
อ่านเข้าไปๆๆๆ
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 15“พายทำงานร้านนี้จริงๆ ด้วย”เสียงนุที่ดังต่อจากมันทำให้ผมต้องหันกลับไปใหม่ นุนั่งคู่กับมันที่มุมโต๊ะฝั่งตรงข้ามที่ผมยืนอยู่
“ใช่ ทำไมเหรอ”ผมตอบพร้อมจ้องที่หน้านุคนเดียว รอบๆ โต๊ะมีผู้ชาย 4-5 คน ดูจากหน้าตาแล้วคงอายุมากกว่า และนั่นล่ะ.....พวกของมันแน่ๆ
“ก็พี่ตั้มเขาบอกว่าเคยเห็นพายที่นี่ แต่นุจำชื่อร้านที่พายทำงานไม่ได้ เลยไม่แน่ใจน่ะ”มันเคยมาที่ร้านนี้ด้วยเหรอ....บังเอิญ...หรือว่าตั้งใจ
“เหรอ....แล้วมาเลี้ยงวันเกิดเหรอนุ”
“ใช่ ก็พี่ตั้มน่ะสิ ตอนแรกบอกว่าวันนี้ไม่ว่าง เลยพาไปเลี้ยงเมื่อวาน วันนี้เลยกลายเป็นเลี้ยงรอบสองเลย”
“ครับ ก็ตอนแรกไม่ว่าง....แต่เผอิญตอนนี้.....ว่างซะงั้น”น้ำเสียงกวนโทสะยังดังอยู่เรื่อยๆ ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ จากคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ผม
“สั่งอาหารหรือยังนุ”ผมทำเป็นหูทวนลม ไม่คุย ไม่มองหน้า ให้มันรู้ไปว่าต่อหน้าแฟนตัวเอง มันจะกล้าทำอะไรผม
“สั่งแล้ว พายมานั่งด้วยกันนะ”
“ไม่ได้หรอก ต้องทำงาน”
“นุครับ พี่ลืมมือถือไว้ในรถน่ะ นุไปดูให้พี่หน่อย เผื่อมีลูกค้าโทรมา”มันพูดแล้วก็หยิบกุญแจรถยัดใส่มือนุเป็นเชิงบังคับ
“เดี๋ยวนุมาคุยด้วย พายคุยกับพี่ตั้มไปก่อนนะ ลูกค้ายังไม่เยอะ อย่าเพิ่งหนีไปทำงานล่ะ”นุพูดแล้วก็รีบเดินไปเลย ผมเองก็รีบหันหลังกลับเหมือนกัน
“เดี๋ยวสิครับน้องพาย อยู่คุยกับพวกพี่ก่อน”มันจะพูดอะไรผมก็ไม่สนแล้วครับ ตั้งหน้าเดินกลับเข้าด้านในทันที แต่.....
“ว่าจะอวดคลิปเด็ดให้ดูซะหน่อย”เสียงพูดที่เรียกเสียงหัวเราะจากคนในโต๊ะ แต่.....หัวใจผมเหมือนถูกกรีด...เริ่มแล้วสินะ....การข่มขู่
“.....ต้องการอะไร”
“พูดกับลูกค้าให้มันสุภาพหน่อยสิน้อง เดี๋ยวฟ้องผู้จัดการซะเลย”เสียงคนบนโต๊ะพูดขึ้น ผมเคยคิดว่าจำเสียงพวกมันได้เกือบหมด เอาเข้าจริง....ผมก็จำไม่ได้หรอกครับ
“อย่าทำหน้าบึ้งนักสิครับ ทำหน้าหวานๆ ให้พวกพี่ดูดีกว่า”
“หน้าหรืออะไรวะที่หวาน”เสียงพูดโต้ตอบกันไปมา การได้ดูถูกผมด้วยถ้อยคำต่ำๆ คงเป็นสิ่งบันเทิงใจสำหรับพวกมันล่ะมั้ง ผมนึกย้อนไปถึงคำขอโทษที่มันพูดวันนั้นแล้วอยากสำรอก...นี่หรือคำพูดของคนที่สำนึกผิด
“พอแล้วน่าพวกมึง”เสียงอีกเสียงที่พอจะคุ้น...คนที่มีความเป็นคนเหลือมากกว่าคนอื่นในตอนนั้น ผมหันหน้าไปตามเสียง ตรงข้ามกับเก้าอี้ว่างเปล่าของนุ เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวสุดท้ายของโต๊ะ ใบหน้าดูอ่อนโยนไม่ต่างจากน้ำเสียง ความใจดีหรือสมเพชที่มีให้ผมอุ่นใจเพียงชั่วครู่...แต่ถึงอย่างนั้น......ตอนนั้น....เขาก็ไม่ได้ช่วยผมนี่นา
“ปกป้องจังนะ เจอปากเจอลิ้นไปครั้งเดียวติดใจหรือไงไอ้นัท”คำพูดเลวๆ จะมาจากใครได้อีกนอกจากมัน แต่ก็ดี....เพราะทำให้ผมรู้เสียทีว่า....อีกคนที่ทำร้ายผม.....คือใคร.....ความจริงแล้ว...มันก็เลวเหมือนกันหมด
“หึหึ....เข้าใจคบหาสมาคมกันนะครับ........เลวพอกัน”คำพูดผมคงไม่เป็นที่พอใจเท่าไหร่ เสียงหัวเราะเงียบหายไป อดไม่ได้ที่อมยิ้มนิดๆ ถึงจะทำร้ายร่างกายไม่ได้ แต่การได้โต้ตอบคำพูดเลวๆ ของพวกมันบ้างก็เป็นอะไรที่....สะใจดี
“คืนนี้กูจะไปหาที่ห้อง อย่าคิดหนีนะมึง ถ้าไม่อยากให้คลิปมันหลุดไปให้คนอื่นเขาดู”แทบไม่ต้องรอให้มันพูดซ้ำ เดินหนีออกจากตรงนี้คงดีที่สุด
ผมเดินกลับมายืนหลังเคาน์เตอร์ เห็นมีรายการอาหารเสียบไว้อยู่เลยหยิบมาเตรียมป้อนข้อมูล แต่....มือผมมันสั่น.....ถึงจะทำใจดีสู้เสือยังไง....ผมก็ยังกลัวพวกมันมากอยู่ดี
“พี่พายเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าโคตรซีด”แซนเดินมายืนตรงหน้าผมเมื่อไหร่ไม่รู้ พอมันพูดทำเอาผมสะดุ้งเลย ไม่รู้ว่าเหม่อนานขนาดไหน
“เอ่อ...ไม่ค่อยสบายน่ะ แล้วทิวมันว่าไงบ้าง”
“พี่คนนั้นน่ะเหรอ ก็โอเคนะ ให้เริ่มงานพรุ่งนี้ได้เลย”
“ก็ดี แซนพักแถวไหนล่ะ”
“ผมอยู่ในซอยข้างๆ ร้านนี่เอง ขี่มอ’ไซต์มา แป๊ปเดียวถึง วันไหนไม่อยากกลับไปค้างกับผมได้นะ”
“เออก็ดี เพื่อนทิวมันก็อยู่ในซอยเหมือนกัน”ผมยืนคุยกับแซนสักพัก มันก็ต้องไปประจำหน้าที่ แซนเลือกเพลงไว้ไม่เยอะครับ มันบอกว่าจะคอยดูบรรยากาศในร้าน ถ้าเริ่มคึกคักจะได้ปรับแนวเพลงใหม่ ดูใส่ใจกับหน้าที่ดีครับ
“พี่พายคะ มีโน๊ตจากโต๊ะเพื่อนพี่มาค่ะ”พนักงานยื่นรายการอาหารพร้อมกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กๆ...ขออย่าให้เรียกผมไปหาอีกเลย....เพี้ยง.....ผมค่อยๆ กางกระดาษออก ถ้อยคำสั้นๆ ที่ทำให้ผมรู้ว่าคำขอเป็นจริง ไม่ต้องเสียเวลาอ่านให้นาน เพราะมีแค่ไม่กี่คำ....
‘อย่าร่านผู้ชายให้มากนัก ผัวมึงนั่งอยู่ทั้งคน’.....สั้นดีมั้ยล่ะ อ่านแล้วแทบอยากเอากระดาษไปให้แม่ครัวผสมใส่อาหารที่มันสั่งแล้วให้มันกินเข้าไปซะ
ผมทำงานด้วยอารมณ์ขุ่นมัวปนหวาดระแวง จนกระทั่งได้ปริ๊นท์ใบเสร็จของโต๊ะนุออกไปเก็บเงินนั่นแหล่ะถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก หากแต่แค่เพียงเสี้ยวนาทีก็ต้องกลับมาวิตกกังวลใหม่....ใกล้เวลาเลิกงานเข้าไปทุกที....ใกล้เวลาที่ต้องไปเผชิญหน้ามันด้วยเช่นกัน
“พายเป็นอะไรหรือเปล่า”
“หืม...เปล่านี่ ทำไมเหรอ”
“ก็ตั้งแต่ขึ้นรถยังไม่เห็นพูดอะไรเลย”
“อืม...เพลียๆ น่ะ แล้วนี่ไปกินเหล้ากันมาเหรอ”
“ไปนั่งกินกับพวกไอ้ศักดิ์มันเฉยๆ”
“กินบ่อยเนอะ ไม่เบื่อเหรอกินทุกวันเลย”
“แหะๆ....จะพยายามลดแล้วกันนะครับ”ทิวหัวเราะเขินๆ เวลาทิวเขินจะลูบท้ายทอยตัวเอง เห็นแล้วก็น่ารักดีครับ บางครั้งก็ชอบทำตัวเหมือนเด็ก บางครั้งก็....เดาอารมณ์ไม่ถูกเหมือนกัน
ทำไมระยะทางจากหน้าหอมาถึงหน้าห้องไม่ไกลสักหลายๆ กิโลเมตรนะ นี่เดินไม่กี่ก้าวก็ถึง ผมยืนนิ่งอยู่ที่บันได มองตรงไปห้องตัวเองและห้องข้างๆ มือหนึ่งกำกุญแจไว้ นับหนึ่งถึงสามในใจแล้วก็เริ่มวิ่งไปให้ถึงหน้าห้อง ไขกุญแจเข้าไปได้ก็รีบเปิดแล้วปิดอย่างรวดเร็ว หลังพิงประตูกึ่งดันเอาไว้เต็มตัว ถอนหายใจหอบๆ แล้วก็ต้องสะดุดลมหายใจตัวเองเมื่อเห็นแขกที่ไม่คิดจะเชิญนอนเอกเขนกบนเตียง
“เป็นไรของมึงหน้าตาตื่นมาเชียว”มันก็ช่างทำตัวเป็นแขกที่ดีเสียจริง ถามเจ้าของห้องได้สุภาพมากๆ
“......เข้ามาได้ไง”
“เรื่องของกู”ได้ยินคำตอบของมันแล้วปวดหัวเลยครับ อุตส่าห์คิดว่ารอดแล้วเพราะไม่เห็นรถมัน แต่ที่ไหนได้ อัญเชิญตัวเองเข้ามาสิงสู่ห้องผมเสียนี่
“แต่นี่มันห้องผม”
“ห้องเมียตัวเองทำไมจะเข้าไม่ได้ แล้วไปไหนมาถึงกลับช้า”คำถามเหมือนคนสนิทสนมเป็นห่วงเป็นใยทำเอาแทบหลุดขำ ไม่ทราบว่าผมไม่สนิทกับคุณตั้งแต่ตอนไหนถึงมาซักไซ้แบบนี้
“.......ตกลงต้องการอะไรอีก”ผมมันก็ดีแต่ด่าในใจเท่านั้นแหล่ะ ยังไม่พร้อมเจ็บตัว
“ทำไมกลับช้า”
“........”เมื่อมันไม่ตอบคำถามผม ผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องตอบคำถามมัน
“โอ้ย!! บ้าหรือไงวะ”ผมร้องเสียงหลงทันทีที่มันลุกเดินมาถึงตัวแล้วกระชากแขนผมเสียแรง
“พูดดีๆ ไม่ชอบ ชอบความรุนแรงหรือไง”ท่าทีเกรี้ยวกราดต่างจากหน้ากากผู้ดีที่มันสวมในเห็นตอนอยู่ที่ร้าน ท่าทางจะเก็บกดความเลวเอาไว้มากถึงได้มาระบายออกแบบนี้
“ไอ้โรคจิต....โอ้ยยย ปล่อย!”คำพูดของผมกระตุ้นแรงบีบที่แขนได้ดี ปลายนิ้วที่จิกลงบนท้องแขนเริ่มเจ็บปนแสบ เล็บมันคงจะกดลงบนเนื้อจนได้เลือดแล้ว
“ที่มึงด่าพวกกูที่ร้านอาหารยังไม่ได้ชำระความเลยนะ”
“ก็สมกับคำพูดเลวๆ ที่พูดใส่หน้าผมแล้วนี่”
“กูอายุมากกว่ามึงตั้งหลายปี หัดเคารพกูบ้าง แล้วตกลงไปไหนมา”มืออีกข้างที่ว่างก็ยกมาบีบกรามผมไว้แน่น แถมท้ายด้วยการตบแก้มเบาๆ เพื่อเตือน....หรือขู่
“......ทะ...ทำงาน”
“อย่าให้กูโมโหน่า กูรู้หรอกว่ามึงเลิกงานกี่โมง ร้านก็อยู่แค่นี้เสือกสายเป็นชั่วโมง”
“กินข้าว”
“กับใคร ไอ้หน้าอ่อนเพื่อนมึงวันนั้นน่ะเหรอ.....เพื่อนหรือผัว”
“......กำลังตัดสินใจอยู่”
“อย่ากวนตีน ตอบดีๆ”
“ง่วง จะนอนแล้ว”
“กูยังคุยไปจบ แต่พรุ่งนี้มึงหยุดนี่หว่า ไว้ตื่นมาค่อยคุยก็ได้”ไม่รู้ทำไมครั้งนี่ถึงยอมผมง่ายๆ แต่ก็ดี มันปล่อยแขนผมที่เจ็บจนชา ผมยกมือนวดแขนซ้ายตัวเองเบาๆ พรุ่งนี้ได้เขียวแน่ๆ
“เฮ้ย แล้วเรื่องอะไรมาค้างห้องผม ห้องนุก็มีไม่ไปล่ะ มีอะไรจะคุยก็รีบๆ ว่ามาจะได้จบๆ กันไป”
“ไหนบอกง่วง ตอแหลกูเหรอ”มันไม่พูดเปล่า ต่อยลงมาที่หัวไหล่ผมเต็มๆ เจ็บแทบทรุดเลย
“โอ้ย! ไอ้บ้านี่ โรคจิตหรือไงวะ ต่อยมาได้ ถ้าโกหกแล้วจะทำไม แล้วเมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับผมเนี่ย”
“ทำไม จะรีบหาผัวใหม่เหรอ”
“............”คุยกับคนบ้าสงสัยจะไม่รู้เรื่อง
“เงียบๆ ทำเป็นเงียบ อย่าคิดเชียวนะมึง กูฆ่าแม่งทั้งคู่เลยนี่ ง่วงก็ไปอาบน้ำมานอน เร็วๆ ด้วย”
ผมวางกระเป๋าบนโต๊ะแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าใส่นอนในตู้ แรงต่อยที่ไหล่เมื่อครู่ทำให้รู้สึกล้าปนเจ็บจิ๊ดๆ เวลายกแขน หลังจากถอดเสื้อผ้าออกจนหมดผมดูแขนตัวเองที่ถูกบีบแรงจนหลงเหลือรอยเล็บเอาไว้ พรุ่งนี้คงต้องหายาฆ่าเชื้อมาใส่...หรือไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าดี
--------------------------------------------------------------------------------------------

มาแบบเต็มๆ ไม่มี .1 หรือ .2

ป.ล. ชอบพี่ตั้ม
