
มาแบบสั้นๆ
----------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 14(2)
เมื่อคืนเรียกได้ว่านอนผวาทั้งคืน เผลอหลับไปตอนเกือบเช้า ตื่นมาอีกทีมันก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว ไม่สนหรอกครับว่ามันจะไปไหน ผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้ววิ่งลงจากหอทันที ความจริงวันนี้มีเรียนตอนบ่าย แต่ทำไงได้ ไม่กล้าอยู่ห้องตัวเองครับ หนีมานั่งที่ห้องสมุดปลอดภัยกว่า
ความทรงจำครั้งนั้นจะตามมาหลอกหลอนผมอีกครั้งเหรอ แค่นี้ผมยังซวยไม่พอหรือไง มันต้องการอะไรกันแน่ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดและปวดหัว นึกถึงสิ่งที่มันทำกับผม ยิ่งทำให้อยากอาเจียน ผมกลัวตัวเองจะฟุ้งซ่านหนักกว่าเดิมเลยโทรไปหาพี่หน่อย อย่างน้อยได้ระบายกับพี่เขาผมคงดีขึ้น พี่หน่อยอาจหาทางออกให้ผมได้
“พี่หน่อยครับ ว่างอยู่หรือเปล่า”
“น้องพายเหรอ พี่กำลังจะไปต่างจังหวัดน่ะ มีอะไรด่วนหรือเปล่า เสียงแปลกๆ นะ”
“คือพายมีเรื่องอยากกเล่าให้พี่ฟังน่ะ ตอนนี้พายสับสนและก็กลัวด้วย”
“ใจเย็นๆ นะพาย เดี๋ยวพี่ขอจอดรถก่อน.......พายมีอะไรจ๊ะ เล่ามาได้เลย”พี่หน่อยคงเลี้ยวรถหลบข้างทางถึงได้เร็วแบบนี้ ผมก็เกรงใจพี่เขานะ แต่ทำไงได้ ผมไม่รู้จะพึ่งใครนี่นา
“คือ...ไอ้พวกนั้นน่ะครับ...คนที่มันข่มขืนผมน่ะ มันตามมา เมื่อคืนมันมาที่ห้องด้วย ทำไงดีพี่”
“พายใจเย็นๆ นะ เขาต้องการอะไร ข่มขู่พายหรือเปล่า ทำร้ายอะไรเราบ้างมั้ย”น้ำเสียงห่วงใยจากปลายสายทำให้รู้สึกอุ่นใจ
“เปล่าครับ....ตอนแรกมันก็ขอโทษที่จับไปคราวนั้น มันบอกว่าพวกมันเข้าใจผิด แต่หลังจากพูดจบมันกลับไม่ยอมออกจากห้อง พายกลัวนะพี่ ทำไงดี มันจะเอาวีดีโอที่ถ่ายมาข่มขู่หรือเปล่า”ผมไม่ได้บอกว่าถูกมันต่อย เพราะตอนนั้นผมเริ่มก่อน มันก็แค่...สวนมา
“พายใจเย็นๆ ก่อนนะ ที่นั่นมีเพื่อนของพายตั้งเยอะ มีอะไรก็ให้เพื่อนช่วยสิ ถ้ากลัวก็อย่าอยู่คนเดียว ไปค้างกับเพื่อนสักระยะก็ได้ เข้มแข็งนะพาย หาอาวุธพวกมีดพกไว้ป้องกันตัวด้วย เผื่อมันทำอะไรพายขึ้นมาจะได้ป้องกันตัว หรือไม่ถ้าเขามาคุกคาม พายก็แจ้งความเลย”ผมไม่อยากบอกพี่หน่อยว่ามีดที่คิดจะนำมาป้องกันตัวเกือบจะกลายเป็นอาวุธทำร้ายตัวผมเอง บางทีมีดพกอาจจะสะดวกกว่า อย่างน้อยก็ติดตัวไปไหนมาไหนได้
“ครับพี่หน่อย ขอบคุณนะครับ”ผมรีบวางสายเพราะกลัวพี่หน่อยจะเดินทางล่าช้า ยิ่งจอดรถข้างทางยิ่งอันตราย
ยังเหลือเวลาอีกมากกว่าจะถึงเวลาเรียน ผมเดินไปหาซื้อมีดพกที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ แล้วก็กลับมาเรียน ก่อนเข้าเรียนทิวก็ส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้มันจะโดด ให้เช็คชื่อให้ด้วย แล้วตอนเย็นจะไปรับที่หอ แต่...ผมไม่กล้ากลับห้องตัวเอง เมื่อเช้าก็รีบจนลืมเสื้อยืดของร้านที่ใส่เวลาทำงาน....ไม่กลับไม่ได้สินะ
ผมเดินเข้ามาในซอย คอยมองหน้าเหลียวหลังตลอดเลย ระแวงครับ กลัวจะเหมือนวันนั้นอีก พอเดินมาถึงหน้าหอตัวเองก็แอบๆ มองไปที่ลานจอดรถ......ไม่มี.....ไม่มีรถของมันจอดเลยครับ ไม่ใช่ว่าผมสนใจมันเลยจำรถได้หรอกนะ แต่รถมันเด่นเลยจำได้ต่างหาก
ผมรีบวิ่งขึ้นห้องตัวเอง ปิดประตูลงกลอนเรียบร้อยแล้วไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด เสร็จแล้วก็วิ่งลงมาข้างล่าง บอกทิวว่าเดี๋ยวจะแวะไปหาที่ห้อง แต่มันกำลังจะถึงหอผมพอดี
“ทำไมมาเร็วล่ะ”ผมเข้าไปนั่งในรถแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ก็เด็กที่ร้านบอกว่าคนใหม่ที่นัดไว้มาแล้ว สงสัยพี่ธารบอกเวลาผิด แล้วเป็นไรเนี่ย วิ่งมาเหรอ”ทิวเช็ดเหงื่อที่หน้าผากผมเบาๆ ผมเอื้อมมือไปที่เบาะหลังแล้วหยิบทิชชู่มาซับเหงื่อออกจากหน้าและลำคอ ที่อาบน้ำมาไม่มีประโยชน์เลยครับ
“อืม.....กลัวทิวรอ”
“น่ารักจัง”ทิวพูดพร้อมยื่นมือมาดึงแก้มผมเบาๆ แต่ทำเอาผมเขินเลย มันทำเหมือนผมเป็นเด็กไปได้
“….ไอ้บ้า”ผมบ่นเบาๆ ทิวปรับแอร์ให้แรงขึ้นแล้วก็หันมาทางผมด้วย อย่างนี้ค่อยเย็นขึ้นหน่อย
พอขับรถมาถึงร้าน เห็นหน้าพี่ธารเลยนึกออกว่ายังไม่ได้คุยกับนุเรื่องไวน์เลย ผมเดินเข้าไปนั่งในห้องเล็ก ส่วนทิวก็ยืนคุยกับพี่ธารครับ
“อ๊ะ! ขอโทษครับ นึกว่าไม่มีคนอยู่”เปิดประตูเข้ามามีผู้ชายนั่งอยู่ด้านใน ตกใจหมดเลย
“ไม่เป็นไรครับ ผมมาสมัครงานน่ะครับ ทำงานที่นี่เหรอ”ตอนแรกผมจะออกไปนั่งข้างนอก แต่เขาชวนคุยผมก็เลยเดินเข้ามานั่งข้างในด้วย
“ครับ เป็นแคชเชียร์น่ะ มาเป็นดีเจใช่มั้ย....เอ่อ...ขอโทษนะ อายุเท่าไหร่ครับ”ท่าทางการแต่งตัวเขาดูเหมือนเด็กๆ น่ะครับ กางเกงยีนส์ขาเดฟรัดข้อเท้า เสื้อก็ตัวเล็ก แถม...ที่หูเจาะไม่รู้กี่รู
“20 ย่าง 21 ครับ ชื่อแซน”
“พี่ชื่อพายนะ”พอรู้อายุผมก็เลือกใช้คำนำหน้าที่ถูกทันที
“อายุมากกว่าผมเหรอ”แซนทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ แถมยังมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย
“ใช่ ปีนี้ 22 แล้ว”ผมบอกแบบอวดๆ
“ฮ่าๆๆๆ โทษครับพี่ เห็นหน้าเด็กๆ นึกว่ารุ่นเดียวกันหรือรุ่นน้องซะอีก”แซนท่าทางจะเป็นเด็กร่าเริงนะครับ ผมค่อนข้างจะไม่ชินกันการแต่งตัวของมัน แต่การพูดจายังนับว่ารู้เรื่อง ไม่มีภาษาวัยรุ่นเพี้ยนๆ มาให้ผมงง
ผมนั่งคุยกับแซนได้ครู่เดียว ประตูก็ถูกเปิดออกเสียแรงเลยครับ ตกใจหมด ยิ่งกำลังหวาดระแวงอยู่ ดีนะว่าคนที่เปิดเข้ามาไม่ใช่คนอื่น
“คุยอะไรกัน เสียงดังไปถึงข้างนอก”ทิวหน้าดุมากเลยครับ ใจคอนี่จะให้ผมเจอแต่คนดุๆ หรือไงช่วงนี้
“คุยเล่นกันเฉยๆ”รู้สึกกลัวๆ ยังไม่รู้ ส่วนแซนหน้าจ๋อยลงไปเลย
“มาสมัครงานไม่ใช่เหรอวะ เดินออกมานี่สิ”ทิวพูดแล้วก็เดินออกไปเลย ผมพยักหน้าส่งกำลังใจให้แซน แถมด้วยการตบบ่ามันเบาๆ เพื่อให้ฮึดสู้ แต่มันเดินหลังงอห่อไหล่แบบนั้น....ไม่รู้จะไหวหรือเปล่า
พอได้เวลางานผมก็ออกมาประจำที่ ทิวไม่อยู่แล้ว แต่คงไม่ต้องถามว่าแซนได้งานหรือเปล่า เพราะมันยืนเปิดแผ่นอยู่ เพลงใช้ได้ครับ ทำนองเบาๆ ฟังสบาย ตอนนี้ยังไม่ดึก ไม่จำเป็นต้องเร่งจังหวะ เพลงก็หลากหลายวัย
“พี่พายครับ โต๊ะด้านนอกเขาเรียกพี่ให้ไปหาน่ะ เห็นบอกว่าเป็นเพื่อนข้างห้องพี่”เด็กเสิร์ฟในร้านเดินมาบอกผม....เพื่อนข้างห้องงั้นเหรอ ต้องเป็นนุแน่ๆ สงสัยมาเลี้ยงวันเกิดกับเพื่อน ผมรีบเดินออกไปหาตามเลขโต๊ะที่เด็กบอก พอเดินไปถึงก็รีบหันหลังกลับ แต่ไม่ทันแล้วครับ
“อ้าวน้องพาย มาแล้วเหรอครับ”รู้สึกเกลียดเสียงมันจริงๆ เลย จะตามหลอกหลอนผมไปถึงไหน
-------------------------------------------------------------------------------------------
ป.ล. มาน้อยยังดีกว่าไม่มาเนอะ

คนแต่งมัวแต่ดู เอี้ยก้วย(มังกรหยก) ไม่ยอมแต่งต่อ ถึงลงได้แค่นี้
