
เอามาลงให้แล้วนะ
***********************************************************************************************
ตอนที่ 58ผมเดินเข้ามานั่งในรถ ภาพและความรู้สึกซ้ำซ้อนกันเมื่อเช้าไม่มีผิด บรรยากาศในรถช่างน่าอึดอัด วินาทีแรกที่เห็นเขายืนพิงรถอยู่ก็นึกขึ้นมาในใจว่า'นึกแล้ว' ผมไม่ได้คิดล่วงหน้าว่าเขาจะทำอะไร จะมาดักรอผมหรือไม่ แต่มันรับรู้ได้เองโดยอัตโนมัติ เรียกว่าร่างกายและความคิดผมมันจดจำได้เองคงจะใช่
"กินข้าวรึยัง"เขาขับรถมาจนใกล้ถึงมหาฯลัยถึงได้เอ่ยปากถามคำถามแรก
"กินกับทิวกับจิ๋วมาแล้ว"
"อืม เรียนแค่สองชั่วโมงใช่มั้ย งั้นพี่รออยู่แถวๆ หน้ามหาฯลัยนะ"
"เลยประตูรั้วไปมีร้านกาแฟเล็กๆ อยู่ คุณนั่งรอผมที่นั่งก็ได้ เขามีอาหารตามสั่งขายด้วย"
"อืม เลิกเรียนก็เดินมาหาที่ร้านแล้วกัน"เขาพูดจบรถก็มาจอดเทียบหน้าตึกเรียนพอดี ผมเดินลงโดยไม่รีรอเหมือนเมื่อวานและเมื่อเช้า แต่คนขับยังคงจอดรอและมองผมจากในรถเหมือนเดิม
วันนี้มีเพื่อนหลายคนถามถึงทิว ผมก็ได้แต่บอกไปว่าทิวไม่สบายและก็เช็คชื่อแทนไปก่อน เทอมสุดท้ายนี้ผมรู้สึกว่าเพิ่งได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมห้องจริงๆ จังๆ เป็นเพราะเมื่อก่อนผมเอาแต่เรียนและทำงานหรือเปล่า ถึงได้ไม่ค่อยสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมห้องเท่าไหร่ เพื่อนหลายคนบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกับผมตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว แต่ดูผมค่อนข้างเงียบและเรียบร้อย บางครั้งพวกเขาเลยไม่รู้จะหาเรื่องอะไรคุยด้วย อีกเหตุผลคือข้างๆ ผมมักมีทิวเป็นคู่ซี้อยู่เสมอ เพิ่งรู้วันนี้เองว่าหลายคนมองว่าผมกับทิวมีความสัมพันธ์เกินเพื่อน แต่ถ้ามาย้อนนึกดู ผมก็เถียงไม่ค่อยออก ตลอดเวลาเกือบสี่ปีแทบไม่มีวันไหนเลยที่ข้างกายผมไม่มีทิว
"ทิวเหรอ"คนที่ผมกำลังนึกถึงโทรมาทันทีที่เลิกเรียน
"เลิกเรียนแล้วใช่มั้ย พายเช็คชื่อให้ทิวหรือเปล่า"
"เช็คสิ ปกติถ้าทิวขาดพายก็เช็คให้อยู่แล้วนี่ แถมวันนี้เพื่อนๆ ถามถึงทิวกันหลายคนเลยนะ"
"เหรอ แล้วพายบอกเพื่อนไปว่าไง"
"ก็บอกว่าทิวป่วย ความจริงอยากบอกว่าป่วยการเมืองมากกว่า"
"ทิวป่วยจริงๆ ไม่ได้ป่วยการเมืองสักหน่อย พูดงี้ทิวเสียหายหมด"
"ครับๆ รู้ว่าป่วยจริง แล้วก็รีบๆ หายด้วยล่ะ พายไม่อยากนั่งเรียนคนเดียว เข้าใจมั้ย"
"...พายก็มาเยี่ยมทิวบ่อยๆ สิ เลิกเรียนแล้วนี่ แวะมาหาทิวก่อนกลับได้มั้ย ยังไม่เย็นเลย"
"อืม...ก็ได้นะ เดี๋ยวจะเอาหัวข้อรายงานไปให้เลือกด้วย ต้องทำส่งก่อนสอบมิดเทอม"เทอมสุดท้ายไม่ค่อยมีวิชาที่ต้องนั่งเรียนเท่าไหร่ แต่มีรายงานให้ทำส่งเยอะเชียว
หลังจากวางสายจากทิวผมก็เดินออกมาเรื่อยๆ จนถึงร้านกาแฟ คนที่มาส่งก็ยังคงรอรับกลับอย่างที่พูดเอาไว้ พอเห็นผมเดินเข้าไปในร้านเขาก็ปิดโน้ตบุ๊คแล้วเดินนำผมไปที่รถ
"ผมจะไปหาทิวก่อนกลับนะ"ทันทีที่เข้ามานั่งเรียบร้อยผมก็เริ่มพูดก่อน
"ตลกเกินไปมั้งพาย เห็นพี่เป็นอะไร คนขับรถเหรอ"น้ำเสียงกลั้วหัวเราะจากเขามาพร้อมคำประชดเหมือนเคย
"งั้นผมนั่งรถไปเองก็ได้ ถ้าคุณไม่สะดวก"เขาประชดมา แต่ผมไม่ได้ประชดกลับ ผมตั้งใจทำอย่างที่พูดจริงๆ
"พาย! พี่ยอมพายขนาดนี้แล้วจะเอายังไงอีก จะให้ทำอะไรก็บอกมา อย่ามาทำเหมือนเล่นเกมส์กันแบบนี้ พี่ตามพายไม่ทันหรอกนะ"
"ผมก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ แค่บอกว่าจะไปหาทิว คุณต่างหากที่คิดมากเอง"ผมลอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อเขาขับรถเคลื่อนออกจากที่จอดเพื่อแสดงว่าไม่ยอมให้ผมไปอย่างที่พูดจริงๆ
"เฮอะ! คิดน้อยๆ ได้ไง ก็เห็นๆ กันอยู่ว่ามันเคยคิดทำอะไรกับพาย พอมันทำตัวน่าสงสารหน่อยก็นึกเห็นใจ เรียกร้องอะไรก็เสนอตัวทำให้หมด ต่อไปมันก็คงขอให้พายไปอยู่ปรนนิบัติมันถึงเตียงนั่นล่ะ"
"น่าแปลกที่เราคิดตรงกัน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วมันยังไงเหรอ"
"...พอให้พายคิดจะทำอะไรพี่ก็ไม่มีวันยอมหรอก พี่ไม่ให้พายไปอยู่กับมันอีกแล้ว"
"อ้อ...ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วสินะ ผมคิดว่าคุณจะดีไปได้อีกสักพักนะเนี่ย ความอดทนน้อยกว่าที่คิดอีกนะ"
"พาย!!"
"คุณไม่ต้องตะโกนเสียงดังนักได้มั้ย ไม่พาไปก็กลับห้องสิ ถึงยังไงคุณก็คงไม่จอดรถให้ผมลง แล้วผมก็ไม่บ้ากระโดดลงไปด้วย"ผมเริ่มหมดแรงที่จะพูดด้วยอีก ผมเดาความคิดเขาออกว่าเขาคิดอะไร จะทำอะไร แต่ไม่ได้แปลว่าผมเข้าใจและรับได้ ก็แค่นิ่งเฉย...แค่...อยู่นิ่งๆ
ไอ้การที่ผมนั่งๆ นิ่งๆ มันก็พอช่วยให้ใครอีกคนใจเย็นลงได้บ้าง แต่ก็ไม่นานนักเพราะทิวดันโทรมาพอดี ตอนแรกผมคิดว่าจะยังไม่รับ เพราะไม่อยากได้ยินมันพูดอะไรไม่ได้ให้ทิวได้ยิน แต่ทิวก็โทรถี่จนผมต้องรีบรับสายทันทีที่รถจอด
"ว่าไงทิว"พอผมออกมานอกรถก็รีบเดินเข้าภายในตัวอาคาร ส่วนเขายังมัวเก็บของในรถ คงจะไม่รู้ว่าผมรับโทรศัพท์
"พายถึงไหนแล้ว"
"ขอโทษทีนะ พอดีไม่ได้ไปแล้วนะ พายเพิ่งกลับมาถึงห้อง"
"อ้าว ก็ไหน..."
"ขอโทษจริงๆ เอาไว้พรุ่งนี้พายไปหาแล้วกัน"
"เขาไม่ให้พายมาใช่มั้ย"น้ำเสียงออดอ้อนตอนแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง ก็รู้มานานแล้วว่าทิวใจร้อนและอารมณ์ร้ายแค่ไหน
"ก็ไม่เชิง"
"พายปกป้องมัน...เดี๋ยวนี้พายพูดปกป้องมันแล้วเหรอ"ทิวตะคอกเสียงดังจนผมเลื่อนโทรศัพท์ห่างจากหู
"ทิว....ทิวอยู่กับใคร จิ๋วกับต่ออยู่ด้วยรึเปล่า"
"อยู่สิ พายถามทำไม ไม่อยากคุยกับทิวรึไง"
"ทิวเมารึเปล่าเนี่ย ดื่มอีกแล้วใช่มั้ย"
"ใช่! ทิวเมา ทิวจะดื่มให้หนักเลย พายจะได้มาดูแลทิวอีก พายจะได้สนใจทิวบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้คนอื่นดูแลทิวแบบนี้"
"พายว่าทิวเมามากแล้วล่ะ เอาไว้สร่างแล้วเราค่อยคุยกันใหม่แล้วกันนะ"
"พาย!...พายอย่าเพิ่งวางนะ ไหนบอกว่าให้ทิวโทรหาได้ไง ทิวขอโทษ อย่าโกรธทิวนะ ทิวไม่ดื่มแล้วก็ได้ พายคุยกับทิวก่อนนะครับ"ทิวพูดรัวจนผมฟังแทบไม่ทัน ผมได้แต่ถอนหายใจระหว่างยืนรอลิฟต์
"....ทิวอย่าทำตัวแบบนี้ได้มั้ย ทิวเป็นอะไรไป คนที่เข้มแข็งคอยช่วยเหลือพายมาตลอดหลายปีหายไหน มันเป็นความผิดพายเหรอที่ทำให้ทิวเป็นแบบนี้"ผมพยายามพูดจี้ใจดำของทิว ผมรู้ว่าต่อและทิวต้องคิดแบบนี้ ต่อให้ไม่พูด แต่ก็คงนึกโทษผมอยู่ในใจ
"ไม่ๆๆๆ ไม่ใช่ความผิดพายนะ พายอย่าพูดแบบนี้ ทิวขอโทษนะ พายไม่ผิด ทิวผิดเอง"
"ทิว...ขอร้องล่ะ ห้ามดื่มเหล้าอีกนะ แล้วพรุ่งนี้พายจะไปหา"ผมรีบพูดแล้วรีบวางสาย เขาก็เดินมายืนข้างผมพอดี ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ ท่าทางจะรู้ว่าผมคุยกับทิวอยู่ถึงได้ทำเสียงแบบนี้
วันนี้เรียนแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่เหนื่อยเหมือนอ่านหนังสือสอบข้ามวันข้ามคืน ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนมีความอดทนสูงกว่าคนอื่น ผมมักคิดเสมอว่าการอยู่อย่างสงบเป็นเรื่องที่ดี ไม่มีใครต้องเจ็บ ไม่มีใครต้องเหนื่อย ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนิ่งเสียก็คงไม่มีการทะเลาะกัน แต่นั่นไม่จริง ต่อให้ผมนิ่ง แต่ก็ยังมีเรื่องเข้ามาหาผมเสมอ ผมเลิกคิดว่าตัวเองเป็นตัวซวยมานาน เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคนอื่นกระทำต่อผมทั้งนั้น การที่ผมเลิกคิดไม่ได้แปลว่าผมไม่ได้เป็นแบบนั้น...ผมก็ยังคงซวยอยู่เรื่อยๆ
"พี่จะลงไปออฟฟิศข้างล่าง แล้วอย่าออกไปไหนด้วย"เขาเปิดประตูห้องนอนเข้ามาขณะที่ผมกำลังแยกเสื้อผ้าใส่ตะกร้าเตรียมส่งซัก
"อืม แล้วจะขึ้นมากินข้าวเย็นมั้ยล่ะ ผมจะได้ทำไว้"
"...กิน"ที่ตอบช้าเพราะกำลังตัดสินใจ หรือเพราะไม่เข้าใจคำถามผมก็ไม่รู้
หลังจากเขาออกไปผมก็เก็บของในห้องนอน เสร็จแล้วก็มานั่งทำรายงานในห้องคอมฯ ผมหยิบโทรศัพท์มาโทรหาจิ๋วเพื่อสอบถามอาการของทิว และอยากเช็คให้แน่ใจด้วยว่าจิ๋วอยู่กับทิวจริงๆ
"ว่าไงพาย"
"อืม ทิวเป็นไงบ้างล่ะ"
"ก็บ่นๆ ตามเรื่องตามราว นี่ก็ทุบกำแพงทำเอาแผลเปิดอีกรอบ แต่พายไม่ต้องห่วงหรอกนะ ปล่อยให้มันบ้าไปยังดีกว่านั่งเมาข้ามวันเหมือนเมื่อก่อน"
"แล้วนี่ทิวไปเอาเหล้าจากไหนมากินอีก"
"สงสัยว่าจะแอบไปซื้อตอนที่ต่อออกไปส่งจิ๋ว หรือไม่ก็คงมีเพื่อนมาเยี่ยมแล้วเอามาให้ล่ะมั้ง"
"เฮ้อ...ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกันนะ พรุ่งนี้พายไม่มีเรียน คงไปช่วยได้ทั้งวันน่ะล่ะ"
"อืม พรุ่งนี้พายจะมาตอนไหนล่ะ จิ๋วมีเรียนเช้า ส่วนต่อเรียนบ่าย"จิ๋วถามมาผมก็ตอบว่าไปสายๆ หน่อย คงทันไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน คุยกับจิ๋วอีกสักพักผมก็ขอสายทิว น้ำเสียงทิวที่พูดมาคำแรกฟังดูดีใจมาก ทั้งๆ ที่เราเพิ่งวางสายกันไปไม่นาน
"พายมาหาทิวแน่นะ ไม่เบี้ยวแบบวันนี้นะ"
"แน่สิ ทิวก็ห้ามแตะเหล้าอีกเด็ดขาดเลยนะ ไม่งั้นพายจะไม่ไปหาแล้วก็ไม่รับโทรศัพท์ด้วย"
"ครับๆ ไม่ทำแล้วครับ พายอย่าโกหกทิวอีกแล้วกัน"ทิวพูดเหมือนต่อรอง ผมก็รับปากไปอย่างเสียไม่ได้ ผมพูดเรื่องรายงานให้ทิวฟังคร่าวๆ ทิวก็เอาแต่พูดว่าจะรอทำพร้อมผมทั้งที่เป็นรายงานเดี่ยว แต่ถ้านึกดูแล้วเมื่อก่อนเราก็ทำกันแบบนี้เสมอ ต่อให้รายงานเดี่ยวหรือกลุ่ม ผมกับทิวก็จะนั่งทำด้วยกัน ช่วยกัน ปรึกษากัน ทุกคำพูดของทิวพยายามสื่อถึงความรู้สึกที่อยากบอก...อยากให้กลับไปเหมือนเก่า...แต่มันคงเป็นไปไม่ได้
พอใกล้เวลาเลิกงานผมก็ทำกับข้าวไว้รอเจ้าของห้องขึ้นมากิน แต่วันนี้ไม่ได้กลับมาคนเดียว เพราะพี่นัทกับนุตามมาขอฝากท้องด้วย
"นุมาช่วยพี่นัททำงานหรือไง"ผมแกล้งแซวนุระหว่างที่เรานั่งทานอาหาร
"เปล่า พอดีไปธุระก็เลยแวะมารอกลับพร้อมกัน"
"น่าจะบอกก่อน พายจะได้ทำกับข้าวเพิ่ม"ผมทำแค่สามอย่าง แต่ปริมาณค่อนข้างเยอะเพราะผมชอบทำเก็บไว้อุ่นกินมื้อเช้า
หลังจากทานอาหารเสร็จ นุก็มาช่วยผมล้างจาน นุดูมีความสุขมาก พี่นัทให้นุเลิกทำงานและตั้งใจเรียนให้จบอย่างเดียว นุบอกว่าญาตินุรับรู้แล้วว่าพี่นัทกับนุเป็นอะไรกัน จะเรียกว่านุพาพี่นัทไปเปิดตัวก็ว่าได้ น้องของนุถึงจะยังเด็กแต่ก็รับได้ ผมดีใจที่เห็นพี่นัททำอะไรเพื่อนุแบบนี้ ถึงจะไม่ใช่หลักประกันอะไรที่พอจะยึดได้ แต่ก็ให้ความเชื่อมั่นทางจิตใจ
"นัทมันบอกว่าจะไปซื้อบ้านอยู่ สงสัยคงจะหยุดที่นุจริงๆ ล่ะมั้ง"
"ถ้าได้อย่างนั้นจริงๆ ก็ดี แล้วคุณไม่เสียดายนุบ้างเหรอ"
"พูดอะไรตลกๆ หึงรึไง"
"คุณต่างหากที่พูดตลก ผมไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้ผมไม่มีเรียน แต่จะไปหาทิวตอนเช้าแล้วกลับเย็นๆ"ผมลุกขึ้นจากโซฟาเตรีมเดินเข้าห้องนอน คำพูดของผมมันแสนเรียบง่าย แค่พูดให้ฟัง เป็นเพียงคำบอกเล่า แต่อีกคนคงฟังเป็นประโยคคำถาม
"ไม่ให้ไป"
"ผมไม่ได้อยู่กับทิวตามลำพังหรอกน่า จิ๋วกับต่อก็อยู่ และทิวก็ไม่แข็งแรงพอจะทำอะไรผมได้หรอก"พอผมเดาความคิดเขาได้ ผมก็พูดและทำอะไรได้ตรงประเด็นมากขึ้น
"แล้วจะไปขลุกอะไรอยู่ทั้งวัน ไปเยี่ยมแล้วก็กลับสิ"
"จะไปนั่งทำรายงานกันด้วย"
"จริง"
"แล้วแต่จะคิด แต่ถึงยังไงผมก็จะไปเช้ากลับเย็นอย่างที่บอก"
"เอางั้นก็ได้ แต่เช้าพี่จะขึ้นไปส่งที่ห้อง จะได้รู้ว่ามีคนอื่นอยู่ด้วยจริงหรือเปล่า เที่ยงพี่จะรับไปกินข้าว แล้วตอนเย็นจะขึ้นไปรับกลับ ถ้าไม่ตกลงตามนี้ก็ไม่ต้องไป"
"ตามใจสิ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย"ผมพูดจบก็เดินเข้าห้องนอน ส่วนเขาคงนั่งทำงานข้างนอกต่อล่ะมั้ง ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่จะทำไงได้ ทุกคนก็ทำตามใจตัวเองกันทั้งนั้น ทิวต้องการให้ผมไปหา เขาต้องการตามไปเฝ้าผม ส่วนผม...ก็แค่ต้องการเล่นอะไร...นิดหน่อย
เช้าวันนี้ผมตื่นพร้อมใครอีกคน แต่ถ้าจะพูดให้ถูกคือตื่นที่หลังแต่ลุกพร้อมกันน่าจะถูกกว่า เขาคงกลัวว่าผมจะแอบไปก่อนเลยตื่นเร็วกว่าผม ขณะเดียวกันก็คงไม่อยากให้ผมไปเลยไม่ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเหมือนทุกวัน ผมโทรไปบอกจิ๋วว่าใกล้ถึงแล้ว และมีคนจะตามขึ้นไปส่งบนห้องด้วย จิ๋วก็อ้ำอึ้งเหมือนไม่อยากให้เขาขึ้นไป แต่ก็คงรู้ว่าผมไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน
"สวัสดีครับพี่ตั้ม"จิ๋วเป็นคนเดินมาเปิดประตูและยกมือไหว้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ
"ดีครับน้องจิ๋ว แล้วนี่มีใครอยู่บ้าง"เป็นคนตรงดีจริงๆ
"มีต่ออยู่อีกคนครับ แต่ยังไม่ตื่น"
"อืม งั้นพี่ฝากพายด้วยล่ะ ตอนเที่ยงพี่จะมารับไปกินข้าวแล้วจะพามาส่งบ่ายๆ"
"ครับ"พอจิ๋วรับคำเขาก็หันมามองผมนิ่งๆ จนผมต้องขานรับทั้งที่ยังไม่รู้คำถาม
พอเดินเข้ามาในห้องจิ๋วก็รีบไปแต่งตัวเพราะมีเรียน จิ๋วเข้าไปปลุกต่อในห้องนอน ผมเห็นต่อนอนบนฟูกที่ปูบนพื้นข้างเตียง สงสัยคงนอนด้านล่างกับจิ๋ว ต่อลุกขึ้นมาล้างหน้าแล้วก็ออกไปส่งจิ๋วที่มหาฯลัย ทิวตื่นมาทำหน้าเบลอๆ แต่พอเห็นผมก็ยิ้มกว้าง
"พายมาแล้ว"
"ใช่ มาแล้ว ทิวรีบไปอาบน้ำไป สายป่านนี้แล้วยังไม่ยอมลุกกันอีก เมาหนักรึไง"ผมแกล้งว่าประชด ทิวก็ทำหน้าสลดก่อนจะพึมพำคำว่าขอโทษแล้วรีบไปอาบน้ำตามคำสั่งผมทันที
หลังจากทิวทานข้าวต้มที่จิ๋วซื้อมาไว้ให้ เราก็มานั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี ผมหยิบเอกสารการสอนออกจากกระเป๋ามาให้ทิว เปิดสมุดโน้ตที่จดหัวข้อรายงานให้ทิวเลือกทำ ทิวเลือกทำหัวข้อเดียวกับผมเพื่อที่จะได้ช่วยกันได้ แต่เนื้อหาภายในต้องต่างกันอยู่แล้ว
"คอพายเป็นอะไร ทำไมแดงๆ"ทิวยกมือมาลูบต้นคอผมตอนที่ไม่ทันตั้งตัว ผมผงะถอยหลังอย่างอัตโนมัติ
"....เอ่อ...ขอโทษ พายตกใจน่ะ"ผมขยับห่างจากทิวเล็กน้อย แต่ทิวกลับขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น
"......พายกลัวทิวเหรอ"
"อืม....ไม่รู้สิ ร่างกายมันเป็นไปเอง"ผมถอยหลังจนสุดขอบโซฟาติดกับที่วางแขน ผมไม่ได้แกล้งทำ แต่ความทรงจำครั้งสุดท้ายที่ทิวแตะต้องผมมันเลวร้ายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยา หรือเรื่องที่พยายามจะทำอะไรผม ไม่ว่าเรื่องไหนก็ลืมไม่ลงจริงๆ
"ทิวไม่ทำอะไรพายหรอก พายไม่ต้องกลัวทิวนะ ทิวไม่เคยทำร้ายพาย พายก็รู้นี่"
"เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้จะใช้คำว่าไม่เคยคงไม่ได้แล้ว เราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลย ทิวไปเอาโน้ตบุ๊คมานั่งเสิร์ซหาข้อมูลในเว็บกันเถอะ"ผมดันไหล่ทิวออกเบาๆ เพื่อไล่ให้ไปหยิบโน้ตบุ๊คตามที่บอก
"ทิวขอโทษ ตอนนั้นทิวเมา ทิวไม่รู้ตัว พายอย่ากลัวทิวเลยนะ ทิวไม่ทำอะไรพายแล้ว"ทิวจับมือผมเอาไว้แน่นและสะบัดยังไงก็ไม่หลุด
"ทิว..ปล่อยพายก่อน"
"พายอย่าหนีทิวสิ ทิวแค่จะจับมือพายเฉยๆ ไม่ได้จะทำอะไรจริงๆ นะ"
"ทิวปล่อยพายเถอะ ไม่งั้นพายจะกลับ"ผมลุกขึ้นยืนแต่ทิวกลับดึงมือผมเสียแรงจนล้มลงมานั่งอยู่ในอ้อมแขนทิว
"พายอย่ากลับนะ อยู่กับทิวก่อน นะ กลับมาอยู่กับทิวเถอะนะ"
"ทิว! พายเจ็บ!!"ทิวกอดเอวผมแรงจนต้องร้องออกมา
"อ๊ะ! ขอโทษ ทิวไม่ตั้งใจ เจ็บตรงไหน พายอย่าดิ้นสิ ทิวแค่กอดพายเฉยๆ ไม่ทำอะไรจริงๆ"
"ปล่อยพายนะ!! พายจะกลับ!!"เมื่อทิวคลายอ้อมแขนออกผมก็ขยับออกห่างให้มากเท่าที่ทำได้
"ไม่ๆๆ พายอย่าไปนะ พายอยู่กับทิวที่นี่เถอะ อย่ากลับไปหามันเลย มันไม่จริงใจกับพายหรอก ทิวต่างหากที่รักพายน่ะ ทิวต่างหากที่รักพายก่อนมัน รักมาตั้งนานแล้วด้วย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราได้คุยกันเลย"ทิวปล่อยแขนออก แต่พอผมทำท่าจะลุกก็จับเอาไว้ใหม่
"ก็แล้วมัวทำอะไรอยู่ตั้งนานล่ะ!"
"....พาย..."
"สี่ปีนะทิว มัวทำอะไรอยู่ตั้งสี่ปี ทิวจะมาพูดอะไรเอาตอนนี้ ตอนนี้ไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้ว สี่ปีที่ผ่านมา นอกจากอยู่ข้างๆ พาย ทิวทำอะไรอยู่ สี่ปีที่ผ่านมาทิวก็คบคนอื่นเหมือนกัน ถ้ารักพาย แล้วมัวรออะไรอยู่ตั้งนาน ทำอะไรอยู่!!!"
"พะ...พาย...หมายความว่าไง...พายเองก็รักทิวเหมือนกันใช่มั้ย เรารักกันใช่มั้ย"
**************************************************************************

อนาถ!!! อยาก

แอร้ยยยยยยยยยยย ตบให้หมดทั้งเรื่อง (

ให้หนัก โดยเฉพาะคนแต่ง)
ป.ล. ตอนหน้าไร้กำหนดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด