
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 45"แหม ไม่รู้นะเนี่ยว่าพี่ตั้มก็มีมุมอ่อนโยนแบบนี้เหมือนกัน"
"เขา ไม่เรียกว่าอ่อนโยนหรอกนุ เรียกว่าฝังใจดีกว่า พอดีตอนที่โดนข่มขืนน่ะพายกินเข้าไปโดยไม่รู้เพราะถูกปิดตาอยู่ เกือบตายเลนะ โชคดีที่พี่นพไม่อยากให้น้องเป็นฆาตกรเลยรักษาให้ โชคดีจริงๆ"ผมพูดไปแล้วก็ยิ้มประชดตัวเองที่ตอกย้ำความเจ็บปวดในครั้งนั้น แต่มันเจ็บจนชินแล้ว แบ่งๆ กันรับไปบ้างแล้วกัน
"พาย!! อย่าลามปามพี่นพนะ"ไม่แปลกใจเลยที่มันจะตะคอกใส่ผม
" ลืมไปว่าแตะไม่ได้ งั้นก็ทานกันไปแล้วกันนะครับ ผมไม่หิว ขอไปนั่งรอข้างนอก”ผมพูดจบก็ลุกเดินออกมาโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของมัน เดินมาจนถึงรถที่จอดไว้แต่ไม่มีเก้าอี้ให้นั่งรอผมเลยนั่งลงบนขอบฟุตบาท
“เป็นบ้ารึไงมานั่งซุกอยู่ตรงนี้น่ะ”ผมนั่งไม่ถึงหนึ่งนาทีมันก็เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ผมเงยหน้าไปมองแล้วก้มลงตามเดิม
“ลุกไปกินข้าว คนอื่นเขารออยู่”
“ไม่หิว”
“อย่าทำตัวเรื่องมากได้มั้ย พี่นพพี่หน่อยเขาแก่กว่าพายเกือบสิบปียังไม่รู้จักเคารพอีก ลุกเร็วๆ”
“ก็บอกว่าไม่กินไง โอ๊ย!!”ผมพูดได้ไม่เท่าไหร่มันก็ฉุดมือให้ลุกขึ้น แล้วดันจับข้อมือด้านที่พันแผลไว้เสียด้วยสิ
“อ๊ะ! เจ็บเหรอ”มันปล่อยมือผมทันที ครั้งที่สองแล้วที่เป็นแบบนี้ ผมค่อนข้างแน่ใจแล้วว่า....แผลนี้มีประโยชน์จริงๆ
“เจ็บสิ อยากรู้ว่าเจ็บแค่ไหนก็ลองกรีดข้อมือตัวเองบ้างแล้วกัน”
“ถามดีๆ ก็อย่าประชด แผลเปิดหรือเปล่าเอามือมาดู”
“เป็น หมอรึไง”ผมชักมือไปไว้ด้านหลังแล้วเดินกลับเข้ามาในร้าน ได้ยินฝีเท้ามันเดินตามห่างๆ บรรยากาศบนโต๊ะเงียบจนน่าอึดอัด คำพูดของผมเมื่อครู่คงทำให้รู้สึกแย่กันไปหมด พี่หน่อยส่งยิ่มแบบฝืนๆ มาให้เมื่อเห็นผมเดินกลับมานั่งข้างๆ ผมรู้ว่าคำพูดผมทำร้ายจิตใจคนฟัง รู้ด้วยว่าไม่ควรพูด แต่ก็ไม่คิดจะเอ่ยคำขอโทษใคร ผมตักทอดมันส่งให้พี่หน่อยพี่หน่อยและนุแทนคำที่ไม่อยากพูดแล้วก็ลงมือทาน อาหารตรงหน้า กับบรรยากาศบนโต๊ะที่ดีขึ้นทันตา
ระหว่างทางผมผลอยหลับ ไปเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการอ่านหนังสือสอบมาหลายคืน รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็มาถึงที่หมายปลายทางเรียบร้อย วินาทีแรกที่ก้าวเท้าลงจากรถก็ต้องสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดให้ลึกๆ อากาศตอนใกล้ค่ำรู้สึกเย็นสบายกำลังพอดี ด้านหน้ามองไปเห็นทิวเขาไกลๆ บ้านพักหลังใหญ่ด้านข้างให้บรรยากาศอบอุ่นด้วยการปลูกสร้างด้วยไม้สลับกับ ปูนบางส่วน บ้านหลังงามนี้ตั้งอยู่บนเนินที่สูงที่สุดบริเวณนี้ก็ว่าได้ มองลงไปด้านล่างมีบ้านพักหลายขนาดตั้งไล่ระดับลงไป มองไปไกลๆ ที่ด้านซ้ายมีต้นไม้ปลูกเป็นแนวยาว คาดว่าหลายสิบไร่ อาณาเขตของรีสอร์ทกับไร่ถูกกั้นด้วยแนวรั้วสูงที่ไม่สามารถปีนข้ามไปได้ ง่ายๆ ทำได้เพียงแค่ชื่นชมอยู่ไกลๆ
“สวยจังเลยเนอะพาย อากาศก็ดี เห็นไร่องุ่นแล้วอยากไปดูใกล้ๆ จัง”นุเดินมาพูดกึ่งเพ้ออยู่ข้างๆ ผมพยักหน้าตามคำพูดนั้นอย่างไม่อาจบ่ายเบี่ยง
“เข้าบ้านกันเถอะเด็กๆ ”พี่นพตะโกนเรียกจากบันไดบ้านไม่กี่ขั้นเพื่อเดินขึ้นไปบนระเบียงไม้หน้า บ้าน ผมเดินไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าในมือพี่นพมาถือไว้เองแล้วคว้าแขนนุแล้วเดินตาม เข้าไป กลัวว่าเพื่อนคนนี้จะเผลอเหม่อจนเดินพลาดตกลงไปข้างล่าง ถึงไม่สูงชันแต่ตกไปก็คงเจ็บน่าดู
“พอดีบ้านนี้มีห้องพักแขกแค่สอง ห้อง นุกับพายนอนด้วยกันได้มั้ย”พี่นพพาเดินผ่านห้องรับแขกกับห้องเล่นมาจนถึง หน้าห้องพักห้องใหญ่ ด้านในเตียงนอนขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง นอกจากนั้นก็มีเฟอร์นิเจอร์หลายอย่าง ดูๆ ไปมันก็คือห้องพักสำหรับแขกนั่นเอง
“ความจริงพายนอนห้องแม่ก็ได้นะครับ”คำพูดคำทำเอานุหน้าเสีย ก้มหน้านิ่งไม่สบตาผม
“ไม่ ใช่ว่าพายไม่อยากนอนกับนุนะ แต่ถ้านอนห้องแม่ก็จะได้ไม่ต้องเปิดห้องให้นอนไงครับ นุก็ไปนอนด้วยกันไง”ผมแก้ไขความเข้าใจผิดให้ นุเงยหน้ามาส่งยิ้มพร้อมกุมมือผมแทนการตกลง
“ไม่เป็นไรหรอก นอนกันห้องนี้ล่ะ พี่ให้เด็กทำความสะอาดรอไว้แล้วด้วย จัดของกันไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่พาไปดูรอบๆ รีสอร์ท”พี่นพพูดจบก็เดินจากไปพร้อมพี่หน่อย ผมปิดประตูห้องลง พอหันกลับมาก็เห็นนุเดินไปทิ้งตัวนอนแผ่อยู่กลางเตียงสีขาวเสียแล้ว
“ที่ นี่สวยจังเลยเนอะพาย ไม่คิดเลยว่านุจะได้มาอยู่ห้องสวยๆ แบบนี้”นุคลึงนิ้วกับก้านดอกลีลาวดีบนหมอนเบาๆ สีหน้าดูอิ่มเอมมีสุขอย่างที่พูดออกมา สถานะทางครอบครัวเราสองคนก็ไม่ต่างกัน ผมยังดีกว่านุที่มีแม่ แต่นุไม่มีใคร ไม่แปลกใจหรอกที่จะรู้สึกดีใจที่ได้มาเที่ยวที่นี่
“พาย อาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวออกไปเดินเล่นรอบๆ กัน เมื่อกี้มองไกลๆ เห็นสระว่ายน้ำด้วย”ผมเปิดตู้เสื้อผ้าเอากระเป๋าของตัวเองและนุใส่เข้าไป หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำ จากที่คิดว่าห้องนี้สวยแล้ว ห้องน้ำเป็นอะไรที่ทำให้ตกใจเลยครับ สิ่งแรกที่เห็นคือกระจกบานใหญ่ด้านซ้ายมือกับอ่างล้างหน้า เยื้องไปด้านซ้ายมีชักโครกตั้งอยู่ ผมเหลียวมองหาฝักบัวตั้งนานก็ไม่พบ ด้านนอกเป็นพื้นไม้แผ่นใหญ่ว่างเว้นระยะห่างกันเล็กน้อย ริมสุดฝักบัวกลมๆ ขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากผนังไม้ สำคัญสุดคือ....ไม่มีเพดาน ด้านบนเปิดโล่งมองไปเห็นท้องฟ้า ข้างบนผมไม่กลัวว่าใครจะมองเห็นหรอก อยู่สูงแบบนี้แล้ว แต่ข้างล่างนี่สิ ช่องว่างของพื้นไม้ไม่รู้จะมีใครมาแอบส่องหรือเปล่า ถ้าให้ยืนอาบตรงนี้มีหวังอาบได้ไม่สงบแน่ๆ
“นุๆ”ผมร้องเรียกนุให้เดินเข้ามาในห้อง สิ้นคำนุก็วิ่งพรวดเข้ามาหน้าตาตื่น
“อะไรพาย เป็นอะไร”
“เปล่า ยังไม่เป็น แต่พาย....ไม่กล้าอาบน้ำน่ะ”ผมยืนบอกแบบเขินๆ
“ทำไมล่ะ”
“ก็.....มันโล่งๆ ยังไงไม่รู้”
“อืม...โล่งจริงด้วย แต่คงไม่มีใครมาปีนดูหลอกมั้ง”
“แล้ว ข้างล่างล่ะ อาบแบบพะวงแบบนี้คงไม่ดีมั้ง”ผมชี้ให้นุก้มลงมองพื้นไม้ที่เหยีบอยู่ นุทรุดตัวนั่งลงกับพื้นแล้วก้มลงเอาหน้าแนบกับพื้นไม้ มองลงไประหว่างช่องว่างเล็กๆ
“นุมองไม่เห็นอะไรเลย คงมีอะไรปิดไว้อีกชั้นมั้ง แต่ถึงไม่มีก็มองไม่เห็นหรอก พายลองดูสิ”นุพูดจบผมก็ทำตามนุว่า ถึงมันจะห่างพอให้มองเห็น แต่กลับมืดสนิทมองไม่เห็นอะไร
“ถ้าพายกลัวก็ปิดไฟอาบแล้วกัน ห้องน้ำสวยดีนุชอบ เดี๋ยวนุจะได้อาบต่อ”นุเสนอทางแก้ที่ผมค่อนข้างเห็นด้วยและคิดว่าจะทำตาม
หลังจากผลัดกันอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยพี่หน่อยก็เดินมาตามพวกผมสองคนออกไปหาพี่นพกับมันที่รออยู่ข้างๆ รถกอล์ฟสองคัน
“ยัง ไม่หิวกันใช่มั้ย เดี่ยวพี่พาชมรีสอร์ท แต่นี่ค่ำแล้วคงเข้าไร่ไม่ได้ ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปแล้วกันนะ”พี่นพสตาร์ทรถคันเล็กโดยมีพี่หน่อยเดินไปนั่ง เคียงคู่ ผมยืนมองอย่างชั่งใจ รถของพี่นพมีที่นั่งแค่สองที่ แต่อีกคันมีสำหรับสี่ที่ นุเองก็รอให้ผมตัดสินใจเหมือนกับคนอื่น
“พาย ไปนั่งข้างหลังกัน จะได้ดูวิว หันหลังลงเนินคงตื่นเต้นดีเนอะ”นุจับมือผมไปที่รถอีกคันพร้อมดึงให้ผมนั่งลง ข้างๆ อย่างน้อยก็ไม่ได้นั่งข้างมัน ไม่ได้เห็นหน้ามัน หันหลังมองวิวแบบนี้ดีกว่าเยอะ
“จับดีๆ นะสองคนนั้นน่ะ อย่ามัวแต่มองเพลิน”พี่หน่อยส่งเสียงเตือนมาจากรถอีกคันที่เริ่มเคลื่อนตัว ลงไปด้านล่าง พอมันเริ่มสตาร์ทรถผมกับนุก็รีบมาที่จับไว้ด้วยความตื่นเต้น การนั่งหันหลังสวนกับทิศทางที่เคลื่อนไปทำให้หวั่นใจแปลกๆ แต่ด้วยความช้าของรถก็ทำให้ความกลัวคลายลง พอรถลงมาสู่ทางราบด้านล่างก็เริ่มรู้สึกสนุก บ้านพักหลายหลังที่ผ่านมามีลูกค้าหลายคนกำลังทำกิจกรรมอยู่ลานหน้าบ้าน ชาวต่างชาติบางคนก็โบกมือโบกไม้ให้ ผมกับนุนึกสนุกเลยโบกตอบ
“ข้าง หน้ามีสนามบาสกับเทนนิส ถ้าว่างๆ จะมาเล่นกันก็ได้”เสียงพูดดังมาจากคนขับที่นั่งเงียบมาตลอดทาง ความจริงถ้าพี่นพขับคันนี้แล้วคอยแนะนำสถานที่คงดีกว่านี้
“พายบอกว่ามีสระว่ายน้ำด้วย ไปว่ายได้มั้ยพี่ตั้ม”นุเอี้ยวตัวไปถามด้านหลัง
“ไปได้ พรุ่งนี้ถ้าว่างก็หัดขับรถกอล์ฟนี่แล้วกัน จะไปไหนจะได้ไปกันเอง”
“แล้วพรุ่งนี้พี่ตั้มไม่อยู่เหรอ เห็นพี่นพบอกว่าจะพาไปไร่นี่”
“ก็ไปดูงานในไร่นั่นล่ะ ไม่รู้จะเสร็จตอนไหน”
“นึกว่าจะพาเที่ยวซะอีก แต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เราค่อยไปว่ายน้ำกันเนอะพาย ไม่ได้ว่ายตั้งนานแล้ว”
“อืม เอาสิ”ผมพยักหน้าตอบช้าๆ พรุ่งนี้มันไม่อยู่ก็ดี ผมจะได้เที่ยวให้มีความสุขหน่อย
“แผลเป็นไงบ้าง ให้พี่นพดูรึยัง”
“.............”อันที่จริงผมก็รู้นะว่ามันถามใคร แต่ไม่จำเป็นต้องตอบนี่
“อะไร แผลเปิดเหรอพาย ไม่เห็นบอกเลย”นุพยายามคว้าข้อมือผมไปพลิกดูหาร่องรอย แต่ก็ไม่มีอะไร
“ไม่ ได้เป็นอะไรสักหน่อย”ผมดึงมือกลับมาจับราวเหล็กข้างๆ ตามเดิม ความจริงถ้าแผลผมเปิดก็คงสนุกพิลึก ได้เห็นสีหน้าแปลกๆ และท่าทางกระวนกระวายของมันแล้วสะใจดี
“พายยิ้มอะไรน่ะ”
“เปล่านี่ แค่อารมณ์ดี”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ป.ล. พายก็ยังคง สุดยอด
