• ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • แจ้งข่าว pre-order | 22-12-60 | P.41
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • แจ้งข่าว pre-order | 22-12-60 | P.41  (อ่าน 313256 ครั้ง)

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เค้ามีการตั้งฉายาให้กันด้วย

อ้ายยยยยยยยยย

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
มีความวอแวบอย น่ารัก :กอด1:

ออฟไลน์ insunhwen

  • FREEDOM!!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
จริงใจของเจ้~~~~~~~ :hao7:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
5555 ทำเป็นปากแข็งนะตัวหอม ระวังคิดถึงหนุ่มวอแวนะ

จริงใจอย่างตลก คิดถึงแล้วทำเป็นเคือง ที่ไหนได้ ถ้าว่าง คงไปเฝ้าหน้าคอนโดอะ

โมเมนท์รอบนี้ จริงใจมีหวังรัวๆๆค่ะ อยากเห็นตอนสวีทแล้ว

ออฟไลน์ HEARTBREAKER

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +418/-3
ความที่ 20
ผมกับความหงุดหงิด






   ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านฉัตรบดินทร์รัตน์ นอนโง่ ๆ ที่ห้องของตัวเอง หากถามสาเหตุที่ทำไมผมถึงมาอยู่บ้านคุณปู่ คุณย่าได้นั้น มันเป็นเพราะเมื่อช่วงสายของวันนี้ได้มีการประชุมครั้งใหญ่ภายในบริษัทฉัตรบดินทร์รัตน์ สืบเนื่องจากการยักยอกฉ้อโกงของกรรมการระดับสูง

   คนที่ถูกเรียกเข้าห้องประชุมนั้นมีเหล่าคณะกรรมการของบริษัทและที่ขาดไม่ได้เลยก็คือพนักงานแผนกบัญชีทุกคน รวมทั้งตัวผมเองก็ด้วย บรรยากาศด้านในตึงเครียดจนมวนท้องเลยทีเดียว แต่ผมที่รู้เรื่องอยู่แล้วจึงเตรียมตัวไว้บ้าง คนอื่น ๆ ที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็รับศึกหนักกันไปเต็ม ๆ วินาทีที่เห็นหน้าของคนที่กล้าคิดไม่ซื่อกับบริษัทซีดเผือดผมถึงกับแสะยิ้ม ยิ่งคุณสรัชผู้บงการใหญ่ดิ้นไม่หลุดเพราะหลักฐานแล้วด้วย ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ทำมามันประสบความสำเร็จ

   หลังจากจบการประชุม ก็เหมือนพนักงานหลายคนจะไม่ค่อยกล้าคุยกับผม แม้พ่อจะไม่ได้บอกว่าหลักฐานส่วนหนึ่งที่มีมันมาจากผม พวกเขาก็คงเดากันได้ ส่วนเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปผมก็ไม่ทราบ จากนี้คงเป็นเรื่องของกฎหมาย

   การนอนเฉย ๆ แบบนี้ก็น่าเบื่อนะ ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่ใฝ่หามาตลอด เลื่อนจอโทรศัพท์เล่น ฟีดมีแต่รูปจันทร์เจ้าไปเที่ยวทะเล สอบเสร็จ ไปเที่ยว จนจบทริปแล้วยังลงรูปไม่หมดอีก จันทร์เจ้ามาชวนนะครับ แต่ผมปฏิเสธ ไม่อยากไป เพราะติดเรื่องงาน แต่หมูผีกลับโวยวายหาว่าผมติดสาว สาวก็แย่ละ มีที่ไหนกัน

   ก๊อก ก๊อก

   หันไปมองประตูห้องแต่ไม่ได้ลุกไปเปิด เพราะยังไงซะคนเคาะมันก็ต้องเปิดมาเองอยู่ดี แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ผมเลิกคิ้วเมื่อเห็นคนที่เข้ามา ก่อนยกมือขึ้นข้างหนึ่งเป็นการทักทาย คนนั้นก็ยักคิ้วกลับมา

   “ไง คนเก่ง”

   “มาทำไมวะ”

   “คิดถึงน้อง” ผมกลอกตา ผู้ชายคนนี้ชื่อเจมส์ เป็นลูกชายคนโตของลุงจอห์นกับป้าวิภา อายุมากกว่าผมประมาณสี่ห้าปี นั่นแปลว่าผมกับมันเป็นญาติกัน

   “จะตอแหลทั้งทีก็ทำหน้าให้มันเข้ากับคำพูดหน่อย”

   “ไอ้เวร!” เจมส์ใช้หมอนหนุนฟาดผมไม่เบานัก แต่ผมไม่ได้สนใจ “ทำไมมาอยู่บนห้องงี้วะ”

   “ทำไมก็ได้โตแล้ว”

   “กวนตีน” ยักไหล่ยียวนส่งกลับไป “ลงไปข้างล่างดิ มา!” ผมจิปาก ดึงแขนตัวเองออกเมื่อโดนลูกพี่ลูกน้องคว้าไปจับ แต่ผมก็ยอมเดินตามมันลงไปจนไปถึงชั้นล่าง จนกระทั่งมาถึงศาลานั่งเล่นด้านนอก

   “ทำไมกลับบ้านวะ”

   “แม่โทรตาม”

   “อ๋อ” ผมเอนหลังกับพนักพิง ยกขาขวาวางบนเข่าซ้าย เจมส์ขำ มันรู้ว่าผมกับป้าวิภาไม่ค่อยกินเส้นกัน

   “มึงกับแม่กูยังตีกันอยู่อีก” ผมไหวไหล่ “แล้วจันทร์เจ้ามีแฟนได้ไง? บ้านไม่แตกเหรอ?”

   “จะเหลือเหรอ” ตอบแบบขอไปที ผมขี้เกียจจะพูดมาก ตอนนี้ขี้เกียจแม้กระทั่งจะขยับตัว จะนอนก็เบื่อแล้วว่ะ ไม่มีอะไรทำ ถ้าไปวอแวตัวหอมไม่รู้จะโดนด่าหรือเปล่า ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาว่างไหม ระหว่างที่คิดก็กดโทรศัพท์เล่นไปด้วย เพราะมัวแต่สนใจกับสมาร์ทโฟนมากเกินไปจึงไม่ได้เห็นว่าเจมส์ชะโงกหน้ามาดูด้วย

   “ณภัคนี่” ผมหันขวับไปมอง คิ้วมุ่นเข้าหากัน “มึงรู้จักได้ไง?”

   “พี่รู้จักเขาหรือไง?”

   “เออ มึงตอบมา ว่ารู้จักณภัคได้ไง ไลฟ์สไตล์มึงไม่เฉียดไปใกล้ณภัคเลยนะ” ก็จริงอย่างที่เจมส์ว่านั่นแหละ ถ้าผมไม่ชอบตัวหอม และไม่หาทางไปวอแว การใช้ชีวิตของเราก็ไม่ทำให้มาเจอกันได้หรอก

   “ตอบก่อนดิ” เจมส์กลอกตา ผมล็อกมือถือแล้วกำไว้ก่อนไขว้แขนกอดอก

   “กูรู้จักเพื่อนเขา แล้วเพื่อนกูมันก็เคยเข้าไปขอเบอร์ เลยรู้จักผ่าน ๆ”

   “เหรอ แล้วได้ป่ะ?”

   “ไม่” ผมแสยะยิ้มออกไปทันที “มีคนบอกว่าง่ายไง เพื่อนกูมันเลยลองไปหยอด แต่โดนเมินเฉย มันโคตรงง”

   “คนบอกนี่ใคร?” ผมโคตรไม่ชอบใจเวลาได้ยินใครพูดว่าตัวหอมง่าย

   “ใคร ๆ ก็พูดกัน กูเรียนคนละที่กับเขายังได้ยินบ่อย ๆ”

   “มึงรู้ได้ไงว่าเขาง่ายหรือไม่ง่าย แล้วไอ้ใคร ๆ ก็พูดกันเนี่ยรู้ได้ยังไง!”

   “ทำไมมึงหงุดหงิดวะ?” เจมส์เลิกคิ้วสงสัย “แฟนมึง?”

   “เปล่า” พ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด “ถ้าไม่รู้ก็ไม่ต้องพูด”

   “กูผิดเหรอ?” ผมไม่ตอบ แต่มองมันด้วยหางตา เจมส์เกาหัวงง ๆ “กูพี่มึงหรือเปล่าวะ”

   จากนั้นผมก็ไม่ตอบอะไรออกไปอีก ล้วงหาหูฟังในกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วเปิดเพลงกลบเสียงน่ารำคาญของญาติตัวเองแล้วหลับตาลง ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็ตอนโดนเตะขา

   “ออกไปข้างนอกกัน”

   “ไม่”

   “น้องจริงใจอย่าปฏิเสธพี่เลย อีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลามื้อเย็น อยู่แต่บ้านแบบนี้เบื่อตายห่า”

   ก็จริงอย่างที่มันว่า

   “ไปไหนวะ”

   “ดูหนังป่ะ?”

   “มีเรื่องอะไรเข้า?” เมื่อผมถาม เจมส์ก็เปิดโปรแกรมหนังดู สรุปคือไป มีหนังที่กำลังอยากดูพอดี และเจมส์เป็นคนจ่าย จองที่นั่งผ่านอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยก็แยกกันไปเปลี่ยนชุด

   “ขับไหม?” มองคนถามหน้านิ่ง ๆ มันโยนกุญแจรถในมือไปมาและทำหน้ากวนตีน อยากโดนตำรวจจับเหรอให้คนไม่มีใบขับขี่ขับรถน่ะ? ผมให้คำตอบมันด้วยการเปิดประตูไปนั่งฝั่งข้างคนขับ ไอ้เชี่ยพี่เจมส์หัวเราะพอใจ

   ใช้เวลาสักพักก็มาถึงที่หมาย เพราะจะมาดูหนัง ผมกับเจมส์จึงเดินตรงไปที่ชั้นโรงหนังโดยไม่แวะที่ไหนก่อน อีกอย่างคือคำนวณเวลามาให้มันพอดีกับหนังฉายด้วย ถึงแม้จะยังไม่เป๊ะก็เถอะ อีกไม่กี่นาทีก็เริ่มแล้ว หนังที่เราเลือกคือหนังแอคชั่น และด้วยความที่มากับลูกพี่ลูกน้องทำให้ระหว่างดูหนังผมกับมันไม่พูดอะไรกัน จนกระทั่งออกมา คุยบ้างเรื่องแอฟเฟกต์ ฉากต่อสู้ที่ค่อนข้างดุเดือด รวมถึงการนำเสนอของหนัง โดยรวมแล้วก็ดีครับ

   “ไปไหนต่อป่ะวะ?” เจมส์ถามขึ้นขณะที่เรากำลังลงจากชั้นโรงหนัง ทว่าในจังหวะที่ผมกำลังจะตอบนั้นกลับมองไปเห็นใครบางคนเข้าเสียก่อน

   “เดี๋ยวกูมา” ผมบอกเจมส์แล้วเดินเร็ว ๆ ตามคนที่เห็นไป เมื่อสองคนนั้นหยุดผมก็หยุด

   “ใครวะ?”

   “แฟนเพื่อนกู” ตอบแล้วจ้องไปยังผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งที่ฝ่ายหญิงคล้องแขนกับฝ่ายชายอยู่ ทำไมแฟนไอ้เนตรถึงมากับผู้ชายคนอื่นแล้วท่าทางสนิทสนมกันมากขนาดนั้น ถ้าจะเป็นพี่ชายก็ไม่น่าจะขนาดนี้ป่ะวะ พี่น้องที่ไหนเขามองกันด้วยสายตาหยาดเยิ้มปานจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว

   “นั่นเพื่อนมึงเหรอ?”

   “เปล่า”

   “เหี้ย!” เจมส์อุทานออกมาเมื่อเข้าใจว่ามันคืออะไร ผู้หญิงคนนั้นคือมายด์ แฟนของเนตร ผมไม่รู้ว่าพวกมันคบนานเท่าไหร่ รู้เพียงแค่ว่าเนตรมาอวดผมที่มายด์ตกลงคบเป็นแฟน แต่ว่าตอนนี้ ทำไมแฟนของเพื่อนผมถึงได้มากับผู้ชายคนอื่น เลิกกับเนตรแล้วเหรอ? แต่ถ้าเลิกกันแล้ว เนตรน่าจะมางอแงใส่ผมสิ ที่ได้คุยกันมันยังพูดถึงแฟนมันว่าน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ และดูเหมือนจะไปกันได้ดีด้วยซ้ำ

   ถ้ายังไม่เลิกกัน แต่มายด์มาเดินควงกับคนอื่น งั้นก็มีอย่างเดียวที่เป็นไปได้

   คือเพื่อนผมโดนสวมเขา...

   14:47 J9 : มึงกับแฟนมึงเป็นไงบ้างวะ
   14:49 Net : แฮปปี้ย์~
   14:49 Net : *สติ๊กเกอร์เต้นดุ๊กดิ๊ก*

   หลังจากนั้นผมก็พูดอะไรไม่ออก ถอนหายใจเสียงดังจนเจมส์เลิกคิ้วมอง ผมยื่นจอโทรศัพท์ไปให้เจมส์อ่าน มันก็ส่ายหน้า

   “ผมควรบอกมันป่ะวะ?”

   “มึงรักเพื่อนมึงหรือเปล่า?” ผมพยักหน้า “รักก็บอก บอกตอนนี้หรือตอนไหน ผลก็เหมือนกันคือเพื่อนมึงต้องเสียใจอยู่ดี แต่ถ้ามึงรู้แล้วยังปล่อยให้เพื่อนมึงคบกับคนที่เขาไม่จริงใจ เพื่อนมึงยิ่งไม่รู้สึกแย่ไปกว่านี้เหรอ?”

   นั่นสินะ

   14:52 J9 : เนตร
   14:52 J9 : กูเจอแฟนมึงอยู่กับคนอื่น
   14:52 Net : ไอ้เหี้ย!! อย่ามาอำนะเว้ย!
   14:52 J9 : กูพูดจริง ๆ มึงคิดว่ากูจะโกหกเหรอ
   14:52 Net : เพราะมึงไม่เคยโกหก กูถึงกลัว

   ผมคุยกับเนตรอยู่หลายนาที ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยเชื่อ แต่ผมมั่นใจว่าตอนนี้มันเริ่มไขว้เขวแล้ว ยิ่งผมมีหลักฐานซึ่งเป็นรูปที่เจมส์ถ่ายไว้ส่งไปให้มันดูด้วย ไม่รู้ว่ามันว่ายังไงบ้าง เพราะหลังจากที่ผมกดส่งไป ข้อความอ่านแล้วขึ้นมา แต่ไม่มีการตอบกลับ ผมจึงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า เจมส์บอกปล่อยให้เนตรอยู่กับตัวเองก่อน

   “กลับเลยไหมมึง?”

   “จ๋าจ้าเลิกเรียนพอดี” บอกเจมส์ ไอ้เปี๊ยกเรียนพิเศษอยู่โรงเรียนกวดวิชาแถวนี้ และตอนนี้ก็เป็นเวลาเลิกเรียนพอดี

   “โทรชวนน้องกลับด้วยกันดิ” พยักหน้ารับ โทรออกไปหาและนัดแนะสถานที่นัดเจอแล้วจึงวางสายไป



   “ฮาโหย๋ววววววว~” เสียงใสดังมาพร้อมกับแรงกอดจากข้างหลัง ไปต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นใคร ผมยกแขนขึ้นให้น้องลอดมา จ๋าจ้ายิ้มหวาน

   “สวัสดีพี่เจมส์หรือยัง?” ผมบอก น้องผละออกไปยืนดี ๆ

   “สวัสดีค่ะพี่เจมส์ขา”

   “สวัสดีครับ เป็นไงบ้างเปี๊ยก”

   “โอ๊ย ทำไมต้องเรียกจ๋าจ้าว่าเปี๊ยกด้วยคะ!” น้องทำหน้างอน “เหนื่อยมากเลยค่ะพี่เจมส์ เรียนอะไรเยอะแยะไปหมด จ้าไม่อยากเรียนแล้ว”

   “ไม่อยากเรียนก็เลิกเรียนสิ”

   “โหย พี่เจมส์อ่ะ”

   “เหลืออีกเท่าไหร่จะจบคอร์ส?” ผมถามบ้าง ไอ้เปี๊ยกทำหน้านึก นับนิ้วอยู่สักพัก

   “อีกประมาณห้าหกครั้งค่ะ”

   “อือ จบคอร์สนี้ก็ไม่ต้องเรียนเพิ่มแล้ว หาอยากอื่นทำแทน”

   “เย้! เค้าอยากเรียนเต้น วาดรูปด้วย แอบไปส่องคลาสดรออิ้งมา คนสอนหล้อหล่อ”

   ผมกลอกตา

   “ว่าแต่... ทำไมพี่เจมส์กับพี่จริงใจมาอยู่ด้วยกันได้ล่ะคะ?”

   “ไปเจอมันที่บ้านคุณย่าพอดี เลยชวนมันมาดูหนัง”

   “จะกลับไปที่บ้านคุณย่าอีกไหมคะ?”

   “ไปครับ ต้องไปทานข้าวเย็นที่บ้านคุณย่า”

   “อ่า... จ๋าจ้าไปด้วยได้ไหมคะ พี่เจมส์ขา”

   “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

   “เย้!” แล้วสองคนนั้นก็เดินกอดคอกันนำหน้าผมไป เออ ช่างเหอะ



   “คุณปู่ขา คุณย่าขา สวัสดีค่ะ”  จ๋าจ้าพุ่งเข้าไปกอดปู่กับย่า “สวัสดีค่ะ คุณลุง คุณป้า”

   “ทำไมมากับพี่เขาได้ล่ะลูก?” คุณย่าเอ่ยถามพลางลูบผมหลานสาวไปด้วย

   “พี่จริงใจกับพี่เจมส์ไปดูหนังกัน แล้วพี่เขาก็เลยโทรเรียกหนูมาหาค่ะ เลิกเรียนพิเศษพอดี”

   “ออกไปข้างนอกทำไมไม่บอกแม่คะเจมส์”

   “ผมบอกแม่บ้านไว้แล้วนี่ครับ แม่ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กทุกที”

   “อ่า... หิวจัง” ผมพูดขึ้นขัดจังหวะ คุณป้าวิภาหันมามองตาขวาง ผมทำหน้ายียวน แต่ต้องเบะปากเมื่อโดนคุณปู่หยิกแขน

   บรรยากาศบนโต๊ะอาหารสำหรับมือนี้ไม่เชิงว่าดีแต่ก็ไม่เชิงว่าเครียด หัวข้อหลักที่พูดคุยกันนั้นหนีไม่พ้นเรื่องการประชุมวันนี้ แม้จะตั้งใจทำงานมากแค่ไหนก็ไม่วายโดนคุณป้าวิภาจิกกัดอยู่ดี ผมจ้องหน้าเขม็งตอนที่ป้าวิพูดว่าพ่อทำงานไม่ได้เรื่อง ปล่อยให้โดนโกงไปได้ยังไงเป็นปี ๆ ก็อยากจะถามกลับเหมือนกันว่าตัวเขาทำอะไรบ้าง งานก็ทำเหมือนกันทำไมถึงได้ไม่รู้ว่ามีคนทุจริต ถ้าพ่อไม่ปรามไว้ผมก็ไม่ไว้หน้าเขาหรอก

   โคตรน่าหงุดหงิด

   “เจมส์ก็เข้ามาช่วยงานที่บริษัทบ้าง อย่ามัวแต่เล่นไร้สาระ”

   “ผมไม่ชอบครับแม่”

   “ได้ยังไงกัน!”

   “เอาน่า ๆ วิก็อย่าไปบังคับลูกมาก ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตของเขาไป”

   “แต่คุณแม่คะ...”

   “กิน ๆ” อำนาจสูงสุดอยู่ที่คุณย่า เพราะฉะนั้นป้าวิภาจึงขัดอะไรไม่ได้

   เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วจึงย้ายมาที่ห้องนั่งเล่น ผมยึดตักคุณย่าเป็นที่หนุนนอน แต่เพราะโซฟาตัวนี้มันสำหรับสองที่ ผมจึงต้องพาดขากับที่วางแขนเพราะขายาวเกินไป ปิดเปลือกตาลงรับสัมผัสอบอุ่นจากมือเล็กที่ลูบศีรษะ

   นอกจากเตียงนอนที่เป็น safe zone ของผมแล้ว ตักอุ่น ๆ ของคนในครอบครัวก็เป็นเหมือนกัน

   ไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้แล้ว

   “โคตรอ้อน” เสียงเจมส์ดังมา ผมยังคงนอนนิ่ง ๆ ให้คุณย่าลูบหัว ไม่ได้ตอบโต้อะไรมัน

   “พี่จริงใจขาดความอบอุ่นค่ะ”

   “ไปว่าพี่เขา”

   “จริงนี่คะคุณพ่อขา อยู่บ้านก็อ้อนทุกคน มานี่ก็อ้อนคุณย่า” ผมลืมตาขึ้น กลอกไปมองจ๋าจ้า ไอ้เปี๊ยกแลบลิ้นใส่แล้วหันไปเล่นเกมกับเจมส์

   “อ้อนเถอะ ย่าคิดถึงจะแย่ หลานไม่มาหาบ้างเลย”

   “อ้าว งานเข้า” ทุกคนหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของเจมส์ ยกเว้นก็แต่ป้าวิภา

   “เจ้าเจมส์น่ะตัวดี”

   “ผมติดเรียนนี่ครับคุณย่า อย่างอนเลยน้า~” ผมไม่ได้สนใจอะไร คว้ามือคุณย่ามาวางบนหัวตัวเองอีกครั้ง หลับตาลงแล้วหันหน้าซุกเข้ากับหน้าท้องคนแก่

   “พอหลานมาหาคนแก่ก็ดีใจ ขาดก็จันทร์เจ้ากับยัยแจน”

   “จันทร์เจ้าติดเรียนน่ะครับ” เสียงของพ่อเอ่ยออกไป “พูดถึงแจน จะกลับบ้านเมื่อไหร่ล่ะพี่จอห์น?”

   “ไม่ปิดเทอมฤดูหนาวก็หน้าร้อนนู่นแหละ”

   พี่แจน น้องสาวของเจมส์ ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศ

   เสียงพูดคุยของทุกคนยังดังเข้าหูผมทุกประโยค ก่อนมันจะเริ่มแผ่ว ๆ ไปเมื่อผมจมดิ่งสู่โลกแห่งความฝัน แต่ยังไม่ทันได้หลับลึกก็ถูกปลุกขึ้นเสียก่อน พ่อถามว่าจะกลับบ้านหรือเปล่า แต่ผมปฏิเสธไป ตอนนี้มันค่อนข้างดึกแล้ว และผมก็ง่วงมาก ไม่อยากขับรถ เมื่อได้คำตอบพ่อก็ขอตัวกลับพร้อมกับจ๋าจ้า ผมลุกขึ้นจากตักอุ่น หน้าบึ้งเมื่อคนแก่ไม่ยอมบอกว่าเมื่อย ปล่อยให้ผมหนุนอยู่ได้ ย่าหัวเราะ บอกไม่หนักหนาอะไร และปล่อยให้ผมนวดขาให้ก่อนจะไปส่งขึ้นนอน

   เมื่อได้อาบน้ำให้เย็นสบาย ก็ดูเหมือนอาการง่วงของผมจะหายไปด้วย จึงลงไปที่ชั้นล่าง ไม่รู้หรอกครับว่าจะลงไปทำไม เจอเจมส์คุ้ยตู้เย็นอยู่พอดี ในมือมันมีเบียร์อยู่สามกระป๋อง

   “ยังไม่นอน?”

   “ไม่ง่วงละ”

   “เล่นเกมไหมมึง?”

   “เอาดิ”

   “งั้นมาช่วยกูขนเสบียง”

   สถานที่เล่นเกมคือที่ห้องของเจมส์ ผมนั่งบนเบาะฟูก เอนหลังพิงกับปลายเตียงของเจ้าของห้อง เปิดเบียร์ดื่มระหว่างรอลูกพี่ลูกน้องต่อเกม เมื่ออุปกรณ์พร้อม เจมส์ก็โยนจอยสติ๊กมาให้ผม ก่อนที่มันจะมานั่งลงข้าง ๆ กัน แล้วศึกดวลเกมก็เริ่มขึ้น...

   “ไอ้เหี้ย! แพ้อีกแล้ว!!”

   “อ่อน” ผมยิ้มเยาะ ไอ้เจ้าของห้องทำท่าจะบีบคอผม

   “เริ่มใหม่ ตานี้กูเอาจริง!”

   “เอาจริงมาห้าตาแล้วไอ้เหี้ย”

   “ตานี้ของจริง กูอ่อนให้มึงเฉย ๆ เห็นว่าเป็นน้อง”

   “ก็แย่ละ”

   “ไอ้เหี้ยยยย จริงใจมึงมันเด็กเวร!” เสียงของเจมส์สบถลั่นขณะที่มือรัวกดจอยสติ๊ก ผมแสยะยิ้ม อีกแค่นิดเดียวก็จะชนะอีกครั้ง แต่แล้วสมาธิของผมก็หลุดไปเมื่อโทรศัพท์มือถือที่ถูกวางทิ้งไว้บนพื้นสั่นครืดขึ้นมา หลุบตามองหน้าจอ เพราะมันวางอยู่ไม่ไกลผมจึงมองเห็นได้ว่าอะไรที่ปรากฏขึ้นมา

   “อั๊ยยะ!” และเจมส์มันคงเห็น... ผมจิปากไม่สบอารมณ์ พับขาขึ้นมาแล้วใช้เท้าเตะโทรศัพท์ออกไปจากนั้นจึงเหยียดขาทับอีกที เพราะสมาธิถูกทำลาย มือของผมจึงทำหน้าที่กดจอยสติ๊กได้ไม่เต็มที่... และสายตาที่ไม่ได้จดจ่อกับหน้าจอ

   “เยส!!! ชนะแล้วโว้ย!!”

   ผมโยนจอยสติ๊กลงพื้น คว้าเบียร์มาดื่มดับความครุกรุ่นภายใน เจมส์โห่ร้องดีใจเหมือนเรียนได้เกียรตินิยม

   น่ารำคาญจริง ๆ

   “ใครส่งอะไรมาวะ ทำไมมึงสติหลุด”

   “มึงไม่เห็น?”

   “นี่สายตาคนนะครับ ไม่ใช่กล้องส่องทางไกล” เหี้ยเอ๊ย! นี่ผมคิดไปเองเหรอ ไอ้เชี่ยพี่เจมส์กลอกตามองผมสลับกับโทรศัพท์ มันยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมวางกระป๋องเครื่องดื่มในมือลง พุ่งตัวไปคว้าโทรศัพท์แต่ช้ากว่าอีกคน

   “โว้ววววว” เจมส์ส่งเสียงร้องออกมาหลังจากกดปุ่มให้หน้าจอสว่างขึ้น มันหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มประหลาด สายตาเป็นประกายวาววับราวกับเจอเรื่องสนุก “มึงยังไม่บอกกูเลยนี่หว่าว่ารู้จักณภัคได้ยังไง”

   ผมกลอกตา ไม่พูดอะไร จะคว้าโทรศัพท์คืนไอ้เชี่ยเจมส์ก็ยกหลบ

   “บอกมา”

   “สาระแน”

   “ปากคอเราะร้ายนะน้องจริงใจ กูรู้จักเพื่อนณภัคนะมึง มึงจะบอกหรือไม่บอก”

   “ทำไมต้องบอกวะ!”

   “โอเค ได้” เจมส์ยิ้มปัญญาอ่อน ควักโทรศัพท์ตัวเองมาแล้วกดอะไรอยู่สักพัก และเพราะมันเปิดสปีกเกอร์ผมถึงได้รู้ว่ามันกำลังโทรหาใครสักคน

   (“โทรมาไมวะ!?”) เสียงจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ดูคุ้นจนผมขมวดคิ้ว

   “คลื่น! มึงรู้จักคนชื่อจริงใจป่ะ?”

   ตาผมเบิกขึ้น ยื่นมือออกไปหมายจะคว้าเครื่องมือสื่อสารนั่นมา แต่เจ้าของมันเบี่ยงตัวหลบแล้วชี้หน้าผม

   (“ฮะ? อะไรของมึงวะพี่เจมส์ กูอ่านหนังสือเนี่ย!”)

   “ตอบกูหน่อย รู้จักคนชื่อจริงใจไหม”

   (“จริงใจเหรอ? จริงใจไหนวะ มีรู้จักอยู่คนหนึ่งอ่ะ”)

   “ชื่อประหลาดงี้น่าจะมีอยู่คนเดียว แล้วมึงรู้ป่ะว่าเด็กเวรนี่เป็นอะไรกับเพื่อนมึง”

   ผมขยับปากบอกให้เจมส์วางสายแบบไม่มีเสียง

   (“เพื่อนผมเยอะนะโว้ย!”)

   “ณะ---- ไอ้เหี้ย!!”

   ถือโอกาสตอนมันไม่ระวังตัวคว้ามือถือมาแล้วกดตัดสาย ก่อนโยนมันคืนให้เจ้าของ และไม่ลืมหยิบของตัวเองจากมือมันด้วย

   “ไม่ต้องเสือกเลย”

   “อะไรวะ ทีมึงถามกูยังบอกเลย ไม่เป็นไร งั้นกูไปถามจันทร์เจ้าก็ได้”

   “ไม่ต้องสาระแนไปถามจันทร์เจ้า!”

   “งั้นบอกมา ว่าเป็นอะไรกับณภัค” ผมยังคงเงียบ เจมส์ถอนหายใจ มองหน้าผมอย่างรำคาญ “มึงชอบเขาเหรอ?”

   “อือ”

   “แล้วมึงก็ตามจีบเขา?”

   “อือ”

   “เชี่ยเอ๊ย!!! คนอื่นมีเยอะแยะทำไมเป็นณภัควะ?”

   “แล้วทำไมจะเป็นณภัคไม่ได้?”

   “มึงไม่รู้เหรอว่าเขามีเรื่องเสียหายโคตรเยอะอ่ะ”

   “รู้”

   “รู้แล้วยังจะไปจีบเขาเนี่ยนะ” ผมมองคนพูดด้วยหางตา “เขาโคตรไม่เหมาะกับมึง”

   “แล้วไง?”

   “มึงคิดว่าเขาจะชอบมึงเหรอวะ ณภัคมีแฟนมาหลายคนแล้วนะเว้ย”

   “แล้วไง?”

   “ใส่ใจหน่อยเถอะ ที่พูดนี่ก็เป็นห่วง กูอยากให้มึงเจอคนดี ๆ”

   “ณภัคไม่ดีตรงไหน?”

   “คนที่ผ่านเรื่องแบบนั้นมาเยอะแบบนั้นมึงคิดว่าเขาจะจริงจังกับความรักเหรอวะ”

   “แล้วทำไมไม่คิดบ้างว่าที่เขาผ่านมาเยอะเพราะยังไม่เจอรักจริง ๆ” ผมจ้องเจมส์เขม็ง “ถ้าคนไม่ดีคือคนที่ผ่านเรื่องพวกนี้มาเยอะ งั้นมึงก็คือคนไม่ดีเหมือนกันสินะ”

   “มึงแม่งไม่เข้าใจที่กูสื่อ”

   “ช่างแม่งเหอะ

   “กูพูดเพราะห่วงมึงนะเว้ย!”

   “อือ”

   ผมรับคำแบบขอไปที ก่อนเก็บของของตัวเองมาถือแล้วออกจากห้องของเจมส์ไป ตอนนี้เริ่มจะเข้าใจความรู้สึกจันทร์เจ้าบ้างแล้วว่ารู้สึกยังไงที่โดนห้ามไม่ให้ชอบทิวากาล แล้วผมโคตรไม่ชอบที่ตัวหอมโดนมองว่าแบบคนอย่างนั้น อย่างนี้ทั้ง ๆ ที่คนพูดก็ไม่ได้สนิทหรือรู้จักเขาเป็นการส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ ผมไม่อยากให้เขาโดนมองไม่ดี โคตรแย่ อึดอัดฉิบหาย มีเป็นร้อยเป็นพันคำที่อยากพูดออกไปแต่กลับพูดไม่ออก


   ผมแม่งโคตรไม่ได้เรื่องเลย น่าหงุดหงิดฉิบหาย








-------------------------------------
สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น... ความยืดเยื้อคือทางของเราค่ะ (ฮืออออ)
เรื่องนี้ตัวละครเยอะเว่อ ยังออกมาไม่ครบเลย ; __ ;
แล้วตอนนี้คุณภัคมาแค่ชื่อ ค่าตัวแพงเหลือเกิน
ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านเด้อ
ไว้เจอกันตอนหน้า บัยยยยยยยยย ♥
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2017 18:17:14 โดย HEARTBREAKER »

ออฟไลน์ thepoe

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ้ยยย ดีนะจริงใจควบคุมอารมณ์ได้นี่ถ้าต้องทะเลาะกับเจมส์นี่คงไม่ดีเท่าไหร่
มันต้องค่อยๆคุยค่อยๆเจอ แต่สงสัยจุงง เจมส์ก็รู้จักกับคลื่นนะ ไม่น่าจะมองภัคไม่ดีเบยย T^T
แต่ข่าวหนาหูอะเนอะ แบบไปที่ไหนก็มีแต่คนนินทา 5555555555
แต่เพื่อนเจมส์เคยไปขอเบอร์ก็ไม่ให้นี่หน่าาา นี่ฉันเป็นเดือดเป็นร้อนไรแทนเค้านิ555555
อรั้ยยยยยยยย ตอนนี้ไม่เจอโมเม้น์สองคนนี้โลยยยยยยยยย

แต่ก็ชอบโมเม้นท์ที่ไม่เจอกันแล้วภัคมีความซึน บอกไม่คิดถึงแต่โทรหาเค้าา
อยากให้ภัครู้ใจตัวเองสักทีววว อิอิ รอต่อน้าาาาาาาาา สู้ๆค่ะไรท์ !

ออฟไลน์ tkaido

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ LovEYouOnLy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
อยากรู้จังว่า ใครๆที่พูดกัน มันมีต้นต่อมาจากไหน ชะนีนางไหนอิจฉาถึงต้องเอาไปพูดกัน โมโหๆ :fire:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เริ่มมีคนรู้เยอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pornwicha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
นายเจมส์น่ารำคาญอ่ะ อคติจังเลยนะ

ออฟไลน์ Papangtha

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารตัวหอมอะ โดนจิกกัดเรื่อย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เห้ออออออ อคติคนแท้ๆ ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักนภัคเลย สงสารนภัคเบาๆ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
กรรมแน่ๆ กรรมมันติดจรวจ 555  นี่ไม่ได้จะตอกย้ำนะแต่ที่เคยทำกะจันทร์และทิวาเหมือนกำลังย้อนเข้าตัวเลยคะจริงใจ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
เข้าใจความรู้สึกของจริงใจนะ

แต่ก็นั่นแหละ ณภัคผ่านความรักมาเยอะ คนมองแต่ภายนอก มีข่าวเสียๆหายๆ


เป็นกำลังใจให้เด็กปีศาจ :)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Ouizzz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
จริงใจสู้ๆจริงใจต้องพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าตัวหอมไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ตัวหอมของจริงใจน่ารักที่สุดดด :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
รอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คนที่ไม่มีความพอดีในตัว
ไม่มีความเป็นกลาง ฟังหูไว้หู ดูไปเรื่อยๆ
นี่หูเบา ฟังปุ๊บเชื่อปั๊บ เพราะไม่มีฉันทาคติในใจอยู่แล้ว
ยิ่งไม่อยากให้ใครดีกว่า อิจฉาริษยา
ชอบฟังชอบพูดแต่เรื่องไม่ดี
เรื่องเสียๆหายๆของคนอื่น แล้วมีความสุข
แถมยังขยายข่าวให้ยาวต่อ
เรื่่องเขามีแฟนคนเดียวกลายเป็นแฟนมาก
ไม่คิดว่าถ้าตัวเองโดนพูด โดนว่าบ้างจะเป็นอย่างไร
กรรมคงตามทันนะ คนพวกนี้
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
 :m31: เราก็หงุดหงิดดดดด
เป็นบ้าหรอ เกลียดจริงๆคนที่นินทาคนอื่นไปเรื่อย
สงสารภัคนะ  ถึงจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องจริงแคร์ทำไม
แต่เอาเข้าจริง คนก็เข้าใจแบบผิดไปเยอะ
มันลำบากขึ้นนะ
จะเจอคนที่ดีๆแม่งก็ยากอีก มันดึงดูดพวกเหี้ยๆอะ
ข่าวแบบนั้น
โชคดีที่เจอจริงใจ เราชอบจริงใจ
เป็นผู้ชายไม่ตอแหลดี 5555555

ออฟไลน์ firstlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พี่รู้ว่าน้องจริงใจเชื่อใจณภัค
น้องต้องไม่ผิดหวังแน่นอน

ออฟไลน์ HEARTBREAKER

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +418/-3
ความที่ 21
ผมกับอะไรก็ได้โตแล้ว






   ครืด

   เหลือบมองโทรศัพท์ที่สั่นครืดบนโต๊ะ ผมคิดว่าเป็นแจ้งเตือนจากตัวหอมแต่มันไม่ใช่ น้องสาวผมเมสเสจมาชวนไปดูหนัง หนังอะไรวะ เพิ่งไปดูกับเจมส์เมื่อไม่กี่วันก่อน แต่พูดถึงเจมส์ หลังจากคืนนั้นที่ผมกับมันเหมือนจะทะเลาะกัน เช้าวันรุ่งขึ้นเจมส์ก็เข้ามาขอโทษผมก่อน มันยังยืนยันคำเดิมว่าเป็นห่วง แต่มันบอกแล้วแต่ผม ถึงแม้เจมส์จะรู้จักกับพี่คลื่น แต่เจมส์ไม่ได้รู้จักตัวหอมเป็นการส่วนตัว หรือแม้แต่พูดคุยมันก็ยังไม่เคย ได้ยินแต่คนอื่นเล่ามา

   ผมไม่ได้อะไร เพียงแต่นึกแล้วยังโมโหอยู่ทุกที

   เอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างเบื่อ ๆ กลอกตาซ้ายขวา รอบข้างมีแต่คนที่ก้มหน้าทำงาน เนื่องจากงานที่ผมได้รับนั้นเสร็จแล้ว จึงนั่งกร่อยอยู่แบบนี้ไงครับ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมฝึกงานที่แผนกบัญชี และเป็นวันสุดท้ายในการฝึกงานของผมสำหรับเทอมนี้ด้วย นึกแล้วอยากกลับบ้านมันซะตอนนี้เลย แต่ยังเหลือเวลาอีกสองสามชั่วโมงได้

   จบการฝึกงานผมยังมีเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนเปิดเทอมในภาคเรียนที่สอง ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวและผมจะลองชวนตัวหอมดู ตอนนี้เขาสอบเสร็จไปแล้วครับ สอบเสร็จนานแล้วด้วย แต่เขาไม่บอกผม หงุดหงิดนิดหน่อยแต่ก็ช่างมัน ถึงสอบเสร็จเขาก็ไม่ได้ปิดเทอม ผมเองก็ยังยุ่งกับงานจึงไม่ได้วอแว แต่หลังจากนี้แหละ เตรียมตัวไว้เลย!

   “จักรพรรดิ!” หันไปมองเจ้าของเสียงเรียกแล้วลุกขึ้นยืน ดูเหมือนภายในแผนกจะถูกปกคลุมไปด้วยไอเย็นฉับพลัน

   “ครับ?”

   “เก็บของแล้วออกไปกับผม” แม้จะงงว่าจะไปไหน แต่ผมก็เก็บของใส่กระเป๋าแล้วออกไปหาท่านประธาน

   “มีอะไรเหรอครับ?”

   “ต้องไปพบลูกค้า เขาอยากให้จริงใจไปด้วยครับ”

   “ผมเนี่ยนะ!?” พ่อพยักหน้า ใบหน้าแสดงออกถึงความไม่ชอบใจอยู่หน่อย ๆ พ่อคงไม่อยากให้ผมไปหรอกเพราะรู้ว่าผมไม่ชอบ แต่น่าจะปฏิเสธไม่ได้ ผมถอนหายใจออกมา ท่านประธานหันมามองแล้วหัวเราะ อือ มีความสุขนักที่ลูกเซ็งเนี่ย

   “ผมเอารถไปเองได้ไหมครับ?”

   “ครับ แต่รอก่อนนะ” เรายืนอยู่ที่ล็อบบี้ ไม่นานนักเลขาของพ่อก็เข้ามา

   “เนกไทค่ะท่านประธาน”

   “เอาไปใส่สิ”

   กลอกตาให้พ่อ เอื้อมมือไปรับเนกไทสีดำเส้นเล็กจากคุณเลขาแล้วบอกขอบคุณ ติดกระดุมเชิ้ตจนเม็ดสุดท้ายก่อนคล้องเนกไทไว้บนคอแล้วผูกมันแบบง่าย ๆ ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยวะ อึดอัดชะมัด ผมเบะปาก ดูเหมือนพ่อจะพอใจมาก ท่านบอกสถานที่นัดหมายและแยกออกไปกับคุณเลขา ผมถอนหายใจอีกรอบ ไปหาคุณเกรย์บ้าง วันนี้ผมแต่งตัวเหมือนวันแรกที่เริ่มฝึกงานในแผนกบัญชีเลยครับ เพียงแค่เปลี่ยนสีเบลเซอร์จากกรมท่าเป็นสีดำ แทบทุกอย่างบนตัวผมเป็นสีดำหมด ยกเว้นก็แต่เสื้อกับสนีกเกอร์ที่เป็นสีขาว

   ผมมาถึงที่หมายก่อนและยืนรออยู่หน้าร้านอาหาร หลังจากนั้นถึงเข้าไปด้านใน พ่อกับคุณเลขาทักทายผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ผมเองก็ยกมือไหว้

   “ลูกชายคุณจิรภาสนี่หล่อจริง ๆ นะครับ” ผมยิ้มโง่ ๆ รับคำชม อยากหายตัวได้ฉิบหาย ตอนนี้โคตรอึดอัด ภาวนาให้มีใครตามตัว จ๋าจ้าโทรมาตื๊อให้ไปดูหนังเป็นเพื่อน จันทร์เจ้างอแงให้ซื้อขนมไปให้ ข้าวฟ่างเมสเสจนัดซ้อมวงกะทันหัน ไจ่ไจ๋บอกให้เลี้ยงข้าวมันไก่ หรือไอ้เนตรโทรมากวนตีน อะไรก็ได้ ผมอยากหายไปจากตรงนี้มาก ๆ อึดอัดโคตร ๆ

   พูดถึงไอ้เนตรแล้วก็หงุดหงิด ตอนนี้มันยังไม่เลิกกับมายด์นะครับ มันบอกหลังจากที่เห็นรูปนั้น มันก็ไปถามผู้หญิงว่าวันนั้นไปไหนมา เธอบอกว่าไปซื้อของกับพี่ชาย ซึ่งเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากเนตรผมกลอกตาจนปวดไปหมด เนตรบอกต่อว่ามันไม่ได้เชื่อมายด์ เพียงแค่ฟังเอาไว้ และที่ยังไม่เลิกเพราะมันไม่รู้จะบอกเลิกยังไง แล้วก็อยากรู้ว่ามายด์ทำแบบนั้นไปทำไม

   ไร้สาระจริง ๆ

   “น้องจริงใจไม่เหมือนเด็กมัธยมเลยนะคะ” เหลือบตามองคนพูด เธอคือลูกสาวของคนที่นัดพ่อมาวันนี้และเธอยังนั่งอยู่ตรงข้ามผมอีกด้วย

   “เหรอครับ”

   “ดูโตเกินวัย แต่พี่ไม่ได้หมายความในด้านไม่ดีนะคะ”

   “เหมือนเด็ก ๆ จะเข้ากันได้ดีนะครับคุณจิรภาส”

   ตรงไหนวะ

   เมื่อต้องแบกรับภาระหน้าที่ไว้บนบ่า สิ่งที่ผมต้องทำมันจึงตรงข้ามกับความรู้สึกข้างใน ฉีกยิ้มกับคำพูดนั้น ถ้าหากยิ้มเมื่อกี้ของผมคืออาหาร ก็คงจะมีตัวอักษรกำกับว่า ‘รูปภาพเพื่อประกอบการโฆษณาเท่านั้น’ ยิ้มนั้นก็น่าจะเป็นยิ้มเพื่อโฆษณาหรือยิ้มการค้า ทำนองนั้น

   ฝืนตัวเองไม่ใช่เรื่องตลก

   “อะ เอ่อ ขอบคุณค่ะ” คุณพูดเอ่ยเสียงเบาพลางก้มหน้าเล็กน้อยและยิ้มอย่างเขินอาย แอบชำเลืองมองพ่อที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คุณจริภาสยกยิ้มมุมปาก เห็นแล้วขนลุก ที่ผมตักสลัดให้เธอเพราะเห็นท่าทางยึกยักนั่นหรอก อีกอย่างชามสลัดมันอยู่ใกล้ผมไง นี่กำลังช่วยให้พ่อคุยงานราบรื่นนะ ทำไมยิ้มเยาะกันแบบนี้

   “ดู ๆ ไปแล้วลูกชายคุณจริภาสกับลูกสาวผมก็เหมาะกันดีนะครับ”

   “คุณพ่อก็...”

   “ลูกชายผมยังเด็กอยู่เลยครับ” พ่อผมพูดยิ้ม ๆ

   “เด็กก็จริง แต่เอางานเอาการอย่างนี้ผมชอบ รู้จักช่วยพ่อแม่ทำงาน หน่วยก้านก็ดี คุณเลี้ยงลูกมาดีจริง ๆ”

   “เป็นเกียรติจริง ๆ ครับที่ได้รับคำชมจากคุณ”

   ครืด

   ทุกสายตาจ้องมาที่ผมโดยไม่ได้นัดหมาย มือหนาล้วงเอาโทรศัพท์ที่สั่นครืดในกระเป๋ากางเกงออกมา เมื่อเห็นชื่อคนโทรเข้าผมก็ให้พ่อดู ท่านพยักหน้านิดหน่อย

   “ขอตัวไปรับโทรศัพท์นะครับ” ผมบอกก่อนจะออกจากห้องทานอาหารไปนอกร้าน

   “ว่า?”

   (“พี่จริงใจขา มาดูหนังกันค่ะ!!”)

   “น้องอยู่ไหน?”

   (“เค้าอยู่ห้างใกล้ ๆ ที่เรียนพิเศษ พี่จริงใจมานะ นะคะ เค้าซื้อตั๋วแล้วด้วยอ่า ชาติชายทิ้งเค้ากลับบ้านไปแล้ว แง”)

   “หนังเริ่มกี่โมง?”

   (“อีกประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ”)

   “Okay” ผมผิวปากหลังจากวางสาย จิรภิญญาคือผู้ช่วยชีวิตผม

   “น้องว่ายังไงบ้างครับ?” พ่อถามเมื่อผมนั่งที่เดิม

   “ให้ไปหาครับ” บีบเสียงกังวลและปั้นหน้าลำบากใจ

   “งั้นเหรอ... เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”

   “ไม่ทราบครับ งอแงมากจนคุยไม่รู้เรื่องเลย”

   “มีอะไรงั้นหรือคุณจิรภาส?”

   “ลูกสาวคนเล็กโทรศัพท์มางอแงใส่พี่ชายเขาน่ะครับ”

   “ทำไงดีครับ ถ้าไม่ไปน้องงอนผมแน่” ผมพูด พ่อก็แสดงท่าทางลำบากใจ

   “น้องจริงใจก็ไปหาน้องสาวสิคะ”

   “แต่เรายังทานอาหารไม่เสร็จเลยนะครับ”

   “ไม่เป็น ไปเถอะ ลุงเข้าใจ”

   “อ่า... ขอบคุณครับ และขอโทษด้วยที่เสียมารยาทไปก่อนแบบนี้”

   “ไม่เป็นไร ๆ ไว้นัดทานข้าวกันวันอื่นยังได้”

   “ครับ งั้นผมขอตัวนะครับ” ผมค้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนก้มลงไปคว้ากระเป๋าตัวเองขึ้นมา ลอบหันไปยักคิ้วให้พ่อแล้วรีบออกจากร้าน

   รอดตายแล้ว

   จะว่าไปผมเองก็เสแสร้งเก่งเหมือนกันนะ...แล้วมันดีเหรอวะ

   “พี่จริงใจขาาาาาา~~” ไอ้เปี๊ยกวิ่งเข้ามากอด แต่ผมเบี่ยงตัวหลบ น้องหน้าบึ้ง ก่อนตากลม ๆ จะเบิกกว้างและไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท่า “หู้วววววววววววววววววววว”

   “ไม่ต้องเล่นใหญ่ ไปได้แล้ว”

   “คิคิ พี่ชายเค้าหล้อหล่อ ดูสิ คนมองเยอะแยะเลย” ผมสั่นหัวเบา ๆ แล้วเดินนำจ๋าจ้าออกไป ไอ้เปี๊ยกวิ่งเข้ามาเกาะแขน แม้จะไม่ยอมให้คนอื่นแตะตัว แต่คนในครอบครัวคือข้อยกเว้นทุกประการ “พี่จริงใจเอาป๊อปคอร์นไหมคะ?”

   “อยากกินก็ไปซื้อ” จ๋าจ้าขยับตัวดุ๊กดิ๊ก วิ่งไปต่อแถวซื้อป๊อปคอร์นกับเครื่องดื่ม สักพักก็กลับมา เราสองคนจึงเดินเข้าโรงหนังกัน หนังที่จ๋าจ้าเลือกเอาไว้คืออะนิเมชั่นเรื่องหนึ่ง ถึงจะเป็นการ์ตูนแต่ก็สนุกดี เดี๋ยวนี้หนังการ์ตูนสนุก ๆ มีคุณภาพเยอะแยะนะ ดูเพลินดีไปอีกแบบ ออกจากโรงหนังไอ้เปี๊ยกก็โอดครวญว่าหิว

   “หาอะไรกินไหม?”

   “ไป ๆ” พยักหน้าหงึกหงัก แต่เดินยังไม่ถึงไหนก็แวะเข้าร้านเสื้อผ้าไปแล้ว “พี่จริงใจขา สวยไหม?”

   ผมทำหน้าประหลาดส่งไป จ๋าจ้าย่นจมูกใส่แล้วเอาเสื้อตัวนั้นไปแขวนไว้ที่เดิมแล้วเดินมาควงแขนผม

   บ้านนี้มันชอบสกินชิพกันจริง ๆ สินะ...

   “ไม่ต้องแวะแล้ว ไปกินข้าวก่อน”

   ไอ้เปี๊ยกทำปากยื่นใส่ วิ่งหนีผมไปดูแผนผังแต่ยังไม่ถึงก็สะดุดล้มไปก่อน

   “โอ๊ย!”

   “เป็นอะไร?”

   “เจ็บเท้าอ่ะ” ผมพยุงน้องให้ยืนขึ้น ก่อนก้มลงไปดู แตะเบา ๆ ก็ร้องเลยต้องให้ไปนั่งที่เก้าอี้นั่งพักแถวนั้นก่อน ผมถอดเบลเซอร์ออกไปคุมขาให้ไอ้เปี๊ยกเพราะน้องใส่กระโปรงสั้น แล้วจึงย่อตัวไปนั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง ยกขาของน้องขึ้นมาแล้วถอดรองเท้าให้เบา ๆ ที่ส้นเท้ามีรอยแผลและมีเลือดออก ผมดูอีกข้าง มีเหมือนกันแต่ไม่เท่าข้างแรก รองเท้ากัดแบบไม่ต้องสืบ

   “ฮือ เค้าเพิ่งใส่คู่นี้ไม่กี่ครั้งเอง พี่ฟ้าซื้อให้ด้วย...” ผมโยนคัทชูของน้องออกไปแล้วเงยหน้ามองเด็กที่ตาแดง ๆ จะร้องไห้

   “เท้าแดงขนาดนี้ไม่ต้องใส่มันแล้ว”

   “แง”

   “เดินเท้าเปล่าไปเลย”

   “โหย พี่จริงใจอ่า”

   “รออยู่นี่” ผมลุกขึ้นยืน ตอนนั้นเองถึงได้เห็นว่าคนอื่น ๆ มองมาที่เราเยอะแค่ไหน อือ ผมอาจจะมีรูปบนอินเทอร์เน็ตอีกครั้งก็ได้

   เข้าไปที่ช็อปรองเท้า เดินเลือกอยู่สักพักถึงได้มา เพราะตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้อรองเท้าแตะหรือสนีกเกอร์ แต่สุดท้ายที่ผมซื้อมาก็คือสนีกเกอร์ slip on ออกจากร้านร้องเท้าต้องเดินหาร้านขายยา กว่าจะเจอก็ใช้เวลาไปเยอะเหมือนกัน เมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้วก็ต้องรีบกลับไปหาน้อง

   นึกปวดหัวตุบ ๆ กับความวุ่นวายนี้

   “พี่จริงใจไปไหนมา” ผมไม่ตอบ ชูของในมือให้ดู นั่งลงแบบเดิม บีบยาใส่ปลายนิ้วแล้วทาบริเวณรอยแดงรอบเท้าของจ๋าจ้า จากนั้นจึงติดพลาสเตอร์สำหรับติดส้นเท้าให้น้อง แล้วค่อยใส่ถุงเท้าและรองเท้าให้ “แง รองเท้าอันนี้ เค้ากำลังอยากได้เลย”

   “จ่ายค่ารองเท้ามา”

   “ไม่มีค่ะ!”

   “โอเคยัง?” ถามพลางล้างมือด้วยเจลไปด้วย จ๋าจ้าพยักหน้า เก็บรองเท้าคู่เดิมใส่กล่อง ผมยื่นมือมาให้จับหลังจากใส่เสื้อคลุมเสร็จแล้ว จะได้ไปหาอะไรกินสักที

   แต่คนจะซวยมันก็ต้องซวย หลังจากโดนรองเท้ากัดไปแล้วเหมือนจะยังไม่สาแก่ใจ จ๋าจ้าก็เดินไปชนใครเข้าจนได้ ความซุ่มซ่ามนี้ไปได้จากไหนมา จันทร์เจ้าเหรอ ถ้าเป็นคนอื่นเดินชน ขอโทษแล้วก็จบ แต่หากเป็นคนรู้จัก มันจะต้องมีประเด็นที่ถูกหยิบขึ้นมาพูดก่อนแยกกัน อย่างเช่นตอนนี้...

   “อ้าว น้องจริงใจ มากับสาวที่ไหน เทเพื่อนพี่แล้วเหรอคะ?” จ๋าจ้าหันขวับมามองผมทันทีที่พี่พีทพูดจบ

   อือ... คนที่จ๋าจ้าเดินชนคือพี่พีท ผมไม่ได้พูดอะไร หัวคิ้วขมวดมุ่น รู้สึกจี๊ดในหัวอีกแล้ว

   “เทอะไรคะ?”

   “ไม่มีอะไร”

   “มีสิ! พี่จริงใจจีบเพื่อนพี่เขาเหรอ แล้วเทอะไรยังไงอ่ะ บอกเค้าสิ!” ผมโคลงหัว จ๋าจ้าสะบัดมือที่จับผมอยู่ออกแล้วยื่นมาบีบแก้มให้หันหน้าไปหา

   “ไปเหอะ” กลอกตาไปมองคนพูด ตัวหอมจะเดินออกไปแต่น้องสาวผมดันวิ่งไปขวาง

   “เดี๋ยวค่ะ! บอกหนูก่อนได้ไหมคะว่าพวกพี่พูดถึงเรื่องอะไรกัน”

   “จ้ามานี่ เดี๋ยวบอก”

   “ไม่! พี่จริงใจโกหก ไม่บอกเค้าหรอก มีอะไรก็ไม่บอก!” แหวใส่ผมแล้วหันไปทำตาเป็นประกายใส่พี่พีทกับตัวหอม

   “น้องเป็นอะไรกับน้องจริงใจเหรอคะ?”

   “เป็นน้องสาวค่ะ”

   “พี่พีทกับพี่ภัครู้จักพี่ชายหนูได้ยังไงคะ?” ไม่ใช่แค่ผมที่งง พี่พีทกับตัวหอมก็งงเช่นกันที่น้องสาวผมเรียกชื่อพวกเขาถูก ทั้งที่ไม่มีใครพูดชื่อออกมา

   “รู้จักเหรอ?”

   “อือ! เค้าตามโซเชียลทุกอย่างของพี่เขาเลย ชอบมาก!”

   “น้องสาวน้องจริงใจจริง ๆ เหรอคะ?” พี่พีทถามเหมือนไม่ค่อยเชื่อ ตัวหอมเองก็มองหน้าผมสลับกับจ๋าจ้า อะไรกันวะ นี่คิดว่าผมกับจ๋าจ้าเป็นอะไรกัน

   “จริงค่ะ! แล้วพวกพี่รู้จักพี่จริงใจได้ยังไงคะ?”

   “พี่ชายหนูมาจีบเพื่อนพี่ค่ะ”

   “ฮะ!!!?” จ๋าจ้าตาโต หันหน้ามามองผม “จริงเหรอ!? พี่จริงใจจีบพี่ภัคเหรอ?!”

   ผมมองน้อง เหลือบไปมอองคนถูกพาดพิง เขาเหยียดยิ้มและไหวไหล่ พี่พีทก็ดูเหมือนจะลุ้นกับคำตอบของผม

   “ตอบสิคะ!”   

   “เออ”

   ตาที่โตอยู่แล้วยิ่งโตขึ้นไปอีก

   “ได้ไงอ่ะ!!! ไม่ให้จีบนะ!!” คิ้วของผมมุ่นเข้าหากัน ไม่คิดว่าจ๋าจ้าจะงอแงกับเรื่องนี้ ผมเบลอไปเลยเมื่อเห็นว่าน้องน้ำตาคลอ คิดอะไรไม่ออกแต่มือเอื้อมคว้าตัวน้องมากอดไว้แล้ว จ๋าจ้าทุบหลังผมอยู่สองสามที

   “เอ่อ...” พี่พีทเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด เขาหันไปมองเพื่อนตัวเอง ถอนหายใจออกมา มองหน้าผมก่อนส่งยิ้มแห้ง ๆ มาให้

   “จ๋าจ้า”

   “แง” ไอ้เปี๊ยกผละออกจากผม ยกแขนปาดน้ำตา “เค้าไม่ให้จีบอ่ะ พี่ภัคของเค้า เค้าไม่ให้”

   ที่ดราม่านี่เพราะหวงตัวหอม ไม่ใช่ผมครับ

   “ก็แย่ละ”

   “งงวนไปค่ะ”

   “ทำไมต้องจีบพี่ภัคด้วยอ่ะ”

   “จะจีบใครก็ได้โตแล้ว”

   “ไม่ได้!” ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าทำไม “ก็เค้าชอบพี่ภัค เค้าทำใจไม่ได้อ่ะ พี่ภัคขา อย่ายอมเป็นแฟนพี่จริงใจนะคะ”

   “ไอ้เปี๊ยก!” ผมแทบกระชากหัวน้องแล้ว

   “นะคะพี่ภัค พี่จริงใจนิสัยไม่ดีเลย ไม่มีความเป็น gentle men ไม่ได้เรื่องด้วยค่ะ อย่าตกลงนะคะ”

   “ครับ”

   ผมดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม มองณภัคตาขวาง ตอบแบบไม่คิดงี้เลยดิ

   “เย้เย้!”

   น้องผมแม่ง...

   “เปี๊ยกมานี่! หิวไม่ใช่ไง? ไปหาอะไรกินได้แล้ว” ผมดึงแขนจ๋าจ้ามายืนข้างตัว ต้องออกไปจากจุดนี้เร็ว ๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะบรรลัยไปมากกว่านี้

   ไม่รู้ว่าการทานข้าวกับลูกค้าของพ่อกับการมาดูหนังเป็นเพื่อนจ๋าจ้าอะไรมันฉิบหายมากกว่ากัน

   “จริงด้วย ลืมไปเลย พี่ภัคกับพี่พีทจะไปไหนกันต่อเหรอคะ?”

   “หาอะไรทานค่ะ” พี่พีทตอบ ตอนนี้น้องผมตาโคตรวาว

   “งั้นไปด้วยกันไหมคะ!? หลายคนสนุกดี”

   “เอาสิ” ผมต้องเลิกคิ้วกับคำตอบ ที่มันน่าประหลาดใจเพราะคนพูดคือตัวหอม ไอ้เปี๊ยกร้องเย้ดีใจ เข้าไปเกาะแกะพี่พีทกับตัวหอมอย่างกับรู้จักกันมานาน ผมต้องเดินอยู่ด้านหลังคนเดียว จนกระทั่งมาถึงบันไดเลื่อน ด้วยความที่จ๋าจ้าใส่กระโปรงสั้น สิ่งที่ผมต้องทำคือยืนอยู่ด้านหน้าน้อง น่าหงุดหงิดชะมัด ผมโคตรไม่ชอบเวลาจ๋าจ้าใส่กระโปรงสั้น

   “พี่จริงใจขา ถ่ายรูปกัน” จ๋าจ้ายื่นโทรศัพท์ข้ามไหล่ผมมา คางมนวางอยู่เหนือศีรษะผมแล้วยิ้มกว้างพร้อมกับหลับตาลงข้างหนึ่ง ผมจ้องไปที่กล้องด้วยใบหน้านิ่งเฉย เมื่อได้ภาพแล้วไอ้เปี๊ยกก็ดึงมือกลับ “หุ้ยยย ทำไมชอบทำแต่หน้านิ่ง ๆ เหมือนไซบีเรีย ขี้เก๊ก!”

   “เดี๋ยวจะโดน” ดีดหน้าผากคนพูดเมื่อมาถึงพื้นพอดี ผมปล่อยให้สามคนนั้นเดินนำอีกครั้ง ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาดูเมื่อมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา จ๋าจ้าอัพโหลดและแท็กผมในรูป

   heyjirapinya ทำหน้ายังไงก็ได้โตแล้ว #whatever #JJ #sibling #broter

   กดถูกใจให้เขาหน่อย เดี๋ยวได้มาโวยวายใส่ผม คำว่า broter นั้นไม่ได้พิมพ์ผิดหรอกคำ ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น มันเกิดจากการที่เราสามพี่น้องเป็นผู้ชายและผู้หญิง จะใช้คำว่า brother sister ก็หลายคำจึงไม่อยากใช้ จะใช้แค่คำใดคำหนึ่งก็ไม่ได้อีก เราจึงรวบคำด้วยการเอาทั้งสองมารวมกัน จึงเกิดเป็น broter ขึ้นมา

   เชี่ย! เพราะไม่ได้สนใจอะไร จึงไม่ได้มองว่าร้านอาหารที่มานั้นคือประเภทไหน ผมหยุดยืนอยู่หน้าร้าน จ้องน้องสาวด้วยสายตานิ่ง ๆ จ๋าจ้ายิ้มแหย

   “พี่จริงใจขา เค้าอยากทานอาหารญี่ปุ่น”

   “.....”

   “ในร้านมีอาหารอย่างอื่นด้วยนะคะ ไม่ได้มีแค่ปลาดิบกับซูชิน้า~~” เดินตามจ๋าจ้าเข้าไปในร้านอย่างเซ็ง ๆ เมื่อถึงโต๊ะไอ้เปี๊ยกก็สั่งอาหารรัว ๆ ผมสั่งแค่ที่ผมกินได้มา ถ้าใครบังคับให้กินปลาดิบนะ ผมจะเอาวาซาบิยีหน้า ไอ้ฉิบหาย

   ระหว่างที่รออาหาร ผมก็นั่งเซ็ง ๆ ไป ฟังสามคนคุยกันบ้าง แต่ไม่ได้คุยด้วย ถ้ามีคนถามถึงจะตอบไป แต่ที่ทำบ่อย ๆ ก็คือกด ๆ นวด ๆ ขมับตัวเอง

   “เอ้อ ว่าจะถามตั้งนานละ ลืม ทำไมน้องจริงใจถึงแต่งตัวแบบนี้ล่ะคะ?” ผมก้มมองสภาพตัวเองเมื่อสิ้นคำถามของพี่พีท ปกติที่เจอกันจะแต่งแนวเสื้อยืดกางเกงยีนส์หรือสเวตเตอร์กับแจ็กเก็ตสักตัว แต่วันนี้มันต่างออกไป

   “ฝึกงานครับ”

   “อ้าว งั้นตอนเค้าโทรไปพี่ก็ทำงานอยู่น่ะสิ” ผมพยักหน้า “แล้วออกมาทำไมอ่ะ ยังไม่เลิกงานนี่นา”

   “ออกมาทำไมก็ได้โตแล้ว”

   “พี่จริงใจขา...” ยักคิ้วส่งไปให้คนที่ทำเสียงเข้ม มันก็เข้มนะ เข้มแบบทุลักทุเล จ๋าจ้าชูกำปั้นเหมือนจะชก

   “ขา?” ผมกอดอก เอียงหน้าไปมองน้องสาวแล้วระบายยิ้มอ่อนโยน จ๋าจ้าเบิกตาโตและทำหน้าประหลาด

   “ใจกูพังแล้วจ้า” เสียงของพี่พีทดังมา

   “ลวงโลกมาก ๆ เลยอ่ะ พี่พีทอย่าหลงกลค่ะ พี่ภัคอย่าหวั่นไหวนะคะ” ไอ้เปี๊ยกใช้นิ้วจิ้มแก้มผมตามจังหวะที่พูด “หน้าอย่างนี้เสแสร้งมากค่ะ ถ้าหน้านิ่ง ๆ นั้นคือจริงใจสุด”

   “ก็แย่ละ” ผมกลอกตา

   “ก็มันจริงนี่นา ปกติพี่มองเค้าตาหวานแบบนี้ที่ไหน แล้วยิ้มละมุนนั่นก็ไม่เคยหรอก มีแต่ยิ้มเยาะกับแสยะยิ้ม fake!” ผมไหวไหล่ หุบยิ้มแล้วทำหน้าจริงใจต่อไป

   “ตอนนี้ยังปิดเทอมอยู่เหรอคะ?”

   “ใช่ค่ะพี่พีท แต่อีกประมาณอาทิตย์หนึ่งก็เปิดเทอมแล้ว หรือเปล่านะ? พี่จริงใจขา?”

   “อือ”

   “เรียนที่เดียวกันเหรอ?”

   “ค่ะ แต่จ๋าจ้าอยู่ม.3 เรียนคนละตึก ไม่ค่อยได้เจอกัน”

   “คงฮ็อตทั้งพี่ทั้งน้อง”

   “พี่จริงใจฮ็อตคนเดียวค่ะ มีคนเอาขนมมาให้ตลอด เยอะมากจนรำคาญเลยค่ะ เอามาให้จ๋าจ้าทำไมก็ไม่รู้!”

   “ใครกิน?”

   “เค้าเอง!” จ๋าจ้ายิ้มกว้างตอบรับด้วยความทะเล้น “วู้ววว อาหารมาแย้วววว”

   ประเด็นของผมถูกปัดทิ้งไปเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างที่ทานผมไม่ได้พูดอะไร แต่จู่ ๆ อาการที่ส่งสัญญาณเตือนแทบจะทั้งวันก็สำแดงฤทธิ์ขึ้นมา ที่ขมับเหมือนโดนบีบ มันปวดตุบ ๆ จนผมต้องกลั้นหายใจ มือหนากำแน่นอดทนกับความปวด ริมฝีปากถูกเม้มเข้าหากัน อาการแบบนี้ผมเคยเป็นแล้วหลายครั้ง แม่งโคตรไม่โอเค วางตะเกียบในมือลงแล้วยกขึ้นบีบขมับ ผมหลับตา พ่นลมหายใจออกจากปาก

   ปึก!

   ต้องเงยหน้าขึ้นมองเมื่อถูกเตะขาจากใต้โต๊ะ คนนั่งตรงข้ามจ้องผมเขม็ง แต่ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป ตัวหอมเตะขาผมอีกครั้ง ครั้งนี้ผมจึงส่ายหน้าให้เขา กดมือที่ขมับหนักขึ้น ก่อนจะรีบเงยหน้าเมื่อรู้สึกถึงของเหลวบางอย่างกำลังไหลออกจากจมูก ผมใช้หลังมือปาดมันออกขณะเอื้อมมือไปดึงกระดาษมากดที่จมูกของตัวเอง

   “ไปไหนคะ?” จ๋าจ้าเอ่ยถามเมื่อผมลุกจากเก้าอี้ ผมไม่ตอบ แต่แบมือออกให้เห็นกระดาษทิชชู่ที่เลอะไปด้วยคราบเลือดสีแดง ผมไม่ได้ใส่ใจกับหน้าตกใจของทุกคนนัก สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือรีบไปห้องน้ำ

   มองตัวเองในกระจกหลังจากโยนกระดาษทิชชู่ทิ้งไป เลือดยังคงไหลออกจากจมูกไม่หยุด ผมโน้มตัวไปข้างหน้าและก้มหน้าลงให้เลือดหยดลงในอ่างล้างมือแล้วจึงบีบปลายจมูกเอาไว้แล้วหายใจทางปากแทน นัยน์ตาคมกลอกไปมองยังต้นเสียงกุกกัก ผมเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นคนที่เข้ามา คนที่เข้ามายืนข้างผมคือตัวหอมเขาหันหลังทิ้งสะโพกพิงกับขอบเคาน์เตอร์และมองมาที่ผม แต่ระหว่างเราไม่มีใครพูดอะไร ผมก้มหน้าบีบจมูกตัวเองอยู่อย่างนั้นราวสิบนาที และตัวหอมก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยเหมือนกัน

   “ขอบคุณครับ” ผมบอกเมื่อเขาส่งทิชชู่มาให้

   “ทำไม?”

   ตัวหอมไม่ใช่ประเภทที่อยากรู้แล้วจะถามประโยคยาว ๆ ให้เคลียร์ในครั้งเดียว แต่ผมก็รู้ว่า ‘ทำไม?’ ของเขานั้นหมายถึงอะไร

   “นอนไม่พอ” ตัวหอมเบ้ปากและพยักหน้า

   อย่างที่รู้กันว่าช่วงนี้ผมยุ่งกับการฝึกงานมากรวมทั้งยังต้องตรวจสอบเอกสารและหาหลักฐานเกี่ยวกับการทุจริตอีกด้วย แต่ละคืนผมจะนอนดึกและต้องตื่นเช้า ด้วยการที่นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ และยังมีความเครียด ทำให้มันสะสมมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งแสดงอาการออกมาอย่างนี้ ทุกครั้งที่พักผ่อนไม่เพียงพอหรือมีความเครียดสะสม ผมจะปวดหัวมากและมีเลือดกำเดาไหล คนที่บ้านรู้ดีครับ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเป็น

   “พี่จริงใจเป็นไงบ้างคะ?”

   “อย่างที่เห็น”

   “เค้าบอกแล้วว่าอย่านอนดึก ไม่ฟังกันบ้างแล้วเป็นไงล่ะ จะบอกคุณแม่เลยคอยดูเถอะ!”

   “กินเข้าไป อย่าพูดมาก”

   “ชิ! แล้วยังปวดหัวอยู่ไหมคะ?” พยักหน้าเป็นคำตอบให้น้อง มันลดลงบ้างแต่ยังปวดเป็นบางครั้ง เป็น ๆ หาย ๆ น่ารำคาญ ผมอยากกลับบ้านไปนอนชะมัด

   “ตอนเห็นเลือดออกพี่ตกใจแทบแย่ค่ะ”

   “พี่จริงใจเป็นบ่อยแล้วค่ะ ถ้านอนน้อยจะเป็นแบบนี้ตลอดเลย บอกให้พักเยอะ ๆ ก็ไม่ฟัง”

   “เงียบแล้วกินเข้าไป ปากจะได้ไม่ว่าง”

   “เค้าเป็นห่วงแล้วยังจะบ่นอีก”

   “รำคาญ”

   เมื่อพูดไปแบบนั้นจ๋าจ้าจึงยอมเงียบ เงียบใส่ผมแต่คุยจ้อกับตัวหอมและพี่พีทแทน

   ก็แล้วแต่...

   หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วผมขอตัวกลับก่อน จ๋าจ้าอยากให้อยู่ด้วยแต่เข้าใจว่าผมต้องนอนพัก น้องสาวผมตอนนี้ตีซี้กับพี่พีทไปแล้ว ตัวหอมก็ดูจะไนซ์กับน้องผมนะ เห็นคุยกันเยอะพอสมควร ไอ้เปี๊ยกอยากเดินดูของก่อนกลับบ้าน ผมเป็นห่วงนะครับ แต่ไม่อยากอยู่แล้ว จ๋าจ้าก็โตแล้ว ปล่อย ๆ ไปเถอะ อีกอย่างพี่พีทก็บอกว่าจะช่วยดูให้ สรุปคือสามคนนั้นไปเดินซื้อของด้วยกันครับ

   “พี่ไม่กลับบ้านนะ”

   “อ้าว นอนคอนโดเหรอคะ?”

   “อืม บอกที่บ้านด้วย”

   “โอเคค่ะ บาย”

   “อย่าซนนะเปี๊ยก”

   “เค้าไม่เปี๊ยก!!”








---------------------------------------
จ๋าจ้ารู้เรื่องแล้ววววววววว จริง ๆ นางก็ไม่ได้ปิดบังนะ แต่ไม่คนถามนางเอง (กำ)
ตอนนี้เหมือนจะยังไงไม่รู้นะ ขออภัยด้วยคับ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
ไว้เจอกันตอนหน้าเด้อ
บายยยยยย

ออฟไลน์ tkaido

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ตัวหอมค่าตัวแพงมาก พูดกับจริงใจ วลีเดียว  :m15:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
จริงใจมีคู่แข่งน่ากลัวมาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด