
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 47“ถ้าไม่ต้องการให้นุอยู่ที่นี่พี่จะส่งนุกลับพรุ่งนี้ ว่าไง เอาตามนี้ดีมั้ย อยู่คนเดียวในถิ่นของศัตรูที่ตัวเองเกลียด ไม่ต้องมีคนที่คอยพูดคอยหยอกล้อด้วยได้ มีแต่หมอกับจิตแพทย์ที่คอยเฝ้าดูเพื่อรักษาร่างกายกับจิตใจที่ฟุ้งซ่าน ว่าไงล่ะ จะเอายังไง ให้ทำแบบไหนดีพายถึงจะสงบลงบ้าง ทำแบบไหนถึงจะเลิกพาลใส่คนอื่น ทำแบบไหนดี”
“..........ถ้าไม่ให้ลงกับคนอื่น....แสดงว่าลงกับคุณได้งั้นสิ”
*************************************
"......ตามสบาย"คำตอบรับง่ายๆ เหมือนไม่สนใจว่าผมต้องการอะไร ไม่ใส่ใจอะไร อาการและท่าทางแบบนี้ยิ่งทำให้ผมโมโห
"หมายความว่าไง ให้ผมทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ"
"มีปัญญาทำอะไรก็ทำสิ เคยห้ามได้ด้วยเหรอ"
"งั้นต่อไปนี้อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก"
"ไม่ พี่บอกให้พายทำ ไม่ใช่ว่าพี่ต้องทำ"มันเงยหน้ามาอธิบายผมครู่เดียวแล้วก็หยิบแก้วน้ำยกขึ้นดื่ม
" อ้อ....ที่แท้ก็หมายความว่าอย่างนี้นี่เอง งั้น....."เพียงแค่คิดอยากท้าทายกับท่าทางนิ่งเฉยของมัน ผมคว้าจานข้าวอยู่ปาออกไปที่หน้าต่างที่หลังโซฟา จานกระเบื้องปะทะกับกระจกบานใหญ่ที่เปิดแง้มไว้แตกกระจาย
"ทำบ้าอะไรพาย!! นี่มันบ้านพี่นพนะ ทำอะไรหัดเกรงใจคนอื่นบ้าง"มันลุกขึ้นมาประจันหน้ากับผม ผมเองก็ไม่หนีเหมือนกัน
"ก็คุณบอกเองนี่ว่าทำอะไรก็ได้"
"ถ้าอยากพังข้าวของก็ไปพังที่บ้านพี่โน่น ไม่ใช่มาอาละวาดที่บ้านหลังนี้"
" บ้านที่คุณทำเรื่องชั่วๆ ไว้กับผมน่ะเหรอ จ้างให้ก็ไม่คิดจะไปเหยียบหรอก แต่ระวังไว้หน่อยก๊ดีนะ เผื่อบางทีผมอาจเผลอทำไฟไหม้ขึ้นมาก็ได้"
" อ้อ...อยากทำอย่างนี้นี่เอง เอาสิ อยากทำอะไรก็ทำ เดี๋ยวพาไปตอนนี้เลยแล้วกันจะได้ไม่เผาผิดหลัง"มันพูดจบก็คว้าข้อศอกผมแล้ว ลากออกไปนอกบ้าน ดันผมให้นั่งข้างๆ บนรถกอล์ฟ สะบัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด ยิ่งดิ้นมากก็ยิ่งเป็นจุดเด่นให้แขกที่มาพักเหลียวมองกันตลอดทาง สุดท้ายเลยต้องก้มหน้านั่งนิ่งๆ จนมันขับมาทางที่ไม่คุ้นเคย ทางแยกเล็กๆ ที่ไม่ได้ลาดปูนทางซ้ายมือแสดงว่าสถานที่ที่กำลังเลี้ยวไปไม่ใช่เส้นทางที่ คนทั่วไปเข้ามาบ่อยนัก ต้นไม้ใหญ่หลายต้นปิดบังด้านนอกและด้านในจนยากที่มองเข้ามาเห็นได้ชัด แต่ก็สามารถมองเห็นบ้านหลังเล็กๆ ที่ชิดริมรั้วได้ บ้านที่อยู่ตรงหน้าไม่ต่างจากบ้านพักที่ผ่านมา เพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่านิดหน่อยและมีสวนหย่อมรอบๆ ที่แสดงความแตกต่าง
"ผมจะกลับ"ทันทีที่มันปล่อยมือผม มันก็เดินลงไปไม่สนใจผมที่นั่งอยู่
"อ้าว ไม่เข้ามาเผาบ้านก่อนรึไง"
"....."
"จะลงมาดีๆ หรือให้อุ้มมา"มันหันมาพูดพรางไขกุญแจบ้านที่ยกพื้นสูงสามสี่ขั้น
"พามาทำไม ผมไม่เข้าไปหรอกนะ"ผมยังคงปักหลักอยู่บนรถอย่างเหนียวแน่น ให้ตายก็ไม่กลับเข้าไปเหยียบอีกหรอก
".....ไม่ใช่หลังที่คิดหรอกน่ะ"เหมือนมันจะเดาออกว่าทำไมผมไม่ลงไป
"ผมจะกลับแล้ว เดี๋ยวพี่หน่อยกลับมาไม่เจอจะเป็นห่วง"
"รู้ด้วยหรือไงว่าทำให้คนอื่นห่วง......ลงมาเร็วๆ มีเรื่องจะคุยด้วย"มันเองก็ยืนปักหลักหน้าประตูไม้เช่นเดียวกับผมที่นั่งอยู่ที่เดิม
"คุยอะไร คุยก็ตรงนี้ก็ได้ ห่างจากหลังอื่นตั้งเยอะ ไม่มีใครได้ยินหรอก"
"เรื่องมากจริง บอกให้ลงดีๆ ไม่ชอบ"มันพูดจบก็ปราดเข้ามาจนเกือบถึงตัวแล้วทำท่าจะอุ้มผมลงจากรถ
" เฮ้ย! ไม่ต้องๆ เดินเองได้ ปล่อย"ผมรีบโวยวายแล้วถอยไปลงรถอีกฝั่ง ปล่อยให้มันเดินนำเข้าบ้านแล้วถึงได้เดินเข้าไปด้านในโดยจไม่ปิดประตูเพื่อ ความปลอดภัย
"มีอะไรจะคุยก็รีบคุย ผมไม่อยากอยู่กับคุณนานนักหรอก"ผมยืนนิ่งกลางห้องโถง ส่วนมันนั่งบนโซฟา
"ทำไม กลัวอะไร ไม่จับปล้ำหรอกน่ะ"
"จะคุยก็รีบคุย!!"
"สัปดาห์หน้า.....อั๋นจะพาแพรมาที่นี่"
"..... มาที่นี่.....แพร...อยากคุยกับผมเหรอ"คำพูดมันทำให้นิ่งไป ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้ ไม่คิดว่าแพร...จะยังอยากพบกับผมอยู่ ในเมื่อผมเป็นต้นเหตุให้เธอพบกับเรื่องเลวร้ายแบบนั้น
"อืม เห็นว่ามีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ แต่ช่วงนี้ยุ่งๆ กันอยู่ ได้ข่าวว่าจะหมั้นกับไอ้อั๋นก่อนกลับไปเรียนอเมริกา"
".... หมั้น.........ดีจัง"จะแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรก็คงไม่ได้ ยอมรับว่าเมื่อได้ยินคำว่าหมั้น ในอกมันก็รู้สึกวูบไหวแปลกๆ ไม่ถึงขั้นเสียใจ แต่ก็...พูดไม่ได้ว่าดีใจ อย่างน้อย.....เธอ...ก็กำลังจะมีความสุข
"แล้วจะเอาไง อยากเจอไม่อยากเจอ ถ้าไม่จะได้บอกให้มันไม่ต้องพามา"
"......อยากสิ จะมาวันไหนก็บอกผมล่วงหน้าด้วยแล้วกัน"ผมพูดจบก็เห็นมันหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมารับ
"........ ครับ.......ใช่ อยู่กับผม.........ไม่มีอะไรหรอกพี่หน่อย ก็เหมือนเดิมนั่นล่ะ..........อย่าบอกพี่นพล่ะ แล้วเดี๋ยวเย็นๆ จะเอาไอติมไปให้กิน....ล้อเล่นน่า แค่นี้นะพี่ เดี๋ยวจะส่งกลับแล้วครับ"มันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงเสร็จก็ลุกเดิน เข้าไปในตรงข้าม สักพักก็เดินออกมาแล้วก็เดินผ่านหน้าผมไป ผมต้องลุกแล้วเดินตามเจ้าของบ้าน ยืนรออยู่ข้างรถจนเจ้าของบ้านล็อคประตูเสร็จถึงได้หันมา
“ขยับไปนั่งฝั่งนั้น”มันเดินมาฝั่งที่ผมนั่งอยู่แล้วไล่ผมไปนั่งเบาะคนขับ
“ผมขับไม่เป็นนะ”
“ก็ จะสอนนี่ไง เสียบกุญแจตรงหน้า บิดไปทางขวาครั้งแรกคือปลดล็อคล้อ บิดไปอีกครั้งคือสตาร์ทเครื่อง ด้านนี้คือคันเร่ง นี่เบรค อย่าจำสลับกัน ถ้าจะถอยหลังให้ดันตรงปุ่มนี้แล้วเหยียบคันเร่งตามปกติ เข้าใจมั้ย”
“ไม่”พูดโดยไม่ลังเลเลย อะไรที่มันพูดมาไม่ได้เข้าหัวผมเลยสักนิด
“ลองขับดู แค่เหยียบๆ มันก็ไปแล้ว ง่ายกว่าจักรยานอีก เหยียบแรงเท่าไหร่มันก็ไม่เร็ว ไม่ต้องกลัวรถล้ม ลองดู เร็วๆ จะไปทำงานต่อล่ะ”
“..... อ๊ะ!.......”ผมลองเหยียบคันเร่งแต่คงแรงไปรถแล้วพุ่งได้ด้านหน้าจนต้องรีบเห ยียบเบรคแล้วรถก็กระตุก ผมหันไปมองมันแต่ไม่เห็นมันพูดอะไรเลยลองทำซ้ำอีกครั้ง คะเนน้ำหนักการวางเท้าแล้วเหยียบเบาๆ รถค่อยๆ เคลื่อนไปช้าๆ ผมลองหมุนพวงมาลัยซ้ายขวาวนไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น
“ลองถอยหลังดู”มันพูดจบผมก็ลองทำตามทันที
“........ง่ายแฮะ”
“ตอน ขึ้นเนินที่บ้านใหญ่ก็เหยียบแรงๆ หน่อย แต่อย่าแรงมากเดี๋ยวขึ้นไปแล้วเบรคไม่อยู่ นี่กุญแจสำรองบ้านนี้ เผื่ออยากแวะมาจุดไฟตอนไหนก็มาแล้วกัน”กุญแจสีเงินดอกเล็กๆ ถูกยัดใส่มือแล้วมันก็กระโดดลงจากรถที่เคลื่อนช้าๆ โดยไม่รอให้ผมจอด
“ไม่เอา!”ผมเหยียบเบรคแล้วชูกุญแจขึ้นมาเตรียมขว้างทิ้ง
“ไม่ เอาก็โยนทิ้งไป แล้วรีบกลับไปได้แล้ว พี่หน่อยรออยู่”มันพูดจบก็เดินไปทางข้างบ้าน ฝั่งตรงข้ามกับรั้วอยู่ใกล้ห้องแล็บนิดเดียว คิดว่ามันคงกลับไปทำงานต่อในนั้น ผมมองกุญแจในมือแล้วก็เก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้คืนพี่นพที่บ้านดีกว่า
ก่อน ที่ผมจะขับรถกอล์ฟกลับบ้าน ผมก็ขับเล่นรอบๆ รีสอร์ทด้วยความเพลิดเพลิน ช่วงที่ขับขึ้นเนินค่อนข้างหวาดเสียวเพราะกลัวรถไหล พอผมกลั้นใจเหยียบให้เร็วๆ ชึ้นก็เกือบพุ่งชนรถอีกคันที่จอดอยู่ ผมจอดรถสนิทก็เดินกลับเข้าบ้าน มองไปที่กระจกที่แตกแต่ไม่มีเศษอาหารตกอยู่ คงมีคนทำความสะอาดไปแล้ว พี่หน่อยกับนุกำลังเตรียมอาหารกันอยู่ในครัว
“พาย! เป็นอะไรมั้ย”นุรีบเข้ามาถามผมทันทีที่เห็นหน้าผม พลิกตัวผมให้หมุนจนวุ่นวายไปหมด
“ไม่ เป็นไรๆ พายไปขับรถเล่นรอบๆ รีสอร์ทมาด้วยล่ะนุ ตอนนี้ขับรถกอล์ฟเป็นแล้วนะ อยากไปไหนบอกมาเลยเดี๋ยวพาไป”ผมรีบอวดเรื่องที่เพิ่งทำมาให้นุฟังด้วยน้ำ เสียงตื่นเต้นเต็มที่
“โห มาอวดกันด้วย อยากขับเป็นมั่ง สอนหน่อยสิ”
“ได้ๆ แล้วนี่ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย”
“ตอนแรกอยากทำบาร์บีคิวอย่างเดียว แต่พี่หน่อยน่ะสิอยากกินสุกี้ด้วย ไม่เห็นจะเข้ากันเลย”
“ว่าแต่พี่นะเราน่ะ นุก็ยังบอกอยากกินสลัดเลย”
“แหะ แหะ ก็...เห็นผักมันสดดีนี่นา”
“สลัด ไว้กินพรุ่งนี้เช้าดีกว่ามั้ง ตอนเย็นอากาศคงเย็นลง สุกี้น่าจะเหมาะกว่า”ผมเสนอทางออกที่ทั้งสองคนเห็นด้วยให้ เราช่วยกันเตรียมของสดสำหรับอาหารสองอย่างจนเสร็จแล้วแยกย้ายกันไปอาบน้ำ พี่นพกลับมาถึงก็ถูกพี่หน่อยโยนหน้าที่เสียบบาร์บีคิวให้ทันที เมื่อของทุกอย่าเสร็จเรียบร้อยเราสี่คนก็ตั้งโต๊ะนั่งทานกันที่สนามเล็กๆ หน้าบ้านโดยไม่รออีกคนที่ยังไม่กลับมา
หลังจากเริ่มทานกันไปสัก พักอีกคนก็กลับมาพร้อมไวน์และน้ำองุ่นอย่างละสองขวด แถมด้วยไอศครีมถ้วยใหญ่สองถ้วย บทสนทนาส่วนใหญ่มีพี่นพและพี่หน่อยผูกขาดโดยมีคนที่เหลือคอยเสริม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการหยอกล้อกันเรื่องแต่งงาน พี่หน่อยยังไม่สามารถลาออกมาอยู่กับพี่นพที่นี่ได้ ต้องรออีกสองเดือน พี่นพคงต้องเฝ้าเรือนหอคนเดียว การแต่งงานของทั้งคู่และข่าวการหมั้นของน้องแพรทำให้ผมอารมณ์ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใดที่น้องแพรอยากพบผม...ผม...ก็อยากคุยกับเธอเหมือน กัน
ไวน์สองขวดไม่ได้ทำให้นักดื่มสามคนนั้นเมาได้เลย ผมที่นั่งดื่มน้ำองุ่นคนเดียวกลับรู้สึกง่วงจนขอตัวมานอนก่อนใคร ได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานดังรอดเข้ามาถึงในห้อง บรรยากาศแห่งความสุขที่ไม่ได้คุ้นเคยมานาน หวังว่า....ผมจะได้อยู่ในบรรยากาศแบบนี้บ้างสักวัน
สัมผัสแผ่วเบา ข้างแก้มทำให้รู้สึกรำคาญเมื่อมีสิ่งกวนใจขณะนอนหลับ ฝ่ามือลูบไล้เบาๆ ตามโครงหน้าพร้อมความอบอุ่นนุ่มนวลบริเวณหน้าผากและข้างแก้มทำให้สะดุ้งสุด ตัวเมื่อรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังสัมผัสผมอยู่ ทันทีที่ลืมตาก็ต้องอ้าปากค้างแล้วโถมเข้าใส่เจ้าของฝ่ามืออบอุ่นนั้นเต็ม แรง
“แม่!!!!”
“ไงหนุ่มน้อยขี้เซา นอนกินบ้านกินเมืองเชียวนะเรา”แม่ปัดผมที่ปรกหน้าออกแล้วประคองหน้าผมไว้ด้วยฝ่ามือเล็กๆ ทั้งสองข้าง
“...แม่.....แม่.....คิดถึงจังเลย”
“อะไรกัน ตื่นมาก็ร้องไห้ ฝันร้ายเหรอลูก”
“อืม...ฝันร้ายมากๆ แต่ตอนนี้...ตื่นแล้ว”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------

พายเจอแม่แล้ว