~หนึ่งตุลา~ ตอนที่18 ตอนจบ up 11/11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~หนึ่งตุลา~ ตอนที่18 ตอนจบ up 11/11  (อ่าน 25991 ครั้ง)

ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

************************************


มือใหม่ภาษาอาจไม่สวยขอบคุณร่วงหน้าที่แนะนำนะค่ะ

   ♡♡♡♡♡หนึ่งตุลา♡♡♡♡♡


  :hao3: :mew1: o18 :t3: :pig2: :impress2: :z2: :monkeysad:

ตอนที่1



 “มีไรเชี่ยธัน”

“มึงถึงเชียงใหม่ยังว่ะ”

“ถึงแล้วดิสัส บนเครื่องรับสายได้ป่ะ”

“มึงจะไม่กวนตีนกูสักครั้งได้มั้ย ไอ้น้องเชี่ย พ่องมึงตาย”

“อ่าว พ่อเป็นไรตายว่ะ”

“K!! กูแค่จะโทรมาย่ำ อย่าลืมที่เพื่อนกูจะขอสัมภาษณ์ มึงกับแฟนมึงอ่ะ ห้ามเบี้ยวนะไอ้ห่า อีกอาทิตย์นึ่ง เพื่อนกูจะไปหามึงที่เชียงใหม่ เตรียมตัวด้วย แค่นี่สาดดดด”


ตุ๊ดดด ตุ๊ดด ตุ๊ด……


       ชีวิตนิสิตคณะวิทยาศาสตร์อย่างผมต้องเก็บข้าวของย้ายทะเบียนราชจากกรุงเทพมาอยู่สันทรายเมื่อตอน ม.4 ด้วยเหตุผลทางครอบครัว :TT:...

       ผมต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตจากเด็กในเมืองที่มีแต่ตึกสูงลับฟ้า เมืองที่ไม่มีต้นไม้ป่าเขา เมืองที่มีความเจริญในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็น ความเจริญด้านวัตถุสิ่งของ เมืองที่คาคลั่งไปด้วยรถยนต์บนท้องถนน เมืองที่ไม่เคยหลับใหล รวมไปถึงแสงสีเสียงที่ผมชินตามาตั้งเด็ก

       เมื่อผมได้ยินว่าอำเภอสันทรายถึงกลับกางแผนที่ดูว่ามันอยู่ส่วนไหนของประเทศ การตัดสินใจครั้งนั้นเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากผมต้องอาศัยความทดทน ความเสียสละและปรับตัวอยู่นาน ต้องกล่าวก่อนว่าผมเป็นลูกคนเล็กอายุห่างจากพี่ชายหลายปี พ่อแม่ต่างพากันเอาอกเอาใจเรียกว่าประเคนให้ทุกอย่างเท่าที่ผมต้องการ ขอแค่เอ่ยปากก็พอ

       แม้แต่ของขวัญวันเกิดเมื่อตอน ม.4 คือ BM สองที่นั่งเปิดประทุนรุ่นใหม่ล่าสุด ผมเปรยๆเพียงว่าอยากได้และอีกสองสามวันต่อมามันก็จอดที่หน้าบ้าน พี่ชายของผมรู้เรื่องราวมาสักพักแล้วมันทั้งสองคนช่วยกันปิดบังมาตลอดเพราะกลัวว่าผมจะรับไม่ได้ ผมจึงเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องนี้เมื่อเห็นแม่เริ่มเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเดินทางหลายใบเตรียมตัวย้ายไปเชียงใหม่

       พ่อและแม่ให้ผมตัดสินด้วยตัวเอง ไม่ได้บีบบังคับผมแม้แต่น้อยว่าผมจะอยู่กับพ่อหรือไปกับแม่ ผมได้แต่คิดทบทวนว่ารถคันนั้นที่ผมเพิ่งได้มาเมื่อไม่กี่วัน ที่ใครๆก็ไม่กล้าขัดเป็นของขวัญปลอบใจเพื่อไม่ให้คิดมากเรื่องพ่อแม่หรือป่าว

       พ่อแม่ยืนยันจะดูแลส่งเสียเลี้ยงดูและให้ทุกอย่างที่ผมเคยได้ไม่ว่าจะอยู่กับใครก็ตาม เหตุการณ์วันนั้นที่โต๊ะรับแขกของบ้าน เราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทุกคนนั่งนิ่งรอฟังคำตอบจากผม พี่ชายสองคนอยู่กับพ่อเพราะต้องสานต่อธุรกิจที่บ้าน ส่วนผมยังไงก็ได้ทุกคนจะเคารพในการตัดสินผมเช่นกัน

       ผมไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงไม่ชอบการที่จะต้องเลือก แต่แม่จะอยู่คนเดียวได้ยังไง ผมตอบตกลงที่จะไปสันทรายกับแม่เสียงแข็ง แม่จับมือผมไว้แน่นและให้ผมตัดสินใจใหม่อีกครั้ง แต่คำตอบจากผมยังคงเดิมไม่เปลี่ยน ผมไม่ได้เสียใจฟูมฟายอย่างที่ทุกคนคาดคิด

       นี่จึงเป็นสาเหตุที่ผมใช้ต่อรองกับพี่ชาย ที่ผมยอมทิ้งความศิวิไลและชีวิตเด็กในเมืองไปอยู่ป่าอยู่ดอยเพื่อดูแลแม่ มันสองคนก็มองว่าเป็นความเสียสละในชีวิต ไม่ว่าผมจะขออะไรจากมันสองคนต้องยอม

       ไอ้เมษพี่ชายคนโต ไอ้ธันวาพี่ชายคนรอง มันสองคนอยู่กับพ่อเพื่อช่วยธุรกิจของพ่อที่กรุงเทพ พ่อเป็นเจ้าของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าส่งให้กับเบรนด์ดังหลายยี่ห้อที่เราเห็นกันทั่วๆไปในห้างชั้นนำล้วนมาจากโรงงานของพ่อผม ตอนนี้ไอ้เมษเข้าไปช่วยงานพ่ออย่างเต็มตัวที่โรงงานหลังจากเรียนจบ ป.โท ส่วนไอ้ธันเด็กหัวนอกอย่างมันอยากหาประสบการณ์การทำงานที่บริษัทอื่น ไอ้ธันเลยไปทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของเพื่อนสนิทมันด้วยเงินเดือนสูงริ้ว

       เอาจริงๆผมว่ามันอยากอยู่ไกลหูไกลตาพ่อมากกว่าจะได้ทำอะไรต่อมิอะไรได้สะดวก ในความรู้สึกส่วนตัวของผมงานที่เหมาะกับไอ้ธันสุดๆก็เห็นจะเป็นบริษัทผลิตถุงยางอนามัยมากกว่า เผื่อมันจะได้รับสิทธิ์พนักใช้ฟรีตลอดชีพ ไอ้ธันวีรกรรมมันเยอะเดี๋ยวค่อยเล่าทีหลัง

       นั้นคือเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อนครอบครัวเราแยกกันอยู่ และผมก็กลายเป็นคนสันทรายนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาช่วงแรกๆผมนั่งเครื่องกลับกรุงเทพบ่อยเหมือนนั่งBTSไปสยาม ผมไม่ชินกับเมืองเล็กๆเงียบๆไม่เจริญหูเจริญตามีแต่ป่าดอยและภูเขา สัญญาณโทรศัพท์ก็มีๆหายๆ ผมยังติดเพื่อนติดแฟนติดเที่ยว คิดถึงพ่อกับพี่ชายผมซื้อตั๋วเครื่องบินเป็นว่าเล่นเพื่อกลับไปหาพวกเขา ผมใช้เวลาหลายเดือนเพื่อปรับตัวก่อนโรงเรียนจะเปิดเทอมและก่อนจะมีเพื่อนใหม่

       ทั้งหมดทั้งมวลเป็นความหลังที่ผมไม่อยากเอ่ยถึงเพราะตอนนี้ทุกอย่างลงตัวและเหมาะสมที่สุดในชีวิตผมแล้ว ผมต้องขอบคุณการตัดสินใจของตัวเองและขอบคุณเมืองเล็กๆอย่างสันทรายที่ทำให้ผมได้เจอสิ่งที่สำคัญในชีวิตเพิ่มขึ้น


       วันนี้ไอ้ธันโทรมาย้ำอีกครั้งเรื่องเพื่อนของมันจะขอสัมภาษณ์ เกี่ยวกับเรื่องราวความรักของผมกับแฟนเพื่อเอาไปทำหนังสั้น ส่งเข้าประกวดโครงการ บางกอกฟิมล์ เลิฟมูวี่ มองรักมุมต่าง อะไรสักอย่างผมจำไม่ได้ ตอนแรกผมจะไม่ช่วยมัน เพราะไม่เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องเอาเรื่องของตัวเองไปเล่าให้คนอื่นฟัง

       ผมไม่ได้อยากเด่นอยากดังหรืออยากเป็นดาราแต่อย่างใด น้อยมากที่ผมจะมีรูปคู่ลงโซเชี่ยลเหมือนคู่รักอื่นๆ แต่ไอ้ธันก็ยืนยันว่าเพื่อนมันสนใจอยากได้เรื่องของผมไปทำหนัง อ้อนวอนผมหลายต่อหลายครั้งผมตัดสินใจคนเดียวได้ที่ไหน ต้องถามเจ้าของเรื่องอีกคนด้วย ถ้าแฟนโอเคผมก็โอเค

        ไอ้ธันถึงกลับโทรขอร้องแฟนผมอีกทางใช้คำหวานๆของมันหว่านล้อมเช้าเย็น ไม่รู้บังขับขู่เข็นด้วยหรือป่าว ไอ้แฟนเราก็ยิ่งเป็นคนใจอ่อนต่อลูกตื้อบวกกลับความเกรงใจไอ้ธันเลยตอบตกลงไป ไอ้พี่ชายเชี่ยๆ มีอย่างที่ไหนเอาเรื่องผมไปเล่าให้คนอื่นฟัง มันใช่เรื่องที่ต้องเป่าประกาศมั้ย

       ผมถามไอ้ธันทำไมไม่เอาเรื่องของมันไปทำบ้าง ไอ้ธันก็ตอบกลับมาว่า เรื่องของมันไม่น่าสน มีแต่ ฟัค ฟัค แล้วก็ ฟัค อีกอย่างเพื่อนมันจะทำหนังรักไม่ใช่หนังโป๊ ถ้าเอาเรื่องรักไอ้ธันไปทำหนังจะไม่มีบทพูด คงมีแต่เสียง อื้อ อ้า โอ้ย อ๊า อ๊า เยส เยส โอ้เบบี้ เยส….. และหาซื้อได้ที่คลองถมประเภท3แผ่น50ประมาณนั้น 

       ไอ้ธันถือวิสาสะเอารูปผมกับแฟนในเฟชบุ๊คที่ผมไม่ค่อยอัฟเดท ให้เพื่อนมันดูบวกกับเล่าเรื่องราวเล็กน้อยให้เพื่อนมันฟัง เพื่อนมันชอบเลยจะขอตามมาสัมภาษณ์ผมถึงเชียงใหม่และอยากเจอตัวจริงของผมกับแฟน :impress2:



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2016 00:53:38 โดย 19919 »

ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ~หนึ่งตุลา~ (ตอนที่1)
«ตอบ #1 เมื่อ24-09-2016 21:15:17 »

         เรื่องหนังสั้นเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้ก็บ่ายโมงกว่าๆผมยังนั่งรอแฟนมารับที่สนามบิน นั่งมาก็เวลาเกือบชั่วโมงยังไม่โผล่หัวมาสักที ดูดกาแฟรอจนเหลือแต่น้ำแข็ง อากาศก็ร้อนลมก็ไม่มีพัดผ่านสักนิด ผมก็ได้แต่นั่งมองนาฬิกามองแล้วมองอีก เพราะไม่กล้าโทรตาม

       จากนั้นรถคันงามของผมวิ่งเข้าจอดด้านหน้าพอดี เห็นไกลๆคนขับไม่ใช่แฟนแน่นอน แต่เป็นไอ้ภีมเพื่อนสนิทของผมอีกคน ผมไม่อยู่เชียงใหม่เป็นเดือนแฟนไม่คิดถึงผมเลยหรอ มันเป็นคำถามในใจ จะมารับก็ไม่มี จะโทรบอกก่อนก็ไม่มี ปล่อยให้ผมรอตั้งนาน เราก็กะว่าจะกอดให้หายคิดถึงซ่ะหน่อย ตอนนี้ความนอยด์ผมมันพุ่งสูงมากกว่าอากาศที่ร้อนระอุนอกสนามบินเสียอีก เฮ่ย..!!!!ช้างเท้าหน้าอย่างผมได้แค่ถอนหายใจแล้วโยนเป้ให้ไอ้ภีมไป ผมนั่งในรถอย่างสงบแต่ไฟลุกโชนในอก


“ปลาทูไปไหนทำไม่มารับกูว่ะ” ผมหันไปมองไอ้ภีมที่กำลังขับรถออกจากสนามนามบินทำหน้าไม่พอใจ เมื่อวานบอกจะมารับแต่กลับเป็นไอ้ภีมมาแทน เพื่อนก็เหมือนจะดูอาการหงุดหงิดของผมออก

“มันต้องไปส่งดอกไม้กับแม่ ทูกลัวมึงรอนาน เลยทิ้งรถไว้ให้กูมารับมึงแทนนี่ไง” เหตุผลฟังขึ้น แต่ก็ยังงอนอยู่ดี ก็แฟนสัญญาว่าจะมารับ แล้วเพื่อนมาแทนได้ไง เพื่อนก็ดีแต่ดีคนล่ะแบบกับแฟน ผมพ่นลมหายใจใส่ไอ้ภีมเสียงดังเรียกร้องความเห็นใจจากเพื่อน มันต้องเข้าข้างผม

“แม่งแทนที่จะโทรบอกกูสักนิ๊ด ก็ไม่มี จริงมั้ยไอ้ภีม”

“งอนทำส้นตีนอะไร กูบอกมึงอยู่นี่ไง มันมีงาน เลิกทำหน้าเป็นหมาปวดขี้สักทีกูรำคาน” อ่าวไอ้สัสนี่ ไม่มีการเข้าข้างเสือกด่าอีก ผมไม่ได้โต้ตอบและหันหน้าหนีออกไปมองกระจกรถเพื่อหลบสายตาไอ้ภีม คอยดูวันนี้จะไม่ไปหาจะนอนที่บ้านกับแม่ ไม่สนใจ ไม่ต้องมาง้อ ไม่โทรหา จะเงียบหายดูสิใครจะแน่กว่ากัน ไม่คิดถึงก็ไม่คิดถึงเหมือนกัน

“ตกลงให้กูส่งที่ไหน บ้านมึงรึบ้านทู” เอ๊ะนี่ไอ้ภีมอ่านใจได้หรือหน้าผมมันแสดงอาการจนเพื่อนรู้ทัน

“บ้านปลาทูสิ” ตอบเสียงเบาๆในคอ มือนึ่งเกาหัวแก้เขิน อีกมือยื่นไปเพิ่มเสียงเพลงในแล้วแกล้งตายคาเบาะรถขี้เกียจมองหน้าไอ้ภีม ก่อนที่มันจะกัดผมไปมากกว่านี้

“ฮ่าๆๆๆๆ กูนึกว่าแน่ กับคนอื่นเหมือนเสือ กับไอ้ทูเหมือนหมา สาสสส” ไอ้ภีมหัวเราะลั่นออกมาแบบไม่ไว้หน้าผมสักนิดใครๆก็ว่าผมกลัวปลาทู จริงๆผมไม่ได้กลัวนะผมแค่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแฟนต่างหาก

          ไอ้ภีมขับรถประมาณชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงบ้านปลาทู มันช่วยผมเอากระเป๋าเข้าบ้านจนเสร็จก่อนที่จะกลับบ้านมันไป ผมกับปลาทูสามารถเข้านอกออกในบ้านของอีกฝ่ายได้เป็นปกติ ผมจะมานอนบ้านแฟนหรือว่าแฟนจะมานอนบ้านผมได้หมดกุญแจมีไว้ทั้งสองหลัง บ้านปลาทูเป็นสวนกล้วยไม้10ไร่เศษได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมน้อยใหญ่ ร้านอาหาร เก็ตเฮ้าว์ โฮมสเตย์ ก็สั่งดอกไม้จากสวนนี้กันทั้งนั้น รวมถึงโฮมสเตย์ของแม่ผมด้วย ผมนั่งรอที่ม้านั่งหน้าบ้านตอนแรกว่าจะยกโทรศัพท์กดเบอร์หาแต่ปลาทูคงขับรถอยู่

        ไม่นานนักก็มีรถกระบะอีกคันเข้ามาจอด ผมเห็นแม่ ปลาทู แล้วก็ไอ้สองมันเดินลงมาพร้อมกัน แทนที่มันเห็นผมแล้วจะวิ่งเข้ามากอดด้วยความคิดถึงแต่เปล่าเลย แม่ต่างหากที่เป็นคนวิ่งเข้ามากอด ผมแทน

“ลูกสะไป้ บ่ป๊ะเมินแหม กึ๊ดเติง จ๊าดนัก” แม่กอดผมพลางเอามือลูบหัวเบาๆพลาง พร้อมรัวคำเมืองใส่ไม่ยั้งถ้าเป็นเมื่อก่อนยอมรับว่าฟังไม่ออกถูกเพื่อนหลอกด่าคำเมืองเป็นประจำ แต่ตอนนี้บอกเลยสบายมากคำด่าผมจำแม่นทุกคำ

“กึ๊ดเติงตั๋วจ๊ากนักแม่เจ้า” หอมแก้มซ้ายทีขวาทีผมคิดเสมอว่าแม่ของทูก็คือแม่ผม ผมปฏิบัติต่อแม่ตัวเองแบบไหนแม่ทูก็ได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากผมเช่นกัน

“มาถึงนานยังว่ะ ของฝากกูล่ะ สาวกรุงเทพมีป่ะ”ส่วนคนนี้ไอ้สองเป็นน้องชายของปลาทูมันสองคนเป็นลูกหัวปีท้ายปีเลยสนิทเหมือนเพื่อน ปลาทูกับไอ้สองหน้าเหมือนกันมากถ้าดูผ่านๆแฝดคนล่ะฝาก็ว่าได้ ความหล่อความน่ารักมีเหมือนกัน หน้าตาดีผิวขาวแบบหนุ่มเหนือ แต่ที่ต่างกันสุดโต่งคือนิสัย ปลาทูเป็นคนเงียบๆโลกส่วนตัวโคตรสูงสุภาพเรียนเก่ง ไอ้สองน้องสุดแสบมีทุกอย่างที่ปลาทูไม่มี มีเซ็ก มีสาวเยอะ มีเรื่องให้แม่กับพี่ปวดหัวได้ตลอดเวลา

       สมัยเรียนมัธยมด้วยกันมีเรื่องชกต่อยกับเด็กโรงเรียนอื่นเป็นประจำจมตีนจมหมัดนอนโรงพยาบาลยิ่งกว่าโรงแรมเสียอีกโดนเรียกผู้ปกครองจนแม่ขอไว้ว่า ขอเรื่องล่ะเทอมได้ไหม    ปลาทูก็เป็นคนตามล้างตามเช็ดให้น้องปิดแม่ได้ก็ปิด เป็นแบบนี้ตลอดผมก็ต้องคอยเข้าข้างและช่วยปิดอีกแรง

       ทุกวันนี้นอกจากผมจะได้แฟนคือปลาทูแล้วยังได้ไอ้สองมาเป็นเพื่อนไว้แดกเหล้าเพิ่มด้วย ขณะที่ผมกำลังยืนคุยกับไอ้สองอยู่ตรงทางเดิน ผมก็มองเห็นเงาใครบางคนที่ทอดลงกับพื้นสนามหญ้า เริ่มขยับเข้ามาใกล้ๆแล้วเงานั้นหยุดทางด้านหลังผมห่างไม่ถึงก้าว

“ทูก็คิดถึงตุลย์นะ” แล้วเงานั้นก็จูบที่หัวด้านหลังตรงท้ายทอยพอดี หาความโรแมนติกไม่มี นี่ล่ะครับปลาทูของผมอยากจูบตรงไหนมันก็จูบ ตรงที่อยากให้จูบกลับไม่จูบ ตรงที่อยากให้ทำกลับไม่ทำ สิ่งที่อยากได้ไม่เคยสนอง ขอแล้วขออีกขอให้ตายก็ยังไม่ให้ มีเรื่องที่คาดไม่ถึงจากมันตลอดตั้งแต่เป็นแฟนกันมา ปลาทูมีความตื่นเต้นมาให้เสมอ ตื่นเต้นที่ต้องมาคอยลุ้นว่าวันนี้จะจูบผมหรือไม่ และจูบตรงไหน มือ เท้า หัว ไหล่ หน้าผาก ปาก คอ หู จมูก ตา แล้วแต่ปลาทู เรื่องนี้ผมยอมแพ้มาตั้งนานแล้วบางวันไม่จูบเลยก็มี ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ปลาทูจูบท้ายทอยเสร็จก็เอาแขนโอบที่ไหล่ผม จากที่ทั้งงอนทั้งนอยด์ระดับสิบเมื่อกี้ก็หายวับไปกับสายลม

“แม่เข้าบ้านกันเถอะ ทำกับข้าวกันดีกว่า ไม่ไหวล่ะ ถ้ายืนต่อ สอง อวกแตกแน่ๆ ไปๆเข้าบ้าน” ไอ้สองดึงแขนแม่เดินเข้าไปบ้าน ครอบครัวแฟนปฏิบัติต่อผมดีมากดีจนผมไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอก แม่ของปลาทูรับผมเป็นลูกชายอีกคนตั้งแต่เราเริ่มคบกันถือเป็นความโชคดีของผมที่เจอครอบครัวที่น่ารักแบบนี้

       แม่กับไอ้สองหายเข้าไปในครัวกันสองคนปล่อยให้ผมกับปลาทูนั่งดูทีวีที่โซฟารอข้าวเย็น ผมก็เปิดทีวีไว้อย่างนั้นไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าในทีวีนั้นเป็นรายการอะไร ผมมัวแต่สนใจคนที่นั่งข้างๆทำเสียงดัง ดิ้นดุกดิกๆ ทำหมอนตกบ้าง กระแอมใส่หน้าบ้าง เปลี่ยนช่องรายการบ้าง เรียกร้องความสนใจเพื่อให้ปลาทูหันมาพูดคุยแต่ก็เปล่าประโยชน์ มันเอาแต่จับหนังสือพันธ์กล้วยไม้ในมือ ก้มๆเงยๆอยู่นานเหมือนลืมว่าผมกลับมาแล้วและนั่งอยู่ตรงนี้

“ตุลย์อาบน้ำก่อนมั้ย มาเหนื่อยๆจะได้สบายตัว” ปลาทูพูดกับผมแต่หน้ายังจ้องหนังสือ แต่เอาเถอะพูดด้วยก็ถือว่าดี กว่าจะพูดได้แต่ล่ะคำผมนี่ลุ้นชิบหาย ทำไมผิดจากไอ้สองได้ขนาดนี้ไอ้ห่านั้นผีเจาะปากมาพูด พูดแม่งทั้งวัน พี่น้องกันยังไงต่างกันราวฟ้ากับนรก บางที่ผมก็อยากให้ปลาทูพูดเยอะให้ได้สักครึ่งของไอ้สองคงดี ผมจะได้ไม่ต้องมาคอยลุ้นว่าปลาทูจะพูดกับผมตอนไหน พอได้ยินเสียงถามมาแบบนั้น ผมเงยหน้าส่งแววตาอันส่องประกายเหมือนหมากำลังอ้อนเอากระดูกจากเจ้านาย

“ตุลย์ขอนอนตักสักแป๊ปนะปลาทู” แล้วทิ้งตัวลงบนขาปลาทู อีกมือก็ยื่นไปจับมือมันมาวางไว้บนตัวเอง เพื่อบอกเป็นนัยต์ๆว่ากอดผมหน่อยผมคิดถึงแต่มันแค่อมยิ้มให้ผม ปลาทูรู้ผมหมายถึงอะไร แต่มันชอบกวนตีนชอบขัดความต้องการตลอด ตักผู้ชายคนนี้อบอุ่นมากครับหลายๆครั้งหลับไปไม่รู้ตัวก็มี และปลาทูไม่เคยลุกหนีจนกว่าผมจะตื่น นั่งแบบนี้ได้โดยไม่บ่นสักคำ ผมนอนเกลือกกลิ้งบนตักสักพัก เลยนึกขึ้นได้เรื่องสัมภาษณ์จึงถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“ปลาทูจำเรื่องสัมภาษณ์ของเพื่อนไอ้ธันได้ใช่ไหม เพื่อนมันจะมาประมาณอาทิตย์หน้านะ”

“อืม ทูจำได้ ทำไม” ปลาทูพยักหน้าแล้วก็เอามือขยี้หัวผมเล่น ผมก็ยื่นมือกุมแก้มปลาทูไว้ทั้งสองข้าง พอที่ผมจะสังเกตเห็นได้ว่าไม่เจอแค่เดือนเดียวหล่อขึ้นเยอะเลยแฟนผม ทรงผมไถข้างนี่เท่ห์สุดๆ มีเสน่ห์อะไรขนาดนี้ ผมหวงผู้ชายคนนี้ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ หวงยิ่งกว่าแฟนผู้หญิงคนก่อนๆของผมอีก ผมนอนจ้องหน้าส่วนปลาทูเองก้มมองหน้าผมห่างไม่ถึงนิ้ว มือก็กุมหน้าของทูพลางปากก็พูดไปพลาง

“ปลาทูแน่ใจนะ ไม่อึดอัดหรอ ถ้าไม่ชอบก็บอกนะ เดี๋ยวตุลย์บอกไอ้ธันเอง จริงๆตุลย์ไม่ชอบหรอกไม่อยากช่วยมันเลย เรื่องส่วนตัวไม่อยากให้ใครรู้เลยอ่ะ เนอะปลาทูเนอะ ” อ้อนอีก อ้อนได้อีกเยอะ อ้อนเข้าไป อ้อนเป็นลูกหมา เสียงหวานๆ ดิ้นไปดิ้นมา ส่งสายตาแบ๊วๆใสๆ เดี๋ยวคืนนี้ได้กินปลาทูแน่ๆ  ปึก!! เสียงกำปั้นตกลงกลางหน้าผาก ความน่ารักความแบ๊วความปัญญาอ่อนของผมหายวับทันที นี่ผมอ้อนกำปั้นหรอเนี่ย

“ทูไม่อึดอัดหรอก รับปากพี่ธันไปแล้ว จะผิดคำพูดได้ไง ทูว่าคงเป็นเรื่องทั่วๆล่ะมั้งไม่น่ายากนะ แค่ตอบคำถาม” ปลาทูเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ หวังดีกับคนอื่นเสมอ คิดอะไรให้เป็นเรื่องง่ายไม่คิดเยอะไม่เคยว่าร้ายใครใจดีกับทุกคน เป็นคนที่รักษาคำพูดเสมอไม่จะเป็นเล็กน้อยก็ไม่เลยลืม รวมถึงครั้งนี้ที่รับปากไอ้ธันไปเรื่องสัมภาษณ์ที่จะเอาไปทำหนังสั้นของเพื่อนมัน

 “มาทานข้าวได้แล้วลูก”เสียงแม่ก็ดังมาจากครัวเรียกให้ไปกินข้าว ในที่สุดผมก็ไม่ได้อาบน้ำก่อนกินข้าวมัวแต่อ้อนตีนอยู่วันนี้แม่จัดเต็มมากๆ บนโต๊ะอัดแน่นไปด้วยอาหารเหนือที่แม่ถนัด วางตั้งแต่หัวโต๊ะยาวไปจนถึงอีกฝั่งเหมือนมีงานเลี้ยงต้อนรับผมด้วยปาร์ตี้อาหารเหนือ เริ่มต้นที่น้ำพริกอ่อง ผักสด มะเขือเปาะ ผักกาดแก้ว แตงกวา ถั่วฝักยาว ขิงอ่อน วางเรียงสวยบนจาน ถัดก็เป็น แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว แกงผักกาดจอ แกงโฮ๊ะ ซุปขนุน ปลาสลิดทอด และปีกไก่ทอดเกลือ อันนี้ของโปรดทูกับไอ้สอง

“มีงานเลี้ยงหรอครับแม่” ปลาทูเอ่ยปากหยอกล้อแม่ตัวเองเมื่อมองเห็นกับข้าวมากมายเต็มโต๊ะแต่มันเยอะไปจริงครับกินกันแค่สี่คน ถ้ากินหมดนี้คงอิ่มไปอีกสามวันเลยมั้ง

“ทูก็แซวแม่ แม่ทำให้ตุลย์ อยู่กรุงเทพนานคงคิดถึงอาหารเหนือ ใช่มั้ยน้องตุลย์”

“โห่แม่รักไอ้ตุลย์มากกว่าสองป่ะเนี่ยะ ทีสองไม่เห็นเคยเรียก น้องสองบ้างเลย หมั่นไส้” ไอ้สองเบ้ปากใส่ผม แล้วรีบนั่งลงที่เก้าอี้ ตักข้าวเข้าปากก่อนใครอื่น

“ตั๊วดื้อจ๊าดนัก สอง แม่บ่ฮักตั๊วล่ะ ฮักน้องตุลย์ ดีกว่า”

“ใช่ครับ ไอ้สองมันดื้อ หาแต่เรื่อง” ผมยักคิ้วกวนตีนใส่ไอ้สอง ให้ไอ้สองรู้ว่านี่แม่กู

“พี่เห็นด้วยสอง แม่เราเอาใจตุลย์เกินไปล่ะ”

“กินเยอะๆน้องตุลย์ ไม่ต้องสนใจ สองเปิ้น” จานไก่ไม่ห่างมือไอ้สอง

“สองๆ เอาให้ทูด้วยเจ้า” แม่ดึงจานไก่ทอดจากไอ้สองเพื่อแกล้งมัน ผมนี่ซ่ะใจจริงๆมีแม่คนเดียวที่ปราบมันได้

 “ลำแต้แต้เจ้า” ผมตักน้ำพริกอ่องเข้าปากแล้วก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจคนบนโต๊ะ แต่ตาผมยังชำเหลืองไปเห็นแฟนที่นั่งข้างๆเอาแต่นั่งมองและยิ้มเล็กๆดูเจ้าเล่ห์ ไม่ค่อยชอบยิ้มแบบนี้ของมันเลยให้ตาย มันกำลังนินทาผมในใจชัวร์ๆไม่รู้คิดอะไรอยู่ อยากอ่านใจมันออกสักครั้ง ถึงปลาทูจะดูนิ่งๆผิดจากไอ้สองแต่เวลากวนตีนนี่พอกันเลยครับเพียงแต่ปลาทูจะกวนตีนแบบมีมารยาทไทยติดมาด้วย ตอนนี้มันเอาแต่นั่งมองผมกินข้าวไม่เห็นมันตักข้าวใส่ปากตัวเองสักคำ ไอ้สองก็นั่งแยกเขี้ยวเป็นหมาหวงปีกไก่ทอดใส่ผมอยู่ฝั่งตรงข้าม สายตามันดูเครียดแค้นผมชอบกล ผมว่าไอ้สองรอเอาคืนแน่ๆ ส่วนแม่ยังตักนั้นตักนี้ใส่จานข้าวผมจนเต็ม แม่ทำกับข้าวเหนืออร่อยมากๆกินที่ไหนก็ไม่เหมือนที่แม่ทำสักที น้ำหนักผมขึ้นมาเยอะหลายกิโลเพราะแม่ทำให้กินแถบทุกวัน บนโต๊ะอาหารเย็นของวันนี้มีแต่การหยอกล้อยียวนกวนกันไปมาตามประสาแม่ลูกเสียงหัวเราะลั่นดังทั่วครัว จนผมลืมความเหนื่อยล้าไปตอนไหนไม่รู้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2016 21:27:07 โดย 19919 »

ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ~หนึ่งตุลา~ ตอนที่2
«ตอบ #2 เมื่อ26-09-2016 17:45:28 »

ตอนที่2



        ผม พธู เป็นพี่ชายของ พชร หรือ สอง ผมเกิด มกราคม สองเกิด พฤศจิกายน เราเลยเป็นพี่น้องที่เกิดปีเดียวกัน เรียนชั้นเดียวกันตั้งแต่เด็ก เราสองคนอยู่กับแม่ ส่วนพ่อเสียตั้งแต่ผมยังอยู่ประถม

        บ้านเรามีสวนกล้วยไม้เล็กๆหลากหลายสายพันธ์ ผมเลยเลือกที่จะเรียนคณะเกษตร สาขาพืชสวนเพื่อที่จะได้ดูแลสวนที่แม่กับพ่อสร้างขึ้น ให้มันเจริญงอกงามดั่งแม่ตั้งใจไว้ น้องชายของผมเรียนคณะสัตวศาสตร์เพราะสอบติดเพียงคณะเดียว ถ้าสองสอบไม่ติดคณะไหนเลยแม่จะให้ออกมาดูแลสวนแทนผม ผมว่าแม่แค่ขู่อยากให้สองตั้งใจสอบมากกว่า

       เราเป็นพี่น้องที่มีความเหมือนแต่แตกต่าง สองมีแฟนเยอะและเปลี่ยนแฟนบ่อย สองมั่นใจในความหล่อของตัวเอง เลยใช้ผู้หญิงเปลืองไม่เคยเสียน้ำตาให้ใครสักคนในตอนบอกเลิก สองไม่เคยง้อผู้หญิงคนไหนและไม่เคยคบนาน ผมรู้นิสัยน้องชายผมดีรวมถึงเพื่อนๆทุกคนก็เช่นกัน ผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในฐานะแฟนของสอง จะถูกน้องชายผมกระทำให้เสียใจเสมอ

        ผมอาจรักน้องชายผิดวิธี เพราะการแก้ตัวให้สองแบบน้ำขุ่นๆนั้นมันทำให้ผมรู้สึกผิดทุกครั้ง แต่ยังไงก็ตามผมก็ช่วยสองอยู่ดี ส่วนผมเพิ่งมีแฟนคนแรก คนเดียวและเป็นผู้ชายด้วย ก็คนที่อยู่ในห้องนอนกับผมในตอนนี้ไง

        แฟนติดเรียกผมว่า ปลาทู เรียกตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ทุกวันนี้ถ้าได้ยินว่า ปลาทู แบบลากเสียงยาว นั้นหมายความว่าผมจะต้องตั้งรับกับคลื่นลูกอ้อนจากตุลย์แน่นอน ผมอาบน้ำเสร็จก่อนตุลย์เลยหยิบหนังสือกล้วยไม้มาดูบนเตียงเพื่อฆ่าเวลา ตุลย์กลับกรุงเทพบ่อยไม่ว่าจะเป็นเสาร์อาทิตย์ วันหยุดสั้น หยุดยาว หรือปิดเทอม เพื่อไปเยี่ยมพ่อกับพี่ชาย

         วันนนี้ผมติดส่งดอกไม้กับแม่เลยไม่ได้ไปรับตุลย์ตามที่พูดไว้ ผมเห็นสีหน้าตุลย์ที่แสดงออกมา ผมรู้ตุลย์คิดอะไรอยู่ เพราะแววตานั้นมันบ่งบอกถึงความคิดถึงที่ตุลย์ส่งมาให้ ผมเองก็ส่งแววตาแบบนั้นกลับไป แต่ทำไมตุลย์ถึงสัมผัสความคิดถึงนั้นไม่ได้ เอาแต่ทำหน้างอใส่ผม ส่วนผมชอบกวนเพราะเวลาที่ตุลย์ทำหน้า เอ๋อๆ งงๆ ตุลย์จะน่ารักเพิ่มขึ้นเป็นกอง

         วันนี้ผมเลยทำได้แค่จูบที่ท้ายทอยไปหนึ่งที การจูบผมว่าจูบตรงไหนก็ได้เหมือนกัน ผมไม่ได้มองว่าตรงไหนโรแมนติกกว่ากัน เวลาที่ตุลย์อ้อนก็เหมือนลูกหมาอย่างที่ภีมแซวนั้นแหละครับ ถ้าตุลย์อยากให้กอด อยากให้จูบจะต้องมาคลอเคลียส่งสายตาแป๋วๆ ผมรู้ทันลูกไม้ตื้นๆนี้ตั้งแต่แรกที่คบกัน แต่ตุลย์ก็ไม่เคยเปลี่ยนท่าไม้ตายสักทีเป็นใครก็รู้ทัน

        อย่างเช่นตอนนี้ตุลย์นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินวนทั่วห้อง อ้อมเตียงไป อ้อมเตียงมา เรียกร้องความสนใจตามเคย ตุลย์กำลังยั่วให้ผมตอบสนองความต้องการ

 “ปลาทู๊ววววววววววว” เสียงสูงลากยาวแบบนี้ เตรียมตัวตั้งรับพายุ มีความอ่อยสูงมาก

“หืม” ผมละสายตาจากหนังสือ เงยหน้ามองตุลย์ที่กำลังยืนอยู่ปลายเตียง

……..
……..
……..


“ปลาทู วันนี้ขอนะ” ยังไม่มีเสียงตอบ ผมรีบทิ้งตัวทับปลาทู แล้วก้มลงจูบที่ริมฝีปากแบบเบาที่สุด เท่าที่จะทำได้กับปลาทูห้ามรีบร้อนต้องใจเย็น

          ถ้าปลาทูไม่ยอม ผมจะถูกถีบตกเตียงด้วยความเร็วสูงและเจ็บตัวฟรีเปล่าๆ ผมโดนมาหลายครั้งต้องเซ็ฟตัวเองไว้เพื่อความปลอดภัย หลังจากที่เล้าโลมจูบริมฝีปากบนและล่างอย่างนุ่มนวลอ่อนโยนอยู่นาน ผมลองใช้ลิ้นสอดเข้าไปหาลิ้นของอีกฝ่าย ปลาทูไม่ได้ปฏิเสธผม ไม่ได้ต่อต้านหรือขัดขืน แปลว่าครั้งนี้ไฟเขียว ปลาทูโต้ตอบด้วยการกอดผมแน่น ยอมจูบ จูบแบบดูดดื่มซาบซ่านลิ้นพันกันเป็นเกลียว จูบแบบนี้หายใจไม่ทันเหมือนเราดำน้ำแล้วต้องการอากาสหายใจประมาณนั้น จูบอร่อยกลมกล่มแบบนี้ อยากกินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัวเดี๋ยวนี้เลย ต่างคนต่างรุกล้ำอาณาเขตเพื่อทำให้อีกฝ่ายพอใจ เราสองคนปล่อยให้เป็นไปตามอารมณ์และความต้องการของกันและกัน

          เอาล่ะถ้ายอมแบบนี้ งั้นขอจับปลาทูตัวน้อยหน่อยนะครับ ฝ่ามือผมลูบ ผ่านหน้าอก ผ่านหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อแน่นๆลงไปจนถึงหัวกางเกงบ็อกเซอร์  ค่อยๆใช่มือล้วงหาเป้าหมาย วันนี้ตุลย์ได้กินปลาทูแน่ๆ ก่อนที่มือผมจะถึงปลาทูตัวน้อย ก็มีมือมากระชากมือผมออกทันที แล้วผมก็ถูกพลิกตัวลงข้างล้าง มือก็ถูกจับตึงเป็นไม้กางเขน

          ปลาทูจูบริมฝีปากล้วงลึกเหมือนคนอดอยาก เริ่มลดลงต่ำตรงต้นคอรู้สึกแสบนิดๆเดาได้เลยว่าเป็นรอยแดงแน่ๆ แต่กำลังดี เพลินดี ขนลุกซู่ซ่าทั้งตัว สงสัยวันนี้ปลาทูอยากรุก รุกก็ได้ ตุลย์ยอม ยอมทุกอย่าง ตุลย์พร้อมจะตกเป็นของปลาทูทุกวัน ไม่รู้เลยหรอครับ เคลิ้ม…. เคลิ้ม…เคลิ้มได้ไม่ถึง 10 วินาที แล้วปลาทูก็ทิ้งตัวลงนอนข้างผม พร้อมกับพูดว่า

“นอนได้แล้วตุลย์ พรุ่งนี่มีงานเยอะ ฝันดีนะ จุ๊ฟฟฟฟฟฟ” เสียงจูบเหม่ง แล้วปลาทูก็ดึงผ้าห่มมาคลุมตัว พร้อมนอนหันหลังให้ผมแบบไม่ใยดี

          มันแกล้งตายเหมือนเจอหมี เขย่าก็ไม่หันมา มึงจะกวนตีนกูไปถึงไหน กูนี่ไม่ไหวแล้ว ที่โดนเล้าโลมทำให้เคลิ้มจนขนลุกขนชัน ปัญหาตอนนี้มันไม่ได้ลุกแค่ขนไงครับคุณปลาทู มาช่วยกูให้เสร็จก่อนได้ไหมค่อยแกล้งตาย กูขอร้อง แล้วไอ้ที่ลุกตั้งเด่นตระง่าอยู่ตอนนี้ล่ะจะปลอบใจมันยังไงดี

         นี่คืออะไรกูนึกว่าคืนนี้ได้แดกปลาทูหมดเข่งแน่ๆ มึงกลับนอนห่มผ้าเฉยๆโดยไม่รู้สึกอะไร ไม่อยากเลยหรือไง มึงหลับลงหรอ มึงไม่สงสารกูเลยใช่ไหมทำให้กูอยากแล้วก็แกล้งตาย กูค้างตามเคย แล้วใครจะช่วยตุลย์น้อยของกูมันพร้อมจะระเบิดแล้ว กระสุนอัดจนเต็มแม็กมาตั้งเดือนหนึ่ง มันต้องมีที่ลง ต้องมีที่ปลดปล่อยนะไม่งั้นปวดทั้งคืน
        สรุปแล้วพายุนี้ต้องสงบด้วยมือตัวเอง เฮ่ย!!! ไอ้แฟนเหี้ย!! ไอ้เหี้ยทู!!!
...
...

“เสร็จยัง กูนอนด้วย ” ไอ้สองเปิดประตู พรวดพราด เข้ามาในห้อง ทำหน้ามึนๆ พร้อมหอบผ้าห่มมาปูนอนที่ข้างๆเตียงจัดที่นอนให้ตัวเองเรียบร้อย ไม่มีการเคาะประตูสักนิด ดีที่ผมจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว

“นี่มึงจะกวนตีนกูทั้งพี่ทั้งน้องเลยใช่ป่ะ”

“มึงจะทำอะไรก็ทำไปดิ๊ คิดว่ากูเป็นท่อนไม้ก็จบ เออ อย่าแรงมากล่ะมันสะเทือน” พอกันเลยมันสองตัว ทูก็คือสอง สองก็คือทู พี่ก็แกล้งตาย น้องชายก็นอนเป็นเหี้ยขวางคลอง แถมยังเห่าไม่หยุด แล้วใครหน้าไหนจะกล้าทำอารมณ์ก็เพิ่งจะลง ถ้าจะนัวเนียต่อก็มีเหี้ยมานอนในห้องเพิ่มอีก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2016 23:03:03 โดย 19919 »

ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ~หนึ่งตุลา~ ตอนที่2
«ตอบ #3 เมื่อ26-09-2016 18:32:04 »

           เช้าวันนี้ไม่อยากตื่นเลยอยากนอนต่อ จับกดแม่งให้แล้วรู้รอดไป นิ่มนวลก็ไม่ได้อ้อนวอนก็ไร้ผล เหลือแต่ใช้กำลังวันหลังคงต้องใช้เชือกมัดแขนขามันเอาไว้ถึงจะได้ ผมนั่งหน้าบึ้งบนเตียง ปลาทูเพิ่งอาบน้ำเสร็จหันมายิ้มเยาะผมที่ไม่สบอารมณ์ตั้งแต่เมื่อคืน ไอ้สองกวนส้นตีนผมเสร็จก็หอบผ้ากลับห้องมันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่ ผมจะเอาคืนให้เข็ดอย่าเผลอนะไอ้สอง อย่าให้ถึงทีกูบ้าง

“หน้าแบบนี้ ปวดฟันหรือปวดท้องประจำเดือน เอายามั้ย เดี๋ยวทูหยิบให้”กวนตีนได้สุภาพชนมาก ขนาดผมนั่งหน้าบึ้งขนาดนี้ยังมีหน้าจะมาถาม มึงก็รู้ว่ากูเป็นอะไร อย่ามาไม่รู้ อย่ามาเนียน กูนี่อดกลั้นมาเป็นเดือนเพื่อปลดปล่อยกับมึงเต็มที่ ไม่ให้แล้วยังเสือกกวนตีนกูแต่เช้าอีก

“ปลาทู  รู้ทั้งรู้ อย่ากวนดิ ” เสียงเข้ม ไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำด้วย ห้องน้ำคือที่ สงบจิตสงบใจที่ดีที่สุดในตอนนี้

“เข้าห้องน้ำก็หัดส่องกระจกบ้างนะตุลย์”เสียงดังตามตูดผมมาเหมือนทุกครั้ง


           ผมนั่งเป็นอึ่งอ่างพองลมรอไอ้ภีมมารับด้วยความขุ่นข้องหมองมัวในหัวใจ อารมณ์เสีย หงุดหงิด โว้ย!!.... กาแฟกับขนมปังเนยที่แม่ทำไว้ให้ก็พลอยไม่อร่อยเพราะอารมณ์บูดของผม ส่วนปลาทูของผมอยู่ไหนนะหรอ อยู่ในสวนกล้วยไม้กับแม่โน่น ปลาทูเข้าไปดูเกสรกล้วยไม้แต่เช้า ชีวิตเพลิดเพลินจริงๆไม่เดือดไม่ร้อน แต่ผมซินั่งซึมเป็นส้วมอยู่ในบ้าน เฮ่ยยย!!....ถอนหายใจเป็นครั้งที่78ของเช้านี้  ผมได้แต่นั่งเอานิ้วเขี่ยโทรสับแก้เซ็ง จับพลิกไปพลิกมาเปิดดูรูปคู่ผมกับปลาทูที่มีอยู่หลายพันรูปเกือบเต็มเมนโมรี่แต่ไม่สิทธ์จะอัปรูปคู่ลงเฟส เพราะปลาทูไม่ชอบ รูปโปรไฟร์ของผมมีแค่รูปแหวนสองวงวางคู่กัน โทรสับรุ่นใหม่ล่าสุดของผมทำได้แค่รับสายกับโทรออก แอ๊ปพิเคชั่นมีแต่ไม่ได้ใช้

       ผมไม่รู้ว่ามันหมดความสำคัญไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เพื่อนที่กรุงเทพก็เริ่มหายไปจากการติดต่อ พวกมันบอกว่าติดต่อผมยาก ไลน์ไม่ตอบ เฟสก็ไม่อัปเดท ภูเขาบังคลื่นบ้าง สายโทรศัพท์เข้าไม่ถึงบ้าง เวลาผมกลับกรุงเทพพวกมันก็ชอบอำว่าที่นี้ไดโนเสาร์ยังไม่สูรพันธ์ทุกครั้ง แต่ก็ชั่งเถอะพวกมันไม่รู้ว่าที่นี่น่าอยู่มากแค่ไหน ในขณะที่คิดอะไรเพลินๆ ไอ้เหี้ยสองก็มาทำรายบรรยากาศหมดสิ้น ทั้งๆที่ผมเริ่มลืมความหงุดหงิดที่ไม่ได้กินปลาทูเมื่อคืน


“เป็นไง เสร็จด้วยมือหรือกระป๋องว่ะมึง” ไอ้สองยกแก้วกาแฟนั่งลงข้างๆผมทำลอยหน้าลอยตา ปากก็คาบขนมปังจนเต็ม แดกเข้าไปได้ทีละ2แผ่นขอให้ขนมปังติดคอแม่ง

“เห่าแต่เช้านะมึง อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะสัส ” ผมชี้หน้าไอ้สอง ก่อนที่เสียงสั่นจากโทรศัพท์ดังขึ้น กาแฟในมือเกือบหกเมื่อผมมองเห็นชื่อที่เมมเอาไว้ โชว์ขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์   

ครืดดดด ครืดดด ครืดด

“ห้าโหล ต๊ะเอง คิงถุงจุง จุ๊ป จุ๊ป จุ๊ป” เสียงจูบหน้าจอเพื่อลบล้างความผิด

“มีแฟนแล้วลืมเค้าหรอ งอนนะ หักงบเอ็นเตอร์เทนดีมั้ยน๊า”

“โอ๋ โอ๋ ไม่งอนนะ เดียวกลับจากมหาลัยจะไปนอนบ้าน โอเค๊ นะ ม๊า”

“โอเค” สิ้นเสียงจากปลายสาย ไอ้สองก็เห่าต่อ

“มึงต้องอ้อนแบบนี้มั้ย เวลามึงจะเอาพี่กูอ่ะ”

“มึงนี่ มันเหี้ยเห่าได้จริงๆไอ้สอง” ผมเบือนหน้าหนี เพราะเห็นหน้ามันก็เหมือนเห็นใครอีกคน ทำให้เกิดอารมณ์ อารมณ์โมโห อารมณ์อยากถีบ ทั้งพี่ทั้งน้อง


           ผมมัวแต่อยากกินปลาทูจนลืมแม่ตัวเอง ลืมโทรบอก ส่วนแม่ก็แค่จะโทรมาเช็คที่ตั้งของผมเฉยๆแหละว่าอยู่บ้านปลาทูหรือเปล่าไม่ได้คิดจะตัดเงินจริงจังหรอกผมรู้ จากนั้นเสียงมอเตอร์ไซค์ของไอ้ภีมจอดรถหน้าบ้าน ขอเล่าถึงไอ้ภีมกับไอ้สองสักนิด มันสองคนนี่ยิ่งกว่าคู่เวรคู่กรรมเจอกันเป็นต้องกัด ก็ครั้งที่ไปเที่ยวในเมืองด้วยกันสาวที่ไอ้สองชอบและหมายปองไว้ คนนั้นดันมาชอบไอ้ภีมแทน ไอ้สองเลยไม่ชอบขี้หน้าไอ้ภีมสักเท่าไหร่ ส่วนไอ้ภีมหล่อจัดเพราะเป็นเดือนคณะสาวกรี๊ดเป็นธรรมดาไปที่ไหนสาวๆ ตรึม นับตั้งแต่สาวแก่ลูกเด็กเล็กแดงก็ชอบไอ้ภีมทั้งนั้น ไอ้สองก็แดกแห้วตลอดถ้าต้องไปไหนมาไหนกับไอ้ภีม แต่ผมยืนยันได้ว่าไอ้ภีมยังไม่มีแฟน สาวที่คณะก็ทั้งสวยทั้งน่ารักแต่ก็ไม่ชอบเห็นก็แต่ทำตัวติดกับอิงเป็นปาท่องโก๋แค่คนเดียว

“เปิดหาของแดกเป็นบ้านตัวเองเลยนะไอ้ภีม” ไอ้สองด่าไอ้ภีมในขณะที่มันเปิดหาของกินในตู้เย็น

“มึงหุบปากเลยไอ้สอง เดี๋ยวกูฟ้องแม่มึงเรื่องที่มึงต่อยกับไอ้อิทที่มหาลัย ว่าแต่มึงไอ้ตุลย์มันส์เลยซิเมื่อคืน กี่ยกว่ะ”ไอ้ภีมมองมาทางผมดูท่าทางตื่นเต้น

“กี่ยกเหี้ยอะไร มึงดูหน้ากูเหมือนได้ขึ้นสวรรค์หรอสัส” ทำท่าคอตกพร้อมกับถอยหายใจอีกครั้ง ได้แค่ก้มหน้าหนี

 “อ่าว…..ก็คอมึงมีรอยดูดขนาดนี้กูนึกว่า ฟินไปไหนต่อไหนแล้ว ไอ้หมาตุลย์เอ๊ยยย ”

“มึงถามไอ้เชี่ยสองดูสิว่าทำไม”ผมชี้หน้าไอ้สอง

“กูไม่เกี่ยว มึงอ่อนเอง”แล้วมันก็ยกจานขนมกับแก้วกาแฟไปนั่งหน้าทีวี

          ผมนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไอ้ภีม หน้าตึงมาตลอดทาง ไม่รู้ตึงเพราะโกรธหรือตึงเพราะลมตีหน้ากันแน่ จนไอ้ภีมขับรถมาถึงด้านหลังของมหาลัย ใกล้กับ ประตูวิเวก พวกเราใช้ทางนี้เดินไปคณะวิทยาศาสตร์ใกล้กว่า และแถวนี้มีร้านอาหารอร่อยๆเยอะมากเด็กหอในชอบมานั่งเต็มแทบทุกร้านหลังเลิกเรียน ผมกับไอ้ภีมเดินผ่านคณะสัตวศาสตร์ที่ไอ้สองเรียน เพื่อตรงไปยังตึกคณะ

        พอมาถึงใต้ตึกก็เห็นเพื่อนๆนั่งรวมกลุ่มเพื่อเตรียมของในการรับน้องที่จะมาถึงอีกไม่กี่วัน ธงประจำมหาลัยตั้งเรียงราย ซุ้มดอกไม้ และของที่จะให้น้องๆปี1 อีกมากมาย ถูกจัดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ   
 
“ภีม ตุลย์ มานี่เลย มาสายนะ เอาป้ายชื่อน้องๆ นับแยกเป็นกองให้เราด้วย ว่ามีเท่าไหร่ ”เสียงอิงเพื่อนสนิทผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม เรียกผมให้มานั่งใกล้ๆ ผม อิง ไอ้ภีม เราทั้งสามคน เรียนคณะเดียวกันแต่คนล่ะสาขา อิงเป็นสาวเหนือที่        หมวยๆขาวๆตาเล็กๆยิ้มทีเห็นเป็นสระอิดูน่ารักดี ทุกคนเข้าใจว่าไอ้ภีมกับอิงเป็นแฟนกัน เพราะสองคนนี้ชอบอยู่ด้วยกัน ทำตัวติดกัน ใครๆก็เข้าใจผิด แต่ไม่จริงครับผมยืนยันได้ ถ้าจริงก็ดี

“ตุลย์เอาพลาสเตอร์มั้ย อิงมี” ผมทำหน้างงเมื่อได้ยินคำถามจากอิง

“เอามาทำไมอิง เราไม่มีแผล”

“มีสิ ที่คอไง ปิดหน่อยมั้ยมันชัดมากอ่ะ ยอมแล้วหรอ” อิงทำหน้ายิ้มแบบลุ้นๆ เอียงตัวมาใกล้เพื่อกระซิบถาม

“ฮ่าๆๆๆๆๆ อดตามเคยอิงอย่าลุ้น เสียเวลา” ไอ้เหี้ยภีม มันหัวเราะเยาะด้วยความซ่ะใจเป็นพิเศษ

“เอาก็ได้อิง เดี๋ยวคนอื่นถามอีกเบื่อที่จะตอบ ไอ้เหี้ยภีมมึงหยุดหัวเราะเลยสัส ขำตรงไหน”ผมแบมือเอาพลาสเตอร์จากอิง เพื่อปิดทับคิสมาร์คของปลาทู จากนั้นดาวคณะเศรษฐศาสตร์ที่อยู่ตึกข้างๆเดินเข้ามาทักผม

“หวัดดีตุลย์ ไม่เจอนานเลยนะ” เธอชื่อกระต่ายเพื่อนรุ่นเดียวกับผม เรารู้จักกันเพราะงานรับน้องเมื่อปีที่แล้ว ผมรู้ว่ากระต่ายไม่ได้คิดกับผมแค่เพื่อนอย่างที่ผมคิด แต่เธอไม่ได้ทำอะไรให้ผมต้องอึดอัดใจ ผมเลยรับกระต่ายเป็นเพื่อนห่างๆ ย้ำว่าเพื่อนห่างๆ เรื่องนี้ปลาทูไม่รู้ จะรู้ก็แต่อิงกับไอ้ภีม แน่นอนว่าสองคนนี้รักปลาทูหยั่งกับอะไร ไม่มีทางที่จะเอาเรื่องเล็กน้อยไปเล่าให้ปลาทูฟังแน่ๆ และผมก็ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดต่อแฟนด้วย ระยะห่างระหว่างผมกับกระต่ายกำลังดีเจอก็ทักทายกันตามประสา ไม่มีเบอร์ไม่มีไลน์ ส่วนไอ้ภีมกับอิงก็คอยเป็นไม้กันสาวให้ผม ไม่ใช่แค่กระต่าย ที่เข้ามาหาผม สาวคณะเดียวกันก็มีต่างคณะก็เยอะ พูดได้ว่าผมนี่ฮ็อตไม่แพ้เดือนคณะอย่างไอ้ภีมเลย ต้องขอบคุณไอ้ภีมที่ยอมประกวดเดือนคณะแทนผม

“อืม หวัดดี ที่คณะเป็นไงบ้างยุ่งป่าว” ผมยิ้มทักทายกับกระต่าย

“ก็ยุ่งน่ะ แต่ไม่เท่าไหร่ เอากาแฟมั้ยเดี๋ยวเราซื้อมาเผื่อ”เธอถามผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร

“ไม่ล่ะ ขอบใจ”แล้วกระต่ายก็เดินไปกับเพื่อนอีกสี่ห้าคน ไอ้ภีมมองตามสาวๆกลุ่มนั้นจนสุดสายตา

“น่ารักชิบหาย”ไอ้ภีมทำตาระห้อยตามสาวกลุ่มนั้นไป

“มึงก็จีบซิว่ะ รออะไร”ผมยุไอ้ภีม

“ก็น่ารักนะ แต่ยังไม่ใช่”

“กูก็อยากรู้ว่าคนแบบไหนคือใช่สำหรับมึง”

         เรานั่งทำงานจนลืมเวลาก่อนที่เสียงใครสักคนบอกว่าพักกินข้าวเทียงกัน ผมเลยยกนาฬิกาขึ้นมาดูว่ากี่โมงแล้ว ห๊า….บ่ายโมงกว่าๆ แล้วหรอ ตายๆไอ้ตุลย์ตายแน่ๆ ผมรีบลุกขึ้นยืนแบบ เหริกหรัก มองซ้ายขวาด้วยความกระวนกระวาย อิงเลยสะกิดที่มือเพื่อถาม

“ตุลย์เป็นไรป่าว”

“บ่ายโมงกว่าแล้ว ใครเอาจักรยานมากูยืมหน่อยดิ”

“อิงเอามา จอดข้างตึก ตุลย์ ไปเอาเลยเร็วเข้า” อิงรีบบอกพร้อมชี้ไปทางที่จักรยานจอดอยู่

         ในมหาลัยเราจักรยานเป็นสิ่งจำเป็นมากเพราะมอเตอร์ไซค์ห้ามขับในนี้ พอได้จักรยานผมก็ปั่นไม่คิดชีวิตกลัวจะไม่ทัน ปั่นมุ่งตรงไปทางคณะเกษตร ที่อยู่ห่างจากตึกวิทยาศาสตร์ประมาณ4-5กิโล เล่นเอาผมหอบแหกๆเมื่อมาถึง

          ปลาทูนั่งมองตรงมาทางผมและทำท่าดูนาฬิกาเพื่อที่จะบอกว่าผมมาสาย ใช่กูมาสาย กูลืมดูเวลาไงมัวแต่ช่วยหยิบจับงานช่วยเพื่อนอยู่ มันยุ่งเลยมาช้านิดหน่อย แค่ชั่วโมงครึ่งเอง ถ้าโกรธกูมีตบหัวคว่ำแน่ปลาทู เพื่อนมันที่นั่งด้วยกันพอเห็นผมเดินเข้ามาใกล้ พวกมันก็ลุกออกจากโต๊ะทันที มองหน้าด้วยความไม่พอใจหรอ ด่ากูมามีสวนแน่ ไม่ยอมนะครับคุณแฟน


“รอตั้งนาน ทูเกือบออกไปกับเพื่อนแล้วนะ” อย่าทำเสียงแบบนี้ดิหว่า กูตั้งใจจะด่าสวนเต็มแรง

“ขอโทษ ตุลย์ลืมดูเวลา”เสียงลูกหมาอ้อนอีกครั้ง

“ดีน่ะลืมแค่เวลาไม่ลืมทูด้วย”พูดแบบนี้ทำเอาคนฟังรู้สึกผิดเป็นเท่าตัว ไม่เคยรบชนะมันสักทีคำพูดแทงใจดำ พูดให้กูต้องยอมทุกครั้ง ยอมแบบไม่มีข้อต่อรอง

“ปลาทูจะกินอะไร”

“ขนมปัง กับชาเขียว หลังประตูวิเวก” เสียงโมโนโทนเสียงเดียวตอบแบบงอนๆ

“งั้นปลาทูขึ้นเลย เดี๋ยวตุลย์ปั่นให้นั่ง” ภาพชินตาของเพื่อนๆทั้งสองคณะที่เด็กสถิติกับเด็กพืชสวนสองคนจะนั่งซ้อนจักรยานไปมาด้วยกันตั้งแต่ปี1จนถึงตอนนี้ เราสองคนยังดูแลเอาใจใส่กันเหมือนเดิม ไม่ออกนอกหน้าออกตาจนน่าเกลียด เราสองคนอยู่ตรงคำว่าพอดี ถ้าไม่คิดอะไรเราก็แค่ผู้ชายสองคนที่เป็นเพื่อนกันกินข้าวด้วยกันกลับบ้านด้วยกันก็เท่านั้น แต่ส่วนน้อยที่จะรู้ ว่าผมกับทูเป็นมากกว่าเพื่อนกัน ยกเว้นเพื่อนที่สาขา

“ปลาทูวันนี้ ตุลย์นอนที่บ้านตุลย์นะ จะไปด้วยป่าวแม่น่าจะอยากเจอนะ” ผมปั่นจักรยานย้อนกลับทางเดิม มืออุ่นๆยื่นสัมผัสที่เอวผมทั้งสองข้างบางครั้งปลาทูก็ปฏิบัติกับผมแบบธรรมดาๆ แต่ทำไมความธรรมนั้นแฝงไปด้วยความพิเศษ

“ไม่ล่ะพรุ่งนี้ ทูต้องลงปุ๋ยที่สวน กลัวไปด้วยแล้วจะไม่ได้มาช่วยแม่ตอนเช้า” จากนั้นรู้สึกว่ามีหน้าอุ่นๆแนบลงที่แผ่นหลังของผม และมือของก็เลื่อนมากอดเอวผมแน่นขึ้น ผมรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น ถึงตอนนี้ก็รักมันมากขึ้น เหตุผลไม่มี มีแต่ความห่วงใยและอยากทะนุถนอมดูแลกันไปแบบนี้นานๆ พอมาถึงร้านกาแฟปลาทูก็กินชาเขียวกับขนมปังที่ร้าน ส่วนผมได้ก๋วยเตี๋ยวใกล้ๆกัน กินเสร็จผมก็ปั่นไปส่งปลาทูที่ตึกก่อนจะย้อนกลับมาที่คณะของตัวเองอีกรอบ เป็นอยู่แบบนี้ตั้งแต่ปี1 ที่ผมทำให้ผู้ชายอีกคน

          ปลาทูบอกจะขับรถไปส่งผมที่บ้าน ในตอนเย็นแต่ผมห้ามเอาไว้ เพราะถ้าไปถึงบ้านผมแล้ว ผมต้องรั้งให้ปลาทูนอนกับผมแน่ จะพาเสียงานหมด ไอ้ภีมขี่มอไซค์ไปส่งง่ายดี


              ตกตอนเย็นผมก็กลับบ้านตัวเอง อาบน้ำเปลี่ยน เสื้อผ้า นั่งฟังเพลงรอแม่ที่ห้องรับแขก แม่น่าจะไปส่งลูกค้าที่สนามบิน บ้านผมเป็นโฮมสเตย์เล็กๆ มีแม่ ผม และแม่บ้านอีก5คนคอยทำความสะอาดที่พักให้ลูกค้า ที่นี่ตกแต่งสไตย์ล้านนาประดับไปด้วยตุง โคมไฟ แบบที่แม่ชอบ และดอกดาหลาที่ปลูกเรียงรายเป็นแนวทางเดินยาวไปจนถึงรั้วของอีกฝั่งสลับกับรั้วไม้สีขาวดูแล้วสบายตาเป็นที่สุด ดอกดาหลาชูช่อแดงตลอดแนวคอยต้อนรับลูกค้าที่มาพัก ลูกค้ามีทั้งชาวต่างชาติ คนไทย เข้ามาพักต่อเดือนไม่เคยขาด

          แม่ผมรู้จักกับแม่ปลาทู ก็เพราะแม่สั่งกล้วยไม้มาตกแต่งห้องพัก เลยทำให้แม่เรารู้จักกัน รู้จักก่อนที่ผมจะย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่ด้วยซ้ำ ตอนนี้ผมได้ยินเสียงรถแม่จอดที่หน้าบ้าน ผมเลยเดินไปรอที่หน้าประตู

“มากอดที คิดถึง ม๊า จัง” ผมกอดแม่สุดแรง

“ทูไม่มาหรอตุลย์” อ้าววแม่ผม ตกลงที่อยากให้มานอนบ้านเพราะอยากเจอปลาทูหรอ

“ถามถึงแต่ทูแล้วตุลย์อ่ะ คิดถึงป่าว”

“ไม่คิดถึงสักนิ๊ดดดดด กินข้าวรึยังล่ะ”

“กินแล้วครับ รอม๊ากลับมานี่แหละ” ผมกับแม่อยู่กันแบบง่ายๆไม่ยุ่งยาก อยู่กันแบบบัฟเฟ่ประมาณนั้น นานๆจะมีการร่วมโต๊ะอาหารกัน ตามโอกาสพิเศษต่างๆ

“งั้นก็ขึ้นไปพักได้ล่ะ” พอแม่พูดจบ ผมก็เดินขึ้นห้องมาเตรียมตัวนอน เปิดหนังดูไม่ถึงครึ่งเรื่องหนังตาเริ่มหนักและกำลังจะปิด ก่อนหูได้ยินเสียงเตือนดังขึ้น


ไลน์ !!! ผมรีบขวานหาโทรศัพท์ทันที

Two: หลับรึยัง?

1October:ยังไม่ง่วงเลย

Two:นอนได้ล่ะดึกแล้ว

1October:คิดถึงจัง

Two:อืม ทูก็คิดถึง นอนซ่ะ ห่มผ้าด้วย ฝันดีตุลย์

1October:ฝันดีปลาทู

Two: สติ๊กเกอร์รูปบราวกอดกับโคนี่

....................^^..............................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2016 06:59:38 โดย 19919 »

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: ~หนึ่งตุลา~ ตอนที่2
«ตอบ #4 เมื่อ26-09-2016 20:15:31 »

ตุลย์เป็นพระเอกใช่มั้ย

ออฟไลน์ ~tOeY~

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~หนึ่งตุลา~ ตอนที่2
«ตอบ #5 เมื่อ27-09-2016 23:18:48 »

เรื่องดูอบอุ่นดี  :o8:

ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ~หนึ่งตุลา~ ตอนที่2
«ตอบ #6 เมื่อ28-09-2016 06:50:42 »

ตุลย์เป็นพระเอกใช่มั้ย
ใช่ค่ะ

ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
         
ตอนที่3สวัสดีเพื่อนใหม่


          ผมแหกขี้ตาตื่นเช้าอีกวันเพื่อมารับเพื่อนไอ้ธันที่สนามบิน ก็เพื่อนไอ้ธันเล่นเลื่อนไฟรท์บินให้เร็วขึ้นตอนแรกบอกอีกอาทิตย์หนึ่งแต่นี้เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันเอง งานที่บ้านก็ยุ่ง ที่มหาลัยก็ยุ่ง แล้วต้องมาคอยดูแลเพื่อนมันอีก ผมจะแบ่งเวลายังไงดี ถึงจะลงตัวทุกเรื่อง

           เพื่อนกลุ่มนี้ของไอ้ธัน ผมไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อน รู้แต่ว่าทำงานเกี่ยวกับหนัง  นักเขียน ผู้กำกับ ตากล้อง ช่างภาพ อะไรทำนองนั้น

“มึงนี่น้องไอ้เหี้ยธันป่ะ” กลุ่มผู้ชายสามคนยืนตรงหน้าผม แบกกระเป๋ากันรุงรังไปหมด

“ใช่พี่ พวกพี่คือเพื่อนไอ้ธันใช่ป่าว...”

“ใช่ดิสัส กูชื่อกัส นี่ไอ้ชิน นั้นไอ้เชน ” พี่แกแนะนำชื่อ ผมก็ยกมือไหว้สวัสดีทุกคนพร้อมกัน

“มึงกับไอ้ธันนี่หล่อเหี้ยๆพอกันเลยน่ะมึง”

“ผมจะถือว่าเป็นคำชมล่ะกัน รถทางโน่นพี่” ทุกคนก็ยกกระเป๋าสัมภาระตามผมไปยังรถตู้ ข้าวของพวกพี่แกอัดแน่นจนเต็ม โดยมีพี่กัสนั่งคู่ผมเบาะหน้า ส่วนพี่ชินพี่เชนนั่งเบาะหลัง

“แฟนมึงไม่มาด้วยกูอยากเห็น ในรูปโคตรน่ารักเลยว่ะ”ผมมองผ่านกระจกหลัง พี่ชินคือคนที่พูด

“ไอ้ชิน มึงชมแฟนมันแบบนี้เดี๋ยวแม่งโดนตีนกูไม่ช่วยนะมึง”

“มึงก็อย่าถือมันเลยตุลย์ ไอ้ชินเห็นผู้ชายน่ารักๆเป็นต้องชมทุกคน” พี่เชนพูด

“ไม่เป็นไรพี่ ว่าแต่พวกพี่จะสัมภาษณ์ผมอะไรบ้าง”

“ไม่เยอะหรอก นิดเดียว”

“ช่วงนี้ผมกับแฟนไม่ว่างนะพี่ ต้องช่วยงานรับน้องที่มหาลัย พี่มีเวลากี่วัน”

“กูจะอยู่จนกว่าพวกกูจะพอใจ มึงไม่ต้องห่วง กูว่าง”

“แล้วผมต้องทำไงบ้าง”

“มึงก็ใช้ชีวิตปกติไป ทุกวันมึงเคยทำไงก็ทำอย่างงั้น ที่เหลือหน้าที่พวกกูตามติดมึงสองคนเอง”

“ต้องตามติดขนาดนั้นเลยหรอพี่” 

         พวกพี่ๆเข้าพักที่โฮมสเตร์ของแม่  จองไว้หนึ่งเดือน ทำไมต้องจองนานขนาดนี้แค่เขียนบทหนังต้องใช้เวลานานเป็นเดือนแต่ชั่งเถอะ พวกแกคงว่างจริงอย่างที่บอก พอรู้ว่าเป็นเพื่อนไอ้ธันแม่ผมก็ลดราคาให้50% แบบนี้อยู่เป็นปียังได้ พี่กัสดูเป็นผู้ชายเข้มๆมีเครานิดๆรูปร่างสูงโปร่ง ดูน่าเชื่อถือที่สุด ส่วนพี่ชินกับพี่เชนเป็นแฝดที่ดูกระล่อนหน้าตาท่าทางไม่น่าไว้ใจ โดยเฉพาะพี่ชิน

“ตุลย์บ้านแฟนมึงอยู่ไหน ตอนนี้กูอยากเจอ พาไปได้ป่าวว่ะ”พี่ชินชวนผมไปบ้านแฟน

“ได้สิพี่ไม่ไกลหรอก ขับรถไม่ถึง20นาที”จากนั้นพวกพี่แกก็ให้ผมพาไปหาปลาทูที่บ้าน เพื่อหาแรงบันดาลทำหนังของพวกพี่แก ขับรถไม่นานอย่างที่บอกก็มาถึงบ้านปลาทู แฟนผมก็เดินออกมาต้อนรับทักทายพี่ๆทุกคน

“ปลาทู นี่พี่กัส พี่ชิน พี่เชน”

“สวัสดีครับเชิญตามสบาย นั่งก่อนครับพี่” ปลาทูเชิญทุกคนนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนในสวน

“น่ารักกว่าในรูปเยอะเลยน้องทู พี่ขอถ่ายรูปหน่อยนะครับ” พี่ชินชักจะยังไงๆแล้ว ชมปลาทูไม่ขาดปากไม่เกรงอกเกรงใจคนเป็นแฟนอย่างผมสักนิด

“มึงสองคนแมนมาก รักกันได้ไงว่ะ ถ้าดูจากภายนอกนะ ไม่มีอะไรบอกเลยว่าพวกมึงเป็น” พี่เชนดูท่าจะสงสัย

“กูเห็นด้วยเชน กูว่าตัวจริงของมันสองคนน่าสนใจกว่าที่ฟังจากไอ้ธันเล่าเป็นไหนๆ” พี่กัสพูดพร้อมจ้องผมกับปลาทูตาไม่กระพริบ

"ทูติดมาจากตุลย์ครับพี่ กินพาราแล้วไม่หาย"  มันนี่ร่างอวตาน ไอ้สองชัดๆ

"มึงนี่กวนตีนใช้ได้นะ เห็นนิ่งๆ"

“แล้วพี่อยากให้ผมเล่าอะไรก่อน”

“งั้นกูเริ่มเลยนะ ง่ายๆพวกมึงเจอกันตอนไหน ใครขอเป็นแฟนก่อน จูบแรกที่ไหน” พี่กัสเริ่มถามเราสองคนพร้อมตั้งกล้องวีดีโอ ส่วนพี่เชนถือสมุดโน้ตในมือเตรียมจด พี่ชินก็เอาแต่ถ่ายรูป



         ผมเริ่มเล่าและเรียบเรียงเหตุการณ์ในตอนนั้นให้พวกพี่ๆเขาฟัง ผมต้องย้อนกลับไปเมื่อตอน ม.4ตอนที่ผมต้องย้ายมาเรียนที่นี้ ผมจำได้ว่าครูพัชรีพาผมมาแนะนำกับเพื่อนใหม่


“ไอ้เหี้ยคบกันตั้งแต่ ม.4หรอ นานสัส”

“มึงอย่าเพิ่งเสือกดิไอ้ชิน ให้มันเล่าก่อน” พี่กัสด่าเพื่อน

“ครับๆพี่กัส น้องชินจะนั่งเงียบๆ”




“สวัสดีนักเรียนทุกคน  ครูชื่อพัชรี พาที เป็นครูประจำชั้น ของพวกเธอนะ มีเรื่องอะไรก็ปรึกษาได้ เรื่องเรียน  เรื่องกิจกรรมเรื่องความรักก็ได้ ยกเว้นเรื่องตังค์นะจ๊ะ เราต้องอยู่ด้วยกันยาวไปจนถึง ม6.นะเด็กๆ และวันนี้ครูมีสมาชิกใหม่ของห้องมาแนะนำ เพื่อนใหม่ย้ายมาจากกรุงเทพจะมาเรียนที่นี้กับเรา อย่าแกล้งเพื่อน ดูแลเพื่อนด้วย”

“อ่าว เข้ามาสิจ๊ะ แนะนำตัวกับเพื่อนๆเลย ตุลย์” ครูพัชรี เรียกผมให้เข้าในห้องที่ถูกจับจ้องของคนทั้งห้องอยู่ตอนนี้

“สวัสดีทุกคน เราชื่อ หนึ่งตุลา ไพศาลพาณิตย์ เรียกว่าตุลย์ ง่ายกว่า” เป็นคำแนะนำตัวสั้นๆ ผมได้ยินแต่เสียงกรี๊ดดังสนั่นหูเกือบบอด

“ฮ่าๆๆๆๆ  คนห่าอะไร ชื่อหนึ่งตุลา แม่หรือพ่อมึงตั้งให้ว่ะ” พี่ชินขำเมื่อรู้ชื่อจริงผม

“มึงสอดทำเหี้ยอะไร ถ้ามึงพูดอีกคำกูถีบมึงตกโต๊ะแน่ ไอ้ชิน หุบปากเลยสัส ” พี่กัสด่าอีกที



         ผมเล่าต่อนะพี่ ตอนนั้นเสียงเพื่อนสาวในห้องทั้งกรี๊ดทั้งแซวผม จองผมเป็นผัวกันทุกคน ไม่ได้ชมตัวเองนะพี่จริงๆผมได้ยินแต่คำว่า ผัวฉัน ของฉัน ฉันจอง ออกมาไม่ขาด แต่สายตาผมกับไปหยุดที่เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งตรงโต๊ะหลัง ผมเห็นมันหน้านิ่งดี ออร่าเปล่งประกายแสงสีเหลืองอร่ามสาดส่องเข้าตาผมอย่างจัง ตอนนั้นเพื่อนในห้องพูดอะไรผมไม่สนใจแต่ผมสนใจแสงที่มาหลังห้องมากกว่า ผมเห็นมันนั่งเอาหูฟังจากโทรศัพท์อุดหูมันอยู่ไม่มองทางผมสักนิด ผมอยากให้มันมองมานะ อยากรู้จักมันเป็นคนแรก อยากให้เงยหน้าขึ้นมามองผมบ้างก็ดี 

 “เอาล่ะจ๊ะเด็กๆ ต่อไปเราจะจับฉลาก เพื่อหาคู่บัดดี้นั่งโต๊ะคู่กันน่ะจ๊ะ ถ้าใครจับได้หมายเลขอะไรก็นั่งคู่กันตามนั้นห้ามเปลี่ยนห้ามโกง เรียงแถวมาทีล่ะคน”

         เสียงครูพัชรีดังขึ้นอีกรอบ เพื่อนๆเริ่มทยอยเดินออกไปจับฉลากกันเกือบหมด  ผมก็เดินต่อท้ายแถวเพื่อนไปเรื่อยๆ ส่วนไอ้แสงสีเหลืองก็ยืนอยู่ข้างหลังผมนี่แหละ ใกล้จนทำให้รู้ว่า ตัวมันหอมมาก หอมแบบสะอาดๆเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆแค่ยืนใกล้ๆก็ได้กลิ่นอ่อนๆลอยผ่านอากาศเข้าจมูกจนสัมผัสได้ ความรู้สึกผมในตอนนั้นอยากนั่งคู่มันมาก  ผมทำได้แค่เภาวนาในใจ ขอให้ได้ ขอให้ได้ พอทุกคนจับฉลากเสร็จแล้ว ครูพัชรีก็เดินออกจากห้องไปปล่อยให้เราหาคู่กันเอง ผมก็เดินวนหาบัดดี้จนทั่วห้องแต่ก็ไม่เจอหมายเลขเดียวกับผม จนมาถึงที่โต๊ะตัวสุดท้ายก็คือมัน ใจผมเต้น ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ดูไกลๆว่ามันน่ารักแล้วนะ ดูใกล้ๆโคตรน่ารักอ่ะ อย่างที่พี่ชินบอกนั้นแหละ ผมเอาแต่จ้องหน้ามัน นัยต์ตาสวย ขนตาหนา อู๊ยยยยยย  ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ สูงๆต่ำๆ เสียการทรงตัว

“มึงได้หมายเลข 11 ใช่ป่ะ กูนั่งด้วยนะ  กูชื่อตุลย์ มึงชื่อไร” เวลาที่มีเพื่อนใครก็ใช้มึงกูใช่ป่ะพี่ ผมอยู่ที่โรงเรียนเก่าการพูดมึงกูกับเพื่อนเป็นเรื่องปกติที่สุดในชีวิต ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาสุภาพกับเพื่อนเพื่ออะไร แต่สิ่งที่ปลาทูตอบผมคำแรกคือ

“ใช่เราได้11 เราชื่อ พธู ช่วยพูดสุภาพๆกับเราด้วย” ถ้าเป็นพวกพี่ได้ยินแบบนี้พี่จะทำไง

“ยกมือไหว้สิว่ะ เจอแบบนี้ ฮ่าๆๆๆ” พี่ชินขำแรงมาก

“มึงเล่าต่อเลยไอ้ตุลย์ กูกำลังมโนตามไปติดๆ กูกำลังย้อนวัย ภาพกูกำลังมา ตอนนี้กู16-17นั่งอยู่ในห้องเรียนกับมึงแล้ว”พี่เชนบอกมือก็จดลงสมุด หน้านี่อินสุดๆ


        ผมก็ไม่ยอมนะพี่ ถือว่าเป็นเจ้าถิ่นแล้วจะว่าผมแบบนี้ไม่ได้ ยอมคนอื่นไม่เป็นด้วย

"เพื่อนกันจิงจังไปได้ ไอ้ปลาทู”

“พธู เราชื่อ พธู ไม่ใช่ ปลาทู และเรายังไม่ได้เป็นเพื่อนกับนาย ถ้าอยากมีเพื่อนก็พูดดีๆ” แล้วปลาทูก็ทำหน้าเย็นชาใส่ผมไม่สนใจอะไรด้วยมัวแต่ฟังเพลงจากโทรศัพท์อยู่ จนผมพูดออกไป ประโยคหนึ่งไม่รู้มันได้ยินมั้ย

“มึงพูดว่าอะไรว่ะ”พี่กัสถาม

 “เดี๋ยวกูจะทำให้มึงเป็นมากกว่าเพื่อนคอยดู” นั้นคือสิ่งที่ผมพูด เป็นไงพี่เทห์ป่าว ผมไม่รู้นะว่าปลาทูได้ยินมั้ย

“ทูได้ยินนะแต่ไม่เข้าใจว่าตุลย์หมายความว่าอะไร”ปลาทูตอบผมหลังจากที่นั่งฟังผมเล่าอยู่ฝ่ายเดียว

“ก็ตามนั้นแหละพี่อย่างที่ปลาทูบอกผมก็เพิ่งรู้วันนี้ว่ามันได้ยิน” ผมพูดพร้อมอมยิ้มแล้วก็หันไปมองปลาทูที่นั่งข้างๆเอาไหล่กระทบกันเบาๆ หลังจากที่อยากรู้มานาน แต่ไม่เคยถาม

“อย่ามาทำหวานตอนนี้เล่าต่อไปกูฟังอยู่” พี่กัสพูดขัด


“ทูขอเล่าต่อเองครับ พี่กัส วันนั้นวุ่นวายมาก เพื่อนผมในห้องดีอกดีใจกันยกใหญ่ที่มีหนุ่มมาจากกรุงเทพผมขอจำรองเหตุการณ์ให้พี่เข้าใจง่ายๆเลยนะครับ

           หลังจากที่ตุลย์นั่งลงที่โต๊ะคู่ผมแล้ว เพื่อนก็พากันวิ่งกรูเข้ามาแนะนำตัวกันแบบเรียงคนกันเลยทีเดียว กลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมของห้องไปโดยปริยาย เสียงดังสุดก็แก๊งเพื่อนสาวประจำห้องชื่อว่าแก๊งดอกปีบครับ”

“เราชื่อ มินนี่ เราชื่อ แม็กกี้ เราชื่อ สายรุ้ง” แก๊งดอกปีบแย่งกันแนะนำตัวกับผู้ชายหน้าตาดีเสมอ ผมก็เคยเป้าหมายของแก๊งอยู่สักพักจนพวกเธอเลิกแซวผมไปเอง

“ทู แลกหมายเลขกัน เปลี่ยนที่นั่งกัน เฮาหื้อ 1000 นึ้ง” มินนี่ พูดอ้อนวอนกับผมเพราะอยากนั่งกับตุลย์  ยอมซื้อเก้าอี้กับผมอีกต่างหาก

“สลิด ดก จ๊าดนัก มึงถาม ตุลย์ รึยังอยากนั่งกับมึงมั๊ย” สายรุ้งพูด

“หุบปาก อีสายชล เรื่องของกู” มินนี่ด่าเพื่อนทันควัน

“กูชื่อ สายรุ้ง ทูอย่าแลกหื้อมันเน้อ อย่าแลก เฮาบ่ยอมโต๊ย”

“เอาสิ” ผมพูดแกล้งเพื่อนเล่นๆ ในใจผมก็ได้ไม่อยากนั่งกับตุลย์สักเท่าไหร่ ด้วยท่าทางกวนๆของตุลย์ พูดก็ไม่เพราะเหมือนมีแต่สุนัขในปาก ตุลย์อยู่เฉยๆเหมือนนั่งฟังพวกเราคุยกัน จนเสียงหัวหน้าห้องดังขึ้น

 “ไม่ได้นะ!!!!!  ห้ามโกง ไม่สื่อสัตย์เลย ทู ส่วน มินนี่ แม็กกี้ สายรุ้ง กลับไปนั่งที่ได้แล้ว” อิงพูดห้ามผมพร้อมกับไล่แก๊งดอกปีบไปนั่งที่

“เฮาฮักตั๋วจ๊าดนัก น้องอิง ตั๋วทำถูกต้องที่สุด ห้ามเปลี่ยนเน้อ ไปแม็กกี้กลับที่เต๊อะ” เสียงหัวเราเยาะจากสายรุ้ง ดังขึ้นทันทีก่อนสาวๆจะเดินสะบัดตูดกลับไปนั่งที่ของตัวเอง

         ผม อิงและก็ภีม เลยมีเวลาคุยกันหลังจากที่แก๊งดอกปีบสลายตัวไปจากโต๊ะผม แต่ตุลย์ก็ยังนั่งใกล้ผมไม่ได้ไปไหน นั่งกอด อก จ้องมาทางผมเหมือนจะหาเรื่อง หน้ากวนบาทาไม่เป็นมิตรสักนิดเลย แต่ผมไม่สนหันหลังไปคุยกับเพื่อน

“ทู เป็นไร ทำไมหน้างอจัง” อิงถามผม จากทางด้านหลัง เพราะโต๊ะผมอยู่ติดกัน

“เปล่าหรอก เราว่า ตุลย์ แปลกๆ พูดจาวกวน กวนๆ หยาบคาย พูดไม่เพราะด้วยนะอิง”

“อย่าคิดมากสิ ถือซ่ะว่าเรียนรู้ เด็กเทพ เขาคงเป็นแบบนี้มั้ง เพิ่มสีสันดีนะ เชื่อเรา”

“ใช่ทู คิดมากไปรึป่าว กูว่าตุลย์ก็ดูท่าทางโอเคอยู่นะ แค่ความมั่นใจสูงไปหน่อย” ภีมพูด


         นั้นคือสิ่งที่เพื่อนผมบอกผมในตอนนั้น แต่หลังจากนี้ชีวิตผมก็หาความสงบไม่มี
........
........
........

“ไอ้ปลาทู คาบต่อไปเรียนอะไรว่ะ”

“พูดเพราะๆกับเรา เราถึงจะตอบ แล้วก็ช่วย เรียกเรา ทู เฉยๆเป็นมั้ย ทำไมต้องใส่ สรรพนาม นำหน้าทุกคำด้วย ” สีสันที่อิงพูดถึงมันกำลังเริ่มต้น เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย ตุลย์ไม่มีทางเข้ากับผมไม่ได้ชัวร์ๆ คำพูดคำจาแต่ล่ะคำฟังไม่เข้าหูสักคำ 

“ทำไมต้องพูดเพราะด้วยล่ะ”

“แล้วทำไม ต้องพูดไม่เพราะด้วยล่ะ”

“ก็กูชินแบบนี้แล้วทำไงได้ว่ะ”

“ไม้อ่อนดัดได้ แม่เราเคยพูดไว้ ตุลย์ไม่เคยได้ยินแม่พูดบ้างหรอ”

“นี่ถึงกลับหลอกด่าแม่กูเลยหรอ ถามจริงปลาทู มึงพูดหมาๆเป็นมั้ย กู มึง เหี้ย K ห่า พวกนี้เคยพูดบ้างป่ะ หรือแม่มึงให้แดกหนังสือมารยาทแทนข้าว”

“ตุลย์!!!!! เราไม่ได้สนิทกันมาตั้งแต่อนุบาล อย่ามาตีสนิทกับเรา เข้าใจว่าเป็นเพื่อนกัน แต่เพื่อนก็พูดดีๆได้ แล้วนายเคยพูดกับใครดีๆรึป่าว เช่น ผม เธอ เรา พูดเป็นมั้ย ถ้านายยังหยาบแบบนี้ เราจะไม่พูดกับนาย”

“แต่มึง เรียกกู ว่าไอ้ตุลย์ เชี่ยตุลย์ เรียกห่าอะไรก็ได้กูไม่ถือ" ผมหันหน้าเผชิญกับตุลย์แบบตรงๆ ถอนหายใจแรงเพื่อแสดงให้เห็นความลำคาน ก่อนจะหมอบตัวลงกับโต๊ะ พักสายตา

“นายไม่ถือ แต่เรา ไม่ชอบ”

“เถียงไม่ได้ แกล้งตายเลยหรอมึง ปลาทู ไอ้ทู เชี้ยทู คุยกันก่อน ไอ้เชี่ยทู”

 “หยุดกวนซักทีตุลย์ จะไปไหนก็ไป เราไม่อยากพูดกับนาย” ผมพูดแบบไม่มองหน้าตุลย์ และได้ยินเสียงลากเก้าอี้  ครื่นนนนน เป็นทางยาว ไปอีกฝั่งของห้อง แต่ผมไม่ได้สนใจ พอตุลย์ไปน้องชายผมก็เข้าทันที

“ทู ไอ้นั้นใครว่ะ ไม่เคยเห็นหน้า”

“เพื่อนใหม่น่ะสอง เพิ่งย้ายมา แล้วนี่ไปไหนมามีเรื่องอีกรึเปล่า”

“ไม่มี แค่ไปดูสาวห้องข้างๆ ไอ้หมอนั้นนั่งคู่ทูหรอ”

“ใช่ ทำไม”

“ดูสิมันมองเหมือนจะทูกินเลย แม่งไม่น่าไว้ใจเลย”

“ทูรู้แล้ว สองไปนั่งที่ป่ะ”ผมบอกน้องชายให้กลับไปนั่งที่ ตอนแรกผมไม่ได้สังเกตว่าตุลย์มองผมหรือป่าว จนกระทั้งสองพูดผมก็เห็นสายตาจับจ้องมาที่ผม จากอีกฝั่งของห้องเรียนจริงๆ



   

“เท่าที่พวกกูฟังมา มึงสองคนต่างกันอย่างเห็นได้ชัด มึงก็ปากหมาสัสไอ้ตุลย์ ส่วนมึงไอ้ทู ก็นิ่มนวลสัส กูชักอยากรู้แล้วว่ะพวกมึงเริ่มต้นจากอะไร”พี่กัสพูด

“แล้วมึงลากเก้าอี้ไปไหนไอ้เหี้ยตุลย์”พี่เชนถาม




“ผมก็ลากไปหากองหนุนสิพี่ ผมต้องหาตัวช่วย” ตุลย์ตอบ

“ช่วยอะไรแล้วใครเป็นตัวช่วยมึง”พี่ชินถามผมต่อ



         ผมลากเก้ามาอีกฝั่งของห้องเรียนเพื่อมา ขอความช่วยเหลือ และคำปรึกษา จากแก๊งเพื่อนสาวแก๊งดอกปีบ ที่มีมินนี่สาวสวยหัวหน้าแก๊ง มินนี่เป็นตุ๊ดหวานแหววน่ารักร่างเล็กดูพร้อมที่จะเป็นผู้หญิง ส่วนที่เหลือ แม็กกี้ สายรุ้ง สองคนนี้แค่ตุ้งติ้งยังไม่สาวมาก ผมสามารถตีสนิทกับพวกนางได้โดยง่ายแค่ใช้ความหล่อที่ผมมีบวกกับความมั้นหน้า ออดอ้อนนิด ออดอ้อนหน่อย พวกนางก็ใจอ่อนยอมเป็นเพื่อนกับผม ผมปล่อยให้มินนี่ แทะโลมตามสบาย เพราะโรงเรียนที่ผมเพิ่งย้ายมาจากกรุงเทพ เป็นโรงเรียนชายล้วน ผมมีเพื่อนสาวเยอะ เอาไว้บังคับให้ทำการบ้านส่งอาจารย์ให้ เวลาที่ผมทำไม่ทัน หรือไม่ก็เมาจนไม่ได้ทำ
..........
..........
..........

“มีเรื่องจะถามหน่อยสาวๆ”

“ว่ามาที่รัก มีอะไรให้ช่วย ช่วยเป็นแฟนยังได้” มินนี่พูด

“อีวอกกกกกกกกกก หยุดมโน” แม็กกี้ สายรุ้ง ประสานเสียง ด่ามินนี่ เรานั่งสุมหัวกันสี่คน ถ้าผมเป็นกระเทยก็กระเทยควายมากอ่ะพี่

“เป็นการเป็นงานดิ กูซีเรียส คือกูจะถามว่า ไอ้ปลาทูเป็นคนยังไง” ทั้งสาวคนมองหน้าผมพร้อมกัน

“นี่มึงชอบ พธู หร๋อออออ”

“ตายๆๆๆ  ว่าที่ผัวของ น้องมินนี่ กำลังจะกลายเป็นผัว พธู ซ่ะแล้ว”

“กูไม่ได้ชอบมัน แค่อยากกวนตีนมันเฉยๆ มันชื่อพธูหรอ”

“ใช่พธู อักษรสกุล"

“เปิ้นหยะหยังหื้อตั๋วบ่พอใจ๋ก๊อ”สายรุ้งเอ่ย

“เดียวๆ กูไม่เข้าใจภาษาเหนือ ขอภาษากลาง โทษทีว่ะ”

“ไม่ต้องไปสนใจอีสายรุ้งมัน พธู สุดหล่อ มันหวง หวงเหมือนหมาหวงขี้ แต่บ่ได๋กิ๋น ฮ่าๆๆๆ แล้วผัวขาอยากรู้อะไรบอกมินนี่มาสิ มินนี่ตอบเอง ” มินนี่ยื่นมือมาลูบๆคำๆที่ต้นขาของผม

“อ้ายทูกู บ่แม้นขี้เน้อ อีมินนี่”

“พอๆ เลิกกัดกัน บอกมาแค่ว่าจะเอาชนะไอ้ปลาทูยังก็พอ ทุกเรื่องที่รู้เกี่ยวกับมันเลยก็ดี”

“ถ้าเป็นเรื่องหน้าตานี่สูสี พอๆกัน เรื่องเรียนยาก เรื่องฐานะยาก เรื่องอินดี้ นี้ก็ยาก ส่วนเรื่องมารยาทพูดเพราะนี่ แม่งยิ่งยากม๊ากกก กูพูดเลย” อีมินนี่บรรยาย

“กูไม่เข้าใจ ขอแบบเคลียร์ดิ"

“เรียนเก่งมากติดท็อปตลอด บ้านรวยเป็นเจ้าของสวนกล้วยไม้ใกล้โรงเรียนนี้ไง  โลกส่วนตัวสูงเพื่อนสนิทก็เห็นมีแต่ยัยน้องอิงหัวหน้ากับภีมแค่สองคน พูดเพราะเป็นที่หนึ่ง ตั้งแต่เป็นเพื่อนกับ ทู มานะ ไม่เคยได้ยิน กู มึง ออกจากปากแม้แต่ครั้งเดียว มากสุด ที่ด่าเพื่อนคือ “ไอ้บ้า” นี้โกรธ สุดๆแล้วนะมึง” อีแม็กกี้ พูด

“กูว่าอย่าเลยนะ ตุลย์ มึงกวนตีน ผิดคนแล้ว มึงรู้มั๊ยเนี๊ยะ” อีมินนี่ ยืนยัน

“ใช่ๆกูก็เห็นด้วย ทู นิสัยดีจะตาย เพื่อนๆก็รัก ทู ทั้งนั้น อย่าเลยตุลย์”

“งั้น กูรู้ล่ะ กูจะเอาชนะมันยังไง พวกมึงคอยดู กูจะทำให้ คุณพธู ของพวกมึง เอ่ยปาก ว่า มึง กู ให้ได้เลย ไม่เชื่อว่าคนเราจะพูดเพราะได้ตลอดเวลา” ตอนนั้นผมโคตรมั่นใจนะ ว่า จะทำให้มันพูดได้ แต่เพื่อนๆดูเหมือนไม่เชื่อ

“ไม่มีทาง”

“กูลืมบอกอีกอย่าง  ทูมีน้องชาย ถ้ามึงแกล้งพี่มันนะ ไอ้สองเอามึงตายแน่ ล้มเลิกเถอะ จะทำเพื่ออะไรว่ะ” แม็กกี้เตือนผมให้ระวังน้องไอ้ปลาทู

“แล้วไอ้สองอยู่ไหนว่ะ” ผมหันไปถามไอ้แม็กกี้

“โน่นไงมึง หน้ามันเหมือนกันมาก แต่นิสัยเหี้ยมาก ต่างจากทูโคตรๆ มึงระวังตัวเถอะ” แม็กกี้ชี้ไปตรงแถวกลางของโต๊ะ เออจริงด้วย ไอ้สองหน้าเหมือนไอ้ปลาทูเลย ดูข้างๆยิ่งเหมือน ผมไม่เลิกความคิดเพราะกลัวไอ้สองแน่ ทำไงได้ก็ไอ้ปลาทูเป็นสาเหตุที่ทำให้ใจผมเต้นผิดปกติเอง

“ถ้ากูทำได้ล่ะ”

"พวกกูยอมเป็นทาสรับใช้มึง จนถึง ม.6เลย”

"ได้ มึงสามคน เตรียมตัว เรียกกูว่า ท่านตุลย์ ได้เลย"

“แล้วถ้ามึงทำไม่ได้ล่ะ”สามประสานเสียง

“กูให้พวกมึงทำอะไรกับกูก็ได้ แล้วแต่พวกมึงเลย”ผมพูดด้วยความมั่นใจ ว่ายังไง ผมต้องชนะมัน

“งานนี้กูได้จูบปาก มึงแน่ ตุลย์ ” อีมินนี่มันพูดหน้าฟินทำปากจู๋รอจูบผม

“รู้จัก นายหนึ่งตุลา น้อยไปซ่ะแล้วสาวๆ” ทุกนางจ้องหน้าผม

“มึงก็รู้จัก พธู ดีไม่พอ กูว่างานนี้สนุกแน่ๆกูเดิมพันข้าง พธู กูอยากได้มึงเป็นผัวกู ฮ่าๆๆๆ” อีมินนี่ทิ้งท้ายไว้แบบนั้นยิ่งทำให้ ผมอยากเอาชนะปลาทูในแบบของผมให้ได้ แน่นอนว่าพวกนางรู้จักปลาทูมานาน และมั่นใจในตัวมันมากกว่าผมเป็น100เท่า

“ตุลย์ แน่ใจนะว่าไม่ได้ชอบ ทู แค่จะแกล้งเฉยๆ ” อีสายรุ้งถามผมอีกครั้ง

“อืม กูไม่ได้ชอบมัน”

“ให้มันจริงนะมึง เตรียมหลบตีนไอ้สองดีๆเถอะ” พวกนางเตือนผมอีกครั้งเรื่องไอ้สอง



...........................**................................










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2016 14:53:48 โดย 19919 »

ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: ~หนึ่งตุลา~ ตอนที่2
«ตอบ #8 เมื่อ28-09-2016 19:30:26 »

เรื่องดูอบอุ่นดี  :o8:
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ตุลย์จะเจอตรีนของสองมั้ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตุลย์จะเจอตรีนของสองมั้ย
ก็น่าจะหนักค่ะ

ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่4 อย่ามายุ่งกับเราอีก



        ความเงียบอยู่กับผมไม่นานพี่ เสียงลากเก้าอี้เป็นทางยาวกลับมาที่เดิม กระแทกเก้าอี้ดังปั้งงงง จนผมสะดุ้ง กลับมาปุ๊บ เรื่องก็ตามมาปั๊บ แหกปากเสียงดัง

“ปลาทู ปลาทู กูเรียก ได้ยินป่าว”

“เราได้ยินแล้ว ตุลย์ เสียงดังทำไม ทีหลังถ้าจะเรียกคนอื่นอย่าเอาเท้ามาสะกิด แบบนี้อีกนะ มือก็มีทำไม่ไม่ใช้”

“ฮ่าๆๆๆ กูชอบหน้ามึงแบบนี้ว่ะ แม่งโคตรน่ารัก โกรธยังสุภาพ กูเชื่อแก๊งดอกปีบหละ” ตอนนั้นตุลย์หัวเราะเสียงดังมากจนทำให้สองเดินมาหาผมที่โต๊ะ

“มันทำไรทูรึป่าว เดี๋ยวสองเคลียร์ให้” สองทำหน้าจะหาเรื่องกับตุลย์

“กูยังไม่ได้ทำอะไรพี่มึงสักนิ๊ด แค่คุยด้วยเฉยๆ หวงหรอ” ตุลย์ถามสองกวนๆ

“อย่าหาเรื่องสอง ไม่มีอะไรพี่คุยกัน”

“ระวังตัวไว้มึง”สองชี้หน้าตุลย์ แล้วก็เดินออกไปนอกห้อง สิ่งที่ผมกลัวในตอนนั้นคือ กลัวสองมีเรื่องกับตุลย์มากกว่า ท่าทางแรงพอๆกัน

“ตุลย์รู้จักคำว่ามารยาทหรือเปล่า เราไม่ขำด้วยนะ ทำไมพูดกับน้องเราแบบนั้น”

“รู้แต่กูไม่สน กูไม่กลัวน้องมึงด้วย อยากกวนตีนมีไรป่ะ จะดูสิว่ามึงจะพูดเพราะได้ทุกคำมั้ย มึงได้มารยาทงามประจำจังหวัดป่าวเนี่ยะอยากเห็นตอนมึงด่า แม่งจะด่าว่าอะไร แบบนี้กูโคตรตื่นเต้นเลย ”

“ตุลย์ต้องการอะไรว่ามา” ผมตัดสินใจถามตรงๆดีกว่าจะได้เคลียร์ ชอบหรือไม่ชอบอะไรก็จะได้จบๆไป ถ้าจะมาแกล้งกวนกันให้อารมณ์เสียแบบนี้ทุกวันไม่ดีต่อสุขภาพจิต และการเรียนของผมแน่

“มึงกล้าพนันกับกูป่าวล่ะ”

“พนันอะไร” ผมพยายาม ควบคุมสติที่จะคุยให้จบ

“ก็แค่ พนันกันเล่นๆ ภายในสองเดือนนี้ ถ้ากูทำให้มึง หลุดปากพูดว่า “กูมึง” ออกมาได้ ถือว่า มึงแพ้ แต่ถ้าผ่านสองเดือนแล้วกูทำให้มึงพูดสองคำนี้ไม่ได้ มึงจะขออะไรจากกูก็ได้ ตกลงมั้ย กล้าป่าว กล้าป่าวปลาทู หรือต้องขออนุญาตน้องมึงก่อนมั้ย ” คำพูดยียวน กวนโสดประสาท ท้าทาย ยุแยง สบประมาท ให้รับคำท้า





“เป็นกูนะไอ้ห่าตุลย์โดนกำปั้นกูยัดปากไปนานล่ะ มึงใจเย็นมากทู แล้วมึงทำไง”พี่กัสถามต่อ


 “เล่นเลย เล่นเลย พธูเล่นเลย พวกเราเชียร์” แก๊งดอกปีบ พูดแทรก ไม่รู้มาอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่ตอนไหน ผมไม่ทันสังเกตเสียงเชียร์ดังขึ้นทั่วห้อง ทุกคนดูสนใจกับคำท้าของตุลย์มาก

“จะดีหรอทูอย่าเล่นเลย ไม่ชอบก็ไม่ต้องเล่น สองรู้จะเป็นเรื่องนะ” อิง พูดเหมือนจะคัดค้านไม่ให้ผมเล่น

“ไม่ต้องห่วงอิง แค่สองเดือนเอง แม่เราสอนว่า คนเราต้องอยู่กับสิ่งที่เกลียดให้ได้” ผมไม่ได้พูดประชดตุลย์แต่แม่ผมสอนมาแบบนั้นจริงๆ

“แล้วแม่มึงเคยสอนมั้ยว่า เกลียดอะไรจะได้อย่างนั้น” ตุลย์ไม่ลดล่ะให้ผมแม้แต่น้อย หลายๆประโยคที่ออกจากปากตุลย์ฟังแล้วมันแปลกๆ แต่ผมก็ปล่อยผ่านไม่อยากใส่ใจคนที่ไม่มีแก่นสารอย่างเขา

“โอเคตุลย์ เลิกพูดจาบ้าๆสักที เราจะเล่น ถ้าเราชนะ เราขอให้ตุลย์ย้ายที่นั่งไปซ่ะ และอย่ามายุ่งกับเราอีก” ผมแค่จะหาวิธีไล่ตุลย์ไปไกลๆเลยรับคำท้า

“แล้วนายจะขออะไรว่ามา” ผมถามตุลย์

“กูยังไม่ได้คิด กูชนะค่อยบอกได้ป่ะ ไม่ขอให้มึงไปตายหรอกหน่า ไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนั้น” ตุลย์ไม่ได้บอกผมว่าจะขออะไร แต่ผมมั่นใจว่าคนอย่างตุลย์ไม่มีทางเอาชนะผมได้

“พธู ห้ามแพ้นะ เราอยู่ข้างเธอ สู้ๆ” แก๊งดอกปีบ ส่งเสียงเชียร์ผมออกนอกหน้านอกตา  ผมคิดว่าผมรับมือกับคนประเภทตุลย์ได้ น้องชายผมรู้เรื่องนี้ทีหลังและบอกแต่เพียงว่าผมห้ามแพ้ตุลย์เด็ดขาด

...
...
...
...




          หลังจากรับพนันกับตุลย์แล้ว ผมก็เรียนปกติใช้ชีวิตอยู่กับอิงแล้วก็ภีม ไม่พูดกับตุลย์สักคำ ไม่ว่าเขาจะแกล้ง จะด่าหรือพูดจาน่าเกลียดมากแค่ไหนผมก็ไม่สนใจ แม้แต่ตุลย์ใช้กุญแจขีดรถผม เป็นรอยยาว ผมก็ไม่สนใจ

         น้องชายผมได้แต่ดูอยู่ห่างๆเพราะผมสั่งห้ามสองไม่ให้ยุ่งเรื่องนี้ เดี๋ยวมันก็จบ จบแบบ ตุลย์ต้องย้ายไปนั่งที่อื่น ส่วนตุลย์กลายเป็นสมาชิกแก๊งดอกปีบคนใหม่ ไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกัน เพราะเพื่อนในห้องไม่มีใครกล้าอยู่ใกล้เขา เพราะกลัวโดนแกล้งเหมือนผม 

           วันหนึ่งเราต้องทำรายงานวิชาเกษตรในสวนพฤกษาที่อยู่ข้างๆโรงเรียน ตอนนั้นผมยอมรับว่า ผมเผลอไม่ได้ระวังตัว ตุลย์ไม่รู้ไปหาตำแยมาจากไหน ตุลย์เอาพวงตำแยนั้นยัดใส่ในเสื้อนักเรียนผม และสิ่งที่ผมกลัวก็เกิดขึ้นจนได้ สองกำหมัดแน่นกระโดดถีบตุลย์จนลงไปกองอยู่กับพื้น สองนั่งค่อมตัวตุลย์ไว้ต่อยไปที่ปากของตุลย์สุดแรงเหวี่ยง เพื่อนๆรีบช่วยกันห้ามทั้งสองฝ่าย

“ไอ้เหี้ย มึงเล่นแรงเกินแล้วนะสัส ปล่อยกูไอ้ภีม ปล่อยกู กูจะกระทืบมัน” ภีมทั้งดึงทั้งฉุดสองไว้ไม่ให้เข้าไปซ้ำอีกรอบ ส่วนตุลย์ก็มีแก๊งคอยดูไม่ห่าง

“ไม่ต้องเสือก มันเป็นเรื่องของกูกับพี่มึง” ตุลย์ไม่ต่อยสองกลับ ผมเห็นเลือดไหลออกจากปากตุลย์ไม่หยุด มินนี่ก็ช่วยพยุงลุกขึ้น ส่วนเพื่อนคนอื่นก็พากันยืนกั้นเป็นกำแพงระหว่างสองกับตุลย์ ก่อนที่จะเกิดมวยคู่เอกเสียก่อน ดีที่ครูไม่อยู่และเพื่อนๆก็ไม่ได้ฟ้อง ไม่อย่างนั้นสองคงโดนแม่จัดหนักเป็นแน่

“สองพอแล้วพาทูไปหาหมอ ตัวแดงหมดแล้วเนี่ย” อิงเตือนสติสองพร้อมกับถอดเสื้อผมออก ผื่นแดงที่ลุกรามอย่างรวดเร็ว หลังผมร้อนผ่าวๆ ด้วยความเป็นห่วงผม สองเลยจบเรื่องด้วยการชี้หน้าตุลย์คาดโทษแทน และรีบขับรถไปส่งผมที่โรงพยาบาล วันนั้นผมต้องลาครึ่งวันเพื่อไปหาหมอ ผมไม่ได้ด่าตุลย์เหมือนเคย ดูสิว่าตุลย์จะมีอะไรมาเร่งงานผมอีก


 
“มึงมาเล่าต่อดิไอ้เชี่ยตุลย์ พวกกูฟังทูเล่า แม่งมึงนี่สุดตีนจริงๆ” พี่ๆทุกคนเรียกตุลย์มานั่งเพื่อเล่าต่อหลังจากไปเข้าห้องน้ำมา


“ทูเล่าถึงไหแล้วอ่ะ ผมจะได้เล่าต่อ”


“ตอนที่มึงเอาตำแยใส่ไงสัส ”พี่เชนพูดนิ่งๆ


“ผมจำได้แค่ว่าหมัดไอ้สองหนักมากจริง ปากผมบวมไปหลายวัน”

“สมควรล่ะเหี้ย ไอ้สองน่าจะกระถืบให้จมตีนมากกว่า” พี่กัสมองเขม็งมาทางผม


“โธ่ พี่ มันสองคนพี่น้องก็ใช่ย่อยนะเห็นแบบนี้เอาคืนผมเกือบตาย ผมเล่าเลยนะ”ผมหันไปมองหน้าทูแบบยิ้มๆ ก่อนที่จะเล่าเรื่องต่อ

           ผมขอเล่าย้อนไปตรงที่ ผมไปบ้านไอ้ทูครั้งแรก เพราะ เพื่อนๆที่ห้องนัดกันทำพานไหว้ครูที่บ้านของปลาทู ผมเลยอาสาไปรับแก๊งเพื่อนสาวของผม เพื่อไปพร้อมกันเพราะนอกจากพวกนางแล้วเพื่อนคนอื่นๆก็ไม่มีใครคบผม ผมใช้ มินิ คูเปอร์ ของแม่มารับพวกนาง อัดแน่นเต็มรถเหมือนปลากระป๋อง ก่อนที่พวกนางจะถามผมว่า

 “ตุลย์ ตั๋วเป็นเจ้าของ ตุลย์โฮมสเตย์ แม้นก๊อ” สายรุ้งถามผมแบบตรงๆ

“อืมม กูเป็นลูกชาย ทำไมว่ะ”คำตอบของผมยิ่งทำให้พวกนางถึงกับ กรี๊ดดดดดสุดเสียง

“ว่าล่ะเฮาเห็นแม่เลี้ยงสาขับรถคันนี้ หน้าโฮงเฮียน แต้ตั๋วก็เป๋นลูกจาย เปิ้น”

“เป็นไงอีสายชล ว่าที่สามีกูต้องไม่ธรรมดา นอกจากหน้าตาหล่อพอๆกับพธูของมึงล่ะ ฐานะนี้เท่ากันด้วย อะไร จะเพอร์เฟ็กแบบนี้ที่รักขา ผัวของเมีย” อีมินนี่พูดหน้าเหยียดใส่สายรุ้ง

“แต่มันปากหมาไง” อีสายรุ้งกัดคืนทันที

“พอๆเหมือนพวกมึงด่ากูอยู่ กูไม่มีสมาธิขับรถ”

“เออ ตุลย์ ถ้าถึงบ้านทูแล้วขอร้องอย่าปากหมาสักวันได้ป่าวว่ะ เดี๋ยวแม่ทูจะตกใจ บ้านนี้เขาพูดเพราะทั้งบ้าน ถ้ามึงพูดแบบนี้นะแม่ทูเป็นลมแน่มึง เข้าจั๊ยยย” แม็กกี้ ขอ มินนี่ พะยักหยักหน้าเห็นด้วย

“มึงขับตรงไปก่อน พวกกูบอกทางเอง มึง ตะ ตรง……”

“ไม่ต้องกูรู้” ผมตอบแบบลืมตัว ก่อนหน้านี้ยอมรับแบบแมนๆเลยนะพี่ผมขับรถมาบ้านมันทุกวันหลังเลิกเรียน มาแค่ผ่าน ผ่านเพื่อเห็นหน้าบ้านเท่านั้น เลยรู้ทางมาบ้านมันดี
 
“มึงรู้ได้ไงเคยไปแล้วหรอ ตุลล์ อีตุลล์ ตอบกูมา ตอบอีตุลล์ ตอบ กูเริ่มสงสัยแล้วนะ นี่มึงยังไงกันแน่ มึงคิดอะไรของมึงอยู่กันแน่ มึงชอบทูแล้วใช่ม๊ะ” มินนี่นางยังดึงฉุดกระชากแขนผม เป็นระยะเค้นเอาคำตอบ ผมอมยิ้มไม่ตอบและตั้งใจขับรถต่อ

        ผมกับแก๊งมาถึงกลุ่มสุดท้าย ซึ่งเพื่อนคนอื่นๆ ผมเห็นนั่งรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ที่โต๊ะม้าหินอ่อน หน้าบ้านเต็มไปด้วยสวนกล้วยไม้หลากสี บ้านสวยมากครับเป็นบ้านไม้หลังใหญ่สองชั้น น่าอยู่มาก ร่มรื่นสุดๆ ผมยังมองไม่เห็นเจ้าของบ้านอย่างไอ้ทูเลย จากนั้นอิงก็เข้าเดินมาทักผม

“สาวๆเข้ามาก่อน แม่กำลังยกขนมออกมาให้เลย กำลังสนุกกัน อ่าวตุลย์มาด้วยหรอ” เสียงอิงทำให้ผมสะดุ้ง นั้นสิผมมาทำไม ถ้าเจ้าของบ้านไล่ผมล่ะ แล้วถ้าไอ้สองยังเดือดอยู่ ต่อยปากผมอีกจะทำไง

 “แม่ค่ะสวัสดีค่า”สาวๆยกมือไหว้แม่ทู

“สวัสดีจ้าลูก ไม่เจอแป๊ปเดียวสวยขึ้นทุกคนเลยนะ อ่าวแล้วนี้ใครค่ะ แม่ไม่เคยเห็น” แม่ปลาทูหันมาถามผม

“สามีมินนี่เองค่ะแม่” นางยืนกอดแขนผมแน่น

“นี้เพื่อนใหม่ที่ห้องค่ะแม่ เด็ก กทม เป็นบัดดี้ของทูด้วยนะค่ะ ตุลย์สวัสดีแม่เร็ว” อิงแนะนำ

“สวัสดีครับ ผมชื่อตุลย์”

“น่ารักจังเลยลูกมาๆ มานั่งกินขนมกับเพื่อนก่อน” แม่ปลาทูเรียกผมให้กินขนมที่มีอยู่เต็มโต๊ะ ต่อมปากหมาผมเริ่มทำงานน้อยลง ผมตัดสินใจอยู่เงียบๆอย่างที่แก๊งขอผมเอาไว้ เพราะรู้สึกเกรงใจแม่ปลาทู กลัวแม่มันไม่ชอบผมด้วย ผมนั่งเงียบๆไม่พูดไม่จากับใคร ตาก็คอยมองหาไอ้เจ้าของบ้านที่ทำให้ผมอยากมาร่วมทำพานไหว้ครูวันนี้แต่ก็ไม่เห็นมัน

           ผ่านไปไม่นานนักภาพที่เห็นคือไอ้ทูไอ้สองแล้วก็ไอ้ภีมเดินออกมาจากสวนดอกไม้ฝั่งตรงข้าม พร้อมกับหอบดอกไม้เต็มสองมือ ไอ้ทูใส่กางเกงขาสั้นสีดำ กับเสื่อยืด รองเท้าผ้าใบ มันดูต่างจากที่โรงเรียน หยั่งกับคนล่ะคน ดูเป็นเด็กผู้ชายดูเป็นวัยรุ่นทั่วไป ดูไม่จริงจังกับชีวิต ดูสบายๆ แต่ที่แปลกใจโคตรๆ ขอใช่คำนี้เหมาะสุด ผมนั่งติดมันมาเป็นเดือน ผมไม่เห็นเคยเห็นมันยิ้มสักครั้ง แต่ตอนนี้มัน ยิ้มแบบอ่อนโยน ยิ้มนุ่มนวล ยิ้มหวาน ยิ้มหว่านเสน่ห์ให้เพื่อนทุกคน ทำไมผมไม่เคยเห็นยิ้มของมัน หรือมันไม่เคยยิ้มให้ผมสักครั้ง

          ผมหลบมานั่งคนเดียว เพราะกลัวไอ้สองจะเห็น หยีบโทรสับออกจากเป้ มีการแจ้งเตือนจากแอปพิเคชั่นทุกแอป แต่ผมก็ไม่ได้สนที่จะกดเข้าไปดู  แชะ แชะ แชะ ผมใช้กล้องในโทรศัพท์ ถ่ายรูปสวน ถ่ายรูปบ้าน และถ่าย ซูม ซูม ซูม เข้าไปจนเห็นหน้ายิ้มของไอ้ทูโดยไม่รู้ตัว หน้ามันอยู่ในโทรศัพท์เยอะพอๆกับรูปดอกไม้ที่สวนของมัน
 
“นั่งทำอะไรคนเดียวลูก แม่เอาน้ำอัญชันมาให้ อร่อยนะทานก่อน” แม่ไอ้ทูเดินมานั่งข้างๆผม

“ขอบคุณครับ”

“ แม่เอาดอกไม้ไปส่งที่โฮมสเตย์ ของแม่เลี้ยงสาบ่อยๆ ไม่รู้ว่ามีลูกชายน่ารักแบบนี้”

“ผมเพิ่งย้ายมาครับ”

“ถ้ายังไม่มีเพื่อนหนูก็มาหาทูกับสองที่บ้านได้นะลูก จะได้ไม่เหงา  เดี๋ยวแม่ทำขนมอร่อยๆให้ทาน อิงกับภีมก็มาบ่อย ทูกับสองจะได้มีเพื่อนเพิ่ม” มันเข้ากับทุกคนได้ยกเว้นผม ถ้าแม่รู้ว่าผมทำอะไรไว้กับมัน แม่คงไม่ชวนผมมาบ้านแน่

“ผมขอมากินขนมน่ะครับ” นั้นเป็นครั้งแรกที่ผมเจอแม่ไอ้ทูและเข้าบ้านมัน
.....
.....
.....
.....^^.....


          พอมาถึงวันไหว้ครูผมยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ และเป็นครั้งแรกที่ผมสาระภาพกับอิงว่าผมชอบไอ้ทู ก่อนพิธีการ ผมลากแขนอิงออกจากหอประชุม

“มีอะไรตุลย์ ลากเรามาทำไม” อิงทำหน้าตาตื่น ตกใจนิดๆ

“ป่าวๆ อิง ไม่ต้องกลัวกู เอ่ยยไม่ใช่ เรา เรามีเรื่องจะขออิง” ผมพยายามสุภาพ กับอิง

“วะ...ว่า...มา..ตุลย์มีอะไร” อิงยังทำหน้าตื่นๆ

“ขอถือพานแทนอิงได้ป่าว อยากถือพานกับไอ้ปลาทู” อิงถึงกับอ้าปากค้าง

“ถ้าจะทำเพราะจะเอาชนะทู รึว่าแกล้งเราไม่ยอม เราขอเหตุผลที่ดีหน่อยตุลย์ เพราะอะไร” น้ำเสียงปกป้องเพื่อน

“เราคิดว่าเราน่าจะชอบไอ้ปลาทู” อิง ยืน สตั๊นไป3วิ

“ชอบแบบไหนตุลย์ ชอบทูแบบไหน อย่าคิดแต่เอาชนะเกมส์บ้าๆนะ” เสียงแข็งจากอิง ถามผม

“ชอบคือชอบ กูไม่รู้ แบบไหน แต่ตอนนี้ชอบ ได้ไหมอิง กูไม่ได้แกล้งมัน ให้โอกาสกูหน่อย ให้โอกาสกูกับไอ้ปลาทู หน่อยได้ไหม” ผมเปิดใจกับอิง เพื่อนสนิทของไอ้ทู

          ผมกับอิงเดินกลับข้ามาในหอประชุม ผมนั่งลงแทนที่ของอิง เพราะคนที่เป็นตัวแทนถือพานของห้องจะนั่งหัวแถวสุด เพื่อนร่วมชั้นทำหน้างงๆกันทั้งแถบ แต่ไม่งงเท่าหน้าไอ้ทู

“นายมานั่งตรงนี้ทำไม”

“มึงโง่ป่าวเนี๊ยะ นั่งตรงนี้ก็ ถือพานไง จะถามทำไม”

“อิงไปไหน นายขู่อะไรอิงรึเปล่า ทำไมมาถือพานแทนอิงได้”

“มึงมองกูในแง่ดีบ้างซิว่ะ อิงปวดท้องเลยให้กูถือแทน จบป่ะ”

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี เรากลัวนายเอางานของห้องมาเป็นเกมส์ของนาย มากกว่า”

“กูจะถือ ดีๆ โอเคไหม คุณพธู” ตัวแทนทุกชั้นปีตั้งแต่ ม.1 ถึง ม.6 ก็จะเป็น ผู้หญิงผู้ชายสลับกัน ก็มีแต่ห้องผมนี้แหละครับที่ชายทั้งคู่ งานพิธีผ่านพ้นไปด้วยดี ผมทำตามสัญญา ไม่ก่อเรื่อง จนผลประกวดพานออกมา ห้องเราได้รางวัลพานสวยงามและมีการเลี้ยงฉลองในตอนเย็น

          หลังจากงานไหว้ครูเสร็จสิ้น ครูพัชรีเลยพาไปเลี้ยงที่ร้านอาหารเหนือ เรานั่งกันประมาณ5โต๊ะเกือบเต็มร้าน โต๊ะผม มี ไอ้ทู ไอ้สอง ไอ้ภีม อิง แล้วก็แก๊งดอกปีบเพื่อนๆก็สั่งนั่นสั่งนี่ไป แต่ผมเด็กกรุงเทพรู้จักอาหารเหนือไม่กี่อย่าง แคปหมูน้ำพริกรู้จัก แต่อย่างอื่นบอกเลยไม่รู้จริงๆ จนไอ้ทูกับไอ้สอง บอกผมว่าจะสั่งของอร่อยมาให้กิน และผมต้องกินให้หมด เพราะเพื่อนทุกคนกินได้ผมก็ต้องกินได้

“ตุลย์นายชอบอาหารเหนือไหม”ไอ้ทูถามผม

“ชอบสิ กูแดกได้ทุกอย่างแหละ มีอะไรบ้างที่กูแดกไม่ได้ ไม่มี๊”

“งั้น เราสั่งลู่ให้นะ นายต้องกินให้หมดจานด้วย”

“สบายมาก” รับคำไปทั้งที่ยังไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร

“อย่าเลยทู ตุลย์กินไม่ได้หรอก” ผมได้ยินอิงห้ามไอ้ทูไม่ให้สั่ง ผมยิ่งสงสัยว่ามันคืออะไร

“อิงไม่ต้องห้ามเลย สองเห็นด้วยกับทู”ไอ้สองมันเริ่มส่งเสริมพี่มันทันที

“เอาเลยรองดูเผื่อมันชอบ ไอ้ตุลย์พลังมันเยอะ พวกเราอยากเห็นหนุ่มกรุงเทพกินลู่ ฮ่าๆๆๆ” ไอ้ภีมก็อีกคน สมแล้วที่เป็นสนิทกัน

“มึงรีบๆสั่งมาเลยเชี่ยทู กูจะแดกให้หมดจานเลย นี่ใคร ท่านตุลย์นะโว้ย ไม่มีอะไรที่ไม่ได้” ผมนั่งรอ15นาที่ พี่พนักงานเสิฟร์ก็ยกจานที่ชุ่มไปด้วยเลือดแดงๆ มาวางต่อหน้าผม

“นี่มัน เลือดชัดๆนี่ ไอ้ทู” ตอนนั้นผมเหมือนแมวน้ำทำหน้ากำลังสงสัย

“นี่เขาเรียกว่า ลู่ ไงตุลย์ กินให้หมดจานอย่างที่บอกด้วยนะ” ทูเอาคืนผมแสบจริงๆ เลือดล้วนๆตั้งแต่เกิดมาไม่เคยกินและเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก

“มึงจะแก้แค้นกูเรื่องตำแย ใช่มั๊ย  มึงจำไว้ไอ้เชี่ยทู” จากนั้นผมใช้ช้อนจ้วงตักลู่เข้าปาก แบบหน้าแหย่ๆ ตักแล้วตักอีกจนหมดยกจานซดโชว์อีกต่างหาก ปากนี่เปื้อนด้วยเลือดแดงๆ ก่อนจะตามด้วยเบียร์นับไม่ถ้วน ผมพยายามใช้เบียร์ล้างกลิ่นคาวเลือดแต่มันก็ไม่ออก กลิ่นมันติดอยู่ในคอ ผมรู้สึกอยากอวกออกมาให้หมดซ่ะตอนนั้น เพื่อนที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกับผมมองตาค้างกันเป็นแถบๆ

“มึงแน่มาก ไอ้ตุลย์ กูให้ผ่าน” ไอ้สองถึงกับยกนิ้วโป้งให้ผม

“สามีมินนี่เก่งมาก จุ๊ปๆๆๆๆ” มินนี่ทำปากจู๋จะจุ๊ปผม ผมใช้ฝ่ามือยันหน้ามินนี่ไว้ ไม่ให้เอาหน้าเข้ามาใกล้ผม จนทำให้เพื่อนหัวเราะลั่น ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ผมแอบเอามือจับมือทูที่วางบนเก้าอี้ไม่ให้เพื่อนเห็น  โดยเฉพาะไอ้สอง เดี๋ยวจะโดนหมัดมันอีกรอบ ทูหันมามองหน้าผมแล้วดึงมือออกแบบนิ่งๆรักษาภาพไม่โวยวายอะไร  ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงท้องผมเริ่มปวดขึ้นเรื่อยๆผมเดินเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น บ่อยขึ้น ครั้งสุดท้ายผมทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆปลาทู มือกุมท้องไว้ด้วยความปวด

“กูขี้แตกเพราะมึงไอ้ทู รับผิดชอบกูด้วย”

“เราว่าแล้ว ทูเล่นแรงไปท้องเสียจนได้ ดูหน้าไม่ไหว ซีดหมดแล้ว” อิงหันไปต่อว่าไอ้ทู

“ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้า เป็นไงเก่งนัก เจอลู่เข้าไปขี้แตกเลยหรอมึง” ไอ้สองมันหัวเราะแบบซ่ะใจที่แก้แค้นผมได้

“แล้วสองจะกลับยังไง” ผมถามเพราะห่วงน้องชาย

“ไม่ต้องห่วงสอง ภีมเอารถมาเดี๋ยวไปส่งสองเอง ทูห่วงตุลย์เถอะ สภาพดูได้ที่ไหน ” นั้นคือเสียงไอ้ทูคุยกับอิง ก่อนที่ผมจะหลับไป 



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2016 07:41:29 โดย 19919 »

ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
 :hao3:


       ผมถูกอิงบังคับให้มาส่งตุลย์ที่บ้าน อิงว่าเป็นความรับผิดชอบของผม ที่เล่นแรงเกินเหตุ นอกจากผมแล้วคนอื่นคงไม่มีใครกล้ามาส่งตุลย์ถึงที่บ้านหรอก ผมประคองตุลย์เข้ามาในบ้าน บ้านเงียบมาก เหมือนไม่มีใครอยู่ สักพักแม่บ้านเดินมาจากในครัวท่าทางดูตกใจไม่น้อยที่เห็นสภาพตุลย์แบบนี้

“คุ๋นหนูเป๋นหยังเจ้า” แม่บ้านถามผม

“ตุลย์ท้องเสียครับ ห้องตุลย์ทางไหนครับเดี๋ยวผมพาตุลย์ไปนอนพัก คุณป้า ผมขอ เกลือแร่ ด้วยนะครับ” ผมเอาแขนตุลย์พาดผ่านไหล่ เพื่อประคองเดินขึ้นบันไดได้ถนัด พอถึงห้องนอนผมก็ปล่อยร่างที่หมดแรงลงบนเตียง ป้าแม่บ้านก็เดินมาพร้อมน้ำเกลือแร่แล้วยื่นให้ผม

“ป้าฝากดูคุณหนูแทนป้าหน่อยนะค่ะ ป้าต้องไปดูแลลูกค้า” ปั้ง!!! เสียงประตูปิด ทั้งที่ผมยังไม่ได้ตอบ ได้หรือไม่ ผมก้าวขากำลังเดินไปเปิดประตูเพื่อจะกลับบ้าน แต่มืออีกข้างของผม ถูกดึงไว้ด้วยมือตุลย์

“มึงจะไปไหน มึงต้องรับผิดชอบ”

“ยังไง”

“คืนนี้มึงต้องอยู่ที่นี่ ดูแลกูจนกว่ากูจะดีขึ้น ความผิดมึงเลยนะ ถ้ากูช็อกขึ้นมาล่ะทำไง” ตุลย์รีบวิ่งเข้าห้องน้ำอีกครั้ง ทำให้ผมรู้สึกผิดนิดๆ ผมดูนาฬิกา 4ทุ่มกว่าๆ แต่จะทิ้งตุลย์ไว้คนเดียวก็ไม่ได้ ไม่กลับบ้านก็ไม่ได้ ผมจึงโทรบอกน้องไม่ให้เป็นห่วง

 “ตุลย์ ลุกมากินเกลือแร่ก่อน จะได้อาบน้ำ เดียวค่อยนอน ” ผมเอามือสอดลงไประหว่างหลังของตุลย์เพื่อดันตัวให้ลุกขึ้น ตุลย์นอนตัวงอ และเอามือกุมท้องไว้ตลอดเวลา เหมือนจะปวดท้องอย่างหนัก แต่ก็พยายามฝืนกินเกลือแร่ จนหมดแก้ว

“มึงอาบน้ำได้แล้ว กูไม่อาบ เสื้อผ้าในตู้ เปิดได้เลย กูไม่ถือ และมึงก็เสือกอย่าถืออีกล่ะ ใส่ได้ทุกตัว” ผมเปิดตู้เสื้อผ้าตามที่ตุลย์บอก ตอนนั้นผมนึกว่าเปิดตู้เสื้อผ้าตัวเอง เสื้อผ้าส่วนใหญ่มันบังเอิญคล้ายกับของผมไม่มีผิด ทั้งสีทั้งยี่ห้อ ผมหยิบเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงขาสั้นอย่างล่ะตัวแล้วเดินเข้าห้องไป

          หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็มานั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง ตุลย์ยังนอนตัวงอเหมือนเดิม ผมยื่นมือไปแกะกระดุมเสื้อนักเรียนออกที่ล่ะเม็ด ทีล่ะเม็ด และถอดเสื้อออก กองไว้ข้างเตียง ใช้ผ้าชุบน้ำ เช็ดตัวให้ตุลย์ ที่ยังหลับอยู่ ตุลย์คงเหนื่อยและหมดแรงหลังจากการที่ต้องเข้าห้องน้ำหลายรอบ  ผมหาเสื้อกล้ามมาใส่ให้แทน แล้วก็ถอดกางเกงนักเรียนออก เหลือแต่บ็อกเซอร์ ตัวเดียว แล้วก็ห่มผ้าให้เรียบร้อย ผมยังนั่งที่เก้าอี้ เพราะไม่ชอบนอนบนเตียงร่วมกับใคร ผมนั่งเฝ้าอยู่แบบนั้น

“เราขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจ” ผมพูดออกมาขณะที่อีกฝ่ายหลับไม่ได้สติ ผมขอโทษตุลย์จากใจจริงนะครับเรื่องที่ให้กินลู่ไม่ได้แก้แค้น หรือคิดเอาคืน
......
......
..^^..


 :hao6:

          ผมรู้สึกตัวในตอนเช้า จำได้ว่าเมื่อคืนผมเมานิดหน่อยและท้องเสียอย่างแรง ไอ้ปลาทูพามาส่งที่บ้าน แล้วมันก็อาบน้ำ และได้ยินว่า “เราขอโทษน่ะ เราไม่ได้ตั้งใจ” ก่อนที่จะจำอะไรไม่ได้เลย เพลียหมดแรง ตื่นมาผมก็ใส่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์ ทั้งๆที่ผมอยู่ในชุดนักเรียนแน่ๆ ผมพลิกตัวมาอีกฝั่งของเตียง เห็นไอ้ปลาทูนั่งหลับบนเก้าอี้หมอบกับเตียงแบบครึ่งตัว กึ่งนั่งกึ่งนอน มันใส่เสื้อผ้าผมด้วย นึกว่ามันจะหยิ่งเป็นคุณชายแห่งสวนกล้วยไม้ตลอดเวลา ผมนอนจ้องหน้ามันอยู่นาน ผมไม่ได้ปลุก อยากให้มันนอนให้เต็มที่ หลังจากรู้ว่ามันอยู่เฝ้าผมทั้งคืน ตอนนั้นผมรู้ข้อดีของไอ้ทูเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งข้อคือ ยิ้มก็น่ารัก ตอนหลับก็น่ารัก แสงสีเหลืองออกจากตัวเหมือนเดิม แต่ทำไมวันนี้แสงดูสวยเป็นพิเศษ ผมควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ชั่วขณะ  รู้สึกตัวอีกที  ก็ตอนที่ริมฝีปากผมดันจูบหน้าผากมันไปแล้ว กลัวมันรู้สึกตัว กลัวมันต่อยปากผมเหมือนน้องมัน ผมรีบถอนจูบออก


ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงดังจากด้านนอก แม่ผมจะเปิดประตู พลวดเข้ามา จนทำให้ปลาทูตื่น แม่ผมดูไม่แปลกใจที่เห็นใครอีกคนอยู่ในห้องผม

“สวัสดีครับแม่เลี้ยง”

“เอ๊ะ หนูนี่ลูกชายสวนกล้วยไม้ใช่มั้ยลูก”

“ครับแม่เลี้ยง” ปลาทูตอบแม่ผม

“เรียกแม่เฉยๆก็ได้ ขอบใจน่ะจ๊ะ ที่ช่วยดูแลไอ้ตัวแสบของแม่ นึกว่าจะไม่มีเพื่อนกับเขาซ่ะแล้ว ขอบใจจริงๆนะลูก”แม่ผมขอบอกขอบใจปลาทู ยกใหญ่  เสร็จก็หันมาถามผมทันที

“ไปทำซ่าอะไรมาอีก ห๊ะตัวแสบถึงเป็นแบบนี้ หมดหล่อเลย” แม่ถามแกมด่านิดๆ

“ไม่ได้ทำอะไร ตุลย์แค่กินเยอะไปหน่อยเลยท้องเสีย ไอ้ทูก็พามาส่งบ้าน ใช่มั้ยทู” ปลาทูก็พยักหน้ารับ

“งั้นผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนไม่ทัน” แม่ผมบอกให้มันอยู่กินข้าวเช้าด้วยกันก่อน แต่มันก็ปฏิเสธรีบเก็บเสื้อผ้ามัน และบอกผมว่าจะซักเสื้อกางเกงมาคืนวันหลัง แล้วมันก็ขับรถออกจากบ้านผมไป



“ตกลงลู่คืออะไรว่ะ” พี่ชินด้วยความสงสัย

“ลู่คือลาบเลือดดีๆนี่เองพี่ เลือดแดงๆเต็มจาน นึกแล้วสยองไม่หาย ”ผมทำหน้าสะอิดสะเอียน

“แต่มึงก็แดกจนหมดจาน ทำเพื่อ”

“ไม่รู้ อ่ะพี่ชิน แต่อย่างที่บอกกลัวเสียหน้าเด็กเทพ ผลคือผมท้องเสียทั้งคืนปวดท้องชิบหาย แม่พาไปนอนให้น้ำเกลือที่โรงบาลตั้งสองวัน”

“โคตรซ่ะใจว่ะ น้องทูเอาคืนด้วย นึกว่าจะยอมมันฝ่ายเดียว”พี่ชินหัวเราะ หึอๆๆ ในคอ




 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:




ขอคำปรึกษา



“ห้าโหล.....ไอ้ธัน กูมีเรื่องจะถามมึงหน่อย”

"งานกูยุ่ง วันหลัง"

“ไอ้ธัน วันนี้ กูน้องมึงนะ”

"ว่ามา"

“ตั้งแต่กูมาอยู่สันทราย กูเจอเพื่อนคนนึ่งน่ารักมากเลยวะ”

"มึงก็จีบดิว่ะสัส เรื่องแค่นี้"


“มันเป็นผู้ชายไงK ที่กูจะถามมึง”

"ฮ่าๆๆๆมึงเปลี่ยนมาชอบผู้ชายตั้งแต่ตอนไหน"


“กูไม่แน่ใจว่ากูเป็นรึป่าว กูแค่ชอบมองมัน ตัวมันหอมด้วยนะ กูนั่งใกล้ๆมันแล้วใจสั่นๆ แบบนี้กูเป็นป่าวว่ะ”

"แล้วในห้องมึงมีผู้หญิงสวยๆป่ะ"

“มีดิ ทำไม”

"แล้วมึงมองสาวๆน่ารักๆพวกนั้นมั๊ย"

“มอง แค่มองเฉยๆ ไม่ได้อยากเข้าใกล้เหมือนปลาทู ปลาทูมีแสงออกจากตัวด้วยนะมึง”

"ชื่อโคตรน่ารักเลย แล้วแสงอะไรกูไม่เข้าใจ"

“เออ ชั่งมันเถอะ ว่าแต่อาการกูเข้าข่ายมั๊ย”

"ยากว่ะ บางทีมึงอาจแค่ปลื้มมันเฉยๆ ไม่ได้ชอบหรอก มันอาจหน้าตาดีมึงเลยชอบมอง เรื่องแค่นี้วัดกันไม่ได้"

"หรอว่ะ"

"เอางี้ ถ้าเมื่อไหร่ที่มึงอยากจับK มากกว่า อยากจับนม แล้วค่อยโทรหากูใหม่"

“ไอ้เชี่ย!!”

............................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2016 07:54:55 โดย 19919 »

ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่5 ถ้าเราชอบนายไม่ได้จริงๆล่ะ


          ผ่านไป1เดือนกับอีก28วัน ตุลย์ยังทำให้ผมพูด "มึงกู" ไม่ได้ 14กุมภา ที่เป็นวันแห่งความรักของใครหลายๆคนแต่มันกลายเป็นวันที่ผมเสียใจมากที่สุด ผมขับรถออกจากบ้านแต่เช้าพร้อมเพื่อนๆ

“ไอ้สองมึงจะเอาดอกกุหลาบไปทำอะไรเยอะแยะว่ะ” ภีมถามสองเมื่อเห็นกุหลาบหอบใหญ่ในมือ

“ไอ้นี่ถามแปลก เอาไปให้สาวดิ มึงไม่เข้าใจคนหน้าดีที่สุดของโรงเรียนหรอก”

“เลิกหลงตัวเอง สักที กูเบื่อ.. อ่ะ อิง ภีมให้” ภีมยื่นดอกไม้ช่อเล็กให้เพื่อนสาวคนสนิท

“ขอบใจนะภีม สวยจัง”

“จีบกันอยู่หรอสองคนนี้”

“แล้วทูล่ะ เมื่อไหร่จะมีแฟน ช่วยจีบได้นะ”

“ไม่เอาดีกว่าภีม อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว ไม่ปวดหัวดี”

“หาให้ตัวเองก่อนเถอะเชี่ยภีม”

“เสือก”

“อิงว่า ทูแหละเลือกเยอะเอง สาวๆชอบทูทั้งนั้น วันนี้ต้องมีสารภาพอีกแน่ เลือกสักคนสิ ทู”

           วันนี้โรงเรียนผมครึกครื้นเป็นพิเศษ เพื่อนทุกคนถือดอกกุหลาบคนล่ะดอกสองดอก  เสื้อนักเรียนก็เต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์รูปหัวใจติดจนเต็ม ผมกับอิงเดินมาด้วยกัน ภีมแยกเอางานไปส่งอาจารย์ ส่วนสองก็วิ่งแจกกุหลาบสาวๆเหมือนทุกปี พอเพื่อนๆเจอผมกับอิงก็เข้ามาติดสติ๊กเกอร์ที่เสื้ออิงแค่คนเดียว  ผมสังเกตเพื่อนๆมองผมแปลกๆ พร้อมกับซุบซิบๆกันต่อหน้า ยื่นดอกไม้ให้อิงเสร็จแล้วก็รีบเดินหนี ผิดกับอิงที่คาดไว้ ผมไม่มีแม้แต่สติ๊กเกอร์สักดวง จนเราเดินมาถึงห้องเรียน ก็เห็นตัวหนังสือตัวใหญ่เต็มหน้ากระดานไวท์บอร์ด หน้าชั้นเรียน


 

“พธูเป็นของกู ห้ามให้ดอกไม้ ห้ามติดสติ๊กเกอร์ ไม่งั้นมีเรื่อง หนึ่งตุลา”




         ผมเห็นตัวต้นเหตุที่ชื่อ หนึ่งตุลา กำลังสุมหัวรวมกลุ่มอยู่กับแก๊งดอกปีบหัวเราะคิกคักกันโดยไม่นึกถึงความรู้สึกของคนที่ถูกกระทำอย่างผม ตุลย์หน้าชื่นตาบาน ไม่เดือดไม่ร้อน  ว่าตัวเองทำอะไรลงไป และมันมีผลกระทบกับชีวิตใคร ผมรีบเดินก้าวเท้าตรงดิ่งไปหาตุลย์

“นี่มันคืออะไรตุลย์” ผมถามทั้งที่ ปากสั่น มือสั่น แต่ต้องเก็บอาการและความโกรธไว้ในใจ แต่ไม่ทันที่ผมจะได้คำตอบ ตุลย์ลุกขึ้นยืนประชันหน้ากับผมแบบหายใจรดปลายจมูก

           โลกของผมก็หยุดหมุนลงทันใด เมื่อตุลย์ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างจับล็อกหน้าของผมไม่ให้ดิ้น และจูบลงบนริมฝีปากผมแบบกดแนบแน่น ตัวผมเริ่มชาไล่มาตั้งแต่ปลายเท้า จนถึงเส้นผม

“ว๊ายยยยยย อีตุลย์ มึงทำอะไรของมึง ปล่อยๆ ปล่อยเดี๋ยวนี้  อีตุลย์ ปล่อย ไหนมึงบอกแค่จะสารภาพไงห่า” มินนี่ดึงเสื้อดึงแขน ดึงทุกอย่างเพื่อให้ตุลย์ปล่อย ท่ามกลางความตกตะลึง ของเพื่อนๆ ผมยกมือสองข้างผลักที่หน้าอกของตุลย์อย่างจังเพื่อให้เขาปล่อย มันแรงพอที่จะทำให้ริมฝีปากเราหลุดออกจากกัน

“แค่จะเอาชนะใช่ไหม ได้เลยตุลย์  งั้นเราให้นายชนะ กูเกลียดมึง!! ชัดมั้ย กูเกลียดมึง!! พอใจแล้วนะ” ตัวผมยังไม่หายชา ไม่เข้าใจการกระทำของตุลย์ทำไมต้องลงทุนทำขนาดนี้ น้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลพลั่งพลูออกมาไม่รู้ตัว มันไหลอาบแก้มเปียกโชกทั้งสองข้าง เป็นทางยาวจนถึงเสื้อนักเรียน

“พอได้แล้ว ตุลย์!! หยุดเล่นบ้าๆแบบนี้ได้แล้ว” อิงเอาตัวเข้ามาขวางระหว่างผมกับตุลย์ เพื่อห้ามสงครามประสาท มืออิงผลักตุลย์ให้ถอยห่างจากผม แก๊งดอกปีบก็ช่วยยืนกั้นตุลย์ไว้ห่างๆ

           ในเวลาเดียวสองก็เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเบิกบานยิ้มแย้ม แต่พอเห็นผมยืนน้ำตาไหลเป็นสายอยู่นั้น สองเปลี่ยนสีหน้าและอารมณ์ แบบไม่พูดพร่ำทำเพลง กระโดดพุ่งสุดตัวต่อยปากตุลย์เข้าอย่างจัง ส่วนตุลย์เองก็ปล่อยให้สองชกแบบไม่หลบ แค่ยืนเป็นเป้านิ่งตั้งรับหมัดหลายหมัด

“มึงทำอะไรพี่กู ไอ้เหี้ยตุลย์ วันนี้กูไม่ปล่อยมึงแน่ไอ้Kเอ่ย อยากแดกตีนกูใช่มั๊ย กูจัดให้” เพื่อนๆเข้าขวางสองทันทีเพราะเท้าของสองกำลังพุ่งตรงมาทางตุลย์ ครั้งนี้แก๊งดอกปีบจับสองไว้ทุกคนเพราะรู้ว่าเวลาสองเอาจริงไม่เคยกลัวใครทั้งนั้น

“ปล่อยกู พวกมึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้ ไอ้ตุลย์มันอยากลองดีกับกู ปล่อย”สองดิ้นเป็นหมาบ้าเพื่อให้เพื่อนปล่อยตัว

“มึงใจเย็นไอ้สองอย่าใช้กำลัง ใจเย็น” มินนี่ทั้งดึงทั้งพูดปรามอารมณ์

“กูชนะพี่มึงแล้ว มันต้องทำตามที่กูขอ” ตุลย์เริ่มทวงข้อตกลง เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด ตาบวมเปล่งเขียวช้ำเห็นได้ชัด

“อีตุลย์ อีดอก มึงพอเถอะ จบได้แล้ว ทูเกลียดมึงแล้ว พอๆเพื่อนกัน” มินนี่ด่าตุลย์เพื่อเตือนสติ แม็กกี้ สายรุ้ง ก็ช่วยกันฉุดตัวสองเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“มึงยังจะเล่นต่อใช่มั้ย มาเลยมาเล่นกับตีนกูนี้”

“อยากได้อะไรอีกตุลย์  อยากได้อะไรอีก” ผมตระโกนใส่หน้าตุลย์ น้ำตาผมยังไหลเอ่อล้นออกมาเป็นสายไม่หยุด มือกำหมัดแน่น

“ให้กูจีบมึงนะ ปลาทู”

“ว๊ายยยยยย กริ๊ดดดดดดดดดด” เสียงกริ๊ด เสียงปรบมือ เสียงเฮ เสียงโห่ร้องลั่นห้อง ดังกว่าตอนที่ผมโดนจูบเป็นร้อยเท่า

“นี่ใช่มั้ยที่บอกว่าชอบเพื่อนเรา นี่ใช่มั้ยวิธีของนายตุลย์” อิงถามตุลย์ต่อหน้าเพื่อนและผม ตุลย์เหมือนทำหน้ายอมรับกับอิงแต่โดยดี

“นายขอเยอะไป เราคงให้ไม่ได้”

“ให้กูจีบมึงก่อนได้มั้ยปลาทู มึงไม่ชอบกูไม่เป็นไร” ตุลย์พยายามเอื้อมมือมาจับที่มือผม แต่ผมก็สะบัดมือหนี ยืนมอง และตีความหมายของตุลย์ ว่านี้มันเป็นแค่เกมส์ หรือว่าความจริง จากนั้นตุลย์ก็หันหน้าไปทางสอง แล้วคุกเข่าลงต่อหน้าน้องชายของผม แบบไม่อายสายตาของเพื่อนๆ

“กูจะจีบพี่มึง มึงจะว่าไงไอ้สอง จะถีบจะต่อยกูก็ได้ แต่กูไม่ปล่อยพี่มึงไปแน่”

“ไอ้สัส!!! เชื่อมึงเลย” แล้วสองก็เดินไปนั่งที่โต๊ะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น




         ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก ต้องไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ผมคงอยู่สู้หน้าเพื่อนไม่ได้จริงๆ วันนี้คงไม่มีสมาธิที่จะเรียน ผมรู้ตัวเอง ผมรู้ขีดจำกัดของร่างกายผมดี ต่อให้ฝืนนั่งเรียนต่อก็คงไม่มีอะไรเข้าหัว ผมขับรถออกมาไกลจากโรงเรียน และหาที่นั่งเงียบๆคนเดียว ผมเลือกนั่งร้านอาหารเล็กๆทาง ผมนั่งตั้งแต่เที่ยง เริ่มยกแก้วเหล้าจิบเข้าปาก พยายามหักห้ามใจไม่คิดเรื่องที่เพิ่งผ่านเข้ามาเมื่อกี้ โทรศัพท์ผมสั่นนับครั้งไม่ได้ ก็จากอิงกับภีมแหละครับสลับกันโทรหา ผมเข้าใจถึงความเป็นห่วงของเพื่อน แต่ผมอยากอยู่คนเดียว ผมนั่งที่ร้านจนถึง6โมงเย็น แอลกอฮอร์ ในร่างกายมันทำให้ผมวูบวาบ เริ่มควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ นั่งก็นั่งไม่ตรง เดินไปเข้าห้องน้ำขาก็ไม่สามัคคีกัน  โทรศัพท์ก็ยังสั่นไม่หยุด สุดท้ายต้องยกมือมากดรับสาย

“ทูอยู่ไหน อิงกับภีมจะไปหา เสียง ทำไมอู้อี้ ทูเมาหรอ? อยู่ไหนรีบบอกมาเดี๋ยวนี้”

“เราไม่เมา”บอกชื่อร้านเสร็จสรรพ อิงกับภีมมาถึงร้านไม่เกิน15นาทีหลังจากวางสาย

“เฮิททำไมว่ะทู น่าจะดีใจนะมีหนุ่มกรุงเทพมาขอจีบ” เสียงภีมพูดแซวผม

“ภีม มันไม่ใช่เวลาพูดเล่น” อิงหันไปค้อนภีม ก่อนที่จะกอดไหล่ผมเป็นการปลอบใจ

“เราเกลียดตุลย์ ตุลย์ทำให้เราอายเพื่อน ไม่คิดว่าตุลย์จะเล่นเกินเลยขนาดนี้ เราไม่ใจเข้า ทำเพื่อความสนุก ซ่ะใจ หรือว่าอะไร”

“ทู ทูฟังอิงนะ วันนี้หลังจากที่ทูขับรถออกมา ตุลย์เป็นห่วงทูมาก ไม่เข้าเรียน เอาแต่ตามหาทูทั้งวันเหมือนกัน”

“อิง ปาย สานิทกับตุลย์ ต่างแต่ตอน น๊ายยยย”

“ที่สำคัญ ตุลย์มาบอกเราว่า ตุลย์ชอบทูมาสักพักแล้ว และที่ทำไปวันนี้ไม่ใช่แค่เกมส์อย่างที่ทูเข้าใจ ไม่งั้นไม่กล้าคุกเข่าต่อหน้าสองแบบนั้นแน่ เสี่ยงเจ็บตัวอีกด้วย เราว่าเขาไม่ได้ทำเพื่อเอาชนะหรอก ทูคิดดูดีๆสิ ”

“เราเป็นผู้ชาย ตุลย์เป็นผู้ชายจะจีบกันได้ยังไง อิง” ผมมองหน้าอิง

“ทูตอนนี้ ความรักไม่ได้แบ่ง เพศ กันแล้วนะ มันอยู่ที่คนสองคน มีความรักต่อกันต่างหาก ทูไม่ต้องอายเพื่อนนะ เพื่อนไม่มีใครว่าทูหรอก แล้วทูเกลียดตุลย์เขาจริงรึป่าว ทูไม่ได้เกลียดตุลย์อย่างที่พูดใช่มั๊ย คุยกับตุลย์เป็นเพื่อนไปก่อนก็ได้ไม่มีอะไรเสียหาย ลึกๆแล้วตุลย์นิสัยดีใช้ได้นะ ติดแค่เรื่องปากสุนัข เท่านั้นเอง ทูคิดดูดีๆเกลียดตุลย์ จิงหร๋อ ”

“จริงนะทู ปกติกูก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้ามันเท่าไหร่ แต่พอมันมาสาระภาพกับกู กับไอ้สองแบบหมดเปลือก ว่ามันทำไปเพราะมันชอบมึง กูว่ามันจริงใจใช้ได้นะ มันอยากขอโทษ ขอโอกาสได้อธิบายหน่อย ส่วนเรื่องอื่น มันแล้วแต่มึงนะทู”

“อิงกับภีมเป็นเพื่อนใครกันแน่”

“ก็เป็นเพื่อนทั้งสองคนแหละ ถ้ามึงสองคนได้เป็นแฟนกันจริงๆ ฮ่าๆๆ” ภีมหัวเราะใส่หน้าผมซ่ะงั้น ตกลงเพื่อนผมสนับสนุนให้ผมเป็นแฟนกับผู้ชายสินะ แล้วองค์รักษ์พิทักษ์พี่ชายอย่างสองยังเห็นดีเห็นงามอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของผม แล้วตุลย์มีอะไรดีเพื่อนผมถึงส่งเสริมสนับสนุนขนาดนี้ ก่อนผมหลับไปผมได้ยินเสียงอิงคุยโทรศัพท์กับใครสักคน บอกให้มารับผมที่ร้าน ยังบอกอีกว่าผมหลับไม่ได้สติ เพ้อเจ้อพูดไปเรื่อยเปื่อย จับใจความไม่ได้ นี่อาการผมในตอนนี้หรอ ชักอยากเห็นสภาพตัวเองจัง  ไม่ได้เมามายขนาดนี้นานแค่ไหนแล้วผมก็จำไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่ถ้าไปร้านเหล้าก็ไปนั่งเฝ้าน้องชาย รู้สึกแค่ว่าตัวร้อนวูบวาบ แขนขาไม่มีแรงจะยืนให้ตรงได้

.......
.......
.......
.......

          ผมคิดมาตั้งแต่หลายวันก่อนหน้านี้ว่าจะขอจีบปลาทูแต่ไม่รู้จะใช้วิธีไหนจนมาถึงวาเลนไทน์พอดี เพื่อนทุกคนที่อยู่ในห้องตอนนั้นบอกได้คำเดียวว่าช็อก แต่ช็อกมากกว่าใครอื่นก็เห็นจะเป็นปลาทูนี่แหละครับ คนที่ผมกำลังจูบและขอจีบตอนนี้ ผมแค่อยากให้ปลาทูมันรับรู้ว่าผมคิดยังไงกับมัน ไม่ได้คิดว่ามันเป็นการพนันที่ผมต้องชนะ เพราะผมลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ตั้งแต่ผมมั่นใจว่าผมชอบมัน แค่อยากอยู่ใกล้ๆ แต่ด้วยความที่ผมทำอะไรไม่คิดเรื่องมันจึงเลยเถิดมาไกล ผมทำไปแบบนั้นโดยไม่ได้นึกถึงใจของอีกฝ่าย ผมทำด้วยวิธีบ้าๆ จนลืมไปว่ามีเพื่อนๆอีกหลายคนที่อยู่ตรงนี้ ปลาทูคงอายและคงตั้งตัวไม่ทัน ผมคิดว่าปลาทูต้องต่อยปากผมแน่ๆ และตามด้วยพายุส้นตีนไม่ขาดสาย แต่ไม่เลย ผิดไปจากที่ผมคิด ปลาทูไม่ได้ใช้กำลังกับผมสักแอ๊ะ มันยังคงนิ่งสุภาพ แต่การที่ปลาทูยิ่งนิ่ง ยิ่งทำให้ผมปวดใจ ผมอยากให้มันต่อยปากผมสักครั้ง ดีกว่ายืนนิ่งๆแบบนั้นผมไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไร ตอนนั้นผมเห็นน้ำใสๆไหลออกจากตามาโดนมือ มือที่ใช้จับหน้ามันไว้ ริมฝีปากผมยังคงประกบกับริมฝีปากมันอยู่ แล้วมันจะผลักผมออกอย่างเต็มแรง ผมเสียใจที่ทำให้มันร้องไห้ มันคงโกรธมาก จนมันหลุดคำว่า “มึงกู” ออกมาด่าผม มันบอกว่ามันเกลียดผม มันเกลียดผม สามคำนี้ชัดเจนมาก แต่ผมสัญญากับตัวเองว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมจะทำมันเสียใจและร้องไห้ เพราะผมยังจำรสชาติหมัดของไอ้สองที่กระแทกปากผมได้เป็นอย่างดี ไอ้สองมันหวงพี่มันเหมือนหมาแม่ลูกอ่อนหวงลูกใครก็ห้ามเข้าใกล้ เพราะฉะนั้นผมต้องผ่านด่านไอ้สองให้ได้ก่อนผมยอมแม้จะขุกเข่าต่อหน้าไอ้สองเพื่อที่จะขอจีบพี่ชายมัน  ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าต้องมาทำอะไรที่แม้แต่ตัวเองก็คาดไม่ถึง ผมอาจจะบ้าที่กำลังขอจีบผู้ชายอีกคน


“เชี่ยทูอย่าดิ้น อยู่นิ่งๆ กูบอกให้อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวตก” ผมแบกมันขึ้นหลังเพื่อที่จะพาไปยังห้องนอน

“พูดกับเราเพราะๆ พูดกับเรา ดีๆเดี๋ยวนี้” มือก็จิกหัวผมและเขย่าตัวเบาๆไปมา แม่งขนาดเมายังจะให้ผมพูดเพราะๆอีก

          ผมแบกมันจนมาถึงห้องนอนของผม ทิ้งร่างลงบนเตียงและจัดการแก้เสื้อผ้ามันออกทุกชิ้นแม้แต่กางเกงในก็ไม่เว้น นอกจากของพี่ชายตัวเองแล้ว ปลาทูเป็นผู้ชายอีกคนที่ผมทุกซอกทุกมุม เห็นทุกอย่างทุกสัดส่วนจนหมด มันตัวขาวมากไม่มีรอยแผลเป็นหรือรอยสิวสักนิด เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ไม่มีแม้แต่กลิ่นเหงื่อจะมีก็แต่กลิ่นเหล้ากลิ่นเบียร์ที่เปื้อนตามตัวเท่านั้น ผมเห็นรอยผื่นแดง เป็นจ้ำๆเต็มตัว แก้มก็แดงเป็นลูกสตอเบอรี่มันคงเป็นฤทธิของแอลกอฮอร์ ผมเช็ดตัวให้ปลาทูสองรอบ และเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ให้ ผมเปิดหน้าต่างทุกบานเพื่อให้ลมพัดผ่านเข้ามาในห้องแทนที่จะเปิดแอร์  อยากให้มันสูดอากาสบริสุทธ์เผื่อว่ามันจะซ่างเมาเร็วขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่าปลาทูจะได้สติขึ้นมาบ้างแล้ว ปลาทูลุกขึ้นนั่งชันเข่าบนเตียงแล้วมองมาทางผม   ผมยื่นแก้วน้ำให้คนเมาดื่มเพราะผมอยากให้ปลาทูมีสติมากที่สุด ก่อนที่ผมจะพูดทุกอย่างออกไปหลังจากนี้ แก้วเปล่าถูกยื่นกลับมาที่ผม ผมวางมันไว้บนโต๊ะข้างเตียงนอน และผมก็ขยับเก้าอี้มาใกล้เตียงเพื่อเตรียมตัวเจรจากับปลาทูอย่างจริงจัง


 “ดีขึ้นแล้วใช่มั้ยมึงอ่ะ”

“พาเรามาที่นี้ทำไม บ้านเราก็มี”

“มึงกับกูมีเรื่องต้องคุยกัน”

“เราไม่มีอะไรจะคุยกับนาย”

“แต่กูมี เรื่องที่กู ขอจีบมึง กูขอจริง มึงจะว่าไง” มันทำน่าอึนๆ เหมือนไม่อยากตอบคำถาม

“เราเป็นผู้ชาย ไม่ใช่เกย์”

“กูก็ไม่ใช่”

“เราไม่ชอบคนพูดไม่เพราะ”

“กูเปลี่ยนได้”

“เราคิดว่า เรารักผู้ชายไม่ได้”

“กูทำให้มึงรักผู้ชายได้”

“เราไม่รู้ว่ารักกับผู้ชายต้องทำยังไง”

“กูก็ไม่รู้ ถ้ามึงอยากเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุด มาคบกับกู กูจะทำให้คนทั้งสันทรายอิจฉามึงที่มีกูเป็นแฟน กูกับมึงจะเรียนรู้ไปด้วยกัน จะช่วยกันหาตรงกลาง หาความพอดี ให้เจอ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป จะช่วยกันปรับข้อเสีย กูจะพูดเพราะๆกับมึงให้มากขึ้น กูจะดูแลมึงเอง ขอโอกาส และขอให้มึงเปิดใจ คบกับผู้ชายไม่เรื่องผิด หรือว่าน่ากลัวอย่างที่มึงคิด ความรักมันดีมากกว่าที่มึงรู้จัก มึงจะเชื่อกูมั้ย ความรักเป็นสิ่งสวยงามไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นกับใคร เหมือนที่มันเกิดกับกูตอนนี้ กูจีบมึงเอง มึงไม่ต้องทำอะไร ทำเท่าที่มึงทำได้ ถ้าฝืนก็ไม่ต้องทำ เอาที่มึงสบายใจ กูไม่บังคับ เชื่อใจกูสักครั้ง แล้วมึงจะรู้ว่าเป็นแฟนกับกูไม่ได้เลวร้าย”

          ผมพูดชักแม่น้ำทั้งห้า กลัวมันไม่เข้าใจความรู้สึกที่อัดแน่นเต็มอกผมแทบจะระเบิดออกมา หว่านล้อมให้มันเข้าใจถึงความรักอีกรูปแบบที่มันสามารถเกิดขึ้นได้ เพราะจากที่ผมถามอิงมาก่อนหน้า ปลาทูยังไม่เคยมีแฟนสักคน มีคนมาชอบมันเยอะแต่มันก็เลือกที่จะปฏิเสธสาวๆพวกนั้นไป แล้วกับผมที่เป็นผู้ชายเหมือนมัน พอจะมีความหวังบ้างหรือป่าว ปลาทูมันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง น้ำตาคลอเบ้าเจิ่งนองเหมือนน้ำรอระบาย ไม่รู้ว่ามันซาบซึ้งกับคำพูดผมหรือกำลังจะอวกกันแน่ ผมเลยเอื้อมมือผมไปกุมมือที่เย็นเฉียบของมันไว้

“แล้วถ้าเราชอบนายไม่ได้จริงๆล่ะ”

“ถ้ากูจีบมึงแล้ว มึงยังชอบกูไม่ได้ กูจะไม่ย้ายเฉพาะโต๊ะออกจากมึง เดี๋ยวกูย้ายโรงเรียนให้มึงเลย”

“เราไม่เป็นช้างเท้าหลัง” ผมสตั๊นไป5วิ สมองก็กำลังประมวลผลกับคำพูดของปลาทูมันหมายถึงอะไรกันแน่

“กูเป็นทั้งช้างเท้าหน้า ช้างเท้าหลังเอง ส่วนมึง กูให้เป็นควานช้างเลยดีมั้ย เอ๊ะ!!!!เดี๋ยวนะ นี้ถือเป็นคำตอบรึป่าวปลาทู ยอมให้กูจีบแล้วใช่ป่ะ ไอ้เชี่ยทู เอ่ยย ปลาทู ปลาทู ปลาทู ตอบก่อน”

         ผมเรียกอยู่หลายครั้งแต่มันไม่ตอบ มันดูมึนๆอึนๆตาก็จะปิดเต็มทน แล้วมันก็ล้มตัวลงนอนตะแคงหันหน้าไปทางหน้าต่าง ผมเลยถือโอกาสกระโดดขึ้นเตียงพร้อมจับตัวปลาทูพลิกตัวมานอนในท่าหงายไม่ให้ขัดขืนได้ เอาตัวเองทับลงบนตัวมัน มือสองข้างของผมประสานกันตรงท้ายถอยของปลาทู มันเอาแต่จ้องผมด้วยสายตาที่เคลิบเคลิ้มยั่วยวนตาหวานฉ่ำ ป่าวหรอกครับอันนี้ผมคิดเอง ผมลืมว่ามันเมา ผมจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกผมไปแตะปลายจมูกของมัน มันไม่ได้หลับตาลงเหมือนฉากในละคร แต่มันเอามือยกขึ้นมากอดไว้ที่เอวของผม ท่าทางดูเก้ๆกังๆ

“งั้นเรามาเริ่มต้นเท่าที่เราพอจะทำได้กันดีกว่าปลาทู” ผมพูดหยั่งเชิงและเริ่มจูบตรงหน้าผาก จูบที่ตา จูบที่จมูก จูบที่แก้ม

“ทุกอย่างบนร่างกายของมึงจะมีผู้ชายอย่างกูเป็นเจ้าของ ห้ามใช้กับคนอื่น เข้าใจมั้ย” และจูบลงที่ริมฝีปากปลาทูเพื่อย่ำรอยเดิมเมื่อตอนกลางวันอีกครั้ง จูบเสร็จ ผมก็หยุดเพื่อดูปฏิกิริยาของปลาทูว่าจะสามารถให้ผมมากน้อยแค่ไหน มันพลิกตัวผมลงล้างแทนตัวมัน แล้วพูดว่า

“อย่าลืมทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเราด้วย”คำพูดสุดท้ายของปลาทูที่ทิ้งไว้ก่อนหลับเป็นตาย

“ปลาทู มึงไม่ได้พูดเพราะเมาใช่ป่ะ ทู ปลาทูตื่น กูขออัดคลิปก่อน พูดอีกที ปลาทูตื่น” ปลาทูตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัวเต็มกำลังทับผมเหมือนคนหมดสติ ปลุกยังไงก็ไม่กระดุกกระดิก

           ผมกลัวว่าพรุ่งนี้มันจะลืมสิ่งที่มันพูดกับผมคืนนี้ อยากเอาโทรศัพท์ขึ้นมาอัดเสียงไว้จริงๆ โมเม้นต์แบบนี้ปลาทูแม่งโคตรน่ารัก รักมากๆ น่ารักมากว่าตอนที่มันทำหน้าเฉยชาของมันเป็นไหนๆ คืนนี้เป็นคืนวันสุข สุขที่สุดในชีวิต มันไม่ได้ทำอะไรผมมากไปกว่าจูบลงบนริมฝีปาก แค่ริมฝีปากจริงๆนะครับ เอาปากแตะๆกัน ไม่รู้ว่าจะเรียกจูบได้หรือป่าว นั้นคือจูบแรกที่มันให้ผมอย่างเต็มใจ ผมว่ามันกำลังพอดีไม่มากไม่น้อยในครั้งแรกของเรา ได้แค่นี้เกินจากที่คิดไว้มาก  ผมจะค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรัดมัน ถึงใจอยากจัดการมันวันนี้ด้วยซ้ำ ไม่เป็นไรผมรอได้และเต็มใจรอ จากนั้นเราสองคนแค่นอนกอดกัน โดยมีปลาทูกอดผมจากข้างหลัง  ผมยังได้ยินเสียงสะอื้น ออกมาเป็นระยะ จากคนที่นอนหลับลึกเพราะฤทธิ์เหล้า คงร้องไห้หนักมาเมื่อตอนหัวค่ำ แม้แต่เสื้อนักเรียนที่ถอดออกมายังมีคาบน้ำตาหลงเหลือให้ผมเห็น ภาพน้ำตาหยดแหมะๆลงบนมือผมยังชัดเจน ขอโทษที่ทำให้เสียใจและขอบคุณที่ไว้ใจกู เชื่อในความรักที่กูพูด ถึงแม้ยังไม่เคยสัมผัสมัน แต่ตามสัญญาที่ให้ไว้ ความรักจากนี้ไปจะเป็นความรักในแบบของเราสองคนที่ช่วยกันกำหนดและสร้างมันไปด้วยกัน โชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์อาทิตย์ ผมยังมีเวลาตั้งรับกับคำถามที่ต้องเจอมากมายก่ายกองจากเพื่อนๆอีกสองวัน เพราะดูท่าว่าเรื่องของผมกับปลาทูกลายเป็น ท็อกออ๊ฟเดอะทาวของห้องไปโดยปริยาย

            เช้าอันแสนสดใสของผม ผมเอามือท้าวคางตัวเอง เพื่อนอนดูหน้าผู้ชายที่หลับปุ๋ยข้างๆผมตั้งแต่เมื่อคืน ผมจ้องหน้ามันเป็นชั่วโมง อีกมือก็กุมมือปลาทูไว้ หลังจากนั้นปลาทูเริ่มขยับตัว และค่อยลืมตาขึ้นทีล่ะน้อย เอามือขยี้ตาเพื่อดูให้ชัดว่าที่นี้ที่ไหน

“บ้านกูเอง เมื่อคืนมึงเมามาก”

“เมื่อคืนเราฝันว่า เรากับตุลย์ตกลง คบกันด้วย” เฮ่ยพี่มันจำได้ว่ะ ตอนนั้นผมดีใจสุดๆเลยย้ำกับมันอีกครั้ง

“ทูไม่ได้ฝัน มันเป็นความจริงทูเป็นแฟนตุลย์แล้วนะ ถ้าไม่เชื่อดูคลิปมั้ยตุลย์อัดไว้”

“ตุลย์บ้ารึป่าวอัดไว้ทำไม”

“กลัวใครบางคนแถวนี้จำไปได้เลยเอาไว้แบคเม”

“เดียวๆ ตุลย์ เราจำได้แต่ขอเวลาปรับตัว อย่าบุกมาก เรารับไม่ทัน ไปส่งบ้านที แม่เราคงเป็นห่วงล่ะ” มือก็ผลักหน้าผมหนี จังหวะที่ผมแอบขโมยหอมแก้ม
………
………
………


“เป็นไงบ้างพี่กัส พี่ชิน พี่เชน ความรักของผม กว่ามันจะยอมให้ผมจีบมันได้นะแดกหมัดหลายครั้งเข้าโรงพยาบาลก็หลายครั้งทั้งผมทั้งมัน ฮ่าๆๆๆ”

“โคตรนับถือสัส ทำไปได้” พี่กัสพร้อมยกนิ้วโป้งให้

“ไอ้กัสมึงไม่เข้าใจหรอกถ้ามึงไม่เคยชอบผู้ชาย เป็นกูก็ทำทุกอย่างเหมือนกัน เผลอๆกูจัดหนักกว่าไอ้ตุลย์ แม่งน้องทูน่ารักขนาดนี้ คุ้ม” พี่ชินหันไปแขวะพี่กัสและทำหน้าฟินใส่อินเนอร์เต็มที่ พี่แกเล่นนั่งมองหน้าทูไม่ล่ะสายตาสักทีและที่สำคัญ พี่ชินก็เผยข้อสงสัยของผมว่าพี่ชินใช่หรือไม่ใช่

“พอๆไอ้ชิน มึงเลิกโฆษณานำเสนอตัวเองได้แล้ว ทูไม่เอามึงแน่ๆ กูคอนเฟิร์ม ว่าแต่ไอ้สองไปไหนว่ะกูอยากเจอ” พี่เชนด่าพี่ชิน แต่ทูนั่งยิ้มเล็กๆไม่ตอบโต้พี่ชินเลย นั่งนิ่งให้เขาชมอยู่ได้ แต่เอาเถอะเขาชมเพราะทูน่ารักจริงๆ


“ไอ้สองไปท่าแพร พาสาวไปเที่ยว เย็นๆถึงจะกลับ พี่จะรอป่าวล่ะ”

“วันหลังก็ได้กูไม่รีบ เริ่มหิวว่ะ หาอะไรแดกดีกัน”

“แม่ทูทำกับข้าวไว้เยอะ พวกพี่ทานด้วยกันนะครับ เดี๋ยวทูไปเตรียมโต๊ะก่อน” จากนั้นทูก็ลุกเดินเข้าไปในบ้าน พี่สามคนมองผมด้วยสายตาเดียวกัน แสดงออกมาว่าผมไม่เหมาะสมกับทูด้วยประการทั้งปวงผมหมายถึงเรื่องนิสัย

“ตุลย์ ตุลย์ ถ้ามึงไม่เอาทูแล้วกูขอ มันน่ารักเกินบรรยาย กูขอเถอะ กูก็ผ่านมาเยอะนะ แต่ไม่เคยเห็นทั้งหล่อทั้งนิสัยดีแบบนี้  กูทำไมไม่มาสันทรายทั้งนานแล้วว่ะ ไม่งั้นทูเป็นของกูแน่ๆ กูจะให้พ่อแม่มาขอทั้งแต่วันแรกเลย” โป๊ก!!! เสียงขาตั้งก้องฟาดลงกลางหัวพี่ชิน งานนี้มีปูด ก็ไม่ใช่ฝีมือใครหรอกครับก็จากพี่เชนแฝดแกนั้นแหละครับ

“มึงไปเอาความมั่นใจมาจากไหนไอ้ชิน ทูไม่เอาหรอกกูคอนเฟิร์มอีกคน ไปๆแดกข้าวกูหิว”พี่กัสรีบลุกจากโต๊ะตามด้วยผมและพี่เชน ทิ้งพี่ชินไว้เป็นคนสุดท้ายด้วยความผิดหวัง





 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:


ขอคำปรึกษา


“โหล ไอ้ธันมึงว่างป่าว”

"กูไม่ว่างได้หรอสัส โทรมามีไร รึมึงอยากจับKมากว่าอยากจับนมแล้วว่ะ"

“ป่าวว่ะ กูแค่...กูแค่....”

"มึงจะ แค่.... อีกนานมั้ยเชี่ย กูจะได้วาง"

“ก็แค่จูบปลาทูไปแล้วว่ะ”

"ฮ่าๆๆๆ โหดสัด แค่อยากหาที่ระบายเฉยๆป่าวมึง แค่ห่าง...นาน คงใช้แต่มือสิมึงอ่ะ กูว่ายังวัดไม่ได้หรอกแค่นี้"


“หรอว่ะ แต่กูจะจีบมันแล้วนะมึง”

"งั้นกูแนะนำให้มึงกลับกรุงเทพด่วนเดี๋ยวกูจัดให้แบบหนำใจ มึงจะได้รู้ไงว่ามึงอยากจูบมันจริงรึป่าว หรือแค่อยากลอง"

“มึงว่างป่าวล่ะ มาหากูที่เชียงใหม่หน่อย กูจะพาไปดูปลาทูของกูว่าน่ารักแค่ไหน แต่มึงห้ามชอบนะสัส”

"กูไม่ว่างงานกูยุ่งมากช่วงนี้ อีกอย่างกูไม่ชอบเด็กมึงไม่ต้องห่วง เด็กมีแต่เรื่องปวดหัว เหมือนมึงแหละไอ้ตุลย์งานการกูไม่ต้องทำพอดีมัวแต่มานั่งฟังเรื่องปลาทูมึงอ่ะ แค่นี้กูมีประชุม"


"เดี๋ยวๆ ตกลงกูเป็นอะไร"

"เป็นน้องเหี้ยๆ"

.............................^^...............^^...........................




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2016 19:18:26 โดย 19919 »

ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่6 มึงเป็นแฟนกันแบบไหน คบ4ปี ไม่เคยเสียบ :-[


          แก๊งหนังสั้นกินข้าวเสร็จก็ขอตัวกลับไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้พวกพี่แกจะตามผมไปที่มหาลัยด้วยไม่รู้จะขยันไปถึงไหน ผมเอารถตู้ที่บ้านไว้ให้พวกพี่แกหนึ่งคัน เผื่อว่าจะได้ไปไหนมาไหนได้สะดวกโดยที่ไม่ต้องรอผมฝ่ายเดียว ผมนอนที่บ้านปลาทูตามเคย อยากหาเวลาหวานๆอยู่ด้วย หลังจากนี้จะเป็นงานรับน้อง7วันสุดโหดที่ใครๆก็เล่าลือกัน  รุ่นพี่อย่างพวกผมอาจไม่มีเวลาพักหรือถ้ามีก็น้อยมาก ผมตกลงกับไอ้ภีมไว้ว่าจะไปนอนที่หอในเพื่อช่วยงานสภานักศึกษา สมาชิกหนึ่งในสภาก็คืออิง ไอ้ภีมมันกลัวว่าอิงจะเหนื่อยเกินไปเลยอยากอยู่ช่วย โดยเอาตำแหน่งงานของเดือนคณะมาอ้าง แต่เหตุผลจริงๆใครๆก็รู้ ผมไม่อยากแซวมันเท่าไหร่ เพราะไอ้สองชอบกัดมันตลอดเวลา ว่ามัน เป็นคนเอาเพื่อนเอาฝูง จริงๆงานรับน้องผมไม่ได้มีบทบาทมากนักหรอกครับ ช่วยได้นิดหน่อยก็ถือว่าแบ่งเบางานเพื่อนแล้ว  แต่เวลาที่ผมจะอ้อนตีนก็จะหายไปอีกหลายวัน คืนนี้ขอตรงๆเลยล่ะกัน น้ำก็อาบเสร็จแล้ว ตัวหอมมากด้วย บรรยากาศก็ดี๊ดี

“ทำไรอยู่ ปลาทู๊วววววว”

“อ่านหนังสือ ตุลย์น่าจะรู้นะ”

“รู้ครับ แต่ทูช่วย ตุลย์ก่อนได้มั้ย”

“ช่วยอะไร”

“ทูไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ น๊าปลาทู ไหว้ ล่ะช่วยหน่อย” ผมยกมือไหว้แฟนเพื่อขอความร่วมมือ ไม่ฮานะครับทำจริงๆ ไหว้แบบขอร้องเลย

           พูดจบผมยื่นหน้าไปจูบปลาทูจนหนังสือหลุดจากมือ แล้วมันก็หยุดสนใจหนังสือของมัน จับตัวผมนอนราบลงกับเตียงนุ่มๆใช้หมอนรองหัวให้อยู่ในท่าที่สบายมากที่สุด ทูเริ่มจูบทั้งแต่ปลายเท้า ไล่ขึ้น หน้าแข่ง ขาอ่อน ดึงผ้าเช็ดตัวออก ผมตั้งใจไม่ใส่อะไรเลยสักชิ้น นอกจากผ้าขนหนู เป็นการเตรียมพร้อมจะเสียตัว วันนี้ขอรองอีกครั้ง ขอดีๆแล้วกัน ส่วนผลจะออกมาเป็นแบบไหน ผมทำใจได้แล้ว น้องชายของผมลุกตั้งชันเพราะถูกลิ้นเย็นๆของทูเล้าโลม จังหวะคงที่ไม่ได้รีบร้อน ผ่อนหนักผ่อนเบาเป็นสเต็ป จากป๊อปช้าๆเปลี่ยนเป็นจังหวะร็อกให้เร็วขึ้น ผมทั้งเสียวทั้งฟินขนลุกชันทุกส่วน พยายามอดกลั้นไม่ให้ถึงจุดออกัสซัม อยากให้เป็นแบบนี้สักชั่วโมง เสียงคาง เสียงหืดหอบ ออกจากผมเบาๆเพื่อส่งถึงแฟน บอกถึงความพอใจที่มี แขนสองข้างกอดคอปลาทูไว้แน่น แต่ไม่นานนักน้องชายของผมมันก็ฝืนไม่ไหว น้ำพุ้งออกจากตัวผม เข้าปากทูเต็มๆ เจ้าตัวไม่ได้อิดออดที่จะกลืนมันลงไป คืนนี้ผมสบายตัวมาก สบายกว่าผ่านมือตัวเองเยอะ
 

“ช่วยเสร็จแล้ว ทูอ่านหนังสือต่อนะ” ทูลุกนั่งเอาหลังพิงกับหัวเตียงอีกครั้ง แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาใหม่ หึๆๆ ไม่ได้หมายความว่าแค่นี้สักหน่อยปลาทู กูจะบ้าตาย ขอให้ช่วยก็ช่วยจริงๆ

“เยอะกว่านี้ไม่ได้หรอทู” มีความตื้ออย่างต่อเนื่อง

“เยอะแล้วนะตุลย์”

“โอเคๆ ว่าแต่ทู ไม่เอาหรอ”

“ไม่ ขอบคุณ”

“งั้น ทูเช็ดปากหน่อย มันเปื้อน” ทูยกมือมาเช็ดน้ำสีขาวที่มุมปากของตัวเองออก ผมได้แต่นอนเฝ้าทูอ่านหนังสืออยู่ข้างๆและเผลอหลับไป ทูน่าจะอ่านหนังสือดึกมากเพื่อรอไอ้สองกลับบ้าน ตั้งแต่เด็กจนโตความเป็นห่วงน้องชายไม่เคยลดลงเลย

            เช้าวันนี้เป็นวันแรกของการรับน้องที่มหาลัย ผมกับทูเดินลงมาจากห้องแต่เช้า แม่ทำขนมปังทาแยมหลายแผ่นใส่จานวางไว้ให้ที่โต๊ะในครัว พร้อมกลับกระดาษโน้ตเล็กๆที่เขียนไว้ว่า “แม่เข้าในเมืองกลับตอนเย็น” ทูชงกาแฟมาให้ผม ของตัวเองเป็นโกโก้  เสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งกระแทกกับบันได ตึก ตึก ตึก มาจากชั้นสองของบ้าน

“ทูขอโกโก้แก้วนึ่ง”ไอ้สองร้องบอก พี่ชายตัวเอง

“เมื่อคืนมึงไปไหนมาไอ้สอง”

“ไปเที่ยวกับน้องข้าวปุ้น คนนี้แจ่ม เดี๋ยวกูพามาให้รู้จัก”

“กูก็เห็นมึงบอกแจ่มทุกคนแหละสัส  ได้แล้ว แม่งก็ทิ้ง มึงคบให้ถึงสามเดือนก่อนแล้วค่อยพามา กูขี้เกียจจำ”

 “แล้วสองกลับบ้านตีไหน พี่ไม่ได้ยินเสียงรถเลย” ทูถามน้องชายพร้อมยื่นแก้วโกโก้ให้

“บอกแล้วไงทู ไม่ต้องรอ พาเด็กไปเที่ยว” ไอ้สองตอบ แล้วยักคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง เกลียดหน้ากวนส้นตีนมันชิบหายแต่ต้องเงียบไว้ให้พี่น้องเคลียร์กันเอง

“ถ้าเป็นเรื่องพี่จะบอกแม่” ทำหน้าดุใส่ไอ้สอง โหดก็เป็นแหะ นึกว่าจะโหดกับกูคนเดียว

         หลังจากอาหารเช้า ผม ทู แล้วก็ไอ้สองนั่งรถไปมหาลัยด้วยกัน พอมาถึงมหาลัยเราสามคนก็แยกย้ายเข้าคณะของตัวเอง วันนี้ใต้ตึกวิทยาศาสตร์และหลายๆคณะ จนถึงใต้ตึกเรียนรวม70ปี มีเพื่อนๆสภานักศึกษาเตรียมตัวต้อนรับนักศึกษาใหม่เข้าหอ หรือที่เราเรียกว่า งานรับน้องเข้าหอ เป็นการบอกว่างานรับน้องวันแรกได้เริ่มขึ้นแล้ว ทั่วมหาลัยประดับด้วยซุ้มดอกไม้ ธงเขียวขาวเหลือง ปักเป็นทางยาวตั้งแต่ทางเข้าประตูด้านหน้ามหาลัย จนถึงประตูวิเวก

         เราแบ่งหน้าที่ออกเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน กลุ่มแรกคอยรับน้องๆปี1ที่มหาลัย ผม ไอ้ภีม ไอ้สน ไอ้ต้อง และเพื่อนสาขาอื่นๆ เราอาสาเป็นพี่เลี้ยงขับรถไปรับน้องปี1 ที่สถานีอาเขต มาส่งน้องๆให้ถึงหอใน เพื่อเก็บข้าวของเครื่องใช้ให้เรียบร้อยรอขั้นตอนต่อไป ที่หอในครึกครื้นสนุกสนานเต็มไปด้วย รุ่นพี่รุ่นน้องขนข้าวของกันแบบชุลมุน กฎของเด็กปี1ที่นี่ต้องอยู่หอในกันทุกคน ผมและเพื่อนๆทุกคนก็เคยอยู่มาแล้วกันทั้งนั้น ได้รู้จักเพื่อนต่างสาขาเยอะขึ้น นอนรวมกันช่วยเหลือกันแบบเอื้อเฟื้อ เสียดายอย่างเดียว ตอนปี1ผมกับทูไม่ได้นอนห้องเดียวกัน แต่ก็ชั่งเถอะมันผ่านมาแล้ว หลังจากลงทะเบียนเข้าหอเสร็จสิ้น ตอนนี้น้องๆเตรียมตัวเข้าประถมนิเทศที่หอประชุมใหญ่ และแยกปฐมนิเทศย่อยตามแต่ล่ะคณะเพื่อทำความรู้จักอาจารย์ภาคและพบปะพี่สาขา ไอ้ภีมเลยแยกตัวไปทำหน้าที่เดือนคณะวิทยาศาสตร์กับน้องปี1 งานพิธีการในหอประชุมจะเป็นหน้าที่ของสโมสรนักศึกษา ผมกับอิงและเพื่อนคนอื่นพอมีเวลาได้นั่งพักนิดหน่อย ก่อนที่จะถึงงานเลี้ยงขันโตกช่วงเย็น

          พวกพี่กัสก็เดินไปเดินมาในมหาลัยตามติดชีวิตซุปตาร์อย่างผมไม่ห่าง พี่แกเอาแต่ถ่ายรูป อัดคลิป ผมทุกอริยะบท รวมไปถึงบรรยากาศรอบๆคณะ ผมทำกิจกรรมพี่แกก็นั่งรอ ผมว่างพี่แกก็ถ่ายรูป ผมเริ่มอยากรู้แล้วว่าพวกพี่แกจะทำหนังออกมาแนวไหนกันแน่ ระหว่างรอกิจกรรมในช่วงเย็น ผมเลยชวนอิงและพี่ๆมานั่งที่ร้านนมชมพูใกล้ๆตึกเพื่อที่จะแนะนำ อิงให้พี่ๆแกรู้จักอย่างเป็นทางการ

“อิง นี่พี่กัส พี่ชิน พี่เชน พี่เขาจะทำหนังสั้นเรื่องของเรากับทู ที่เคยเล่าให้ฟังอ่ะจำได้ป่าว”

“สวัสดีค่ะพี่ๆ หนูชื่ออิงค่ะ อ่าว!!ภีมทางนี้” อิงโบกมือร้องเรียกไอ้ภีมที่กำลังเดินมา

“ส่วนนี้ไอ้ภีมเพื่อนสนิทของทูครับพี่” ผมแนะนำไอ้ภีม พร้อมกับสังเกตแววตาจากพี่ชิน ที่มองเพื่อนผมแบบหวานเยิ้ม

“สวัสดีครับพี่” ไอ้ภีมทักทาย

“หน้าที่มึงเสร็จแล้วหรอไอ้ภีม”

“กูหนีมาว่ะ พิธีการเยอะ เดี๋ยวกูเข้าไปใหม่”

“น้องภีม น่ารักไม่แพ้น้องทูเลย พี่ชื่อชินนะครับ ” พี่ชินยื่นมือไปจับมือไอ้ภีม ผมคาดไม่ผิดจริงๆ พี่ชินต้องมีหยอดแน่ๆ

“มึงเลิกหม้อสักทีสัส นั่งครับน้องไม่ต้องไปสนใจคนเชี่ยๆอย่างไอ้เวรนี้ สั่งอะไรกินก่อน พี่จ่ายให้ ” พี่กัส หันไปด่าสกัดไว้ ยังไม่ทันเอ่ยปากสัมภาษณ์ เสียงเตือนในโทรศัพท์ก็ดังไม่หยุด


ไลน์ ไลน์ ไลน์ !!!! ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นชื่อกลุ่มแช๊ตที่ผมไม่น่าอยู่ในนั้นได้



ตุ๊ดน้อยจากดอยตุงไม่ใส่ถุงไม่ให้เย

มินนี่เมียตุลย์: ผัวขาอยู่ไหนเด่วเมียไปหา ตอนนี้เมียอยู่ ตึกเรียนรวม

แม็กกี้: อีดอกยังไม่เลิกมโนอีก

น้องสายรุ้ง: 5555555 ง่าว นัก อ้ายตุลย์เป๋นผัวทูละ ตั๋วลืมได๋จะได

มินนี่เมียตุลย์: สติ๊กเกอร์รูปบราวไฟลุกท่วมตัว

1October: กูอยู่ร้านนมชมพู ตามมา กูเลี้ยง



            นับตั้งแต่ที่รวมแก๊งกับพวกงานผมเลยเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งดอกปีบ มีนัดเจอกันบ้างในมหาลัยแต่คณะที่พวกนางเรียนอยู่ห่างจากคณะผมมาก เห็นแบบนี้พวกนางสอบติด วิศวะ กับประมง นะครับ พวกนางเลยไม่ค่อยมีเวลาสังสรรค์กับเพื่อนๆอ้างเรียนหนักตลอด ถ้าจะหวังให้พวกนางปั่นจักรยานจากคณะมาหาเพื่อนอย่าง ผม ทู ไอ้ภีม ไอ้สอง และอิง ล่ะก็ ยิ่งไม่มีทาง เพราะพวกนางกลัวน่องปูด อยากเจอต้องปั่นไปหาพวกนางเอง แต่วันนี้งานรับน้องพวกนางไม่พลาดผู้ชายเยอะเลยยอมมา เป็นโอกาสอันดีที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง

“พวกมึง นี่ พี่กัสพี่ชินพี่เชน” ผมต้องแนะนำอีกรอบ

“หนูมินนี่ หนูแม็กกี้ และหนูสายรุ้ง เราทั้งสามแก๊งดอกปีบ หนีบได้ไม่เสียตังค์ ค่ะพี่” ยกมือไหว้สวยงามพร้อมกัน

“สวัสดีครับน้องๆ ยินดีที่รู้จัก ได้ยินแต่ไอ้ตุลย์พูดถึง วันนี้เจอตัวเป็นๆสักที พี่ขอความช่วยเหลือหน่อยนะครับ” พี่กัสพูด ทุกนางทำท่าแปลกใจ เพราะผมยังไม่ได้เล่าเรื่องหนังสั้นให้พวกนางฟัง
 

“อ่อ คืองี้ กูลืมเล่า พวกพี่สามคนนี้เป็นผู้กำกับหนังสั้น จะเอาเรื่องกูกับทูไปทำหนัง เลยจะขอข้อมูลจากพวกมึงหน่อย”

“อ่าว…นี่มึงจะได้เป็นนางเอกหนังหรออีตุลย์”มินนี่ถาม

“นางเอกพ่องมึงสิ”

“แล้วพวกพี่จะให้เราช่วยอะไรคะ” อิงถาม

“น้องๆรู้เรื่องอะไรก็เล่าได้เลยครับ”พี่เชนพูดพร้อมกับถ่ายรูปเพื่อนผมไว้ทุกคน

“โห่ พี่เรื่องมันสองคนนี่ เยอะมาก พี่เอาเรื่องไหนก่อนล่ะ จริงๆพี่ต้องถามไอ้สองนะ มันอยู่บ้านเดียวกัน มันต้องรู้เรื่องบนเตียงมากกว่าพวกผม”ไอ้ภีมพูด

“พี่ยังไม่เจอไอ้สองเลย ไว้ทีหลัง แล้วน้องๆรู้มั้ยทูกับตุลย์ได้เสียเป็นผัวเมียกัน ครั้งแรกเมื่อไหร่ ยังไง ที่ไหน ใครรุก ใครรับ”พี่กัสถาม

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”ทุกคนขำแรงจนน้ำตาเล็ด ไม่ไว้หน้ากูเลยเพื่อนเชี่ย

“ถามแบบนี้เลยหรอพี่” หน้าผมรู้สึกร้อนฉ่า ไม่อายที่โดนถามแบบนี้ แต่อายเพราะยังไม่เคยได้ทูต่างหาก ใช่ครับ เขียนไม่ผิดผมยังไม่เคยได้ปลาทูสักครั้ง ความลับของผมถูกเปิดเผยกับคนอื่นก็วันนี้ อุตส่าห์เก็บมาตั้งสี่ปี ไม่นึกว่าจะอยู่ในคำถามของพี่กัสด้วย

“มันสองคนยังไม่เคยได้กันเลยพี่ พวกผมเล่าไม่ได้หรอกเรื่องนี้”  เพ่งงงงงงง!!!!! แก้วหลุดกระทบจานรอง กาแฟก็พุ่งออกจากปากพี่กัส ทุกอย่างเป็นภาพสโลโมชั่น พี่ชิน พี่เชนถึงกับอ้างปากหว๋อไปตามๆกัน เมื่อได้ยินคำตอบจากจากไอ้ภีม

“เชี่ย นี่มึงเป็นแฟนกันแบบไหน คบ4ปี มึงยังไม่เคยเสียบกันอีกหรอ หรือตกลงกันยังไม่ได้ว่า ใครจะผัวใครจะเมีย”พี่ชินถาม

“เปล่าพี่ ไม่ใช่เรื่องนั้น ไม่เคยเสียบก็จริงแต่อย่างอื่นทำนะพี่” ผมตอบแบบก้มๆหน้า เพื่อนสนิทของผมรู้ดีว่าไม่เคยได้กันอย่างเป็นทางการ พวกมันทุกคนก็คอยลุ้นและเอาใจช่วยทุกวัน ตั้งแต่เมื่อ4ปีก่อนจนตอนนี้ พวกมันขี้เกียจถามผมแล้ว ก็ทูมันไม่ยอมให้ผมจะทำไงได้

“อะไรที่มึงหมายถึงอย่างอื่นว่ะไอ้ตุลย์ อาทิตย์ก่อนกูยังเอาอุปกรณ์ตัวช่วยให้มึงอยู่เลยสัส” อิงใช้ฝ่ามือฟาดเข้าที่หลังไอ้ภีม ดัง ปั๊ก หลังจากที่ไอ้ภีมพูดจบ

“รามกนะภีม”

“มันเป็นเรื่องจริงง่ะ อิงก็รู้นิ ไอ้ตุลย์ไม่เสร็จด้วยมือตัวเองก็ได้จากกระป๋องคลายอารมณ์ที่ผมเอาให้นี้แหละ” ไอ้ห่าภีมพูดอะไร ไม่กลัวกูอายสักนิด เอาเข้าไป เผากูเข้าไป

“อีตุลย์ กูบอกให้มึงวางยาพธู มึงก็ไม่ทำแล้วเมื่อไหร่มึงจะได้เยกัน เป็นกูทนไม่ได้หรอก มึงมันโง่อีตุลย์ กลัวเมียขึ้นสมอง” มินนี่พูด นิ้วชี้จิ้มที่กลางหน้าผากผมอีกต่างหาก

“มึง ไม่จับกดเลยว่ะ ใช้กำลังเลยดิห่า เดี๋ยวมันก็ยอมมึงเอง” พี่เชนแนะนำวิธีให้ผม ผมทำแล้ว ไม่ได้ผล


“เคยครั้งนึ่งพี่ โดนถีบตกเตียง ถึงกับแขนหักเข้าเฝือกตั้งสองเดือน”ผมยกแขนข้างซ้ายขึ้นโชว์พวกพี่ๆ

“ไอ้โง่เอ่ย”

 “แล้วมากสุดที่พวกมึงสำเร็จความไคร่ให้กัน แบบไหนว่ะ”พี่กัสถาม


“ต้องตอบด้วยหรอพี่ อืม…คือ.. ก็ออรัลไงพี่ นี่มากสุดล่ะ ส่วนมากก็ด้วยมือตัวเองกับอุปกรณ์เสริมที่ไอ้ภีมเอามาให้นั้นแหละพี่”ผมตอบ

“เชี่ย มึงกับน้องทูอยู่กันได้ไง แค่ชักว่าวมันจะมันส์อะไรสัส กูสอนให้เอาป่าว” พี่ชินพูดไปจิ๊ปากไป แบบเสียอารมณ์


“พอๆพี่ ถามเรื่องอื่นก่อนได้ป่ะ” ผมพูดปัดเพื่อให้เปลี่ยนหัวข้อเรื่อง

“งั้นเรื่องเซอร์ไพรส์พวกมึงมีบ้างป่ะล่ะ ทำอะไรหวานๆให้กันมีมั้ย กูจะได้ตั้งอัดวีดีโอ”พี่เชนถาม

....
....
....


“มีค่ะพี่ เรื่องนี้เพื่อนทุกคนอยู่ในเหตุการณ์ค่ะ ตอนนั้นทูอยากทำเซอร์ไพรส์วันเกิดให้ตุลย์” อิงทำท่าตั้งอกตั้งใจเล่าอย่างเต็มที่

“อ่อ ใช่ พวกเราจำได้ สงสารพธูมากเรื่องนี้ ฮ่าๆๆๆๆ” แก๊งสาวๆพูดพร้อมกัน



          วันนั้นเป็นวันที่1ตุลาคมค่ะ ในฐานะที่อิงเป็นหัวหน้าห้อง เรามีข้อตกลงว่า เราจะเซอร์ไพรส์วันเกินเพื่อนในชั้นทุกๆคน เราเลยร่วมมือกับทู ทำเซอร์ไพรส์ในครั้งนั้น โดยเขียนข้อความอวยพรวันเกิดลงบนกระดาษโพสอิทหลากสีไปติดไว้จนทั่วโต๊ะเรียนของตุลย์ จากนั้นให้ทูถือลูกโป่งที่มีข้อความว่า happy birth day 1October พวกเรารอตุลย์ออกไปพักเที่ยง โดยมีสองเป็นคนถ่วงเวลาให้เพื่อนเตรียมการให้เสร็จ ลูกโป่งถูกเตรียม พุกระดาษก็ถือในมือกันทุกคน ทั้งหมดนี่ทูเป็นคนคิดและเตรียมงาน  เพราะปกติแล้วทูไม่เคยเอาใจหรือหวานออกนอกหน้านอกตา มีแต่ตุลย์ที่แสดงออกต่อหน้าเพื่อนได้โดยไม่อาย พอตุลย์เดินเข้ามาในห้องพร้อมสอง เสียงเพลงวันเกินก็ดังกระหึ่ม เสียงพุกระดาษ ดัง ปั้ง ปั้ง ปั้ง เศษกระดาษลอยฟุ้งทั่วห้อง เพลงจบทูก็เดินถือลูกโป่ง เข้าไปใกล้ตุลย์ แล้วพูดว่า สุขสรรค์วันเกิด นายหนึ่งตุลา แต่ตุลย์ไม่ดีใจหรือเซอร์ไพรส์แม้แต่น้อย ยืนเอามือเกาหัวแบบสงสัย ยิ้มแหยๆ แล้วพูดขึ้นว่า

“วันเกิดใครว่ะ”

“มึงไง ไอ้หนึ่งตุลา จำวันเกิดตัวเองไม่ได้หรอสัส”ภีมตอบ

“ใช่กูชื่อ หนึ่งตุลา แต่กูไม่ได้เกิดวันนี้” นั้นคือคำตอบจากตุลย์ แผนนี้พวกเราช่วยกันเก็บมาทั้งหลายวัน แต่ตุลย์กับบอกไม่ใช่วันเกิดตัวเองเล่นเอาพวกเราเงิบไปตามๆกันเลยค่ะพี่ แต่ที่เงิบมากสุดก็ทูนี่แหละค่ะยืนนิ่งไม่พูดอะไรเลยค่ะ เพราะทูมั่นใจมากว่าคือวันเกิดตุลย์


“ฮ่าๆๆๆๆ เชี่ย กูขำ มึงไม่ได้เกิด วันที่1ตุลา แล้วมึงชื่อนี้ทำส้นตีนอะไร” พี่กัสถาม

“1ตุลาเป็นวันเกิดแม่ผม ชื่อไอ้ธันวา ก็เป็นวันเกิดของพ่อ ส่วนไอ้เมษ ชื่อมันมาจากวันแต่งงานของพ่อกับแม่ แปลกหรอพี่”

“มึงยังกล้าถามกูอีกหรอสัส พ่อแม่มึง เข้าใจตั้งชื่อเนอะ แล้วทูทำไงต่อน้องอิง เออแดกเลยสิท่า”


         อิงเล่าต่อเลยนะค่ะ ในตอนที่ทูกำลังยืนนิ่งอยู่ ตุลย์เองต่างหากที่เข้าไปกอดปลอบใจทูให้หายเสียใจและเสียหน้าสองคนนี้น่ารักมาก ในสายตาเพื่อนร่วมห้องนับตั้งแต่ก่อนคบ กันจนเป็นแฟนกัน เขาสองคนดูแลกันดีมากค่ะ จนบางครั้งก็แอบอิจฉาทูที่มีแฟนเอาใจเก่งอย่างตุลย์ ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็แล้วแต่ตุลย์ยอมทูเสมอ รวมถึงครั้งนี้ก็เหมือนกัน ตุลย์เองยังคงปลอบใจไม่ให้ทูเสียความตั้งใจที่ทำเซอร์ไพรส์

“ขอบใจนะปลาทู ตุลย์เกิดเดือน  มีนา มันผ่านมาแล้วขอโทษที่ไม่ได้บอก แต่วันนี้เป็นวันเกิดแม่เราเอง ไปเลี้ยงฉลองด้วยกันนะ ทุกคนเลยนะไปบ้านกู วันนี้กูเลี้ยงเอง” ตุลย์ชวนเพื่อนๆทุกคน

        นั้นคือสิ่งที่ตุลย์พูดกับทูในวันนั้น อิงจำได้ทุกคำ จากนั้นเราก็ยกขบวนไปบ้านตุลย์หลังเลิกเรียนทั้งห้องเพื่อไปเบริท์เดย์แม่ตุลย์ นี้แหละค่ะความน่ารักของตุลย์ที่มีต่อทู นั้นคือเซอร์ไพรส์แรกและเซอร์ไพรส์ที่เดียวที่ทูทำให้ตุลย์


“ขอบคุณน้องอิงที่เล่าให้เราฟัง สงสารไอ้ทูฮ่าๆๆ แล้วสาวๆมีอะไรจะเล่าให้พวกพี่ฟังป่าวครับ”พี่กัสถามแก๊งสาวๆ


“มีสิพี่เรื่อง มันสองผัวเมีย นี่เยอะมากหนูเล่าเอง ในฐานะเมียเก่ามัน” มินนี่ตอบ

        หลายๆเรื่องที่อีตุลย์มันแพ้พธู แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่อีตุลย์ชนะเมียมันบ้าง เรื่องนี้หนูจำได้ พวกมันสองคนชอบเล่นงัดข้อกันเพื่อขอในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถ้าใครแพ้ต้องทำตามคนชนะ ขอได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องบนเตียง

           "วันหนึ่งมันสองคนเริ่มงัดข้อกันบนโต๊ะ เพื่อนๆเชียร์ฝั่งอีตุลย์เพราะอยากเห็นมันชนะเมียมันบ้าง มีแต่ไอ้สองที่เชียร์พี่มันคนเดียว งัดข้อกันนานพอสมควร จนอีตุลย์ชนะเป็นครั้งแรก แต่หนูว่านะพี่ ที่อีตุลย์แพ้ตลอดๆ เพราะมันยอมเมียมันมากกว่า และสิ่งที่มันขอในครั้งนั้นคือ ขอให้ทูเจาะหูข้างเดียวกับมัน ทูนี่ทำหน้าง้อยแดกเลยตอนที่รู้คำขอของผัว ส่วนอีตุลย์ก็ยิ้มซะใจที่เอาชนะเมียได้ อีตุลย์เล่นเอาตะปูเข็มอันเล็กๆทายาหม่องแล้วจับแทง ฉึก ทีเดียวเข้าไปที่ติ่งหูของพธูแบบไม่ปราณีปราสัย ทูโกรธผัวมากวันนั้น ไอ้สองยังช่วยพี่มันไม่ได้ เลยแกล้งเดินหนีออกนอกห้องเพราะทนเห็นพี่เจ็บไม่ ทูสั่งห้ามผัวไปนอนบ้านเป็นอาทิตย์  มันสองคนเลยได้เจาะหูข้างเดียวกัน  ใส่ต่างหูคู่เดียวกันด้วย เห็นแล้วหมั่นไส้” 

“ไอ้ตุลย์ มึงก็มีดีของมึงนี่หว่า” พี่กัสชมผม

“แน่นอนสิพี่ ผมทั้งอด ทั้งทน ขนาดนี้ ไม่รักได้ไงจริงมั้ย” ผมยิ้มแบบผู้ชนะอย่างภาคภูมิใจ

“กูอยากรู้ว่าแล้วเมื่อไหร่ ทูมันจะยอมตกเป็นของมึงสักทีว่ะ”

             พี่กัสยิงคำถามต่ออีก และมันก็เป็นคำถามที่ผมอยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ ที่ทูจะได้เป็นของผมแบบสมบูรณ์สักที ผมรอมันมาสี่ปีแล้ว ยังไม่ทีท่าว่าจะยอม เหี่ยวแห้งมานาน แต่ไม่กล้าถามทูเหมือนกัน กลัวทูหาว่าผมเร่งรัด คำว่าค่อยเป็นค่อยไปของผมมันยาวนานเกินไปหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ก็สี่ปีแล้วผมควรเร่งปลาทูดีไหม

“ผมก็ไม่รู้” น้ำเสียงที่ตอบพี่กัสดูหมดหวัง จนเพื่อนทุกคนต้องยื่นมาแตะบ่าผมเบาๆเพื่อให้กำลังใจ ผมรู้ว่าทุกคนอยากให้ผมสมหวังโดยเร็ว จะได้ไม่ต้องมาคอยลุ้นไปกับผมทุกๆครั้งไป

“แล้วถ้ามึงต้องรอเป็น10ปี มึงยังจะรอมันมั้ย” พี่เชนถาม คำถามที่แทงใจดำผมที่สุดวันนี้ ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องรอนานเท่าไหร่ ผมไม่มีคำตอบให้กับคำถามพี่เชน

“ผมว่าทูก็รักผมนะพี่ ทูต้องยอมผมสักวันแหละหน่า” ผมตอบเฉิงบวกเพื่อให้กำลังใจตัวเอง

“พอๆเลิกดราม่า วันนี้งานรับน้องพวกมึงเสร็จกี่โมงกูจะพาไปเลี้ยงในเมืองโอเคป่าวทุกคนเลย”พี่กัสเอ่ยชวน



..........................:TT:............................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2016 15:34:24 โดย 19919 »

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ยอมใจจริงๆสี่ปีไม่ได้เสียบ อย่างนี้ปลาทูก็ยังปักตะไคร้ไล่ฝนได้อยู่สิคะ :laugh:

ออฟไลน์ ~tOeY~

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทู ใจแข็ง มีความมั่นคง แน่วแน่มากกกก
ไม่ยอมมีอะไรกับตุลย์ ทั้งที่ก็รัก
ทูต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างแน่ๆ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ princeofdark

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :-[ ชอบคู่นี้มากเลยค่ะอ่านแล้วยิ้มเบาๆ น่ารักมาก สู้ต่อไปนะตุลย์555

ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกมากค่ะ น่าติดตามมากๆ o13
เนื้อเรื่องแหวกแนวดี ไม่ซ้ำใครเลย :katai2-1:
แต่อยากให้ระวังคำผิดค่ะ เยอะมากๆ สู้ๆนะคะ :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
สนุกมากค่ะ น่าติดตามมากๆ o13
เนื้อเรื่องแหวกแนวดี ไม่ซ้ำใครเลย :katai2-1:
แต่อยากให้ระวังคำผิดค่ะ เยอะมากๆ สู้ๆนะคะ :กอด1:
[/quote
ขอบคุณมากค่ะ จะแก้ไขให้ดีขึ้น^^

ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่7 พี่เขย น้องเมีย :serius2:



           หลังงานเลี้ยงขันโตกเสร็จประมาณ 2ทุ่ม ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอกับไอ้ภีม แล้วเราทั้งหมดหกคน ก็นั่งรถตู้มาเที่ยวในตัวเชียงใหม่ตามคำชวนของพี่กัส แก๊งเพื่อนสาวของผมไม่มา พวกนางมีนัดกับผู้ชายเลยยอมทิ้งเหล้าฟรีไปอย่างเสียดาย อิงที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวก็มากับเราด้วย ที่มาก็เพราะเป็นห่วงในความปลอดภัยของเรา ในเมื่อเพื่อนผู้ชายทั้งหมดตั้งใจมาเมาแบบเต็มที่ แล้วใครจะเป็นคนขับรถกลับ อิงยอมเป็นสาระถีมานั่งเฝ้าขี้เมา ทั้งๆที่ตัวเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน แต่นานๆจะมีเจ้ามือเสนอตัวมาแบบนี้ พวกผมก็ต้องสนองไม่ขัดศรัทธา

         ผมไม่ได้โทรบอกทูเพราะน้อยใจนิดๆ เมื่อนึกถึงคำถามของพี่กัส ที่ถามผมเมื่อตอนบ่าย ผมพยายามข่มใจไม่ให้คิด แต่มันยังวนเวียนในหัวสลัดไม่ออกสักที คืนนี้ขอเมาสักคืนเผื่อว่าความคิดบ้าๆที่มีอยู่มันจะหายไปได้บ้าง เรามาถึงที่ร้านประมาณ3ทุ่ม ก็พี่กัสแกตีนหนักเล่นเหยียบคันเร่งจนมิดเข็มไมล์นึกว่าถ่ายหนังฟาสอยู่ วันนี้เป็นวันศุกร์คนเยอะเป็นพิเศษ แต่ร้านนี้ก็เป็นร้านดังของตัวเมืองเชียงใหม่ ผมมาทีไรก็เต็มแบบนี้ทุกวัน เราเลือกนั่งฝั่งที่เป็นโต๊ะโซฟา ฝั่งนี้ไม่ค่อยแน่นเท่าฝั่งแดนซ์ พี่กัส พี่เชน พี่ชิน สั่งแบบไม่ลืมหูลืมตา งานนี้หนักหน่วงแน่นอน เสียงเพลงในร้านดังกำลังดี แต่เพลงที่เปิดดันมีแต่เพลงอกหัก ยิ่งทำให้ผมคิดมากไปอีก มีแฟนแต่ไม่เคยได้ ใครบ้างจะไม่น้อยใจ อิงนั่งกินข้าวคนเดียวเงียบๆเรื่องเหล้ายาตัดออกจากอิงได้เลย ส่วนผู้ชายอย่างพวกผมยกแก้วกันแทบไม่ทัน ชน ชน แล้วก็ชน



“น้องทู ทางนี้ครับ” พี่ชินลุกขึ้นยืนแล้วกวักมือเรียก ผมมองตามมือพี่ชิน หรือว่าทูตามมาว่ะ

“พี่ชินไม่ใช่ นั้นไอ้สอง น้องของทู” ไอ้ภีมรีบบอก

“ห๊า….หน้าเหมือนกันชิบหาย” เสียงอุทานที่แสดงถึงความตกใจ แล้วไอ้สองก็เดินตรงมาหาเราที่โต๊ะ พร้อมกับน้องผู้หญิงตัวเล็กๆน่ารักๆคนนึ่ง

“ไอ้ภีม มึงพาไอ้ตุลย์ หนีพี่กูมาเที่ยวหรอ กูจะฟ้อง” ใจผมตกไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อได้ยินไอ้สองพูด สองมึงอย่าฟ้องพี่มึงนะ กูขอแค่วันเดียว กูอยากเมา ก็เพราะพี่มึงนั้นแหละที่ทำให้กูมาวันนี้

“เลิกเห่าสักวันได้มั้ย ห่า พี่เขาพาเลี้ยง พี่ที่มาสัมภาษณ์ ทู ไงฟาย”

“เออใช่ มึงแหกตาดูสิ มีแต่พี่ๆเพื่อนๆทั้งนั้น กูไม่ได้ทำอะไรผิด ฟ้องเอาโล่ หรอ”

“ร้อนตัว”  อ่าวไอ้นี่ ก็มึงเป็นน้องแฟนกู กันไว้ก่อน เปล่าร้อนตัว โว้ย!

“อิงมาเฝ้าไอ้ภีมหรอ ห่วงมันจังนะ” อิงก็ไม่เว้นนะมึง

“เปล่าๆๆๆ อิงห่วงทุกคนแหละ กลัวไม่มีคนขับรถ” อิงปฏิเสธไอ้สองเสียงแข็ง

“เออๆ ไม่ต้องแก้ตัว สองแค่แหย่ไอ้ภีมเล่น หวัดดีครับพี่ ผมสอง พี่เลี้ยงหรอ ผมนั่งด้วยคน แต่ขอไปส่งน้องข้าวปุ้นก่อน แป๊ปนึ่งเดี๋ยวผมมา” มันหายไปไม่ถึง5นาที

“นั่งสอง ใกล้ๆกูนี่ พวกกูอยากเจอมึงมาก” พวกพี่แกรีบขยับที่ให้   มันย้ายมาก็เพื่อ ดวลเหล้ากับไอ้ภีมข้อนี้ผมรู้ มันสองคนชอบแดกเหล้าแข่งกันไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ขอให้มีเหล้าก็พอ หมดแก้วเลย หมดแก้ว เสียงยุไม่ขาดสายจากพี่รอบข้าง พอมีคนเชียร์มันสองคนก็ได้ใจ จัดแบบเพียวๆ ในขณะผมเริ่มหน้าตึงๆ สาวหมวยหน้าคุ้นๆก็เดินเข้าทักผม


“ตุลย์มาด้วยหรอ” กระต่ายน้อยดาวเศรษฐศาสตร์นี่เอง    ซวย!! ไอ้สองอยู่ด้วย

“กระต่ายมากับใครนั่งด้วยกันป่าว ไอ้ตุลย์อยากได้เพื่อนคุยพอดี” ไอ้ภีมชวนกระต่าย พี่ๆก็พยักหน้าชวนให้นั่งด้วยกัน ผมแปลกใจกับการชวนกระต่ายให้นั่งด้วยกัน เพราะปกติไอ้ภีมมันจะเป็นไม้กันสาวให้ผมมาตลอด แต่ครั้งนี้ทำไมมันถึงทำแบบนี้

“มึง ทำ เชี่ย อะ ไร” ผมหันไปพูดแบบไม่มีเสียง ให้ไอ้ภีมอ่านปาก ไอ้ภีมทำหน้าระรื่นไม่สนใจผม มึงไม่เห็นใช่ไหมว่าไอ้สองนั่งฝั่งตรงข้าม ถ้าตีนมันลอยมา ช่วยยื่นหน้ามารับแทนกูด้วยสัส หาเรื่อง

“กระต่ายมานั่งข้างเรานี่”อิงพยายามเรียกกระต่ายให้ออกห่างผม แต่ก็ช่วยไม่ได้ มารเยอะกว่านางฟ้า

“น้องกระต่ายนั่งข้างไอ้ตุลย์เลยครับ จะได้ชนแก้วกับพี่สะดวกๆ” พี่เชนชี้โพรงให้กระต่าย ผมจำเป็นต้องขยับที่ให้เธอ ไอ้ภีมเสือกกวนตีนไม่หยุด มันดันลุกให้กระต่ายนั่งตรงกลางระหว่างผมกับมัน

“ไอ้ตุลย์ ชนแก้วกับกระต่ายหน่อยสิมึง เขาอุตส่าห์มานั่งด้วย” ไอ้ภีมทำตาปริบๆส่งสัญญาณ มาที่ผมเพื่อบอกอะไรบางอย่าง ไอ้สองนั่งถอนหายใจแรง ดังเฮือกๆ ตามองขวางมาทางผมกับกระต่าย มือยกแก้วเหล้าไม่หยุด ครั้งนี้คงเป็นแผนไอ้ภีมผมเดาไม่ผิดหรอก เพราะมันรู้ว่ากระต่ายชอบผม มันต้องการแกล้งไอ้สองให้เดือด โดยเอาผมเป็นตัวกลาง ผมเห็นกระต่ายยกแก้วไม่กี่รอบแล้วกระต่ายก็เมา เธอเอาหัวมาซบลงบนไหล่ผม ไอ้สองจ้องตาเขม็งมากกว่าเดิม ส่วนผมก็หน้าเหวอไม่คิดว่ากระต่ายจะซบลงมา วันนี้ไอ้สองเอาผมตายแน่ๆ ตีนหรือหมัดก่อนว่ะ มันต้องฟ้องพี่มันร้อยเปอร์เซ็น มีสาวมาซบไหล่แบบนี้

“กระต่าย!! กระต่ายโอเคป่าว นั่งดีๆหน่อย”ผมพูดยังไม่จบกระต่ายก็เอื้อมแขนมากอดผมไว้แน่น คราวนี้ทั้งกอดทั้งซบ ไอ้สองมันเดือดตามแผนของไอ้ภีม แต่คนที่จะตกอยู่ในอันตรายกลับเป็นผมคนเดียว

“แผนมึงใช่มั้ย เชี่ยภีม กูไม่ได้โง่นะ เดียวมึงจะโดนตีนกูแทนไอ้ตุลย์” ไอ้สองลุกขึ้นชี้หน้าไอ้ภีม

“เดี๋ยวก่อนพวกมึง กูขออัดคลิปก่อน อย่าเพิ่งกัดกัน” พี่เชนจับกล้องถ่ายวิดีโอไว้ พกมาทำไม

“พี่คร๊าบ!!! มันจะแจกตีนกันอยู่แล้ว ยังมีอารมณ์อัดอีก" ผมพูดแต่พี่แกก็ยังจะอัดต่อ เชื่อพี่เขาเลย พี่กัส นั่งเอามือกอดอก ดูพวกผมเริ่มทะเลาะกัน เหมือนเป็นเรื่องสนุกของพวกแกซ่ะงั้น ส่วนพี่ชินไม่รู้หายไปอยู่กับกลุ่มผู้ชายโต๊ะข้างๆตั้งแต่ตอนไหน

“มึงหลบดิ ตุลย์” ไอ้สองทำมือให้ขยับออก จากนั้นมันก็เปลี่ยนฝั่งมานั่งข้างผม ไอ้สองแทรกตัวเข้ามานั่งแทนที่กระต่าย จนกระต่ายต้องปล่อยแขนออกจากผม

“หวัดดีกระต่าย ไอ้ตุลย์เป็นพี่เขยเราเอง มันมีเมียแล้วอย่ายุ่งกับมันเลย สวยๆแบบกระต่าย มายุ่งกับเราดีกว่า” ถุ๊ยย!!ไอ้หน้าด้าน

“หวัดดีสอง เรารู้ว่าตุลย์มีแฟนแล้ว แต่จะให้เรายุ่งกับสอง คงไม่เอา ขอยุ่งกับภีมยังจะดีกว่า เราขอตัวนะ” ฮ่าๆๆๆไอ้เหี้ยสองหน้าแตก แล้วกระต่ายก็ลุกเดินออกจากโต๊ะไป ทิ้งไอ้สองไว้กับความอับอาย

“ผู้หญิงนี่ตาต่ำจังว่ะ ไอ้ภีมมีอะไรดี ทำไมกูต้องโดนหักหน้าเพราะมึงอยู่เรื่อย”

 
         ผมและก็คนอื่นๆถึงกับกลั้นขำ ตอนที่เห็นไอ้สองแสดงความมั่นหน้ามาเต็มร้อย แต่โดน กระต่ายดาวสาวสวยตอกกลับแบบไม่เหลือชิ้นดี หวังว่าความมั่นใจมันจะลดน้อยบ้าง จะได้ไม่ต้องหน้าแตกอีก ไอ้ภีมคู่กัดมันนั่งซ่ะใจกว่าใครอื่น หัวเราะดัง ก๊ากกกกก แบบเอามือกุมท้องเลย


“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผู้หญิงเขารู้ ดีชั่ว มากกว่า”

 
         ผมชำเลืองมองทางพี่กัสกับพี่เชนอีกครั้ง พวกพี่เขาไม่ได้ยกแก้วแล้ว เอาแต่นั่งดู ผม ไอ้สอง ไอ้ภีม แบบชอบกล วิดีโอยังคงอัดอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้มีอะไรน่าสนใจในวงเหล้าแบบนี้ จากสถานการณ์เมื่อกี้ ทำเอาไอ้สองนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ยกแก้วอย่างเดียว ไอ้ภีมชนแก้ว ก็ไม่ชนด้วย คงเสียหน้าเอามากๆ  มันเอาแต่นั่งซึม นานแล้วที่ไม่มีใครทำให้มันเสียสูญแบบนี้ ไอ้สองเปลี่ยนเป้าหมายมา ดวลเหล้ากับผมแทน สติผมก็เหลือไม่ถึง50% ผมฝืนยกแก้วเป็นเพื่อนมัน เสียงเพลงก็แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจผม ทุกเพลง ไอ้สองแซ๊ด ผมก็เศร้า เหล้าก็หวาน งานดราม่า ก็เริ่มก่อตัว ความในใจที่อัดอั้นก็ได้ระบายกับไอ้สอง หรือจะเรียกว่าปรับทุกข์ก็ได้ กูเมาเป็นเพื่อนมึงเอง ไอ้น้องเมีย
..
..
..

“กูรักพี่มึงมากกกก มึงรู้ใช่มั้ย แต่แม่งไม่ยอมกูสักที กูไม่รู้จะทำไงแล้ว” ชน

“รู้!! มันมีไรดีว่ะ” มือไอ้สองยื่นมาวางที่เข่าผม มันคงเข้าใจและสงสาร หัวอกอย่างผมแล้วสินะ ถึงกับจับเข่าคุยกัน สมกับที่ทนมือทนตีนมันมา

“ถ้ากูรอไม่ไหว พี่มึงเป็นหม้ายผัวทิ้งแน่ ไอ้สัส มึงเข้าใจกูใช่มั้ย" ชน

“เออใช่!! ดีกว่ากูตรงไหน” ชน

“ปลาทูดีกว่ามึง ทุกตรงแหละห่า กูถึงรักพี่มึงมาก ยอมได้ทุ๊กกกกอย่างเลย แต่เมื่อไหร่มันจะยอมกูบ้างห๊ะ มึงตอบกูสิ” ชน

“ป๊าววว…กูหมายถึงไอ้เหี้ยภีมเนี่ยะ มันมีอะไรดี สาวๆถึงเลือกมัน   กูอยากรู้บอกกูหน่อยดิ ตุลย์”

“มึงพูดคนล่ะเรื่องกับกูแล้ว มึงฟังกูอยู่ป่าวว่ะ”

“ฟังๆๆ มึงพูดเลยกูตั้งใจ ฟ๊างงงงงงงอยู่”

“ฟังส้นตีนอะไร มึงเมาแล้วเชี่ย”

“กูขอดูชัดๆสิ มึงดีกว่า พชร ตรงหน๊ายยยย ” ชื่อจริงมาทันที ไอ้ภีมเอาแต่นั่งขำผมกับ ไอ้ พชร ฮ่าๆๆๆ แล้วไอ้สอง ก็เอามือจับที่คางของไอ้ภีมเหมือนจะเชยชม หันซ้ายหันขวา หาข้อเปรียบเทียบ หาข้อด้อยของไอ้ภีมอยู่นาน แต่ผมคิดว่าไม่น่าหาเจอ ภีมเป็นคนเรียนเก่ง เป็นคนดี เป็นคนหล่อ เป็นเดือนคณะ เป็นที่รักของเพื่อนๆ เป็นคนติวหนังสือให้ไอ้สองจนสอบติดอีกต่างหาก อย่ากล้าไปเทียบเลยไอ้สอง เดียวมึงจะอายไปมากกว่านี้


          คืนนี้จบลงด้วย ความเสียใจของผม และความเสียหน้าของไอ้สอง พวกพี่กัสแบกร่างไอ้สองขึ้นรถตู้ ส่วนรถมันก็ได้อิงขับตามหลังมาโดยมีไอ้ภีมนั่งเป็นเพื่อน ผมให้พวกพี่กัสมาส่งที่หอของไอ้ภีมข้างมหาลัย เพราะไม่กล้าไปส่งไอ้สองที่บ้านสภาพนี้ ส่งเสร็จพวกพี่แกก็กลับโฮมสเตย์ อิงก็เข้าไปนอนกับเพื่อนผู้หญิงห้องข้างๆ ส่วนเราทั้งสามคนก็นอนกองกันเป็นขยะเปียกในห้องไอ้ภีม เตียงเดียวอัดแน่นไม่มีที่ขยับตัว ก็ผู้ชายสามคนสูงเกือบ180กันทุกคน เตียง6ฟุต ไม่มีทางพอ


          ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงนาฬิกาปลุกผมให้ตื่นตั้งแต่ 6โมงเช้า แต่ก็ช้ากว่าไอ้ภีม เพราะมันอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยและกำลังนั่งกินโจ๊กกับปาท่องโก๋บนโต๊ะ ไม่รู้มันออกไปซื้อไหน จะเหลือแต่ก็ไอ้สองที่นอนสลบ เอามือเกาตูดตัวเองอยู่บนเตียง เสียงกรนดังตั้งแต่เมื่อคืนยันตอนนี้  ดีที่ผมไลน์บอกทูแล้วว่าไอ้สองนอนกับผมที่หอไม่ต้องห่วง  จนผมอาบน้ำเสร็จอีกคนไอ้สองก็ยังไม่ตื่น ไอ้ภีมต้องเดินเอาเท้ามาสะกิด


“ไอ้สองตื่น แดกข้าวเดี๋ยวเย็นหมด” ไอ้สองทำท่างัวเงีย พลิกตัวไปมา

“กูมาอยู่ห้องมึงได้ไงว่ะไอ้ภีม”

“ก็กูแบกศพมึงขึ้นมาไงห่า เมาแล้วเลอะเลือน ชิบหาย”

“กูยังไม่ตาย นี่กี่โมงแล้วว่ะ”

“7โมง มีไร” ไอ้สองดูกระวนกระวาย

“วันนี้กูต้องไปส่งดอกไม้กับแม่ ตายๆๆๆๆสวดกูยาว แน่" ไอ้สองรีบรน หากุญแจรถ

“สอง เรื่องกระต่ายเมื่อคืน มึงอย่าบอกทูนะ กูไม่อยากให้มันไม่สบายใจ” ผมพูดขอไอ้สองไม่ให้ฟ้องเรื่องดาวคนสวย

“อ่าว เมื่อคืนกระต่ายไปเที่ยวกับเราด้วยหรอ ทำไมกูไม่เห็น” โล่งอก มันจำไม่ได้ ไอ้สองเป็นเหี้ยเห่าได้ แล้วยังเป็นเหี้ยความจำสั้นอีก รอดตัวไป

“ไปเถอะ แม่รอนะมึง” ไอ้สองวิ่งออกจากห้อง น้ำท่าไม่อาบ ข้าวก็ไม่ได้กิน

         9โมงเช้าวันเสาร์ ผมกับไอ้ภีมเดินจากหอ มาหาเพื่อนที่มหาลัยวันนี้ก็ครึกครื้นไม่แพ้เมื่อวาน น้องๆอยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อยเต็มยศ พวกผมรุ่นพี่อยู่ใน ชุดงานหนัก ที่ตรงไหล่ข้างขวาของเสื้อ จะมีตัวหนังสือปักไว้ว่า “งานหนักไม่เคยฆ่าคน” เมื่อปีที่แล้วผมได้แต่มองรุ่นพี่ใส่มันดูเทห์และมีพลัง พอมาปีนี้ผมได้ใส่บ้าง มันรู้สึกดี กว่าที่เห็นมากๆ ไอ้ภีมวิ่งวุ่นทำหน้าที่ของมัน อิงกับเพื่อนผู้หญิงก็นั่งร้อยพวงมะลัยดอกมะลิ ไว้คล้องคอให้น้องๆที่ใต้ตึกคณะ สายตาผมได้แต่ซอกแซกหาปลาทู ไม่รู้ว่าวันนี้มันจะมาช่วยงานที่คณะเกษตรหรือเปล่า เห็นแต่เพื่อนมันเดินผ่านผมไป

“หวัดดี ตุลย์ เมื่อคืนอย่าโกรธเรานะ มีคนขอให้ช่วย เราได้ซบไหล่ตุลย์ ก็ถือว่า วิน วิน เราไปนะ” แล้วเธอก็โบกมือลา หัวเราะคิกคักเดินหนีผม อย่างเร็ว ไอ้สองเมาปริ้นเลยไม่ได้ฟ้องพี่มัน ถ้ามันจำได้งานเข้าแน่ ทีหลังจะไม่เปิดโอกาสให้กระต่ายอีกเลยสัญญา

“ให้สาวซบไหล่มาหรอ” ชิบหาย!! เสียงดังจากข้างหลัง จะใครล่ะ แฟนผมเอง




...........H.......e......l......p.......m......e................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2017 00:12:06 โดย 19919 »

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ตุลย์จะเละมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ยืนไว้อาลัยให้ละกัน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ภีม แก้ตัวให้ตุลย์เลย

ออฟไลน์ tulakom5644

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่นะค้าาาาาาาาาาาาาาาาาา :L2:

ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่นะค้าาาาาาาาาาาาาาาาาา :L2:
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ 19919

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่8 ศอกพิฆาตผัว



          10โมงเช้า วันอาทิตย์ที่6 สิงหาคม  ผมนอนในห้องพิเศษกับชุดสีฟ้าอ่อนของโรงพยาบาล  ฟังเสียงน้ำเกลือที่กำลังหยด ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง แขนขวาถูกเข็มเจาะจนระบม แขนซ้ายหักเข้าเฝือกรอบที่2ของชีวิต  เฝือกอันแรกตอนที่ถูกถีบตกเตียงเพราะจะปล้ำแฟนตัวเองนั้น  ผมยังเก็บไว้เป็นที่ระลึกในห้องนอน  มาวันนี้ผมได้ใหม่อีกอัน จากกระดูกแขนท่อนเดิมซะด้วย สงสัยผมต้องทำตู้โชว์เก็บมันเป็นของสะสมไว้อวดเพื่อนท่าจะดี  แม่ผมกับแฟนอยู่เฝ้าผมทั้งคืน ผมสลบเกือบหนึ่งวันเต็มๆ  แม่เล่าให้ฟังว่า ผมมีไข้สูงถึง39องศา เอาแต่ละเมอพูดไม่ได้ศัพท์ ทูเองก็ไม่ได้ไปไหนนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน จนหมอย้ายผมมาห้องพักฟื้น ทูก็ยังไม่ยอมกลับบ้านตั้งใจจะรอผมตื่นอย่างเดียว กระทั้งผมรู้สึกตัว ทำเสียงแข็งไล่ให้กลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และบังคับให้พาแม่กลับไปพักผ่อน ค่อยกลับมาใหม่  ปลาทูถึงยอมฟังคำสั่งผม 

          ตอนนี้ผมอยู่ในห้องคนเดียว หลังจากกินข้าวต้มกับผัดแตงกวาใส่ไข่ รสชาติจืดชืด ที่พยาบาลเอาใส่รถเข็นมาให้และเพิ่งมาเก็บไปเมื่อ5นาทีก่อน เจ็บครั้งนี้จะเพราะใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ พ่อยอดพธู ของผม


“ไงมึง อยู่ห้องไหน พวกกูมาดูใจ”
 
“กูแค่แขนหัก ไม่ได้โคม่า 313 สัส”


           ผมวางสายจากไอ้ภีม พวกมันกำลังยกขบวนมาเยี่ยมผม เมื่อรู้ว่าผมต้องแอดมิตที่โรงพยาบาลอีกรอบ  รอบที่เท่าไหร่ผมไม่ได้นับจริงๆ  แก๊งหนังสั้น แก๊งดอกปีบ อิง ไอ้สอง ไอ้ต้อง ไอ้สน ตัวแทนเพื่อนที่คณะก็มา ของเยี่ยมคนป่วยหอบมาเต็มไม้เต็มมือ ห้องพักฟื้นของคนป่วยกลายเป็นห้องสังสรรค์ของเพื่อนผมในบัดดล  พี่เชนเดินนำขบวน เปิดประตูเข้ามาเป็นคนแรก มือถือกล้องวีดีโอตามเคย ไม่รู้พี่แกจะมาทำหนังหรือมาถ่ายทำสาระคดีสัตว์โลกกันแน่ อัดได้ทุกสถานการณ์จริงๆ


“โดน ศอกพิฆาตผัว ทีเดียวสลบเลยหรอมึง” เสียงไอ้สองชื่นชมความสามารถพิเศษของพี่มัน กูถูกด่าว่ากลัวเมียขึ้นสมองอยู่ทุกวัน ยังจะมาย้ำกูอีก

“มึงก็พูดไป มันเป็นอุบัติเหตุ”

“นี่แค่สาวซบไหล่ ยังโดนหักแขนขนาดนี้ ถ้ามีเมียน้อยจะโดนขนาดไหนว่ะ ฮ่าๆๆๆ”

“หุบปากไอ้ภีม เพราะมึงไม่ใช่หรอที่กูต้องมานอนอยู่นี่ ไอ้ห่า”

“อีตุลย์ กูว่ามึงทำพินัยกรรมเถอะ ทูมันโหดขึ้นทุกวัน กูกลัวแทน”
 
“กระดูกกูขาดแคลเซียม เลยเปาะง่าย อย่าโทษมันเลย กูซุ่มซ่ามเอง”

“โอ้ยยยยยยยย!!!! ไอ้เหี้ย” เสียงสรรเสริญผมพร้อมกัน


         เหตุเกิดจากเมื่อวาน ตอนที่ ทูมาได้ยินผมพูดกับกระต่ายแบบพอเหมาะพอเจาะ ผมรีบอธิบาย  แก้ตัวและแก้ต่างให้ตัวเอง ว่าที่กระต่ายซบไหล่ผมเพราะถูกไอ้ภีมมันแกล้ง ทูเหมือนฟังบ้างไม่ฟังบ้าง  เดินจ้ำอ้าวหนีผมแบบเคืองๆ  ผมก็เดินตามทุกฝีเท้าไม่ห่าง จนมาถึงใต้ตึกคณะ  ที่เพื่อนๆนั่งทำงานกันอยู่ ผมเข้าไปกอดทูจากข้างหลังไว้แน่น  ไม่สนว่าใครจะมอง คนจะง้อแฟนไม่เคยอาย จังหวะนั้น ทูทำท่าง้างศอก  เพื่อกระทุ้งให้ผมปล่อย ผมเลยโดดถอยหลัง แค่ต้องการหลบศอกของทูให้พ้นเท่านั้น  ผมไม่ทันมองว่ามีขอบพื้นปูน อยู่ตรงนั้นพอดี เท้าผมสะดุดมันเข้าอย่างจัง ตัวผมล้มลงเหมือนต้นไม้โดนโค่น  ผมได้ยินเสียง แกร๊ก หนึ่งครั้งที่แขนซ้าย แล้วผมก็หลับไป

          แต่ภาพที่เพื่อนๆเล่า คือ เห็นศอกของทู กระทุ้งเข้าที่หน้าอกผม  ทำให้ผมหงายหลังล้มทั้งยืน หัวฟาดพื้นสลบไป มันเลยเป็นที่มา ของคำว่า ศอกพิฆาตผัว ที่พวกมันกำลังล้อเลียนผมอยู่ในตอนนี้

          ผมต้องนอนที่โรงพยาบาลอีก 2-3 วัน จริงๆแล้วแม่ผมขอให้นอนนานกว่านี้เพื่อให้หมอเช็คและดูอาการต่อ  แม่ผมกลัวเลือดคลั่งในสมอง ผมก็เข้าเครื่องสแกนแล้วทุกอย่างปกติดี ผมเลยดื้อขัดคำสั่งแม่เพราะอยากเข้าร่วมงาน  เดินวิ่งสันทราย ซึ่งมันเป็นประเพณีรับน้องวันสุดท้าย  ผมตั้งใจจะวิ่งให้ครบทั้ง4ปี  เรามีความเชื่อกันว่า ถ้าเราวิ่งกับคนที่เรารักครบ4ปี ในตอนที่เรายังเรียนอยู่ จะถือว่าคนนั้นคือคู่แท้  มันอาจเป็นแค่นิทานหลอกเด็ก อย่างผมก็ได้ แต่ผมก็เต็มที่จะวิ่ง ก็แค่แขนหัก ขาไม่ได้หักสักหน่อย


“ตุลย์ กูว่ามึงถือโอกาสนี้ ขอ ทูเลยสิ เผื่อมันใจอ่อน ยอมมึงไง ได้ใจโคตรๆ” ไอ้ภีมเสนอความคิดเห็น พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

“จริงด้วย เรียกคะแนนสงสารได้เยอะเลยนะตุลย์ ลองดู อิงว่าน่าจะได้ผล”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น กูจัดเต็มกว่าเดิมแน่ เอวกูพร้อม”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ทุกคนหัวเราะชอบใจเสียงดัง





ผมได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากห้องของตุลย์  ก็น่าจะเป็นเสียงของเพื่อนๆที่มาเยี่ยม แต่พอผมเปิดประตูเข้าไป  ทุกคนก็เงียบทันที หยุดการสนทนาทั้งหมด ไม่รู้ก่อนหน้านี้ กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่ ถึงทำให้มีความสุขและเฮฮาขนาดนั้น


         เรื่องเมื่อวานผมตกใจมาก ผมเห็นตุลย์นอนสลบอยู่กับพื้นไม่ได้สติ สนกับต้องเพื่อนร่วมสาขาของตุลย์เข้ามาช่วย  ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนคนอื่นๆ และผมที่ยืนสั่นไม่หยุด  เราเอาตัวตุลย์ขึ้นรถกระบะมาส่งที่โรงพยาบาล  มันอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่มันเร็วกว่ารอรถจากโรงพยาบาลมารับ  ผมนั่งกอดแฟนมาตลอดทาง  แขนของตุลย์ก็เริ่มบวมใหญ่ขึ้น  ผมได้แต่ภาวนาอย่าให้มันหักอีก และตุลย์ต้องปลอดภัย  พระเจ้าคุ้มครองคนที่ผมรักด้วย สิ่งที่ผมกลัวที่สุด คือกลัวว่า ตุลย์ ฟื้น มาแล้วจะจำผู้ชายที่ชื่อ พธู ไม่ได้ เพราะการที่หัวกระทบกับของแข็งมันค่อนข้างจะอันตราย  ผมกลัวไปหมดทุกอย่างและคิดไปไกล พอตุลย์ฟื้นขึ้นมา คำถามแรกจากผมคือ “จำ ทู ได้ ไหม” ตุลย์พยักหน้า ผมก็คลายความกังวน  ผมโทษตัวเองที่เอาแต่งอนไม่เข้าท่า  ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้ตุลย์มาเจ็บตัวเพราะผมครั้งแล้วครั้งเล่าเลย ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ จริงๆ


“ไปๆพวกมึง ทูมาแล้วกลับมหาลัย ปล่อยมันอ้อนกันได้เต็มที่” ภีมชวนกลับเมื่อผมมาถึงที่ห้อง

“ขอบคุณครับพี่ พวกมึงด้วย ขอบใจมาก เจอกันงาน เดินวิ่งสันทราย” ตุลย์บอกลาพี่ๆเพื่อนๆ

“มึงก็ ยอมๆมันบ้างทู สงสารไอ้ตุลย์มัน” พี่กัสตบบ่าผม แล้วเดินออกไปเป็นคนสุดท้าย ตอนนี้เหลือแค่คนป่วยกับผม ตามลำพัง

“ตุลย์ ทูขอโทษนะ” ผมเอามือวางลงบนหน้าผาก ของตุลย์แล้วลูบเบาๆ

“ขอโทษ เรื่องอะไร ทูไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”



ผมเลือก นายหนึ่งตุลา เป็นแฟนไม่ผิดใช่ไหม



 
 






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2016 14:20:58 โดย 19919 »

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกครับ ใช้วิธีเล่าเรื่องย้อนไปย้อนมาแต่ก็ไม่งง
ตอนแรกคิดว่าปลาทูเป็นพระเอกซะอีก เพราะความคิดของพระเอกตัวจริงดูมุ้งมิ้งจนนึกว่าเป็นนายเอก 55

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทู ศอกพิฆาตจริงๆ :katai1: :katai1: :katai1:
ตุลย์ รัก ทู มากกกกก  อดทนรอทู
ตุลย์ จะสมหวังเมื่อไหร่น้อ น่าเห็นใจตุลย์
     :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด