CH24 เตรียมใจ
“น้าอินขา ทำไมแด๊ดดี้นามสกุลไม่เหมือนหนูกับแม่ละคะ” เด็กน้อยวัยไม่กี่ขวบเอ่ยถามเจื้อยแจ้ว อินทัชเหลือบตามองพี่สาว เขาหอมแก้มยุ้ยของหลานดังฟอด “นามสกุลไม่เหมือนแต่แด๊ดดี้ก็คือแด๊ดดี้หนูนะคะ” ไม่รู้จะอธิบายปัญหาของผู้ใหญ่ให้เด็กฟังยังไง เพราะตอนที่พี่สาวจะแต่งงานกับชาวต่างชาติตอนนั้นพ่อที่หัวเก่าก็ฟาดงวงฟาดงาแล้วไปจบเรื่องตรงที่ว่ายอมให้แต่งงานแต่ไม่ให้เปลี่ยนนามสกุลแถมหลานต้องใช้นามสกุล ฉัตรโภคินเด็กหญิงอลินทำหน้างงแต่ก็ไม่ซักไซ้ต่อ เธอกอดน้าชายที่รักแน่นหยอกล้อ มือเล็กจิ๋วจับแก้มอีกฝ่ายแล้วหอมซ้ำๆ“โตขึ้นอลินจะแต่งงานกับน้าอิน”มารดาของเด็กน้อยขำคิก “หนูแต่งกับน้าไม่ได้นะลูก””“อ้าว” อลินเบ้ปากแล้วขมวดคิ้วมุ่น “ทำไมละคะ ก็อลินรักน้าอิน”ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากันหมดปัญญาจะอธิบายเด็กช่างซักช่างถาม อินทัชหอมแก้มหลานอีกครั้ง“น้าอินมีคนที่รักแล้วค่ะ ขอโทษนะอลิน” เจ้าตัวน้อยเอียงคอ เธอนึกไม่ออกว่าน้าชายจะรักใครมากไปกว่าเธอ“งั้นน้าอินจะแต่งงานกับคนนั้นเหรอคะ” ดวงตาสดใสมองน้าชายตาแป๋วหากแววตาของน้ากลับหม่นแสงลงแต่งงานงั้นเหรอมันไม่มีวันเกิดขึ้นหรอก“ภาม!!” เสียงเรียกพร้อมสัมผัสเย็นๆ ที่แก้มกระชากเด็กหนุ่มจากภวังค์ ภามเบิกตาโพลงแล้วสูดหายใจลึกสองมือขยำแขนเสื้อคนรักแน่น ตรงหน้าเขาคือใบหน้าของพี่ดีนที่กำลังมองอย่างห่วงใย
“ผม..” เด็กหนุ่มงุนงงมองไปรอบๆ เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาและพี่ดีนกำลังเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตาให้
“ใจเย็นๆ” มือใหญ่จับใบหน้าน้องให้มองตรงมายังตัวเอง “มองพี่ก่อน” น้ำเสียงทุ้มต่ำทำให้คนที่ยังตื่นตระหนกสงบลง
“เมื่อกี้ภามทำท่าเหมือนหายใจไม่ออกแล้วล้มลงไป” ดีนค่อยๆอธิบายให้น้องฟัง “พี่เลยพามาพักที่โซฟา ตอนนี้รู้สึกยังไง จะอ้วกหรือเวียนหัวไหม หายใจติดอะไรอีกหรือเปล่า”
ภามส่ายหัว “ผมโอเค ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ดีนถอนใจเฮือก เขาตกใจจริงๆตอนที่น้องล้มลงไปดีที่คว้าไว้ทันเล่นเอาแตกตื่นกันไปหมด
“ไม่ไปโรงพยาบาลจะดีเหรอลูก”
เสียงที่ดังจากด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มเกร็งตัวขึ้น เขาไม่กล้าหันกลับไปมองไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง ตอนนี้ความสับสนทำให้ภามรับไม่ไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าอลินจะสะกิดใจอะไรไหมและไม่รู้ว่าในฐานะแม่ของพี่ดีนจะยอมรับเขาได้หรือเปล่า
“ผม..ผมจะกลับบ้าน..” ภามกระตุกชายเสื้อคนรัก ดวงตาสั่นไหวกังวลใจ
“อาการแบบนี้จะกลับได้ยังไง นอนที่นี่แหละจ้ะ” มารดาของคนรักเดินมายืนข้างๆ เธอก้มลงแตะมือลงบนแก้มของเด็กหนุ่มบนโซฟาแล้วส่งรอยยิ้มให้ “ไม่ต้องเกรงใจ แฟนดีนไม่ใช่เหรอ”
ภามเบิกตากว้างมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างตกตะลึงและคราวนี้เขาถึงได้เห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ใบหน้าสวยริ้วรอยแทบมองไม่เห็นจนไม่น่าเชื่อว่ามีลูกชายอายุเกิน20แล้ว ผมดำยาวหยักศกถึงเอวขับเน้นให้เครื่องหน้าสวยเข้มขึ้นสมเป็นลูกครึ่งตะวันออกกลาง
อลินเติบโตขึ้นอย่างสวยงามเหลือเกิน
“ทำไม” ภามอึกอักเขาเหลือบมองคนรักที่ยิ้มให้เล็กน้อย สับสนงุนงงว่าทำไมถึงรู้เรื่องเป็นแฟนกัน
“น่ารักจริง” อลินดึงแก้มเด็กหนุ่มที่ทำหน้าแตกตื่นก่อนจะคว้าเข้ากอดหมับฟัดสักทีสองที “เมื่อกี้ตอนที่เป็นลม ดีนเขาช้อนเราอุ้มทันที พอแม่ถามเขาก็บอกว่าแฟนผม แม่ตกใจหมด”
ภามหน้าแดงพรึ่บรีบหันไปมองคนตัวโต เดี๋ยวนะพี่ดีนคัมมิ่งเอ้าท์กันแบบนั้นเลยเหรอ!?
“แค่ก แม่พูดเยอะไปแล้ว” คนที่ชอบทำหน้าเข้มกระแอมไอ ตอนที่แม่มองด้วยสายตาสงสัยว่าทำไมเขาเป็นห่วงน้องเกินเหตุอารามเป็นห่วงปนตกใจมันเลยหลุดปากออกมาจนเหวอกันไปทั้งบ้าน แม่ตะลึงไปชั่วครู่แต่ดูเหมือนจะตั้งสติได้ทันและปรับท่าทางได้อย่างรวดเร็ว
กลิ่นหอมอ่อนๆจากหญิงสาวทำให้ภามกอดเธอกลับโดยไม่รู้ตัว เสียงหวานเอ่ยปลอบโยนพร้อมสัมผัสของมือที่ลูบหลังเบาๆ
“น้าอินยิ้มๆนะคะ” มือน้อยๆ ลูบหลังน้าชายที่นั่งขดตัวนิ่งปล่อยให้น้ำตาไหล “อลินร่ายมนต์ให้แล้ว โอมเพี้ยง โอ๋ๆ” เจ้าตัวเล็กเสกคาถาพลางลูบหลังเขาไม่หยุดจนน้าชายหลุดหัวเราะ ถึงจะโดนพ่อสั่งห้ามไม่ให้ออกไปเจอพี่กรณ์ก็มีหลานสาวนี่แหละที่คอยให้กำลังใจมาตลอด“โอมเพี้ยง โอ๋ๆ” เสียงกระซิบแผ่วริมใบหูซ้อนทับกับความทรงจำ น้ำอุ่นร้อนเอ่อคลอขอบตาของเด็กหนุ่มแล้วร่วงผล็อย
คิดถึง คิดถึง ใจจะขาด
“ไม่เป็นไรแล้วนะ” มารดาของคนรักยังปลอบใจเด็กหนุ่มที่ท่าทางยังสับสน เธอนึกเอ็นดูและรู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่มีสาเหตุ คงเป็นเพราะบรรยากาศรอบตัวของเด็กคนนี้คล้ายใครสักคนที่เธอนึกไม่ออก
“ขะ ขอโทษครับ” ภามดันตัวออกเล็กน้อยแก้มแดงไปหมด อายทุกสายตาที่จ้องมองไม่ว่าจะจากพี่ดอน เดล หรือแม้แต่จากคนที่กำลังกอดอยู่ ทุกคนดูเป็นห่วงเขาจริงๆ
“ไม่เป็นไรจ้ะ ดีนแม่ว่าพาน้องไปพักก่อนเถอะน่าจะเหนื่อย” เธอเช็ดหน้าเช็ดตาให้เด็กหนุ่มแล้วหันไปสั่งลูกชาย “พ่อแวะจัดการธุระที่บริษัทคงดึกกว่าจะกลับเข้าบ้าน ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่า”
ดีนทำท่าจะเข้ามาช้อนน้องอุ้มอีกแต่ภามรีบปฏิเสธหน้าแดงก่ำยืนยันว่าตัวเองหายแล้วสบายมาก พวกเขาพากันขึ้นห้องนอนชั้นบนและทันทีที่ประตูห้องปิดเจ้าของห้องก็คว้าน้องเข้ามากอดแน่นพร้อมจูบหนักๆที่ขมับ
“เก่งมาก”
“อึก..” สองมือของภามเกาะเกี่ยวคนรักอีกครั้ง ใบหน้ายิ้มแย้มตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา “อลิน...อลิน” เสียงเรียกสะอึกสะอื้นเหมือนคนจะขาดใจแล้วแปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้โฮอย่างสุดกลั้น
ความเจ็บปวดเมื่อเจอของสำคัญที่สูญเสียไปแต่กลับได้แค่มองอยู่แบบนั้น
พูดไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ คิดถึงแค่ไหนก็บอกรักเหมือนก่อนไม่ได้ เพราะไม่ใช่..เขาไม่ใช่อินทัช
ไม่ใช่น้าอินของอลินอีกแล้ว..
“ชู่ เด็กดี” ดีนลูบหลังน้องที่สะอื้นจนสั่นไปทั้งตัว “พี่อยู่ตรงนี้ไม่เป็นไรนะ” เขาได้แต่กระซิบบอกซ้ำๆ รู้สึกได้ถึงความชื้นที่ซึมผ่านเนื้อผ้า “ตาช้ำหมดแล้ว” อุ้มเด็กขี้แยไปนั่งแหมะบนเตียงส่วนตัวเองก็นั่งยองๆลงตรงหน้าน้องพลางลูบแก้มเปียกชื้น
“ผม..อึก คิดถึงอลิน” ภามสะอื้นไปอธิบายไปอย่างยากลำบาก เขาทุบหน้าอกตัวเองราวกับเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว “ตรงนี้..มันเจ็บไปหมด อินทัช ฮึก รักหลานมากแต่...จำ...ไม่ได้”
อลินจำน้าชายคนนี้ไม่ได้เลย
“ตอนที่อินทัชจากไป อลินยังเด็กไม่ใช่เหรอ” ดีนเสยผมน้องขึ้นเพื่อให้เห็นหน้าชัดๆ “ยังเป็นแค่เด็กอายุ6-7ขวบ”
เด็กหนุ่มพยักหน้า เขาพยายามจะเข้าใจแต่ความเศร้ามันรุนแรงจนห้ามตัวเองไม่ได้ เด็ก7ขวบอาจจะเศร้าที่อยู่ๆ น้าชายหายไปแต่ไม่นานก็คงลืมเลือนอย่างง่ายดาย
“อาบน้ำไหมพี่รองน้ำให้ น้ำอุ่นๆน่าจะทำให้สบายขึ้น” เช็ดน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด จนเขานึกสงสัยนักว่าเจ้าน้ำตานี่ผลิตออกมาได้มากมายขนาดนี้เชียวเหรอ
ดีนไม่ได้รอคำตอบ เขาเดินไปรองน้ำในอ่างแล้วจัดการเตรียมเสื้อผ้าให้คนที่ยังเช็ดน้ำตาป้อยๆ สงสัยเขาคงต้องไปหาผ้าชุบน้ำอุ่นมาประคบเพิ่มด้วย
“น้ำน่าจะได้ที่แล้ว เข้าไปแช่ซะ อย่าล็อคประตูห้องน้ำล่ะ” เขาขยี้หัวเด็กขี้แยซึ่งเจ้าตัวก็มองเขาตาละห้อย มือยังดึงชายเสื้อเขาเอาไว้ดูกังวลใจ
“มีอะไรรึเปล่าครับ?” มองมือที่ไม่ยอมปล่อย ทำให้ไปไหนไม่ได้
“ผม....ไม่อยากอยู่คนเดียว” เสียงพูดเบาหวิวแต่ดีนได้ยินเต็มสองหู เขาเลิกคิ้วขึ้นหากยังไม่ทันเอ่ยปากภามก็หน้าแดงจัดดันหลังเขาสุดแรง “ผะ ผมจะอาบแล้วครับ ขอบคุณครับพี่ดีน”
ประตูห้องน้ำปิดลงพร้อมร่างของเด็กหนุ่มที่ไถลตัวลงนั่งกับพื้น ภามตบแก้มตัวเองรัวๆอับอายที่เอ่ยปากชวนอะไรเสียวไส้แบบนั้น ใบหน้าแดงก่ำซบลงกับหัวเข่าที่ชันขึ้น เขาถอนใจหนักรู้สึกสับสนไปหมด ไม่อยากอยู่คนเดียวคือเรื่องจริงเพราะมันจะทำให้คิดถึงเรื่องในอดีตที่ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ
นี่คือบาปกรรมที่กำลังเอาคืนเขาอย่างสาสม ทำให้เขาทุรนทุรายได้แต่มองคนที่ตัวเองรักแต่แสดงตัวไม่ได้
ภามขยับลุกถอดเสื้อผ้าออกล้างหน้าแรงๆก่อนจะก้าวเข้าไปแช่ในอ่างน้ำที่ขนาดค่อนข้างใหญ่ น้ำอุ่นสบายช่วยผ่อนคลายและจนต้องหลับตาลง น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง ความกังวลใจพาลทำให้คิดไปถึงเรื่องวันพรุ่งนี้
หากพ่อพี่ดีนยอมรับไม่ได้ล่ะ ถ้าโดนสั่งให้เลิกกันแบบกรณ์กับอินล่ะ เขาจะไม่ได้พบกับพี่ดีน ไม่เจออลิน ไม่ได้ไปหาพี่อันอีกงั้นเหรอ
“ฮึก..” คิดแค่นี้น้ำตาเจ้ากรรมก็ทรยศด้วยการทะลักทะลายออกมาอีกหน ภามค่อยๆลดตัวลงจนน้ำปริ่มคางสองมือกอดเข่าที่ชันอยู่ในอ่างแน่น
ไม่เอา ไม่เอาแบบนั้น เขาต้องตายแน่ๆ
“พี่..ดีน” ถ้าต้องจากกันอีกเขาคงไม่ไหวแล้วจริงๆ
“ชู่ ร้องทำไม”
ภามสะดุ้งโหยงเสียหลักเกือบจมน้ำ แต่ลำแขนแกร่งก็ช้อนเขาขึ้นมาได้ก่อนจะสำลัก เด็กหนุ่มเบิกตากว้างหน้าเหลอหลาอ้าปากค้าง
“พี่!?” ตอนนี้พี่ดีนมาอยู่ข้างอ่างน้ำโดยที่เขาไม่รู้ตัวสักนิด แถม แถม
ทำไมไม่ใส่อะไรเลยยยยยยยย
“พี่อาบด้วย” คนตัวโตยังคงคอนเซปบอกเล่าไม่ถาม เขาก้าวลงในอ่างน้ำแล้วจับน้องให้นั่งซ้อนตักเอาหลังพิงอก
เด็กน้อยหน้าแดงจัด ภามโทษเอาว่าเป็นเพราะน้ำมันอุ่นจนร้อนทำให้เขาวูบวาบไปทั้งตัว โดยเฉพาะหลังที่แนบกับแผ่นอกแน่นร้อนจนแทบละลาย
ภามนั่งตัวแข็งจนดีนหัวเราะเบาๆ เขาเอาน้ำลูบแขนน้องไปมา ขายาวก่ายเกี่ยวกับขาอีกฝ่ายใต้น้ำเกิดเป็นสัมผัสชวนให้สั่นไหว
“ผ่อนคลายหน่อย” เลื่อนมือขึ้นบีบนวดหลังคอคนน้องเป็นจังหวะ “ไม่อยากอยู่คนเดียวไม่ใช่หรือไง” ก้มลงจูบที่หลังคอนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว
“อื้อ..” ภามร้องหงุงหงิง ไม่กล้าหันไปสบตาคนฉวยโอกาส เขาลืมเรื่องคิดมากไปจนหมดแม้แต่น้ำตายังหยุดเหมือนโดนปิดก๊อก เพราะตอนนี้สถานการณ์ตรงหน้าอันตรายกว่าเยอะ ดวงตาที่ยังแดงช้ำมองขาตัวเองที่พาดอยู่กับขาพี่ดีน นึกอิจฉากล้ามเนื้อแข็งแรงยังไงก็ไม่รู้
เอ๊ะ ขางั้นเหรอ..
ดวงตาซุกซนเริ่มหาเรื่อง ภามเหล่ต้นขาที่เบียดชิดกับสะโพกอยากเห็นรอยสักชัดๆแต่ติดที่ว่าอ่างน้ำมันพอดีตัวไปหมดแล้วเลยไม่เห็นอะไรอีก
ดีนเอนหลังพิงกับขอบอ่าง เขาสนุกกับการดูน้องบนตักที่มองซ้ายมองขวา เหมือนอยากจะจับก็ไม่กล้าจะขยับก็ลังเลเลยยุกยิกชวนให้ขย้ำอยู่แบบนั้น
“ถ้ายังขยับแบบนั้นพี่ไม่รับประกันความปลอดภัยแล้วนะ” ชายหนุ่มเอ่ยเตือนและนั่นทำให้ภามชะงักกึก
ลำแขนแข็งแรงคว้าเอวน้องหมับก่อนเจ้าตัวจะกระโจนหนีออกจากอ่าง ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่สีผิวที่แดงจนถึงหูบอกให้รู้ว่าเด็กน้อยในอ้อมกอดกำลังอายสุดๆ
“พี่ดีนขี้แกล้ง” เสียงร้องตัดพ้อสองมือพยายามทั้งแงะทั้งแกะลำแขนที่เกี่ยวรัดเอวเอาไว้
“เดี๋ยวนี้ดื้อ” ดีนทำเสียงดุใส่แต่ดูเหมือนน้องจะไม่กลัวเขาสักนิด นับวันเจ้าตัวเริ่มรู้แล้วว่าตอนไหนเขาโกรธจริงตอนไหนเขาแค่บ่นเฉยๆ
ภามหันมายิ้มแหะเมื่อรู้ว่าไปไหนไม่รอด เขาเลิกดิ้นยอมปล่อยตัวเอนหลังพิงอกกว้างอยู่แบบนั้น
“คุณพ่อพี่ดุไหม” จับมือใหญ่ขึ้นมาเล่น ลองทาบทับวัดขนาดแล้วเบ้ปาก
“ไม่รู้สิ” ชายหนุ่มตอบตามตรง เขาวางคางลงบนไหล่อีกฝ่ายปล่อยให้น้องซนไปเรื่อย “พี่คุยกับพ่อไม่ค่อยบ่อย เพราะวกเข้าเรื่องคุณย่าทีไรเสียงมันแข็งใส่กันทุกที”
เด็กหนุ่มหยุดคิดไปอึดใจ ดวงตามองเลยไปยังปลายเท้าเปล่าเปลือยที่กำลังถูไถกับปลายเท้าคนรักหยอกล้อ
“คุณพ่ออาจจะพูดไม่เก่งเหมือนพี่ดีน” ถึงจะไม่เคยเจอพ่อของคนรักแต่ภามก็เชื่อว่าพี่อันและอลินย่อมเลือกคนที่ดีที่สุด “เคยลองคุยกันดีๆไหมครับ”
“สระผมไหม” คนโดนถามเปลี่ยนเรื่องเสียอย่างงั้น เขาเอื้อมมือไปกดยาสระผมแล้วจัดการละเลงบนหัวน้องโดยไม่รอคำตอบ
“พี่ดีนแหละดื้อ” ภามบ่นอุบหลับตาปี๋เมื่อฟองเริ่มฟอดเต็มหัวไปหมด “ต้องดื้อเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูกแน่ๆเลย”
“ไม่พูดแล้ว” มือใหญ่แกล้งจับหัวทุยโคลงไปมาเลยโดนน้องโวยวายใส่พร้อมตีต้นแขนเขารัวๆ
“ฮื้อ หยุดก่อนพี่ดีน” คนน้องดึงรั้งแขนคนรัก พอเขาหยุดขยับเจ้าตัวก็ยันตัวขึ้นพลิกหันหน้าเข้าหา สภาพตอนนี้กลายเป็นนั่งคร่อมตักเบียดกันในอ่างน้ำที่แน่นขนัด “ผมจะสระให้พี่ด้วย” คนไม่ชอบยอมแพ้ถึงจะหน้าแดงจัดไม่กล้ามองต่ำแต่ก็เอื้อมมือไปกดยาสระผมบ้าง คราวนี้เขาจัดการละเลงหัวคนรักเอาคืน ไปๆมาๆกลายเป็นสงครามยาสระผมฟองฟุ้ง
เสียงหัวเราะร่วนดังก้อง ต่างคนต่างผลัดกันสระผมให้รวมถึงแตะจูบไปตามใบหน้า เปลือกตา ปลายจมูก โหนกแก้ม และริมฝีปาก
“ไม่ว่าคำตอบของพ่อจะเป็นยังไง” ใบหน้าคมคายแนบกับแผ่นอกขาวเปียกชื้น ดวงตาคู่สวยหลับพริ้มปล่อยให้น้องใช้ฝักบัวล้างแชมพูออกให้
“เราจะไม่มีวันเลิกกัน”
ภามพยักหน้าส่งเสียงตอบรับเบาๆ ในลำคอ เขาแทรกปลายนิ้วไปตามเรือนผมล้างแชมพูออกให้สะอาด สายน้ำอุ่นจากฝักบัวชำระล้างทุกอย่างแม้แต่หยาดน้ำตาที่ร่วงหล่นผสมปนเป
ใช่ เราจะไม่มีวันเลิกกัน
พอออกจากห้องน้ำได้ภามก็เปลี่ยนมาใส่ชุดนอนของคนรัก เสื้อนอนแขนยาวพับแขนกับกางเกงนอนขายาวที่พับขา เห็นแล้วน่าโมโหแต่ช่วยไม่ได้ในเมื่อโครงสร้างร่างกายมันต่างกัน เพราะเจ้าภูมิน้องชายก็สูงกว่ากันไม่เท่าไหร่ ภามถลาขึ้นเตียงนอนนุ่ม กลิ่นหอมคุ้นเคยของพี่ดีนเหมือนยานอนหลับชั้นดี แค่ใบหน้าแนบกับหมอนดวงตาก็หรี่ปรือลงแทบจะทันที
“ร้องไห้จนเหนื่อยละสิ” คนที่ตามหลังออกมาพึมพำกับตัวเอง พอสบายใจได้อาบน้ำอุ่นผ่อนคลายก็ง่วงนอนเหมือนเด็กเล็กๆ เขาเดินไปปิดไฟห้องแล้วตามขึ้นเตียงทิ้งตัวลงนอนข้างๆ
ช่วงหลังพวกเขานอนด้วยกันค่อนข้างบ่อย อาการเกร็งช่วงแรกๆของภามเลยหายไปหมดแล้ว อาจมีเขินบ้างแต่ก็ไม่ฝืนตัวอีก ดีนสะกิดน้องแล้วอ้าแขนรอซึ่งภามก็พลิกตัวเข้าอ้อมกอดเขาอย่างว่าง่าย มือใหญ่ลูบแผ่นหลังของคนในอ้อมแขนเป็นจังหวะไม่นานลมหายใจของเด็กน้อยก็ผ่อนลงบ่งบอกให้รู้ว่าหลับสนิท ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มกดจูบลงบนหน้าผากมนกระชับร่างน้องแน่นขึ้นอีก เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงรถเคลื่อนตัวเข้าบ้าน เสียงพูดคุยดังขึ้นอยู่ภายนอกก่อนจะเงียบลง
พ่อกลับมาแล้ว..
พี่เคยลองคุยกันดีๆไหม?ดีนครุ่นคิด..นั่นสิ เขากับพ่อเคยลองคุยกันดีๆบ้างแล้วหรือยัง
ภาพฝันเลือนรางเหมือนมีหมอกจางๆ บางเบาครอบคลุมไปทั่ว สัมผัสอ่อนหวานเคล้าคลอผิวกายแลกเปลี่ยนความร้อนของร่างกายให้กัน เตียงนอนนุ่มส่งเสียงเอี๊ยดตามแรงขยับปะปนกับเสียงสั่นพร่า ลมหายใจหอบกระเส่าเร่งเร้าการเคลื่อนไหวจนคนใต้ร่างต้องกรีดร้องออกมาอย่างอึดอัด แรงจิกบนต้นแขนกระตุ้นให้คนที่คร่อมอยู่ตักตวงความสุขสุมแรงขึ้นจวบจนทุกอย่างพุ่งสู่จุดสูงสุดแล้วสงบลงดังท้องทะเลหลังพายุฝน“รักพี่กรณ์นะ” คนขี้อ้อนส่งสายตาวิบวับ ใบหน้ายังชื้นเหงื่อแก้มแดงก่ำจนกรณ์อดไม่ไหวก้มลงจูบหนักๆไปสองสามที“ดึกแล้วนะเนี่ย” กรณ์มองนาฬิกาหัวเตียง เขาดันตัวออกหันไปหยิบเสื้อมาสวม ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่หอพักของอินทัช ขลุกตัวด้วยกันตั้งแต่ฟ้าสว่างจนตอนนี้มืดสนิท กรณ์หยิบเสื้อส่งให้คนรักบ้างพวกเขารู้ดีว่าอยู่ด้วยกันนานเกินไปไม่ได้แต่วันนี้เป็นวันครบรอบที่พวกเขาคบกันหนึ่งปีเลยพากันโดดเรียนทำตามใจทั้งวัน ระยะเวลาหนึ่งปีอาจจะสั้นสำหรับหลายๆคนแต่สำหรับพวกเขามันมีค่ามากมาย “ไว้เจอกัน” ชายหนุ่มจูบปากคนรักแรงๆ พวกเขายิ้มให้กันแต่ยังไม่ทันจะได้ผละออก ประตูห้องก็ถูกกระแทกโครมพร้อมเสียงตวาดดังราวฟ้าผ่า “พวกแกทำอะไรกัน!!!”อินทัชเบิกตากว้างใจหล่นวูบ เขาจับแขนคนรักแน่นตกตะลึงเมื่อเห็นคนที่เพิ่งบุกเข้ามา “พ่อ!?” กรณ์รีบดันให้อินไปหลบอยู่ด้านหลัง ขบกรามแน่นขมวดคิ้วมองบุคคลคุ้นหน้าคุ้นตาที่ยืนอยู่หลังประตูอีกสองคน ลูกน้องของพ่อกอดอกยืนนิ่งปล่อยให้พ่อของอินทัชพุ่งเข้ามาแล้วความลับ..ก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไปดีนสะดุ้งทั้งตัวดวงตาสีเทาอมเขียวเบิกกว้าง ลมหายใจหอบกระชั้นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้น เขารีบตวัดสายตามองไปที่ประตูเมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็ค่อยๆสงบลง แล้วมองไปรอบๆห้อง เพดานสีขาวและผ้าม่านสีน้ำเงินเข้มที่คุ้นเคย ..ฝันงั้นเหรอ?
“..อย่าทำ”
เสียงร้องห้ามข้างตัวกระตุกเขาจากห้วงคิด ร่างในอ้อมแขนกำลังทุรนทุรายสองมือกอดรัดแขนเขาเอาไว้แน่น
“อย่าทำพี่กรณ์ พ่อ...อย่า”
“ภาม ภาม” ชายหนุ่มพยายามเรียกน้อง เขาไม่กล้าเขย่าปลุกเพราะกลัวจะทำให้ตกใจกว่าเดิมจนอาการไฮเปอร์กำเริบ “ภามฝันร้ายอยู่นะ ค่อยๆลืมตาขึ้นมาเด็กดี”
เสียงทุ้มพูดย้ำอยู่ข้างหูจนร่างที่กำลังดิ้นรนหยุดชะงัก แพขนตาเปียกชื้นกระพริบปริบก่อนจะเปิดขึ้นมองสบตา
“พี่ดีน?”
“พี่เอง” ดีนย้ำคำให้น้องมั่นใจ เขาปล่อยให้ภามโอบแขนกอดรอบลำคอซุกหน้ากับอก
“ผมฝัน...ฝันว่า...พ่อของอินทัชเข้ามาเจอพวกเรา...แล้วเขาก็ทำร้ายพี่กรณ์” พ่อในฝันทั้งต่อยและตะโกนต่อว่าแต่พี่กรณ์กลับไม่ยอมถอยออกไป ไม่ยอมให้อินทัชโดนลูกหลงแม้แต่นิดเดียว
ดีนยันตัวขึ้นนั่งพร้อมช้อนน้องให้ลุกขึ้นตาม เขายังคงกอดคนรักเอาไว้ในอ้อมแขนรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก นี่เป็นครั้งแรกที่เขากับน้องฝันเรื่องเดียวกันในเวลาเดียวกัน ดีนจำได้ดีว่าหลังจากพ่อของอินทัชต่อยกรณ์แล้วจากนั้นทั้งสองคนก็โดนแยกไม่ให้เจอกันอีก กรณ์โดนพ่อลงโทษอย่างหนักจนหยุดเรียนไปเป็นอาทิตย์ ทั้งคู่ห่างกันเป็นเดือนจนหาทางแอบติดต่อได้ก็นัดพบกันที่ร้านอาหารและนั่นคือการนัดครั้งสุดท้ายของพวกเขาสองคนก่อนสิ้นลมหายใจ
“ไม่เป็นไรแค่ฝันร้าย..”
ฝันร้ายที่ควรจะจบลงสักที
ดีนกับภามลงมาจากห้องนอนตอนเกือบเจ็ดโมงครึ่ง เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดเลยตั้งโต๊ะช้ากว่าปกติ พอเห็นว่าที่โต๊ะยังมีแค่ดอนนั่งเล่นมือถืออยู่ ภามก็ปลีกตัวขอไปช่วยเดลในครัวเพราะวันนี้สาวน้อยประจำบ้านตั้งใจอวดฝีมือทำข้าวต้มเต็มที่ เมื่อเข็มนาฬิกาขยับไปที่เลขแปดเจ้าบ้านก็เดินลงมาจากชั้นสองเป็นเวลาเดียวกับที่กลิ่นหอมของข้าวต้มกระดูกอ่อนกำลังอบอวลชวนหิว
เด็กหนุ่มช่วยเพื่อนกับแม่บ้านถือชามข้าวต้มเข้ามาในห้อง เขาชะงักเท้าเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหัวโต๊ะตอนนี้มีคนไม่คุ้นหน้านั่งอยู่ ร่างสูงใหญ่น่าจะไล่เลี่ยกับพี่ดีนมีผมสีดำตัดสั้นแซมสีขาวเล็กน้อย ใบหน้าคมคายกำลังสนใจหนังสือพิมพ์ในมือพร้อมจิบกาแฟไปด้วย
“ตายจริง แขกต้องมาเสิร์ฟอาหารให้” คุณแม่คนสวยวันนี้มวยผมไว้ด้านหลังเรียบร้อย เธอรีบเอ่ยทักเมื่อเห็นคนรักของลูกชายช่วยถือถ้วยชามมาจากในครัว
“ไม่เป็นไรครับ ช่วยๆกัน” ภามรีบโบกไม้โบกมือ พอวางชามข้าวต้มเสร็จก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพี่ดีน สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงพับหนังสือพิมพ์เก็บ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบไปทันที
เจ้าบ้านวัย50หยุดสายตาตรงสมาชิกใหม่ของบ้านด้วยความสนใจ ภามรีบยกมือไหว้ซึ่งพ่อพี่ดีนก็พยักหน้ารับไหว้แล้วเริ่มลงมือกินอาหารเช้าเงียบๆ
“กินเสียตอนที่ยังร้อน” เสียงทุ้มต่ำติดแหบเอ่ยขึ้น ดวงตาคมกริบเหลือบมองลูกชายคนโตที่ดูเหมือนจะอึดอัดใจเหลือเกิน “เสร็จแล้วค่อยคุยกัน”
(ต่อรีพลายถัดไปค่ะ)