*// สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนถึงบทนี้
สนุกมากๆ ชวิศาน่ารัก ว่าแต่เข้ามาล้วงความลับอะไรของสุดฟ้า สุดหื่นกันนะ
ลักลับ ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ
สนุกมากกกก
สนุกมากกก กอ/ไก่เยอะๆๆเลย เห้ยยยย พระเอกแบบโคตะระเพี้ยน 555555 น่ารักแฮะ
ขอบคุณค่ะที่บอกว่าเรื่องนี้สนุก เราเป็นพวกเล่าเรื่องตลกไม่ตลกค่ะ เลยค่อนข้างจะกังวลอยู่เหมือนกัน
เราอยากจะเขียนเรื่องนี้ให้ออกมาแบบป่วงๆฮาๆ ซึ่งตอนนี้มันออกทะเลไปไกลมากและรู้สึกห่างไกลคอนเซ็ปตอนแรกมาก
และบางตอนคนเขียนรู้สึกว่าออกจะน่าเบื่อไปเหมือนกัน ที่เขียนอย่างนี้ไม่ใช่จะเลิกเขียนนะคะ แค่จะบอกว่า
เรื่องนี้จะจบตรงที่ พ่อหนุ่มสุดฟ้าของเราทำงานให้ฮัชดาลลาร์เสร็จและกลับบ้านค่ะ ส่วนโน่นนี่นั่นมากมายต้องกลับไปนอนคิดก่อนค่ะ
ตอนนี้เรื่องมันกลายเป็นแฟนตาซีไปซะแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เราตั้งใจให้มันคือนิยายรักกุ๊กกิ๊กตามชื่อเรื่องนะ
เราเริ่มเขียนเรื่องนี้เมื่อหลายปีก่อนในรูปแบบของแฟนฟิคค่ะ และไม่ได้เอาลงที่ไหนเพราะเรื่องตันไปซะก่อน
เขียนได้ถึงตอนที่ห้าค่ะ และพล็อตในหัวตอนนั้นจบลงตอนชวิศาจะกลับฝรั่งเศส แล้วสุดฟ้าก็ตามไปที่สนามบิน
มันสั้นมากกกก เมื่อคิดไม่ออกเลยต้องหยุดไปก่อน และที่เราเอามาลงเพราะปีนี้(2017)มีข่าวว่า ตุ๊กตายางระบบAI จะวางจำหน่างแล้วววว
แล้วซิ ถ้าเราไม่ชิงลงมือก่อน พ่อหนุ่มสุดอัจฉริยะของเราก็ไปก็อปเขามานะดิ เรื่องทั้งหมดก็ด้วยประการฉะนี้แล
ตอนหลังๆนี้เลยต้องด้นสด แล้วก็ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนด้วย จนบางตอนรู้สึกว่า ง่ายไปไหม
อย่างเรื่องพ่อหนุ่มสุดฟ้าพาคุณเอมมิกาไปคืนเจ้าชายอ่ะ
สุดท้ายนี้ ขอความกรุณาให้ทุกท่านติดตามต่อไปด้วยนะคะ ถึงดูเหมือนจะใกล้จบ แต่ยังเหลืออีกหลายตอน....มั้ง
ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เรายังเขียนไม่ถึงไหน ตอนใหม่ของอาทิตย์หน้ายังไม่ถึงหน้าด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ
ติดตามอ่านตอนที่สิบสี่ได้ด้านล่างค่ะ//*
ตอนที่สิบสี่เวลาในการนอนแค่สองสามชั่วโมงไม่นับว่าเป็นปัญหาของสุดฟ้า เพราะต่อให้ไม่นอนเลยยี่สิบสี่ชั่วโมง หน้าของเขาก็ยังเด้งเหมือนเดิม ต่างกับฝาแฝดสองพี่น้องที่มีอาการแฮ้งค์อย่างหนักทั้งที่เคยได้ฉายานักดื่มคอทองแดง
“หรือเพราะแก่แล้วว่ะ”ธัชนันท์กล่าวขึ้นมาลอยๆ พลางรับน้ำขิงจากสเตบาสเตียนมาดื่มอีกแก้ว
“แล้ววันนี้จะไหวป่ะเนี่ย”สุดฟ้าถาม ขณะที่ลงมือทานอาหารที่ชวิศานำมาให้ รายนี้ก็ทำท่ามึนตึงกับเขาอยู่เหมือนกัน แต่ยังใส่ใจดูแลเขาอย่างดี สุดฟ้าเลยไม่มีปัญหา เมื่อตักข้าวต้มเข้าปากเขาก็ต้องขมวดคิ้วเพราะรสชาติเหมือนเดิมเด๊ะ
“ทำกันเองเหรอ”ชายหนุ่มหันไปถาม ที่นั่งข้างหนึ่งยังเป็นของชวิศาส่วนอีกข้างเป็นของมาริเอะ แต่คำถามนั้นมาริเอะเป็นคนอ้าปากตอบ
“ครับ เพราะเห็นว่ามีครัวให้ใช้เลยไม่อยากรบกวนคนของฮัชดาลลาร์”
“แล้วเรื่องเมื่อคืนว่าไง”
“ผมโกรธมากกกกกกกกก”ชวิศาว่า เขาลากเสียงยาวที่คำสุดท้ายเพื่อบ่งบอกว่ามากจริงๆ
“ถ้าตอนนี้บอกว่ารักแล้วจะโอเคป่ะเนี่ย”
“โอ้ย!!! จะอ้วก”ธัชนันท์พูด “อย่ามาพูดอะไรเลี่ยนๆตอนนี้ได้ป่ะว่ะ แค่นี้ก็พะอืดพะอมจะตายแล้ว เดี๋ยวอ้วกใส่หน้าจริงๆหรอก”
สุดฟ้าหัวเราะ ฝาแฝดคนพี่เลยพูดขึ้นมาบ้าง “อยากรู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไงเนี่ย ถามพวกเราเลย เราสองคนอยู่ในเหตุการณ์เดี๋ยวเล่าให้ฟังแบบละเอียดยิบไม่มีตกหล่นเลย”
“ว่ามาเลยไอซ์ เราอยากฟัง”
“เฮ้ยๆ รีบกินก่อนดีไหม นัดเจ้าชายไว้เนี่ย”สุดฟ้ากล่าวขัด
“ทำไมตื่นเต้นนักว่ะ เมื่อวานที่ซีกับมาริชวนไปเดินเที่ยวยังไม่ตื่นเต้นเลย”ธัชนันท์เอ่ยปากถาม
“ก็เจ้าชายฟาลิฮ์จะพาไปดูฮอกกอตส์”
“อะไรว่ะ ฮอกกอตส์ โรงเรียนสอนเวทมนต์ในแพรี่เหรอว่ะ”ธัชนนท์ถาม
“ถ...ถูกต้องนะคร้าบ”สุดฟ้าชี้มือเลียนแบบพิธีกรในรายดังของไทย
“อย่างนั้นด็อกเตอร์เชื่อผมแล้วใช่ไหมว่าที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของพลังปราณโลกา”มาริเอะเลยกระตือรือร้นขึ้นมาบ้าง
“ง่ะ เจ้าชายไม่เห็นจะพูดถึงสักกระพีก ฉันว่าข่าวนายมันมั่วว่ะมาริ...”เอะ เก็บไว้ในใจเพราะเจ้าของชื่อจ้องเขาเขม็ง “หาข่าวมาจากไหน เพจบุ๊คป่ะเนี่ย มันชอบมีข่าวมั่วนะ ระวังหน่อย”
“จากที่ไหน... ก็จากเว็บไซต์ของโรงเรียนคาร์มานาอย่างไรละครับ”
“โรงเรียนคาร์มานาเป็นโรงเรียนสอนการใช้เวทมนต์ในสังกัดกระทรวงศึกษาของฮัชดาลลาร์ มีนักเรียนทั้งสิ้นห้าพันสามร้อยแปดสิบแปดคน แบ่งการศึกษาเป็นสี่ระดับ มีระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย”
“นายเยี่ยมมากสเตบาสเตียน”มาริเอะยกนิ้วโป้งและปรบมือให้ “ด็อกเตอร์ก็รีบกินซิครับ พวกเราจะได้ไปดูโรงเรียนคาร์มานากัน”
บอกได้เลยว่าสุดฟ้าไม่ชอบไอ้ท่าทางลอยหน้าลอยตาแบบนี้ของมาริเอะมากที่สุด
การเดินทางของพวกเขาในวันนี้ เจ้าชายฟาลิฮ์ได้จัดรถม้าเทียมเกวียนเตรียมไว้ให้ ปูเบาะผ้าอย่างหนาผืนใหญ่แบบที่ต้องถอดรองเท้าก่อนจึงจะเข้าไปนั่งได้ ภายในกว้างขวางมากพอสำหรับพวกเขาแปดคน รวมเจ้าชายและบาซิมเป็นสิบคน คนบังคับม้าอีกสองคน นับว่ามีคนติดตามเจ้าชายน้อยมาก
“เห็นว่าประเทศไทยกำลังนิยมการท่องเที่ยวแบบวิถีชาวบ้าน ผมเลยจัดพาหนะแบบนี้มาให้”
ไม่มีใครเดือดร้อนกับการเดินทางด้วยเกวียน เพราะรู้อยู่แล้วว่าภายในฮัชดาลลาร์มีแค่รถไฟฟ้ากับรถไฟใต้ดิน ถ้าไม่ใช้เกวียนก็คงจะมีแต่เดินเท้า...เท้าใครเท้ามัน
“แล้วเจ้าชายไม่ต้องมีองครักษ์หรือครับ”ชวิศาถาม
“บาซิมเป็นองครักษ์ฝีมือดีของผมอยู่แล้วครับ อีกอย่าง ภายในฮัชดาลลาร์ค่อนข้างสงบสุขไม่ค่อยมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นสักเท่าไหร่”
ชวิศาพยักหน้ารับรู้ ที่ถามเพราะห่วงความปลอดภัยของเจ้าชายเป็นหลัก แต่ในเมื่อเจ้าบ้านว่าเช่นนั้นเขาจึงไม่มีข้อกังขาอีก
ถนนหนทางในฮัชดาลลาร์เป็นถนนดินที่ไม่ได้เรียบสม่ำเสมอกันทั้งหมด แต่ไม่มีหลุมมีบ่อขนาดใหญ่ จึงเหลือแค่อาการสะเทือนเพราะเกวียนไม่มีโช้คคอยลดแรงกระแทก กระนั้นเบาะผ้าหนาๆก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี
สองข้างทางเป็นหมู่แมกไม้ที่เมื่อเงยมองสูงขึ้นไป จะเห็นเสาปูนรองรับรางของรถไฟฟ้า บางจุดที่ใกล้แหล่งชุมชนพวกเขาจะเห็นทางลงสถานีรถไฟใต้ดินอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ ถนนดินที่พวกเขาใช้งานอยู่ถึงมีคนใช้งานสัญจรอยู่บ้าง แต่ก็น้อยนัก กระทั่งรถม้าเทียมเกวียนเคลื่อนที่มาถึงแหล่งชุมชนอีกครั้ง ครั้งนี้น่าจะเป็นเมืองใหญ่พอควร เพราะถนนดินกลายเป็นพื้นปูด้วยอิฐที่มีการแบ่งเขตถนนอย่างชัดเจน อาคารบ้านเรือนถูกปลูกสร้างอย่างหนาแน่นด้วยสถาปัตยกรรมหลากหลาย มีทั้งหอระฆังและหอนาฬิกาที่สามารถมองเห็นได้จากที่ไกลๆ
“เขตนี้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยของเราครับ ผู้คนเลยค่อนข้างพลุกพล่าน”เจ้าชายฟาลิฮ์ตรัสอธิบาย เมื่อเห็นว่าผู้ร่วมคณะให้ความสนใจบรรยากาศรอบตัวหลังจากคุยกันเองมาตลอดระยะเวลาเดินทาง
“แต่เดิมที่นี่เป็นที่ตั้งวังหลวงของฮัชดาลลาร์ ก่อนจะมีการย้ายไปเมื่อร้อยปีก่อน พระราชวังเดิมจึงกลายเป็นมหาวิทยาลัยอินดราจาร์”
“ทำไมถึงย้ายละครับ”ชวิศาเอ่ยปากถาม
“เพราะประชากรในเขตนี้เริ่มเยอะขึ้นครับ เลยมีความคิดที่จะสร้างเมืองใหม่”
สุดฟ้าที่ได้ฟังคำตอบนั้นรู้ได้ทันทีว่า เจ้าชายฟาลิฮ์กำลังตรัสโป้ปด แต่เขายังคงนิ่งเงียบ รอจนกระทั้งเกวียนเทียมม้าจอดที่หน้าประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัยอินดราจาร์ เมื่อเจ้าชายเสด็จลงจากเกวียน พวกเขาจึงมายืนอยู่หน้าประตูของมหาวิทยาลัยด้วยเช่นกัน กลุ่มของพวกเขาอยู่ในชุดพื้นเมืองที่เจ้าชายฟาลิฮ์จัดเตรียมไว้ให้ ดังนั้นแม้หน้าตาจะผิดแปลกไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นจุดสนใจ
“ที่นี่คือมหาวิทยาลัยอินดราจาร์ครับ”ที่จะเรียกความสนใจจากคนทั่วไปซึ่งกำลังเดินเข้าออกผ่านประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัยคงจะเป็นข้อความภาษาอังกฤษของเจ้าชายที่ใช้สื่อสารกับพวกเขา
“หลังจากมีการย้ายพระราชวัง พระราชวังซูบราฮ์แห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้างไปประมาณยี่สิบปีก่อนจะมีการบูรณะขึ้นมาใหม่เพื่อก่อตั้งเป็นมหาวิทยาลัยอินดราจาร์ เปิดสอนในสาขาวิชาแพทย์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และรัฐศาสตร์”
มาริเอะชูมือขึ้นสูงพลางโบกไปโบกมาอย่างกระตือรือร้น เมื่อเจ้าชายผายพระหัตถ์อนุญาตให้พูด หุ่นยนต์สมองกลอย่างมาริเอะก็ทำท่าราวกับจะแปลงร่างเด็กนักเรียนที่กำลังมาทัศนศึกษานอกสถานที่ทันที
“ไม่มีการสอนเวทมนต์หรือครับ”
เจ้าชายฟาลิฮ์นิ่งงัน หันไปทอดพระเนตรมองสุดฟ้าที่กระพริบตาปริบๆส่งให้พระองค์ “ไม่ทราบว่า เวทมนต์ที่คุณมาริหมายถึง คืออะไรครับ”
คำตอบนั้นทำให้สุดฟ้ารู้ได้ทันทีว่า เจ้าชายไม่ต้องการเปิดเผยความสามารถและพลังในการใช้มนตราให้กับคนภายนอกได้รับรู้ อุปกรณ์และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกมากมายอาจมีไว้เพื่อให้ประชาชนในประเทศลดการใช้เวทมนต์ลง
มาริเอะทำหน้างง แต่ข้อมูลข่าวสารมากมายบนเครือข่ายออนไลน์ที่หุ่นยนต์สมองกลได้ทำการตรวจสอบยืนยันแน่ชัดว่าประเทศแห่งนี้มีการใช้งานพลังอำนาจที่นักวิทยาศาตร์แบบด็อกเตอร์ผู้เป็นเจ้านายของเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้
“ด็อกเตอร์ ขออนุญาตเปิดเผยข้อมูลครับ”มาริเอะหันไปถามสุดฟ้าด้วยภาษาไทย
นี่เป็นหนึ่งในกฎที่สุดฟ้ากำหนดไว้
ทั้งมาริเอะและสเตบาสเตียนเป็นหุ่นยนต์สมองกลที่สามารถแทรกซึมได้ทุกระบบบนโลกออนไลน์ สองคนนั้นสามารถดึงข้อมูลจากทุกแหล่งบนโลก มาประมวลผลและกลั่นกรองจนได้ข้อมูลที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว และบางสิ่งบางอย่างก็เป็นความลับที่ไม่ควรนำมาเปิดเผย ความลับที่แม้แต่ตัวเขาเองไม่ควรรู้ และไม่ว่าใครก็ไม่ควรรู้ว่าหุ่นยนต์ของเขามีความสามารถเช่นนี้
ดังนั้น การเปิดเผยความลับและความสามารถนี้ จำเป็นต้องขออนุญาตเปิดเผยข้อมูลจากเขาก่อน
“ไม่อนุญาต”
“เฮ้ยๆ อะไรว่ะ”ธัชนันท์โวยวายออกมาเป็นภาษาไทยเช่นเดียวกัน “เรื่องอะไรกันนะ มีอะไรปิดบังพวกฉันว่ะ”
สุดฟ้าพลาดไปแล้วที่พูดถึงโรงเรียนสอนเวทมนต์ของฮัชดาลลาร์บนโต๊ะอาหารเมื่อเช้า เพราะนั่นเหมือนเป็นการอนุญาตกลายๆให้ทั้งมาริเอะและสเตบาสเตียนสามารถเปิดเผยข้อมูลนี้ต่อบุคคลอื่นได้ โชคดีที่ครั้งนี้เขาปิดปากเงียบ ไม่อย่างนั้นเรื่องที่เจ้าชายฟาลิฮ์ไม่อยากพูด คงหลุดออกมาเป็นพรวน
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”เขาตอบตัดบท และหันไปพูดกับเจ้าชายด้วยภาษาอังกฤษว่า “เชิญ เจ้าชายต่อได้เลยครับ”
“เฮ้ย ฉันสองคนเป็นเพื่อนของแกนะเว้ย”ฝาแฝดคนน้องยังคงโวยวายต่อ จนสุดฟ้ารู้สึกเกลียดคำว่าเพื่อนขึ้นมาตะหงิดๆ
“เจ้าชายครับ พวกเรารู้หมดแล้วละว่าประชาชนในฮัชดาลลาร์สามารถใช้เวทมนต์ได้ เพราะฉะนั้นเชิญอธิบายเรื่องของเวทมนต์ให้พวกเราฟังได้เลยครับ”ธัชนนท์บอกเจ้าชายห่งฮัชดาลลาร์ด้วยท่าทางสุภาพ สุดฟ้าหันหน้าหนีผิวปากทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวทันทีที่เห็นสายพระเนตรของเจ้าชายรัชทายาท
เจ้าชายหนุ่มผู้ทรงเป็นเชื้อพระวงศ์แห่งประเทศเล็กๆแห่งนี้ ทรงถอนพระปัสสาสะก่อนจะดำรัสต่อไปด้วยพระสุรเสียงสุภาพว่า “อย่างที่พวกคุณรู้ ประชาชนในฮัชดาลลาร์ราวๆเก้าสิบเปอร์เซ็นต์สามารถใช้เวทมนต์ได้ ตั้งแต่อดีตกาลเรามีโรงเรียนสอนเวทมนต์เพื่อสอนวิธีการใช้งานและควบคุมพลัง แต่ว่าปัจจุบันเราจะมีโรงเรียนสำหรับการเรียนการสอนแบบปกติธรรมดาด้วยเช่นกัน ตอนนี้เรากำหนดให้แค่โรงเรียนคาร์มานากับมหาวิทยาลัยอินดราจาร์เท่านั้นที่สามารถมีวิชาเวทมนต์ได้”
“ทำไมละครับ มีคนใช้เวทมนต์ได้เยอะๆก็น่าจะดีนี่ครับ”ชวิศาถาม
“คนที่ใช้เวทมนต์ก็มนุษย์ธรรมดาครับ มีรักโลภโกรธหลงความอยากมีอยากได้ ไม่ใช่ว่ามีคนที่สามารถใช้เวทมนต์ได้เยอะแล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ สาเหตุที่เมื่อร้อยปีก่อนต้องย้ายที่ตั้งพระราชวังก็เพราะเกิดสงครามกลางเมืองครับ เป็นการสู้รบเพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์ หลังจากนั้นมาราชสำนักก็มีกฎว่ากษัตริย์ผู้ปกครองประเทศสามารถมีพระราชโอรสหรือธิดาได้เพียงพระองค์เดียว”
“เข้มงวดจัง ไม่กลัวว่ารัชทายาทจะสิ้นพระชนม์ไปก่อนบ้างหรือครับ”
“ก็ยังไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นนี่ครับ”เจ้าชายตรัสตอบ และเล่าให้ฟังอีกว่า “ตามที่เล่าขานกันมา เมืองที่เราเห็นอยู่ตอนนี้พังราบจนไม่มีเหลือ ขนาดพระราชวังซูบราฮ์ที่เล่ากันว่าถูกสร้างจากเวทมนต์ด้วยพลังของมหาเวทย์เมื่อสองพันปีก่อนยังเสียหายไปบางส่วน”
“สองพันปี!!!” พี่น้องสุวราลักษณ์อุทานออกมาพร้อมกัน พวกเขามองอาคารหลังคาทรงโดมยอดแหลม ค้ำยันด้วยเสาร์กลมแบบศิลปะโรมันตรงหน้าด้วยความทึ่ง เพราะมันเกินไปจากจิตนาการไปมากโข
“ครับ ฮัชดาลลาร์มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มามากกว่าสองพันปีแล้วครับ”
ในที่สุดเจ้าชายฟาลิฮ์ก็พาพวกเขามาเยี่ยมชมโรงเรียนคาร์มานาที่สุดฟ้ารอคอย ชายหนุ่มบอกได้เลยว่าที่นี่มีกลิ่นอายการใช้เวทมนต์ที่เข้มข้นมากๆ
“ดูการเรียนการสอนเหมือนโรงเรียนปกติเลยเนอะ”
“นั่นสนาม’บอลใช่ม่ะ เหมือนกำลังเรียนพละอยู่เลยว่ะ”
“วิ่งแข่งละ สงสัยวิ่งร้อยเมตรกันอยู่”
สองพี่น้องฝาแฝดพูดคุยกันอย่างไม่ตื่นเต้นด้วยภาษาไทย ซึ่งเมื่อกวาดสายตาจนทั่ว ความคาดหวังที่จะได้เห็นนักเรียนในโรงเรียนขี่ไม้กวาดบินได้แบบในหนังมลายหายไปทันที นอกจากอาคารเรียนที่เป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่จนดูขลังยิ่งกว่าในภาพยนตร์พ่อมดแล้ว นอกจากนั้นทุกอย่างดูปกติ ชนิดที่ว่าถ้าเจ้าชายบอกว่า นี่เป็นโรงเรียนธรรมดา มันก็คือโรงเรียนธรรมดาจริงๆ
“วิ่งแข่งที่มิสเตอร์สุวราลักษณ์เห็นอาจจะเหมือนว่าเป็นวิชาเรียนธรรมดา แต่ไม่ใช่วิชาเรียนธรรมดาหรอกครับ”
สุดฟ้าขมวดคิ้วสงสัย เจ้าชายรู้ได้ย่างไรว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน
“เจ้าชายเขาถามคุณชวิศาเมื่อกี้นี้ครับ”มาริเอะกระซิบบอก ขณะก้าวเท้าเดินตามไกด์นำทัวร์ไปใกล้สนามกีฬา
“ปัจจัยหลักในการใช้เวทมนต์คือจักระ”
“อันนี้ผมทราบครับ”ธัชนันท์ชูมือขึ้นสูงด้วยท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมาบ้าง “จักระคือพลังที่หมุนเวียนในร่างกาย อ้างอิงที่มาจากนินจาซะโหลซะเหล มารุโตะครับ”
“ครับ ตามนั้น”เจ้าชายยิ้มบาง “โรงเรียนจะแบ่งระดับชั้นของนักเรียนตามระดับพลังและความสามารถในการควบคุมจักระ ถ้ามีพลังมากและสามารถควบคุมจักระได้คล่องแคล่ว ต่อให้อายุยังน้อยก็สามารถเรียนในชั้นเรียนระดับสูงได้เช่นเดียวกัน”
เจ้าชายฟาลิฮ์ทรงเปิดประตูและก้าวเข้าไปในสนาม อาจารย์ผู้สอนวิชานั้นเมื่อเห็นเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์เสด็จมา ก็ลุกขึ้นยืนทำความเคารพทันที ไม่เว้นแม้แต่เด็กนักเรียนที่กำลังนั่งบ้างยืนบ้าง ต่างลุกขึ้นมายืนรวมเข้าแถวอย่างรวดเร็ว ในกลุ่มนักเรียนเหล่านั้น มีเด็กคนหนึ่งที่มองดูแล้วน่าจะอยู่ในวัยประถม
“ฮาซีฟ” ประโยคหลังจากชื่อนั้นเป็นภาษาพื้นเมือง เด็กคนก้าวมายืนตรงหน้าเจ้าฟาลิฮ์ และทำเคารพด้วยท่าทางแข็งแรงจริงจัง เจ้าชายหนุ่มลูบพระหัตถ์บนศีรษะด้วยความเอ็นดู
“น้องชายของบาซิมครับ ปีนี้อายุสิบสองแล้ว แต่ตอนนี้อยู่เยียร์สิบเอ็ด ลำดับชั้นเรียนของเราเทียบเท่ากับของอังกฤษ ก็ประมาณ มัธยมศึกษาปีที่สี่ของไทย”
พวกเขาหันมองบาซิมที่เดินตามพวกเขามาเงียบๆทางด้านหลังทันที ชายหนุ่มร่างเล็กยังคงยิ้มแย้มให้อยู่เช่นเดิม จากนั้นเจ้าชายก็หันไปตรัสกับอาจารย์ผู้สอน
“ทรงตรัสว่า ให้อาจารย์ทำการสอนไปตามปกติครับ และถามคุณฮาซีฟว่าถึงคิวที่จะวิ่งหรือยัง วิ่งแล้วครับ ตอนนี้รอคิววิ่งสี่ร้อยเมตรอยู่ฮับ”ประโยคหลังๆมาริเอะปรับเสียงเป็นเสียงเด็กด้วย ชวิศาเลยหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
“แล้วสถิติวันนี้ได้เท่าไหร่”มาริเอะพูดด้วยเสียงทุ้มๆให้คล้ายกับเสียงเจ้าชาย ที่จริงเข้าสามารถเลียนเสียงให้เหมือนอย่างไม่ผิดเพี้ยนเลย ก็สามารถทำได้ แต่มีกฎข้อห้ามที่ไม่ให้เปิดเผยความสามารถที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปต่อหน้าคนหมู่มากอีก จึงทำเป็นว่ากำลังดัดเสียงแทน
“เจ็ดจุดหนึ่งห้าวินาทีครับ”
พอเห็นว่าชวิศากำลังหัวเราะ องค์รัชทายาทจึงเลิกพระขนง ส่งสายพระเนตรเป็นเชิงสงสัย คนของฮัชดาลลาร์ไม่มีใครรู้ว่ามาริเอะพูดอะไร เพราะหุ่นยนต์สมองกลของสุดแปลคำพูดของเจ้าชายมาเป็นภาษาไทย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
แต่เชื่อเถอะว่าพระองค์ต้องสงสัย กระนั้นสุดฟ้าก็ยังคงนิ่งเงียบไว้ เขากะว่า ถ้าได้พูดคุยกับเจ้าชายเป็นการส่วนตัวเมื่อไหร่จะบอกเรื่องที่มาริเอะและสเตบาสเตียนฟังภาษาของฮัชดาลลาร์ออก พลันนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานสเตบาสเตียนก็ไปเป็นล่ามให้ฝาแฝดนี่นะ เขาเลยเปลี่ยนใจเป็น ‘ไว้ถามให้ชัดเจนอีกครั้งแล้วกัน’
“ไม่มีอะไรสำคัญหรอกครับ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะอธิบายเรื่องจักระต่อแล้วกันนะครับ อย่างที่อธิบายไปแล้วว่า จักระเป็นพลังที่หมุนเวียนในร่างกาย เมื่อดึงออกมาใช้ก็สามารถหมดได้ เพราะเป็นพลังที่มีอยู่จำกัด ดังนั้นขั้นต้นเราต้องควบคุมและดึงออกมาใช้ให้เหมาะสม อย่างวิชานี้ เราจะให้วิ่งแข่งกัน ต้องควบคุมจักระให้อยู่เฉพาะที่ขา ถ้าเป็นรอบวิ่งสี่ร้อยเมตรจะเห็นได้ชัดเจนเลยครับ แต่นักเรียนเยียร์สิบเอ็ด ไม่ค่อยมีใครมีปัญหาเรื่องการควบคุมจักระแล้วละครับ ส่วนมากจะแข่งกันเพื่อให้ได้สถิตความเร็วสูงสุด”
“เอ๋!!! อย่างนี้ก็น่าสนุกนี่นะ ทางเราก็มีพวกวิ่งเร็วเหมือนกันนะ”ธัชนันท์พูดขึ้นมา ก่อนจะดันเดย์ให้ออกมายืนข้างหน้า
“แกรู้ได้ไงว่ะ”สุดฟ้าเปลี่ยนมาถามภาษาไทยทันที
“ก็บังเอิญอ่ะ พอดีเคยใช้ให้วิ่งไปดักคนร้ายที่ขี่มอเตอร์ไซค์วิ่งราว อึ้งไปเลยดันวิ่งทันมอเตอร์ไซค์ซะด้วย”
สุดฟ้ากุมขมับ ต่อให้ความสามารถของฟังก์ชั่นกับโปรแกรมไม่เท่ามาริเอะและสเตบาสเตียน แต่ก็เป็นโครงสร้างเดียวกันเนี่ยนะ กลับไปต้องถอดออกอีก ให้เหลือเฉพาะความสามารถบนเตียงอย่างเดียวพอ ชายหนุ่มหมายมั่นไว้ในใจ
“อ่อได้ครับ ที่ระยะทางสี่ร้อยเมตรนะครับ”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”ตอบตกลงไปแล้ว ธัชนันท์ถึงได้หันมากระซิบถามคนสร้าง “ไม่มีปัญหาใช้เปล่าว่ะ”
“เออ”
คนที่มาแข่งกับเดย์เป็นเด็กหนุ่มร่างสูงหน้าตาดี ที่สามารถเรียกเสียงกรี้ดจากสาวๆได้ไม่อยาก ถ้าอยู่ในเมืองไทยหรือประเทศอื่นๆที่ไม่ใช่ฮัชดาลลาร์ เพราะเท่าที่เขาสังเกตเห็น คนในประเทศนี้มีแต่พวกหน้าตาดี มากน้อยลดหลั่นกันไปตามความสามารถให้การดูแลหนังหน้าและอายุ คนที่อายุน้อยๆส่วนใหญ่หน้าตาเหมือนเพิ่งออกมาจากคลีนิคศัลยกรรม หน้าตาเป๊ะเว่อร์ ชนิดที่สุดฟ้าคิดว่าตัวเองหล่อแล้วยังต้องชิดซ้าย
ในมือของอาจารย์ประจำวิชาเป็นนกหวีด เมื่อทั้งสองคนอยู่ในท่าเตรียมพร้อม เสียงปรี้ดก็ดังขึ้นจากนั้นไม่นาน
ระยะทางสี่ร้อยเมตรสำหรับการวิ่ง เพียงแค่อึดใจเดียวทั้งสองคนก็วิ่งเข้าสู่เส้นชัย เด็กคนที่มาแข่งกับเดย์นับว่าเก่งไม่ใช่น้อย เพราะเฉือนชนะเดย์ไปแค่ศูนย์จุดศูนย์สองวินาทีด้วยเวลายี่สิบเจ็ดจุดสองสามวินาที แต่ต่างกันที่เดย์ไม่มีออกอาการเหนื่อยหอบสักนิด ขณะที่อีกฝ่ายต้องสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกๆ
“ขอโทษครับ ที่ผมไม่ชนะ”เดย์พูดกับธัชนันท์ด้วยท่าทางเศร้าๆ ที่สุดฟ้ารู้สึกว่าตัวเองตาฝาด เขาแน่ใจว่าไม่มีการลงโปรแกรมการเรียนรู้หรือลงข้อมูลพื้นฐานอารมณ์ให้เดย์แน่ๆ มีเฉพาะโปรแกรมตอบสนองเรื่องบนเตียงเท่านั้น แล้วไอ้อาการออดอ้อนออเซาะเศร้าซึมนั่นมันอะไรฟร่ะ
สุดฟ้ามองเพื่อนสนิทดึงหุ่นยนต์ของตัวเองมากอดปลอบด้วยความไม่เข้าใจ
“น่าประหลาดใจมากเลยครับ ไม่คิดว่าคนของมิสเตอร์สุวราลักษณ์จะวิ่งได้เร็วขนาดนี้ ดีนารุนเป็นท็อปของชั้นปีที่มีพลังในระดับจอมเวทครับ แม้ว่าตอนนี้เขายังไม่สามารถดึงพลังออกมาใช้ได้เต็มที่ก็ตาม แต่เราก็คาดว่าเขาน่าจะใช้พลังได้คล่องแคล่วตอนอยู่เยียร์สิบสาม”
แหม!!! พอได้ฟังแล้วเป็นปลื้ม สิ่งประดิษฐ์ของเขาก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกเหมือนกันนะเนี่ย
หลังจากหยุดพักการทัวร์เพื่อทานอาหารกลางวันกันจนเสร็จเรียบร้อย ก็มาถึงคราวที่สุดฟ้าจะตื่นเต้นกระดี้กระด๊าบ้าง เมื่อเจ้าชายฟาลิฮ์พาพวกเขาไปพบกับอาจารย์ผู้มีพลังในการเปิดจุดจักระ
อาจารย์ท่านดังกล่าวเป็นชายวัยชราซึ่งยังดูแข็งแรง เดินเหินคล่องแคล่วไม่สมกับอายุ
หลังจากที่เจ้าชายทักทายปราศรัยกับอาจารย์วัยชราอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าชายก็หันมาดึงเดยให้ไปใกล้ ภาษาที่เขาสองคนพูดกันเป็นภาษาฮัชดาลลาร์ทั้งหมด แต่คราวนี้มาริเอะไม่ได้แปลแบบเรียลไทม์ เพราะตอนแรกอาจารย์กับเจ้าชายคุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระ สุดฟ้าเลยบอกว่าไม่ต้องก็ได้
“คุยอะไรกันน่ะ”เพราะเจ้าชายดึงให้เดย์เข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าอาจารย์ สุดฟ้าเลยสงสัยขึ้นมา
“เจ้าชายทรงตรัสว่า เดย์น่าจะมีพลังมาก เพราะขนาดไม่ได้เรียนรู้เรื่องการใช้จักระ ยังมีพลังกายเหนือกว่าดีนารุนเสียอีก”
สุดฟ้าพยักหน้ารับ มองเจ้าชายที่หันมาพูดกับเดย์ด้วยภาษาอังกฤษว่า “นั่งคุกเข่าลงหน่อยได้ไหมครับ” เดย์ที่ไม่มีโปรแกรมแปลภาษาในระบบจึงยังยืนนิ่งอยู่เฉยๆ จนกระทั่งธัชนันท์ เข้าไปออกคำสั่งด้วยภาษาไทย หุ่นยนต์สมองกลในรูปลักษณ์ของชายหนุ่มคุกเข่าลงกับพื้นตรงหน้าชายชรา
อาจารย์ชราชาวฮัชดาลลาร์จึงวางมือลงบนหน้าผาก หลับตานิ่งเข้าสู่สมาธิ
“เขาทำอะไรน่ะ”สุดฟ้าถามมาริเอะอีกครั้ง
“ตรวจสอบและเปิดจุดพลังครับ”
“เฮ้ย!!!”สุดฟ้าร้องเสียงหลง เป็นจังหวะเดียวกับที่อาจารย์สูงวัยลืมตาขึ้น
“เขาไม่มีพลังชีวิต”คราวนี้สเตบาสเตียนเป็นคนแปลให้ฟัง แน่ละ หุ่นยนต์มีพลังชีวิตก็แปลกแล้ว
สุดฟ้ารีบเข้าไปแทรกระหว่างกลางทันที
“เรื่องนี้ผมพอจะอธิบายได้ครับ”สุดฟ้าพูดกับเจ้าชายฟาลิฮ์ด้วยภาษาอังกฤษ พยักเพยิดให้ชายหนุ่มราชนิกุลชั้นสูงเดินตามตนมาให้ห่างจากกลุ่ม
“เอ่อ...เดย์เป็นเอไอที่ผมสร้างขึ้นมาครับ โครงสร้างเป็นอะลูมิเนียมเบริลเลียม ความสามารถหลักคือเป็นคู่นอนบนเตียง กำลังเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ประมาณแปดสิบแรงม้า เพราะฉะนั้นจะวิ่งได้เร็วอยู่สักหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”สุดฟ้าฉีกยิ้ม เจ้าชายจะรู้สึกอย่างไรไม่รู้ แต่ขอให้เขาได้ฉีกยิ้มไว้ก่อน คู่สนทนายังเงียบด้วยใบหน้าเรียบตึง
“มิน่า เขาถึงไม่ทานอะไรเลย แล้วคนอื่นละครับ อย่างคุณมาริ หรือพ่อบ้านของคุณ”
“ครับสองคนนั้นก็ด้วย แล้วก็น้ำ หุ่นยนต์ที่ตัวติดกับไอซ์ฝาแฝดคนพี่”
เจ้าชายทรงพยักพระพักตร์รับรู้ ไม่ตรัสต่อความอะไรอีก หากแต่เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน “คุณยังต้องการให้ท่านอาจารย์เปิดจุดจักระให้อยู่หรือเปล่าครับ”
“แน่นอนครับ มาถึงขั้นนี้แล้ว”
ถ้าเขาเป็นนักประดิษฐ์ที่ใช้เวทมนต์ได้มันคงจะเท่ขึ้นมาอีกล้านเท่า ชายหนุ่มวาดฝันไว้เสียหรูหรา เขาเดินตามเจ้าชายมานั่งอยู่ตรงหน้าท่านอาจารย์วัยชรา
ฝ่ามือเหี่ยวย่นวางลงบนหน้าผากของเขา ความรู้สึกอุ่นร้อนตรงที่ฝ่ามือนั้นวางไว้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนไปจะไหลลามไปทั่วร่างกาย แล้วค่อยๆจางหายไป
“ไม่ได้ ท่านอาจารย์เขาว่าอย่างนั้นแหนะครับ ด็อกเตอร์”มาริเอะเสนอหน้ามาเป็นล่ามให้เขาทันที สุดฟ้าขมวดคิ้วมองหน้าเจ้าบ้าน
“อาจารย์ท่านว่าเส้นทางที่พลังของคุณไหลเวียนอยู่มันค่อนข้างสับสนครับ เมื่อเปิดจุดจักระไป พลังชีวิตในร่างกายคุณก็จะไหลออกหมด แม้จะไม่ถึงขั้นเสียชีวิตแต่ต้องใช้เวลาอีกหลายวันในการฟื้นคืนพลังในร่างกาย ท่านเลยอยากให้คุณไปฝึกสมาธิมาเสียก่อน”
อย่างเขาเนี่ยนะ ให้ไปฝึกสมาธิ สุดฟ้าอยากจะเถียง ตั้งแต่เด็กเขาเป็นพวกสมาธิดีจดจ่อมุ่งมั่นกับสิ่งที่ทำตลอด
“อาจารย์ท่านว่า ด็อกเตอร์ฟุ้งซ่านเกินไปครับ ในหัวคิดโน่นคิดนี่อยู่ตลอดอยู่ไม่สุข... เหมือนลิง”
“คำพูดนี่อาจารย์พูดไม่ใช่นายพูดเองนะ”สุดฟ้าหันไปถามมาริเอะที่แปลข้อความของอาจารย์วัยชราให้เขาฟัง
“แน่นอนสิครับ ผมไม่เพิ่มเติมอะไรเองหรอกนะ”
ชายหนุ่มจึงต้องก้มหน้ารับอย่างจำยอม พลางคิดว่า ของแบบนี้ ไม่มีก็ไม่ตายหรอกเว้ย!!! แค่เสียใจนิดๆเอง กระซิก กระซิก