Beyond the sky
“ไอ้อินไปไหน” นักศึกษาผิวคล้ำแบบชาวใต้แท้ที่เอาผ้าโพกหัวกันเหงื่อไหลเข้าตาเงยหน้าขึ้นจากกองไม้ เขาควงค้อนในมือพลางกวาดสายตาหาเพื่อนร่วมรุ่นที่หายหัวไปได้พักนึงแล้ว
“มันปวดหัวดูเหมือนจะเป็นหวัดเลยขอไปงีบหลังตึกสักครึ่งชั่วโมง” เพื่อนอีกคนเปิดฝาเครื่องดื่มชูกำลังกระดกไปครึ่งขวด พวกเขากำลังเร่งมือทำซุ้มกิจกรรมของมหาวิทยาลัยให้เสร็จทันเวลา
“เอ้า ปล่อยไว้แบบนั้นไม่ตายห่าไปแล้วเรอะ ทำไมไม่ให้มันกลับบ้านล่ะ” เขาดึงผ้าคาดหัวเช็ดหน้าเช็ดตา ชักเป็นห่วงเพื่อนเสียแล้ว
“มันบอกว่าไม่เป็นไร จะไปหามันป่ะ ฝากยาให้มันด้วย” โยนซองยาสีขาวให้แล้วเริ่มต้นลุยงานต่อ
ชายหนุ่มพยักหน้าเอาซองยาใส่กระเป๋าเสื้อแล้วเดินไปหยิบขวดน้ำ เขาเดินลัดเลาะไปด้านหลังตึกคณะที่ค่อนข้างเงียบ
อินทัชเป็นคนร่าเริง ขี้เล่นและเป็นเพื่อนได้กับคนทุกรูปแบบ เรียกได้ว่าในคณะปีหนึ่งทุกคนไม่มีใครไม่รู้จัก มีหลายคนเข้าหาไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงแต่หมอนี่ก็ปฏิเสธอย่างสุภาพด้วยเหตุผลว่ายังไม่คิดจะมีแฟน
จนเมื่อหลายเดือนก่อนอยู่ๆหมอนั่นก็พูดขึ้นมาว่า
“พี่คนนั้นชื่ออะไร”พี่กรณ์ กลายเป็นชื่อที่พวกเขาได้ยินทุกวัน ลูกชายเจ้าพ่อเงินกู้ชื่อดังที่ไม่มีใครอยากคบหาและท่าทางเจ้าตัวก็ไม่ชอบยุ่งกับใครเหมือนกันกลับกลายเป็นเป้าหมายของอินทัช เพื่อนของเขาตื้ออีกฝ่ายทั้งเช้าทั้งเย็น จีบชัดเจนไม่ว่าเพื่อนคนอื่นจะห้ามยังไงก็ไม่ฟัง ถึงขนาดนั่งรอจนมืดค่ำไม่สนใจว่าคนๆนั้นจะมาหาตามนัดหรือเปล่า ทำให้คนรอบตัวแอบเสียวไส้แทนว่าสักวันจะโดนดี
ก็เคยคิดกันว่ามันคงแค่หลงชั่วครั้งชั่วคราว แต่สุดท้ายผู้ชายคนนั้นก็ตกลงคบด้วยกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่คนซุบซิบกันไปทั่ว หลายคนตีห่างจากอินด้วยกลัวจะโดนหางเลขแต่เจ้าเพื่อนบ้าก็ไม่เคยสนใจใคร เพราะความสนใจของอินทัชพุ่งตรงไปที่ “พี่กรณ์” คนเดียวเท่านั้น จนเขาเองอดคิดไม่ได้ว่า พี่กรณ์ คงแค่เล่นสนุกและเป็นแค่รักข้างเดียวของอินมัน
เอาเถอะถ้ามันเจ็บกลับมา เพื่อนอย่างเขาก็มีหน้าที่ปลอบมันตามระเบียบ
ชายหนุ่มเดินมาจนถึงหลังตึกที่มีโต๊ะไม้วางเอาไว้ให้นักศึกษานั่งพักผ่อน ต้นไม้สีเขียวให้ร่มเงาชวนโดดงานมานอนเล่น เขาเห็นไอ้เพื่อนตัวดีฟุบหน้าหลับอยู่ไม่ไกล
ไหวไหมวะนั่น
“อิ..น” เขาเตรียมจะตะโกนแต่เสียงเรียกต้องหยุดชะงักรวมถึงขาที่กำลังก้าวเดิน
ข้างเพื่อนของเขามีผู้ชายอีกคนนั่งอยู่ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกเจ้าพ่อเงินกู้ไร้หัวใจกำลังลูบหัวคนที่กำลังฟุบหลับ ดวงตาที่ทอดมองอ่อนโยนดูเป็นห่วงจนคนเห็นต้องขยี้ตาว่าไม่ได้ตาฝาดไป
พี่กรณ์ปลุกอินทัชให้ตื่นพร้อมบังคับให้กินยาและน้ำ อินกำลังส่งยิ้มและพยายามคุยด้วยส่วนคนรักหน้าตายก็เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้ด้วยท่าทางเต็มใจ
ต่างส่งยิ้มให้กัน มองด้วยดวงตาอบอุ่นที่ไม่ละจากไปไหน
แล้วพี่กรณ์ก็แนบหน้าผากแทนการวัดไข้แถมด้วยจูบเบาๆที่ปลายจมูก อินหัวเราะพร้อมแก้มสีเรื่อ สองมือของทั้งคู่กอบกุมกันไว้แน่น
คือความรักละมุนละไมคือความรักที่ส่งให้กันโดยไม่ต้องพูดอะไรมากมายคือความรักของคนสองคนที่มีให้กันคนที่ยืนดูหมุนตัวกลับเปิดฝาขวดน้ำกระดกขึ้นกินเอง เขาขยับรอยยิ้มรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ
ไม่ใช่รักข้างเดียว..และคนคนนั้นก็ยกหัวใจให้เพื่อนเขาไปแล้วทั้งดวง
ชายหนุ่มเงยหน้ามองฟ้าสดใสก่อนจะชูแขนขึ้นพร้อมยิ้มกว้าง
“มีความสุขมากๆนะมึง..”
เขาส่งคำอวยพรผ่านท้องฟ้าอันกว้างไกล
……
อู่รถสมกิตตอนนี้วุ่นวายเพราะลูกค้าเอารถมาซ่อมเยอะจนทำแทบไม่ทัน เสี่ยตัวโตผิวคล้ำยืนสั่งงานปาวๆ ด้วยเสียงห้วนตามนิสัย
“อ้าว แล้ววีออสคันขาวเสร็จแล้วเรอะ” เขาหยิบรายการซ่อมมาเปิดดู จำได้ว่าเจ้าวีออสนี่เข้าอู่เพราะเบรกมีเสียง
“เสร็จแล้วป๊า เจ้าของมารับพอดี นั่นไง” ลูกชายเจ้าของอู่ตัวมอมแมมพยักหน้าไปที่หน้าร้านทำให้เขาหันไปมอง
เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษากำลังยืนยิ้มให้เด็กส่งรถพร้อมจ่ายเงินค่าซ่อม ดวงตาสดใสเป็นประกายทำให้มองเพลินตา คงเป็นเพราะเขามองนานเกินไปเจ้าเด็กน้อยรุ่นลูกนั่นถึงได้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขาพอดีแทนที่จะตกใจเหมือนคนอื่นๆ ที่เห็นเจ้าของอู่หน้าดุจ้องอยู่ แต่เด็กคนนั้นกลับส่งยิ้มให้พร้อมผงกหัวจนเขาต้องผงกตอบ
แววตาและรอยยิ้มคุ้นเคยเหมือนใครสักคนในความทรงจำอันยาวนาน
เจ้าของอู่ตั้งใจจะเข้าไปคุยด้วยสักหน่อยแต่เสียงลูกน้องเรียกทำให้ต้องกลับไปให้ความสนใจกับงาน และเมื่อหันมาอีกทีเจ้าของวีออสสีขาวก็ขับออกไปเสียแล้ว
“เหมือนใครวะ” มือใหญ่หยิบเอกสารมาพลิกดูอีกครั้ง เขามองชื่อเจ้าของรถแต่ก็ไม่คุ้นเอาเสียเลย
“ภาม ไตรวินิจ...”
เขาครุ่นคิดจนคิ้วขมวดหน้าดุเดือดร้อนลูกน้องไล่เจ้านายไปยืนตรงอื่นจะได้ไม่ทำให้พนักงานเสียสมาธิ เสี่ยอู่รถที่โดนไล่ออกจากร้านบ่นอุบ แต่ไหนๆแล้วเลยออกมาเดินเล่นเรื่อยเปื่อยริมคลองหลังร้าน ถึงอากาศจะไม่โสภานักแต่ลมเย็นๆก็ผ่อนคลายคิ้วที่มุ่นเข้าหากัน ดวงตาดุคลายความโหดปรับเปลี่ยนเป็นละมุนยามนึกถึงเพื่อนที่จากกันไกล
“ไอ้อิน...”
ชื่อของเพื่อนเก่าแก่ที่เกือบลืมไปแล้วผุดขึ้นมาในความทรงจำ เขาจำได้ว่าอยู่ๆ ผู้ปกครองของมันมาแจ้งทางมหาวิทยาลัยว่าไอ้อินเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตส่วนแฟนของมันก็ลาออกไปเรียนต่อเมืองนอก กลายเป็นเรื่องช็อคร้องไห้กันระงมทั้งคณะที่เสียเพื่อนดีๆไปแถมงานศพจัดกันเร็วมากจนไม่มีใครได้ไปรวมงานสักคน
เขาแค่นยิ้มกับตัวเอง วันนั้นร้องไห้จนไม่เหลือมาดแล้วทุกคนก็รวมเงินไปทำบุญให้มัน
“ห่าแม่ง” เขาเช็ดน้ำตาที่เอ่อออกมาเล็กน้อยให้ขายหน้า แล้วยกสองแขนชูขึ้นฟ้าเอ่ยถามผ่านท้องนภาอีกครั้ง
“มึงมีความสุขแล้วใช่ไหมวะอิน”
ผ่านฟากฟ้า เหนือท้องนภา ฝากคำร่ำลาขอให้มึงมีความสุขไอ้เพื่อนเกลอ