะ


เป็นสไตล์ที่ท้าทายพอสมควร  เร่เข้ามาๆ ขอฝากอีกเรื่องนะ อิอิ 


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2016 20:49:01 โดย loveice »

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: นายคนนั้นอันตราย
«ตอบ #1 เมื่อ21-09-2016 12:58:13 »

บทนำ



                โรงเรียนเอกชน โยธินวิทยาลัย ตั้งอยู่ใจกลางมหานครเมืองหลวง โรงเรียนชายล้วนที่มีเพียงเฉพาะเด็กมัธยมปลายเท่านั้น แถมค่าเทอมโรงเรียนแห่งนี้ยังสูงอีกด้วย ความสะดวกและความไว้วางใจของเหล่าผู้ปกครองร่ำรวยจนถึงฐานะปานกลางทั้งหลายจึงมอบส่งลูกชายให้เข้าเรียนที่นี่



               วันเปิดเรียนประจำปีการศึกษาเพิ่งจะเริ่มไปสัปดาห์แรก แต่ดูเหมือนว่าวันศุกร์สุดสัปดาห์นั้น กำลังเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น  เด็กหนุ่มน่ารักรูปร่างบอบบาง อย่าง เต้ย เตชานุ  นักเรียนเรียนดีห้องหัวกะทิ ยังคงนั่งอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยจนเพลินบนห้องเรียนของเขา จนกระทั่งถึงเวลา 18.00 น. เพิ่งรู้ตัวว่ามันเริ่มค่ำแล้ว         



              ระหว่างเดินลงบันได เพราะห้องเรียนอยู่บนชั้นสี่นั้น กลับเกิดปวดเบา อยากเข้าห้องน้ำกะทันหัน ด้วยตัวอาคารเรียนหลังนี้ สร้างห้องน้ำเอาไว้ทุกชั้น แต่ละชั้นจะมีสองที่ฝั่งซ้ายสุดกับขวาสุด  เต้ย เลือกที่จะเข้าห้องน้ำด้านซ้ายมือเพราะใกล้ที่สุด



             ความมืดเข้าปกคลุมเรื่อยๆ ประจวบเหมาะกับแสงไฟของตึก และบนถนนกำลังส่องแสงสว่างทดแทน แต่ช่วงเวลาแบบนี้คงไม่มีใครอยู่บนตัวอาคารเรียนนอกจากเขา ไม่แปลกใจที่พอเดินมาถึงห้องน้ำกลับมืดสนิท



            มือเรียวกำลังจะเอื้อมไปเปิดสวิตซ์ไฟเพื่อให้ห้องน้ำสว่างไสว แต่กลับได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นเบาๆเสียก่อน เสียงนั้นราวกับกำลังร้องสั่นเครือไม่ต่างอะไรไปกับ...หนังเอวี ที่เคยได้ดูอยู่บ้าง



“พี่อิท อย่าค่ะ!!!”



           เสียงผู้หญิง! ในโรงเรียนโยธินวิทยาลัยมีนักเรียนผู้หญิงได้ยังไง เตชานุขมวดคิ้ว แอบฟังต่อไปหน้าประตูทางเข้าห้องน้ำ



“พี่จะลงโทษที่บ๊อบบี้ มาหาพี่ช้าไป”


“อะ...อย่าค่ะ อย่าเลียหูค่ะพี่อิท”



         อิทหรอ? อิทไหน...ในหัวของเต้ยตอนนี้พยายามนึก แต่เอาตรงๆนักเรียนโรงเรียนนี้คนชื่ออิท มีไม่กี่คน แต่ถ้าหากเป็น อิท ที่มีชื่อเต็มว่า อิทธิพล ห้องมอหกทับสิบแล้วล่ะก็...จะมีใครบ้างไม่รู้จัก



         ไม่ได้การแล้ว ปวดแค่ไหนก็ต้องถอยทับก่อนดีกว่า ขืนอยู่ต่อไปอาจจะไม่ดีแน่  แต่ทว่าแค่เพียงหันหลังกลับไป  ร่างของเขาเข้ากระแทกกับร่างอีกคนที่ตัวหนากว่าอย่างแรง


ตุ๊บ!!!


“มาแอบดูอะไรวะ!”


                 ร่างบางดวงตาเบิกโพง คนที่ตะหวาดลั่นถามเขาอยู่นี้คือ เอส เพื่อนสนิทของ อิทธิพล นี่เป็นหลักฐานชั้นยอดและชัดเจนแล้วว่า คนในห้องน้ำที่เขาสงสัยคือใคร แล้วตอนนี้เขาก็คงคิดว่าตัวเองไม่รอดแล้ว



แกร๊ก แอ๊ดดดด เสียงประตูห้องน้ำที่ปิดเอาไว้ ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว


“มีอะไรวะ เอส”


“ไอ้อิท กูเห็นไอ้นี่มาแอบดูมึงว่ะ ”



               เต้ย ค่อยๆหันไปมองหน้าอิทธิพล อย่างหวั่นเกรง แต่ดวงตาคู่นั้นไม่ได้คิดโมโห เขากำลังครุ่นคิดและแปลกใจ ข้างๆกายชายร่างสูงมีผู้หญิงโรงเรียนใกล้เคียงอยู่ด้วยจริงๆ แค่เห็นตราโรงเรียนบนยูนิฟอร์มคนอย่างเต้ยก็รู้แล้ว



“บ๊อบบี้ ไว้วันหลังมาใหม่นะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน” ร่างสูงหันไปสั่ง หญิงสาวดูหวั่นใจนิดๆ ก่อนจะเลี่ยงตัวออกไปในที่สุด



            ตอนนี้หัวใจเต้ยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะแล้ว รอบกายเขามีแต่นักเรียนจอมอิทธิพลทั้งนั้นเลย ไหนจะอิท เอส และทิว ที่รู้จักชื่อไม่ใช่เพราะสนิทสนม แต่อยู่โรงเรียนด้วยกันมาสามปี ก็ต้องเคยได้ยินและจดจำชื่อกันบ้าง โดยเฉพาะนักเรียนคู่ขนานนักเลงแบบอิทธิพล มักจะฝากชื่อเสียงทางลบให้ได้ยินเสมอ



“ถ้าให้กูเดา มึงคงจะชื่อ เต้ย นักเรียนห้องเก่ง!”


            ร่างบางตกใจไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างอิทธิพลจะรู้จักชื่อของเขาด้วยเหมือนกัน


หมับ!!!


“เวลาลูกพี่กูพูด มองหน้าด้วย” มือใหญ่ของเอส คว้าเข้าจับคางของเต้ยอย่างแรง พร้อมกับดันหน้าให้เขาหันไปมองอิทธิพล


“ระ...เราเจ็บ ปล่อยเราเถอะ”


“ฮึฮึ ช่วงเย็นขนาดนี้ ทำไมมึงยังอยู่ที่นี่?” อิทธิพลเอ่ยถามเสียงเย็น


“เรานั่งอ่านหนังสือเพลินไปหน่อย พอจะกลับบ้านก็นึกปวดฉี่พอดี เราไมได้คิดจะมาแอบดูนายเลยนะ”


          ร่างเล็กกว่าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจเจตนาของเขา บางทีอาจจะรอด


“แต่มึงทำให้อารมณ์กูค้าง กว่าเด็กนั่นจะมาตามนัดกูได้ กูต้องใช้เวลาแค่ไหน?” อิทธิพลตวาดลั่น


“เอาไงดีวะอิท” เอสเปรยถาม


“อารมณ์กูค้าง กูจะให้มันชดใช้  เฝ้าดูให้ดีอย่าให้ภารโรงเข้ามาได้”


“โอเค” เอส กับทิวรับปาก ยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำตามคำสั่ง



        ส่วนร่างเล็กและบอบบางของเต้ย ถูกอีกคนคว้าจับต้นคอลากเข้าไปห้องน้ำทันที ร่างสูงดันตัวอีกฝ่ายจนแผ่นหลังไปชิดติดชั้นขอบอ่างล้างมือ



         อิทธิพล ไม่รอช้ารีบปลดตะขอกางเกงนักเรียนสั้นคืบกว่าๆ พร้อมกับเสียงรูดซิปลงอย่างแรง เตชานุหายใจถี่และแรง กำลังตกใจกับสิ่งที่เห็น


“อิท นายจะทำอะไร? ”


“ถามโง่ๆ ในสมองคงจะมีแต่ความรู้สินะ”


              ตอนนี้ไอ้อวัยวะที่ใหญ่เกินวัยนั้นผงาดชี้ชี้ฟ้าท้าทายอยู่ตรงหน้าเต้ยแล้ว ตอนนี้หัวใจเต้นรัวและแรงกว่าเดิม ทั้งกลัว ทั้งอาย ปะปนกันไปหมด


“กูไม่คิดจะเอามึงหรอกนะ เพราะกูไม่ใช่สายเหลือง” อิทธพลดักทางไว้ก่อน หลังจากเห็นใบหน้าเครียด


“งั้นก็ปล่อยเราเถอะนะ เราขอโทษที่ขัดนาย เราไม่ได้ตั้งใจ”


“ฝันไปเถอะมึง มึงทำอารมณ์กูค้าง มึงต้องทำให้กูหายอยาก”


“แต่เราเป็นผู้ชาย”


“ผู้ชายแม่งก็มีปาก แค่ อม มึงคงจะทำได้”


“ไม่!! เราทำไม่ได้ เราทำไม่เป็น”


“มึงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”


หมับ พรวดดดด


                 ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากอิทธิพล จับไหล่เต้ยกดลงอย่างแรง จนกระทั่งไม่มีแรงต้านร่างร่วงลงไปนั่งอยู่บนพื้น มือหนาบีบปาก จนช่องโหว่ปรากฏ ก่อนจะถูกแทนด้วยอวัยวะส่วนนั้นดันเข้าไปมิดด้าม มันช่างเป็นอะไรที่ทรมานปางตายสำหรับเตาชานุนัก


“อ่า....อึก อ่า....”



              ในความร้อนแรงแฝงไปด้วยเสียงครวญครางอย่างพึงพอใจ แต่คนที่ถูกกระทำอีกฝ่ายแทบกำลังจะขาดอากาศหายใจปางตายอยู่แล้ว อิทธิพลกระทำอยู่อย่างนั้น ปั้นเอวกระแทกเข้าออกเรื่อยๆ จนกระทั่ง




“อึก อ่า....แม่ง สุดยอดสัส”




             ไม่นานนัก ของเหลวสีขุ่นขาวก็ฟุ่งทะลักเข้าหลอดอาหารเป็นที่เรียบร้อย อิทธิพลถอนสิ่งนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว  ก่อน
จะเดินเข้าไปล้างทำความสะอาด   ปล่อยให้ร่างเล็กทั้งไอ ทั้งอยากอวก  กลิ่นคาวปนขมหน่อยๆนั้นเต็มที แต่น่าเสียใจที่เต้ยไม่
สามารถเอาของเหลวที่ว่านั่นกลับออกมาได้อีกแล้ว



“อะ แครกๆ แครกๆ”



           เสียงไอดังถี่และต่อเนื่อง ใบหน้าพร้อมดวงตาสองข้างแดงก่ำ หยดน้ำตาไหลรินอาบแก้ม สภาพไม่ต่างอะไรไปกับการแปรงลิ้นแล้วเผลออย่างอวก อิทธิพลเดินออกมาพร้อมกับแต่งตัวเรียบร้อย



“อย่าเอาเรื่องที่กูพาผู้หญิงคนนั้นมาที่นี่ ไม่อย่างนั้นมึงเดือดร้อนแน่”


“อะ แครกๆ แครกๆ”


“ฮึฮึ ไอเข้าไป น้ำของกูมันคงไม่ออกมาหรอก โชคดีของมึงแล้วที่กูเลือก เพื่อทำออรัลให้ ฮ่าๆๆๆ”


“ฮึก ฮือออ แครกๆ”




     พอร่างสูงนั้นพ้นสายตา ในห้องน้ำก็มีเพียงร่างบาง ยังนอนจมพื้นกระเบื้องเปียกชื้น เต้ยไอเสียงดังอยู่นาน  แต่ในความมืดนั้นกลับกำลังมีใครอีกคนเดินเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับไฟฉายในมือ


“อ้าวหนู มืดแล้วทำไมยังไม่กลับบ้าน แล้วเป็นอะไรถึงไปนอนอยู่บนพื้น”  เสียงภารโรงนั่นเอง


“ปะ..เปล่าครับ แครกๆ พอดีผม...ผมท้องเสียครับ ” เตชานุจำเป็นต้องโกหกไป


“อ่อ ยังไงก็รีบกลับบ้านแล้วกันนะ ลุงจะได้ล็อกประตูเหล็กชั้นล่าง”


“ครับลุง ขอโทษที่ทำให้ลำบาก” เต้ยเปรยบอก ก่อนจะค่อยๆยันตัวเองลุกจากพื้นอย่างทุลักทุเล


“ไหวไหมหนู มาๆเดี๋ยวลุงช่วย”



           ภารโรงคนคุ้นหน้าตลอดสามปีที่เรียนมา เข้าช่วยพยุงตัวออกไปจากห้องน้ำ จนกระทั่งถึงชั้นล่าง


“ขอบคุณมากครับคุณลุง”


“ไม่เป็นไรๆ กลับบ้านไหวใช่ไหม”


“ไหวครับ ผมสบายท้องขึ้นเยอะแล้ว ผมกลับเลยนะครับ”


              เต้ยยกมือไหว้ภารโรงก่อนจะเดินออกไปหน้าโรงเรียน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันคืออะไรกัน นี่เขาทำออรัลให้อิทธิพลไปอย่างนั้นหรอ นักเรียนชายที่มีอิทธิพลกับโรงเรียนสมชื่อ ไม่มีใครกล้าขัดกล้าขวางใดๆทั้งสิ้น แต่อิทธิพลของเขาจะมาทำแบบนี้กับเตชานุไม่ได้ เขาก็มีศักดิ์ศรี มีพ่อมีแม่เหมือนกันนะ แต่เขาจะไปทำอะไรได้


ต่อไปคงต้องอยู่ห่างๆอิทธิพลเอาไว้แล้ว เพื่อความปลอดภัยของเขาเอง หมอนั่นเป็นคนอันตราย


         นั่งรอที่ป้ายรถเมล์ไม่นาน รถประจำทางก็มาจอดเทียบฟุตบาท มองดูตัวหนังสือข้างรถ เป็นสายประจำทางกลับบ้านเขาพอดี เต้ยไม่ลังเลที่จะก้าวขึ้นรถนั้นไป แม้จะยังไออยากอาเจียนกับน้ำบ้าๆนั่นออกไปจากท้องก็ตาม



:L2:


ฝากนาจา ฝากหน่อยน้า

 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: นายคนนั้นอันตราย บทนำ
«ตอบ #2 เมื่อ21-09-2016 18:39:12 »

ตอนที่ 1


สองวันผ่านไป บนสนามบาสเกตบอลของโรงเรียนมีกลุ่มนักเรียนชายสามคนกำลังเล่นลูกบาสอยู่ 


“”ไอ้อิท ส่งมาให้กู!!!”


             เสียงของเอส หนุ่มร่างสูงผิวเข้ม หล่อเหลาคมคายตะโกนบอกให้ อิทธิพล หัวหน้าแก๊งส่งลูกบาสเกตบอลมาให้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ฟังคำพูดของเอสแม้แต่น้อย



             ทุกๆสี่โมงเย็นพวกเขาจะมาเล่นบาสเกตบอลที่นี่ นักเรียนหลายคนกำลังทยอยกลับบ้าน เดินออกทางประตูด้านหน้าโรงเรียนที่ติดถนนใหญ่พอดี รถยนต์ รถประจำทาง ขับช้าตามติดกันยาวเหยียด ช่วงนี้เป็นเวลาเลิกทำงานพอดีเสียด้วย ไม่แปลกที่จราจรจะติดขัด     



ฟิ้ววววว   ลูกกลมสีส้มถูกชู๊ตลงห่วงเป็นที่เรียบร้อยในระยะกึ่งกลางสนามจากอิทธิพล


“อะไรวะ! บอกว่าส่งมาให้กู ดันชู๊ตลงห่วงอีกแล้ว” เอเสบ่นพร้อมกับเดินออกไปข้างสนามไป


“ส่งให้มึงทีไรก็แม่งไม่เคยชู๊ตเข้า” อิทให้เหตุผล


“อ้าวไอ้นี่!” เอสส่ายหน้านิดๆ ก่อนจะชำเลืองสายตาไปทางฟุตบาทด้านขวามือ

...

...

“ไอ้อิท!!! นั่นมันไอ้เต้ยคนเก่งของโรงเรียนรึเปล่าวะมึง” เอสชี้ไปทางนั้น


           อิทธิพลมองตามไป เป็นเต้ยจริงๆด้วย เขาเหลือบก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง ตอนนี้สี่โมงกว่าๆ แต่ไอ้เตี้ยนั่นวันนี้กลับบ้านเร็วกว่าปกติ คงจะกลัวเหตุการณ์ตอนวันศุกร์ล่ะสิ


“ไอ้เอส ไอ้ทิว ไปพามันมานี่ซิ” สุดหล่อในแก๊งตะโกนสั่ง


“มึงจะทำอะไรอีกวะ? ” ทิวถามทันที


“เอาน่าอย่าถามมาก”


“เออๆ”



                   สองสิงห์เพื่อนสนิทเดินไปหาร่างบางที่กำลังเดินจนจะออกประตูรั้วโรงเรียนอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าสองหนุ่มร่างสูงจะเร็วกว่า เพียงเดินไปลัดหน้า เจ้าตัวถึงกับชะงักหยุดเดินทำสีหน้าตื่นตระหนก


“ระ...เราขอทางที” เต้ยเปรยบอกอย่างหวั่นๆ


“จะรีบกลับไปไหน ลูกพี่กูจะคุยด้วย” เอสทำสีหน้ากวนๆใส่


“ไม่! เราจะกลับบ้าน”



หมับ!!! สองหนุ่มเข้าไปล็อกตัวขนาบสองข้างทันทีที่อีกฝ่ายดื้อรั้น ตัวของเตชานุเล็กนิดเดียว มีหรอจะหลุดจากวงแขนใหญ่ที่วางพาดไหล่เขาอยู่


“พูดง่ายๆเถอะมึง ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” เอสกระซิบขู่ สุดท้ายเต้ยก็ต้องตัดสินใจไปกับพวกนั้น



             ร่างเล็กถูกพาไปจนถึงขอบสนามบาส มีใครคนหนึ่งกำลังยืนกอดอกรอเขาอยู่จริงๆด้วย ในสภาพชุดนักเรียนที่ไม่ถูกระเบียบเท่าไหร่นัก แต่ก็อย่างว่าล่ะ จะไปเตือนอะไรได้แม้แต่คุณครู


“มาแล้วไอ้อิท” สองหนุ่มปล่อยไหล่น้อยๆให้เป็นอิสระ


“ไง!!! ไม่เจอกันสองวัน ทำหน้าเหมือนจำกูไม่ได้ซะแล้ว” อิทธิพลทักทายพลางยิ้มมุมปาก


“นะ..นายมีอะไรหรอ ถึงให้เรียกเรามา”


“ก็ไม่มีอะไรมาก พอดีพรุ่งนี้กูมีงานที่ต้องค้างส่งสามวิชา มึงเอากลับไปทำให้กูทีนะ ”


“แต่เราต้องอ่านหนังสือ การบ้านเราก็มีเหมือนกัน” ร่างเล็กปฏิเสธอย่างรวดเร็ว


“นั่นมันไม่ใช่เรื่องของกูที่ต้องรับรู้ มึง!ต้อง!ทำ! เท่านั้น” ร่างสูงขาวเค้นเสียงหนัก พร้อมกับใบหน้าที่ก้มคล้อยลงมา สันจมูกแทบจะชนหน้าร่างเล็กอยู่แล้ว



              แต่ก็แค่แป๊บเดียว อิทธิพลกลับยืดตัวกลับไปยืนปกติเหมือนเดิม มือหนาควานหาอะไรสักอย่างในกระเป๋า จนกระทั่งท้ายที่สุดก็รู้ว่าเขากำลังหาสมุดการบ้านและหนังสือสามวิชา


“เคมี คณิต ภาษาอังกฤษ เอาไปทำซะ”


“เราไม่รับปากนะว่าจะทำเสร็จ” เต้ยบอกไปพร้อมกับประเมินจากสมุดเหล่านั้น


“ต้องเสร็จ!!! มึงต้องทำงานของกูก่อน ส่วนของมึงทำตอนไหนก็ได้ไม่ใช่หรอ?”


           เต้ยทั้งกลัวและอยากจะกลับบ้านเร็วๆแล้วสิ เขาเอื้อมไปรับเอาสมุดการบ้านเหล่านั้นมาไว้ในมือ


“เฮ้ย! กูฝากของกูด้วย” เอสพูดขึ้น


“ทำของกูด้วย!” ทิวเสริมขึ้นมาอีก


“มึงสองคนไม่ต้อง!!! ไม่เห็นหรอว่าแค่ของกูก็เยอะพอแล้ว”


              อิทธิพลพูดเบรกเพื่อนสองคนไว้ทัน แต่ดวงตายังคงจ้องมองคนตัวเล็กราวกับจะฆ่าให้ตาย ซึ่งเต้ยเองก็ไม่เข้าใจกับดวงตาคู่นั้นเหมือนกัน ส่วนเพื่อนทั้งสองคนได้แต่หันหน้ามองตากันอย่างไม่เข้าใจ


“อะไรของมึงเนี่ยอิท?” ทิวเป็นคนเปรยถาม


“พวกมึงรอลอกของกูพรุ่งนี้แล้วกัน”


“จะไปทำทันได้ไงวะ” เอสบ่น


“ทำไม่ทัน แม่งก็โดดเรียนสิวะ ทำอย่างที่พวกเราทำๆกันอยู่เนี่ย” อิทหันไปอธิบาย


“คะ...แค่นี้ใช่ไหม เรากลับแล้วนะ” เต้ยค่อยๆทำใจสู้ ถามออกไปไม่อยากอยู่กับคนเหล่านี้นานนัก


“มึงมานี่กับกูก่อน!”




หมับ!!! อิทธิพลคว้าแขนคนตัวเล็กกว่ากลับเข้าตึกเรียน  ทิ้งไว้แต่สายตาไม่เข้าใจของเพื่อนทั้งสอง




“กูว่านะไอ้อิทแม่งวอแวกับไอ้เด็กคนเก่งเกินไปแล้ว” เอสบ่นออกมา


“กูก็ว่างั้น มันควรจะเลิกยุ่งกับไอ้เต้ยได้แล้ว มันก็ไม่ได้เอาเรื่องไปฟ้องครูซักหน่อย” ทิวเสริมขึ้นมาทันที




                เตชานุถูกดึงแขนมาจนถึงห้องเก็บของ อิทธิพลผลักร่างเล็กนั้นเข้าไปข้างใน ก่อนที่ตัวของเขาจะตามเข้ามาเช่นกัน ประตูห้องถูกล็อคทันที ตอนนี้หัวใจเต้ยเต้นโครมๆไม่รู้จะโดนคนตรงหน้าทำอะไรอีก 


“นะ..นายจะทำอะไร?”


“วันศุกร์มึงแม่งทำเก่งมากเลย ทำให้กูอีกนะ” อิทธิพลกระซิบข้างหู


“มะ...ไม่ได้ ไม่นะอิท เรากลัวแล้ว นายอย่าทำแบบนี้เลย ”


“ทำไม? คิดซะว่านี่เป็นค่าตอบแทนที่มึงทำการบ้านให้กูแล้วกัน”


“ไม่เป็นไรๆ เราไม่อยากได้ค่าตอบแทน”



             ยิ่งเห็นความสั่นกลัวของเต้ย อิทยิ่งสะใจ มันเหมือนกับหนูจนตรอก ที่หนีแมวตระกูลใหญ่อย่างสิงโตไม่ได้นะสิ แค่ลมปากปฏิเสธปาวๆนั่นเขาไม่คิดอยากจะฟังเท่าไหร่นัก



             ไม่นานมือหนาก็เลื่อนไปปลดตะขอกางเกงเหมือนเคย เตชานุหลับตาปี๋แทบไม่อยากเห็น เพราะตอนนี้แสงสว่างมาก และเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน ต่างจากวันศุกร์ที่เป็นตอนค่ำแล้ว



“อมซะ!!!” เสียงตะคอกสั่งนั้นทำให้เต้ยสั่นระริก


“ไม่เอา อิท เราขอร้องนะ เราไม่อยาก ทำแบบนี้”


“ก็บอกให้อม!!!” ร่างสูงกดโทนเสียงต่ำ


             คนตัวเล็กตรงข้ามนอกจากจะหลับตาปี๋ไม่ยอมมองแล้ว ยังส่ายหน้าไปมาตลอดเวลา เห็นแล้วมันขัดใจร่างสูงชะมัด จะมีใครซักกี่คนกล้าปฏิเสธสิ่งที่เขาต้องการแบบนี้ ที่แน่ๆเขาไม่ชอบเอาเสียเลย



หมับ!!! พรวดดด



          อิทธิพลคว้าจับปากอีกคนพร้อมกับกดตัวลงต่ำ เพื่อให้ช่องปากพอดีกับอวัยวะส่วนนั้นของเขา แล้วเริ่มบรรจงดันเข้าไป เพื่อให้ลิ้นอุ่นเล็กละเลงให้  แต่คราวนี้อิทธิพลกลับโยกสะโยกเข้าออกอย่างช้าๆ และปล่อยไปตามอารมณ์นั้นอย่างนุ่มนวล


“อ่า....อึก ดีอย่างนั้นล่ะ เต้ย อ่า...”

...


“ฮึก ฮึก” เสียงสะอึกสะอื้นของคนถูกกระทำเล็ดลอดสวนกลับออกมา แต่ร่างสูงไม่ได้คิดสนใจฟัง

...

“อ่า....ซี๊ด...จะเสร็จแล้ว”

...


...
            ได้ยินเพียงเท่านั้น เต้ยรีบผละปากออกจากสิ่งนั้นทันที แต่ที่ไหนได้ อิทธิพลกลับจับท้ายศีรษะคนตัวเล็กกดเข้ามาสุดแท่ง และหลั่งออกมาทันที



ปี๊ดดดดดด

...

...

          เตชานุดวงตาเบิกโพง ของเหลวขุ่นนั่นทะลักเข้าหลอดอาหารเขาอีกครั้งแล้ว กลิ่นและรสชาติมันเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยนเขาเกลียดที่สุด และเริ่มเกลียดอิทธิพลมากขึ้นเป็นทวีคูณ



“เก่งมาก! อยากกลับบ้านไม่ใช่หรอ ไปสิ ไปได้แล้ว กูไม่ธุระกับมึงแล้ว กูให้ค่าตอบแทนมึง หวังว่ามึงจะไม่เบี้ยวทำการบ้านให้กูนะ” มือหนาตบที่แก้มเบาๆสามที



      เตชานุร้องไห้ไม่หยุด มองดูอีกคนดึงกางเกงขึ้นจนเสร็จ แล้วเดินออกจากห้องเก็บของไป ทิ้งไว้แต่ความเจ็บใจที่ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้อีกของเต้ย






         ร่างบางปาดน้ำตาอย่างรวดเร็ว แล้วเรียบกลับบ้าน  โชคดีที่วันนี้พ่อกับแม่ยังไม่กลับมาจากที่ทำงาน คงจะหนีคำถามที่ว่า...เสื้อนักเรียนสะอาดสะอ้าน ทำไมถึงได้ดูสกปรกราวกับไปคลุกฝุ่นบนพื้นที่ไหนมา



          แต่แล้วเต้ยคิดผิด นึกไม่ถึงว่าจะเจอใครอีกคน เพียงแค่เปิดประตูบ้านเข้ามา กลับต้องตกใจอีกรอบ


“กลับมาแล้วหรอเต้ย” คนตรงหน้านั่งดูทีวีของบนโซฟาหันมายิ้มให้


“พี่ต้อม!”


“อืมก็ใช่นะสิ ทำไมทำน้ำเสียงแบบนั้น อย่าบอกนะว่าตกใจพี่”


“ปะ...เปล่าครับ!”


“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ว่าแต่ไปทำอะไรมา เสื้อนักเรียนถึงได้มอมเชียว”



            คนเป็นพี่ไม่ว่าเปล่าลุกเดินมาดูสภาพน้องชายสุดที่รักใกล้ๆ ด้วยเรือนร่างของต้อมเป็นพี่ชายที่ตัวสูงราว 185 เซนติเมตร รูปร่างสมส่วน ใบหน้าหล่อเหลา ได้จากพ่อเต็มๆ แถมตอนนี้กำลังเรียนทันตแพทย์ปีสอง แห่งหนึ่งกลางกรุงเทพด้วย
ต้อมเป็นพี่ชายในยามทุกข์ใจ แต่ความทุกข์ครั้งนี้เต้ยจะบอกพี่ไปยังไง


“พี่ต้อม! ฮึก ฮืออออ” สองมือเรียวบางนึกหนทางไม่ออก โผเข้ากอดพี่ชายทันที


“เฮ้ย! ร้องไห้ซะงั้น เป็นอะไรเนี่ยเต้ย บอกพี่มาเร็วๆ”


                เต้ยส่ายหน้าปฏิเสธไปมาบนลอนท้องของพี่ชาย ต้อมได้แต่หนักใจลูบหัวน้องชายเบาๆ อะไรที่ทำให้เต้ยร้องไห้ออกมาได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่แค่เพียงเปรยถามถึงเรื่องเสื้อนักเรียนที่สกปรกแปลกๆเท่านั้น


“มีใครรังแกเต้ย จนเสื้อผ้ามอมกลับมาใช่ไหม?” ต้อมเดาเอสุดฤทธิ์


“ฮึก ฮึก เปล่าครับ ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากกอดพี่ต้อมเฉยๆ” เต้ยโกหกไป


“เฮ้ย! พี่ไม่เชื่อหรอก บอกมานะ”


“ฮือออ ไม่เอา อย่าบังคับเต้ยเลยนะ ฮึก” เต้ยกอดพี่ชายแน่นกว่าเดิมอีก


“พี่เป็นห่วงเต้ยนะ มีอะไรบอกพี่เถอะ พี่จะไปจัดการให้”


“ฮึก ฮึก ไม่เอาครับ ไม่เป็นไรเต้ยทนได้”


“ทนหรอ? พี่ไม่สบายใจเลยนะที่ได้ยินเต้ยพูดแบบนี้”


“ฮึก ฮึก เต้ยขอตัวขึ้นไปทำการบ้านก่อนนะครับ วันนี้งานค่อนข้างเยอะ”


           ร่างบางรีบวิ่งขึ้นบ้านไป เสียงล็อคประตูจากด้านในดังชัดเจน ต้อมได้แต่ถอนหายใจเป็นห่วงน้องชายยังไงก็ไม่รู้ แต่เจ้าตัวไม่บอกแบบนี้เขาจะไปรู้ได้ยังไง


           ภายในห้อง เต้ยทรุดตัวลงร้องไห้หลังประตูอีกครั้ง ทำไมเรื่องนี้ไม่จบ ทั้งๆที่มันควรจบ การแอบมาดูอิทธิพลกำลังทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้นโดยบังเอิญ เขาต้องถูกกลั่นแกล้งถึงสองหนเชียวหรอ?


“ไม่ได้ นายจะร้องไห้ไม่ได้ เข็มแข็งสิเต้ย” ร่างบางบอกตัวเองก่อนจะปาดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มไป


           สิ่งเดียวที่เขาต้องทำตอนนี้คือ การบ้านของอิทธิพล  สมุดการบ้านสามเล่มถูกเอาออกมาจากกระเป๋านักเรียน เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นลายมือของคนที่กลั่นแกล้งเขา มันอุบาทได้ใจมาก



“ไก่เขี่ยยังจะดูดีกว่านี้อีก” เต้ยบ่นไปทำไป ไม่กลัวว่าเจ้าของตัวอักษรจะได้ยิน


           ไม่รู้ว่าทำไปนานเท่าไหร่ จนกระทั่งการบ้านของอิทเสร็จสมบูรณ์ เหลือบมองนาฬิกาปาเข้าไปตีหนึ่งแล้ว ยังคงเหลือการบ้านของเขาอีกสี่วิชา แต่มันไม่มากไม่มายนักเพราะเขาทำการบ้านเสมอต้นเสมอปลาย



ก๊อกๆๆๆ

          เสียงประตูดังขึ้น  ร่างบางคิดว่าต้องเป็นพี่ชายแน่ๆ พอเดินไปปลดล็อคประตูก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ


“เห็นว่ายังไม่นอน พี่เลยเอานมอุ่นมาให้” รอยยิ้มหล่อบาดใจของพี่ชายทำให้เต้ยแทบไม่อยากเป็นน้องแล้ว


“ขอบคุณครับ แล้วพ่อกับแม่ล่ะครับ?”


“พ่อกับแม่หลับไปแล้ว พี่บอกไปว่าเต้ยมีการบ้านเยอะต้องรีบทำ ว่าแต่ใกล้จะเสร็จยัง ดึกมากแล้วนะ”


“ใกล้แล้วแหละครับ พี่ต้อมไปนอนเถอะ ไม่ต้องห่วงเต้ยหรอก”


“พี่อ่านหนังสือเหมือนกันนั่นแหละ อีกพักใหญ่ๆถึงจะนอน”


“อ่อครับ ”


“พร้อมเมื่อไหร่บอกพี่นะ พี่ยังไม่ลืมหรอก พี่ต้องรู้ให้ได้ว่าเต้ยเป็นอะไร” ต้อมทวงคำตอบนั้น


“คะ..ครับ”


       ไม่นานพี่ชายที่แสนดีก็เดินกลับเข้าห้องไป เต้ยปิดประตูพร้อมกับล็อคกลอนอีกครั้ง พลางหันมาสนใจสิ่งที่ถือเอาไว้ในมือ


“นมในแก้วอุ่นดีจัง” เขาพึมพำกับตัวเองได้แค่นั้น ก็ยกกระดกนมเข้าปากทันที

        พี่ชายเขาทำไมดีอย่างนี้ ดีจนอยากเกิดมาเป็นผู้หญิงแล้วไม่ต้องเป็นพี่น้องกัน เขาจะขอเลือกพี่ต้อมเป็นคู่ชีวิตคนเดียวให้ได้เลย

       ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกลนัก หวังว่าพรุ่งนี้เขาจะไม่ตื่นไปเรียนแล้วไม่หลับบนโต๊ะหรอกนะ


“ขอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เราจะไม่เป็นเบี้ยล่างนายอีกแล้ว อิทธิพล”


:L2:



ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปนะ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 2



            เช้าวันใหม่ เตชานุไปถึงโรงเรียนในเวลา 7.30 น. ถือว่าเป็นปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนเลย กว่าจะทำการบ้านตัวเองเสร็จก็ปาเข้าไปตีสี่แล้ว อ่านหนังสือไม่กี่หน้า ทำโจทย์ไม่กี่ข้อก็ล่วงเวลาเกือบตีห้าแล้ว เหตุผลเพราะใครคนนั้นคนเดียว ...อิทธิพล ยังไงล่ะ



“ห้อง 6/10!” ร่างบางพึมพำออกมาเมื่อเดินมาหยุดถึงถ้ำเสือ แต่ดูเหมือนห้องนี้จะยังไม่มีวี่แววใครมาถึงโรงเรียนเป็นแน่ แล้วแบบนี้เขาจะฝากใครเอาสมุดการบ้านของร่างสูงไปให้ใครได้บ้าง



          ท้ายที่สุดก็ต้องหาที่นั่งหน้าห้อง ติดราวระเบียงทอดยาวตามตัวอาคารเรียน เต้ยนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ มีหาวบ้าง ง่วงบ้าง ตามประสาคนไม่ได้นอนทั้งคืน จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 8.00 น. ใกล้ถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ กลับได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากทางบันได



แปะๆๆๆ เสียงปรบมือดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อีกฝ่ายจึงต้องปิดหนังสือที่อ่านลงไป พร้อมกับหันหน้ามาเผชิญกับผู้มาเยือน ใบหน้าหล่อเหลาของทั้งสองคนทำไมร่างบางจะจดจำไม่ได้


“โอ้โห มานั่งรอมึงแต่เช้าเลยว่ะอิท” เอสเปรยบอกคนที่ยืนข้างหลัง ทันใดนั้นก็แทรกตัวเดินขึ้นมาด้านหน้า


“หวังว่ามึงคงทำเสร็จนะ”


               เตชานุพลางคิดว่ามันไม่ใช่คำถามหรอก หากแต่เป็นเพียงคำพูดทวงงานเสียมากกว่า ไม่นานนักเขาก็หยิบสมุดสามเล่มนั้นออกมา แล้วส่งไปให้คนตรงหน้าทันที


“เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ ขอตัวล่ะ”


หมับ!!! อิทธิพลคว้าจับแขนเล็กไว้ได้ทัน


“มึงหมายความว่าไง?”


“ก็ตามที่บอก เราจะไม่ทำอะไรให้นายอีกแล้ว ครั้งนี้เราหายกัน เราเหนื่อย เราเบื่อ เคยรู้บ้างไหม”


“มึง!!!” จะเป็นอะไรไปได้ ถ้าไม่ใช่คนตัวสูงกำหมัด กัดครามดังเพราะกำลังโมโหคำพูดของเต้ย


“ไอ้อิท ใจเย็นๆนะมึง จริงๆไอ้เตี้ยนี่ก็พูดถูกแล้ว มึงไปยุ่งกับมันเกินไปแล้วนะเว้ย” ทิวอธิบาย


“ใช่เว้ย ไอ้อิท มึงดูหน้ามันดิ เหมือนคนยังไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลย เพราะการบ้านมึงล้วนๆกูว่านะให้มันทำเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ สงสารว่ะ” เอสพูดพลางแตะไหล่เพื่อนเบาๆ


“ไม่เว้ย!!! กูยังไม่พอใจ ถ้ามึงคิดจะหนีกู ก็ลองดูสิ สัสเอ้ย!” อิทธิพลสบถคำพูดใส่คนตัวเล็ก ก่อนจะเอาเท้าเตะประตูห้องเรียนเสียงดัง ปัง!!!


“เราไปแล้วนะ” เต้ยหันไปบอกเพื่อนสนิทของใครคนนั้นแทน



หมับ! ปัง!!! ร่างเล็กถูกคว้าต้นคอแล้วถูกจับกระแทกเข้าผนังห้อง การกระทำนั้นทำให้เอสและทิวตกใจมาก


“ไอ้อิท!!! ทำไมมึงทำกับเต้ยแรงขนาดนั้นวะ” เอสพุดพร้อมกับสีหน้าตกใจ


“หนวกหูน่า!!!” ร่างสูงหล่อหันไปตวาดเพื่อนทันที ในมือก็กำคอนั้นกดเอาไว้


“ปะ...ปล่อย เราเจ็บ”


“เจ็บหรอ? อ่อนแอชะมัด จำเอาไว้ถ้ามึงคิดหนีไปจากกู มึงเจาะเจ็บตัวกว่านี้ร้อยเท่าแน่”


“แต่เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ ทำไมนายต้องยุ่งกับเราด้วย”


“ถ้ากูอยากให้ติดค้างมันก็ต้องติดสิ มึงต้องคอยทำตามคำสั่งกูเท่านั้น! เข้าใจไหม!!!”


“ปะ...ปล่อย” เต้ยไม่ตอบ พยายามดิ้นออกจากฝ่ามือหนานั้น


“ไอ้อิท ปล่อยมันเถอะ เดี๋ยวก็ขาดอากาศหายใจ ตายห่าขึ้นมาจะว่ายังไง” ทิวเริ่มชักจะไม่สู้ดีแล้ว


พรึบ!!! ได้ผล อิทธิพลปล่อยมือออกจากคอของเตชานุตามทำพูดของเพื่อน ก็ยังดีที่เขายังฟังอยู่บ้าง


           ร่างบางทำสีหน้าเจ็บปวด เอามือคลำคอตัวเอง ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้น โชคดีที่ร่างสูงไม่ได้คิดตามมา  จะให้เต้ยยืนยันคำเดิมก็ยังได้ ว่าหมอนี่อันตรายกว่าที่คิด แต่เขาจะไม่ยอมฟังอะไรอีกแล้ว แม้คำขู่นั้นจะทำให้เขาเจ็บเป็นร้อยเท่าอย่างที่พูดจริงๆก็ตาม

...

...

...

...

          จนกระทั่งเลิกเรียน ทันทีที่ครูคาบสุดท้ายเลิกสอน เต้ยก็รีบเก็บของ คว้าเอาของทุกสิ่งทุกอย่างบนโต๊ะเข้ากระเป๋า แล้วเดินลิ่วออกจากห้องไปทันที หวังแค่เพียงว่าการรีบกลับบ้านจะทำให้เขาไม่ต้องเจอสามคนนั้น   แต่แล้วกลับต้องชะงักความคิดไป เพราะมีใครบางคนกำลังดักรอเขาอยู่ที่หน้าบันไดพอดี


“คิดจะหนีกูหรอ ฝันไปเถอะมึง!” อิทธิพลกดเสียงต่ำ ใบหน้าน่ากลัวมาก



       ร่างเล็กคิดอะไรไม่ออก รีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องตามเดิม โชคดีที่เพื่อนๆยังไม่กลับกัน แต่การเดินกลับเข้ามาอีกครั้งจึงเป็นที่น่าแปลกใจของเพื่อนๆ


“อ้าวเต้ย ลืมของหรอ?” เสียงเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งเปรยตาม


“ปะ...เปล่าหรอก เรายังไม่กลับดีกว่า” เต้ยตอบพร้อมกับเดินไปนั่งลงที่นั่งตัวเอง แต่ไม่ทันไร อีกคนก็ตามมาถึง ด้วยสีหน้าเอาเรื่องสุดๆ


“เฮ้ย!!! เลิกเรียนแล้ว กลับบ้านไปให้หมด เร็วๆ!!” อิทธิพลตวาดเสียงดังลั่น



   พอทุกคนเห็นว่าน้ำเสียงนั้นเป็นใคร  ทำเอากุรีกุจอเริ่มขยับตัวเก็บของใส่กระเป๋า ทำตามคำสั่งนั้นอย่างรวดเร็ว


“ออกไปให้หมด ไป๊!!!” ร่างสูงตวาดไล่อีกครั้ง



               เต้ยอาศัยช่วงชุนมุนตอนนี้ หนีออกทางประตูหลัง แล้ววิ่งไปลงบันไดอีกฝั่งไป โดยที่อิทธิพลมองตามไม่ทัน


“ไอ้อิท กูว่าเต้ยมันหนีออกไปแล้วว่ะ”


“อะไรนะ!!! ทำไมมึงเพิ่งมาบอกกู!” อิททำสีหน้าไม่พอใจ ตวาดใส่เพื่อน


“อ้าว ก็กูเพิ่งเห็นนี่ว่าในห้องไม่มีเต้ยแล้ว” เอสให้เหตุผล


“กูว่าเต้ยมันหนีออกทางประตูหลังแน่ๆ” ทิวให้เหตุผล


“งั้นเอางี้ แยกกันตามหามัน กูอยากจะรู้นักว่าจะหนีกูไปได้ซักกี่น้ำ”



            ทางด้านคนตัวเล็ก วิ่งกระหืดกระหอบจนกระทั่งพ้นรั้วโรงเรียน ยืนรอรถประจำทางคงไม่ไหวแน่ วันนี้คงต้องกลับแท็กซี่เสียแล้ว แต่ยืนโบกเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีคันไหนยอมจอดให้เขาเลย  จิตใจเต้ยตอนนี้ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว กลัวมากว่าถ้าอิทธิพลตามมาทัน จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง

...


...


...


“อยู่นี่เองหรอมึง!” เสียงหายใจพ่นลมโกรธอยู่บนหัวเขาแล้วในตอนนี้ เป็นไปได้ยังไง


หมับ!!! มือหนาปิดปากทันที พร้อมกับพาร่างนั้นเดินกลับเข้าไปในโรงเรียนอีกครั้ง แล้วในที่สุดก็มาถึงสถานที่เดิมๆ  ห้องเก็บของยังไงล่ะ



ผลัก!!! ตุ๊บ!!!


             อิทธิพลโมโหมากในตอนนี้ จับตัวเตชานุ เหวี่ยงไปที่พื้นสกปรกนั่นเต็มแรง ได้ผลว่าเรือนร่างนั้นก็ถลาล้มลงไปที่พื้นทันที ฝุ่นละอองในห้องฟุ้งกระจายไปหมด จนอีกคนไอกระแอมเสียงดัง


“อะแครกๆๆ แครกๆๆ”

“มึงจะหนีกูไปไหน?”


“เราไมได้หนี  เรากับนายไม่มีอะไรต้องติดค้างกันแล้ว เรื่องของนายเราก็ปิดปากไม่บอกใครแล้วไงอิท”



             ร่างสูงจ้องมองใบหน้านั้นอย่างแน่นิ่ง เขาคิดตามคำพูดของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ยอมละเลิกเดินย่างเข้าไปหาอย่างเดียว อีกฝ่ายก็ได้แต่ขยับตัวหนีไปตามพื้นเพื่อหนีการคุกคามจากอีกฝ่าย จนกระทั่งชนกับผนัง


“มึงอยากไปจากชีวิตกูมากใช่ไหม?”


“ใช่ ” เต้ยไม่ลังเลตอบไปทันที


“งั้นกูมีทางออกให้มึง! ”


“อะไรก็ได้นายบอกมาเลย เรายินดีทำ ถ้าหากต้องให้นายเลิกยุ่งกับเราอีก” ร่างบางสั่นผวา


“ดี ตอบรับง่ายแบบนี้ก็ดี อย่าคืนคำก็แล้วกัน!”


“สรุป มะ...มันคืออะไร” เขาชักไม่มั่นใจในคำพูดั้นแล้วสิ


“ทำ เหมือนกับที่ พวกตุ๊ด เกย์เขาทำกันไง ประตูหลัง!!!”


“!!!”


“ไม่ ไม่นะอิท เราไม่เอา”


“เฮ้ย!!! มึงห้ามปฏิเสธเด็ดขาด เพราะมึงรับปากเองไม่ใช่หรอ?”


“แต่เรา...”


มึงจะได้อิสระจากกู กูสัญญา” อิทธิพลยิ้มมุมปาก


           เขารีบถอดเสื้อผ้าและกางเกงตัวเองออกอย่างรวดเร็ว เหลือแต่เพียงบล็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น


“ไม่นะ ไม่ ไม่เอาแบบนี้ ฮึก” ใจดีสู้เสือแค่ไหน สุดท้ายพอตกอยู่ในห้วงเวลาบังคับขืนใจ มันก็ยากที่จะต้องทนเก็บน้ำตาเอาไว้อย่างนี้ เต้ยรีบลุกหนีอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนไม่ได้ผลนัก


“จะหนีไปไหน!!!”


                 ร่างสูงคว้าจับตัวอีกฝ่ายได้ ก็รีบปลดกางเกงเต้ยลงทันที เขาทำอย่างไม่ปราณี ราวกับโกรธแค้นเหมือนเต้ยไปทำอะไรให้ปางตาย แต่แท้ที่จริงกลับไม่ใช่ เต้ยไม่ได้ทำอะไรให้เขาหงุดหงิดขนาดนั้นแม้แต่นิด


พรวด!!!


            กางเกงในสีเทาถูกดึงเลื่อนลงมาถึงหัวเข่า ร่องสีชมพูนั้น เผยปรากฏอยู่ตรงหน้าอิทธิพลเป็นที่เรียบร้อย อวัยวะส่วนนั้นของร่างสูงขยายขนาดราวกับมีอารมณ์ร่วมกับสิ่งที่เห็น แต่ความโมโหและคิดอะไรแผลงๆนั้น กลบความรู้สึกของตัวเองไป ว่าตอนนี้เขากำลังคิดเบี่ยงเบนทางเพศจนสัปดนไปหมดแล้ว
 


           อิทธิพลจ่อปลายมังกรนั้นถูกไถไปมา เพื่อเรียกอารมณ์ของตัวเอง ในขณะที่เขากำลังเคลิ้ม แต่อีกคนกำลังลุ้นใจแทบขาด ร้องไห้ฟูมฟายไม่มีหยุด


“อิท ฮึก ฮือ ปล่อยเราเถอะนะ ฮึก เรากลัวแล้ว”


ถุ้ย!!!  เหมือนคนตัวใหญ่ไม่ฟังคำพูดอ้อนวอนนั้น แต่กลับถุยน้ำลายเพื่อเอามาเป็นสิ่งล่อลื่น เขาละเลงทาไปทั่วมังกรน้อย และไม่
ลืมที่จะทาตรงปากทางเข้าถ้ำมังกรนั้นด้วย แม้ว่ามันจะเป็นถ้ำที่เล้กมากก็ตาม


              ความเย็นจากของเหลวที่น่ารังเกียจนั้น ทำเอาเต้ยสะดุ้งตัวอย่างแรง และพยายามจะดิ้นหนี


“อย่าดิ้นสิวะ!!! คราวนี้แหละมึง นรกแน่” อิทธิพลยิ้มอ่อน แล้วลงมือทันที


“โอ้ยยยยยยยยย!!!”


       เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นทันที หลังจากแท่งอุ่นนั้นกดเข้ามาพรวดทีเดียว และมันดังจนทะลุออกไปด้านหน้าห้อง เอสกับทิว ยืนเฝ้าหน้าห้องเอาไว้ยังต้องสะดุ้งตกใจให้กับเสียงนั้น



“เชี่ยแล้วไหมล่ะ ไอ้อิท แม่งเอาจริงด้วย” เอสสบถ


“ทำไมมันกล้าทำวะ? ขนาดผู้หญิงมันยังไม่ทำสดแบบนี้นะเว้ย แต่นี่ ผู้ชายด้วยนะ” ทิวเปรยเสริมขึ้น


“มึงรู้ใช่ไหมว่าถ้าไอ้อิทมันจะทำกับใคร แม่งก็ต้องชอบใจสุดๆ”


“กูรู้ไอ้เอส มึงกำลังจะพูดว่า ไอ้อิทแม่งจิตแปลกไปใช่ไหม ที่จู่ๆ ตุ้ยตูดผู้ชายอย่างเต้ยได้ ทั้งที่ไมได้ชอบ ตัวมันก็เล็กแค่นั้น กู
ไม่อยากคิดเลยว่าไอ้เจ้าโลกของไอ้อิทเข้าไปจะเป็นยังไง”



“จะเป็นยังไง ก็ปางตายไง ไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องขอชีวิตนั่นหรอ? กูว่านะ...เอาไว้มันทำเสร็จ ต้องเรียกมาสอบสวนแล้ว แบบนี้เกินไปจริงๆ มันไม่ได้ชอบผู้ชาย แล้วมันจะทำแบบนั้นไปทำไม”


“ทำเพราะ โกรธไอ้เต้ยเตี้ยนั่นไง ”


“เหอะๆ ตรรกะบ้าๆแบบนั้นกูไม่เชื่อหรอก อย่างมันจำเป็นต้องสนใจเด็กห้องเรียนเก่งด้วยหรอ ”


“เอาเถอะๆ แต่เสียงเงียบไปแล้ว แม่งไม่รู้สลบ หรือว่าไอ้อิทมันเสร็จแล้วกัแน่” ทิวทำสีหน้าอยากรู้


“นั่นดิวะ กูละห่วงเต้ยมันจริงๆว่ะ ถ้ารู้ว่าไอ้อิทแม่งบ้าบิ่นขนาดนี้ วันนั้นกูไม่ทำเสียงดังให้ไอ้อิทรู้ตัวก็ดี แล้วปล่อยเต้ยมันหนีไปซะ
ก็สิ้นเรื่อง”


“อย่าโทษตัวเองเลยมึง มันผ่านมาแล้ว ถ้าจะหาคนผิดตอนนี้ แม่งไอ้เชี่ยอิท คนเดียวชัดๆ” ทิวให้เหตุผล




           ภายในห้อง เต้ยแทบหมดแรงกับสิ่งที่อิททำ แน่นอนว่าอิทธิพลทำเสร็จแล้ว ด้วยเวลาเพียงไม่กี่นาที สงสัยคงจะช่ำชองมาจากผู้หญิง แต่สิ่งที่ร่างสูงทำ มันแทบทำให้เต้ยขาดใจตาย กองเลือดหยดลงที่กางเกงในอย่างเห็นได้ชัดเจน แต่อิทธิพลกลับไม่ได้คิดจะตกใจอะไร สงสัยจะเห็นบ่อยสินะ



“ฮึก ฮืออออออ” ทั้งเจ็บ ทั้งกลัว ปะปนกันไปหมด และได้ยินแต่เสียงอีกฝ่ายกำลังแต่งตัวอยู่ใกล้ๆ


“มึงแม่งสุดยอดเลย ฮ่าๆๆ  ” ความพึงพอใจถูกชมต่อหน้าแบบนี้ใครจะไปทนฟังไหว


“ต่ำ!!! ฮึก ฮึก ต่อไปเราสองคน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”


“กูบอกมึงอย่างนั้นหรอเต้ย! ฮึฮึ”



“!!!”


“ไม่เอาน่าอย่าทำสีหน้าแบบนั้นกับผัวนะ”


“หมายความว่าไง แกจะคืนคำพูดอย่างนั้นหรอ?”


“เปล่า กูให้เงื่อนไขว่ามึงจะอิสระจากกู ไม่ได้หมายความว่ากูจะเลิกยุ่งกับมึงซักหน่อย โอเค กูจะไม่ให้มึงทำโน่นทำนี่ให้กูอีก นอกจาก เซ็กส์! พอใจไหม?”


     อิทธิพลโผเข้าบดขยี้ริมฝีปากบางชมพูนั้นอย่างรุนแรง หนึ่งครั้ง


“เป็นของกูแล้ว อย่าไปแรดกับใครที่ไหนอีก ไม่ว่าจะชายหรือหญิง จำเอาไว้”


“ไอ้ชั่ว!!!”

เพี๊ยะ!!!


“อย่ามาด่าผัวตัวเองแบบนี้ มันไม่เจริญหรอกนะเต้ย” อิทธิพลกัดฟันพุดอย่างเหลือดอด


“ฮึก ฮือออออ กูเกลียดมึง กูจะย้ายโรงเรียน หนีมึงไปให้ได้มึงคอยดู!!!”


“โกรธผัวถึงขั้นขึ้นกูมึงเลยหรอ? อย่าคิดหนีกูเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นกูเอามึงตายแน่เต้ย”


“ฮึก ฮึก ไม่กลัวมึงหรอก ”


“ปากดีแบบนี้ เอาอีกซักรอบเป็นไง ฮะ!!!!”


 “ไม่!!!  อย่าเข้ามา ฮือออ  ม่ายยยย!!!”


:L2:


ตายแล้ววววว น้องเต้ยทูนหัวของพี่    :hao7: :hao7: :hao7:

ว่างแล้วอัพลงได้   :mew1: :mew1:


 :sad11: :sad11: :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เกินไปจริง ๆ น้องเต้ยไปเล่าให้ที่บ้านฟังเลย ให้ไปแจ้งตำรวจ มีอำนาจมากขนาดไหนก็ควรเห็นแก่ความเป็นมนุษย์บ้าง

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ถ้าอิทเป็นพระเอกเราโกรธคนเขียนจริงๆ ด้วย

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 3



            เตชานุหอบสังขารตัวเองกลับบ้านด้วยรถแท็กซี่  เขายื่นเงินไปจ่ายค่าโดยสารเสร็จ ก็เปิดประตูรถลงไป โชคดีที่ยังไม่ถึงเวลาพ่อแม่กลับบ้าน นี่คงจะเป็นความทรมานที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตของผู้ชายอย่างเขาแล้ว  สองขาเรียวสั่นเทา ยืนทรงตัวแทบจะไม่อยู่ ถึงขั้นต้องเอื้อมมือข้างหนึ่งไปจับรั้วบ้านเอาไว้ อีกมือก็ควานหากุญแจเปิดประตูรั้วในกระเป๋าอย่างยากลำบาก 


พรึบ!!!


          ท้ายที่สุดขาก็หมดแรงลงไปเสียอย่างนั้น เตชานุล้มพับขาอ่อนลงพื้น แม้แต่ตัวเขาเองยังตกใจ โชคดีที่ถนนซอยหน้าบ้านเขาไม่มีรถราแล่นสวนผ่านในตอนนี้ แต่อีกหน่อยก็คงจะมีแน่  เขาพยายามลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่มันช่างยากและหนักหน่วงมาก ต้องกัดริมฝีปากล่างเพื่อยันตัวเองลุกสุดชีวิต ท้ายที่สุดก็ทำสำเร็จ แต่แผลที่ร่องก้นมันปวดตุ๊บๆ และเจ็บมากทีเดียว


“เต้ย!!!” เสียงอุทานตกใจของใครคนหนึ่งด้านหลังเขา นั่นยิ่งทำให้คนเจ็บดวงตาเบิกโพง ตัวเย็นชาไปหมด


“พี่ต้อม!!!”


“เต้ยเป็นอะไร?” พี่ชายถามด้วยสีหน้าแตกตื่น


“มะ..ไม่เป็นไรครับ เต้ยไม่ได้เป็นไร” เขายิ้มสู้รับหน้าพี่ชาย



“ไม่เป็นอะไรได้ไง ก็เห็นอยู่ว่าเลือดไหลตามขาลงมา!” ต้อมชี้ไปที่ขาทั้งสองของน้อง


“!!!” ร่างบางค่อยๆเอียงคอลงไปดูที่ขาตัวเอง ด้วยความตื่นเต้น แต่แล้วก็เห็นน้ำสีแดงข้นที่แห้งสนิทไปแล้วทาบอยู่กับขาจริงๆ


“พี่ถามว่าเต้ยเป็นอะไร?  เกิดอุบัติเหตุอะไรรึเปล่า? ทำไม่ไม่ตอบพี่” ต้อมร้อนรนใจยิ่งกว่าอะไรซะอีก


“ชะ..ใช่ครับ เต้ยลื่นล้มอยู่โรงเรียน ก่อนจะกลับบ้าน”



          จะให้บอกพี่ชายไปตามตรงได้ยังไง  มันเป็นเรื่องที่ควรพูดหรอ ความบัดสบแบบนี้ใครรู้เข้า จะเข้าใจเขาได้ยังไง  ถึงจะเป็นพี่ชายเรื่องนี้ก็บอกไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!!!


“เข้าบ้านก่อนเถอะ ขาเต้ยสั่นไปหมดแล้ว ”


“ครับ”



               ร่างสูงพยุงน้องชายสุดรักเข้าบ้านไป จนพามานั่งลงบนโซฟา ผู้เป็นพี่ก็ทำท่าเหมือนจะเอื้อมมือมาถอดกางเกงของน้องชายลงเพื่อดูแผล  แต่เด็กหนุ่มตกใจมาก รีบขยับร่างกายหนีต้อมทันที


“จะขยับไปไหน ให้พี่ดูแผลหน่อย ถ้าร้ายแรงมากจะพาไปโรงพยาบาล ท่าทางล้มแรงน่าดู”


“มะ..ไม่ครับ ไม่! ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาลหรอก เชื่อเต้ยนะ เดี๋ยวมันก็หาย” เขาดื้อรั้นปฏิเสธไป


“ยังไงก็ต้องให้พี่ดู พี่จะได้ทำแผลให้!”


“ไม่เป็นไรจริงๆครับพี่ต้อม เต้ยทำแผลเองได้ พี่ต้อมกลับมาจากมหา’ลัยเหนื่อยๆ ไปพักเถอะนะ”


“เต้ยพี่ห่วงเต้ยมากนะ  ช่วงนี้เต้ยเป็นอะไร กลับมาจากโรงเรียนก็มีแต่เรื่องนั่นนี่  แอบมีเรื่องกับใครที่โรงเรียนรึเปล่า?”  คำถาม
นั้นช่างยากเย็นเหลือเกินสำหรับเต้ย



“ไม่ครับพี่ต้อม! ไม่มี อย่าถามเต้ยอีกเลยนะ เต้ยปวดหัว เหนื่อย เพลียยังไงไม่รู้”


“อย่าปิดพี่ได้ไหมเต้ย มีอะไรบอกพี่!”



      ร่างบางไม่กล้าสบตาพี่ชาย เพราะรู้ดีถ้าหากมองแววตาอ่อนโยนเป็นห่วงนั้นแล้ว เขาจะต้องใจอ่อนบอกเรื่องบัดสบนี้แน่ๆ


“พี่ต้อม! ถ้าพี่ต้อมจะช่วยเต้ยจริงๆ พี่ต้อมช่วยพูดกับพ่อแม่ทีนะ เต้ยอยากย้ายโรงเรียน!”


“ย้ายโรงเรียน! ทำไมล่ะเต้ย อีกแค่ปีเดียวเองนะ เหตุผลล่ะ บอกพี่เดี๋ยวนี้? ”


“เหตุผลของเต้ยก็คือ...เต้ยไม่อยากอยู่โยธินวิทยาลัยอีกแล้ว ”


“พี่ว่ามันแปลกๆแล้วนะเต้ย ถ้าเต้ยไม่ยอมบอกพี่ พี่จะเอาเรื่องแปลกๆช่วงนี้ของเต้ยไปเล่าให้พ่อแม่ฟังให้หมดเลย แล้วพี่ก็จะไปที่โรงเรียนสอบถามคุณครูทุกคนด้วย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเต้ยกันแน่”


“อย่านะครับ!!! พี่ต้อม อย่าทำแบบนั้นเต้ยขอร้อง ฮึก ฮึก”



    น้ำตาเจ้ากรรมไหลรินลงมาอีกแล้ว มันไหลรินออกมาอัตโนมัติ ทุกครั้งที่รู้สึกกดดัน น้ำตายังจะมาเอง เขายอมรับว่าเขาอ่อนแอ   แต่นี่เป็นทางเดียวที่จะรอดพ้นจาก อิทธิพล ได้ดีที่สุด



“ถ้าอย่างนั้นก็เล่าให้พี่ฟังเดี๋ยวนี้! คราวนี้พี่ไม่สนใจน้ำตาของเต้ยอีกแล้ว พี่ต้องการความจริงเท่านั้น!”


“ฮึก ฮืออออออ พี่ต้อม”



                ร่างบางโผเข้ากอดพี่ชายแน่น ร้องไห้ฟูมฟาย ราวกับไม่กลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน  ส่วนต้อมใจหนึ่งก็สงสารน้อง แต่จะไม่ให้รู้เหตุผลของน้องชายเลยมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี เขาเป็นพี่เขาควรรู้เรื่องสิ






              เวลาหนึ่งทุ่ม  ในร้านหมูกระทะแห่งหนึ่ง  ลักษณะจัดเป็นแบบโล่งแจ้งและเป็นห้องด้านในติดแอร์ ภายในนั้นปรากฏอิทธิพลและเพื่อนสนิทสองคนกำลังนั่งกินอาหารอยู่บนโต๊ะในมุมหนึ่ง



“ไอ้อิท เอาแต่แดกอยู่นั่นแหละ ที่กูมานั่งร้านนี้ตามใจมึงเพื่ออยากจะรู้ความจริงนะเว้ย” เอสเปรยขึ้นมา


“ก็กูหิว พวกมึงไม่แดกก็ช่างสิ” ร่างสูงไม่สนใจคีบหมูที่ย่างจนกลิ่นหอมฉุยเข้าปาก


“เอาตรงๆแมนๆนะเว้ย กูถามมึงคำเดียว ทำไมมึงถึงได้ลงมือทำเรื่องบ้าบิ่นกับไอ้เตี้ยแบบนั้น” ทิวถามต่อ


“ก็...ทำไปงั้นล่ะ กูไม่ชอบคนขัดใจกู สั่งสอนซะบ้าง” สุดหล่อประจำโต๊ะเปรยอย่างเรียบง่าย


“นั่นคือคำตอบมึงหรอสัส!” เอสไม่พอใจพูดขึ้นมาทันที


“อะไรวะเอส กูทำแบบนั้นไม่เสียหายอะไรหรอกน่า ดีกว่าไปเที่ยวสาวก็แล้วกัน ไอ้เชี่ยนั่นมันไม่ท้องหรอก”


“อิท!!! มึงรู้ไหมเหตุผลครั้งนี้มันทำให้กูได้เห็นความทุเรศของมึงเพิ่มขึ้นมา ทั้งๆที่กูไม่คิดมาก่อนว่ามึงจะคิดแบบนี้เป็นด้วย
ผู้ชายก็คนนะเว้ย” ทิวทำน้ำเสียงเหมือนผิดหวังในตัวอิทธิพล


“เออๆ แล้วพวกมึงจะให้กูทำยังไงวะ  ถึงจะเลิกด่ากูซักที” ตัวดีเปรยถามความเห็นอย่างไม่เต็มใจนัก


“มึงไปทำคนที่ไม่เคย แบบนั้นครั้งแรก แล้วไอ้เชี่ยนั่นมันเป็นผู้ชาย มันมีแค่ประตูหลัง แล้วประตูหลังมันขยายได้ไม่ดีและรวดเร็ว
เหมือนประตูหน้านะเว้ย” เอส พยายามอธิบาย



“จะพูดอะไรก็พูดมาเลย กูงงไปหมดแล้ว? อีกอย่างจะไปขยายยากห่าอะไร กูก็เห็นว่าแม่งกลืนมิดด้าม”


“ไอ้อิท ก็มึงรุนแรง มึงมันโรคจิตไง เสียงกรีดร้องเจ็บปวดของเต้ยเมื่อตอนเย็นยังดังก้องหูพวกกูอยู่เนี่ย”


“หรอวะ กูอยู่ในห้องเก็บของกับมันไม่เห็นจะน่ากลัวอะไร ก็เหมือนทำกับสาวบริการทั่วไปนั่นแหละ”


“สัสอิท กูพูดขนาดนี้มึงยังไม่เก็ทอีกหรอ?” เอสเริ่มหมดความอดทน


“ว่ามาเลยๆว่าวกวน กูไม่เข้าใจพี่พวกมึงพูดหรอก!”


“ประตูหลังของไอ้เตี้ยเต้ย มันฉีกไปหมดแล้วแน่ๆ ถ้าให้กูเดา เลือดแม่งต้องไหลนองด้วยใช่ไหม?” ทิวพูดพลางทำสีหน้าสยองไปด้วย


“อิท กูถามมึงจริงๆ ตอนมึงเอามังกรน้องออก เห็นเลือดบ้างไหมวะ?” เอสกลั้นใจถาม


“ก็เห็น...เยอะพอสมควร” อิทตอบหน้าตาเฉย


“ไอ้อิท! พวกกูสองคนลงความเห็นว่ามึงควรจะไปขอโทษและเลิกยุ่งกับเต้ยมันได้แล้ว กูสงสารวะ ”


“ไม่เว้ย!!! มันเป็นของกูแล้ว” ตัวดีโวยวาย


“ไอ้สัส มึงไม่ชอบผู้ชาย มึงจะเก็บสะสมไอ้เต้ยไปเป็นคอลเลคชั่นทำไม๊!!!” เอสเริ่มขึ้นเสียงอีกครั้ง


“ใช่อิท! ปล่อยเต้ยเถอะ ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองเขารู้ว่าลูกชายตัวเองเจ็บเพราะโดนอะไรมา กูว่านะมึงซวยแน่”


“คนอย่างอิทธิพล ทำแล้วก็กล้ายอมรับ กูไม่กลัวหรอก ส่วนไอ้เต้ย กูไม่ยอมให้มันไปจากกูแน่”


“นี่มึงพิศวาสอะไรมันนักหนาวะอิท กูถามจริงๆเถอะ มึงคิดอะไรอยู่ อกตูมสาวๆมึงลืมไปแล้วหรอ?”


“กูไม่ได้คิดอะไร ก็แค่รู้สึกไม่อยากให้มันไปไหนก็เท่านั้น” อิทธิพลพูดพร้อมกับคีบหมึกต้มสุกเข้าปากเคี้ยว


“คอยดูเถ๊อะ กูภาวนาขอให้ไอ้เต้ยแม่งย้ายโรงเรียนไปเลยก็ดี  ไม่ต้องมาทนเผชิญหน้ากับคนโรคจิตแบบมึงทุกวัน ถ้าเป็นกู กูหนี
ไปเรียนที่อื่นตั้งนานแล้ว” ทิวเหน็บแนมอิทธิพล




       แต่คำว่าย้ายโรงเรียน มันกลับทำให้เขานึกถึงคำพูดของเต้ยในห้องเก็บของได้  เขาแค่คิดว่ามันไม่น่าจะพูดจริงหรอก แต่...ถ้ามันย้ายไปจริงๆอย่างที่มันว่าล่ะ เขาจะทำยังไง  ไม่สิ!  มันต้องไม่ย้าย มันจะหนีไปไหนไม่ได้   ยังไงมันก็หนีเขาไม่พ้นหรอก!


“ไอ้อิท ทำไมทำสีหน้าแบบนั้นวะ หมึกไม่อร่อยหรอ?” เอสแกล้งถามไปอย่างนั้น  เพราะจู่ๆคนที่ไม่คิดจะสนใจอะไรอยู่แล้ว กลับ
หน้าเหวอไปเพียงแค่ทิวมันพูดถึงการย้ายโรงเรียนของเต้ยเท่านั้นเอง


“ไอ้ทิว ไอ้เอส กูลืมไปเลย ก่อนกูจะออกมาจากห้องเก็บของ เต้ยมันพูดว่ามันจะย้ายโรงเรียนว่ะ พวกมึงคิดว่ามันพูดจริงไหมวะ?” อิทธิพลเปรยถามความคิดเห็น


“นั่นไงกูว่าแล้ว เดาไม่มีผิดเลยจริงๆ” ทิวชักอยากสมน้ำหน้าเพื่อนคนนี้เต็มทีแล้ว


“กูไม่รู้หรอกนะเว้ย แต่ก็ต้องลองดู...ถ้าพรุ่งนี้มันไม่มาโรงเรียน กูว่าไม่แน่หรอก!” เอสบอกไปตามความรู้สึก



            แต่อิทกลับไม่ได้คิดจะสบายใจแม้แต่น้อย มันจะไปไหนไม่ได้  มันต้องอยู่ที่นี่ ที่โรงเรียนโยธินวิทยาลัยเท่านั้น   มันกลัวเขามากขนาดนั้นเลยหรอ?  อิทธิพลได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเอง







           ส่วนที่บ้านของเตชานุตอนนี้ ในห้องนอนส่วนตัว มีพี่ชายคอยดูแล ตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียน เรื่องทุกอย่างต้อมรู้หมดแล้วจากปากของน้องชาย  และสัญญาด้วยว่าจะไม่บอกพ่อแม่เด็ดขาด และจะช่วยคุยกับทั้งสองท่านเรื่องการย้ายโรงเรียนอีกด้วย


“ค่อยๆนั่งนะ” ต้อมพยุงน้องชายออกจากห้องน้ำ   แผลประตูหลังของน้องชายนับว่าหนักพอสมควรเพราะเขาดูแล้วเรียบร้อย  แต่
เกลี่ยกล่อมยังไงเต้ยก็ไม่คิดจะไปโรงพยาบาล เขากลัวแต่เต้ยจะเป็นพิษไข้ขึ้นมา


“ยังเจ็บอยู่ไหมเต้ย พี่อยากไปดูน้ำหน้าไอ้คนชื่ออิทธิพลจัง  จะใหญ่มาจากไหนกันเชียว จริงๆเต้ยไม่น่าปล่อยมันล...”


“อย่าเลยครับพี่ต้อม มันจะไม่เป็นผลดีทั้งสองฝ่าย เต้ยไม่อยากมาอธิบายพ่อกับแม่ทีหลัง นะครับพี่ต้อม”“โอเคๆ พี่จะพยายามแล้วกัน  ถ้าย้ายโรงเรียนได้ ก็คงไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว  พี่จะพาไปสมัครโรงเรียน ที่เก่งที่สุด คิดว่าไม่น่ายาก เพราะน้องพี่เก่ง
อยู่แล้ว” ต้อมเอามือลูบหัวน้องชายเบาๆ


“วันนี้ถ้าพ่อกับแม่กลับมา พี่ต้อมบอกไปว่าเต้ยเหนื่อยอยากพักผ่อนนะครับ”


“ไม่ต้องห่วงนะ พี่จะจัดการให้เอง ส่วนยาพี่เตรียมไว้ให้แล้ว กินซะนะ เพราะไม่รู้ว่าความเจ็บจะทำให้เต้ยเป็นไข้รึเปล่า”


“ขอบคุณครับพี่ต้อม”






         เช้าวันใหม่  อิทธิพลตั้งใจตื่นแต่เช้าเพียงเพื่อไปนั่งดักรอมองดูใครบางคนเข้าโรงเรียน แต่จนแล้วจนรอด ผ่านไปกี่สิบคนก็ไม่มีวี่แววว่าใครคนนั้นจะมาโรงเรียนซักที เหลือบมองนาฬิกาข้อมือตอนนี้จะถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติอยู่แล้วเชียว



“มันทำไมยังไม่มาโรงเรียนอีกนะ!”


           น้ำเสียงไม่พอใจแต่เต็มไปด้วยความกังวล  คำว่า ย้ายโรงเรียน ตามมาหลอกหลอนอิทธิพลไม่ขาดสาย ถ้าเต้ยต้องย้ายโรงเรียนจริงๆ แล้วต้นเหตุการย้ายเป็นเขา เขารู้สึกว่ามันไม่ดีเท่าไหร่นัก(แต่ก็ยังทำ)



“ไอ้อิท!!!” เพื่อนหนุ่มสองคนเพิ่งมาถึงโรงเรียน แต่กลับแปลกใจที่วันนี้เห็นอิทธิพลยืนอยู่ประตูทางเข้าโรงเรียน“


“พวกมึง กูยังไม่เห็นเต้ยมันเลยว่ะ” อิททำสีหน้าร้อนรน


“เต้ย? อย่าบอกนะว่ามึงตื่นแต่เช้ามาดักรอไอ้เตี้ยเต้ยมันอ่ะ” ทิวถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ


“ก็ใช่ไงวะ เพราะพวกมึงแหละทำให้กูกลัวมันย้ายโรงเรียนขึ้นมาจริงๆ”


“เป็นเอามากนะมึงเนี่ย วันนี้เขาอาจจะไม่มาโรงเรียนเฉยๆรึเปล่า?” เอสออกความเห็น


“ไม่ใช่มึงนะเว้ย คนอย่างไอ้เต้ย แม่งไม่เคยขาดเรียน ครูคนไหนก็ชมมัน พวกมึงไม่เคยได้ยินหรอ?”


“ก็ได้ยิน ! แต่บางทีเต้ยมันอาจจะย้ายโรงเรียนไปแล้วก็ได้” เอสแกล้งเพื่อนขึ้นมาทันที


“ไอ้เอส ไอ้ปากหมา หยุดพูดเลยนะเว้ย ไม่มีหลักฐาน อย่ามาพูดลอยๆ”


“ไหนบอกไม่สนใจไอ้เต้ยไง แค่มันคนเดียวจะย้ายโรงเรียน  ทำอย่างกับไก่ตื่นเลยนะมึง” ทิวเสริมขึ้นมาอีก


“ก็กู....” ร่างสูงพุดไม่ออกจริงๆ


“พูดไม่ออกแบบนี้แม่ง หันเห มาชอบผู้ชายแน่ๆ ว่าไหมทิว?”  เอสกอดคอทิวมองหน้าเพื่อนที่ตัวสูงกว่านิดๆ“กูชอบผู้หญิงเว้ย ที่
กูมาดักรอก็มาขอโทษมันตามที่พวกมึงบอกเท่านั้นแหละ ”


“ให้มันจริงเถอะ พวกกูสองคนไปเข้าแถวเช็คชื่อก่อนแล้วกัน บ๊าย!”


            เพื่อนสนิทสองคนเดินเลี่ยงตัวออกไป แต่อิทธิพลยังคงยืนอยู่หน้าประตูเช่นเดิม ไม่มีทีท่าว่าคนที่เขาต้องการอยากเจอจะมาโรงเรียนสักที ทำไมเต้ยไม่มา หรือว่ามันจะย้ายไปแล้วจริงๆ 


           สักพัก กลับมีชายหนุ่มรุ่นพี่ใส่ชุดนักศึกษา ยูนิฟอร์ม มหา’ลัยใจกลางกรุงเทพฯอัตราสอบเข้าแข่งขันสูงมาก กำลังเดินตรงมาหาเขาอย่างเร่งรีบ 


“ขอโทษนะครับน้อง พอดีพี่อยากจะไปห้องฝ่ายบุคคล น้องบอกทางพี่หน่อยได้ไหม”


“ตรงไป เลี้ยวขวา เดินเข้าไปในตึก มองหาป้ายบนหัวจะมีทางบอกอยู่” อิทธิพลบอกเสียงห้วน


“โอเค ขอบใจ”


           แต่จะว่าไป รุ่นพี่ผู้ชายคนนั้นก็น่าสงสัยนะ ใส่ชุดนักศึกษา สงสัยจะมาฝึกสอนรึเปล่า?


“เดี๋ยวพี่ พี่มาฝึกสอนหรอ?”


“เปล่าหรอก มาทำธุระให้น้องชาย”


“ธุระอะไร?”


“ย้ายที่เรียน”


“!!!”



             ได้ยินแค่นั้นหัวใจของอิทธิพลแทบหยุดเต้น ทำไมคำว่าย้ายที่เรียน ถึงได้มีอิทธิพลต่อใจเขานักในเวลานี้  ถ้าจะถามไปอีกคำถามไอ้รุ่นพี่คนนี้จะรำคาญเขาไหมนะ


“น้องชายพี่ชื่อไรอ่ะ”


เต้ย เตชานุ ห้องหกทับหนึ่ง เท่านี้ก่อนนะ พี่รีบ เดี๋ยวต้องไปมหา’ลัยอีก”


“!!!”


            เป็นอีกครั้งกับคำตอบที่สร้างความหวาดกลัวของอิทธิพลให้เป็นจริงขึ้นมา  เขาจะทำยังไงดี ไปขวางทาง หรือว่าขอโทษ หรือว่าจะพูดขัดขวางยังไง ถึงจะทำให้เต้ยไม่ต้องย้ายโรงเรียน  ตอนนี้เขามืดแปดด้านไปหมด แล้วนั่นก็คงจะเป็นพี่ชายของเต้ยแน่ๆ  แต่ถ้าจะหาเรื่องเขาไม่น่าจะสู้ซะด้วย



:L2:



อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลยอิทธิพล ใครอยากให้เต้ยย้ายโรงเรียนได้สำเร็จบ้าง ยกมือ!!!  :m15: :m15:

มีคนมาเม้น ก็มีความรู้สึกอย่างอัพวันละหลายๆตอน อิอิ (ไม่ได้แจกโปรโมชั่นเลยนะจริงจริ้งงง)


 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:



ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
มาอัพเลยจร้า รอๆ แต่พระเอกเรื่องนี้เลวอ่า สงสารนายเอก  :sad4:

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 4



            หน้าห้องฝ่ายบุคคล อิทธิพลเดินวนเวียนรอใครคนหนึ่งแถวนั้น  เขายอมโดดกิจกรรมหน้าเสาธง ยอมโดดคาบเรียนที่หนึ่งและสองเพื่อรอคอยคนคนนั้น  ตอนนี้มันไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับพี่ชายของเต้ยที่เข้าไปคุยเจรจากับคุณครูฝ่ายบุคคลเสียเนิ่นนาน  แต่ยังไงเขาก็จะรอ รอ...แล้วก็รอ...จนกระทั่งชายหนุ่มรุ่นพี่ในชุดมหาวิทยาลัยคนเดิมเดินออกมาจากห้อง เขาไม่รอช้ารีบเดินไปแสดงตัวขวางหน้าทันที


“เดี๋ยวครับพี่!” พี่ชายเต้ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะคลายมันออกดังเดิม


“น้องนั่นเอง มีอะไร ทำไมยังไม่ไปเรียน”


“ผม...ผมอยากรู้ว่าเต้ยจะไปเรียนที่ไหน?”


“น้องถามทำไม เป็นเพื่อนห้องเดียวกันละสิ ใช่ไหม?”



         สถานการณ์คับขัน แต่อิทธิพลไม่มีทางยอมให้รุ่นพี่ตรงหน้ารู้หรอกว่าเขาไม่ใช่  ต้องเอาเล่ห์เหลี่ยมเข้าสู้เท่านั้นถึงจะชนะ



“ใช่ครับ ผมอยู่ห้องเดียวกับเต้ย!”


“พี่เดาถูกจริงๆด้วย  แต่ว่า...เต้ยยังไมได้ย้ายหรอกนะ คุณครูเขาขอเอาไว้ เต้ยเรียนเก่ง และสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนมาก็ค่อน
ข้างมาก เลยเป็นเรื่องยากหน่อยที่จะต้องให้เต้ยย้าย” ต้อมสีหน้าสลด แต่คนรอฟังคำตอบกลับยิ้มแสยะสะใจ



“อย่างนั้นหรอครับ แต่จริงๆเต้ยไม่น่าลาออกเลย ถ้าลาออกไปพวกผมคงจะเหงาแย่!” อิทเค้นเสียงท้ายประโยคได้อย่างชนิดที่ว่าหากเต้ยมาได้ยินเองคงจะผวาอีกครั้ง


“แล้วน้องชื่ออะไรล่ะ เดี๋ยวกลับไปที่บ้านจะบอกเต้ยให้ว่าเพื่อนในห้องเป็นห่วง”



          อิทธิพลดวงตาลอกแลกเล็กน้อยราวกับกำลังคิดชื่อบางชื่อที่จะเป็นสรรพนามใหม่อยู่ แล้วสุดท้ายก็เลือกได้พอดี ชื่อนี้เหมาะที่สุด!


“เอ่อ...ผมชื่อ บอล  ครับ”


“อ่อ โอเค บอล ยินดีที่ได้รู้จัก พี่ต้องไปมหา’ลัยแล้ว มีเรียนช่วงบ่ายโมง  นายก็ไปเรียนได้แล้วนะ”


“ครับพี่ แล้วพี่ชื่ออะไรครับ”


“พี่ชื่อต้อม” อิทธิพลพยักหน้ารับรู้ จากนั้นจึงหลีกทางให้ต้อมไปในที่สุด



            ตอนนี้อิทธิพลดีใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เหตุผลจากอะไรนั้นเขาเองก็ไม่รู้  ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกเอาไว้แล้วใช่ไหมว่าเตชานุหนีคนอย่างเขาไม่พ้นหรอก   แผนการก่อนหน้านี้เขาโทรไปบอกพ่อของเขาเอง ซึ่งเป็นถึงนักธุรกิจร้อยล้าน ให้ช่วยเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมาก



               หากคุณครูคนไหนเซ็นต์อนุมัติให้เตชานุ นักเรียนห้องหกทับหนึ่งออก ค่าบำรุงและสนับสนุนโรงเรียนทั้งหมดหลายล้านจะถูกรื้อถอนทันที สิ่งนี้คิดว่าต่อรองกับผู้บริหารโรงเรียนไม่น่ายากเท่าไหร่ เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนซี้กันมาก่อน และที่สำคัญ มันสำเร็จแล้ว และเขาเป็นฝ่ายชนะ





               พักกลางวัน ในโรงอาหารที่สุดแสนวุ่นวาย แต่โต๊ะรอบข้างสามหนุ่มห้องหกทับสิบ กลับว่างเว้นไว้ ไม่มีใครกล้ามานั่งทานใกล้ๆ หรือหากจะมองอีกแง่ พวกนักเรียนเหล่านั้นอาจจะทั้งกลัว และเกลียดพวกเขาไปแล้วก็เป็นได้


“ไงมึง ยิ้มอารมณ์ดีเชียวนะไอ้อิท!” เอสท้วงติงขึ้นมาหลังจากเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นของเพื่อน


“ของมันแน่อยู่แล้ว มึงรู้อะไรไหม ตอนไอ้ต้อมพี่ชายมันออกมาจากห้องบุคคลนะเว้ย  กูลุ้นตัวแทบโก่ง กลัวว่าพ่อกูจะโทรไปสั่งไม่สำเร็จ”


“แล้วสรุปคือ...เต้ยไม่ได้ลาออกใช่ไหม?” ทิวเดาคำตอบเองราวกับมั่นใจอำนาจของเพื่อนพอสมควร


“ของมันแน่อยู่แล้วเว้ย  อย่างไอ้เต้ย มันหนีกูไม่พ้นหรอก”


“เฮ้ยๆๆ พูดแบบนี้เหมือนมึงจะไปผูกเวรผูกกรรมกับมันอีกแล้วนะ” เอสจ้องจับผิดอีกฝ่าย


“เรื่องของกู กูพอใจ!”


“กูยอมมึงจริงๆเลยว่ะอิท แล้วนี่ถามพี่ชายเขารึเปล่าว่าทำไมวันนี้เต้ยถึงไม่มาโรงเรียน” ทิวเปรยถาม


“กูไม่ได้ถามว่ะ แต่ช่างแม่งเถอะ คงไม่กล้ามาโรงเรียนเพราะกลัวเจอกูมั้ง?”


“อิท! มึงทำดีๆกับเต้ยมันหน่อยเถอะว่ะ กูสงสารมัน  ไหนๆมึงก็พูดว่าเต้ยมันเป็นของมึงไปแล้วอ่ะ”


“ได้!! กูจะ ทำ! ดีๆ! กับมัน ให้ดู ฮ่าๆ” อิทยิ้มร่าหัวเราะอย่างสะใจ เมื่อนึกถึง อีกไม่กี่วันร่างบางจะกลับมาเรียนที่เดิม ห้องเดิม และเจอคนที่มันบอกว่าเกลียดเต็มทน คนเดิม ไปตลอดช่วงมอปลาย!


“ดูไปดูมา เหมือนกูได้เพื่อนโรคจิตยังไงก็ไม่รู้” เอสเปรยขึ้นมาเบาๆ


“ทำไมมึงพูดงี้วะ?” อิทไม่พอใจที่เพื่อนพูดแบบนั้น


“ก็ดูสิ ทีกับผู้หญิงแม่งโรแมนติกจะตาย แต่พอเป็นไอ้เต้ย ถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็ตัวเท่าลูกหมา มึงกลับทำเรื่องแบบนั้นกับเต้ยมัน
ได้ลงคอ ทำเหมือนมันไม่ใช่คน ”



                ขนาดไม่เห็นภาพด้านในห้องวันนั้น ทั้งเอสและทิวยังหลอนๆยังไงไม่รู้  เพราะเสียงที่เต้ยกรีดร้องแทบขาดใจดังออก สลัดออกจากความคิดไปยังไงก็ไม่มีทางหายไปได้


“พอๆๆ...กูขี้เกียจฟังแล้ว แดกข้าวไม่อร่อย เย็นนี้พวกมึงกลับไปก่อนกูเลยนะ ไม่ต้องรอ”


“อ้าว ไมวะอิท หรือว่า...นัดเด็กที่ไหนอีกล่ะมึง!” เอสชะงักช้อนข้าวกะทันหัน


“กูจะพาน้องบ๊อบบี้ของกูไปกินข้าว ร้องคาราโอเกะเว้ย”


“คนนี้มึงจะเอาให้ได้ใช่ไหม?” ทิวถามขึ้นมา


“คนที่กูคิดอยากจะเอา มันก็ต้องเอาให้ได้สิวะ ฮ่าๆๆ” อิทธิพลหัวเราะลั่นอย่างสะใจ


“อย่าสดอีกนะมึง บ๊อบบี้นะไม่ใช่เต้ย ท้องป่องขึ้นมา อนาคตมึงดับแน่”


“เออๆ ระดับกูแล้วน่า ไม่แน่คืนนี้กูอาจจะไม่ทำเรื่องอย่างว่าก็ได้”


“ทำไมวะอิท หรือว่าคิดถึงไอ้เตี้ยเต้ยคนเดิม” เอสแกล้งแซวทั้งที่ไม่ใช่เรื่องน่าแซวซักนิดก็ตาม


“อย่างมัน กูไม่สนใจหรอก!”


“หรอออออออ” สองหนุ่มรีบอุทานขานตอบพร้อมกัน แต่อีกคนยู่หน้าไม่พอใจ ตักข้าวเข้าปากทันที




                ผ่านไปนาน จนกระทั่งถึงตอนเย็น  วันนี้ต้อมกลับมาบ้านช้าหน่อย เพราะอาจารย์สอนล่วงเวลาไปครึ่งชั่วโมง เนื้อหาค่อนข้างเยอะและยาก แต่เขาไม่กลับมามือเปล่า หิ้วน้ำหิ้วของกินมาฝากน้องชายเต็มมือไปหมด เพราะรู้ดีว่าพ่อแม่คงยังไม่กลับมา อีกอย่างเต้ยคงจะหิวข้าวแย่แล้ว


“เต้ย เป็นไงมั่ง ยังเจ็บก้นอยู่รึเปล่า?” หน้าที่ของพี่ชายต้อมไม่เคยละเลยเมินเฉยแม้แต่น้อย


“ดีขึ้นแล้วครับ พี่ต้อมหิ้วอะไรมาครับเนี่ย เยอะแยะไปหมด”


“ซื้อของกินของโปรดเต้ยไง เอามาให้คนป่วยกินจะได้หายไวๆ”


“ขอบคุณครับ แล้วเรื่องย้ายที่เรียน...”


“เสียใจด้วยนะเต้ย คุณครูเขาไม่ยอมให้ย้ายท่าเดียวเลย บอกว่าเสียดายเต้ยมาก ยังไงเต้ยก็ทนไปอีกนิดนะ ถ้ายังถูกไอ้อิทธิพล
นั่นทำร้ายอีก คราวนี้พี่ว่าเราควรบอกพ่อกับแม่ได้แล้ว”


“นี่ผมต้องไปโรงเรียนเดิมอีกหรอครับ!” ร่างบางทำสีหน้าหวาดหวั่น กลัวขึ้นมายังไงไม่รู้


“ไม่เอาน่าเต้ย เพื่อนคนอื่นเขาคิดถึงเป็นห่วงเต้ยก็มีนะ  อย่างเช่นคนที่ชื่อ บอล อ่ะ วันนี้เขาก็มาดักรอพี่เพื่อถามข่าวการย้าย
โรงเรียนของเต้ยด้วยนะ”


“บอล?”


“ใช่ บอลห้องเดียวกับเต้ยไง ดูเขาเป็นห่วงเต้ยมากเลย เพื่อนสนิทเต้ยใช่ไหม?”


              นึกถึงชื่อบอล มีอยู่คนเดียวในห้อง และเป็นคนที่เงียบๆไม่สุงสิงกับใคร การเรียนก็ได้ที่หนึ่งบ้าง ที่สองบ้าง   เผลอๆเป็นศัตรูเงียบๆของคนในห้องด้วยซ้ำไป จะเป็นไปได้ยังไงกันที่คนอย่างบอลมาสนใจเขา  เป็นห่วงเขา?  แบบนี้มันแปลกจริงๆ


“เราไม่ได้สนิทกันหรอกครับ  ต้องพูดว่าเราไม่เคยคุยกันเลยซักครั้งถึงจะถูก” เต้ยบอกพี่ชายไปทันที


“ล้อพี่เล่นรึเปล่า ถ้าไม่สนิทกันแล้วเขาจะมาถามเรื่องของเต้ยทำไม?” ต้อมลูบหัวน้องชาย


“เต้ยก็ไม่รู้” คำตอบตอนนี้เขาก็ไม่มั่นใจนัก ว่าที่พี่ชายพูดมามันจริงรึเปล่า บอลไหนกันแน่ แต่ถ้าเป็นห้องเดียวกันก็มีอยู่บอลเดียวนั่นแหละ เงียบๆ ไม่สุงสิงใครเลย ดูเป็นคนลึกลับคนหนึ่งก็ว่าได้


              แต่เรื่องของบอล ไม่ได้ทำให้หนุ่มน้อยเครียดเท่ากับการที่ต้องไปโรงเรียนแล้วเจอกับใครบางคนอีกครั้ง ใครคนนั้นที่เขาเกลียดเข้าไส้แล้วในตอนนี้ แต่เวลามันก็ไม่คิดจะคอยใคร มันเดินหน้าเร็วมาก จนนำพาร่างบางไปถึงเช้าวันใหม่...



            วันนี้เป็นวันพุธ ท้องฟ้ามีเมฆค่อนข้างมาก แต่ก็พอดับร้อนได้บ้าง เตชานุเดินขึ้นรถประจำทางสายเดิมไปลงหน้าโรงเรียนโยธินวิทยาลัย  สองขาเดินก้าวสลับไปมาคล่องขึ้น แต่ก็ยังไม่เต็มร้อยเท่าไหร่นัก


           และวันนี้ไม่รู้โชคชะตาอะไรเล่นตลก เขาผ่านเข้ารั้วโรงเรียนมาพร้อมกับ บอล เพื่อนร่วมห้องที่พี่ชายเอ่ยอ้างถึง ว่าเมื่อวานได้แสดงว่าเป็นห่วงเป็นใยเขามากมาย แต่ยังไงก็ต้องถามเจ้าตัวให้รู้เรื่อง 


           บอล เป็นคนตัวสูงเพราะเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียนตั้งแต่สมัยมัธยมต้น  พอมาเรียนที่นี่ก็เอาความสามารถนี้มาด้วย พร้อมกับความรู้ที่ชาญฉลาดกว่าเต้ยสองเท่าตัว เรื่องนี้ใครๆก็รู้กันหมด 


           เขาดูหล่อแบบคุณชาย ในชีวิตจริงเขาก็คุณชายจริงๆ ไม่สุงสิงใคร แต่งกายเนี๊ยบตลอด และไม่มีใครกล้าเข้าไปทักเขาก่อน แม้แต่เต้ยที่อยู่ห้องด้วยกันมาถึง สามปีแล้วก็ตาม



“บอล! สวัสดี” เต้ยตัดสินใจเดินไปขนาบข้างเพื่อนหนุ่มร่างสูงกว่า พร้อมกับทักทายทันที 


“อืม! หวัดดี”



        คำเอ่ยทักกลับมาทำให้เต้ย เผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เขารู้สึกว่าทุกคนจะมองบอลผิดไปกันหมด เขาไม่ได้หยิ่งอย่างที่ว่าจริงๆด้วย 


“ยิ้มอะไรหรอเต้ย!” น้ำเสียงเรียบไร้รอยยิ้มถามขึ้นพร้อมกับเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ


“ปะ..เปล่า เรายิ้มให้กับนายเฉยๆ มีแต่คนบอกว่านายหยิ่ง เราเองก็หวั่นใจอยู่ที่ทักนายวันนี้”



“คนพวกนั้นคิดเองเออเอง ถึงเราจะดูไม่สุงสิงใคร แต่เราก็คุยได้ แต่เรื่องการเรียนเราไม่มีทางยอมหรอกนะ”


“บอล! เราไม่คิดจะแข่งนายหรอกนะ ถึงแข่ง เราก็แพ้นายอยู่ดี”


“ฮ่าๆๆ เราล้อเล่นเต้ย”


“นายหัวเราะ?”



         หนุ่มผิวสีน้ำตาลอ่อน หุบยิ้มไปทันทีที่ถูกทักท้วง เขาชักจะเผลอตัวไปมากทีเดียวที่คุยกับเต้ย เพื่อนหนุ่มร่วมห้องตัวเล็กน่ารักคนนี้ เขาต้องสำรวมกว่านี้อีกหน่อยแล้ว


“อ้าว? หยุดยิ้มทำไมล่ะ นายยิ้มน่ารักดีออก”


“ขอโทษทีนะ เราขอตัวก่อน”


             บอลพูดอย่างสุภาพก่อนจะเลี่ยงตัวออกไป มันไม่แปลกหรอกสำหรับคนอื่นๆ เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่านิสัยและบุคลิกภายนอก บอลเป็นคนยังไง แต่วันนี้เต้ยดีใจมากที่อย่างน้อย การเอ่ยทักทายบอลครั้งแรก ได้รับมิตรภาพอย่างดีเยี่ยมทีเดียว


“ขี้เก๊กไม่น้อยนะบอล สงสัยเราต้องชวนนายคุยบ่อยๆซะแล้ว” เต้ยยิ้มร่า



“จะคุยอะไรกับมันนักหนา คุยกับ ผัว ไม่ดีกว่าหรอ?”


               เสียงปริศนาดังขึ้นจากด้านข้าง มันเป็นศาลานั่งเล่นข้างทางเดินเท้าพอดี เตชานุแทบไม่อยากจะหันไปมองเลยด้วยซ้ำ  ตอนนี้คิดได้อย่างเดียวคือวิ่ง! วิ่งเท่านั้นถึงจะรอด แต่ก็...ไม่รอด


หมับ!!!


“อวดเก่งกับผัวอีกแล้ว คิดว่าจะหนีกูพ้นหรอ ฮะ!!!” อิทธิพลตวาดเสียงดังลั่นใส่หูของอีกฝ่าย


      นักเรียนจำนวนหนึ่งแถวนั้นเห็นเข้า แทนที่จะเข้ามาช่วยแต่กลับรีบเดินเลี่ยงหนีไปห่างๆเสียอย่างนั้น ไม่มีใครช่วยเต้ยได้แน่ๆ



“ไอ้เลว! ปล่อยตัวกูเดี๋ยวนี้” ร่างบางสุดทนกับนิสัยแย่เกินคนของอีกฝ่าย


“กูบอกแล้วใช่ไหม เป็นของกูแล้ว ห้ามแรด จำบ้างรึเปล่า ฮะ!”


“อย่ามาหยาบคายแบบนี้นะ!”


“หยาบคายหรอ ทีเมื่อกี้ยิ้มร่าล่อตัวผู้ ทำไมกูจะไม่เห็น! ”


“เห็นหรือไม่เห็นเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ปล่อย!!!”


“สงสัยกูต้องรื้อฟื้นความจำหน่อยล่ะมั้ง?”


“อย่านะ!!! ”


หมับ!!! พรวดดด อิทธิพลคว้าจับต้นคออีกฝ่าย ลากพาไปที่เดิมอีกครั้ง


             และมันเป็นที่น่าน้อยเนื้อต่ำใจ ตรงที่ห้องเก็บของที่ว่า มันอยู่ลับตาคน ปกติไม่มีใครมาเดินเล่นแถวนี้อีกด้วย ยกเว้นภารโรงเท่านั้น แต่เวลาแบบนี้ไม่มีใครมาแน่นอน เต้ยมั่นใจ


ปัง!!! แกร๊ก   


         เสียงประตูถูกปิดลง พร้อมกับกลอนประตูล็อคข้างในทันที สภาพห้องเดิมๆ กับบรรยากาศสกปรกและอับ หวนกลับ
มาอีกครั้ง เต้ยน้ำตาซึมเมื่อกำลังรับรู้ว่ากำลังจะโดนอะไรตามมา ทั้งที่เพิ่งจะดีขึ้น


“คลานเข้ามาอมของกูนี่ อยากมากก็อมให้มากๆ จะได้ไม่ไปร่านที่อื่น” อิทธิพลไม่ว่าเปล่าแต่กำลังรูดซิปกางเกงลง  ไม่นานเจ้า

โลกของอิทธิพลก็ผงาดประชันต่อหน้าต่อตา มันน่ากลัวมาก  คราวก่อนสิ่งนี้ทำให้เต้ยแทบสิ้นใจ เขาจะไม่มีทางโดนมันอีกครั้งแน่


“ไม่!!! ไอ้เลว ไปไกลๆกูเดี๋ยวนี้นะ”


“คำก็เลว สองคำก็เลว รู้ไหมกูเกลียดที่สุดคือคนขัดคำสั่ง!!!”


“ทำไมอิท เราไปทำอะไรให้นายนักหนา เงื่อนไขทุกอย่างเราก็ตกลงรับปากนายทุกอย่าง ทำไมนายต้องทำแบบนี้กับเรา” สุดท้ายก็ต้องเอาน้ำเย็นเข้าสู้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลรึเปล่า


อยากรู้หรอ อม!!! ก่อนสิ กูจะบอก” อิทธิพลยิ้มอ่อน หน้ากลัว เดินก้าวเข้ามาพร้อมกับอวัยวะขนาดเกือบเท่าแขนเตชานุนั้น จะ
ให้เต้ยหนีไปถึงไหนจึงจะพ้นคนคนนี้ได้นะ



“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที”


เพี๊ยะ!!!


“เงียบ อมเข้าไป!!!”


พรวดดด อวัยวะนั้นถูกดันเข้าปากชมพูระรื่อนั้นทันที เตาชานุตาเหลือกลาน น้ำตาไหลเป็นทาง คงหนีไม่พ้นอิทธิพลแล้วจริงๆ



:L2:

ปิดท้ายคืนนี้(ห้ามด่าคนแต่ง โกรธมากก็ไปด่าอิทธิพลโน่นเลย  :serius2:


พระเอกจะเอาใครดีน้า บอล หรือ อิท  ตอนนี้คนแต่งชอบบอลมาก บอลดีงามจริงๆ


จริงๆผู้แต่ง แต่งแบบเรียลก็ได้นะ เอาตามใจผู้อ่านเลย ของแบบนี้แฟร์ๆ  แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวถูกด่าอีก  คนชอบ

พระเอกเลวๆก็มีเยอะ  อย่างอิทนี่ ทั้งตอแหล สารเลว เสือผู้หญิง เหมาหมดจ้าาาา  ราตรีสวัสดิ์



 :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ chaweewong19841

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-2
สนุกมากกกก มาต่ออีกนะคะ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 5




            สุดท้ายเตชานุก็เสร็จอิทธิพลอีกครั้ง ร่างสูงแต่งกายจนเสร็จแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่คิดจะหันกลับมาใยดีร่างบางแม้แต่น้อย   เต้ยต้องฝืนทนแต่งตัวจนเรียบร้อย  เสื้อผ้าอาจจะมียับไปบ้างแต่ไม่มากเท่าไหร่นัก  โชคดีที่คาบเรียนแรกคุณครูยังไม่มา และวิชาที่ว่าก็ไมได้เคร่งเครียดอะไร เพราะเป็นวิชาศิลปะ



           เต้ยกวาดสายตามองหาเก้าอี้ว่างนั่งเรียน เพราะรายวิชานี้นักเรียนต้องเดินทางมานั่งเรียนในห้องศิลปะโดยตรง  แต่แล้ว กลับเหลือบไปเห็นที่ว่างติดหน้าต่างพอดี ก่อนที่เพื่อนในห้องจะสังเกตชุดนักเรียนไม่ปกติของเขาไปมากกว่านี้  เขาจำเป็นต้องรีบเดินไปนั่งเก้าอี้ให้เร็วที่สุด



           แต่เขาคงไม่ทันได้สังเกตว่าตรงที่เขาเลือกนั่งนั้นอยู่ใกล้ บอล ห่างกันเพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง



“เต้ย! ทำไมเข้าห้องเรียนช้า” หนุ่มผิวสีเอ่ยถามขึ้นก่อน


“อ้าวบอลเองหรอกหรอ…พอดีเราท้องเสีย เลยไปเข้าห้องน้ำมา” เต้ยโกหกไป ทั้งที่ไม่ได้อยากจะพูดแบบนั้นแม้แต่น้อย


“ครูมาแล้ว!” บอลเปรยบอกเต้ยเบาๆ  ก่อนที่ทุกคนในห้องจะเงียบตามและทำความเคารพ



                   เรียนไปด้วย เจ็บแผลที่เดิมซ้ำๆไปด้วย มันสนุกที่ไหนกัน มีแต่ความทรมานทั้งนั้น เต้ยได้แต่นั่งบิดไปบิดมา ด้วยความยากลำบาก เขาไม่สามารถนั่งเก้าอี้ได้เต็มก้น ดูท่าทีตรงประตูหลังคงจะอักเสบอีกเช่นเคย  บ่อยครั้งเข้า...ร่างสูงผู้สุขุมก็แอบชำเลืองมองมาเป็นระยะ จนกระทั่งจบคาบเรียน



“ทำไมตอนเรียนศิลปะ เต้ยดูไม่นิ่งเลย” บอลถามเพราะอยากรู้ ขณะเดินทางกลับห้องเรียนเดิม


“เอ่อ...เปล่าหรอก ไม่มีอะไร?”


“แต่เราว่ามี!” บอลมั่นใจ เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเท่านั้นเอง


“เรา ขอตัวก่อนนะ อยากเข้าห้องน้ำกะทันหันยังไงไม่รู้”


“ปวดท้องอีกแล้วหรอ? ให้ไปเป็นเพื่อนไหม ” ร่างสูงอาสา


“มะ...ไม่ต้องหรอกบอล นายไปเข้าห้องเรียนเถอะ นายตั้งใจเรียนมากไม่ใช่หรอ ขาดเรียนไปหนึ่งคาบมันไม่ดีหรอกนะ ” ร่างสูง
ทำสีหน้าลังเลเล็กน้อยกับคำพูดที่อ้างขึ้นมา


“อืม! ก็ได้”



                 เต้ยเดินเลี่ยงออกมาเสียดื้อๆ  ไม่ใช่เพราะคิดหนีคำถามของบอล แต่ตอนนี้ของเหลวขุ่นนั่นมันกำลังไหลย้อนกลับลงมา ถ้าไม่รีบเอามันออก ต้องไหลเลอะกางเกงแน่    แต่ห้องน้ำที่เขาเลือกไปนั้น กลับบังเอิญเป็นชั้นเดียวกันกับที่เกิดเรื่องวุ่นวายเมื่อวันศุกร์ก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาคิดมากอะไรอีกแล้ว



            เตชานุถอดกางเกง แล้วนังลงชักโครก พร้อมกับเบ่งสิ่งนั้นออกไป นี่เป็นประสบการณ์ใหม่อีกครั้งที่เขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับของเหลวขุ่นนั้นยังไง  ถึงจะไหลออกจนหมด นอกจากทำไม่ต่างจากถ่ายหนักเท่านั้น



                แต่เต้ยนั่งทำธุระในห้องน้ำได้ไม่นาน กลับได้ยินเสียงเหมือนจะมีนักเรียนเข้ามาในห้องน้ำ  เงาสะท้อนจากพื้นล่างนั้นพอทำให้รู้ว่ามีคนเข้ามาจริงๆ แต่มันไม่ชัดขนาดที่ว่าเป็นใคร! และเข้ามามากกว่าหนึ่งคนแน่นอน  ฟังจากเสียงสนทนาแล้ว มันช่างคุ้นหูนัก


“เบื่อว่ะ การบ้านก็เพิ่งทำเสร็จไปหยกๆ สั่งมาใหม่อีกแล้ว”


“จะบ่นอะไรนักหนาวะอิท! ครั้งก่อนมึงก็ไม่ได้ทำเองซักหน่อย เมียมึงทำให้ไม่ใช่หรอ?”


           อิทธิพล! ทำไมหนีเข้าถึงห้องน้ำก็ยังตามมาหลอกมาหลอนเขาได้อีกนะ เต้ยได้แต่กลั้นหายใจ หยุดทำธุระทุกอย่างให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังแต่เพียงนักเลงหนุ่มกลุ่มนั้นออกไปจากห้องน้ำ และไม่คิดสนใจประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ ด้านในสุดหรอกนะ



จ๊อกกกกกก!!!!

           เสียงฉี่ของสามคนนั้น ราวกับน้ำประปาไหลกระทบ โถปัสสาวะ  ไม่บอกก็รู้ว่าพวกนี้มันมีของใหญ่แค่ไหน!  แต่ในตอนนี้เต้ยได้แต่ภาวนาให้พวกนั้นรีบทำธุระให้เสร็จ แล้วออกจากห้องน้ำไปได้แล้ว



“ไอ้ทิว ไอ้เอส ต่อไปนี้กูขอสั่งเลยนะเว้ย ว่าห้ามพูดว่าไอ้เต้ยเป็นเมียกูอีก กูไม่ชอบว่ะ” ตัวดีเปรยขึ้น


“ไม่ชอบ? แต่วันนี้มึงก็ทำอีกแล้วไม่ใช่หรอวะ!”



            นี่มันเรื่องอะไรกัน! อิทธิพลเอาเรื่องหยาบคาย ชั่วช้าแบบนี้ไปเล่าให้เพื่อนฟังด้วยหรอ? ร่างบางเม้มปากแน่น ทนฟังต่อไป บางทีก็คิดนะ ว่าตัวเองเหมือนคนไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับคนพวกนี้


“ก็ทำไปงั้นๆแหละ  รำคาญว่ะ พวกแรดๆแบบนั้น”


“ไปว่าเต้ยมันแรดก็ไม่ถูกนะมึง มึงไปทำเขาก่อน ถ้าเต้ยมันอยากจะชอบใคร มันก็มีสิทธิ์ไม่ใช่หรอ เต้ยไม่ได้รักมึงซักหน่อย  มึงไม่สมควรไปว่ามันไปกีดกันมันแบบนั้น” เสียงเอสให้เหตุผล


“ก็มันเป็นของกูแล้ว มันไม่มีสิทธิ์ไประริกระรี้กับคนอื่น ”


“เฮ้อออ หมาหวงก้างชัดๆ เลยมึงเนี่ย” ทิวเปรยขึ้นพร้อมกับรูดซิปกางเกงเสียงดัง


“เฮ้ย!!! พวกมึงกลับห้องไปก่อนไป กูจะจัดการกับคนที่อยู่ในห้องน้ำนั่นก่อน ไม่รู้ว่าได้ยินอะไรไปบ้าง”


         อิทธิพลเปรยบอกเพื่อน  แต่ตอนนี้เต้ยหัวใจสั่นระรัว เขาจะทำยังไงดี  ร่างสูงหมายถึงเขาแน่ๆ


“เออๆ จัดการด้วยแล้วกัน อย่าให้มันเอาเรื่องเลวของมึงไปป่าวประกาศล่ะ” เอสเปรยบอก


         ประตูห้องน้ำถูกเปิดและปิดลงต่อเนื่อง ตอนนี้ในห้องน้ำเงียบมากๆ และเต้ยเดาใจไม่ถูกเลยว่าอิทธิพลกำลังจะทำอะไร มีเพียงประตูห้องน้ำตรงหน้าเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย แต่ก็ไม่แน่ใจนักหรอก



“เฮ้ย!!! ใครอยู่ในห้องน้ำวะ”


...


                เต้ยไม่ยอมตอบไป แต่กำลังค่อยๆเอากระดาษทิชชูซับทำความสะอาดประตูหลังอย่างเบามือ เพราะความรู้สึกปวดยังมีอยู่ไม่น้อย



“กูถามว่าใคร ไม่ได้ยินรึไง? ออกมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย!”


ปังปังปัง!!!! ไม่ใช่เสียงเคาะประตูด้วยมือ แต่คนคนนั้นกำลังเอาเท้าแตะและยันเข้ามาต่างหาก


...



                  ร่างบางเงียบไม่ยอมตอบอยู่ดี ตอนนี้เขากำลังค่อยๆลุกขึ้น แล้วใส่กางเกง จากนั้นเอื้อมมือไปกดชักโครก เสียงน้ำวนไหลชะล้าง เป็นคำตอบชัดเจนให้คนโวยวายข้างนอกรู้ว่าเขาเสร็จธุระส่วนตัวแล้ว



               ตอนนี้เป็นไงเป็นกัน จะให้รออีกฝ่ายออกจากห้องน้ำไปคงไม่เป็นผล   เขาต้องออกไปเผชิญหน้าตรงๆกับอิทธิพลผู้นี้เองเสียแล้ว


แกร๊ก แอดดด


        ทันทีที่ปลดกลอนประตู ชายหนุ่มร่างสูงก็ปรากฏทำสีหน้าโมโหยืนรออยู่ แต่พอประตูเปิดกว้างขึ้น และรู้ว่าเป็นเต้ย อิทธิพลก็เปลี่ยนสีหน้าจากโมโหมากเป็นเรียบเฉยแทน


“มึงเองหรอ?” อิทเปรยเสียงเบาลง



                แต่ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องอยู่เห็นหน้าและเสวนากับคนคนนี้ เขาเกลียดจนไม่รู้จะเกลียดยังไงแล้ว เขาเป็นบุคคลอันตรายในชีวิตของเต้ยก็ว่าได้ คิดได้แค่นั้นก็ต้องเลี่ยงตัวออกไปจะดีกว่า



หมับ!!! ฝ่ามือหนาคว้าจับต้นแขนเล็กๆไว้แน่น


“เดี๋ยว!!! เมื่อกี้มึงทำอะไร?” อิทชำเลืองมองด้วยหางตาน่ากลัว


“เอาน้ำชั่วๆออกจากร่างกายไง  ปล่อย!!!”


“น้ำชั่วๆหรอ? น้ำชั่วๆใช่ไหม”


ผลัก ตุ๊บ!!!


                   ร่างสูงจับต้นแขนเหวี่ยงร่างเล็กไปติดผนังด้านในห้องน้ำ เดิมที่เดินออกมา ตอนนี้เขาใช้วงแขนสองข้างขนาดใหญ่กักขังบริเวณร่างบางไว้เรียบร้อยแล้ว


           ดวงตาคมดุจ้องมองเต้ยอยู่อย่างนั้น แต่คนถูกกระทำกลับไม่คิดอยากจะมอง ตอบ ได้แต่เบือนสายตาหนีไปมองทางอื่นแทน


“อย่าหลบตากู มองหน้ากูเดี๋ยวนี้!!!” อิทธิพลสั่งตวาดลั่น


“มึงอยากจะทำอะไรมึงก็ทำเลย กูขี้เกียจต่อปากต่อคำกับคนเลวๆเต็มทนแล้ว”


“บอกให้พูดดีๆกับผัว เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆนะมึงเนี่ย”


“จะเอายังไงฮะ เบื่อเต็มทีแล้วนะกับคนแบบมึงเนี่ย!” เต้ยหันมาตะหวาดกลับบ้าง พร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า


“โถ่เอ้ย ทำเป็นเก่ง แค่นี้ก็จะร้องไห้ซะแล้ว อ่อนแอว่ะ!”  อิทธิพลพูดเหน็บ


“ถ้าจะต้องแข็งแรงแล้วอาละวาดหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว  กูก็ขอเป็นคนอ่อนแอจะดีกว่า”


“พูดแบบนี้อยากเจ็บตัวอีกรึไง?”


“ถึงกูบอกไม่อยากเจ็บตัว มึงจะเลิกทำไหมล่ะ กูขอตอบแทนเลยนะว่า...ไม่มีทางหรอก?”


“ฮ่าๆๆๆ สำคัญตัวเองไม่หน่อยมั้งเตชานุ ทำไมกูต้องฟังคำพูดมึงด้วย  เรื่องที่พวกกูพูดกันเมื่อครู่มึงคงได้ยินหมดแล้วใช่ไหม  มึงคงไม่คิดว่ากูจะสนใจเอามึงมาทำเมีย หรอกใช่ไหม?”


“หากชาตินี้กูจะต้องมีผัวจริงๆ กูไม่คิดเป็นเมียมึงหรอก ไอ้นรก!”



           ทั้งด่า ทั้งแค้น หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้ม  ความกดดันจนเกินทน มันเป็นความหน่วงในใจ มันอัดอั้นตันใจบอกไม่ถูก และคนอย่างเต้ยต้องเก็บสะสมมาโดยตลอด ไม่มีทางหนีพ้นเลย  ไม่มีเลยจริงๆ!



หมับ!!!   อิทธิพลคว้าจับคางแล้วออกแรงบีบคางนั้น  ใบหน้าน่ารักเปื้อนน้ำตา เลปี่ยนเป็นปากจู๋ยู่หน้า


“โอ๋ๆ อย่าร้องนะ  เพราะยิ่งมึงร้องมันยิ่งน่าสมเพสว่ะเต้ย”


       อิทธิพลพูดเสร็จก็ก้มลงเอาสันจมูกซักไซ้ต้นคอไปมาอย่างบ้าคลั่งๆ และรุนแรง


“ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ ฮึก ฮือออ”


“อยู่นิ่งๆ พอดีกูมีอารมณ์อีกแล้ว ช่วยไม่ได้จริงๆนะ”


“ปล่อยกู ไอ้อิท ไอ้สารเลว ฮึก ฮือออออ”


“ร้องสิร้องเข้าไป กูช้อบชอบน้ำตามึงเนี่ย!  ร้องดังๆเล้ยยย!!!”


              ลิ้นสากอุ่นละเลงเลียไปทั่วต้นคอ ทั้งดูดทั้งจูบ ราวกับหิวกระหาย  ถ้าให้เดา อีกไม่นานรอยคิสมาร์คคงปรากฏรอยแดงเป็นจ่ำในไม่ช้านี้แน่ แล้วเขาจะไปอธิบายคนอื่นๆที่ทักท้วงยังไงดี



“ปล่อยยย ฮึก ฮืออออ  ปล่อยกู  ไอ้เลว ฮึก ฮือออออ”


จ๊วบบบบบบบ


           ร่างสูงประกบปากบางๆที่กำลังด่าทอเขาไม่หยุดหย่อน   คนตัวเล็กกว่าเงียบลงไปได้บ้าง สบายหูขึ้นมาเยอะเลยทีเดียว  เขาดำเนินกิจกรรมไปเรื่อยๆตามที่ควรจะเป็นอย่างรุนแรงและดุเดือด


          จนในที่สุด เตชานุก็เสร็จเสืออย่างอิทธิพลอีกครั้ง แต่คราวนี้น่าแปลกตรงที่อิทปล่อยของเหลวนั่นให้หลั่งข้างนอกแทนที่จะปล่อยแช่เอาไว้ข้างใน  แต่น้ำสกปรกก็เปรอะเปื้อน แก้มก้นเนียนทั้งสองข้างอยู่ดี


“รูโบ๋หมดแล้วเต้ย! ฮ่าๆ” เจ็บปางตาย ยังมาพูดจาแบบนี้ให้ฟังอีก มันน่าเจ็บใจที่สุด


“อย่ามาหยาบคายกับกูนะฮือออ ไปให้พ้น ฮึก ฮึก”


หมับ!!!


“ปากดีนักใช่ไหมมึง งั้นก็เอาปากทำความสะอาดมังกรแทนน้ำปะปาก็แล้วกัน”


พรวดดดด  อิทธิพลยัดสิ่งนั้นเข้าปากเตชานุทันที ร่างบางถูกบังคับให้ทำไปตามความต้องการนั้น  น้ำตาของเขาช่างไร้ค่านัก ต่อให้ต้องร้องไห้เจียนตายคนคนนี้ก็คงจะไม่เลิกทำ  อิทธิพลทำกับเขาราวกับสัตว์ตัวหนึ่งเท่านั้น  ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหนเขาจะไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาด



ปี๊ดดดดดดดด


“อ่า.....ซี๊ด  แตกอีกรอบจนได้ กลืนให้หมดสิเต้ย น้ำของผัว ไม่มีอะไรประเสริฐกว่านี้อีกแล้ว”


“อึก อะ แคร๊กๆ  อัวะ.....แคร๊กๆ” ร่างบางสำลึกปางตายที่ถูกบังคับให้กลืนสิ่งนั้น


         เป็นอีกครั้งที่เต้ยต้องสำลึกกับน้ำกามนรกนี่  เขาจะทำยังไงกับสภาพร่างกายที่มันย่ำแย่ขนาดนี้
แกร๊ก  แอดดดด  เสียงใครบางคนเข้ามาในห้องน้ำ ขอบคุณสวรรค์ที่ยังเมตตา แต่ก็ช้าเกินไป  ทำไงได้ช่วงเวลาเรียนแบบนี้คนจะมาเข้าห้องน้ำมีน้อยมาก



“อย่าเสียงดังนะมึง! ลุกขึ้นแต่งตัวซะ กูจะออกไปก่อน สักพักมึงค่อยออกไป”


“ทำไม? กลัวความเลวเปิดเผยหรอ? แคร๊กๆ” เต้ยเหน็บแนมอีกฝ่ายทันที


“คนอย่างกูไม่เคยกลัวใคร  แต่คนอย่างกูไม่ยอมให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่ากูมีเมียเป็นผู้ชายหรอกนะ”


              อิทธิพลพูดเสร็จก็เดินออกไปจากห้องน้ำ ส่วนเตชานุได้แต่เจ็บใจ ค่อยๆพยุงร่างกายตัวเองขึ้นมาแล้วจัดเสื้อผ้าชุดนัดเรียนให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้



               ทันทีที่ร่างบางก้าวขาออกมาจากห้องน้ำ สิ่งที่เขาเห็นคือ ใครบางคนที่คุ้นหน้าคุ้นตานั้นกำลังยืนมองเขาอยู่ และไม่คิดว่าเวลานี้จะเจอเขา


“บอล!”


“เห็นนายมาเข้าห้องน้ำนาน เราเป็นห่วงเลยตามมาดู”


              คำพูดของคนไม่เคยสนิทกันเลยตลอดการเรียนสามปี มันทำให้เต้ยซึ้งใจมาก คำพูดนี้อิทธิพลไม่มีทางเปรยพูดแม้แต่ครั้งเดียว  มันน่าเจ็บใจไหม แต่ถึงมันจะพูดก็ไมได้มีความหมายและทำให้รู้สึกดีขึ้นหรอก



“ขอบใจนะบอล พอดีเราปวดท้องหนักมากเลย ” เต้ยปกปิดความจริง โกหกต่อไป


“เราเห็นนะ ว่าอิทธิพลเดินออกมาจากห้องเดียวกันกับที่นายเดินออกมา”


“บอล!”


“มันรังแกอะไรเต้ยรึเปล่า?” ร่างสูงผู้สุขุมเดาจากคาบน้ำตาที่มันไหลติดแก้มเตชานุ


“ปะ...เปล่า ไม่ได้รังแกหรอก แคร๊กๆ”


        ที่ต้องโกหกไปอีกรอบ เพราะไม่อยากให้บอลไปมีเรื่องกับอิท มันไม่คุ้มกันหรอก ดีไม่ดีคนที่ซวยจะเป็นบอลได้ ทั้งที่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับบอลเลยด้วยซ้ำ


“ต่อไป อยู่ใกล้ๆเราไว้จะดีกว่า เราเพิ่งรู้นะว่าอิทสนิทกับนายด้วย”


          สนิทหรอ? ตลกชะมัด และขำไม่ออกด้วย  เขาเกลียดมัน ขยะแขยงมัน ทำไมชีวิตที่ดีต้องมาเสียให้มันแบบนี้ ทำไมกัน ใครจะบอกเขาได้บ้าง?


“อยู่นิ่งๆนะ เราจะเช็ดคราบน้ำตาให้” บอลเดินเข้ามาทันทีพร้อมกับ ทำอย่างที่บอก เต้ยอึ้งพูดไม่ออก


“!!!”


          คนอย่างเขายังมีคุณค่าอยู่อีกหรอ คนดีๆมาดคุณชายอย่างบอล จริงๆไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้  ไม่จำเป็นเลย จริงๆนะคุณชายบอล



:L2:


น้องเต้ยยยยย   :m15: :m15:   วันนี้ขออัพตอนเดียวนะ แต่งต่อไม่ไหวแล้ว

คนแต่งหน่วงมาก แต่งไปน้ำตาคลอไป ไม่ไหวจริงๆ ขอเบรกก่อน
:katai1: :katai1:

ปล. ด่าคนแต่งได้ แต่อย่าแรงนะ  :ling3: :ling3:

ถ้าอยากด่าแรงๆ ไปด่า อิทธิพลเลยจ้าาาา เอาเลย
  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
สงสารนายเอก  :o12:

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
สงสารน้องเต้ยยยยยย ทำไมต้องโหดร้ายกับน้องเต้ยด้วย ฮือออออออ
อิทธิพลเกลียดไรน้องนักหนา ทำไมต้องทำแบบนี้กับน้องด้วย ต่อยมะ?

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
วันข้างหน้าไม่ว่าอิทจะรักเต้ยหรือไม่
จะเจ็บเจียนตายเพราะเต้ยหรือเปล่า
แต่ขออย่าให้เต้ยรักอิทเลยนะ
อภัยในความเลวได้ แต่คงทำใจรักไม่ได้

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ไม่ไหวๆ คนแต่งค้างคาใจมากกกก   ต้องเอาตอนที่ 6 ลงวันนี้ให้ได้ เชิญอ่าน!!!

v
v
v
v

ตอนที่ 6


“กลับมาแล้วหรอเต้ย”


             เสียงทรงอำนาจเปรยถามขึ้น ทันทีที่ร่างบางก้าวเข้ามาในตัวบ้านหลังใหญ่นี้  เกิดอะไรขึ้น? ทำไมวันนี้พ่อกับแม่ถึงกลับมาเร็วผิดปกติ แถมสีหน้าท่านทั้งสองไม่ค่อยจะดีนัก



“สะ..สวัสดีครับ”  สามวันแล้วที่ร่างบางหลบหนีไม่พบหน้าผู้ให้กำเนิด เพียงเพราะไม่อยากให้เห็นสภาพที่ยับเยินเกินจะทนดู แต่
วันนี้คงหนีไม่พ้นแล้วจริงๆ



“ธำมรงค์ เพื่อนพ่อโทรมาบอกว่าลูกจะย้ายโรงเรียน  มันเรื่องอะไรกัน” ชายวัยกลางคนเปิดประเด็นทันที


“!!!”



             เตชานุหัวใจเต้นตุ๊บๆ พ่อรู้ได้ยังไง? แล้วธำมรงค์คือใคร? แล้วทำไมรู้เรื่องของเขา หรือว่าพี่ต้อมเป็นคนบอกพ่อกับแม่  ไม่ใช่สิ...พี่ชายไม่ได้บอกพ่อ   คนที่ชื่อ ธำมรงค์ ต่างหากที่บอกสินะ


“ธำมรงค์คือใครกันหรอครับ?”


“เพื่อนพ่อสมัยเรียนด้วยกัน  ตอนนี้เป็นประธานบริษัทออกแบบบ้านมาตรฐาน  แล้วยังมีหุ้นส่วนบริษัทผลิตน้ำผลไม้ที่ลูกชอบดื่ม
เป็นประจำนั่นแหละ ”



“ทำไมผมไม่เคยรู้  แล้วเพื่อนคุณพ่อเขารู้ได้ยังไงครับว่าเต้ยจะย้ายโรงเรียน!” นั่นนะสิ คนนั้นรู้ได้ยังไงกัน


“รู้สิ เขาดูนามสกุลก็รู้แล้ว พ่อเคยคุยกับเพื่อนว่าลูกชายของพ่อเข้าเรียนที่โยธินวิทยาลัย”


“ไม่ใช่ครับ เต้ยหมายถึงจู่ๆเขารู้ได้ยังไง?” เหมือนร่างบางจะยังไม่ได้คำตอบที่อยากรู้นัก


“อันนี้พ่อก็ไมได้ถามนะ  แต่เพื่อนพ่อเล่าว่าพี่ชายเราไปคุยเรื่องย้ายโรงเรียนเมื่อเช้าที่ฝ่ายบุคคล โชคดีที่โรงเรียนไม่อนุญาต ” สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบที่อยากจะรู้อยู่ดี เรื่องนี้รู้แค่เขากับพี่ต้อมเท่านั้น ธำมรงค์เป็นใครกันแน่



“เต้ยไม่เข้าใจ  เต้ยงงไปหมดแล้วครับคุณพ่อ” เตชานุขมวดคิ้วเข้าหากัน


“ไม่ต้องมาทำหน้างงเลย  ไม่เคยบอกอะไรพ่อก่อน พ่อเป็นห่วงนะลูก”


“เอ๋?...เต้ยนึกว่าพี่ต้อมจะปรึกษาคุณพ่อกับคุณแม่แล้วซะอีกครับ”


“ใครว่า...พี่ชายเรานะตัวดีเลย พ่อร้อนรนใจมากเลยนะที่รู้ข่าวนี้  ถึงได้รีบกลับมาบ้านเร็วกว่าปกติ”


“ใจเย็นๆนะคะคุณ ให้ลูกอธิบายก่อน”


   ผู้เป็นแม่จับไหล่สามีเบาๆ ก่อนจะเดินมาลูบหัวลูกชายคนเล็กสุดของบ้าน


“บอกแม่ได้ไหมลูกว่าทำไมถึงอยากย้ายโรงเรียน”


“คือเต้ย....คือว่า...” ร่างบางอ้ำอึ้ง


“คือว่าอะไรบอกพ่อสิเต้ย พ่ออยากรู้เต็มทีแล้ว ที่โรงเรียนไม่ดีพอหรอ หรือว่า...มีใครทำอะไรเต้ย”


“ไม่มีครับคุณพ่อ!” เตชานุรีบตอบสวนขึ้นทันควัน


“แล้วอะไรที่ทำให้เต้ยอยากย้ายโรงเรียนล่ะ  ออกกลางคันแบบนี้ไม่ดีเลยนะเต้ย” คนเป็นแม่แจงให้ฟัง


“เต้ยไม่ออกแล้วก็ได้ครับ คุณพ่อ คุณแม่” เขาตอบบุพการีไปพร้อมกับเดินเลี่ยงจะก้าวขึ้นบันได


“เดี๋ยวเต้ย! หมายความว่ายังไง  ไม่ออกก็ได้ อย่างนั้นหรอ? สรุปไม่มีเหตุผลที่อยากย้ายใช่ไหม?”


“เต้ยอยากย้ายครับคุณพ่อ แต่เต้ยบอกเหตุผลคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้ ฮึก ฮึก”


            ภาวะกดดันมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ร่างบางทนกับสถานการณ์ไม่ได้  เก็บน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไป สิ่งที่ไม่สามารถอิบายได้แต่ต้องพูดต้องอิบายมันเป็นอะไรที่ยากเย็นที่สุดในชีวิตเตชานุแล้ว  ผู้เป็นพ่อถอนหายใจออกมาแรงๆ  ส่วนแม่ของเต้ยกลับเดินเข้ามาโอบกอดปลอบใจลูบหลังเบาๆ



“ไม่เอาลูก ไม่เอา เป็นผู้ชายอย่าร้องไห้นะ” เธอปลอบลูกชายอย่างใจเย็น


“คุณแม่ ฮืออออ ฮืออออ”  เต้ยกอดแม่ไว้แน่นเช่นกัน มันยากนักที่จะต้องบอกเรื่องนี้ไป มันยากจริงๆ



“กลับมาแล้ว...อ้าว คุณพ่อ  คุณแม่ ทำไมกลับเร็วจังครับ”


                   ต้อมเปิดประตูบ้านเข้ามาพร้อมกับมองหน้าผู้เป็นพ่อแม่ของเขา แถมมองดูดีๆสถานการณ์ในบ้านตอนนี้กลับเห็นน้องชายคนเดียวของเขากำลังร้องไห้ฟูมฟายกอดแม่อยู่


“เต้ย! ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรเต้ย   หรือว่าไอ้อิทธิพลอีกแล้วใช่ไหม?”


“พี่ต้อม!!!”


       ไม่ทันแล้ว ความเป็นห่วงน้องชายมีมากเกินไป เผลอพูดชื่อนั้นต่อหน้าพ่อกับแม่เป็นที่เรียบร้อย  กิริยาสีหน้าผู้เป็นพ่อเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันทันที


“อิทธิพล คือ!ใคร!!!?”


“เอ่อ..คือ..” นักศึกษาทันตแพทย์เริ่มกระอักกระอวน  แววตานึกอยากขอโทษน้องชายจากใจจริง  เขาไม่ได้ตั้งใจจะเปรยชื่อนั้นออกไป  ไม่น่าเผลอเลยจริงๆ


“พี่ต้อมก็ไม่รู้เหมือนกันครับคุณพ่อ!!!” เต้ยรีบแก้ต่างให้พี่ชาย


“เงียบไปเลยเต้ย  แม่พาเต้ยขึ้นไปบนห้อง วันนี้พ่อต้องรู้ให้ได้ว่าเรื่องบ้าๆนี่มันเป็นมายังไงกันแน่  ต้อม!!! ตามพ่อไปห้องนั่งเล่น เดี๋ยวนี้!!!”


“คะ..ครับ” ร่างสูงก้มหน้าขานรับแล้วเดินตามพ่อไป อย่างเลี่ยงไมได้ แต่ก็ดีเหมือนกันทุกอย่างจะได้จบ


“ไม่นะ!  ไม่! พี่ต้อมห้ามพูดนะ เต้ยอาย อย่านะพี่ต้อม ฮึก ฮืออออออ”



                   ถึงเต้ยจะดิ้นแค่ไหน ก็หลุดพ้นอ้อมแขนผู้เป็นแม่ไม่ได้  เต้ยตัวเล็ก น่ารัก เรี่ยวแรงไม่ค่อยจะมี พ่อกับแม่ดูแลและรักราวกับเป็นลูกสาวด้วยซ้ำ


“อย่าดื้อนะเต้ย ให้พ่อเขาถามพี่เราน่ะดีแล้ว แม่ก็อยากเหมือนกัน รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรกันแน่”


“ฮืออออ เต้ยไม่พร้อมอ่ะ ฮึก ฮึก ฮือออออ เต้ยไม่พร้อมครับคุณแม่”


            ตัวเล็กทรุดลงที่ขั้นบันไดทันที พร้อมกับร้องไห้ออกมา กดดันเป็นอย่างมากในเวลานี้ พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้แล้วจะเป็นยังไง? เขาจะโดนด่า โดนตีไหม ร้ายแรงกว่านั้น พ่อกับแม่จะร้องเรียนร้อง ถึงขั้นขึ้นศาลรึเปล่า ตอนนี้เด็กหนุ่มคิดไปไกลถึงไหนไม่มีใครรู้ได้ในความเศร้าโศก

...

...


...

...

         จนกระทั่งเวลาผ่านเลยไป จากตอนเย็นตะวันยังไม่ตกดิน จนตอนนี้ปาเข้าไปสองทุ่มครึ่งแล้ว พี่ต้อมกับพ่อยังอยู่ในห้องนั่งเล่นนั้น   ตอนนี้พ่อต้องรู้แล้วแน่ๆ พ่อต้องดุเขาแน่ๆ



          เตชานุนั่งชันเข่าอยู่บนเตียงสีฟ้าอ่อน  คราบน้ำตาหยุดไหลไปแล้ว แต่ความกลัวมีมากกว่า  คุณพ่อของเขาเป็นคนคิดจริง ทำจริง  และห่วง หวงเต้ยมาก ข้อนี้เต้ยรู้ดี  สิ่งนี้ทำให้ทั้งลูกชายทั้งสองคนอยู่ในโอวาทเป็นเด้กดีมาตลอด


           
         ไม่นานประตูห้องนอนของเต้ยก็ถูกเปิดเข้ามา  แต่ไม่ใช่พ่อ หรือแม่ของเขา  กลับกลายเป็นพี่ต้อมแทน ร่างสูงในชุดมหา’ลัยเดินเข้ามาข้างใน ด้วยสีหน้าแววตายิ้มแย้มแบบนั้นคืออะไรกันแน่!


“ไง...ตัวเล็กของพี่ ”


“ออกไปเลย เต้ยโกรธพี่ต้อมแล้ว ฮึก ฮึก” เขาเริ่มอยากจะร้องไห้อีกแล้ว เมื่อเห็นหน้าพี่ชายสุดหล่อ ต้นเหตุคนที่ทำให้พ่อกับแม่รู้ความจริงจนได้


“โถ่ จะโกรธพี่ทำไมครับ ตอนนี้คุณพ่อรู้เรื่องหมดแล้ว คุณพ่อจะไปที่โรงเรียนเพื่อพาเต้ยย้ายโรงเรียนด้วย”


“จริงหรอครับ!!! ” เต้ยดีใจตาโต


“จริงสิ ฮ่าๆๆ ยิ้มได้แล้วคนดี” มือหนาเอื้อมไปลูบหัว น้องชายคนเล็กโยกย้ายซ้ายขวาเบาๆ


“แล้วคุณพ่อโกรธเต้ยไหมครับ” ร่างบางถามเสียงอู้อี้


“โกรธสิ!!! แต่โกรธไอ้อิทธิพลนะ ไม่ใช่เต้ย”


“คุณพ่อจะแจ้งความเขาไหม พี่ต้อมบอกคุณพ่อที อย่าทำแบบนั้นเลย แค่เต้ยย้ายโรงเรียนเดี๋ยวเรื่องก็จบ”


“คุณพ่อไม่แจ้งความหรอก  พี่ให้เหตุผลไปแล้ว เพราะพี่รู้ว่าเต้ยไม่อยากเอาผิดไอ้หมอนั่นหรอกจริงไหม? เพราะถ้าแจ้งความก็เท่ากับ เราจะมีประวัติเสียหายติดตัวไปด้วย ”


“จริงๆนะ  ขอบคุณครับพี่ต้อม ”


ฟอดดดด   เตชานุถลาเข้าหอมแก้มพี่ชาย อย่างดีใจ ลืมความเจ็บปวด หวาดกลัวทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมด


“หอมพี่แบบนี้  พี่คิดนะรู้รึเปล่า ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่น้องกัน พี่สู่ขอทำเมียไปแล้ว”


“ยอมเป็นเลย ถ้าได้พี่ต้อมเป็นแฟน”


“ฮ่าๆๆ  ไปข้างล่างเถอะ คุณพ่อคุณแม่อยากคุยด้วย”


“เต้ยกลัว!”


“ไม่ต้องกลัว นั่นพ่อแม่ของเต้ยนะ โกรธยังไงก็เป็นคนให้กำเนิดเต้ย ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก”


“พี่ต้อมไปกับเต้ยนะ ห้ามทิ้งเต้ยนะ”


“อืม ได้!”


...

...

...

                   ที่บ้านนฤบดินทร์หลังใหญ่ พื้นที่กว้างขวาง เจ้าของบ้านเป็นผู้มีอำนาจมากมาย  กระจายในหลายๆหน่วยงาน และในแวดวงธุรกิจคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าไม่รู้จักชื่อ ธำมรงค์แน่นอน  ตอนนี้เขากลับมาถึงบ้านแล้ว พร้อมกับคนใช้สามคนวิ่งหน้าตื่นเข้ามารับข้าวของไปเก็บ


ครืดดดด  ครืดดดดด


             ชายวัยกลางคนหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาดูหน้าจอ เป็นเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนเก่าที่กดโทรหาหาเมื่อเช้านี้เอง  โทรกลับมาแบบนี้ต้องมีอะไรเป็นแน่


“ว่าไงประทวน”


“ไอ้ธรรม  ฉันรู้แล้วว่าลูกชายฉันอยากย้ายโรงเรียน เพราะอะไร? ”


“เพราะอะไรวะ  ไหนเล่าให้ฟังหน่อยซิ” ธำมรงค์ร้อนรนใจ อยากรู้เรื่องนี้เหมือนกัน


“ลูกชายฉันถูกรังแก  ทำร้าย ข่มขืน ฉันกะจะเอาเรื่องมันถึงที่สุด แต่เห็นแก่อนาคตเด็ก ฉันจะยอมปล่อยไป อีกอย่างเต้ยไม่
เอาผิดคนคนนั้นด้วย ยังไงซะพรุ่งนี้แกอย่าโทรไปขวางคุณครูอีกเลยนะ”



“โอเคได้ๆ ฉันจะไม่ยื่นมือไปเกี่ยว ขอให้ลูกชายนายปลอดภัยก็ดีแล้ว ได้ยินแบบนี้เป็นห่วงลูกชายของฉันเองยังไงก็ไม่รู้  เรียนอยู่ที่เดียวกันซะด้วย”


“อ้าวอย่างนั้นหรอ ชื่ออะไรนะฉันจำไมได้  เอ่อ...เท่านี้ก่อนนะ  ฉันต้องคุยกับลูกก่อนแล้ว”


“โอเค  ไว้ว่างๆจัดงานฉลองบริษัทจะเชิญ เจ้าของคอนโดหรูอันดับหนึ่งอย่างนายไปร่วมแล้วกัน”


“ไม่มีปัญหาเพื่อน”


          ปลายสายตัดไป  ธำมรงค์แปลกใจชอบกล โรเงรียนชายล้วนแบบนั้นยังมีเรื่องทุเรศแบบนี้ได้อีก แล้วนี่ลุกชายของเขาจะปลอดภัยรึเปล่า อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ    คิดได้แค่นั้นจู่ๆก็ได้ยินเสียงรถส่วนตัวไปรับไปส่งลูกชายกลับมา   เขายืนรอจนกระทั่งร่างสูงหนานั้นลงมาจากรถ ด้วยสีหน้าอารมณ์สดใสร่าเริง


“อิท! ”


“อ้าวพ่อ หวัดดีครับ ทำไมวันนี้กลับเร็วจังล่ะ ไม่ได้ไปดินเนอร์กับหุ้นส่วนหรอ?”


“ไม่ล่ะ วันนี้พ่อเหนื่อย เลยขอเขากลับบ้านมาก่อน  เออ...จริงสิ เรื่องที่แกโทรมาบอกพ่อเมื่อเช้าให้ขวาง เรื่องการย้ายโรงเรียนของเพื่อนสนิทแก  ตอนนี้ฝั่งนั้นเขายืนยันจะย้ายให้ได้  แกทำใจเถอะนะ ครั้งนี้พ่อคงช่วยแกไมได้ เหตุผลนั้น พ่อได้ยินแล้วอนาถใจจริงๆ  เพื่อนสนิทแกคนนี้เขาทนกดดันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”



                ถ้าจะเท้าความกลับไป ธำมรงค์ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า ลูกชายตัวเองนั่นแหละคือคนที่ทำให้ลูกชายครอบครัวประทวนนั้นเดือดร้อน แต่ตอนนี้คำพูดของธำมรงค์ทำให้อิทธิพลไม่เข้าใจ


“เต้ยนะหรอครับ?  มัน...เอ้ย เต้ยจะย้ายโรงเรียนอยู่อีกหรอครับ ทำไมดื้อนักนะ”


“ก็ใช่นะสิ แกเองก็ระวังตัวหน่อยนะ กลัวว่าต่อไปคนที่รังแก ทำเรื่องสมเพสแบบนั้นจะมาเล่นงานแกบ้าง”


“โอ้ย! ไม่ต้องห่วงเลยครับพ่อ อย่างผมไม่มีใครกล้าหรอก ” อิทธิพลเฉไฉ แท้ที่จริงใครคนนั้นคือเขานั่นแหละ


“พ่อขึ้นห้องก่อนแล้วกัน  ไม่มีอะไรแล้วล่ะ”


“พ่อเดี๋ยวครับ!!!”


“มีอะไรหรอ อิท”


“พ่อช่วยผมอีกซักครั้งหนึ่งเถอะนะ เพื่อนคนนี้ผมสนิทมาก  อย่าให้เขาย้ายเลยนะพ่อ ผมคงเหงาแย่” เขากลั้นใจพูดไป


“รอบนี้ไม่ได้หรอกอิท  แกรู้ไหมว่าเพื่อนสนิทของแกคนนี้เขาเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน? ”


“ทำไมพ่อถามแบบนั้น ไอ้เต้ยมันก็เป็น...คนฐานะปานกลาง ขายของชำไง” อิททำฟอร์มไม่อยากให้ธำมรงค์จับผิดได้


“อ้าว...แกพูดแบบนี้แสดงว่าแกคบเพื่อนโดยที่ไม่รู้พื้นเพ ไม่ถามข้อมูลอะไรมั่งเลยหรอ”


“เอาน่าครับพ่อ แล้วสรุปเต้ยเป็นใคร ผมรู้เท่าที่บอกพ่อไปนั่นแหละ  ทำไมพ่อพูดเหมือนเขายิ่งใหญ่จัง จะใหญ่เกินผมไม่มีทางหรอก” อิทธิพลดูถูกดูแคลนพลางรอฟังคำตอบ


“ไม่รู้ก็รู้ซะ เพื่อนแกคนนี้เขาเป็นลูกชายคนเล็กของ ประทวน  เกศเกล้า ตระกูลธุรกิจมั่งคั่ง  เป็นเจ้าของคอนโดหรู ที่พ่อซื้อให้แกอยู่ลาดพร้าวไงลูก ” ธำมรงค์อธิบายให้ฟัง อิทธิพลสวนพูดขึ้นมาทันที


“อะไรนะครับ!  ไม่จริงอ่ะ พ่อพูดเล่นใช่ไหม?”


“จริงสิวะ พ่อจะโกหกแกทำไม”


“แต่ไอ้เต้ย มันกลับบ้านด้วยรถประจำทางทุกวันเลยนะ  ผมว่าคนละเต้ยแล้วล่ะพ่อ เต้ยเพื่อนผมมันจนจะตาย”


“เตชานุ เกศเกล้า เพื่อนแกคือคนนี้ ข้อมูลเมื่อเช้าแกก็บอกพ่อแบบนี้ จะไปมีเต้ยอีกกี่คนกันหืม?”


“ไม่จริงอ่ะ เต้ยมันไม่ได้รวย ไม่ได้ไฮโซ ผมรู้จักมันดี” อิทธิพลค้านจนถึงที่สุด


“ คนเขารวย มีเงินมากมาย จำเป็นต้องทำตัวฟุ่มเฟือยเหมือนแกด้วยหรอตาอิท”


“อ้าวพ่อ ทำไมมาด่าผมแทนล่ะ ”


“ฮ่าๆๆ ก็มันจริงนี่หว่า พรุ่งนี้ไปล่ำลาเพื่อนแกซะให้เรียบร้อย  แต่ถ้าอยากเจอกัน ไว้พ่อนัดประทวนมาทานข้าวที่บ้านแล้วกัน”


...


“อิท! ฟังพ่ออยู่รึเปล่า”


...


“อิท! ”

...



“ตาอิท!!! ”



“ครับพ่อ!!! ฟังครับ ฟังอยู่”


“เอ่อ เข้าใจก็ดีแล้ว เห็นเหม่อลอยอยู่นั่น คิดอะไรของแกอยู่”


“เปล่าครับพ่อ ไม่ได้คิดอะไร”



            อิทธิพลตอบผู้เป็นพ่อไป แต่ตอนนี้ความจริงทั้งหมดจากปากธำมรงค์ผู้เป็นพ่อ  มันทำให้เขาเริ่มตัวสั่นไปทั้งตัว  ความซวยจะมาเยือนเขาก็ตอนนี้แล้ว  หนุ่มวัยมัธยมปลายเดินเลี่ยงตัวออกไปนั่งหย่อนเท้าเล่นในสระว่ายน้ำ คิดเรื่องราวที่ผ่านมา ตอนนี้ไม่มีใครรั้งการไปของเต้ยได้แล้วจริงๆหรอ   



           ตอนนี้พ่อยังไม่รู้ว่าคนที่ทำร้ายเต้ยคือ ลูกชายของตัวเอง  แต่อิทธิพลกลับแปลกใจมากที่อีกฝ่ายไม่บอกความจริงเรื่องชื่อเขาไป  เพื่อเล่นงานเขา   ทำไมกัน ร่างบางจะปกปิดความผิดนี้ไปทำไม!!!



“มึงจะไปไหนไม่ได้นะ  กูไม่ให้มึงไปจากกูหรอกเต้ย ”

        ความต้องการที่ขัดแย้งแต่รู้ทั้งรู้ว่ายังไง เต้ยก็ต้องไป ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะรั้งไว้   หากเขาประเจิดประเจ้อไปมากกว่านี้ มันจะทำให้ความลับที่เต้ยพยายามปกปิดไม่ให้ความผิดสาวตัวมาถึงเขาต้องสูญเปล่า 

 
       ไม่ใช่แค่นั้น  หากเขาไปวุ่นวายจนผู้ใหญ่จับได้ เขาอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของพ่อเขาและพ่อเต้ย ต้องพังพินาศ หายสิ้น


“นี่กูต้องยอมปล่อยมึงจริงๆสินะเต้ย โถ่เว้ย  หนีกูจนได้ สัส!!!” 


        อิทธิพลตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่งคนเดียวริมสระ  ไม่มีคนใช้คนไหนกล้าเข้ามาถามไถ่  เพราะรู้นิสัยของลูกชายคนเล็กของธำมรงค์ดี หากเข้าไปมีหวังได้ลาออกแน่


:L2:



คนแต่งไม่สบายใจ รอพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว น้องเต้ย  ออกไปจากโรงเรียนนี้เถอะ  ถูกทำร้ายจิตใจเกินไปแล้ว   :katai1:

ฐานะครอบครัวเต้ย ผู้แต่งไม่ได้บอกแต่แรก  เพื่อรอตอนนี้โดยเฉพาะ  สบายใจได้นะทุกค้นนนน(แต่ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก)

เดี๋ยวเต้ยกับอิท ก็เจอกันอีกเหมือนเดิมแหละ   
    :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:



ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
สนุกดีคับ

มาให้กลังใจคนแต่ง

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
สงสารเต้ยยย เกลียดพระเอก ?  :sad4:

ออฟไลน์ peckzavine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หนุกมากครับ
ติดตามๆ
 :hao7:

ออฟไลน์ chaweewong19841

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-2
สนกม่กกก
อยากอ่านต่อแล้ว มาต่ออีกนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อ่านไปลุ้นไป
ขำตัวเองมาก
ลุ้นตัวโก่งเลยแหล่ะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 7



“ไม่ไปไม่ได้หรอครับ”  เสียงครูฝ่ายบุคคลเปรยขึ้นราวกับทำท่าเสียดายนักเรียนเรียนดีคนหนึ่งไป


              แต่นั่นก็เป็นเพียงความต้องการของคุณครู ไม่อยากให้เตชานุย้ายโรงเรียนเท่านั้นเอง แต่ในเวลานี้ผู้ปกครองอย่างประทวน  นักธุรกิจคอนโดหรูมาทั้งทีมีหรือจะยอมแพ้ ยังไงเขาก็ต้องพาลูกชายย้ายออก



“ยังไงลูกผมก็ต้องไป พวกคุณไม่สามารถดูแลลูกชายผมได้ ผมก็จะไปหาที่ที่ดูแลลูกชายผมได้ดีกว่านี้”



              ประทวนเหน็บแนมเหล่าคุณครูทั้งหลายในห้อง  ทุกคนเงียบกริบไป ไม่กล้าแม้แต่จะต่อกรกับประทวน  ทันใดนั้นลายเซ็นอนุมัติก็ปรากฏบนกระดาษทันที  เป็นอันสิ้นสุดและพ้นสภาพการเป็นนักเรียนโยธินวิทยาลัยแห่งนี้แล้ว



“ขอบคุณที่ยอมปล่อยลูกชายผม เต้ยไปกันเถอะลูก พ่อจะพาไปโรงเรียนใหม่”


               ร่างบางลูกจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคุณครู เดินตามผู้เป็นพ่อออกไป  แต่ดูเหมือนว่าด้านหน้าห้องใครบางคนกำลังยืนเคียงข้างพี่ชายของตัวเองอยู่  เขาคนนี้มาทำไมกัน?


“เต้ย บอลเขาอยากขอคุยด้วย” ต้อมเอ่ยชื่อ บอล ออกมา ตอนนี้ร่างบางเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นบ้างแล้ว


“ไปคุยกันตรงนั้นเถอะนะเต้ย” หนุ่มหล่อเปรยบอกเสียงนุ่มสบายหู  ราวกับคนละคน เหมือนวันนี้เขาเป็นเทพบุตร ไม่ใช่ซาตาน แต่หน้ากากนั่นปกปิดตัวตนที่แท้จริงจากเต้ยไม่ได้หรอก



         แต่คิดดูอีกที หากตามอิทธิพลไปคุยตรงโน้น ก็ไม่เสียหายอะไร ยังไงเสียเขาก็จะไปจากที่นี่อยู่แล้ว อีกอย่าง คนที่อ้างชื่อคนอื่นมาปกปิดตัวตนแบบนี้มันน่าไม่อายที่สุด  อิทธิพลไม่มีทางทำอะไรเขาในเวลานี้หรอก เขามั่นใจ



        คนที่เต้ยเกลียดที่สุดเดินนำไปจนถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ลับตาคนพอสมควร   อิทธิพล หยุดเดินทันที พร้อมกับสอดมือเข้ากระเป๋ากางเกงนักเรียนราวกับทำตัวเท่ห์ก็มิปาน

...

...

“กล้ามากเลยนะที่อ้างชื่อ ของบอลมาหลอกพี่ชายเรา” เต้ยเปรยขึ้นทันที


“ฮึฮึ แล้วมันก็ได้ผลไหมล่ะ พี่ชายมึงเนี่ยโง่เสียยิ่งกว่าโง่จริงๆ ” ร่างสูงพูดเสร็จก็ค่อยๆหันกลับมามองหน้าร่างบาง


“อย่ามาว่าพี่ชายเราเด็ดขาด คนที่สิ้นคิด ทำแต่เรื่องเลวทราม ต่ำช้า แบบนายต่างหากที่สมควรได้รับคำว่า  โง่ ไม่ใช่คนอื่น!”


“ปากเก่ง จัดจ้าน เหมือนหมาจริงๆ!!! คิดหรอว่าไปอยู่โรงเรียนอื่นแล้วจะหนีกูพ้น”


“อย่ามาระรานกันแบบนี้ นายไม่มีเหตุผลเอาซะเลยอิทธิพล ทำไมต้องมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเราด้วย”


“เพราะมึงเป็นของของกูไง ชัดไหม สัส!!!”


“เราไม่ใช่สิ่งของ ของใครทั้งนั้น”


“อ้ออออออ กูลืมไป  ตอนนี้มึงพิศวาสผัวน้อย อย่างไอ้บอล ไปแล้วสินะ จนลืมผัวหลวงคนนี้ได้ลงคอ”


“อย่ามาหยาบคายกับคุณชายนะ” เตชานุเปรยปกป้องเพื่อนสนิทคนใหม่


“คุณชายหรอ ฮ่าๆๆๆๆ  เทิดทูนมันขนาดนี้ มันให้มึง กินกี่น้ำ แล้วล่ะ”


“ไอ้อิท  ไอ้สารเลว!” เต้ยเดินไปหาอีกฝ่าย พร้อมกับตั้งใจจะง้างมือตบแก้มอีกคนซักทีสองทีให้สมกับปากพร่อยๆ หยาบคายนั่น


หมับ!!!


“คิดจะตบกูหรอ? ตบผัวมันบาปนะ รู้ไหม?” ร่างสูงคว้าจับข้อมือนั้นเอาไว้อย่างง่ายดาย


“สารเลว!”


“ฮึฮึ  สารเลว ชั่วช้า ต่ำทราม กูได้ยินจนชินแล้ว แต่รู้อะไรไหม กูช้อบชอบ เวลามึงด่ากูเนี่ย ”


“ไอ้นรก!”


“อ้อออออ ลืมไป มีคำว่า นรก เพิ่มมาอีกคำสินะ  คำด่าของมึงมันยั่วให้กูมีอารมณ์ทุกครั้งเลยเต้ย”


จ๊วบบบบบบบบบ   อิทธิพลก้มลงจูบไม่รีรอ  ไม่สิ ต้องบอกว่าร่างสูงนั้นบดขยี้ริมฝีปากอย่างรุนแรงมากต่างหาก  และมันแรงพอจนเต้ยรับรู้ได้ว่าเลือดกำลังซึมออกมาจากริมฝีปากที่ถูกขบกัดเบาๆ แต่มันเจ็บใช่เล่น  ปากเขากำลังปริแตกในไม่ช้า



พรึบ!!! ร่างสูงผละริมฝีปากหนาของเขาออกจากเตชานุ  คราบเลือดติดริมฝีปากนิดๆ เขากลับเอาลิ้นสกปรกนั่นเลียตวัดกลับเข้าไปในปากหน้าตาเฉย


“เลือดมึงนี่ หวานมากเลยเต้ย”


“อย่ามาพูดจาเลอะเทอะเหมือนคนโรคจิตแบบนี้  ถ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เราขอตัว”


หมับ!!! ฟอดดดดด   อิทธิพลคว้าเอวบางเข้ามากอดรัดไว้แน่นจากทางด้านหลัง พร้อมกับหอมแก้ม ซักไซ้ซอกคอหอมๆนั่นทันที   


“ไอ้อิท ไอ้เลว ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!!! ไม่อย่างนั้นกูจะบอกความจริงให้หมดว่ามึงคือ อิทธิพล ”


“!!!” ร่างสูงหยุดชะงักไป ร่างบางเห็นจังหวะทีเผลอ ก็ดิ้นใหญ่ จนกระทั่งหลุดออกมาจากอ้อมแขนแกร่งนั้นได้


“อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลยนะอิท” เต้ยพูดราวกับสั่งเสีย ทั้งชีวิตนี้เขาสองคนไม่สมควรมาเจอกันอีก


“เต้ย!!! สิ่งเดียวที่กูอยากรู้  ทำไมมึงต้องปกปิดความจริงที่ว่า กูเป็นคนที่ทำร้ายมึง? ”


            นี่คือความจริงในใจ ที่เขาต้องการอยากคุยกับร่างบางในเวลานี้ที่สุด เขาอยากรู้จริงๆ


“ทำไมนะหรอ? สงเคราะห์สัตว์เดระฉานไงอิท เราไม่ใช่คนเลวขนาดที่มองดูคนชั่วๆแบบนายถูกฟ้องคดี ขึ้นศาล หรือไม่ก็ติดคุก ”
เต้ยยิ้มมุมปากราวกับถือไพ่เหนือกว่า ก่อนจะเดินออกจากตรงนี้ไป  แต่กลับถูกรั้งเอาไว้อีกครั้งด้วยเสียงตะโกนจากอิทธิพล


“เดี๋ยวเต้ย! มึง...ไม่ย้ายได้ไหม?” พูดเป็นเล่น ตอนนี้เขาไม่ใช่นักเรียนของโยธินวิทยาลัยอีกต่อไปแล้ว 


“ชีวิตของเรา ไม่เคยคิดจะได้ตกนรก แต่นายเป็นคนยัดเยียดสิ่งนี้ให้กับเรา เราจำเป็นต้องไปที่ใหม่ เลือกทางเดินใหม่ๆ ไปเจอคนที่ให้ความสุขเราได้  ไม่ใช่มีแต่มอบความทุกข์!”


“มึงหนีกูไม่พ้นหรอก!”


“เลิกยุ่งกับเราได้แล้วอิท เราเกลียดนาย ได้ยินไหม? จะให้บอกอีกกี่ครั้ง คนเกลียดกันไม่ควรเจอกันอีกเลยจะดีที่สุด ลาก่อน!”


“ใครบอกว่ากูเกลียดมึง”


“!!!?” เต้ยชะงักกับคำพุดนั้น มันทั้งแผ่วเบาและไม่มีความก้าวร้าว กลับฟังดูเหมือนเสียใจยังไงพิกล


“มึงอย่าไปเลยนะ”


“เราเสียเวลามามากแล้ว ต้องไปลา บอล อีก จบกันแค่นี้นะอิท ลาก่อน”


“กูไม่มีทางพ่ายแพ้มึงหรอก มึงจำไว้  กูเกลียดที่สุดคือคนขัดความต้องการกู  และมึงคือคนที่ขัดกูมากที่สุด ต่อให้มึงหนีไปจนสุดขอบล่าฟ้าเขียว  กูก็จะลากมึงมาหากูเหมือนเดิม จำเอาไว้  เต้ย!”



              ร่างบางได้แต่กำหมัดแน่น รีบเดินหนีจากตรงนั้นทันที  แต่เขาเชื่อนะว่า... คนคนนี้คงเก่งแต่ปาก มันทำอย่างที่ว่าไม่สำเร็จหรอก มันไม่มีทางตามเขามาสยบแทบเท้าได้อีก  เพราะโรงเรียนที่เขาจะไป มันค่อนข้างเรียนหนัก และเข้ายากเป็นอันดับต้นๆของประเทศ พูดให้ง่ายๆคือคนอย่างอิทิพลสอบเข้าไม่ได้แน่ เขาไมได้ดูถุก แต่ตัดสินจากปัจจุบันที่เห็นๆกันอยู่ 



“โถ่เว้ย ”


เพล้ง!   เสียงไม่พอใจของใครบางคน ทำเอาเตชานุที่อยู่ไกลออกไปนั้นต้องสะดุ้งเล็กน้อย แต่นั่นเขาก็ชินกับนิสัยแย่ๆแบบนั้นของร่างสูงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว 


        เต้ยเดินออกจากตรงนั้นจนกระทั่งถึงห้องเรียนประจำที่แสนผูกพัน  ถึงแม้เวลานี้จะเป็นเวลาเรียนของเพื่อนๆก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้เข้าไปลาเพื่อนก็ยังดี


“ขออนุญาตครับคุณครู ผมมาลาเพื่อนๆครับ”
       


      คาบเรียนตอนนี้ เพื่อนๆกำลังเรียนเคมี ซึ่งทางสะดวก เพราะคุณครูท่านนี้เป็นคนใจดีมากทีเดียว


“ได้สิเต้ย เข้ามาข้างในก่อนเร็ว”


      เตชานุเดินเข้าไปช้าๆตามคำอนุญาต  จนกระทั่งถึงบริเวณกึ่งกลางหน้ากระดาน เขาสบสายตาเพื่อนๆในห้องทุกคน แต่แววตาเหล่านั้นหลับมองมาที่เขาอย่างไม่กระพริบตา บ้างก็ทำสีหน้างง  สงสัย แต่พอมองไปจนถึงใครคนหนึ่งที่นั่งเรียน แยกตัวสันโดษนั้น กลับมองเต้ยด้วยแววตาไม่เข้าใจร่างบางเอาเสียเลย



“ทุกคน เรามาลานะ เราได้ย้ายโรงเรียนแล้ว ขอให้ทุกคนตั้งใจเรียนนะ เราเชื่อว่าซักวันจะได้เจอกันอีก เราฝันอยากเป็นแพทย์   ถ้าใครจะสอบแพทย์เหมือนกัน ขอให้สอบได้นะ  ส่วนใครจะไปเรียนที่เดียวกัน  เราหวังว่าคงได้เจอกัน  เราจะไปเป็นเพื่อนกันอีกที่นั่น เราต้องการเข้ามหาวิทยาลัย.....  มันเป็นที่เดียวที่เราชอบและพี่ชายเราก็เรียนที่นั่น  เรายังเล่นเฟสบุ๊ค เล่นไลน์เดิมนะ  โทรศัพท์ก็เบอร์เดิม ถ้าคิดถึงก็ติดต่อมาได้ทุกทาง ทุกเมื่อนะ โชคดีครับทุกคน”



              เต้ยพยายามข่มใจไม่ให้น้ำตาไหลต่อหน้าเพื่อนๆทุกคน  ท้ายที่สุดก็คงต้องเป็นคุณครูเจ้าของคาบเรียนในเวลานี้แล้วที่เต้ยจะต้องเอ่ยลาเป็นคนสุดท้าย



“ผมลาแล้วนะครับคุณครู ขอบคุณครูมากๆที่ทำให้ผมชอบวิชาเคมีมาตั้งแต่มอสี่ ผมจะเอาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุดครับ”


“โชคดีเต้ย ครูจะรอดูความสำเร็จลูกศิษย์อย่างเธอเสมอ”


“ครับคุณครู”



                ร่างบางยิ้มพร้อมกับโบกมือลาเพื่อนๆอีกครั้ง  ตอนนี้เขาต้องไปแล้วใช่ไหม?  ใช่สิ! เขาต้องไปแล้วจริงๆ  ในขณะที่เดินลงบันไดอย่างเศร้าใจนั้น กลับได้ยินเสียงเหมือนใครบางคนกำลังวิ่งตามมา  และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

...

...


“เต้ย!!!”


“บอล!”


“ทำไมเต้ยย้ายโรงเเรียนไม่บอกเราก่อนหน้านี้” คุณชายในคราบเหนื่อยหอบนิดๆ ถามขึ้น


“ขอโทษที เรา...”


“เพราะอิทธิพลใช่ไหมที่ทำให้เต้ยเป็นแบบนี้”


“มันผ่านไปแล้วล่ะ บอลอย่าพูดถึงอีกเลยนะ”


“เต้ยจะไปโรงเรียนไหน เราจะไปด้วย”


“ทำอย่างนั้นไม่ได้นะบอล นายจะตามเรามาทำไม?”


“เรา...เราเพิ่งมีนายเป็นเพื่อน นายจะให้เราเสียเพื่อนดีๆไปอย่างนั้นหรอ?”


“เพื่อนทุกคนในห้อง รอบอลเข้าไปขอเป็นเพื่อนอยู่นะ เปิดใจของนายให้กว้างๆ   ชีวิตจริงเราจะอยู่กับการแข่งขันไปไม่ได้ตลอดหรอก โดยเฉพาะมิตรภาพ เอาใจแลกใจเท่านั้น ไม่ใช่การแข่งขันนะบอล”


“ทุกวันนี้เต้ยทำให้เราเรียนรู้หลายๆอย่าง แต่ทำไมทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี นายกลับหนีไปจากเรา”


“เราสำคัญกับนายมากขนาดนั้นเลยหรอ?” คำพุดของบอลอดไม่ได้ที่เต้ยต้องคิดแบบนั้น


พรึบ!!!!  คุณชายร่างสูงไม่พูดอะไรต่อแล้ว  ตอนนี้เขากลับเดินเข้าไปกอดร่างคนตัวเล็กกว่าไว้แนบอก


“สำคัญสิ สำคัญมาก  นายสำคัญที่สุดสำหรับเราเลย  ตลอดสองปีที่ผ่านมา นายเป้นคนเดียวจริงๆ”


“หมายความไง?” เตชานุไม่เข้าใจในสิ่งที่บอลพูด


“ตั้งแต่เห็นเต้ยครั้งแรก  เราอยากคุย เราอยากทัก แต่ความหยิ่งของเรา มันทำให้เราได้แต่รอ รอวันที่เต้ยจะกล้าเข้ามาชวนเราคุยก่อน  แต่พอได้คุยกับเต้ย  ชีวิตเราเหมือนเปลี่ยนไปทันที”


“เราดีใจ ที่นายคิดได้แบบนี้”


“ให้เราตามเต้ยไปนะ  ให้เราได้อยู่ใกล้ๆเต้ย ได้อยู่กับเพื่อนคนเดียวในชีวิตของเรา”


“อย่ากีดกั้นตัวเองแบบนั้นสิบอล เพื่อนแท้มันไม่มีจำกัดตายตัวหรอกนะ ทุกคนรอนายเป็นเพื่อนทั้งนั้น”


“ไม่มีใครดี และเหมือนนาย ไม่มีใครแทนที่นายได้หรอก”


“บอล!!!”


“เต้ยพูดว่าอยากเป็นหมอใช่ไหม  เราก็อยากเป็นเหมือนกัน มหา’ลัยที่เต้ยฝันอยากเรียน ก็เป็นที่เดียวกัน สัญญากับบอลนะว่าเต้ยจะตั้งใจเรียน สอบให้ได้คะแนนสูงๆ เราต้องติดด้วยกัน และเป็นเพื่อนกัน”


“เราสัญญา แล้วเจอกันนะว่าที่คุณหมอบอล”


“เราจะอดทนรอให้ถึงวันนั้น ....จริงสิเต้ย! เราขอมือถือเต้ยหน่อยสิ”



       ร่างบางหยิบสิ่งนั้นให้อีกคนทันที  คุณชายรับไปพลางกดหมายเลขหลายหลัก ถ้าให้เต้ยเดาก็คงจะเป็นเบอร์มือถือแน่นอน


ครืดดด  ครืดดดด เขาใช้มือถือเต้ยโทรเข้าเครื่องตัวเองจริงๆด้วย


“เราได้เบอร์เต้ยแล้วนะ ส่วนเบอร์ที่กดโทรออกในเครื่องเต้ย นั่นเป็นเบอร์เรา คืนนี้เดี๋ยวโทรหานะ เต้ยนอนดึกรึเปล่า”


“ประมาณเที่ยงคืน ”


“งั้นดีเลย รอรับสายบอลนะ”


“เต้ย!  ไปเถอะลูก เดี๋ยวพ่อต้องเข้าประชุมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีก” เสียงทรงอำนาจดังใกล้เข้ามาพร้อมกับต้อม พี่ชายของเขาเอง


“ครับคุณพ่อ”


“คุณอาประทวน สวัสดีครับ”


“อ้าวบอลนั่นเอง  รู้จักกับลูกชายอาด้วยหรอ?” ประทวนทำสีหน้าตกใจเล็กน้อย


“ใช่ครับ เราเรียนห้องเดียวกัน”


“นี่บอลรู้จักคุณพ่อเราด้วยหรอ” เตชานุแปลกใจมากทีเดียว


“ก็ใช่นะสิลูก พ่อของบอลกำลังเป็นหุ้นส่วนร่วมกันกับพ่ออยู่นี่ไง ตอนบ่ายเดี๋ยวก็ไปเจอกันในห้องประชุม  ”


      เต้ยพยักหน้าพยายามเข้าใจ  แต่ดูท่าทีว่าอีกฝ่ายที่เงียบขรึมกำลังเปรยยิ้มออกมา สงสัยจะดีใจที่รู้ว่าเต้ยเป็นคนรู้จักใกล้ตัวสินะ


“คุณอาครับ วันเสาร์นี้ผมอยากไปบ้านคุณอาได้ไหมครับ”


“ถามอะไรแบบนั้นมาได้เสมอแหละ เป็นเพื่อนกับเต้ยแบบนี้ อาจะไปขวางอะไรได้ ฮ่าๆๆ”


“ขอบคุณครับคุณอา  อย่าลืมที่สัญญากันไว้นะเต้ย” คุณชายหันมากำชับอีกครั้ง


“โอเค” เต้ยยิ้มให้คุณชายสุดหล่อ


“สัญญาอะไรกัน?” ประทวนต้องการอยากรู้


“เราสัญญาว่าจะสอบติดหมอให้ได้ที่เดียวกันครับคุณพ่อ”


“เออดีๆ เอาให้ได้นะ ขึ้นมหา’ลัย อาจะได้สบายใจ ถ้ามีบอลดูแลลูกชายให้อา”


“คุณพ่อ...รบกวนคนอื่นเขาเปล่าๆนะครับ”


“ไม่มีปัญหาครับคุณอา ผมเต็มใจครับ” บอลยิ้มให้คนตัวเล็ก


“ฮ่าๆๆ ดี ดีมากไอ้หลานชาย อาไปก่อนนะ”


“ผมลานะครับคุณอา พี่...”


“เรียกพี่ต้อมก็ได้ครับ” หนุ่มผิวขาวเปรยบอกอย่างเป็นกันเอง


“อ่อ..ครับ พี่ต้อม แล้วเจอกันเสาร์นี้นะเต้ย”


“มาให้ได้นะบอล”


“แน่นอนอยู่แล้ว”



                     ท้ายที่สุดเต้ยก็นั่งรถส่วนตัวออกจากโรงเรียนโยธินวิทยาลัยไป พลางมองข้างกระจกรถ เก็บความผุกพันสองปีที่ผ่านมาเอาไว้ในความทรงจำ   และนี่เป็นการนั่งรถหรูของคุณพ่อในรอบ หลายเดือนที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ เขาชินกับแท็กซี่ รถเมล์ สายประจำทางมากกว่าเสียอีก



“เต้ย สรุปเพื่อนในห้องเต้ยมีคนชื่อบอลกี่คนกันแน่” ต้อมยังไม่หายสงสัย เก็บคำถามไว้ตั้งแต่เจอบอลคนที่สองแล้ว   แต่คนถูกถามกลับกระอักกระอวนไม่รู้จะตอบต้อมไปยังไงดี


“มีสองคนไงครับ บอลสองคนเลย”


“แปลกนะ ชื่อบอลเหมือนกัน แถมสนิทเต้ยทั้งสองคน  นิยมชอบคนชื่อบอลหรอเรา หืม”


“เอ่อ...”


“ถ้าเป็น บอล  คุณชายคนกลางของตระกูล พิมลประชาทิศ  พ่อไฟเขียวนะลูก”


“อะไรครับ ไฟเขียวที่คุณพ่อว่า..” เต้ยทะแม่งทะแม่งยังไงชอบกล


“เปล๊า...พ่อหมายถึง เป็นเพื่อนกันไง   พ่อกับลุง ดำรงฤทธิ์ สนิทกันมาก รักกันเหมือนพี่น้องจริงๆ น่าเสียดาย ถ้ารู้ตั้งแต่เนิ่นๆ
พ่อจับให้นั่งเรียนคู่กันตั้งแต่มอสี่แล้ว”


“พ่อพูดอะไรเนี่ย..”


“ฮ่าๆๆๆ  เต้ยหน้าแดง”  ต้อมเอ่ยแซวน้องชายทันทีที่เห็น  แต่เต้ยแยกเขี้ยวใส่พี่ชายตัวดี ลองเปลี่ยนมาเป็นคนถูกแซวบ้างไหมจะได้รู้ว่ามันมีความรู้สึกยังไง?

...

...


และแล้ว กาลเวลาก็ผ่านพ้นไป...ยาวนานร่วมหนึ่งปี ต่อมา



:L2:



เยสสสสสสสส   น้องเต้ยของพี่ออกไปจากขุมนรกได้แล้วววว  :katai2-1: :katai2-1:

ตอนต่อไป เรื่องราวบ้าๆบอๆ ในมหาวิทยาลัยกำลังจะเริ่มขึ้น  ตามไปส่องกันเถอะ หุหุ
:hao3: :hao3: :hao3:

ส่วนบักห่าอิทธิพล ขอยกแห้วให้สิบกิโลนาจา เอาไปแดร๊กกก ให้อิ่มเบยยย


 :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ไอเลวจะตามไปเรียนหมองั้นเหรอ
หมอโรคจิตชัดๆ

ออฟไลน์ peckzavine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
สงสัยอิทจะซาดิสสสสส รักแบบไม่รู้ตัว  :hao7:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
มาให้กำลังใจจ้า

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
จะเข้ามหาลัยแล้ว

รอๆตอนต่อไป

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 8


ตึ้ง ตึ้ง ตึ้งตึ้ง!!! เฮ้!!!  ตึ้ง ตึ้ง ตึ้งตึ้ง!!! เฮ้!!!



        เสียงตีกลองรัวดัง ต้อนรับนักศึกษาแพทยศาสตร์รุ่นล่าสุด   ความสำเร็จของเตชานุในตอนนี้ก็สมดังใจหวัง พ่วงมาพร้อมกับบอล เพื่อนคนเดียวที่ติดต่อไปมาหาสู่กันตลอดตั้งแต่ร่างบางย้ายออกจากโยธินวิทยาลัย  ความสัมพันธ์และความสนิทสนมมีมากขึ้น เพราะ ดำรงฤทธิ์และประทวน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเปิดโอกาสเด็กสองคนใกล้ชิดกันมากทีเดียว จนบางครั้งดูเหมือนราวกับจับคู่ชายหญิงให้ลูกก็มิปาน



        ตอนนี้บอลเหมือนบุคคลสนิทที่ขาดไม่ได้คนหนึ่งในชีวิตของเต้ยไปแล้ว จนแล้วจนรอดก็ยังมาเจอกัน ตามคำสัญญาที่ให้แก่กันไว้เมื่อปีก่อน  และ พวกเขาสอบติดคณะแพทย์มาได้ด้วยดี 



        ใบหน้าเนียนใสน่ารักถูกแต่งแต้มสีสันหลากสีจากรุ่นพี่  ถึงจะเลอะแต่กลับสนุกสนานกันดี  กิจกรรมจัดรับน้องยาวนานไปจนกระทั่งถึงเวลาสองทุ่มครึ่ง  กิจกรรมทุกอย่างจึงเลิกรา  เด็กปีหนึ่งทยอยเดินกลับหอพักไปตามความสะดวก บ้างขึ้นรถไฟฟ้าบริการมหาวิทยาลัย บ้างก็ขับขี่รถมอเตอร์ไซน์กลับหอ




       และเพื่อนสนิทมากคู่นี้อย่างบอล บริรักษ์ กับเต้ย เตชานุ เลือดที่จะกลับหอด้วยรถไฟฟ้าบริการฟรี  แต่ตอนนี้พวกเขากำลังเดินถึงร้านน้ำ ด้านหน้าไม่ไกลเป็นป้ายจอดรถไฟฟ้าพอดี


“เต้ย หิวน้ำไหม? เดี๋ยวบอลไปซื้อให้” คุณชายในสภาพใบหน้าแต่งแต้มสีน้ำไม่ต่างกันถามขึ้น


“หิวข้าวมากกว่าบอล” ตัวเล็กบอกไป


“ฮ่าๆ ถ้าอย่างนั้น รอบอลอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวไปซื้อน้ำมาให้ ไหนๆร้านน้ำก็อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง ”


“โอเค ”



                เตชานุยิ้มให้อีกฝ่าย พร้อมกับมองหาที่นั่งรอคุณชาย  เหลือบไปเห็นเก้าอี้แถวพลาสติกสีขาวอยู่สี่ห้าตัว ใต้ถุนตึกอาคารเรียนรวมตรงนั้น ไม่ไกลเท่าไหร่ ตรงนี้ค่อนข้างสว่างไสว  แต่คนกลับไม่ค่อยพลุกพล่านมากนัก อาจเพราะเพิ่งเปิดเทอมไม่กี่วัน




              ลมฝนเข้าพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ เต้ยชะเง้อหน้าออกไปดูท้องฟ้าด้านนอก กำลังแลบแปล๊บๆ  ส่งเสียงร้องคำรามมาแต่ไกล ข้าวเย็นวันนี้เห็นทีคงต้องรีบไปทานเสียแล้ว


“อิทคะ มายืนอยู่นี้เอง”


“!!!”



               เสียงผู้หญิงที่ไหนมาร้องเรียนชื่อนี้  ผ่านไปเกือบร่วมหนึ่งปีแล้วที่เขาไม่เคยได้ยินสรรพนามเรียกชื่อนั้นอีกเลย  แต่ตอนนี้กลับหวนคืนมาอีกครั้ง เสียงนั้นอยู่ด้านหลังเขาไม่ไกลมาก เต้ยมั่นใจ  เขาควรจะหันไปมองดีรึเปล่า?


“อิท ไปเถอะค่ะ แพรวหิวข้าวแย่แล้ว”


...


“อิทคะ ได้ยินที่แพรวพูดไหม เอาแต่มองข้างหลังผู้ชายคนนั้นอยู่ได้ คนรู้จักหรอคะ?”


...


                    เตชานุตัวแข็งทื่อ จากคำพูดของผู้หญิงแทนตัวเองว่าแพรวนั้น  ใครคนหนึ่งที่ชื่ออิท ต้องกำลังมองมาที่เขาอยู่แน่ จะเป็นคนคนเดียวกับที่เขาหวั่นกลัวรึเปล่า  ไหนๆก็ลองหันไปดู   ไม่น่าเสียหายอะไรหรอกจริงไหม ดีไม่ได้อาจจะไม่ใช่คนที่เขาคิดไว้ก็ได้


พรึบ


               ร่างบางหันกลับไปมองทันทีตามความต้องการขัดข้องใจ  แต่อีกฝ่ายทั้งชายหญิงกลับมองดูเขาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว หญิงสาวคนนั้นสวยมาก เธอขาว หุ่นดี ผมลอนสวย แต่การแต่งตัวดูเหมือนไม่ใช่ปีหนึ่งแน่นอน



               ส่วนอีกคน... ดวงตาเรียวคม ทรงผมเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน บุคลิกหรือแม้แต่เสื้อผ้าที่สวมอยู่ มันทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่และเปลี่ยนไปมาก  แต่ทำไมเขาจะจำไม่ได้...ว่าชายคนนี้เป็นใคร



             แววตานั้นจ้องมองมาที่เขาราวกับไม่มีความรู้สึกอะไร แต่ในใจของเต้ยตอนนี้กลับหวั่นกลัว  หากเขาเจออิทธิพลที่นี่ นั่นก็หมายความว่า เขาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่ผิดแน่


“อิทคะ ได้ยินแพรวรึเปล่า?”


“ได้ยินครับ ”


“กว่าจะตอบแพรวได้นะคะ ” เธอทำน้ำเสียงง้องอน


“โถ แพรวสุดดวงใจของผม ผมขอโทษนะครับ”



      ปากก็บอกไปว่าขอโทษ แต่แววตาไม่ได้จ้องมองที่เธอแม้แต่น้อย  แต่ดวงตาน่ากลัวนั้นมองมาที่เตชานุแทน คิดจะมาเล่นละครพลอดรักต่อหน้าต่อตาเขาเพื่ออะไรกัน   อยู่ทนดูต่อไปคงจะไม่ดีแน่



“แพรวไม่โกรธแล้วก็ได้ค่ะ ว่าแต่ทำไมอิทมองแต่รุ่นน้องคณะแพทย์คนนั้นคะ สรุปรู้จักกันหรอ?”


“ไม่ครับ เราไม่เคยรู้จักกันเลย !”



       ร่างสูงเค้นเสียงหนัก พูดจงใจให้ร่างบางได้ยิน  แต่...ก็ดีเหมือนกัน ไม่ว่าคนคนนี้จะลืมเขาจริงๆหรือว่าแกล้งลืมก็ตาม  คำพูดนั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย



          เต้ยรีบลุกจากเก้าอี้ แล้วเร่งฝีเท้าเดินเข้าห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดทันที  แต่ลืมไปว่าสถานที่แบบนี้ คือที่ที่ทำให้รู้จักกับผู้ชายร่างสูงคนนั้นไม่ใช่หรือไง?



“แพรว ผมอยากเข้าห้องน้ำ แพรวรออยู่นี่นะ”


“ค่ะ อย่านานนะ”


“ครับคนดีของผม”



                   เดินละสายตาจากหวานใจของตัวเอง อิทธิพลฉายแววตาน่ากลัวเดินเข้าห้องน้ำตามร่างบางเข้าไป  เพียงแค่ก้าวเข้ามาด้านใน เขาก็ล็อคกลอนประตูทันที  ตอนนี้ทั้งเขาและอีกคนที่อยู่ในห้องน้ำเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอกไปเสียแล้ว



“!!!” 


  ร่างบางตกใจมาก หลังจากมองลอดกระจกบานใหญ่ส่องไปทางประตู   ใครคนนั้นยังตามเข้ามาอีก


“เชื่อที่กูพวกเมื่อกี้หรอ เต้ย?”


“ขะ...ขอโทษครับ  คุณคงทักคนผิด” ร่างบางสั่นไปทั้งตัว


“ทักคนผิดอย่างนั้นหรอ? มึงพูดห่าอะไร!!!”



พรวดดดดด  หมับ! 

          ร่างสูงวิ่งถลาเข้าไปหาอีกฝ่าย วงแขนตวัดรัดเอวอีกคน ผลักดันตัวให้แนบชิดติดขอบอ่างล้างมือทันที   ในตอนนี้ร่างบางมองเห็นใบหน้าที่น่ากลัวอีกฝ่ายจากบานกระจกตรงหน้า แววตา สีหน้า รอยยิ้ม ไม่ใช่คนดีแม้แต่น้อย



“คราวนี้จำความรุนแรงดิบเถื่อนได้รึยังเต้ย!”


“ปล่อยมือนายเดี๋ยวนี้นะ เราเจ็บ!!!”


“เจ็บหรอ เจ็บเป็นด้วยหรอ มึงรู้ไหมมึงทิ้งกูอยู่โรงเรียนเดิมจนจบ กูเจ็บกว่ามึงแค่ไหน?”



                เตชานุไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกคนพูด เขารู้แต่ว่าตอนนี้อิทธิพลมีพละกำลังมากกว่าแต่ก่อนมาก เขาคงแย่แน่หากผู้ชายคนนี้คิดจะฆ่าเขาในห้อน้ำขึ้นมาจริงๆ


“พูดอะไรของนาย ปล่อย!”


“กูต้องไปเรียนพิเศษมากี่ที่ ตั้งใจเรียนกี่หน ถึงจะสอบทำคะแนนเลือกคณะวิศวะที่นี่ได้ เพื่อมาเจอมึง!”


“นายเรียนที่นี่?”


“ฮึฮึ ทำไมหรอเต้ย รู้แบบนี้แล้ว ตกใจจนอยากจะตายใช่ไหม กูเคยบอกมึงแล้วไงว่ามึงหนีกูไม่พ้นหรอก”


“ปล่อยเดี๋ยวนะ ”


“นี่จะไม่ยอมปริปากเรียกชื่อกูเลยใช่ไหม? คิดจะลืมกูจริงๆใช่ไหมเต้ย ฮะ?”


“ลืมหรอ? จะลืมได้ยังไง เรากับนายไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยนะ นายจำคนผิดแล้วล่ะ”


“กูว่า...ไม่ผิดตัวหรอก เดี๋ยวกูจะย้อนวันวานให้มึงก็แล้วกัน ว่าความเป็นผัวเมียกัน มึงยังจะลืมอยู่อีกไหม มานี่!!!”



หมับ ผลัก ตุ๊บ!!!



           เหตุการณ์เกิดเร็วมาก  ร่างสูงใหญ่จับต้นคออีกฝ่ายลาก กระชากตัวเข้าไปยังมุมห้องน้ำด้านในสุด  พอถึงทางตันก็ถูกแรงอิทธิพลจับแผ่นหลังบางกระแทกเข้าผนังทันที



“เจ็บ....ปล่อย  ฮึก ฮึก!!!”  ในภาวะกดดันแบบนี้ เขาคิดว่าจะหนีพ้นแล้ว แต่ไม่เลย ผ่านมาเกือบหนึ่งปี ความเลวร้ายแบบนั้น
กำลังหวนกลับมาเล่นงานเขาอีก



“ร้องไห้ดังๆสิเต้ย ร้องไห้ออกมา กูจะซับน้ำตาให้ ”



            ฟังดูเหมือนจะอ่อนโยนแต่ไม่เลยแม้แต่น้อย อีกคนกำลังโน้มตัวลงมา  เอาลิ้นละเลงเลียน้ำตาที่มันไหลรินอาบแก้ม สลับข้างซ้ายขวา   เตชานุดิ้นรนหลบหนีอวัยวะที่น่ารังเกียจนั้นแต่ไม่เป็นผล เพราะมือหนาใหญ่จับล็อคบีบคอเขาอยู่



“ยอมแล้วอิท!  เราจำนายได้แล้ว ฮึก ฮืออออ  หยุดเถอะนะ ฮึก ฮึก”


         ได้ผลอิทธิพลชะงักปลายลิ้นไป ใบหน้าหล่อเหลา แต่แฝงไปด้วยความโหดร้ายและทารุณ ราวกับคนชอบเสพติดความโหดเหี้ยมนั้น กำลังยิ้มอ่อนที่มุมปากขึ้นมาแทน



“จำผัวได้แล้วหรอ?  ทำไมจำได้ง่ายๆขึ้นมาล่ะเต้ย ก่อนหน้านี้ปฏิเสธเก่งมากไม่ใช่หรอ ฮะ!!! เก่งมากนักหรอมึงอ่ะ!!!”  ท้ายประโยค อิทธิพลตะหวาดใส่หน้า สันจมูกโด่งชันแทบติดจมูกอีกฝ่าย



“ฮึก ฮือออ ยอมแล้วอิท ฮืออออ อย่าทำอะไรเราเลย ฮืออออ”


“โอ๋ๆๆๆ  จุ๊ๆๆๆ อย่าร้องไห้วิงวอนแบบนี้สิเต้ย กูไม่ปล่อยมึงหรอก สัส!!!”


“ฮืออออ   นายจะทำอะไรอิท”



“กูรอเวลานี้มานานแล้ว  กูต้องการสมสู่กับมึงไง? มึงคิดจะหนีหน้าที่เมียที่ดีไปได้ยังไงกัน”  ร่างสูงบอกจุดประสงค์ไป



             เตชานุส่ายหน้าเบาๆ ไม่อยากจะคิดในสิ่งที่อิทธิพลพูดมาเมื่อครู่  บอกตามตรงว่าเขากลัว กลัวมากจริงๆ สองมือเรียวบางค่อยๆยกขึ้นประกบกัน ไหว้ขอชีวิตจากคนที่เปรียบเหมือนมัจจุราชก็มิปาน



“ฮึก ฮือออออ  อิท เราขอโทษ เราทำให้นายโกรธ ฮืออออ  เราขอโทษ อย่าทำแบบนั้นเลยนะฮือออ  เรากลัว ฮึก ฮือออ”


“มึงไหว้กูแบบนี้ มึงเห็นกูเป็นอะไรเต้ย เอามือลงไปเดี๋ยวนี้!”


“ฮืออออ   อย่าทำเราเลยนะ เรากลัวแล้วอิท ฮืออออออ” เต้ยเหมือนคนเสียสติไปแล้ว ได้แต่หลับตาปี๋ ไม่ยอมลืมตามองใบหน้าอีกฝ่าย น้ำตากำลังไหลรินเป็นทาง หวังแต่เพียงให้อีกคนอ่อนใจในสิ่งที่เขาทำ



                    ฝ่ายอิทธิพล เห็นสารรูปของฝ่ายตรงข้าม กลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมามากกว่าเดิม เขาไม่สามารถเปลี่ยนให้เต้ยดีขึ้นได้  กลับมีแต่จะทำให้แย่ลง คงไม่มีน้ำยาสู้ความดีของไอ้คุณชายบอลได้  คิดมาแล้วเจ็บใจชะมัด



“ปฏิเสธความเป็นผัวของตัวเอง เพราะไอ้ห่าบอลมันเป็นผัวมึงแทนกูแล้วใช่ไหม? ฮะ บอกกูมา!!!”


“ไม่ ฮืออออออ  อย่าว่าบอลแบบนั้น ฮือออ เราขอร้อง ปล่อยเราเถอะนะ อิท ฮือออออ”



“เทิดทูนมันมากใช่ไหม? ถ้าไม่มีไอ้ห่าบอลอยู่ในโลกนี้ซักคน ดูสิว่ามึงจะไปรักใครได้อีก”


“!!!”




                คำพูดขู่ที่สมจริง แต่ก็แค่พูดไปอย่างนั้น แต่ มันกลับได้ผลดีเสียยิ่งกว่าดีอีก  เตชานุตกใจดวงตาเบิกโพงกล้ามองหน้าอีกฝ่ายหลังจากหลับตาไปเสียนาน เขาเชื่อว่าอิทธิพลต้องพูดจริงแน่



“อย่า!!! อย่าทำบอลฮึก ฮึก”


“ถ้าไม่อยากให้กูทำ ก็ให้กูสมสู่มึงซะดีดี”



“ฮึกฮึก ยอมแล้ว ยอมหมดทุกอย่างแล้ว อย่าทำบอลนะอิท ฮืออออ”



“ดี พูดง่ายๆแบบนี้แหละดีแล้ว ถอดเสื้อผ้ามึงออกให้หมด!” ร่างสูงใหญ่เค้นเสียงต่ำ



                    สองมือสั่นระริก ค่อยๆเอื้อมไปปลดเนคไทในคอออกอย่างช้าๆ  แต่ไม่ทันใจอีกคนเท่าไหร่ ในที่สุดอิทธิพลก็ต้องลงมือทำเอง



พรวดดดด   


“ถอดเสื้อเร็วๆ ไม่อย่างนั้นกระดุมเสื้อนักศึกษามึงหลุดแน่”


“ฮึก ฮืออออ”



          มือก็เร่งทำตามคำสั่ง น้ำตาก็ไหลรินไม่ยอมหยุด ชีวิตของเตชานุ ต้องตกต่ำถึงขีดสุดอีกครั้งจนได้



          ตอนนี้แก่นกายขาวมีน้ำมีนวลกว่าเมื่อก่อน ปรากฏต่อหน้าอิทธิพล ร่างสูงกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่ทันรู้ตัว ทำไมแค่ร่างกายของผู้ชายที่ชื่อเต้ย ถึงได้ปลุกอารมณ์เสือสาวเขาได้ขนาดนี้



จ๊วบบบบบบบ 


          ความหิวกระหาย อดอยากปากแห้งของอิทธิพลไม่รอจนอีกฝ่ายปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายสำเร็จ ปากก็ครอบกัดทึ้งเบาๆ ดูดดึงเม็ดชมพูยอดอกอีกฝ่ายทันที แต่ฟันอันแหลมคมก็ทำให้คนบริสุทธิ์ไม่คุ้นชินเจ็บอยู่ไม่น้อยทีเดียว



“โอ้ยยยย ฮืออออ  อิท เราเจ็บ  ”


           คนทารุณทางเพศไม่ยอมรับฟังคำร้องเจ็บปวดนั้น เต้ยเจ็บจนต่อมน้ำตาไหลรินมากกว่าเดิม  แต่เขาไมได้ใจร้ายขนาดนั้น เสียงร้องเมื่อครู่มันทำให้เขาตกใจเล็กน้อย ท้ายที่สุดจึงเปลี่ยนมาดูดคอ ซักไซ้ไปมาแทน



“มึงจะเป็นของใครไปไม่ได้ มึงต้องเป็นของกูเท่านั้น”  อิทธิพลเปรยบอกเสียงแหบพร่า พร้อมกับประกบปากบางๆอีกฝ่ายทันที



  จ๊วบบบบบบบบบบบ


“ฮึก ฮึก ฮือออออ”



       เสียงร้องไห้อู้อี้ดังเล็ดลอดออกมา แต่มันเบามาก เพราะอีกฝ่ายจู่โจมทางปากอย่างหนักหน่วง ชนิดที่ว่า ไม่เหลือความงดงามของเซ็กส์เลยแม้แต่น้อย ท้ายที่สุดร่างสูงก็ถอนปากออก พร้อมกับพลิกตัวอีกฝ่ายให้หันหน้าเข้ากำแพง พร้อมกับเอามือ
หนาดึงกางเกงแสล็คดำลงจนถึงเข่าอีกฝ่าย




                ตอนนี้ท่อนใหญ่กลางต้นขาของอิทธิพลกำลังชันชูน่ากลัว  เตชานุ ร้องไห้สะอึกสะอื้น เมื่อรู้อนาคตอันใกล้ว่าเขา
ต้องเจอกับอะไร 



       ถุ้ย!!! เสียงถ่มน้ำลายอีกครั้ง มันคล้ายกับภาพอดีตเมื่อหนึ่งปีก่อนมาก ไม่นานเต้ยก็ต้องสะดุ้งวาบไปทั้งตัวเมื่อของเหลวเย็นนั้นสัมผัสที่ปากทางเข้า 


พรวดดดดดดดด


“โอ้ยยยยยยยยยยย”  เต้ยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดสุดๆ


“อย่าดิ้น อ่า.... ดี ขะมิบอย่างั้นแหละ”


“ฮืออออออ  เจ็บ อิท  ไม่ไหวแล้ว อิท ฮืออออออออ เอาออก ฮืออออ  เอาออกไป”


“สัส อย่าดิ้น!!! อ่า ซี๊ดดดดดด”   


            ร่างใหญ่โยกบั้นเอวเข้าออกเข้าออก ตามความต้องการของตัวเอง โดยปราศจากความเข้าใจหัวอกของคนถูกกระทำโดยสิ้นเชิง...





:L2:


เปิดประเดิม เอาความร้ายกาจมาฝาก  บักห่าอิทธิพลนี่ชักจะโรคจิตขึ้นทุกวันๆ  :katai1: :katai1: :katai1:

น้องเต้ยยยยฉันนนนนนน   จะรอดไหมลูกกกกก  :serius2: :serius2: :serius2:

ไปตบไอ้อิทกันทุกค้นนนน  :beat: :beat: :beat: :beat:


เอาเท่านี้ก่อน คืนนี้ลาไปแบบรุนแรงๆ เจอกันใหม่วันพรุ่งนี้ ขอบคุณทุกกำลังใจนาจา    

:ling1: :ling1: :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด