เอามาลงให้หายเสี้ยนกัน

----------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 17.1ผมมองใบหน้าคนที่เดินเข้ามา เขาเองก็คงแปลกใจที่เห็นผมอยู่ในห้องนี้ ความเงียบที่เกิดขึ้นทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าตัวเองประมาทเกินไป ผมน่าจะเอามีดในครัวมาไว้ใกล้ๆ ตัว ตอนนี้จะเดินไปหยิบก็ไม่ทันแล้ว
“พายมาอยู่ที่นี่ได้ไง”เขาปิดประตูแล้วก็เดินเข้ามายืนเว้นระยะห่างจากผม
“เพื่อนคุณจับผมมา”ผมพยายามนั่งนิ่งๆ ไม่แสดงออกให้เห็นว่าผมกลัว ถึงเขาจะดีที่สุดในบรรดาพวกนั้น แต่...ก็ทำร้ายผมเหมือนกัน
“ไอ้ตั้มน่ะเหรอ”
“เพื่อนเลวๆ คุณจะมีสักกี่คนล่ะ”
“หึหึ...สมแล้วที่มันบอกว่าเราปากจัด”เสียงหัวเราะของเขาทำให้ผมตวัดสายตาไปมองอย่างไม่พอใจ
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องทำตาดุใส่พี่ก็ได้ พี่ชื่อนัทนะครับ เดี๋ยวพี่ขอทำงานก่อนแป๊ปนึง แล้วจะพาไปส่งห้อง”
“.....จะไปส่งผมจริงๆ เหรอ”ผมถามกลับอย่างไม่แน่ใจ
“ใช่สิ ทำไมล่ะ หรือจะรอมันอยู่นี่”
“บ้าสิ ใครจะไปอยากอยู่”จะรอให้มันมาฆ่าหรือไง แค่นี้ก็สะบักสะบอมจะแย่แล้ว
“งั้นก็นั่งดูทีวีรอพี่ก่อนแล้วกัน สักชั่วโมงน่าจะเสร็จ”เขาพูดแล้วก็เดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำใส่แก้วแล้วก็เดินไขกุญแจห้องที่ผมเปิดไม่ออก ด้านในคงเป็นห้องทำงาน แต่มันมืดมาก ดูไม่ออกเลยครับว่าเข้าไปทำอะไร เขาเข้าห้องไปแล้วก็ปิดประตู ส่วนผม....กำลังชั่งใจว่าจะหนีไปตอนนี้ดีมั้ย ยังไงประตูก็เปิดแล้ว แต่...ผมไม่มีเงินนี่สิ ออกไปก็ไม่รู้จะกลับยังไง บางทีทิวน่าจะมารับผมได้ โทรศัพท์ในห้องถูกหยิบขึ้นมากดหมายเลขที่จำได้ขึ้นใจ ผมถือสายรออยู่นานจนสัญญาณตัดไปสามสี่รอบก็ต้องวางสาย ทิวคงยังไม่ตื่นหรือไม่ก็ไม่ได้พกโทรศัพท์ติดตัว ผมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟานุ่ม ใจนึงก็อยากจะไปเคาะเรียกแล้วขอยืมเงินเพื่อกลับหอเอง อีกใจก็อยากเร่งให้เขาไปส่งผมก่อนที่มันจะกลับมาเจอ สุดท้าย...ผมเลือกที่จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดิม แล้วมานั่งรอเขาต่อไป
“ขอโทษนะ รอนานมั้ย”เขาเดินออกมาจากห้องแล้วผงะนิดหน่อยเมื่อเห็นรอยเลือดที่เปื้อนอยู่บนเสื้อผม ส่วนผมก็ปิดโทรทัศน์เตรียมพร้อมที่จะออกไปจากที่นี่เต็มที่
“กลับได้ยัง”ผมไม่คิดจะตอบคำถามทางสายตาของเขา แต่คิดว่าเขาคงเดาออก
“ไปสิ”เขาเดินนำผมออกไปนอกห้อง ตลอดทางที่ลงมาข้างล่าง ผมไม่หันไปมองด้านหลังเลย ไม่อยากจดจำสถานที่นี้ ขออย่าให้ต้องมาที่นี่อีกเลย
“จะไม่ถามทางผมสักคำเหรอ”ผมอดถามไม่ได้ เพราะตั้งแต่ขับออกมา เขาไม่ถามทางผมเลย
“ไม่เป็นไร พี่ว่าพี่จำได้ แต่ถ้าผิดทางก็บอกแล้วกัน”เขาจำอะไรได้ เคยมาที่หอผมแล้วงั้นเหรอ....ใช่สิ ต้องเคยอยู่แล้ว
“.....อ้อ.....เคยมาดักตีหัวผมนี่เองถึงจำได้”
“....อืม....พี่ขอโทษนะ จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็คงสายไปแล้ว แต่ยังไงก็อยากขอโทษ พี่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้จริงๆ”น้ำเสียงจริงใจที่ดูจะสำนึกผิดอย่างที่พูดจริงๆ ทำให้ผมเลือกที่จะไม่ประชดอะไรกลับไป
“ช่างเถอะ....ยังไงก็ผ่านมาแล้ว”ผมหันหน้าออกนอกกระจก ไม่อยากพูดถึง ไม่อยากฟังด้วย การที่ผมพูดดีกับเขาก็ถือว่าตอบแทนที่เขาเคยมีน้ำใจกับผมก็แล้วกัน
หลังจากเลี้ยวเข้าซอยหอผม เสียงโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น ผมค่อนข้างแน่ใจว่าต้องเป็นมันโทรมาแน่ๆ สงสัยคงกลับถึงห้องแล้วไม่เห็นผม
“เออว่าไง......ใช่ กูพาออกมาเอง.........แล้วมึงจะอะไรกับน้องเขานักหนาวะ ที่ทำไปมันยังไม่พอหรือไง.........เสียใจว่ะ กูพอเขาไปส่งที่หอแล้ว....เฮ้ย! เดี๋ยวสิวะ”เขาตะโกนใส่โทรศัพท์ แต่ท่าทางปลายสายจะวางไปแล้ว
“พี่ว่าพายไปอยู่กับเพื่อนสักพักดีกว่านะ”
“มันจะตามมาเหรอ”ผมถามกลับด้วยความตกใจ
“ใช่ ยังไงก็ไปนอนค้างกับเพื่อนคืนนี้เลยแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะไปพูดกับมันให้ บางทีมันน่าจะฟังพี่บ้าง”
“เพื่อนคุณมันบ้า”
“หึหึ....ก็คงงั้น แล้วว่าไง จะไปนอนที่ไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมต้องไปทำงานก่อน”ผมเลือกที่จะสุภาพมากขึ้น และพูดคุยด้วยมากขึ้น อย่างน้อยเขาก็ไม่จับผมกลับไปส่งให้มัน แถมยังบอกให้ผมหนีอีก
“ให้พี่ไปส่งมั้ย”
“ไม่รบกวนดีกว่า ขอบคุณที่มาส่งครับ”พอรถจอดที่หน้าหอ ผมก็เปิดประตูรถลงไป แต่ยังไม่ทันจะหันหลังกลับเขาก็เรียกผมไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนพาย”
“นี่นามบัตรพี่ มีอะไรก็โทรหานะ”กระจกรถถูกเลื่อนลงพร้อมกับกระดาษนามบัตรแผ่นเล็กถูกยื่นออกมา
“คงไม่จำเป็นมั้งครับ”ผมยังคงยืนนิ่งอยู่ ไม่คิดจะรับมา เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องติดต่อกันอีก
“ก็....เผื่อถูกขังอีกไง”
“.......ครับ”เหตุผลของเขาทำให้ผมเปลี่ยนใจ ผมมีสิทธิที่จะเจอปัญหาในโอกาสหน้าจริงๆ ดูท่าแล้วมันก็ยังไม่เลิกหลอกหลอนผมสักที มีคนข้างมันคอยตามช่วยผมก็ดีเหมือนกัน
ผมรีบวิ่งกลับขึ้นห้อง ต้องรีบทำเวลาครับ กลัวมันตามมาถึงนี่ เดี๋ยวผมหนีไม่ทันอีก ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องยืนค้าง สภาพห้องไม่ต่างจากกองขยะ เก้าอี้คอมฯ ชั้นวางจาน ตะกร้าเสื้อผ้า ทุกอย่างล้มระเนระนาด ผมมองแล้วต้องถอนหายใจหนักๆ จำไม่ได้จริงๆ ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ท่าทางผมก็คงสู้สุดชีวิตเหมือนกัน....รู้สึกดีใจลึกๆ ที่ตัวเองไม่ได้ยอมมันง่ายๆ
ผมใช้เวลาให้การเก็บห้องและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แค่ครึ่งชั่วโมง ปิดล็อคห้องตัวเองเรียบร้อย ประตูห้องข้างๆ ก็เปิดออกมา นุชะโงกแค่หน้าให้พ้นประตูพร้อมส่งยิ้มให้ ผมก็ยิ้มตอบไป
“พายจะไปทำงานแล้วเหรอ วันนี้ไปเร็วจัง”
“อืม มีธุระน่ะ”
“ว้า นุจะชวนกินข้าวซะหน่อย พี่ตั้มก็ไม่ว่าง ไม่มีเพื่อนกินเลยนะเนี่ย”
“เอ่อ..เหรอ…เออใช่ เรื่องไวน์น่ะ พี่ธารเขาโอเคนะ พี่เขาบอกให้นุโทรไปคุยเรื่องรายละเอียด พายเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย”
“เหรอ ดีจัง นุกำลังอยากได้เงินพอดี”
“ทำไมล่ะ ที่บ้านมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”ผมเองก็อยากจะรีบไป แต่นุเหมือนกำลังมีปัญหา และผมก็ปล่อยไม่ได้ด้วย
“ก็น้าเขาโทรมาปรึกษาเรื่องไอ้น้ำน่ะ มันก็โตแล้ว จะให้นอนรวมกับลูกๆ เขาตลอดก็ไม่ดี นุเลยว่าจะเอาเงินไปให้น้ากั้นห้องใหม่ให้มันตรงหลังบ้านน่ะ”
“เหรอ พายเองก็มีเงินเก็บเหลือนิดหน่อย ยังไงเอาที่พายก่อนก็ได้นะ”
“ไม่รบกวนพายหรอก ถ้าขายไวน์ได้ก็ได้เงินเพิ่ม น่าจะพอ”
“อืม งั้นพายไปก่อนนะ ไว้คุยกันใหม่”ผมรีบโบกมือลานุแล้ววิ่งลงมาข้างล่าง กำลังจะวิ่งออกจากหอก็เห็นรถคันที่เพิ่งมาส่งผมจอดอยู่ที่เดิม คนขับเปิดกระจกรถแล้วกวักมือเรียกให้เดินไปหา
-------------------------------------------------------------------------------------------------

อ่านเข้าไปๆๆ อ่านแล้วชอบพี่ตั้มด้วย
