
มาลงให้แล้วนะจ้ะ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 33“น้องแพร!!!”เสียงตะโกนเรียกดังก้องจนทำให้สายตาหลายคู่บริเวณนั้นหันมาสนใจ ผมมองพี่อั๋นวิ่งไปทางลานกิจกรรมที่มีกลุ่มนักศึกษานั่งกันอยู่เต็มพื้นที่ แต่ที่เรียกความสนใจคงเป็นหญิงสาวที่พี่อั๋นวิ่งเข้าไปหา...แพร....ผู้หญิง...คนเดียวที่ผม...คิดว่าจะรัก
****************************************************************
ดวงหน้าสวยหวานยังคงงดงามเหมือนเดิม รอยยิ้มละไมบนใบหน้ายิ่งทำให้ดูอ่อนหวาน ผมเผลอก้าวเดินตามหลังพี่อั๋นไปด้วยจุดหมายเดียวกันโดยไม่รู้ตัว เพียงแค่ชั่วครู่ที่สายตาคู่สวยละจากคนด้านหน้ามาประสานกับผม ริมฝีปากที่แย้มยิ้มกลืนหายและทดแทนด้วยดวงตาที่เบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกพร้อมกับลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไป พี่อั๋นรีบวิ่งตามจนเริ่มห่างจากตัวผมที่หยุดยืนอยู่ที่เดิม....ไม่ว่าจะเหตุผลอะไร...แต่....สีหน้าแบบนั้น...แววตาแบบนั้น...ทำให้ไม่กล้าที่จะก้าวเดินเข้าไปหา......มัน....เกิดอะไรขึ้น
"....พาย"เสียงเรียกจากด้านหลังพร้อมฝ่ามืออุ่นๆ ที่กุมรอบข้อมือทำให้ตื่นจากความคิดตัวเอง
"ทิว....สบายดีนะ"ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ กับทิว....เข้าหน้าไม่ติด....ใช้คำนี้คงได้
"อืม....พาย....เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมมายืนกลางถนนล่ะ เดี๋ยวก็โดนรถชนหรอก"ทิวดึงผมให้เดินตามจนขึ้นมาอยู่บนฟุตบาต ผมมองไปที่รถยนต์คันหรูที่เพิ่งก้าวลงมา ประตูฝั่งคนขับยังไม่ได้ปิดผมเลยช่วยปิดให้
"มันมาส่งพายเหรอ"เสียงทิวเหมือนจะห้วนขึ้นทันทีที่ผมเดินกลับมายืนข้างๆ เหมือนเดิม
"เปล่า เพื่อนเขามาส่งน่ะ"
"ขอทิวคุยด้วยได้มั้ย"
"ได้สิ แล้วจะไม่ขึ้นเรียนเหรอ"
"เรียนสิ แต่เข้าสายหน่อยแล้วกันนะ ทิวให้เพื่อนเช็คชื่อให้ทุกวันอยู่แล้ว"ทิวจูงมือผมเดินไปทางซุ้มหลังตึกที่มีคนนั่งค่อนข้างน้อย เราเลือกนั่งที่โต๊ะไม้ริมสระน้ำเล็กๆ
".....เมื่อวานทิวขอโทษนะ...ที่พูดกับพายแบบนั้น ทิวโมโหน่ะ แล้วก็....เมาๆ อยู่ด้วย"ทิวมองตรงไปที่สระน้ำ ผมเองก็มองตรงไปข้างหน้าเหมือนกัน นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ไม่ได้นั่งอยู่กับทิวแบบนี้.....ทำไมถึงรู้สึกเหมือนไม่เจอทิวมานานเหลือเกิน
"หัวแตกยังจะกินเหล้าอีก เดี๋ยวแผลก็เน่าหรอก"
"ดีสิ...พายจะได้มาดูแลทิวไง"
"........"
"ไม่ได้เหรอ"
"ไม่ใช่ไม่ได้ แต่...ตอนนี้ยังไม่ได้.....รออีกหน่อยนะ....ได้มั้ย"
"ทิวไม่เข้าใจพายเลยจริงๆ พาย....เปลี่ยนไปมากนะ"
"เปลี่ยนตรงที่กล้าขัดใจทิวน่ะเหรอ"
"ก็....ด้วยน่ะ แต่ที่สำคัญ.....พายดู...เข้มแข็งขึ้นยังไงไม่รู้ แล้วก็ดู.......มีชีวิตชีวาขึ้นน่ะ"
"ทิวเอาอะไรมาพูด ไม่จริงซะหน่อย"
"อืม...ไม่รู้สิ"
".....บางอย่างมันก็ไม่ใช่อย่างที่เห็น หรืออย่างที่คิดหรอกนะ แต่ทิวพูดถูก...พายเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ"
"มันดู.....จะรักพายมากเลยนะ"
"ฮ่าๆๆ สมองกระทบกระเทือนมากไปรึเปล่าเนี่ยทิว เขาจะมารักอะไรพาย พายบอกแล้วว่าไม่ใช่อย่างที่ทิวคิดหรอก แต่พายมีเหตุผลที่จำเป็นต้องอยู่กับเขาก็แค่นั้นเอง"
"ก็...เขาหึงพายชัดเจนออกขนาดนั้นนี่นา"
"บ้าน่า ไม่ใช่หรอกทิว พูดอะไรเพ้อเจ้อ ไปเรียนกันเถอะ เข้าสายกว่านี้เด่นแน่ๆ"ผมลุกขึ้นปัดฝุ่นที่กางเกง ทิวอิดออดไม่อยากขึ้นเรียนแต่ก็ยอมตามใจผมเหมือนเดิม....เรา...กลับมาเหมือนเดิมแล้วใช่มั้ย
ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนกลับเพิ่งเปิดเทอม ระหว่างเรียนทิวชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้จนอาจารย์หันมามองหลายรอบ พอทิวจะนอนผมก็ห้ามเพราะใกล้สอบแล้ว แต่พอผมตั้งใจเรียนไม่หันไปคุยด้วยทิวก็ทำลายสมาธิด้วยการแกล้งปัดปากกาที่กำลังจด บางทีก็เอาดินสอมาวาดรูปบนหนังสือของผม ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นว่าเรียนไม่รู้เรื่องเลย น่าเสียดายที่วันนี้มีเรียนแค่ช่วงเช้า ผมไปนั่งกินข้าวที่โรงอาหารกับทิวระหว่างรอให้มันมารับ ถึงแม้น้ำเสียงตอนรับโทรศัพท์จะฟังออกว่ากำลังนอน แต่...มันก็ไม่ยอมให้ผมกลับเองเพราะไม่ไว้ใจเหมือนเดิม
"งั้นทิวกลับก่อนนะ แล้วทิวจะโทรหา"ทิวรีบบอกลาทันทีที่มองเห็นมันขับรถมาจอดแล้วออกมายืนข้างรถพร้อมเร่งผมด้วยสายตา ผมพยักหน้ารับหลังจากที่ได้สัญญาแล้วว่าต่อไปนี้จะรับโทรศัพท์ทิวหรือไม่ก็โทรกลับทุกครั้ง ทิวย้ำแล้วย้ำอีกว่าถ้ามันรังแกให้ไปฟ้อง แล้วทิวจะมาจัดการให้....คำว่ารังแก....ฟังดูเล็กน้อยเกินไปสำหรับการกระทำของมัน
"ร่ำลากันไปถึงไหนล่ะ มันถึงได้เดินยิ้มไปแบบนั้น"มันพูดขึ้นมาทันทีที่ผมเปิดประตูเข้ามานั่ง
"ถึงไหนอะไร"อารมณ์ดีๆ หายหมดพอเห็นหน้ามัน แต่ก็ไม่กล้าโวยวายมากเพราะหน้าตาดุยิ่งกว่าเมื่อเช้าอีก
"มันมาคุยอะไร"
"ก็ทั่วๆ ไป"
"ก็แล้วอะไรบ้างล่ะ"
"หลายเรื่อง เยอะแยะบอกไม่ถูก มันยาว"คุยตั้งแต่ยังไม่เข้าเรียนจนเรียนเสร็จแถมด้วยกินข้าวอีก ใครจะไปสาธยายหมด
"ไม่เป็นไร ฟังได้ กว่าจะกลับถึงห้องคงบอกได้หมด"มันพูดจบก็หันไปขับรถโดยไม่รู้สึกอะไร ทั้งๆ ที่สิ่งที่มันบอกให้ทำน่ะ....ไม่มีคนปกติที่ไหนเขาทำกันหรอก
"......."
"เงียบทำไม เล่ามาสิ เดี๋ยวกลับไปก็ไม่มีเวลานอนต่อพอดี"สรุปคือผมต้องเล่าจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย...เอาเถอะ ยังไงก็ไม่ใช่ความลับอะไร ผมถอนหายใจหนักๆ หนึ่งครั้งก่อนจะเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนที่ทิวมาขอโทษ ส่วนเรื่องของแพรผมจงใจไม่พูดถึง....ผมอาจหลงลืมไปบ้าง แต่....เหตุการณ์วันนี้ทำให้ต้องย้อนกลับไปคิดถึงครั้งแรกที่มันขอโทษผม
กว่าจะเล่าโดยย่อจนหมดก็มาถึงคอนโดฯพอดี การจราจรในกรุงเทพฯช่วยให้ผมไม่ต้องนั่งเล่าแทนนิทานก่อนนอน ทันทีที่กลับถึงห้องมันก็เปลี่ยนชุดแล้วล้มตัวลงนอน ดีเหมือนกันที่ไม่ต้องกลับมาเถียงอะไรกันต่อ ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เข้าไปในห้องทำงานเพื่ออ่านหนังสือ ถ้าอ่านห้องนั่งเล่นเกรงว่าจะมัวเพลินกับทีวีจนลืมอ่านเหมือนครั้งที่ผ่านมา แต่...มาอ่านในห้องคอมฯนี่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย ผมแค่อยากลองเปิดคอมฯ ขึ้นมาเล่นเกมส์แต่ปรากฏว่ามันเปิดไม่ติด ทั้งที่ต่อสายเรียบร้อยหมดแล้ว ความรู้เรื่องเทคโนโลยีที่เป็นศูนย์ของผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ยังดีที่ห้องนี้มีคอมฯหลายเครื่อง ยังไงมันก็ไม่เคยห้ามอะไรอยู่แล้วผมเลยถือวิสาสะเปิดคอมฯของมันขึ้นมา มีเงินนี่มันก็ดีตรงที่สามารถซื้ออะไรดีๆ ปรนเปรอตัวเองได้เนี่ยแหล่ะ คอมฯของผมเครื่องก็ใหญ่ แถมเป็นรุ่นเก่า เปิดปิดก็ช้า จอภาพเล็กๆ แต่หนักกว่าจอแบนรุ่นใหม่ของมันเยอะ เหมือนสีจะสดสวยกว่าด้วยสิ
ผมนั่งเล่นเกมส์ เปิดดูเว็บไซต์เพลินจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ กว่าจะหยุดเล่นได้ก็เพราะเจ้าของเดินเข้ามานั่งข้างๆ นั่นแหล่ะ
"นั่งเล่นอะไรปัญญาอ่อน"ประโยคแรกของคนที่เพิ่งตื่นนอน
"เล่มเกมส์ไพ่ไง ไม่รู้จักรึไง"
"เกมส์อื่นก็มีให้เล่นเยอะแยะไม่เล่น พวกเกมส์ออนไลน์ก็มีแผ่นอยู่แต่ยังไม่ได้ลง อยากเล่นมั้ยล่ะ"
"ไม่อยาก ไม่เคยเล่น"ผมปฏิเสธแผ่นเกมส์ที่มันรื้อจากลิ้นชักขึ้นมาวางแผ่ให้ผมเลือก
"ไม่เล่นต่อล่ะ จะไปไหน"
"คอมฯผมมันเปิดไม่ติดเลยเปิดเครื่องคุณเล่นเฉยๆ"
"ไม่ได้ถามว่าทำไมเล่นเครื่องนี้ซะหน่อย จะใช้ก็ใช้ไม่ได้หวง แล้วเครื่องนั้นเป็นอะไรเปิดไม่ติด ลืมเสียบปลั๊กรึเปล่า"
"ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ"
"อ้าว...เหรอ"
"......."
"อะไร มองทำไม มีปัญหาเหรอ"
"เปล่า"
"ไปทำข้าวมาให้กินหน่อยไป ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย"
"ข้าวต้มในหม้อไม่ได้กินเหรอ ผมต้มไว้"
"ไม่ได้กิน งานเสร็จก็ขึ้นมานอนเลย ไม่เอาข้าวต้มนะ ไม่อยู่ท้อง เอามาม่าก็ได้เร็วดี"
"อืม"ผมรับคำสั่งแล้วก็เดินถือหนังสือออกมาวางไว้ข้างนอก ระหว่างทำมาม่าผมก็คิดถึงเรื่องเมื่อเช้า ผมค่อนข้างแน่ใจว่าแพรวิ่งหนีผม แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม...เป็นผม ส่วนเรื่องที่พี่อั๋นรู้จักแพรโดยที่ผมไม่รู้เนี่ยไม่ค่อยแปลกใจ เพราะยังไงผมก็ไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวแพรอยู่แล้ว ถ้าถามมันแล้วมันจะเล่าให้ฟังมั้ยนะ...จะเล่าความจริงมั้ย
"ใจลอยคิดถึงใครอยู่"เสียงกระซิบข้างหูทำให้สะดุ้งจนทำซองมาม่าหล่น
"อย่ามาเงียบๆ บ่อยนักได้มั้ย ผมตกใจนะเนี่ย"ผมเบี่ยงตัวหนีมือที่เกาะเอวผมไว้หลวมๆ แล้วก้มลงหยิบมาม่าขึ้นมาฉีกซองลงในต้มในน้ำที่เดือดได้สักพัก
"เรียกแล้วไม่ขานเอง มัวแต่คิดถึงไอ้เด็กเวรนั่นล่ะสิ"
"ผมจะคิดถึงใครมันก็เป็นสิทธิของผมไม่ใช่รึไง"
"แสดงว่าคิดถึงมันจริงๆ ใช่มั้ย ทำไม คุยกันทั้งวันแล้วไม่หายคิดถึงอีกรึไง"
"อืม...โอ้ย! เป็นบ้าอะไรเนี่ย เจ็บ!!"กำลังตักมาม่าใส่ชามมันก็บีบแขนซะแรง นิสัยชอบความรุนแรงกลับมาอีกแล้วรึไงเนี่ย จะให้ผมเว้นว่างจากแผลสักวันไม่ได้เลยรึไง
"อย่ากวนประสาทได้มั้ย น่าจะรู้นี่ว่าไม่ชอบให้พูดประชดแล้วจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา"
"ก็แล้วใครเริ่มก่อนล่ะ ผมอยู่ของผมดีๆ นะ"
"พูดดีด้วยหน่อยแล้วเหลิงเหรอ หือ ว่าไง"
"เป็นอะไรเนี่ย! นอนไม่พอก็ไปนอนต่อไป ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ"
"เพราะไม่ทำอะไรไงถึงสมควรโดน บอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ไปยุ่งกับมันอีก"
"ผมก็บอกแล้วว่าทำไม่ได้"
"ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องไปเรียน"
"ไม่ไปก็ได้ ไม่อยากเรียนแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปลาออกเลยดีมั้ยล่ะ"
"ปากดี พอให้ทำจริงๆ ขี้คร้านจะมานั่งร้องห่มร้องไห้ เก่งแต่ปากพอกับไอ้เวรนั่นไม่มีผิด"
"คุณก็ดีแต่รังแกคนอื่นนั่นแหล่ะ ดีแต่ใช้กำลัง มันก็ไม่ต่างกันหรอก"
"นั่นสิ เหมาะสมกันจะตาย จริงมั้ย"
"ประสาท"
"เลิกด่าได้แล้ว รำคาญ รีบๆ ทำให้เสร็จด้วย หิวจะตายแล้ว"พูดจบก็เดินไปนั่งรอบนโซฟาหน้าตาเฉย รับอารมณ์มันไม่ทันจริงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวบ้า แล้วส่วนมากจะบ้าซะด้วยสิ อย่างนี้มีหวังกว่าจะเข้าใจมันได้ไม่แก่ตายก่อนเหรอเนี่ย ผมยกชามมาม่ามาบริการมันถึงหน้าทีวี พร้อมด้วยน้ำอีกหนึ่งแก้ว คนหิวก็รับไปลงมือกินเหมือนคนอดยากมานาน ถ้าทิวมาได้ยินได้เห็นอะไรแบบนี้ยังจะคิดอะไรแบบนั้นอยู่อีกมั้ยเนี่ย
"เย็นนี้ไม่ต้องทำอะไรนะ เดี๋ยวจะพาออกไปข้างนอก"
"ไปไหน ไม่ไปได้มั้ย"
"ไปซื้อของสดมาเก็บไว้ไง หมดแล้วไม่ใช่เหรอ"
"อืม...งั้นไปก็ได้"
ผมปล่อยให้มันนั่งกินอยู่ข้างนอก ส่วนตัวเองมานอนอ่านหนังสือในห้อง อ่านไปได้สักพักก็เคลิ้มหลับ มารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะมันมาปลุกให้ออกไปซื้อของ แต่ไม่ได้ไปกันแค่สองคน เพราะมีพี่นัทไปด้วย
มันขับรถนำรถพี่นัทออกมาจากคอนโดฯแล้วไปห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ตอนแรกนึกว่าจะไปซื้อของเลยแต่กลับกลายเป็นมานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารบนห้าง พอกินเสร็จพี่นัทก็แยกตัวไปแล้วผมกับมันก็ไปชั้นล่างเพื่อซื้อของ รถเข็นคันใหญ่ถูกเข็นตามผมที่เดินนำไปแผนกต่างๆ คำนวณปริมาณคร่าวๆ ให้ได้สักหนึ่งสัปดาห์
"ทำพวกอาหารฝรั่งเป็นมั้ย สปาเก็ตตี้อะไรพวกนี้น่ะ"
"ก็พอได้แต่กลัวไม่อร่อย"
"งั้นเดี๋ยวแวะร้านหนังสือแล้วซื้อไปไว้หัดทำด้วย"
"อืม งั้นคุณไปเลือกเส้นสิว่าชอบแบบไหน"ผมพูดจบมันก็เข็นรถนำไป ถ้าเจออะไรน่าสนใจหรือเป็นของชอบมันก็จะหยิบใส่รถทันที และผมก็ทำอย่างนั้นตามคำสั่งมันด้วยเช่นเดียวกัน
กว่าเราจะกลับมาถึงห้องก็ปาไปสี่ทุ่ม นอกจากจะได้อาหารและหนังสือ ยังได้ดีวีดีหนังมาอีกหลายเรื่อง รวมทั้งซีดีเพลงอีกหลายแผ่น ต่างคนต่างแยกย้ายไปเก็บของตามสิ่งที่ถนัด จากนั้นก็แยกย้ายกันอาบน้ำแล้วก็มาพบกันที่ห้องนอน บรรยายเรียบๆ ดีๆ ที่มีมาตลอดตั้งแต่ช่วงเย็นจบลงเพราะข้อความที่ส่งเข้าเครื่องผมและมันเสียมารยาทเปิดอ่าน
"เพิ่งเลิกงานกำลังจะกลับห้อง พรุ่งนี้เจอกันนะครับ ฝันดีนะ"มันดัดเสียงจนน่าเกลียดมากกว่าน่าหัวเราะ ผมรีบแย่งโทรศัพท์มากดดูและพบว่ามีสายที่ไม่ได้รับของทิวอยู่ด้วย สงสัยเพิ่งโทรมาตอนที่ผมอาบน้ำอยู่
"ลบทิ้งซะ"
"ทำไมต้องลบ"
"บอกให้ลบก็ลบ หรือว่าอยากได้โทรศัพท์เครื่องใหม่"ความหมายของมันคือ...จะพังโทรศัพท์ผมเหมือนเครื่องเก่าสินะ
"อืม...ลบแล้ว"ผมลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะกดลบข้อความตามที่มันสั่ง
"เอามาดู"มันแบมือตรงหน้าเพื่อรับโทรศัพท์ในมือไปกดดู รอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากปรากฏขึ้นเมื่อเห็นว่าผมทำตามที่มันสั่งจริงๆ
"อย่างนี้ค่อยพูดรู้เรื่องหน่อย"มันยื่นโทรศัพท์คืนให้แล้วก็เดินไปเปิดหนังที่เพิ่งซื้อมาวันนี้ ผมวางโทรศัพท์ไว้หัวเตียงเหมือนทุกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอนเพื่อดูหนัง หลังจากมันจัดการใส่แผ่นเรียบร้อยก็เดินมานอนพิงหัวเตียงอยู่ข้างๆ ส่วนผมนอนตะแคงดูเพราะถ้าง่วงจะได้หลับไปเลยไม่ต้องขยับตัวอีก
เสียงบทสนทนาจากทีวีไม่ได้เข้าโสตประสาทผมเท่าไหร่ ในใจมัวแต่ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นับว่าวันนี้เป็นครั้งแรกที่สามารถอยู่ร่วมกับมันอย่างราบรื่นที่สุด ดูๆ ไปแล้วมันค่อนข้างจะอารมณ์ดีด้วย ถ้าไม่ได้เข้าใจผิดไปเองผมว่ามันค่อนข้างพอใจกับพฤติกรรมของผมในระยะหลัง พูดคุยกันรู้เรื่องมากขึ้น เถียงกันน้อยลงและเจ็บตัวน้อยลง ทุกอย่างดูลงตัว ผมเริ่มเข้าใจการกระทำมันบางอย่าง และมันก็ดูจะวุ่นวายกับผมน้อยลง อย่างน้อยมันก็ไม่ได้แอบตามผมแบบเมื่อก่อน และวันนี้มันยังให้คนอื่นไปส่งผม ตอนมารับถึงจะเห็นทิวนั่งอยู่ก็ไม่ถึงขั้นลงมาทะเลาะเบาะแว้งกับทิวหรือทำร้ายผม....ผมว่า...ผมเริ่มเข้ากับมันได้ดีแล้วนะ..ทุกอย่างกำลังไปได้สวย.....ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่...รอเวลา....ขอให้เชื่อใจผมมากอีกนิด....เผยความรู้สึกมากกว่านี้อีกหน่อย.....ผมจะทำตัวดีๆ....ไว้ใจผมให้มาก....แล้วบอกผมสักที....ว่าอะไร....
สำคัญที่สุดสำหรับคุณ.....ผมจะได้ทำลายมันซะ-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พายอยากรู้เหรอว่าอะไรสำคัญที่สุดในชีวิตพี่ตั้ม นี่ไงคนโพสนี่ไง

พายอย่าทำร้ายเค้านะ เค้าอ่อนแอ

(บ้าไปแล้ว ...

)