
---------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 36ส่วนหนึ่ง.......ของความร้าย
อะไรคือสิ่งที่ผิดพลาดจนทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมด ทุกอย่างมันเริ่มต้นที่ตรงไหน เริ่มจากใคร ไม่ใช่คำว่า ‘พรหมลิขิต’ อย่างที่อั๋นชอบพูดเสมอ หรือ ‘บุพเพสันนิวาส’ ที่นัทพูดกรอกใส่หูอยู่ทุกวัน สำหรับผม...ก็แค่เหตุผลง่ายที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์.....
โลกมันกลมรูปถ่ายหนึ่งใบที่ยับยู่จนกลายเป็นเศษขยะถูกกำไว้แน่นด้วยมือของเพื่อนสนิทที่นั่งเมาแล้วก้มหน้าพูดกับโต๊ะแทนที่จะเงยหน้าพูดกับเพื่อนที่รอมันปรับทุกข์ ให้เดาจากอาการคร่ำครวญก็รู้ว่ามาจากเรื่องผู้หญิงที่มันหลงตอนนี้แน่ๆ และก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อมันยอมเงยหน้ามาพูดกับผม หลังจากที่เสวนากับโต๊ะมาร่วมชั่วโมง
“น้องเขามีแฟนแล้ว มึงเข้าใจมั้ยไอ้ตั้ม เขามีเจ้าของแล้ว เขาไม่รักกู”คำพูดอย่างคนเสียสติดังลั่นจนโต๊ะรอบข้างหันมามอง และผมต้องปรายตามองพวกชอบสอดรู้สอดเห็นให้หันกลับไปสนใจเรื่องตัวเอง รูปถ่ายที่มันถืออยู่หยิบยื่นมาเกือบชนจมูกผม ไม่รู้ว่ามันจะให้ดูหรือมันตั้งใจชกหน้าผมกันแน่
“ใครวะคนในรูป แฟนเขาเหรอ”ผมพยายามมองรูปหนุ่มสาวนักศึกษาที่อยู่ในรูปให้ชัดๆ ผู้หญิงในรูปคือคนที่เพื่อนผมหลงรัก
“เขาเอารูปงานกีฬามาให้กูดู แต่นี่...มึงดู...คนนี้ล่ะที่น้องแพรบอกว่าแอบปลื้มมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง แล้วกูล่ะ...กูคนนี้ไงที่รักมาตั้งแต่เด็ก...อยู่ดีๆ แม่งก็มาแย่งของกูไป”อั๋นเป็นเอามากจริงๆ ผู้หญิงเขาคิดกับมันแค่พี่ชายข้างบ้าน แถมไอ้ที่บอกว่ารักตั้งแต่เด็กนี่ก็....เห็นควงสาวเป็นว่าเล่น ไปรักน้องเขาตอนไหนก็ไม่รู้ ผมได้แต่นั่งกินเหล้าเงียบๆ ฟังมันด่าผู้ชายในรูปที่มันขโมยมาเพื่อสาปแช่ง พฤติกรรมกับอายุสวนทางเสมอเวลามีเหล้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ต่อให้วัยวุฒิคุณวุฒิสูงแค่ไหนสุดท้ายก็เมาเหมือนหมา
เหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งสองครั้ง แต่แทบทุกสัปดาห์ที่มันจะหาเรื่องชวนเพื่อนๆ ออกไปกินเหล้าแล้วบ่นให้ฟัง ผมก็ได้แต่รอว่าครั้งนี้มันจะหลงได้นานแค่ไหน ให้อย่างมากก็ไม่เกินสามเดือน แต่...ผมคิดผิด...นับวันมันยิ่งเป็นเอามาก บางวันร่าเริงเกินเหตุเมื่อน้องเขาไปปรับทุกข์ให้มันฟัง มันก็รู้สึกมีกำลังใจที่คำสาปแช่งขอให้เลิกกันของมันได้ผล แต่ถ้าวันไหนมันโทรไปแล้วรู้ว่าน้องเขากำลังอยู่กับคนที่มันแสนเกลียด มันก็จะทำตัวเป็นหมา เมาหัวราน้ำแทบทุกครั้ง จากที่เฝ้าดูเฉยๆ ก็เริ่มจะเป็นห่วง กลัวว่ามันจะบ้าแล้วคิดสั้นเข้าสักวัน ช่วงหลังๆ มีผมคนเดียวที่คอยไปนั่งเมาเป็นเพื่อนเพื่อคอยหิ้วมันกลับ นัทไม่ค่อยว่างเพราะกำลังเจรจาเรื่องฟ้องหย่า มันเป็นอีกคนที่ทำตัวงี่เง่าในความคิดผม แต่งงานกับผู้หญิงเพื่อรักษาหน้าให้ตัวเองและครอบครัว ให้เหตุผลกับคนรอบข้างว่าตัวเองเป็นไบฯ ผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ดี สุดท้ายแต่งได้แค่สองปีกว่าก็หย่าเพราะเมียจับได้ว่ามีชู้เป็นผู้ชาย แถมชู้มันก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นนักศึกษาฝึกงานที่บริษัทเมียมัน มันก็ยินดีหย่าแต่ติดตรงที่เมียมันขอค่าหย่าสิบล้าน ไม่รู้ว่าคำนวณอะไรยังไงถึงเรียกราคาขนาดนั้น สิบล้านไอ้นัทมันก็พอจะยอมจ่ายได้ แต่ที่ไม่ยอมเพราะว่าแอบให้นักสืบไปสืบแล้วดันรู้ว่าเมียมันยังกิ๊กกับแฟนเก่าอยู่ เรียกว่าต่างคนต่างมีชู้กัน ผมว่าไม่เห็นต้องหย่าเลย ในเมื่อเหมาะสมกันออกขนาดนี้
ผมไม่แน่ใจว่าชีวิตวัยทำงานของทุกคนยุ่งเหยิงเหมือนผมกับเพื่อนหรือเปล่า และถ้าเหมือน พวกเขาแก้ปัญหายังไง เอาความเครียดไปเก็บไว้ไหน ส่วนผมระบายออกไปทางเหล้าและ...sex ผมไม่เคยปิดบังรสนิยมตัวเองในหมู่เพื่อนฝูงว่าเป็นเกย์ ชอบผู้ชาย สนใจผู้ชาย โดยเฉพาะเรือนร่าง หากแต่ผู้หญิงก็พอจะแก้ขัดได้บางครั้งถ้าเจอคนถูกใจจริงๆ แต่นั่นแค่ความสัมพันธ์ชั่วครู่ คืนเดียวแล้วจบ เหมือนกับการเปลี่ยนรสชาติกาแฟ บางวันอาจใส่น้ำตาลสองก้อน บางวันอาจลดลงเหลือแค่หนึ่ง...เพราะมันเลี่ยน ไอ้นัทต้องระวังพฤติกรรมตัวเองเพื่อไม่ให้นักสืบฝ่ายเมียมันหาหลักฐานมาเรียกร้องค่าหย่าเพิ่ม ผมทำงานสองงานคืองานรับเหมาก่อสร้างเป็นงานหลัก และรับงานโฆษณาเป็นงานเสริมเพราะความชอบส่วนตัว ระยะหลังอั๋นเงียบหายไป ไม่โทรมาตามผมไปกินเหล้าเหมือนเคย ผมก็หลงคิดไปว่ามันเลิกบ้าแล้ว แต่เปล่าเลย ปัญหามันเหมือนจะหนักหนามากกว่าเดิม อย่างน้อยก็ในความรู้สึกมัน เพราะจากที่มันกำลังเล่าให้ฟังผมไม่เห็นว่าจะเกี่ยวอะไรกับมันตรงไหน แค่ผู้หญิงที่มันชอบโดนแฟนข่มขืน บางทีมันอาจเสียดายที่ไม่ใช่มันล่ะมั้ง
“แล้วมึงมาบ่นนี่ต้องการอะไร เขาเป็นแฟนกันจะมีอะไรกันไม่ใช่เรื่องแปลก กูเห็นครั้งแรกของหลายๆ คนแม่งก็โดนปล้ำกึ่งสมยอมทั้งนั้น”ผมพูดแบบไร้อารมณ์คล้อยตาม นัทมองหน้าผมกึ่งเห็นด้วย
“มึงไม่เข้าใจไอ้ตั้ม ตอนที่น้องแพรโทรเรียกให้กูไปรับที่ป้ายรถเมถ์น่ะ....ไม่แค่แฟนน้องเขานะ แต่เขาโดนรุมโทรม มึงเข้าใจมั้ย แล้วตอนนี้สภาพจิตใจเขาก็บอบช้ำมาก เอาแต่เพ้อไม่ให้คนอื่นเข้าใจ ใครแตะตัวหน่อยก็ร้องกรี๊ด กูเข้าใจบางทีก็กัดกูจะเลือดออก เท่าที่กูฟังน้องเขาพูดเวลาเพ้อน่ะ....รู้สึกว่า...แฟนน้องเขาจะเป็นเกย์ว่ะ แล้วก็มีผัวแล้วด้วย แต่มาคบผู้หญิงบังหน้าเหมือนไอ้นัทน่ะแหล่ะ”
“อ้าวไอ้เวร เสือกหันมากัดกู”
“แล้วมึงไปรู้ละเอียดแบบนี้ได้ไง เพ้อห่าอะไรละเอียดโคตร”
“คือ...กูแอบอ่านไดอารี่น้องเขาว่ะ เห็นหลังๆ ซึมๆ ไม่ค่อยมาปรับทุกข์กับกู กูเลยแอบอ่าน เหมือนน้องเขาจะไม่เชื่อข่าวลือที่ได้ยินมาก็เลยคบกับต่อ เออ...ความจริงก็เหมือนจะยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันด้วย รู้สึกไอ้นั่นมันบอกว่ารอให้เรียนจบก่อนแล้วจะทำทุกอย่างให้จริงจัง แม่งโคตรให้ความหวังเลยว่ะ น้องแพรเลยคิดจริงจังว่ามันอยากสร้างอนาคตด้วย แถมยังห่วงชื่อเสียงกลัวว่าใครจะมองน้องแพรไม่ดี ไม่อยากให้เสียการเรียน โคตรจะแอ๊บดีเลยว่ะ”
“แสดงว่ากะจะควงให้คนอื่นเห็น แต่ก็ไม่ผูกมัดตัวเอง ไม่เสียโอกาสในการเลือกคนอื่นด้วย แม่งฉลาดว่ะ”นัทพูดด้วยสีหน้ากึ่งชมกึ่งทึ่ง ผมก็คิดว่าคนที่อั๋นพูดถึงฉลาดเหมือนกัน อย่างน้อยก็ฉลาดกว่าเพื่อนผมที่หาห่วงราคาสิบล้านผูกคอตัวเองนี่ล่ะ
“กูกะว่า...จะดูแลน้องแพรไปเรื่อยๆ ถ้าเขาดีขึ้นเมื่อไหร่ก็จะขอหมั้นไว้ พอเรียนจบก็แต่งงานกัน กูอยากดูแลเขาว่ะ” อั๋นพูดพร้อมเอานิ้วชี้วนรอบปากแก้วเบาๆ ส่วนผมที่ถึงกับอึ้งในสิ่งที่มันพูด รู้สึกเหมือนช็อคไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าความรู้สึกของมันจะลึกซึ้งขนาดนี้ มันไม่ใช่คนทำร้ายผู้หญิงคนนั้นสักหน่อย แต่กลับทำเหมือนตัวเองต้องรับผิดชอบ ไม่รู้จะเรียกว่าโง่หรืออะไรดี
จากที่คิดว่าเรื่องมันคงจบลงแล้วกลับไม่ใช่ วันต่อมาไอ้อั๋นขนเหล้ามาที่ห้องผมพร้อมกับโทรตามไอ้นัทมาด้วย สภาพมันคงเมามาไม่ต่ำกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง โทรมจนดูไม่ได้ ผมเห็นมันตอนที่เดินเข้าห้องมาถึงกับต้องส่ายหน้า รับไม่ได้กับสารรูปเพื่อนตัวเอง ปกติก็เมาเหมือนหมา แต่นี้เป็นหมาขี้เรื้อนซะด้วย
“น้องแพรหนีกูไปแล้ว...กู...ไม่เหลือใครแล้ว”ประโยคนี้ของมันทำให้ผมรู้สึกอยากเอาขวดเหล้าฟาดหัวให้ได้สติ ผู้หญิงคนเดียวมันถึงกับบ้า แล้วไอ้ที่บอกว่าไม่เหลือใครนี่อีก...มันเห็นผมเป็นกับแกล้มหรือเปล่าถึงได้เห็นค่าเฉพาะเวลาอยากเมา ไอ้ห่านัทก็ไม่ต่างกัน ดันแอบไปซาวน่าแล้วนักสืบเมียมันถ่ายรูปได้ จะอ้างว่าไม่มีอะไรก็ไม่ได้เพราะดันหิ้วคู่ขาที่เจอในนั้นออกไปต่อข้างนอกกันอีก สุดท้ายเจอค่าโง่ไปอีกสามล้านกลายเป็นสิบสามล้าน เลขเฮงซวยสมกับมันดี
“เมื่อวันก่อนกูไม่ได้ไปหาเพราะติดงาน เพราะเมื่อวานตอนเช้าไปเยี่ยมแม่เขาบอกว่าน้องแพรจะกินยาตาย โชคดีที่แม่เขาเข้าไปเห็นก่อนเลยห้ามทัน พวกเขาพาแพรไปอยู่บ้านที่เชียงใหม่ แล้วอาทิตย์หน้าจะไปอเมริกา นี่กูยังไม่ได้คุย ไม่ได้ล่ำลาสักคำเลย เขาก็ทิ้งกูไปแล้ว เพราะไอ้เหี้ยนั่นตัวเดียวเลยทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้ เพราะมันแท้ๆ เลย”คำพูดไอ้อั๋นสับสนดีมั้ยครับ เขาทิ้งมันตอนไหนในเมื่อมันไม่ได้เป็นสมบัติของเขาเสียหน่อย
“แล้วมึงจะนั่งบ่นให้ได้อะไรวะ ยังไงๆ น้องเขาก็ไม่อยู่แล้ว”
“กู...กูจะไปฆ่ามัน”
“ฆ่าคนติดคุกนะมึง แต่ไม่เป็นไร กูคิดว่าพอจะช่วยพลิกคดีให้มึงได้อยู่ คงจะแค่ลงอาญาเพราะไม่เจตนาฆ่า”ไอ้นัทก็ปากดี ถือว่ามีเส้นสายของพ่อมันใหญ่ ถ้ามีเรื่องขึ้นโรงพักไม่เคยต้องเสียค่าปรับ มีแต่เชิญกลับอย่างเดียว ยกเว้นเรื่องฟ้องหย่าเมียนี่แหล่ะที่เอาตัวไม่รอด เจอเส้นใหญ่เหมือนกันเลยจุกไปเลย
“ส่งเสริมกันแต่ละอย่าง ดีนะมึง”
“ตั้ม...”เอาแล้วไง ไอ้อั๋นเรียกผมแบบนี้ทีไร ความซวยมาเยือนทุกที
“ว่ามา”
“มึง....แก้แค้นให้กูหน่อยสิ”
“ยังไง เมื่อไหร่”เพื่อเพื่อนครับ ไม่มีอิดออดอยู่แล้ว กำลังเซ็งๆ อยู่ด้วย
“เดี๋ยวกูขอลาพักร้อนให้ได้ก่อน คงเร็วๆ นี้ แต่มึงหาสถานที่ดีๆ หน่อยแล้วกัน กูจะให้มึงลากมันมารุมโทรมเหมือนที่แพรเคยโดน ชวนเพื่อนที่ไว้ใจได้ไปสักสี่ห้าคนแล้วกัน เอาไปขังให้กูแก้แค้นสักพักแล้วค่อยปล่อย”
“ได้ ไปที่รีสอร์ทกูก็ได้ ช่วงนี้ด้านหลังกำลังปรับปรุง ไม่มีใครเข้าไปวุ่นอยู่แล้ว ว่าแต่มึงจะไปจับตัวมันยังไง”
“กูเคยแอบตามดูมันมาสักพักแล้ว ไว้ลางานได้เมื่อไหร่กูจะพามึงไปลากมันมาให้กู แถวนั้นไม่ค่อยพลุกพล่าน คงไม่ยาก”เพื่อนผมนี่ก็ใช้ได้ แอบตามดูพฤติกรรมแฟนของผู้หญิงมันด้วย แต่ที่เลวสุดก็คงผมนี่ล่ะ ไม่ห้ามเพื่อนสักคำ แถมยังรู้สึกสนุกเสียด้วย ช่วงนี้ยิ่งว่างๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้นทำอยู่ พวกที่คบๆ ก็ทำตัวน่าเบื่อ ออดอ้อนจนน่ารำคาญ เชี่ยวจนรู้สึกขยะแขยง ไม่รู้ว่าผ่านศึกมาแล้วเท่าไหร่ ได้เจออะไรใหม่ๆ คงแก้เซ็งได้บ้าง อย่างน้อยเรื่องตำรวจก็ไม่ต้องกลัว ผู้ชายเหมือนกันมันคงไม่มีปัญญาไปแจ้งความ
“แล้วคนที่มึงจะให้จัดการหน้าตาโอเคเปล่าวะ กูจะได้แจมด้วย”
“ไม่เข็ดนะมึง เดี๋ยวก็เจอเพิ่มเป็นยี่สิบล้านหรอก”ผมล่ะหน่ายกับไอ้นัทจริงๆ หาเมียได้โคตรฉลาด นอกจากจ้างนักสืบดูพฤติกรรมแล้วยังตรวจเช็คสภาพร่างกายเวลากลับบ้านอีก ลองมีร่องรอยสักนิดเดียวมีหวังโดนถ่ายรูปเก็บเป็นหลักฐาน มันเคยบอกว่ารอยยุงกัดเมียมันก็ถ่าย มันต้องไปขอใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันว่าเป็นรอยแดงที่เกิดจากการคันเมื่อถูกยุงกัด สมกันจริงๆ คู่นี้ ผมภาวนาให้มันหย่าไม่สำเร็จ
“กูมีรูป มึงดูเอาเองเถอะว่าใช่สเป็ครึเปล่า กูไม่มีความเห็นเรื่องหน้าตาผู้ชายว่ะ”อั๋นหยิบรูปใบเดิมที่เคยขยำจนยับออกมาโยนให้นัทดู ผมเลยชะโงกหน้าไปดูเหยื่อด้วย
ถึงรูปที่มองจะยับย่นขนาดไหน แต่ตอนแรกที่เห็นหน้าเหยื่อชัดๆ ผมกับนัทก็ครางในลำคอด้วยความพอใจเบาๆ พร้อมกัน หน้าตาไม่ได้จัดว่าหล่อหรือน่ารัก ค่อนข้างจะดูเรียบร้อย แต่รอยยิ้มสวยมากครับ มองแล้วรู้สึกอยากยิ้มตาม รูปร่างก็ธรรมดา ไม่ได้ตัวเล็กน่ารัก หรือหุ่นเฟิร์มอะไร ค่อนข้างผอมบางไปสักหน่อย ผิวขาวพอประมาณ อีกอย่างที่เห็นได้จากรูปคือ...สองคนในรูปเหมาะสมกันมากครับ รอยยิ้มและแววตาที่มองให้กันทดแทนความรู้สึกและคำพูดได้ดีจนเกือบลืมไปว่าไอ้คนในรูปมันเป็นเกย์แล้วก็ข่มขืนผู้หญิงในรูปไป ผมถอนหน้ากลับมานั่งกินเหล้าปล่อยให้ไอ้นัทนั่งจ้องรูปด้วยความพอใจเงียบๆ
หลังจากวันนั้นไม่ถึงสัปดาห์พวกเราก็มีวันหยุดนักขัตฤกษ์โดยไม่ต้องลาพักร้อน เพื่อนในกลุ่มอีกสี่คนที่อยากไปเที่ยวก็ขอร่วมเดินทางแต่ไม่ร่วมแจมด้วยเพราะมันเป็นชายแท้ ผม นัทและไอ้อั๋นไปดักรอเหยื่อที่ปากซอยเข้าหอพัก อั๋นมันรู้เวลาเลิกเข้าออกของเหยื่อที่มันตามสืบ เราจอดรถไว้ข้างทางแล้วนั่งรอ
“ว่าแต่ชื่ออะไรวะ”เหยื่อคนนี้คงเป็นที่สนใจของอั๋นมากถึงขนาดต้องถามชื่อ
“พาย”
“ชื่อน่ากินซะด้วย”ผมยิ้มขำในคำพูดประชดตัวเอง ที่บ้านผมนอกจากจะทำรีสอร์ทแล้วยังมีไร่องุ่น ส่วนหนึ่งไม่แปรรูป และอีกส่วนนำไปแปรรูปเป็นไวน์เพื่อจำหน่ายทั้งในและนอกประเทศ และแน่นอน...องุ่นบางส่วนก็แปรรูปให้อยู่ในรูปแบบของขนม....พายองุ่น....ค่อนข้างจะเป็นของฝากที่นิยมของรีสอร์ทรองจากไวน์ที่มีราคาแพงกว่า และเพราะเห็นตั้งแต่เด็กเลยค่อนข้างจะเอียน....แล้ว...พายที่เป็นคน.....จะรสชาดแบบไหนกัน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
