CH 25 เรื่องของเรา (สองคน)
ชมรมทำอาหารของมหาวิทยาลัยTวันนี้ค่อนข้างวุ่นวายเพราะมีออเดอร์สั่งขนมตะโก้เผือกกับข้าวโพดล็อตใหญ่ มือวางอันดับหนึ่งของชมรมอย่างภามเองก็วุ่นจนหัวหมุนไปหมด ในขณะที่พี่เดชอีกหนึ่งหนุ่มเองก็นั่งตั้งหน้าตั้งตาตัดใบเตยมาพับเป็นถ้วยใส่ขนมกองซ้อนกันเป็นร้อยใบ
แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน แป้งถั่วเขียวถูกเทผสมกับน้ำลอยดอกไม้หอมกรุ่น ภามใช้ไม้พายกวนแป้งละลายเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ตามด้วยน้ำตาลทรายและน้ำใบเตยสีเขียวสดผสมลงไป กระทะใบโตตั้งไฟกลางส่งความร้อนให้ส่วนผสมเริ่มเนียนขึ้น ภามกวนแป้งต่ออีกไม่นานมันก็จับตัวเป็นเนื้อนิ่มสีเขียวอ่อนน่ากิน
เด็กหนุ่มเทข้าวโพดหวานและเนื้อมะพร้าวอ่อนเล็กน้อยผสมลงไปในตัวแป้ง กวนต่อด้วยไฟอ่อนจนสีของแป้งเริ่มสดใสน่ากินกว่าเดิมเขาถึงหยุดมือลงแล้วตักเนื้อตะโก้ลงในถ้วยใบเตยที่เรียงเต็มถาด ส่วนหัวหน้าชมรมก็ยกหม้อกะทิที่กวนกับแป้งข้าวเจ้าจนข้นส่งกลิ่นหอมจัดการเทปิดหน้าตะโก้ตามหลัง เพียงแค่ชั่วโมงเดียวพวกเขาก็ได้ตะโก้มากมายที่มีกลิ่นหอมชวนหยิบคนละอันสองอัน
จบล็อตแรกภามก็ตั้งเตาทำตะโก้เผือกต่อ ทุกสิ่งทุกอย่างทำไปด้วยสัญชาตญาณแต่ในหัวของเขากลับกระเจิดกระเจิงไปด้วยเรื่องอื่นเรียบร้อยแล้ว
พี่จะไม่นอนเฉยๆแล้วนะ ตั้งแต่โดนพูดคำนี้ใส่แล้วโดนพากลับบ้านแบบเบลอๆ คืนนั้นเขาร้องลั่นใส่หมอนกระสับกระส่ายนอนไม่ได้ทั้งคืน เรื่องของคุณปู่คุณลุงหรือแม้แต่ลูกพี่ลูกน้องหายไปหมดจากสมอง มีแต่หน้าคนใจร้ายที่มาปั่นหัวแล้วทิ้งเขาไว้
ใช่..ทิ้งจริงๆ ตลอดตั้งแต่วันนั้นจนเกือบหนึ่งอาทิตย์พี่ดีนไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลย มีแต่ไลน์กับโทรศัพท์บ้างซึ่งมันผิดปกติจนทีมกับมะนาวสงสัย ทั้งๆที่เขาบอกว่าไม่ได้ทะเลาะกันแต่สายตาเป็นห่วงจากเพื่อนทำให้อธิบายเหตุผลไม่ออก บางวันทีมเกือบจะลากเขาไปที่ชมรมว่ายน้ำแต่ภามก็ส่ายหัวรัวๆเพราะทำใจไม่ได้ถ้าต้องไปนั่งมองพี่ดีนแบบนั้น โดยเฉพาะเมื่อเมื่อคืน…
แก่ก แก่ก
เสียงกดแป้นคอมพ์กุกกักโดยมีเจ้าของห้องนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่เก้าอี้ ภามถอนใจรอบที่ล้านแล้วเม้มปากจรดมือลงพิมพ์ข้อความที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเสิร์จหาในช่องของอากู๋และเพียงไม่กี่วินาทีหน้าจอก็ขึ้นผลลัพธ์ออกมามากมาย
“ว๊ากกก!!!” ข้อความที่ขึ้นมาทำเอาเจ้าตัวขยี้หัวหน้าซีดหน้าเซียวไปหมด
เจ็บมาก เลือดออกด้วย ทำต่อไม่ไหว นั่งไม่ลงเลย ภามนับหนึ่งถึงร้อยหยิบหมอนมากอดเอาหน้าซุกแล้วสุ่มกดหัวข้อขึ้นมาดู เขาค่อยๆอ่านพลางกลืนน้ำลายเอื้อก เพิ่งรู้ว่าผู้ชายเขาทำกันขนาดนี้ เรียกว่าตอนไปกาญจนบุรีครั้งก่อนธรรมดาไปเลย ยิ่งอ่านเด็กหนุ่มก็ยิ่งสติแตกอยากจะร้องไห้ชอบกล
“เขาต้องใช้อะไรกันบ้างเนี่ย” เลื่อนเม้าส์ดูสารพัดคำอธิบาย “ถุงยาง...แล้วจะไปรู้ไซส์ได้ไงเล่า” ขมวดคิ้วมุ่นบ่นพึมพำกับตัวเอง “เจล....?? ควรต้องเตรียมไว้ไหม” มือใหม่หน้าตาเต็มไปด้วยคำถามแต่ก็ไม่รู้จะไปถามใคร เขานั่งหาข้อมูลอยู่นานก่อนจะตัดสินใจคว้ากระเป๋าเงินลงไปร้านสะดวกซื้อหน้าคอนโด
เพื่อความชัวร์ซื้อเตรียมไว้ก่อนก็ได้! ไม่รู้ไซส์ก็ซื้อมันมาทุกไซส์นั่นแหละ
“สวัสดีค่ะ”
พนักงานสาวแห่งร้านสะดวกซื้อยิ้มแย้มแจ่มใส อาจเป็นเพราะเวลานี้ดึกมากแล้วและไม่มีลูกค้าพลุกพล่านให้กังวลใจ ภามยิ้มแห้งๆ เขาเดินวนรอบร้านหาเป้าหมาย แต่ก็มาสำนึกได้ว่าของที่คิดจะซื้อดันอยู่ตรงเคาน์เตอร์ติดประตูเข้าออก
บ้าที่สุด!! ทำไมถึงเอาของแบบนี้มาจัดในที่โคตรสะดุดตา จะไปยืนเลือกได้ยังไงเล่า!
เด็กน้อยงอแงยืนมองอยู่ห่างๆ เขาหยุดนิ่งที่เชลฟ์หนังสือ หยิบนิตยสารมาเปิดผ่านๆแต่ตาก็เหล่มองเป้าหมายเอาไว้ชั่งใจว่าจะพุ่งเข้าไปหยิบแล้วจ่ายให้จบๆเลยดีไหม พอยืนนานเข้าก็เริ่มเขินตัวเองสุดท้ายก็กัดฟันทำใจกล้าเดินตรงดิ่งเข้าไปหน้าเคาน์เตอร์ทันที
หยิบๆซะก็....
เดี๋ยว!!!!! อะไรคือบางพิเศษ ขรุขระ มีขีด สตรอเบอรี่นั่นอีก แล้วกล่องไหนไซส์ไหน??
มือที่เอื้อมออกไปถึงกับวืดเบี่ยงไปที่ชั้นวางถ่านไฟฉาย ลามไปถึงตำแหน่งยาอมและยาแก้ปวดหัวที่ตอนนี้เจ้าตัวอยากซื้อมากรอกปากสักแผง ภามถอยออกไปตั้งหลักใหม่ที่ชั้นขนมทบทวนความคิดตัวเองในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
“รับขนมจีบ ซาลาเปาเพิ่มไหมคะ” พนักงานสาวยังยิ้มแฉ่ง
ภามส่ายหัวพรืดแล้วหิ้วถุงออกจากร้านสะดวกซื้อหลังจากเสียเวลาอยู่ในนั้นเกือบ40นาที แก้มแดงๆ มองถุงพลาสติกถุงโตภายในบรรจุห่อสีเหลืองเอาไว้สองห่อ
มันฝรั่งรสออริจินอลเจ้าประจำของโปรดทีม
พรุ่งนี้ค่อยเอาไปให้มันแล้วกัน คนป๊อดคิดทั้งน้ำตา
“ร้อนๆๆๆ” คนเหม่อสะดุ้งโหยงร้องลั่น เพราะมือดันไปโดนกระทะที่เพิ่งจะกวนขนมเสร็จ ประธานชมรมรีบพุ่งเข้ามาหยิบของออกจากมือรุ่นน้อง จับมือที่สะบัดรัวๆพลิกซ้ายพลิกขวาเห็นรอยแดงๆที่หลังมือก็ถอนใจ
“วันนี้ภามเหม่อบ่อยนะ เมื่อกี้ก็ของร่วงของหล่น วันนี้กลับไปพักก่อนไหม” ดันหลังน้องให้ไปนั่งแหมะมุมห้อง ตอนนี้ตะโก้ทำจนเสร็จเกือบหมดแล้วเดี๋ยวก็คงเก็บกวาดจบงานพอดี
“ผมยังมีเรียนอีกตัว” ยื่นมือให้พี่อีกคนทายาให้ ภามมองวันที่ในมือถือที่โชว์คำว่า THU บ่งบอกให้รู้ว่าเวลาล่วงเลยมาถึงวันพฤหัสแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันหยุดไม่มีเรียนและพี่ดีนขอมาค้างด้วยเลยทำให้สติแตกกว่าปกติ
“งั้นก็ไปรอเรียนเลย” ลูบหัวรุ่นน้องที่ทำหน้าหงอย “อ่ะ เอาขนมใส่กล่องไปด้วยเผื่ออยากจะแจกใคร” ขยิบตาให้ซึ่งคนฟังก็หน้าร้อนขึ้นมาทันที
ภามรีบยกมือไหว้ขอบคุณ เขาเอากล่องขนมใส่กระเป๋าเป้แล้วเดินคอตกออกมาจากชมรม เด็กหนุ่มโต๋เต๋เดินดูดนมกล่องอยู่พักนึงก็ใกล้ได้เวลาเข้าเรียนเพียงแค่เปิดประตูห้องก็เจอเพื่อนทั้งสองคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“อ่ะให้” เขาส่งถุงเลย์ให้ทีมที่ทำหน้างงๆ
“เนื่องในวันอะไรวะ” ปากถามแต่ก็รับขนมมาใส่กระเป๋าตัวเองอย่างไม่อิดออด ต้องแอบกินเพราะช่วงนี้เขาซัดมันฝรั่งและกินเค็มเยอะเกินไปแล้ว แต่จะให้เลิกก็ไม่ไหวจะขาดใจ
“แค่อยากให้” เมินสายตางุนงงของเพื่อน เขาพลิกชีทเรียนในมือไปเรื่อย แต่อยู่ๆภาพบนแพที่กาญจนบุรีก็โผล่แว่บขึ้นมาในหัว แก้มใสแดงก่ำจนต้องเอาหน้าฟุบกับโต๊ะซ่อนเอาไว้ นึกเคืองคนใจร้ายจนต้องหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิดไลน์กดสติ๊กเกอร์หมาร้องไห้ส่งไปรัวๆ แต่ดูเหมือนพี่ดีนจะเล่นมือถืออยู่เพราะขึ้นอ่านแล้วอย่างรวดเร็ว แถมยังส่งเครื่องหมายคำถามกลับมาอีกต่างหาก ภามไม่ได้ตอบอะไรเพิ่มเติมเพราะอาจารย์เข้าห้องมาพอดี
เสียงอาจารย์สอนอยู่หน้าห้องชวนง่วงเหมือนเคย นักศึกษาหลายคนเงยหน้าขึ้นมาถ่ายรูปเอกสารที่ฉายขึ้นหน้าจอแล้วฟุบลงนอนต่อ ในขณะที่ภามกลับนั่งจดตามเอาเป็นเอาตาย ไม่ใช่ขยันแต่จริงๆในหัวเขากำลังฟุ้งซ่านถึงที่สุดต่างหาก
เขาควรเก็บของแล้วหนีไปค้างกับพี่อันดีไหม ไม่ๆ ไม่ดี หรือบอกไปว่ายังไม่พร้อม...ก็ไม่ใช่อีก พี่ดีนให้เวลามาทั้งอาทิตย์แล้วด้วยซ้ำ โอ้ย!! เพราะพี่ดีนเลยเรื่องแบบนี้เขาเตือนกันก่อนล่วงหน้าเหรอ??แค่นึกว่าพรุ่งนี้พี่ดีนมาหาเขาก็ทำหน้าไม่ถูกแล้ว
“ภามไม่เป็นอะไรแน่นะ” มะนาวที่เห็นเพื่อนทำหน้าพิลึกมานานทนไม่ไหว เธอรีบเอามือไปอังหน้าผากอีกฝ่ายแต่มันก็ปกติไม่ได้มีไข้
“นั่นดิ ไม่ได้ทะเลาะกับพี่ดีนแน่ๆนะเว้ย” ทีมโอบไหล่เพื่อนแล้วบีบหนักๆ ถ้าประธานชมรมทะเลาะกับเพื่อนซี้ละก็ขอเข้าข้างฝั่งไอ้ภามไว้ก่อนแล้วกัน
“เปล่าไม่ได้ทะเลาะ พอดีเรามีเรื่องคิดเยอะไปหน่อย” รีบปฏิเสธแต่แก้มเจ้ากรรมกลับแดงขึ้นมา ทีมหรี่ตามองจับผิดจนภามต้องดันหน้ามันออกไปห่างๆ
“เรื่องที่บ้าน พอดีต้องไปเจอคุณลุงที่ไม่พบกันมาเป็นสิบปีเลยเครียดน่ะ” รีบหาทางออกให้ตัวเอง ภามกราบขอโทษคุณลุงอยู่ในใจ
พอได้ยินคำอธิบายแบบนั้นเพื่อนทั้งสองคนก็พยักหน้ารับรู้ เปลี่ยนเป็นปลอบใจเขาให้อย่าคิดมาก ต่างก็ชวนคุยเรื่องอื่นให้สบายใจ ภามยิ้มแหยจับมือเพื่อนทั้งคู่เอาไว้แล้วเอ่ยขอบคุณเบาๆ
ถ้ารู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ได้โดนสองคนนี้โบกหัวแน่ๆเลย
เวลาเกือบหกโมงเย็นนักศึกษาทยอยออกมาจากตึก ภามเองก็เดินออกมาพร้อมเพื่อนๆในคลาส ต่างคนต่างคุยกันเรื่องสอบย่อยคราวหน้าและชวนกันนัดติวก่อนจะเข้าสู่ช่วงสอบไฟนอล เผลอแป้บเดียวพวกเขาก็จะเรียนจบปีหนึ่งกันแล้วเวลาช่างผ่านไปไวจนน่าตกใจ
“เดี๋ยวไปแวะกินอะไรกั....ง่า ท่าจะไม่ได้ละมั้ง” มะนาวที่กำลังเอ่ยปากชวนชะงัก เธอกะจะชวนสองหนุ่มไปกินหมูกระทะสักหน่อยแต่คนที่ยืนอยู่หน้าตึกท่าจะไม่ยอม
ภามทำหน้างง แต่พอเห็นคนที่ยืนรออยู่เขาก็หยุดเดินเอาเสียดื้อๆ จนทีมชนหลังเข้าให้เกือบหน้าคว่ำไปด้วยกัน
“ไอ้..หยุดทำไม อ้าว พี่” ทีมยกมือไหว้ประธานชมรมที่ยืนกดมือถืออยู่หน้าตึก พอหันมาเห็นพวกเขาชายหนุ่มก็เก็บมือถือแล้วเดินตรงเข้ามาหาทันที “มาหาภามมันเหรอ”
“นัดกันไว้น่ะ” ดีนคว้าเอาเอกสารในมือน้องมาถือเป็นหลักประกันว่าเจ้าตัวดีจะไม่วิ่งหนีหายไปไหน
“นัดไว้ก็ไม่บอก พี่รู้ไหมคะวันนี้ภามนั่งกระสับกระส่ายทั้งวันเลย ถามก็อ้ำอึ้ง” ได้ทีรีบฟ้องแฟนเพื่อน ไม่สนใจภามที่ถลึงตาใส่
ดีนมองเด็กน้อยข้างตัวที่กำลังก้มหน้ามองพื้น แก้มแดงๆ บอกคำตอบของทุกอย่างว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มเลิกคิ้วเอื้อมมือไปสะกิดให้คนขี้อายเงยหน้า
“ทำไม มีอะไร” เขาแกล้งถามทั้งๆ ที่รู้ว่าน้องเป็นอะไรพอเจอหน้ามุ่ยๆมองตอบกลับมาก็ขยับรอยยิ้มขำทันที
“งั้นเอาไว้กินข้าวด้วยกันทีหลังแล้วกัน” ทีมตบไหล่เพื่อนดังพลั่ก
“ใช่ๆ อาทิตย์หน้าเขาจะประกาศผลหนังสั้นที่เราไปแสดงแล้วนะ ช่อม่วงที่ภามสอนมีคนชมเยอะมากเลยไว้มาลุ้นผลกัน เผื่อได้เลี้ยงฉลองไปด้วย” มะนาวขยิบตาเพราะได้ข่าวว่าหนังของชมรมได้รับการตอบรับจากกรรมการค่อนข้างดี เธอรีบควงแขนทีมลากไปอีกทางไม่อยากเป็นก้างให้คู่รักตรงหน้า
สาวน้อยแสนดีกระหยิ่มยิ้มให้ตัวเอง แล้วภามต้องขอบใจที่เธอเปิดโอกาสให้คืนดีกับพี่ดีน
“...”
ประธานชมรมว่ายน้ำส่ายหัวขำๆ เขาหันมามองคนรักข้างตัว “กลับกันเถอะ”
“เอ๋” ภามเงยหน้าขวับ ไม่ใช่ค้างพรุ่งนี้เหรอ?
“พรุ่งนี้วันหยุดนี่ ไหนๆแล้วก็ค้างมันตั้งแต่คืนนี้เลย” จับมือน้องแล้วพาเดินออกมาจากตึกคณะ ดีนรู้ดีว่าถ้ารอให้ถึงพรุ่งนี้เจ้าเด็กขี้อายอาจเปิดแนบไปก่อน ไม่ก็หาทางทำอะไรสักอย่างหลีกเลี่ยงเขาแน่ๆ เลยตัดสินใจมาดักที่หน้าตึกคณะตั้งแต่เย็นวันพฤหัส ดูจากท่าทางของภามแล้วเขาคงคิดถูกจริงๆ
“เย็นนี้พี่อยากกินฝีมือภาม” พูดพลางขึ้นรถของน้องแล้วนั่งฝั่งคนขับปรับที่นั่งเรียบร้อย พอพูดถึงของกินภามก็หันมามองตาแป๋ว
“งั้นเดี๋ยวผมทำข้าวผัดสับปะรดให้” ฉีกยิ้มให้คนรักก่อนจะค้นกระเป๋าตัวเองกุกกัก หยิบเอาขนมตะโก้ออกมาแล้วส่งให้ “รองท้องด้วยอันนี้ก่อนนะครับ อ้อ แวะซุปเปอร์ด้วยผมอยากซื้อของเพิ่ม”
“ไม่ป้อนแล้วเหรอ”
“ปะ ป้อนอะไรละครับ” รีบโวยวายแต่พี่ดีนก็ทำตัวเป็นเด็กดื้อขึ้นมา
“พี่ขับรถอยู่ มือไม่ว่าง” คนตัวโตยังหาข้ออ้าง
“ไม่ได้ครับ ตะโก้ป้อนยากเดี๋ยวเลอะเทอะ” ภามไม่ยอมแพ้ เขาหยิบส่วนของตัวเองขึ้นมากินตุ้ยๆ ไม่สนใจพี่ดีนที่เหลือบมองตาละห้อย
ตะโก้เนื้อนุ่มละมุนหวานตัดกับกะทิที่เค็มกำลังดี สัมผัสของข้าวโพดหวานช่วยเสริมความอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก เป็นขนมที่ทำง่ายและเป็นของโปรดเขาอีกอย่างนึงเลย ภามส่งตะโก้อีกชิ้นเข้าปากตัวเองอย่างอารมณ์ดีแต่ก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อคนขับรถก้มหน้าลงมาขโมยตะโก้ออกจากปากเขาด้วยลิ้น
“อร่อย หวานกำลังดี” เลียริมฝีปากตัวเอง ตอนนี้เขาจอดรถติดไฟแดงทำให้มีโอกาสขโมยของอร่อยจากปากน้องได้สบายๆ
พอเห็นใบหน้าคมคายจะก้มลงมาอีก คราวนี้น้องรีบส่งตะโก้เผือกมาให้ทันที ดีนหัวเราะหึหึไม่แกล้งต่อ กลิ่นหอมของใบเตยรวยรินในปาก เขาติดใจขนมไทยมากขึ้นทุกทีเพราะคนทำนี่แหละ
“ไม่ต้องมายิ้มเลย ไฟเขียวแล้ว เลี้ยวห้างข้างหน้าเลยครับ” ทำหน้าดุแล้วชี้ให้อีกฝ่ายเลี้ยวที่ตามที่บอกซึ่งคนพี่ก็ว่าง่ายทำตามอย่างไม่อิดออด มาคิดดูดีๆดีนก็เริ่มสำนึกตัวเองเหมือนกันว่าตามใจน้องมาก แต่พอเห็นยิ้มอ้อนกับตาใสๆก็ยอมแพ้ไม่แปลกใจที่แม่ของภามเคยเตือนเขาว่าอย่าตามใจเกินไป
ชายหนุ่มพาอีกฝ่ายมาซื้อของในซุปเปอร์ของห้างแถวมหาวิทยาลัยที่ประจำ ภามเข็นรถไปด้วยมือข้างนึงก็ถือชานมไข่มุกไปด้วยปล่อยให้เขาเดินตามหลังต้อยๆ ท่าทางน้องจะลืมเรื่องสำคัญไปหมดแล้วในหัวคงมีแต่เรื่องข้าวผัดเย็นนี้
“ใส่กุนเชียงโรยหมูหยองเยอะๆเลยเนอะ” ถือแพ็คกุนเชียงมาให้ดู พอเห็นพี่พยักหน้าก็ยิ้มแฉ่งเข็นรถซื้อของต่อ ไปๆมาๆ นอกจากของจำเป็นในการผัดข้าว ภามก็ซื้อทั้งนมและของสดเพิ่มอีก แถมไม่ลืมหยิบแป้งสำหรับทำตะโก้มาด้วย เพียบแป๊บเดียวของก็เต็มรถเข็นอย่างรวดเร็ว
“อยากได้ตู้เย็นใหญ่กว่านี้จัง” คนชอบทำมากกว่ากินบ่นหงุงหงิง ยื่นชานมให้พี่ดีนที่เปลี่ยนตัวเองเป็นคนเข็นรถกินบ้าง
“ตัวก็แค่นี้จะใช้ตู้เย็นใหญ่ไปทำไม” เข็นรถไปแผนกของใช้บ้าง
“จะได้ทำขนมเก็บไว้ได้เยอะๆไงครับ พี่ดีนจะได้กินบ่อยๆด้วยไง” รีบพูดเอาใจก่อนโดนดุ แต่ก็เป็นเรื่องจริงเพราะส่วนมากภามจะทำขนมไว้ให้เพื่อนหรือคนที่ชมรมได้กินมากกว่า
“เอาไว้ย้ายไปอยู่บ้านค่อยซื้อ คอนโดมันแคบไป”
“บ้านไหน?” ถามพลางกินไข่มุกเม็ดสุดท้ายจนหมดแก้ว
“ก็ตอนย้ายไปอยู่ด้วยกันไง พี่ชอบอยู่บ้านมากกว่าคอนโด”
“...............” แก้มใสแดงก่ำขึ้นมาทันที โชคดีที่เขากินชานมไข่มุกหมดไปแล้วไม่งั้นต้องมีติดคอกันบ้าง พี่ดีนชอบพูดแบบนี้ทีเผลออยู่เรื่อย แล้วเขาก็ทำตัวไม่ถูก “ผะ ผมไปทิ้งแก้วก่อนนะครับ” เปิดแนบออกไปนอกซุปเปอร์ไม่รอคำอนุญาต ขืนอยู่ด้วยกันอีกสิบวิต้องระเบิดตัวเองตายแน่ๆ
ดีนหัวเราะเบาๆ พูดกี่ทีน้องก็ไม่ชินทั้งๆที่เขาคิดจริงจัง ประธานชมรมว่ายน้ำเดาะลิ้นพลางเข็นรถเดินต่อไปที่แถวจ่ายเงิน ดวงตาสีสวยมองของที่วางเรียงไว้แถวเชลฟ์ จริงๆในกระเป๋าก็มีแต่เผื่อไว้ท่าจะดีกว่า ว่าแล้วก็หยิบเพิ่มไปอีกกล่องพร้อมของจำเป็นอีกขวด และคงเป็นโชคดีที่พนักงานเอาของใส่ถุงไปส่วนหนึ่งแล้วน้องถึงโผล่มายืนอยู่ข้างๆ ไม่อย่างงั้นต้องมีเด็กงอแงไม่ยอมกลับคอนโดด้วยแหงๆ
“พี่ดีนไม่ยอมให้ผมจ่ายเลย” แค่กลับถึงคอนโด เจ้าของห้องก็งอแงไปด้วยทำกับข้าวไปด้วย
ชายหนุ่มหยุดมือที่กำลังเอาของใส่ตู้เย็น มองเด็กดื้อหั่นสับปะรดใส่ชามเตรียมทำข้าวผัด
“ก็ของกินที่ซื้อมากว่า60%คนที่กินก็พี่กับเจ้าพวกในชมรมไม่ใช่หรือไง” หยิบเอาของสดแบ่งใส่ช่องแข่งเอาไว้
“แต่อีก40%ผมก็กินก็ใช้ใช่ไหมละครับ” เตรียมกุ้งที่ซื้อมาทำความสะอาด “อ้ะ พี่ดีนเอาข้าวในตู้เย็นออกมาให้ด้วย”
ดีนยักไหล่ เขาหยิบข้าวออกมาให้ตามคำสั่ง พอมีคนตัวโตเบียดเพิ่มครัวก็เล็กลงไปทันที
“40%เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเสียแรงของพ่อครัว” ยักคิ้วให้น้องที่ทำตาโตใส่ ภามเบะปากเพราะเถียงต่อไม่ได้
“พี่ดีนเคี่ยวสมกับเรียนธุรกิจเลย” หันไปหั่นกุนเชียง อมยิ้มเมื่อเห็นพี่ดีนหยิบไข่มาตอกใส่ชามพร้อมเตรียมเม็ดมะม่วงหิมพานต์เรียบร้อย
“อืม พอดีแฟนเรียนเศรษฐศาสตร์เลยต้องเคี่ยวหน่อย กลัวจะถูกทิ้ง”
“เกี่ยวที่ไหนกันละครับ!!” รีบโวยวาย จำได้ว่าตัวเองไม่เคยไปงกอะไรให้พี่ดีนเห็นสักหน่อย พูดแบบนี้กล่าวหากันชัดๆ
ซู่ ภามผัดกระเทียมจนส่งกลิ่นหอม เขาใส่กุ้งและแฮมผัดจนมันสุกแล้วใส่สับปะรดคลุกเคล้าจนเข้ากันจากนั้นใส่กุนเชียงที่ทอดเตรียมเอาไว้แล้วกับเม็ดมะม่วงแล้วปรุงรสด้วยซีอิ้วกับผงกะหรี่ พอทุกอย่างได้ที่ก็ใส่ข้าวที่ยังเย็นอยู่ตามลงไปพร้อมไข่แล้วผัดเข้าด้วยกัน ไม่นานข้าวผัดสับปะรดก็ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งห้องเล่นเอาคนรอกินหิวขึ้นมาทันที ภามหัวเราะพี่ดีนที่มองข้าวในกระทะตาไม่กระพริบ ท่าทางจะหิวจริงๆ เขาจัดแจงเอาข้าวใส่จานโรยด้วยหมูหยองแล้วเสิร์ฟคนที่กำลังหิ้วท้องรออยู่
ดีนขยับรอยยิ้มเมื่อตักข้าวเข้าไปคำแรก ข้าวผัดหอมกรุ่น แถมแห้งกำลังดีไม่แฉะ น้องทำอาหารเก่งจริงๆจนเขาเริ่มมั่นใจแล้วว่าภามต้องทำร้านอาหารได้ดีแน่ๆ
“เรียนจบภามตั้งใจจะทำร้านอาหารใช่ไหม” เขาเอ่ยถามเมื่อกินไปครึ่งจาน พอเห็นน้องพยักหน้าก็เริ่มคิดถึงงบประมาณ “งั้นต้องเก็บเงินเยอะหน่อย อาจจะต้องกู้พ่อมาเปิดร้านด้วย สถานที่อีก” นักธุรกิจคำนวณความเป็นไปได้ ไหนจะสร้างบ้านแล้วก็ทำร้านอาหาร เขาคงต้องใช้หนี้พ่อเป็นสิบปี
“เดี๋ยวๆๆๆๆ ทำไมพี่ดีนต้องกู้คุณพ่อละครับ” ภามรีบเบรกคนรักที่ทำคิ้วขมวดจริงจัง เขาต่างหากที่ต้องคิดเรื่องนี้
ดีนเลิกคิ้ว “อ้าว ก็อยู่ด้วยกันต้องช่วยกันสิ” ตักสับปะรดเข้าปาก ความหวานเข้ากันดีกับกุ้งตัวโต
“แต่...” คนน้องหน้าแดงก่ำ นี่พี่ดีนมัดมือชกเขาแล้วใช่ไหม?
“หรือ..ภามจะไม่อยู่ด้วยกัน” ดวงตาสีสวยจ้องมองอีกฝ่าย น้ำเสียงดูไม่มั่นใจขึ้นมา
“ไม่ใช่แบบนั้น..” ภามเขี่ยข้าวในจาน อาการเขินเริ่มทำให้กินไม่ลง
“พี่รักภาม”
เด็กหนุ่มเม้มปากแน่น รู้สึกร้อนไปทั้งใบหน้า “ผมก็รักพี่ดีน”
“พี่อยากอยู่กับภาม” คนพูดทำเหมือนคุยเรื่องลมฟ้าอากาศ เขายังคงจ้องหน้าแดงๆของน้องไม่วางตา
“ผมก็อยากอยู่กับพี่ดีน”
“ถ้าภามเรียนจบพี่จะไปรับมาอยู่ด้วยกัน”
คราวนี้คนฟังถึงกับเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ขอบตาร้อนขึ้นมาทันที ครั้งนี้พี่ดีนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่ด้วยกัน แต่เขากลับยังกลัวความหลังฝังใจจนไม่กล้าก้าวเดินออกไปข้างหน้า กลัวคนรอบตัวไม่ยอมรับกลัวทำให้พี่ต้องเสียอนาคต แต่พี่เขากลับไม่สนใจอะไรเลย ตลอดเวลาผู้ชายคนนี้ยังคงยืนยันว่าต้องได้อยู่ด้วยกันในอนาคต
พี่ดีนไม่เหมือนพี่กรณ์
พี่ดีนมีความพยายาม ความตั้งใจและความปรารถนารุนแรงพร้อมที่จะชนกับอุปสรรคข้างหน้า ถ้าในอดีตพี่กรณ์มั่นใจได้ขนาดนี้ทั้งสองคนคงไม่ต้องคิดสั้น
“ร้องไห้ทำไม หืม” เจ้าของเสียงทุ้มอ่อนโยนเอื้อมมือมาเกลี่ยน้ำตาออกให้ ภามรีบปาดมันออกด้วยความเขินแล้วรีบหัวเราะกลบเกลื่อน
“แหะๆ พี่พูดเหมือนขอแต่งงานเลย” พูดเองก็เขินเองจนต้องรีบตักข้าวเข้าปากแก้เก้อ
“ก็ขอแต่งไง” ดีนเริ่มกินข้าวต่อบ้าง แต่ระเบิดที่ปล่อยใส่น้องเมื่อกี้เล่นเอาภามสำลักข้าวน้ำหูน้ำตาไหล
“พี่ดีนนนนนนนนนนนน” โวยวายลั่นห้อง เรื่องแบบนี้พูดเล่นไม่ได้นะครับ!!
“แม่อยู่นิวยอร์กนี่ ถ้าพี่จำไม่ผิดที่นั่นให้เพศเดียวกันแต่งงานได้” ดีนตักกุ้งใส่จานให้น้อง “กินเยอะๆหน่อย”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิพี่ดีน นี่มันเรื่องใหญ่นะ”
“เรื่องใหญ่ก็จริง แต่ก็เป็นเรื่องของเราสองคนไม่ใช่เหรอ” รวบจานชามที่กินเสร็จแล้วไว้ข้างๆ ก่อนจะเท้าคางมองน้องที่หน้าตาแตกตื่น
“มะ มันก็ใช่” จิ้มกุ้งที่ได้มาเมื่อกี้เคี้ยวเข้าปากตุ้ยๆ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะโดนผู้ชายขอแต่งงานกลางโต๊ะกินข้าว หัวใจเขาตอนนี้เผ่นออกจากห้องกดลิฟต์ลงไปชั้นล่างแล้วไปตั้งตัวอยู่หน้าคอนโดโน่น
“หยุดเวิ่นเว้อได้แล้ว” ดีดเหม่งเด็กน้อยที่ทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ยังมีเวลาให้คิดจนกว่าเราจะเรียนจบ ตอนนั้นถ้าพวกเรายังไม่เปลี่ยนไป...พี่จะถามภามอีกครั้ง โอเคนะ”
คราวนี้คนน้องพยักหน้าอย่างว่าง่าย ภามหลุบตาจดจ่ออยู่กับข้าวบนจาน ไม่กล้ามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ เก้อเขินแต่ก็อบอุ่น ตื่นเต้นแต่ก็วาบหวาม
ความรักนี่เข้าใจยากชะมัด(ต่อรีพลายถัดไปค่ะ)