CH18 ความทรงจำ
เสียงเพลงหวานนุ่มดังแผ่วเกิดเป็นบรรยากาศฟุ้งๆ ชวนให้คนฟังต้องปรือตาขดตัวซุกกับความอบอุ่น ริมฝีปากบางขยับพึมพำยามดื่มด่ำกับเสียงเพลง“เพลงเพราะจัง” คนตัวสูงที่กำลังเปิดเทปหันมามองคนรักบนเตียง เขาเปิดกล่องใส่เทปหยิบเนื้อเพลงคลี่ออกดูว่าเพลงชื่ออะไร และเนื้อเพลงเป็นแบบไหนก่อนจะอมยิ้มและจดจำเอาไว้จากคนไม่สนใจอะไรเริ่มเรียนรู้สิ่งที่อีกฝ่ายชอบ ทีละเล็ก ทีละน้อย แล้วเติมลงในกล่องที่เรียกว่าความทรงจำกรณ์เดินกลับมานั่งข้างๆบนเตียง มือใหญ่สัมผัสเรือนผมนุ่มลูบเบาๆ กล่อมให้น้องน้อยได้หลับสนิทอีกครั้ง อินทัชหลับตาลงด้วยรอยยิ้มเขารักความรู้สึกแบบนี้เหลือเกิน“ฮึก”
เสียงสะอื้นเบาๆ ของคนในอ้อมกอดทำให้ชายหนุ่มกระชับร่างนั้นแน่นขึ้น ดวงตาสีเทาอมเขียวทอดมองใบหน้าอึดอัดทรมานและน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
“ชู่ว์ ไม่ร้องครับ” เสียงกระซิบปลอบมาพร้อมสัมผัสอบอุ่นที่ผิวแก้ม มือใหญ่ปาดเช็ดน้ำตาให้เบามือเพราะกลัวน้องจะตื่น ดีนก้มลงจูบหน้าผากแล้วลูบแผ่นหลังอีกฝ่ายกล่อมให้หลับใหลอีกครั้ง
ภามขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะผ่อนคลายและสงบลง เขาซุกตัวเข้าหาอกอุ่นริมฝีปากขยับรอยยิ้มเหมือนกำลังฝันดี
“พี่..กรณ์”
ท่ามกลางความมืดสลัว นาฬิกาดิจิตอลส่องแสงบอกเวลาตี5 หัวใจของใครบางคนหวั่นไหว
ได้โปรด..ปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระจากอดีตเสียทีเสียงเพลงไม่คุ้นหูแผดเสียงร้องอยู่ข้างหัวเตียงปลุกคนในนิทรารมย์แสนสุขให้ปรือตาตื่น เจ้าของห้องครางฮืองัวเงียเอาหน้าซุกหมอนรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆที่ขอบตา เขาเช็ดมันลวกๆ ก่อนจะจำใจเอื้อมมือป่ายปะหยิบมือถือที่เป็นต้นเสียงแล้วกดรับ
“...โหล”
(“..........พี่?”)
คนขี้เซาขมวดคิ้ว
“ใคร..ครับ” น้ำเสียงยังงัวเงีย เขาขดตัวเล็กน้อยรู้สึกดีกับความอบอุ่นจากด้านหลัง
(“ภะ....ภาม?”) เสียงในโทรศัพท์สูงขึ้นจนภามเริ่มตาสว่าง
“หือ เดล? มีไรไหม” กำลังจะบิดตัวแต่ต้องชะงักเมื่อรู้สึกว่าขยับตัวไม่ได้ ภามหยุดชะงักแล้วก้มลงมองสิ่งที่รัดช่วงเอวเอาไว้
ท่อนแขนสีแทน....มือใหญ่คุ้นตาและความอบอุ่นที่บดเบียดอยู่กับแผ่นหลัง
...
ชิบหาย!! “เดล เดล!!” รีบเรียกเพื่อนที่อยู่ในสาย เด็กหนุ่มเพิ่งรู้สึกตัวว่านี่ไม่ใช่โทรศัพท์ของตัวเอง นี่มันของพี่ดีน!!
(“งะ...เอ่อ พะ พี่อยู่กับภามใช่ไหม งั้น งั้นเราก็สบายใจ พอดีเห็นพี่เขาไม่กลับบ้าน ตะ..ตามสบายนะ”) เดลพูดเสียงตะกุกตะกักเหมือนกระดากใจ แต่ภามนั้นสติแตกไปแล้ว
“ไม่ใช่ เดี๋ยวอย่าเพิ่ง!”
(“บอกพี่ดีนด้วยนะว่าถ้าจะค้างต่อก็โทรมาบอกหน่อย บ้ายบายไม่กวนแล้วนะ.......กรี๊ดดดดดดดดดดด พี่ด๊อนนนน!!”) เสียงหวีดร้องของเพื่อนสาวคนสวยหลุดเข้ามาในสายก่อนที่จะตัดการติดต่อไป ภามหน้าซีดสนิทมองมือถือในมือเหมือนเห็นของต้องห้ามขั้นร้ายแรง
ทำไงดี! เข้าใจไปถึงไหนแล้วเนี่ย!?
“อืม..” เสียงทุ้มต่ำดูหงุดหงิดเพราะโดนรบกวน แรงกอดรัดแน่นขึ้นจนร่างของภามแทบจมหายไปในอ้อมกอด เด็กหนุ่มอ้าปากพะงาบๆ พยายามรั้งแขนเจ้าปัญหาเอาไว้แต่แรงพี่ดีนไม่ธรรมดาเลย
“พี่ดีน...พี่ดีนครับ” ในเมื่อทำยังไงก็ไม่ขยับสุดท้ายเขาก็ต้องกลั้นใจปลุก ภามตีต้นแขนพี่ดีนเบาๆแต่เขากลับรู้สึกเหมือนโดนรัดแน่นขึ้น
“ฮื่อ...พี่ดีนนนนน” ร้องอู้อี้เพราะโดนลมหายใจร้อนๆ ปะทะที่หลังคอ หัวใจเจ้ากรรมเต้นเร็วจนกลัวว่าคนกอดจะได้ยิน สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวพยายามพลิกตัวกลับด้านจนสำเร็จ เด็กหนุ่มทำตาขวางกำลังจะโวยวายใส่แต่เสียงเพลงคุ้นเคยดังขึ้นจากหัวเตียงฝั่งตรงข้ามเสียก่อน ภามสะดุ้งโหยงรีบดิ้นขลุกขลักเพื่อจะรับโทรศัพท์ตัวเองแต่ทว่า
“อืม...ครับ”
เฮ้ย!!??
คนที่ทำตัวตื่นยากมาตั้งแต่เมื่อกี้ดันพลิกตัวนอนหงายเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์เสียอย่างงั้น
“พี่ดีน!!!” ภามร้องเสียงหลงลืมอายตะกายขึ้นอกคนพี่เพื่อจะเอาของตัวเองคืน
ดีนนิ่งไปชั่วครู่เมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องจากปลายสาย เขาขยับมือออกดูว่ากำลังคุยกับใครแต่หน้าตาเครื่องกลับไม่คุ้นเอาเสียเลย ดวงตาคมคายเหลือบมองร่างในอ้อมแขนที่กำลังหน้าแดงจัดพยายามเอื้อมมือจะคว้าของในมือเขา ดีนเลิกคิ้วแล้วแกล้งดึงมือถือให้ห่างออกไปแถมยังเนียนคุยกับคนในสายต่อเสียอย่างงั้น
“อืม....ได้ๆ สามโมงนะ อืม..พี่คงไปส่งขากลับฝากด้วยแล้วกัน”
สักพักเขาก็ตัดสายแต่ยังไม่ทันจะได้คืนภาพพักหน้าจอก็สะกดสายตาเขาเอาไว้เสียก่อน
“ว๊ากกกกกก!!! ห้ามๆๆๆ พี่ดีนห้ามดู!!” ภามสติแตกรีบเอื้อมมือไปปิดตาอีกฝ่าย หน้าใสๆแดงจัด อายจนจะร้องไห้อยู่แล้ว พี่ดีนเห็นรึเปล่าก็ไม่รู้ ฮืออออ
“อย่าปิดตาสิ” ดีนท้วงด้วยน้ำเสียงปนขบขัน เพราะมันไม่ทันแล้วล่ะ เขาเห็นเต็มสองตาเลยทีเดียว
“พะ..พี่เห็นรึเปล่า” ใช้มือข้างหนึ่งปิดตาพี่อีกข้างเอื้อมไปคว้ามือถือกลับมาจนได้
ดีนไม่ตอบ เขาทำแค่คลี่ยิ้มในขณะที่คล้องเอวน้องเอาไว้หลวมๆ สงสัยมัวแต่อายจนลืมไปแล้วว่ายังอยู่บนตัวเขา
“พี่ดีนนนนนนนนน” พอทำอะไรไม่ได้ก็เข้าอีหรอบเดิม โวยวายตัดพ้อด้วยการเรียกชื่อยาวๆ “ทำไมพี่นิสัยแบบนี้เนี่ย” ภามอยากจะมุดหัวเข้าใต้หมอนแล้วคลุมโปงด้วยผ้าห่มปิดการรับรู้เหมือนนกกระจอกเทศที่เอาหัวมุดดินไปเลย
“เมื่อกี้มะนาวบอกว่าบ่ายๆมีนัดติวสอบที่บ้านเพื่อน” ชายหนุ่มเนียนเปลี่ยนเรื่องเสียงั้น “ไว้พี่ไปส่งให้ ส่วนขากลับเดี๋ยวทีมน่าจะพามาส่ง”
ภามเม้มปากแน่น เขาเอามือออกจากใบหน้าพี่ดีนแล้วขึงตาใส่
“ผมมีรถ”
“แต่พี่อยากไปส่ง” ดีนขยับเปลี่ยนท่าเล็กน้อย คราวนี้เขายกสองแขนขึ้นรองศีรษะปล่อยให้น้องก่ายบนตัวเอาไว้แบบนั้น
เด็กหนุ่มทำท่าขัดใจแต่ก็เถียงอะไรไม่ได้เลยแกล้งทุบอักลงบนแผ่นอกกว้างสักที เขาขมวดคิ้วตั้งใจว่าจะโทรกลับหามะนาว
มะนาวงั้นเหรอ
เดี๋ยวนะ!!! เมื่อกี้มะนาวโทรมา!?
“เฮ้ย!! พี่รับโทรศัพท์แบบนี้ มะนาวไม่ตกใจแย่เหรอ”
ดีนเลิกคิ้ว รู้สึกว่าเช้าๆน้องจะความรู้สึกช้าไปหลายนาทีอยู่เหมือนกัน
“ก็กรี๊ดใส่พี่เต็มหู”
ภามทำหน้าเหมือนโลกถล่ม เดลก็รู้มะนาวก็รู้แล้วเขาจะเหลือเศษหน้าอะไรไปเจอเพื่อนได้กันละเนี่ย
“อ้ะ” เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงเมื่อมือใหญ่แตะเข้าที่แก้ม พี่ดีนใช้ปลายนิ้วไล้ขอบตาแดงก่ำแผ่วเบา
“แสบตาไหม ยังแดงอยู่เลย” คนถามขมวดคิ้ว เพราะดวงตาของน้องยังดูชื้นด้วยคราบน้ำตา
ภามคลี่ยิ้มเขาชอบสัมผัสแบบนี้ของพี่ดีน และยิ่งชอบมากขึ้นเมื่อมือใหญ่อบอุ่นเลื่อนขึ้นไปลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู
“ไม่แสบแล้วครับ แต่คราวนี้ฝันดีนะถึงจะโหวงๆในอกไปหน่อย” ภามหลับตาลงทบทวนถึงภาพในความทรงจำ “ได้ยินเพลงเก่าเหมือนแม่เคยเปิดสมัยยังเด็ก แล้วพี่ก็ลูบหัวผมคล้ายๆแบบนี้เลย”
ดวงตาสีเทาอมเขียวมองเด็กน้อยด้วยสายตาบอกไม่ถูก เขาลูบหัวน้องแล้วขยับมาสัมผัสหนักๆ ที่รอยปานข้างขมับ ดีนดันตัวขึ้นโดยไม่ลืมประคองอีกฝ่ายให้นั่ง ก้มลงจูบหน้าผากแล้วขยับรอยยิ้มให้ยามน้องสบตา
“ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวพี่ค่อยอาบต่อ”
รอจนน้องลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินด้วยท่าทางไม่มั่นใจเพื่อเข้าห้องน้ำ ก่อนประตูจะปิดลงคนขี้แกล้งก็ไม่วายพูดขึ้นให้ได้ยิน
“รูปพักหน้าจอเปลี่ยนได้แล้วนะ ไม่ต้องใช้รูปแอบถ่ายแล้ว”
ภามที่ยังมึนเบลอกับสัมผัสตื่นเต็มตา เจ้าตัวร้องว้ากลั่นห้องน้ำปิดประตูดังปัง ในขณะที่ดีนหัวเราะจนตัวสั่นเอ็นดูเด็กขี้อายที่เขินจนทำอะไรไม่ถูก
ก็ภาพหน้าจอเป็นภาพแอบถ่ายตอนเขาหลับ ดูจากวิวข้างหลังน่าจะในห้องสมุดวันที่น้องเอาชีทมาคืนเขานั้นแหละ
เนื่องจากไม่มีเสื้อจะเปลี่ยน ดีนจัดการเอาผ้าเช็ดตัวพาดไหล่กันคนอื่นตกใจที่เดินโชว์โป๊ครึ่งตัวออกไปนอกห้อง เขาจัดการเคาะประตูห้องข้างๆ แล้วกอดอกยืนรอ ไม่นานร่างคุ้นตาก็โผล่ออกมาให้เห็น
ศิลป์ที่หน้าตางัวเงียขั้นสุดในสภาพเสื้อนอนยุ่งเหยิงและผมกระเซิงเล็กน้อยหรี่ตามองเพื่อนรุ่นน้องหัวจรดเท้า
“นี่ไม่ได้กลับบ้าน?” เอ่ยถามพร้อมกับเหล่ตาไปห้องข้างๆเป็นการเสริมว่ามาค้างห้องน้องเหรอ
ดีนยักไหล่ไม่สนใจ “ยืมเสื้อหน่อย”
“มึงคิดว่าใส่เสื้อกูได้งั้นเรอะ?” เหยียดยิ้มมุมปาก ไหล่กว้างขนาดนั้นใส่ได้ก็บ้าแล้ว
“ผมหมายถึงเสื้อพี่ศรณ์ มีติดห้องไม่ใช่หรือไง” ชายหนุ่มนวดขมับขี้เกียจต่อปากต่อคำกับผู้ชายคนนี้จริงๆ
“อ้อ---“ ศิลป์ลากเสียงยาวเอนพิงประตูห้องกอดอกเหมือนจงใจจะแกล้ง แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อเสียงกุกกักด้านหลังก็ทำลายความตั้งใจเขาจนหมด
“เอ้า” คนที่โยนเสื้อมาให้ไม่ใช่พี่ศิลป์เพราะเจ้าตัวยังกวนประสาทดีนอยู่หน้าประตู แต่เป็นพี่ศรณ์ที่เดินมาจากด้านหลังแล้วรั้งเอวคนรักเข้าแนบอก
ไม่ต้องคิดมาก มองดูก็รู้ว่าเมื่อคืนคงจัดไม่ใช่น้อย
“มึงคุยกับน้องรึยัง” คนถามขยับแว่นสายตาพร้อมเสยผมยาวยุ่งน่ารำคาญปัดไปด้านหลัง
ดีนเงียบไปอึดใจ เขามองสบตาเพื่อนรุ่นพี่ทั้งสองคน เขามั่นใจว่าพี่ศรณ์น่าจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
“ว่าจะคุยวันนี้”
“ถ้ามีอะไรก็มาเรียกล่ะ อยู่ทั้งวัน” ศรณ์อดเป็นห่วงไม่ได้ ยังไงก็น้องนุ่งที่เห็นกันมาตลอด
“ขอบคุณพี่” เจ้าของผิวสีแทนตบไหล่เพื่อนสนิทวัยเด็กหนักๆ เขาขอตัวเพื่อจะกลับห้องไปอาบน้ำ แต่ก็โดนพี่ศิลป์เรียกเอาไว้ก่อน
“เฮ้ย ถ้าจะเอาถุงยาง บอกล่วงหน้านะเผื่อไม่พอ”
ประตูห้องปิดปังใส่หน้าด้วยประโยคที่ปาโครมอัดเต็มหู ดีนสบถอุบกลอกตาเซ็งๆ ให้ตายเหอะ
พี่ศิลป์แม่ง!! เมื่อดีนออกมาจากห้องน้ำก็เป็นเวลาค่อนข้างสายแล้ว เขาเดินไปที่ครัวซึ่งตอนนี้เจ้าของห้องกำลังคนข้าวต้มในหม้ออยู่ ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะมองน้องหยิบจับอะไรคล่องแคล่วเพลิดเพลิน แอบแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นถุงของกินวางเอาไว้ สงสัยระหว่างเขาอาบน้ำน้องคงหนีลงไปซื้อของที่ตลาดเช้าฝั่งตรงข้ามคอนโด
“อ้าว พี่ดีนเอากาแฟไหมครับ” ภามที่หันกลับมาหยิบจานบนโต๊ะหยุดชะงัก แอบเขินเล็กน้อยเมื่อเจออีกฝ่ายนั่งจ้องแถมไม่รู้ว่าจ้องมานานแค่ไหนแล้วด้วย
“กาแฟอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ชงเอง” ส่งจานบนโต๊ะให้ เขาเพิ่งเห็นว่าน้องทำผัดไชโป๊วหวานและไข่เจียวไว้กินคู่กับข้าวต้ม
“บนตู้บนด้านขวาครับ น้ำร้อนอยู่ในกระติก ฝากหยิบหมูหยองด้วยครับ” ได้ทีก็รีบใช้เลยโดนขยี้หัวจนยุ่งไปหนึ่งที
สิ่งที่ดีนยอมรับเลยคือภามเป็นคนที่เตรียมทุกอย่างดีมากและเหมือนจะอ่านเขาออกนำไปหนึ่งก้าวเสมอ ไม่ว่าเขาหยิบจับอะไรน้องดูเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว อย่างเมื่อเขาชงกาแฟเสร็จหันตัวกลับมาที่โต๊ะ ตรงนั้นก็มีจานเล็กๆที่มีน้ำตาลแว่นหั่นเป็นชิ้นวางเอาไว้เพื่อให้เขาใส่กาแฟเอาไว้เรียบร้อย
ข้าวต้มร้อนๆ สีขาวสะอาดถูกตักใส่ถ้วยวางเอาไว้ตรงหน้า ภามเอาปาท่องโก๋ที่ซื้อมาจัดใส่จานวางเพิ่มไว้ให้เพราะรู้ว่าเขากินเยอะแค่ไหน
“ดอกบัว? ไหว้พระเหรอ” ดีนเอ่ยทักดอกบัวหลวงดอกโตสีชมพูขาวที่อยู่ในห่อกระดาษ แต่ภามกลับส่ายหัวดิก
“ที่ห้องมีแค่พระองค์เล็กๆ ปกติผมใช้พวงมาลัยไหว้ครับ ดอกบัวนี่เอามาห่อขนม”
“ห่อขนม?” ชายหนุ่มทำหน้างงหนัก
“ครับ เมื่อกี้คุยกับมะนาวแล้วเขาขอให้ทำขนมไปด้วย” ภามไม่อยากบอกเลยว่าจริงๆตั้งใจจะทำขนมเพื่อไปปิดปากเพื่อนตัวเองต่างหาก มะนาวโทรมากรี๊ดใส่เขาเรื่องที่พี่ดีนรับสายถามมาเป็นชุดจนต้องตัดบทว่าค่อยไปคุยทีหลัง
“ผมกะไปหาซื้อใบตองอ่อนจากร้านประจำแต่ตลาดวายแล้วเลยได้ดอกบัวมาแทน” ตักไชโป๊วหวานใส่ถ้วยข้าวต้มให้อีกฝ่าย “เลิกถามครับเดี๋ยวกับข้าวหายร้อน ยังไงวันนี้พี่ดีนต้องเป็นลูกมือผมทำขนมแน่ๆ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเมื่อโดนดุ เขาอมยิ้มมุมปากทำตัวว่าง่ายเริ่มต้นตักอาหารตรงหน้า รสชาติหอมหวานของไชโป๊วเข้ากันได้ดีกับข้าวต้มร้อนๆ ทั้งความกรุบกรอบและไม่หวานมากจนเกินไป
ดีนพึมพำขึ้นแผ่วเบา
“น่าย้ายมาอยู่ด้วยกัน...”
ภามชะงักกึกเม้มปากแน่น แก้มแดงก่ำท่าทางประดักประเดิดบอกได้ชัดเจนว่าเจ้าตัวได้ยินเต็มสองรูหูแต่ไม่รู้จะทำตัวยังไงและโชคดีที่ดีนก็ไม่ได้เค้นเอาคำตอบจากน้องเช่นกัน
แป้งข้าวเหนียว แป้งถั่ว แป้งข้าวเจ้า สีขาวสะอาดผสมกันในอ่างสีเงิน ตามด้วยน้ำตาล กะทิและเกลือ เมื่อคนเข้าด้วยกันแล้วภามก็เทลงกระทะเปิดไฟอ่อนค่อยๆกวนแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกัน เด็กหนุ่มกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นคนตัวโตที่อยู่ข้างๆ พยายามคั้นน้ำใบเตยหลังจากโดนเขาสั่งให้ทั้งล้างทั้งหั่นแล้วเอาใบเตยไปโขลกให้ละเอียด ก่อนจะให้คั้นน้ำด้วยผ้าขาวบาง
มือใหญ่ ตัวใหญ่ พอมาทำอะไรแบบนี้ดูติดขัดน่าเอ็นดูพิลึก อดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือมาถ่ายรูปเก็บเอาไว้สักหน่อย
“โอเคไหม” ดีนแทบปาดเหงื่อแล้วส่งถ้วยที่เต็มไปด้วยน้ำใบเตยสีเขียวเข้มมาให้
เด็กหนุ่มพยักหน้า เขากวนแป้งจนมันเริ่มจับตัวเป็นก้อนแล้วเอาน้ำใบเตยฝีมือประธานชมรมว่ายน้ำค่อยๆเทผสมลงไป
“ภามจะทำขนมอะไรครับ” ชายหนุ่มชะเง้อหน้ามองขนมในกระทะ มันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวสวยราวกับสังขยา
“จ่ามงกุฎครับ” หันไปหยิบเมล็ดแตงโมที่คั่วใส่จานไว้แบ่งออกมาส่งให้คนพี่กินเล่น
ดีนเลิกคิ้ว “จ่ามงกุฎ? มันสีเหลืองๆ ส้มๆไม่ใช่เหรอ ที่หน้าตาเหมือนมงกุฎฟักทอง” เขาพูดถึงขนมอ้วนกลมสีเหลืองอมส้มตกแต่งรอบฐานด้วยเมล็ดแตง บางเจ้าเอาทองเปลวแปะไว้ด้านบนด้วย
ภามส่ายหัว “อันนั้นเขาเรียกว่าดาราทองหรือทองเอกกระจังครับ เพิ่งทำขึ้นมาสมัยจอมพล ป. แต่ที่ผมทำคือขนมจ่ามงกุฎที่เขาทำมาตั้งแต่สมัยร.2 จริงๆไม่ต้องใส่ใบเตยก็ได้แต่ใส่แล้วหอม ผมชอบ”
เด็กหนุ่มหยุดมือเมื่อแป้งเป็นสีเนียนนวลขึ้นเงา เขาใช้ช้อนตัดแป้งร้อนๆออกมาเล็กน้อยแล้วชิม แป้งเนื้อนุ่มเหมือนกาละแมส่งกลิ่นหอมเทียนอบและใบเตยคละคลุ้งเต็มปาก
“อร่อย” หันมายิ้มให้พี่ดีนจนคนมองต้องยิ้มตอบ
ดีนมองน้องตักแป้งมาพักไว้บนจาน แล้วหันไปหยิบใบบัวที่รีดให้นิ่มแล้วมาวางเตรียมไว้
“คุ้นๆ เหมือนย่าเคยพูดเรื่องขนมนี้แต่พี่จำไม่ได้ ทำไมถึงเรียกกันผิดนะ” หันไปหยิบจานเมล็ดแตงโมสำหรับแต่งขนมส่งให้
“เห็นว่าสมัยก่อนมีหนังสือเล่มหนึ่งลงชื่อขนมผิด” ภามทำท่าคิดแล้วเอ่ยเล่า “ซึ่งหนังสือเล่มนั้นกลายเป็นต้นแบบการเรียกขนมไทยมาจนถึงทุกวันนี้ แก้ยากไปซะแล้วละครับ” ว่าพลางตัดขนมออกมาพอคำใส่กลีบใบบัว จัดการเอาเมล็ดแตงโมวางตกแต่งบนแป้งสีเขียวน่ากินแล้วห่อให้เรียบร้อยกลัดด้วยไม้กลัดอันเล็กๆ
“ถ้าห่อเสร็จแล้วเอาไปตากแดดสักหน่อย ขนมจะมีกลิ่นหอมใบบัวน่ากินเลยนะครับ” ภามค่อยๆห่อขนมทีละชิ้นอย่างตั้งใจ
ดีนมองน้องที่บรรจงทำขนม ต่อให้ทำกินกันเองระหว่างเพื่อนๆ ภามก็ไม่เคยละเลยความละเอียด เขาเคยได้ยินน้องสอนเดลว่า ขนมไทยนั้นมีเสน่ห์ที่ความสวยงามซึ่งต้องใช้เวลาทำมันขึ้นมาดังนั้นไม่ว่าจะทำจริงหรือทำเล่นก็ต้องใส่ใจลงไปให้เต็มที่
“อยากลองชิมไหมครับ” ภามถามโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นหากคำตอบที่ได้รับกลับไพล่ไปเป็นอย่างอื่น
“..เรื่องเมื่อคืน”
มือที่กำลังตักขนมชะงักหากเพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนจะเคลื่อนไหวต่อ
“เป็นเรื่องของอินทัช”
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ดวงตาของเด็กหนุ่มสั่นไหวขึ้นมาทันที ดีนแตะมือของน้องแล้วบีบเบาๆ
“พี่ดีน ผมถามได้ไหม”
“ครับ?”
ภามเงยหน้าขึ้นมองสบดวงตาสีสวยของอีกฝ่าย เขาขยับรอยยิ้มเล็กน้อย
“ถ้าผมฟังเรื่องของอินทัช ความสัมพันธ์ของพวกเราจะเปลี่ยนไปรึเปล่า”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันที “ไม่เปลี่ยน ไม่มีวันเปลี่ยน”
“งั้นถ้าผมฟังแล้ว..ผมจะเศร้าหรือดีใจ”
ดวงตาสีเทาอมเขียวฉายแวววูบไหว ภามวางช้อนลงแล้วสอดนิ้วกอบกุมมืออีกฝ่าย
“...อาจจะ..เศร้า” เสียงของดีนพร่าลง
ภามเขย่ามือคนพี่เล็กน้อยแล้วหัวเราะ “งั้นผมไม่ฟังดีกว่า”
พอเห็นดีนทำหน้าแปลกใจ เด็กหนุ่มก็ยิ่งยิ้มกว้าง “รู้แล้วไม่ให้ผลดี ผมว่าไม่รู้ดีกว่า อีกอย่างมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว” หลุบตามองขนมที่ห่อด้วยกลีบบัวสีชมพูขาววางเรียงเอาไว้ดูงามตา “พี่รู้ไหม ผมไม่เคยใช้กลีบบัวห่อขนมมาก่อน” เขาใช้อีกมือเคาะที่ขมับตัวเอง “แต่มันแวบขึ้นมาในหัว ผมว่าอินทัชน่าจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”
ภามช้อนตามองชายหนุ่มอีกครั้ง เสียงของเขามั่นคงไม่มีความลังเลใจ “ถ้าไม่นับความรู้สึกเศร้า ผมว่าปล่อยไว้แบบนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก โอเคไหมครับ อ้ะ ใช่ๆ เหมือนได้ยินคำนี้ในฝันเมื่อเช้า”
เด็กหนุ่มเอื้อนเอ่ยประโยคออกมาช้าๆ
“หากความทรงจำเก่าๆ ...กลับมาเยือนอีกครั้ง จะขอเลือกจดจำแค่เพียงสิ่งดีๆ เพื่อวันพรุ่งนี้จะมีแต่จิตใจที่งดงาม”
(*แอม เสาวลักษณ์)พูดจบก็ส่งยิ้มให้ “ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นคำพูดของใครหรือว่ามาจากเพลงไหน สงสัยต้องไปลองค้นดู เอ้า ขมวดคิ้วอีกแล้ว” เอื้อมมือไปแตะหว่างคิ้วอีกฝ่าย พอโดนเตือนคิ้วเข้มก็คลายลง ดีนมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้นออกมา
เขาไม่อยากให้รอยยิ้มนี้จางหายไป..“ยอมแพ้”
ภามกระพริบตาปริบๆ “ครับ?”
ดีนก้มหน้าลงเอาหน้าผากแนบหน้าผากอีกฝ่าย
“พี่ยอมแพ้ภามแล้วครับ..” รวบร่างของน้องเข้ากอดทั้งตัว “โงหัวไม่ขึ้นแล้ว”
คนหัวช้ายังยืนงงไม่เข้าใจ แต่พอรวบรวมสติได้แก้มก็แดงเห่อขึ้นมาทันที
“พี่ดีนนนนนนนนนน แพ้อะไรกันเล่า” ลากเสียงยาวเพราะเริ่มรู้ตัวว่ากำลังโดนแกล้ง
ดีนหัวเราะหึหึ เขาถูปลายจมูกแล้วขโมยหอมแก้มน้องทั้งสองข้าง คนโดนฉวยโอกาสโวยวายตัวแดงอยู่ในอ้อมแขนที่เขาไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ
เขาจะอธิบายความรู้สึกฟุ้งในอกนี้ได้อย่างไร รัก รัก รัก เหลือเกินแล้ว
“จูบได้ไหม”
(ต่อรีพลายถัดไป)