• ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • แจ้งข่าว pre-order | 22-12-60 | P.41
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: • ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • แจ้งข่าว pre-order | 22-12-60 | P.41  (อ่าน 313190 ครั้ง)

ออฟไลน์ HEARTBREAKER

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +418/-3
ความที่ 35
ผมกับ relationshit



   ช่วงสายวันอาทิตย์ หลังจากตื่นนอนแล้วผมก็ไปหาอะไรทาน เนื่องจากวันนี้เป็นวันครอบครัว ผมจึงไม่ได้ออกไปไหน อีกอย่างคือขี้เกียจด้วยครับ ใช้งานร่างกายหนักมาทั้งอาทิตย์ แถมยังปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากการไปชกมวยเมื่อวานด้วย วันนี้ฟรี ถึงจะฟรี แต่จะอยู่บ้าน

   ทุกวันอาทิตย์คือวันครอบครัวของบ้านอัศวโยธินทร์ และถึงตอนนี้ผมจะอยู่บ้านฉัตรบดินทร์รัตน์ แต่บ้านนี้ก็ถือธรรมเนียมนี้เหมือนกัน การอยู่บ้านคุณย่า ทำให้ผมต้องเผชิญหน้ากับคุณป้าวิภา

   “ตื่นสายขนาดนี้จะไปทำอะไรกิน”

   เห็นไหม? รักผมมากหรือไงถึงได้หาเรื่องกันบ่อยขนาดนี้

   “ไม่ทำอะไรกินก็อยู่ได้ครับ บ้านผมมีเงิน”

   “ไอ้เด็กนี่” ผมส่งยิ้มกวนไปให้ป้าวิภาแล้วจากนั้นจึงเฟดตัวเองไปยังห้องครัว อันดับแรกคือต้องหาของกินลงท้องเสียก่อน กินเสร็จก็ว่าจะขึ้นห้องไปนอนต่อ วันนี้ไม่มีแพลนจะทำอะไรจริง ๆ

   เคร้ง

   เงยหน้ามองต้นเหตุของเสียง มันคือทับทิมกรอบที่อยู่ในชามเซรามิค ผมยกยิ้มนิดหน่อย เนื่องจากข้าวยังเต็มปากจึงพูดอะไรไม่ได้ เลยยกมือไหว้แทน ป้าวิภาเชิดหน้าคล้ายไม่อยากจะสนใจ นอกจากจะเอาทับทิมกรอบมาให้แล้ว ยังเทน้ำอัญชันมาให้ด้วย เขาคงทำเอง

   อืม... ผมกับป้าวิภาก็ไม่ได้มีแค่โหมดตีกันอย่างเดียวนะ

   “กินเสร็จแล้วก็ล้างด้วย”

   “ครับผม ทราบแล้วครับ”

   ป้าวิภาสั่นหัวแล้วไปเดินออกไป ผมจึงนั่งทานข้าวต่อ พอกินเสร็จแล้วก็เอาไปล้าง ก่อนจะออกไปที่สวนเพราะแม่บ้านบอกว่าปู่กับย่าอยู่ที่นั่น รวมทั้งลุงจอห์นกับป้าด้วย ผมเข้าไปนั่งข้างย่าและเอนหัวซบไหล่คนแก่พร้อมกับสอดแขนไปเกี่ยวแขนย่าและจับมือท่านไว้

   ที่บอกว่าไม่ชอบให้ใครแตะตัวนั่นเรื่องจริง แต่ถ้าผมเริ่มก่อนมันก็อีกเรื่อง และคนในครอบครัวก็เป็นข้อยกเว้น

   “ตื่นแล้วเหรอลูก ทานอะไรหรือยัง?” ย่าถามพร้อมกับตบมือผมเบา ๆ

   “ทานแล้วครับ ทับทิมกรอบกับน้ำอัญชันอร่อยดี”

   “หึ!” คนถูกพูดถึงกอดอกและเชิดหน้าขึ้น แต่ยังปรายสายตามองผมแวบหนึ่ง เฮ้ย! ผมค้นพบความบันเทิงใหม่แล้ว มัวแต่ไปอคติกับคุณป้าวิภาอยู่ตั้งนาน การแกล้งป้ามันก็สนุกดีนะครับ

   “เจมส์กลับหรือเปล่าครับ?”

   “กลับครับ ลุงบอกให้มาเพราะจะมีแขกตอนเย็น”

   “ใครจะมาเหรอครับ?”

   “แฟนเจ้าแจน” ปู่เป็นคนตอบ ผมกะพริบตาหน่อย ๆ ค่อนข้างงง พี่แจนไปมีแฟนตอนไหน แล้วทำไมป้าวิภาถึงยอมให้มี รายนั้นหวงลูกจะตายไป สรุปแล้วว่าป้าวิภาก็ไม่รู้ว่าลูกสาวตัวเองมีแฟน เพิ่งจะรู้ตอนที่พี่แจนโทรมาบอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าแฟนเขาจะกลับเมืองไทยและอยากเข้ามาไหว้ป้าภากับลุงจอห์น

   ลุงบอกว่าป้าความดันขึ้นไปเลยตอนรู้เรื่อง บ้านแทบแตก พอพี่แจนยืนยันว่าแฟนเขาเป็นคนดีป้าภาก็คลายความหงุดหงิดลงหน่อย

   ถึงแม้ป้าวิภาจะค่อนข้างเป็นมนุษย์ป้า แต่เอาเข้าจริงแล้วก็ค่อนข้างรับฟังและตามใจลูกอยู่พอสมควร

   เขารักของเขานี่ครับ

   ผมอยู่นั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันเรื่อย ๆ เรื่องงานบ้าง เรื่องทั่วไปบ้าง จนกระทั่งเจมส์มาถึง ผมก็ถูกมันลากขึ้นไปเล่นเกมด้วย และยังต้องฟังมันบ่นเรื่องพี่แจนมีแฟน โคตรน่ารำคาญเลย

   “สวัสดีครับ” เราหันไปมองคนมาใหม่ ผมขมวดคิ้วและจ้องหน้าเขาไม่วางตาเพราะไม่คุ้นหน้า และเจมส์ก็เหมือนกัน แต่มันคงรู้นั่นแหละว่าผู้ชายคนนี้คือแฟนพี่แจนถึงได้จ้องเหมือนจะเขาไปกัดเขาแบบนั้น

   ก็แขกที่บอกว่าจะมาทานมื้อเย็นด้วยคือแฟนของพี่แจน แล้วผู้ชายคนนี้จะเป็นใครไปได้ล่ะครับ

   ผู้ชายคนนั้นก็ดูเป็นคนดีนะครับ คงเป็นตามหลักการของคนที่ถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลที่ดี แต่คิ้วของผมเริ่มขมวดเข้าหากันตั้งแต่เขาแนะนำตัว รู้สึกตะขิดตะขวงใจเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยชื่อตัวเองออกมา ประกอบกับอะไรหลาย ๆ อย่างยิ่งทำให้ผมคิดไปไกล

   เขาชื่อ คิง เรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศและเพิ่งกลับมาถึงประเทศไทยเมื่อไม่กี่วันก่อน กลับมาเพื่อรับช่วงต่อกิจการของครอบครัว

   “ทำไมแม่กูหน้าบานจังวะ?” เจมส์เอนตัวมากระซิบกับผม

   “หึ โปรไฟล์ดีขนาดนั้น”

   “จริง ไอ้แจนเลือกได้ดีสัด ๆ เขาไม่น่าตาต่ำมาเอาน้องกูเลย” พี่แจนเป็นแฟนกับเขาได้เกือบสองปีแล้ว คงจะรู้จักกันตั้งแต่ที่แจนไปเรียนภาษา

   “คงเป็นเวรกรรม”

   “เป็นไปได้”

   เรามองหน้ากัน ก่อนยกยิ้มอย่างนึกตลก ถ้าพี่แจนได้ยินคงกรี๊ดใส่พวกผมจนหูพังแน่ ๆ แต่อีกไม่นานพี่แจนก็จะกลับมาแล้ว (ได้ยินจากที่แฟนเขาบอก) ทางมหาวิทยาลัยคงจะเป็นเทอมฤดูหนาวพอดี

   ดี จะได้ฝากซื้อรองเท้ากับกระเป๋า

   ว่าแต่... ผู้ชายคนนั้น ชื่อคิงใช่ไหม เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศไม่กี่วันด้วยใช่ไหม...

   ชื่อคิง... เพิ่งกลับจากต่างประเทศ...

   คิง... จากต่างประเทศ

   คิง... กลับมาได้ไม่กี่วัน

   คิง...

   ไอ้เหี้ย!!!!

   ผมลุกพรวด ก้มหัวเป็นเชิงขอโทษที่เสียมารยาทแล้วลุกจากห้องนั่งเล่นไปพร้อมกับกดโทรศัพท์โทรออกหาผู้ช่วยที่ไม่ค่อยทำหน้าที่สักเท่าไหร่ รอสายอยู่สักพัก เขาก็รับสาย

   (“สวัสดีค่า”)

   “พี่พีท!!”

   (“ว้ายตาย! อะไรคะ มีเรื่องอะไรลูก?”)

   ผมพยายามปรับอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติก่อนจะพูดอะไรออกไป

   “ตอนนี้พี่อยู่คนเดียวหรือเปล่าครับ?”

   (“เปล่าจ้า อยู่กับณภัค”)

   “พี่... ช่วยเดินออกไปอยู่คนเดียวสักครู่ได้ไหมครับ?”

   (“น้องไม่อยากให้มึงฟังว่ะ / ดอก!”)

   (“ฮัลโหลค่ะ น้องจริงใจ มีธุระอะไรว่ามาเลยลูก”)

   “พี่พีทมีรูปรักแรกของณภัคไหมครับ ช่วยส่งมาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?”)

   (“เอ๊ะ? พี่คิงเหรอ?”)

   “ครับ ส่งมาให้ผมหน่อย ถ้าเป็นไปได้ผมอยากได้รูปปัจจุบัน อย่าบอกภัคนะครับ”

   (“ทำไมเหรอคะ?”)

   “อ่า... ผมแค่อยากรู้ว่าผมจะหล่อสู้เขาได้หรือเปล่า ส่งให้ผมหน่อยนะครับ นะครับพี่พีท”

   (“โอ๊ยตาย ได้ค่ะ ๆ ได้ ๆ เดี๋ยวพี่หาให้ ขอมากกว่านี้ก็ได้ อยากได้อะไรพี่จะหามาให้ อ้อนขนาดนี้”)

   “ขอบคุณมากครับ”

   วางสายไปหลังจากเจรจาธุรกิจกันเรียบร้อยแล้ว รออยู่ไม่ถึงห้านาทีก็มีข้อความจากพี่พีทเข้ามา ผมเปิดเข้าไปดูทันที ก่อนจะต้องเม้มปากเมื่อเห็นรูปที่ปรากฏอยู่ในจอ

   ไอ้ฉิบหาย...

   รักแรกของณภัคกับแฟนของพี่แจนคือคนเดียวกัน




   สองวันต่อมา...

   “วันนี้มึงไปซ้อมดนตรีหรือเปล่าวะ?”

   “ไม่” ผมตอบไอ้เนตร ตอนนี้กำลังเดินออกไปจากโรงเรียน วันนี้ผมไม่ได้ขับรถมาเองเพราะฝนมันตก ไอ้เนตรก็เช่นกัน ไม่รู้จะตกอะไรนักหนา ทั้ง ๆ ที่นี่ไม่ใช่ฤดูฝนเลยด้วยซ้ำ

   “มึง...”

   “หืม?” ดึงหูฟังออกหนึ่งข้าง ผมหยุดเดินเพราะเนตรมันหยุดและคว้าแขนผมไว้ มองตามสายตาของเพื่อนก็เจอกับเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนโรงเรียนอื่นยืนอยู่บริเวณทางออก ท่าทางกำลังชะเง้อมองหาใครสักคน ผมขมวดคิ้วก่อนจะคลายออกด้วยความไม่สนใจ

   “ยังอ่อนไหวอยู่หรือไง?”

   “อ่อนไหวก็เหี้ย” ไอ้เนตรมันว่า ผมแสยะยิ้มนิดหน่อย เมื่อเราเดินออกไปถึงหน้าโรงเรียน ผู้หญิงคนนั้นก็หันมาเจอ เธอส่งยิ้มมา แต่มันค่อนข้างเป็นยิ้มที่เศร้า ผมหันหลังให้ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายมีเรื่องจะคุยกับเนตร แต่มันไม่ใช่ เธอก้าวเข้ามายืนตรงหน้าของผม

   เหลือบไปมองเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยโดยอัตโนมัติ คิ้วของมันขมวดมุ่นขณะมองแฟนเก่าของมันเอื้อมมือมาคว้าแขนผม เพียงปลายนิ้วสัมผัสไม่นาน ผมก็สะบัดออกแล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างพร้อมกับก้าวถอยหลัง

   “มีเรื่องอะไร?”

   “ทำไมมายด์โทรหาจริงใจไม่ได้ แล้วส่งข้อความไปก็ไม่อ่านด้วย” มายด์ไม่ตอบคำถามของเนตร แต่ดันถามผมแทน คำถามนั้นมันยิ่งทำให้ภูวเนตรไม่เข้าใจไปกันใหญ่ อืม คงถึงเวลาที่ผมต้องบอกมันแล้วล่ะ อาจจะทะเลาะกันนิดหน่อย แต่ช่างแม่งเหอะ

   “อ๋อ บล็อกไปแล้ว มีอะไรเหรอ?”

   “อะ อะไรนะ? จริงใจบล็อกมายด์ทำไม!?”

   “ไม่มีอะไรจะคุยนี่ ขอตัวนะ”

   “เดี๋ยวสิ!!” เสียงตะโกนของเธอทำให้ผู้คนหันมามอง ผมเองก็มีคนรู้จักเยอะ มันยิ่งน่าสนใจ “ที่พูดแบบนั้นหมายความว่าไง”

   “ตามที่พูด ไม่มีอะไรจะคุย และไม่อยากคุย ไม่เข้าใจเหรอครับ?”

   “เดี๋ยว จริงใจ บอกกูดิ๊ว่านี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกัน”

   “เนตร จริงใจจีบมายด์”

   “ว่าไงนะ! นี่มึง...!” เนตรส่งมือมาขยุ้มคอเสื้อผมทันที ผมไม่ได้ปัดออก ชำเลืองสายตาไปมองผู้หญิงคนนั้น เธอยกยิ้มเหมือนเหนือกว่า หึ คิดว่าผมกลัวเหรอวะ

   “เปล่า ไม่ได้จีบ กูแค่ทำให้เขาบอกเลิกมึง”

   “ไอ้เวรเอ๊ย!!” มันสบถเสียงดังก่อนจะปล่อยมือออกจากคอเสื้อของผม

   “มะ หมายความว่ายังไง นี่จริงใจหลอกมายด์เหรอ?!”

   “ทำนองนั้น” มายด์หน้าเสีย แต่ผมไม่ได้สนใจ “พอดีว่าเนตรมันไม่ยอมเป็นฝ่ายบอกเลิก ผมเลยต้องช่วยไง ขอโทษด้วยนะถ้าหากทำให้เข้าใจผิด”

   “ไอ้ชั่ว”

   “แล้วกับคนที่มีแฟนอยู่แล้วแต่ดันมาคุยกับผู้ชายคนอื่นนี่เรียกว่าอะไร หืม? ชั่วเหรอ? อ่า... หรือว่าร่า----”

   “จริงใจมึงหยุด!” เนตรห้ามก่อนที่ผมจะพูดจบประโยค มันดันผมออกแล้วไปยืนตรงหน้ามายด์แทนผม “มายด์กลับบ้านเหอะ”

   “เนตร... เนตรก็รู้ด้วยใช่ไหมว่าเพื่อนเนตรหลอกมายด์”

   “เพิ่งรู้วันนี้แหละ แต่ที่มายด์คบซ้อนน่ะ เนตรรู้ตั้งนานแล้ว”

   เธอดูจะอึ้งไปไม่น้อยกับประโยคนั้น

   “ไม่จริงนะ ใครบอกเนตร”

   “คิดว่าใครล่ะครับ?” ผมพูดและก้าวไปข้างหน้า มายด์มองผมตาวาวด้วยความโกรธ

   “เลว ทำให้คนอื่นเลิกกันมีความสุขมากใช่ไหม!”

   “ไม่เท่าไหร่ แต่ก็สนุกดี”

   “สารเลว ฉันไปทำอะไรให้นาย!”

   “ไม่ได้ทำผมหรอก แต่ทำเพื่อนผมไง ถ้าหากคุณไม่นอกใจเพื่อนผม และซื่อสัตย์กับมันเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นไหม คิดดูดี ๆ แล้วกัน ถ้าจริงใจกับมันตั้งแรกแล้วจะเสียมันไปไหม!”

   “เพราะนายนั่นแหละที่บอกให้ฉันบอกเลิกเนตร”

   “นั่นเรื่องจริงแล้วจะทำไมเหรอ? ถ้าชอบไอ้เนตรแล้วจะทำตามที่ผมบอกทำไม ถ้าคุณชอบมัน คุณจะไม่หวั่นไหวกับคนอื่นป่ะ? คิดสิคิด!”

   “ไอ้....”

   “ยอมรับเถอะว่าตัวเองมันไม่รู้จักพอ”

   “พอแล้วมึง มายด์กลับไปก่อน”

   “เนตรเป็นเพื่อนกับคนชั่ว ๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน”

   “ขนาดแฟนชั่ว ๆ ยังมีมาแล้ว มีเพื่อนชั่ว ๆ บ้างจะเป็นอะไรไป” ผมแสยะยิ้มกับคำพูดของเนตร

   “เนตร!!!”

   “พอเถอะมายด์ คนมองหมดแล้ว กลับบ้านไปเถอะ แล้วเราอย่าเจอกันอีกเลยครับ”

   “มายด์ชอบเนตรนะ”

   ภูวเนตรถอนหายใจเสียดัง ผมถอยหลังออกมาเพื่อให้สองคนนั้นคุยกัน ระหว่างนั้นมีคนที่รู้จักผมเข้ามาถามว่ามีเรื่องอะไร แต่ผมไม่ได้บอกไป

   “มายด์มีคนคุยด้วยเยอะอยู่แล้วนี่ แค่ไม่มีเนตร ไม่เป็นไรหรอก เนอะ”

   “มายด์ไม่มีใคร เราคืนดีกันได้ไหม มายด์ขอโทษ”

   “ขอโทษเหมือนกันที่ต้องบอกว่าไม่ เนตรไม่ใช่ควายนะเว้ย! ถ้าเลิกกันด้วยเรื่องอื่นอาจจะคุยกันได้ แต่มายด์นอกใจเนตรอ่ะ มายด์มีคนอื่นทั้ง ๆ ที่เราคบกันอยู่ ทำแบบนั้นได้ยังไงวะ! โคตรรับไม่ได้ อย่าทำให้ต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้เลย”

   “ฮึก”

   “เชี่ย ไม่เคยเห็นพี่เนตรมุมนี้เลย” รุ่นน้องที่รู้จักพูดขึ้น ผมแสยะยิ้ม คนเรามีหลายด้านจะตายไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าเราจะแสดงด้านไหนออกกมา

   ไอ้เนตรเดินออกไปหลังจากพูดจบโดยไม่หันกลับมามองอีกแม้ว่าแฟนเก่าของมันยืนน้ำตานองอยู่ก็ตาม เธอมองผมด้วยแววตาโกรธจัด สองมือกำแน่นและตัวสั่นเทิ้ม ผมยักคิ้วส่งไปให้ก่อนจะเดินตามไอ้เนตรไป




   “กูอยากต่อยมึงฉิบหาย!”

   “เอาดิ”

   ผัวะ!

   เซนิดหน่อยเมื่อหมัดของภูวเนตรกระทบเข้าที่ใบหน้า ก่อนที่อีกหมัดจะกระแทกเข้าหน้าท้องผมเต็ม ๆ อีกหนึ่งที เชี่ยเอ๊ย หมัดหนักใช้ได้เลย

   “ทำเหี้ยอะไรไม่เคยปรึกษากูก่อนเลย ไอ้ห่า!!!!”

   “หึหึ”

   “หัวเราะหาพ่อมึงเหรอ มีอะไรน่าขำหรือไง!”

   “มึงไง”

   เนตรยกนิ้วกลางให้ผม “กูกับมึงต้องคุยกันจักรพรรดิ”

   “ไปคาเฟ่นะ อยากกินเค้ก”

   “ควัย!”

   ผมไม่สนใจที่เนตรมันด่า เราเดินมาอีกหน่อยก็ถึงคาเฟ่ใกล้ ๆ โรงเรียน สั่งเครื่องดื่มและขนมได้แล้วก็เดินไปหาที่นั่ง ผมทานไปอย่างไม่ทุกข์ร้อนในขณะที่ภูวเนตรกอดอกหน้าเครียดมองผมอยู่ฝั่งตรงข้าม

   “จะเล่าได้หรือยัง?”

   “รีบเหรอ?”

   “เออ”

   “กลับบ้าน?”

   “กระทืบมึงเนี่ยไอ้สัด เร็ว ๆ รีบพูดสักที!”

   “ไม่มีอะไร เห็นมึงไม่ยอมบอกเลิกสักที กูเลยไปอ่อยเขาแล้วบอกให้เขาบอกเลิกมึง”

   “จริง?”

   “อืม”

   “ไอ้เวร ทำอะไรไม่ปรึกษากูสักนิด แล้วมึงไปเล่นกับความรู้สึกเขาอะนะ ไหนบอกไม่เคยล้อเล่นกับอะไรไงวะ”

   ผมไหวไหล่ “ก็ไม่ได้ล้อเล่น กูจริงจังมากเรื่องที่จะทำให้พวกมึงเลิกกัน จุดประสงค์กูคือให้ผู้หญิงคนนั้นบอกเลิกมึง ส่วนเรื่องอ่อย กูไม่นับ”

   “โห ไม่รู้จะด่าว่าอะไรเลย”

   “ทำไม โกรธเหรอ?” ผมถามอย่างไม่แยแสอะไร เจตนาจริง ๆ ที่ไม่ทุกข์ร้อนคือจะกวนตีนมันนั่นแหละ

   “กูเริ่มจะโกรธละ”

   “อย่าโกรธเลย กูเพื่อนมึงนะ”

   “กวนตีนฉิบหาย” ผมยักคิ้ว ไอ้เนตรพ่นลมหายใจแรง ๆ แล้วเสยผมขึ้น ก่อนจะจ้องหน้าผม “ทีหลังอย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะไอ้สัด สาระแนฉิบหาย กูไม่โกรธเพราะมึงเป็นเพื่อนกู และรู้เจตนามึง แต่ถ้าทำอะไรแล้วไม่บอกกูอีก กูเอามึงตายแน่”

   “จ้า กลัวแล้ว”

   “ไอ้เหี้ยเอ๊ย! โว้ยยยยยย!” ท่าทางหัวเสียของภูวเนตรตลกดี ผมจะไม่โมโหที่โดนมันด่าก็แล้วกัน





   ผมแยกกับเนตรหลังจากนั้น มันก็กลับบ้านของมันไป ส่วนผม... จันทร์เจ้ากับจ๋าจ้าบอกให้ซื้อขนมไปให้ ซึ่งร้านที่สองคนนั้นอยากกินอยู่โคตรไกลจากที่ผมอยู่ตอนนี้ แล้วการจราจรตอนเย็นติดขัดเหี้ย ๆ รถไฟฟ้าคนก็เยอะ แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากใช้บริการมัน สภาพอากาศด้านนอกมีฟ้าครึ้ม ๆ คล้ายว่าฝนจะตกในไม่ช้า

   ไม่เข้าใจ นี่หน้าหนาว ฝนจะตกทำไมไม่ทราบ

   ใช้เวลาสักพักผมก็หลุดพ้นมาจากปลากระป๋องลอยฟ้า ลงจากสถานีแล้วต้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้มีฝนตกอยู่ปรอย ๆ ผมมองมันก่อนจะมุ่งหน้าไปยังร้านขนมเจ้าประจำที่อยู่ไกลออกไปพอสมควร ระหว่างทางที่กำลังเดินนั้น ฝนกลับตกลงมาหนักกว่าเมื่อสักครู่ ทำให้ผมต้องหยุดอยู่ที่หน้าร้านอาหารร้านหนึ่งเพื่อที่จะเปิดกระเป๋าเอาร่มพับสีดำออกมากาง

   ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้น สายตาของผมกลับมองเข้าไปเห็นใครบางคนที่นั่งอยู่ด้านในร้านอาหารหรูนั่น ผมยืนมองนิ่ง ๆ ผ่านกระจกใสของร้าน แม้โต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่จะไม่ได้อยู่ใกล้ แต่บริเวณนั้นไม่มีลูกค้าคนอื่นนั่งกัน จึงทำให้ผมสามารถมองทะลุเข้าไปได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบัง

   ริมฝีปากหยักค่อย ๆ ยกยิ้มจนกลายเป็นรอยยิ้มแสยะ เมื่อคนที่ผมจ้องมองอยู่หันมาสบตากันพอดี สีหน้าของเขาดูตกใจที่เห็นผม นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างขึ้น อาการเมื่อกำลังกลัวบางอย่างทำให้ผมถึงกับแค่นหัวเราะออกมาในลำคอ ผมกำร่มในมือแน่นจนรู้สึกเจ็บขึ้นมา แต่มันไม่เท่าใจผมตอนนี้หรอก จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นความชาเมื่อผู้ชายอีกคนยื่นมือไปแต่ที่ริมฝีปากของเขาเพื่อเช็ดอาหารที่เลอะออกให้

   เมื่ออยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ ผมจึงเลือกเดินออกไปจากตรงนั้น

   สายฝนตกลงมากระทบกับร่างกาย แม้มีร่มอยู่ในมือ แต่ผมกลับไม่ใช้มันเพื่อป้องกันตัวเอง ในเมื่อตัวผมมันเปียกแล้ว จะใช้ร่มไปยังไงตัวผมก็ยังเปียกอยู่ดี

   ไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้เลยให้ตายเถอะ

   ถ้าให้เปรียบตัวเองกับสิ่งของ...

   ผมจะเปรียบตัวเองเป็นเทียนไข

   เป็นแค่เทียนไข สำคัญก็แค่ตอนไฟฟ้าดับเท่านั้น ใช้เพื่อทดแทนชั่วคราวก่อนจะถูกโยนทิ้งเอาไว้ในซอกของตู้เก็บของ เมื่อไฟฟ้ามาแล้ว เทียนไขโง่ ๆ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไร แต่เมื่อคิดให้ดีอีกที ใครจะใช้เทียนไขกันวะ ในเมื่อมันมีสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าไฟฉาย แถมยังไม่ยุ่งยากเหมือนเทียนไขอีกด้วย

   เอาเข้าจริง เทียนไขก็ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย...



   ยืนมองสายฝนที่กำลังตกหนักอยู่หน้าคาเฟ่หลังจากซื้อขนมมาเรียบร้อยแล้ว ผมกำลังตัดสินใจว่าจะกลับอย่างไรดี ต่อให้เรียกแท็กซี่ ก็คงไม่มีใครรับ และหากโทรศัพท์ไปบอกคนที่บ้าน ก็ต้องรอค่อนข้างนาน บางที... อีกสักพัก ฝนอาจจะหยุดตกแล้วก็ได้ ระหว่างนั้น โทรศัพท์ของผมก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา เห็นเป็นรูปจันทร์เจ้า ผมจึงรับสาย

   พี่ชายถามว่าอยู่ไหน เพราะเห็นว่าฝนตกและยังไม่กลับบ้านสักที แถมยังบ่นอีกว่าโทรหาผมยากมากกว่าจะติดต่อได้ ผมบอกเขาไปก่อนจะวางสายลูกหมูบอกจะให้คนที่บ้านคุณย่ามารับ เพราะกลับเองคงไม่ได้และห้ามผมปฏิเสธ อือ... แล้วแต่ อยากทำอะไรก็ทำเถอะ หลังจากวางสาย เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงโดยไม่สนใจหมายเลขที่ไม่ได้รับและจำนวนข้อความที่ถูกส่งเข้ามา

   ที่จันทร์เจ้าโทรมาไม่ติดเพราะมันอาจจะชนกับคนนั้นพอดี...

   หงิง~

   คิ้วขมวดเข้าเมื่อได้ยินเสียงร้องของลูกหมา มันยังส่งเสียงออกมาเรื่อย ๆ ผมมองหาแต่กลับไม่เจอ จึงเลือกที่จะเดินตามเสียงไปดู จนกระทั่งมาถึงบริเวณด้านข้างร้านซึ่งมีพุ่มไม้อยู่หนาทึบและไม่มีกันสาด

   หงิง หงิง

   ผมย่อตัวลง ตอนนี้มองเห็นก้อนสีขมุกขมัวกำลังขดตัวอยู่ใต้พุ่มไม้ ยื่นมือเข้าไปใกล้ ก้อนกลม ๆ นั้นสะดุ้งแล้วมองหน้าผม ตากลม ๆ นั่นใสแป๋ว ตัวสั่นระริกจากความหนาว ผมลูบตัวมันเบา ๆ เพื่อให้มันวางใจว่าผมจะไม่ทำร้าย ก่อนจะอุ้มมันออกมาจากพุ่มไม้แล้วพากลับไปยังหน้าคาเฟ่ที่มีที่หลบอยู่ และมีหลายคนยืนอยู่ตรงนั้นด้วย

   ไอ้ก้อนมอมแมมครางหงิง ๆ และซุกตัวเข้าหาผม ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับมันดี แต่ระหว่างนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์อยู่ไม่หยุดจนผมรำคาญและบล็อกเบอร์โทรนั้นไป รวมทั้งในโปรแกรมแชทด้วย กลับมาสนใจไอ้ก้อนที่ขดตัวอยู่บนฝ่ามือ ผมจะวางมันลงพื้นแต่มันกลับไม่ยอม ดื้อจังเลยวะตัวแค่นี้ จึงเป็นผมเองที่นั่งลง พอจับตัวมันทีมันก็ครางหงิงออกมา ขนของมันถูกเปรอะไปด้วยเศษดินจนมองแทบไม่เห็นสีขนจริง ๆ ของมัน มองฝ่ามือของตัวเองด้วยความตกใจหลังจากเห็นรอยเลือดอยู่บนนั้น ไอ้ก้อนนี่โดนฟัดมาหรือไง โง่จังเลยวะ ไอ้เบื๊อกนี่!

   “เจ้าของมึงอยู่ไหนวะ” ผมพยายามมองหา อาจจะมีใครเป็นเจ้าของ แต่ก็เหมือนจะไม่มี และดูจากอาการโทรม ๆ มอมแมมและค่อนข้างผอมของมันแล้วคงจะอยู่แถวนี้มาสักพัก อาจจะพลัดหลงกับเจ้าของหรือไม่ก็ถูกทิ้ง... ผมสำรวจมันอีกครั้ง เผื่อจะเจออะไร แล้วก็เจอจริง ๆ มันคือปลอกคอที่บนนั้นมีเบอร์โทรศัพท์เขียนไว้อยู่ ผมรีบโทรออก สอบถามว่าสุนัขหายหรือเปล่า แต่ปลายสายกลับตะคอกใส่และบอกว่าไม่หายเพราะเป็นคนเอาไปปล่อยเอง

   อ่า... คนเรานี่มันจะใจร้ายได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ

   “มึงโดนทิ้งเหมือนกูเลยว่ะ”

   “ไปอยู่ด้วยกันไหมเบื๊อก?”

   หงิง

   ผมเปิดกระเป๋าเอาแจ็กเก็ตออกมาแล้วห่อไอ้เบื๊อกไว้ก่อนจะอุ้มมันขึ้น คงต้องพามันไปหาหมอก่อน ผมถามคนที่ยืนหลบฝนอยู่ว่าแถวนี้มีคลินิกรักษาสัตว์หรือเปล่า เมื่อได้คำตอบว่าอยู่ออกไปนิดหน่อยผมก็รีบไป โดยไม่ลืมบอกขอบคุณด้วย ครั้งนี้ผมกางร่ม เพราะไม่อย่างนั้นไอ้เบื๊อกหนาวกว่าเดิมแน่ ๆ

   “มันเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ?” ผมถามคุณหมอ เขาระบายยิ้มใจดีก่อนจะบอกอาการของไอ้เบื๊อก มันมีอาการบาดเจ็บเพราะอาจถูกหมาแมวเจ้าถิ่นกัดเอา เท้ามีแผลเนื่องจากเดินเยอะและอาจจะป่วยอย่างอื่นด้วย หมอบอกถ้าไม่ดีขึ้นให้กลับมาอีกที

   “น้องฉีดวัคซีนหรือยังครับ?”

   “ไม่ทราบครับ ผมเก็บมาพุ่มไม้ มันโดนทิ้งน่ะครับ”

   “อ้าว แย่เลย แล้วจะทำยังไงกับมันล่ะ? คนเรานี่ก็ใจร้ายจริง ๆ”

   “อาจจะเลี้ยงเองครับ”

   “ดีจังครับ มีบ้านอยู่แล้วนะตัวเล็ก” คุณหมอก้มไปพูดกับไอ้เบื๊อกแล้วลูบหัวมันด้วยความอ่อนโยนก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผมอีกครั้ง “ตรงด้านหน้ามีอุปกรณ์และอาหารน้องหมาขายอยู่ ถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ได้นะครับ”

   “ครับ ขอบคุณครับคุณหมอ”

   ผมออกมาซื้ออุปกรณ์บางส่วน อย่างพวกอาหารเม็ด (มันโตพอที่จะกินได้แล้ว) กรง กระบะทรายและของเล่นนิดหน่อย ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะเลี้ยงมันไว้เอง จึงปลดปลอกคอของมันแล้วโยนทิ้งไป ไว้ค่อยสั่งทำให้มันใหม่ กว่าจะถึงบ้านก็ทำเอาเพลียไปเหมือนกัน จันทร์เจ้ากับจ๋าจ้าวิ่งออกมารับ พอเห็นกรงหมาที่ผมถืออยู่ก็พากันทำหน้างง เมื่อผมบอกว่าเก็บได้เพราะมีคนเอาไปทิ้งก็บ่นใหญ่ว่าคนนั้นใจร้าย

   วันนี้หมูผีทั้งสองก็มานอนที่บ้านคุณย่าด้วยครับ

   “ชื่ออะไรอะ?”

   “เบื๊อก”

   “ฮะ? เอาจริงดิ”

   “อือ ดูหน้ามันดิ โคตรโง่”

   “อ่า... จริงด้วย” พี่กับน้องพยักหน้ารับ หลังจากทำความสะอาดเอาเศษดินออกแล้วถึงค่อยน่าดูแลหน่อย ขนของมันเป็นสีน้ำตาลและขาว ตากลม ตัวผอมเล็กน้อยคาดว่าน่าจะไม่ได้กินอะไรหลายวัน ขาสั้น ๆ เป็นเอกลักษณ์ แค่เห็นขาก็รู้เลยว่ามันคือพันธุ์อะไร

   heyjirapinya new member of 3 J broter. His name is Beuak. Follow Beuak’s stories on @beuaksstories

   ผมกดไลค์รูปที่น้องโพสต์ลงหลังจากโพสต์รูปในแอคของตัวเองไปแล้ว (ไม่ใช่รูปเบื๊อก) ไอ้เบื๊อกมีแอคของตัวเองเฉยเลย ตัวตั้งตัวตีก็คือจ๋าจ้ากับจันทร์เจ้า ตอนนี้ก็ไปเล่นกับไอ้เบื๊อกจนมันหลับไปแล้ว ถ้าเอาไปบ้านไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะว่ายังไง แต่เขาไม่ห้ามหรอกถ้าจะเลี้ยงจริง ๆ

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   “ว่า?”

   “เค้าคุยด้วยหน่อยสิ” เบี่ยงตัวหลบให้น้องเดินเข้ามา จ๋าจ้ามีเรื่องจะคุย แต่ท่าทางที่แสดงออกเหมือนว่าไม่กล้าพูด

   “มีอะไรครับ?”

   “คือ... พี่ภัคโทรหาเค้า” ใบหน้าของผมขรึมขึ้นทันที “ทะเลาะกันเหรอคะ?”

   “เปล่า”

   “แล้ว... เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? เสียงพี่ภัคดูไม่ค่อยโอเคเลย”

   “หึ”

   คนที่ไม่โอเคมันควรจะเป็นผมหรือเปล่าวะ ทำไมเขาต้องไม่โอเค

   “พี่เขาบอกว่าโทรหาพี่จริงใจไม่ได้ แล้วพี่ก็ไม่อ่านข้อความด้วย”

   “อ๋อ บล็อกไปแล้ว บอกเขาด้วยแล้วกัน”

   “เฮ้ย! ทำไมอะ! เกี่ยวกับรูปที่พี่โพสต์ด้วยหรือเปล่าคะ?”

   ผมไม่ตอบ แต่เรื่องแบบนี้ก็คงเดาได้แหละ

   “เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ทำไมพี่จริงใจไม่ฟังพี่ภัคก่อนล่ะคะ?”

   นั่นสิ ทำไมผมถึงไม่ฟังนะ ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะมีเหตุผล แต่ว่า... ผมไม่อยากฟังเขา ไม่อยากได้ยินอะไรจากเขาทั้งนั้น ผมให้เวลาเขาไปเยอะแล้ว ในเมื่อเขาปล่อยมันทิ้งไป ผมก็ช่วยไม่ได้

   ถึงเวลากลับไปใช้ชีวิตแล้วเดิมแล้วจักรพรรดิ



   jkpaswyt thanks for this RELATIONSHIT










--------------------------------------------

สปอยล์
.
.
.
.
.
*จริงใจคิดไปเอง*



เรารู้ว่ามันยืดเกินไปแล้ว
และเราก็เข้าใจหากคนอ่านจะรู้สึกว่ามันไม่น่าอ่านแล้ว
; __ ;

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ง่าาา อะไรยังไง หน่วงไปแล้ว

ออฟไลน์ l2_in*

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
ไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะะ ยังรออ่านอยู่เสมอ /กอดดดด

ออฟไลน์ pornwicha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ยังอยากอ่านอยู่น้าาา :mew2: เป็นกำลังใจให้นะคะ

รอตอนต่อไปจ้าาา :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ขมวดอีกนิดก็ดีนะคะ รออ่านต่อค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ใช่ค่ะ เรื่องมันยืดเกินไปแล้วอ่ะ เบื่ออ่ะ ไม่มีอะไรน่าอ่าน โทดนะถ้ามันจะทำร้ายความรุ้สึก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สภาวะแบบนี้ มันก็เป็นแบบนี้
รักแรก กลับมา แม้บอกว่าไม่คิดไรอีก
แต่ยังออกไปพบ รักใหม่มาเห็นมันต้องน้อยใจอยู่แล้ว
แต่ว่าไปจริงใจ ก็ไม่ฟังอะไรเลย
ชิงบล็อกไปซะก่อนจะรู้เหตุผล
รู้ความจริงทีหลัง จะเป็นยังไงนะ วอแวบอย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
สำหรับเรา เราเฉยๆอะไม่ได้ว่ายืดมากอิอิ
คนแต่งอย่าคิดมากกกกก
วอแวบอยถึงเวลาเฟดตัวเองส่วนณภัคก็้ได้เวลาร้อนรนสักที  :katai5:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
มันจะ shit จริงก็คราวนี้แหละ
ท่าทางรอบนี้จริงใจจะระเบิดจริง ต้องรอดูณภัคเป็นฝ่ายวิ่งตามบ้างแล้วสินะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Vaaanizs

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 ไม่ยืดเยื้อหรอกน้าาาา อย่าคิดมาก เราจะตามอ่านเสมอ หลายๆคนก็ยังตามอยู่นะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สำหรับเรามันไม่ได้ยืดอะไรมากมาย
แต่คาเร็กเตอร์ของจริงใจทำให้เราเบื่อ 555555
แต่ก็ยังอยากรู้ว่าคู่นี้จะลงเอยยังไง สู้ๆ นะคะ

ออฟไลน์ LovEYouOnLy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
เอาแล้วไง จริงใจแสดงเจตนารมย์ขนาดนี้ มหกรรมการง้อของณภัคจะหนักขนาดไหน สู้ๆ และพร้อมให้กำลังใจกองสนับสนุนอีกแรง

ออฟไลน์ omyim_jjj

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
สงสารจริงใจเลย. เข้าใจเลย

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ณภัค ต้องได้รับบทเรียน เส้นทางที่คุณหนูเลือกเอง

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ยังอยากอ่านอยู่จ้าาาา ตอนนี้ชอบในสิ่งที่จริงใจทำ ปล่อยภัคไปซะ และหวังว่านายจะเย็นชาให้สมกับที่เราคาดหวังนะ หึหึ

ปอลิง.มาต่อเร็วๆนะไรท์มันค้างงงงงงง

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
คนเขียนอย่าคิดมาก ถ้ายูโอเคเราก็โอเคนะ ^^

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
มาต่อบ่อยๆได้ไหมมม เอาทุกวันเลย
อยากอ่านแบบที่มีน้องเบื้อกเยอะๆด้วย ><

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เบื้อกแย่งซีน อยากเห็นเบื้อกน่ารักขนาดไหน ส่วนจริงใจกับภัคนั้น...คุยกันให้รู้เรื่องเถอะค่ะอย่ามัวแต่หลบเลย

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ไม่ๆๆๆ มันกำลังดี ค่อยเป็นค่อยไปสิ
ชอบที่เห็นภัควิ่งตามจริงใจอ่ะ

ปล.คิงนี่หนีไม่พ้นจริงๆนะ  จริงใจต้องมาญาติดีกับคิงอีกนี่สิปัญหา 55555

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จริงใจทำไมไม่ฟังภัคล่ะลูก
แต่ก็เข้าใจนะ ตามภัคตลอด
ตอนนี้ภัคต้องวิ่งตามจริงใจบ้างแล้ว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
งานเข้าของจริงแล้วนะพี่ภัค
ดูท่าจริงใจจะเอาจริงด้วย
 :katai5:
เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอนะคะ สู้ๆค่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ได้เวลาวิ่งตาม

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มันเหมือนเรากำลังตามอ่านบันทึกประจำวันที่เขียนไปเรื่อยๆ ของจริงใจ ซึ่งแทรกเรื่องส่วนของณภัคบ้าง

แต่ละตอนจะมีความซ้ำๆ ก็คือ ผูกปมแล้วไปคลี่คลายตอนถัดไป วนลูปไปเรื่อยๆ พอตามอ่านมาก็จะรู้สึกเบื่อนิดๆ ประมาณอีคู่นี้เป็นแบบนี้อีกละ เรื่องก็ดำเนินไปบนความสัมพันธ์ที่ย่ำอยู่กับที่

อ่านมาจนถึงจุดนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าจริงใจชอบณภัคจริงๆ หรือเปล่า

สิ่งที่ได้จากบทนี้ คือ ความรู้สึกของจริงใจ กูเท แต่เดี๋ยวบทหน้าก็จะคลี่คลาย แล้วคนเขียนก็จะสร้างปมใหม่ๆ อีก ไปจนจบเรื่องนี้ ซึ่งเราที่ตามอ่านอยู่ แม้บางทีจะอ่านข้ามๆ บรรทัดไป แต่ก็คงตามต่อไป เพราะอยากรู้ว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร เราอยากให้จบแบบแยกกันไปแล้วกลับมาเจอกันตอนสองคนนี้ "โต" จริงๆ เพราะตอนนี้นางเด็กและน่ารำคาญทั้งคู่เลยบอกตรง

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
จริงใจอารมณ์ร้ายและดูน่ากลัว สมแล้วทีจันทร์เจ้ามอบฉายาให้   คราวนี้งานหนักตกอยู่ที่ภัคแล้วว่าจะทำยังไงต่อ  รอชมอยู่น่ะ

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ยังรอติดตามอยู่ค่ะ

ออฟไลน์ salaseen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอาจริงๆพอจริงใจทำแบบนี้บางทีมันอาจจะช่วยให้ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ชัดเจนขึ้นก็ได้เพราะที่ผ่านมาไม่จริงใจยอมลงก็คือปล่อยผ่านไปเฉยๆทั้งสองคนแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นความสัมพันธ์ก็ย่ำกับที่แย่ลงด้วยซ้ำ การที่จริงใจขึ้นสุดแบบนี้น่าจะทำให้ณภัคต้องทำอะไรสักอย่างที่มันจริงจังได้แล้ว


สู้ๆค่ะติดามอยู่น้า รอตอนต่อไปค้าบบบบบ
#ทีมวอแวบอย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด