วันนี้คนโพส+คนแต่งไม่อู้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 10
วันนี้ที่ร้านคนไม่เยอะครับ พอร้านปิดพวกเราก็นั่งกินข้าวกัน หมายถึงผมกับจิ๋วนะที่กินข้าว นอกนั้นก็ตั้งวงกินเหล้าเหมือนเดิม หลังจากที่ผมได้รู้ว่าโบ้กับต่อมันเป็นไบฯ ผมก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรืออะไร คงเพราะเป็นเพื่อนนั่นแหล่ะ แล้วหลังๆ มันก็ไม่ค่อยแตะต้องตัวผมเท่าไหร่ด้วย
“วันนี้ไม่ดื่มหน่อยเหรอวะทิว”ศักดิ์เห็นทิวไม่ดื่มเลยสักแก้วก็เลยถาม ผมก็ว่าจะถามเหมือนกัน
“ไม่ว่ะ คืนนี้ต้องติวหนังสือกับพายด้วย”ทิวพูดจบทุกคนก็เงียบแล้วหันมามองหน้าผมหมดเลย
“......อะไร”เล่นจ้องกันซะทำตัวไม่ถูกเลย
“เปล๊า”ทุกคนตอบเหมือนกันหมด แล้วยกแก้วขึ้นดื่มพร้อมกันด้วย ผมหันไปมองจิ๋ว มันก็ส่ายหน้ายิ้มๆ แถมยังเอามือมาลูบหัวผมอีก
“พรุ่งนี้ถ้ามาไม่ไหวก็ไม่ต้องมานะ”ต่อพูดยิ้มๆ แถมยังโดนทิวต่อยเบาๆ ที่ไหล่ด้วย
“มีอะไรถามจิ๋วมันก็ได้ มันผ่านมาแล้ว”โบ้เองก็พูดอะไรแปลกๆ เหมือนกัน ผมหันไปมองหน้าจิ๋ว แต่จิ๋วหน้าแดงแจ๋เลยครับ
“......เบาๆ หน่อยแล้วกันนะทิว”จิ๋วเองก็เป็นไปด้วย ผมเห็นแต่ศักดิ์นั่งหัวเราะใหญ่เลย ทิวเองก็ยิ้มๆ กินข้าวไป ไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ปล่อยให้ผมนั่งงงอยู่คนเดียว
ปกติผมก็มาห้องทิวบ่อยนะครับ แต่ไม่เคยค้างเลยสักที เป็นครั้งแรกเลยที่จะได้ค้างที่นี่
“เดี๋ยวพายนอนโซฟานะ”ผมวางกระเป๋าเป้ไว้ข้างโซฟาแล้วบอกทิวก่อนที่ทิวจะเดินเข้าห้อง
“ทำไมล่ะ มานอนด้วยกันในห้องดิ”ทิวเปิดประตูค้างไว้ พอผมส่ายหน้ามันก็เดินมาหยิบกระเป๋าผมเดินเข้าห้องไปเลย
“เกรงใจว่ะ พายนอนข้างนอกได้ คราวก่อนยังนอนข้างนอกเลย”ผมเดินตามเข้ามาเอากระเป๋า มันก็จัดแจงเอาเสื้อผ้าผมแขวนใส่ตู้ซะงั้น
“ตอนนั้นทิวไม่สบาย กลัวพายติดหวัดเลยไม่ให้นอนข้างใน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันนี่ เตียงออกจะกว้าง นอนด้วยกันนะ”ทิวพูดไปก็รื้อของผมออกมาจัดไปด้วย สุดท้ายเถียงยังไงก็ไม่ชนะ ผมก็เลยช่วยมันแขวนเสื้อผ้าตัวเองดีกว่า
พรุ่งนี้เรามีเรียนตอนบ่าย ผมกับทิวเลยตกลงกันว่าจะตื่นมาติวตอนเช้า การนอนรวมกับคนอื่นทำให้รู้สึกแปลกๆ จะเรียกว่าตื่นเต้นก็คงได้ เพราะผมไม่ใช่คนมีเพื่อนเยอะ หรือชอบเข้าสังคมเท่าไหร่ มีทิวนี่แหล่ะลากไปรู้จักเพื่อนกลุ่นโน้นกลุ่มนี้ ไม่งั้นผมก็คงรู้จักแต่มันที่เป็นบัดดี้ผมตอนรับน้องแค่คนเดียว ทิวเป็นคนใจดีครับ คอยช่วยเหลือผมเสมอ ตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสี่ แรกๆ กลุ่มเราก็มีหลายคน แต่ยิ่งนานวันยิ่งจับกันเป็นคู่ๆ สุดท้ายก็ห่างๆ กัน มีเพียงเวลาเรียนเท่านั้นที่จะรวมกลุ่มกัน ผมก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไร เพราะผมมักจะเอาเวลาว่างไปทำงานเสมอ ไม่ค่อยได้นัดสังสรรค์กับใครอยู่แล้ว ผมเคยนึกอิจฉาทิว อยากดูดีแบบทิว อยากคุยเก่ง มีเพื่อนฝูงรายล้อมแบบมันบ้าง แต่ก็รู้ตัวดีว่าเป็นไปไม่ได้ สุดท้าย....เลยได้แต่นึกอิจฉาอยู่ลึกๆ แค่นั้นเอง
ผมตื่นมาตอนเช้าก็สะดุ้งเหมือนกันครับ เห็นหน้าทิวอยู่ใกล้ๆ มันเลยเกิดกลัวขึ้นมา แต่ก็นึกได้ว่ามาค้างกับมันเลยโล่งอก ตื่นมาก็อาบน้ำก่อนเลย ห้องทิวมีครัวเล็กๆ ด้วย ปกติผมชอบทำอาหาร แต่ที่หอผมเขาไม่อนุญาติ ผมเลยไม่ได้ทำสักที เปิดตู้เย็น เห็นมีไข่ไก่ เบคอน ไส้กรอก นอกนั้นก็....เบียร์เต็มตู้เลย ปกติทิวมันคงกินขนมปังแน่ๆ เห็นมีแยมหลายอย่างกับขนมปังวางบนตู้เย็น แต่ผมไม่ชอบกิน มีครัวให้ทำทั้งทีก็ขอทำอะไรกินเองดีกว่า
หลังจากรื้อของในตู้เย็นจนทั่ว ผมก็ลงมาซื้อของที่มินิมาร์ทใต้คอนโด ที่นี่มีทั้งของสดของแห้ง ผมซื้อไปไม่กี่อย่าง ตั้งใจจะทำข้าวผัด กับแจงจืดสาหร่ายกิน ซดอะไรร้อนๆ โล่งคอดีนะครับ
“ไปไหนมาพาย”ทิวรีบเดินมาหาผมทันทีที่เปิดประตูเข้ามา หน้าตามันดูตกใจมากๆ เลย
“ไปซื้อของมาทำกับข้าวไง เป็นไร หน้าตื่นเชียว”ผมชูถุงในมือให้มันดู ทิวผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วยกมือลูบคอตัวเองแบบเขินๆ ผมก็งงเลย เป็นอะไรของมัน
“งั้น...ทิวไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมาช่วย”ทิวพูดจบก็เดินเข้าห้องนอนไป งงครับ เป็นไรผีเข้าผีออก หรือว่าฝันร้าย ผมส่ายหัวเบาๆ แล้วเดินไปเตรียมทำกับข้าวที่ครัวเล็กๆ มุมห้อง จัดการล้างผักเสร็จก็เตรียมต้มน้ำทำแกงจืด สาหร่ายไม่มีเลยเปลี่ยนเป็นแกงจืดเต้าหู้ไข่ใส่วุ้นเส้นแทน ระหว่างรอน้ำเดือดผมก็ทำข้าวผัดเบคอนไส้กรอก เรียกได้ว่ามีอะไรเหลือในตู้เย็นผมเอามาจับใส่ผมเลยครับ เพราะท่าทางมันจะซื้อมานาน ใกล้หมดอายุแล้วด้วย
“ทำอะไรหอมจัง”ทิวเดินมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ ก็ก้มหน้าลงมาจนจมูกเฉียดแก้มผมไปนิดเดียว
“...มาเงียบๆ ตกใจหมด”ผมบ่ายหน้าหนีแล้วตักข้าวผัดขึ้นมาชิม ไม่ได้ทำนานแต่ฝีมือยังใช้ได้อยู่นะครับเนี่ย
“กินมั่ง”ทิวไม่พูดเปล่า จับมือผมแล้วยื่นหน้ามาชิมข้าวจะทัพพีเดียวกัน จนปากเกือบจะโดนปากผมอยู่แล้ว
“....อร่อยนี่ แล้วในหม้อทำอะไรอ่ะ”ทิวพูดถึง....หม้อ...ใช่ ผมต้มน้ำไว้นี่นา เกือบลืมเลย หันไปมองน้ำเดือดจนเกือบล้นแล้ว
“ตักข้าวใส่จานเลย เดี๋ยวทำแกงจืดแป๊ปเดียวก็เสร็จ”ผมรีบทิ้งทัพพีแล้วหันไปปรุงแกงจืดแทน รู้สึกหน้าตัวเองมันร้อนผ่าวเพราะการกระทำของทิวเมื่อครู่ ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าปากเราโดนกันหรือเปล่า เหมือนจะโดนแบบเฉียดๆ แต่ทิวไม่เห็นพูดอะไรนี่นา
“อร่อยจัง พายมาอยู่กับทิวตลอดเลยก็ดีสิ ทิวจะได้ไม่อดตาย กินขนมปังทุกวันเบื่อจะแย่แล้ว”ทิวกินข้าวผัดจนหมดไปหนึ่งจาน แล้วก็วิ่งไปตักมาใหม่ ในขณะที่ผมยังกินแค่ครึ่งจานอยู่เลย
“ก็หัดทำสิ ครัวก็มี ตู้เย็นก็มี ถ้าห้องพายมีแบบนี้นะ จะทำกับข้าวกินเองทุกวันเลย ไม่ไปซื้อให้เปลืองเงินหรอก”เครื่องครัวห้องมันใหม่เอี่ยมมากๆ เลยครับ เหมือนเพิ่งซื้อมา ทั้งที่อยู่มาตั้งหลายปีแล้ว
“ทำไมเป็น แล้วก็คงทำไม่อร่อยด้วย พายน่ะแหล่ะ มาอยู่กับทิวเถอะ นะ”ทิวกินข้าวไปก็อ้อนผมไป ด้วยความหมั่นไส้เลยเอาช้อนเคาะหัวมันไปที แล้วก็เดินหัวเราะเอาจานไปล้าง ได้ยินเสียงมันตะโกนโวยวายอะไรไม่รู้ อยู่กับทิวก็สนุกดีครับ แต่...ถึงผมจะจน ก็ยังรักศักดิ์ศรีตัวเอง ถ้ามาอยู่กับทิว มันคงไม่ยอมให้จ่ายค่าเช่าแน่ๆ ผมไม่อยากรู้สึกว่าเอาเปรียบใคร เราเป็นเพื่อนกัน ควรจะเสมอภาคกันสิ
หลังจากกินข้าวเสร็จ ทิวกับผมก็หยิบหนังสือมานั่งอ่าน พอผมไม่เข้าใจตรงไหนก็จะถามทิว ส่วนใหญ่มันจะตอบได้หมด ถ้าข้อไหนไม่เข้าใจมันก็จะขอไปนั่งทำความเข้าใจคนเดียวหรือไม่ก็โทรไปถามเพื่อนคนอื่น แล้วมาอธิบายผมอีกที
เรานั่งติวกันจนเกือบถึงเวลาเรียน ทิวกับผมก็รีบผลัดกันไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ข้าวเที่ยงไม่หิวเลยครับ เมื่อเช้ากินข้าวไปซะจุกเลย
อาทิตย์หน้าก็จะสอบแล้ว อาจารย์เลยไม่ค่อยสอน ส่วนมากจะบอกแนวข้อสอบแล้วก็ปล่อยให้เราอ่านตามยฐากรรม พออาจารย์ปล่อย ทิวก็พากลับมาเปลี่ยนชุดที่ห้อง แล้วก็ออกไปที่ร้านกัน วันนี้ไม่ใช่วันทำงานของทิว แต่มันจะไปส่ง ผมขี้เกียจเถียงก็เลยตามใจมัน แต่...ที่ไหนได้ มาถึงร้านแทนที่จะให้แม่ครัวทำให้กิน ดันใช้ให้ผมทำให้ เลือกเมนูเองเสร็จสรรพด้วย
“ได้แล้วคุณชาย ต้มยำรวมมิตร ไข่เจียวกุ้งสับ ผัดมะระหวานใส่เห็ดหอม จะรับอะไรเพิ่มมั้ยครับ”ผมเดินมาเสิร์ฟมันถึงในห้องเลย คุณชายกำลังนั่งสูบบุหรี่ปล่อยควันคลุ้งไปทั่วห้องเชียว เปิดเข้ามาตอนแรกนึกว่าไฟไหม้
“ร้านยังไม่เปิดเลย ไปนั่งกินข้างนอกก็ได้”ทิวเดินมาแย่งถาดอาหารไปถือเอง
“เขาจัดโต๊ะกันอยู่ กินในนี้แหล่ะ แต่ขอเปิดประตูนะ”ผมเปิดไปเปิดประตูให้กว้างๆ เอาเก้าอี้มาดันไว้ด้วย ไม่ไหวครับ กลัวขาดใจตาย
“แหะๆ โทษที”ทิวทำหน้าสำนึกผิด ผมก็พยักหน้ารับ รู้ครับว่ามันสูบจัด แต่ก็ตัวมัน จะห้ามจะเตือนก็ยังไงอยู่ อายุเท่ากัน อะไรดีไม่ดีคงคิดได้เอง
“เพลาๆ บ้างก็ดีนะ”ผมก็อดเตือนมันไม่ได้หรอก หลังๆ มันสูบบ่อยกว่าแต่ก่อน หรือผมเห็นบ่อยขึ้นก็ไม่แน่ใจ
“ครับ”ทิวก้มหน้ารับคำเหมือนเด็ก ยิ่งอยู่กับมันมากๆ ผมยิ่งรู้สึกเหมือนมีน้องชายเพิ่มยังไงไม่รู้
“แล้วข้าวล่ะ”นั่นไง นึกแล้วว่ามันต้องถาม
“อยู่ในครัว ไปยกมาสิ”ผมพูดนิ่งๆ ทิวก็บ่นอะไรเบาๆ ไม่รู้ แต่ก็เดินออกไปโดยดี สักพักก็เดินเข้ามาพร้อมข้าวโถเล็กแล้วก็จานสองชุด ระหว่างที่กินกันไปคุยกันไป ดูทิวมันอารมณ์ดีมากๆ เลยครับ ผมถามว่าดีใจอะไร มันก็บอกว่าเปล่า ซึ่งเป็นคำตอบที่ผมเกลียดที่สุด
“เออว่าไง”ทิวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็ทำหน้าเบื่อๆ ก่อนจะกดรับ
“......อยู่กับพาย.......เรื่องของกู..............อย่าล้ำเส้นให้มากนักไอ้ต่อ กูยิ่งกำลังอารมณ์ดีอยู่ มีอะไรก็รีบๆ พูดมา.........ไม่แน่ว่ะ กี่โมงล่ะ.......เออๆ ได้ แล้วเจอกัน”เวลาทิวคุยกับคนอื่น คำพูดและน้ำเสียงที่มันใช้ค่อนข้างแตกต่างกับเวลาพูดกับผม ผมก็ไม่ได้ถือนะถ้าใครจะมึงมาพาโวยใส่ เพียงแต่ผมไม่พูดแค่นั้นเอง
“เดี๋ยวเลิกงานแล้วทิวมารับนะ ไปกินเหล้ากับพวกไอ้ต่อแป๊ปนึง”
“ไม่ต้องมารับก็ได้ กลับเองได้ เดี๋ยวคืนนี้พายกลับไปนอนห้องพายแล้วกัน”
“เฮ้ย ไม่เอาดิ ทิวไปกินเหล้ารอพายนั่นแหล่ะ พอเลิกก็โทรมา ห้องไอ้ศักดิ์อยู่ในซอยหลังร้านนี่เอง”
“อืมก็ได้ อย่าเมามากแล้วกัน”
“...ทำไม เป็นห่วงทิวเหรอ”
“ถ้าเมาแล้วใครจะขับล่ะ พายขับเป็นที่ไหน”
“ครับผม รับรองไม่เมาเด็ดขาด”ทิวยิ้มรับ แถมยังยกนิ้วปฏิญาณแบบลูกเสืออีก
ทิวขับรถออกไปหาพวกต่อ ผมก็ทำงาน วันนี้พี่ธารไม่ค่อยสบายครับ อยู่แต่ในห้องทำงาน ไม่ออกมาต้อนรับลูกค้าเอง ผมก็เลยทำหน้าที่แทน ลูกค้าขาประจำก็เริ่มคุ้นหน้ากันแล้ว พี่ธารไม่สบาย ทิวหยุด คนที่ต้องคอยเปิดเพลงในร้านก็กลายเป็นผม ไม่ได้ยุ่งยากอะไรหรอกครับ เพราะทิวมันจัดไว้แล้ว สนุกดีครับ เหมือนเป็นดีเจเลย
กว่าจะปิดร้านก็เกือบตีหนึ่ง วันนี้ปิดเร็วครับ ลูกค้าน้อย ผมเก็บของเสร็จก็โทรไปหาทิว รอตั้งนานกว่าจะรับสาย
“พายเลิกงานแล้วนะ รออยู่หน้าร้าน”พอมีคนรับสายผมก็พูดใส่ทันที แต่คนที่พูดตอบกลับมาดันไม่ใช่ทิวซะนี่
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ป.ล. ถ้าคืนนี้ใจดี
อาจ มีให้อีกตอน
