ตอนพิเศษ...คนยึดติด
เมื่อก่อนผมเคยคิดและยึดติดกับสิ่งที่ ตัวเองต้องการเสมอ ด้วยสังคมรอบข้าง การเลี้ยงดู หลายๆ สิ่งปลูกฝังให้ผมเป็นคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจค่อนข้างมาก อะไรที่อยากได้ มักได้โดยไม่ต้องรอคอยนาน อะไรที่ไม่ต้องการแล้ว ผมก็สามารถสละทิ้งโดยไม่เสียดาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ หรือ...คน แต่มีเพียงคนเดียวที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยมีความคิดที่จะทอดทิ้งเลย ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็อยากที่จะอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็อยากจะทะนุถนอม มีเพียง...พาย...คนเพียงคนเดียวที่ทำให้ผมยึดติดได้ขนาดนี้ ยึดติดโดยไม่มีเหตุผล และ...ยึดติดเสียจน...ทำร้ายลงไป...ด้วยมือผมเอง
“กลับ มาทั้งทีทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิวะ”ต่อพูดโพล่งขึ้นมาทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเอง ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่ชินสักที...กับการที่ไม่มีพายอยู่ในสายตา
“พายเป็นไงบ้างวะ”
“ก็เหมือนเดิม ทำงานอยู่เชียงรายโน่น ไม่ค่อยลงมาเที่ยวหรอก ไอ้จิ๋วต้องลากกูไปเยี่ยมประจำน่ะ”
“.....แล้ว...”ผมละคำพูดไว้เพราะไม่อยากจะเอ่ยชื่อคนๆ นั้นออกมา ต่อเองก็เข้าใจว่าผมถามเรื่องอะไร
“ก็ เหมือนเดิมว่ะ ตามเฝ้ายิ่งกว่าหมาหวงก้างอีก พวกกูเคยไปเจอมันนั่งเฝ้าพายอยู่ แต่พายไม่ได้เข้าไปคุยอะไรกับมันหรอกนะ ใจแข็งฉิบหาย กูแม่งสงสารเลย”
“...เฮ้อ.....”ผมถอนหายใจยาวๆ ให้กับความรู้สึกอึดอัด จะว่าไปผมก็เห็นใจเขาอยู่ แต่...การที่พายยังไม่มีคนพิเศษข้างกายมันก็ทำให้ผมรู้สึกดี จะว่าเห็นแก่ตัวก็ใช่
“แต่กูก็สงสารมึงนะ เมื่อไหร่จะตัดใจสักทีวะ หลายปีแล้วนะเว้ย”
“ทำได้ง่ายๆ เหมือนปากพูดก็ดีสิวะ แม่ง....คิดถึงเว้ย”
“พอๆ บ้าไปแล้วมึง ตกลงคืนนี้ไปนอนกับกูก่อนใช่มั้ย”ต่อส่ายหน้าพลางพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายกับอาการของผม
“เออ แล้วพรุ่งนี้กูยืมรถไปทำธุระด้วย”
“แล้วคืนนี้เอาไงวะ ให้นัดพวกนั้นเลยเปล่า”
“ยัง ว่ะ กูเหนื่อยๆ อยู่ ไว้พรุ่งนี้ค่อยนัดกัน แล้วนี่จะแวะไปรับไอ้จิ๋วก่อนเปล่า จะได้ไปหาอะไรกินต่อเลย”ผมดีใจที่ได้กลับมาบ้านอีกครั้งนะครับ แต่พอไม่เห็นคนที่อยากเจออยู่ในสายตา มันก็อดที่จะรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้
“มัน จะกลับเอง แม่งเป็นอะไรของมันไม่รู้ ไม่ยอมให้กูไปหาที่บริษัทเลย เวลากูไปรับก็ต้องนั่งรอในรถ สวมเขาให้กูหรือเปล่าก็ไม่รู้ ช่วงนี้กูยังรู้สึกคันๆ หัวอยู่”
“ประสาทใหญ่แล้วมึง คบกันมาตั้งกี่ปี มึงก็อย่าขี้หึงให้มากนัก เดี๋ยวไอ้จิ๋วมันจะเบื่อเอา”
“รุ่น นี้ไม่มีเบื่อหรอกเว้ย เพื่อนมึงลีลาเด็ดแค่ไหนไม่รู้รึไง ฮ่าๆๆๆ”ไอ้ต่อพูดเองหัวเราะเองเสร็จสรรพ คู่นี้เวลามันแรงใส่กันแล้วผมล่ะสงสาร แรงกันทั้งคู่ ไอ้จิ๋วก็ตัวนิดนึง เจอต่อจับเขย่าทีสองทีก็แทบคอหลุด พอหายโกรธก็ต้องมานั่งนวดยาทำแผลให้กันประจำ ผมว่าคู่นี้ถ้าจะเลิกกันคงมีใครสักคนต้องตายนั่นล่ะ
ก่อนที่ผมจะ ตัดสินใจกลับมาเมืองไทย ผมเคยคิดว่าตัวเองเริ่มจะทำใจได้บ้างแล้ว แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่เลย พอรู้สึกตัวว่าได้กลับมายืนอยู่บนแผ่นดินเดียวกัน เห็นบรรยากาศที่ยังคล้ายคลึงกับวันเก่าๆ คำว่า..คิดถึง..คงน้อยเกินไป แต่ถึงอย่างไร ความทรมานมันก็ไม่เท่ากับวันแรกที่ผมเดินออกจากชีวิตพาย ในตอนนั้น...แทบจะคิดไม่ออกเลยว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง แต่เมื่อผ่านช่วงเวลาแสนสาหัสตอนนั้นมาได้ ผมกลับย้อนคิดไปถึงวันเก่าๆ และนึกโทษตัวเองอีกครั้งกับสิ่งที่ทำลงไปทุกอย่าง บางเวลาผมหวนเสียใจกับเรื่องในอดีตที่ได้ทำลงไป และบางเวลาผมฝันถึงอนาคตที่ไม่มีทางเป็นจริง
“ไม่คิดจะโทรไปหาพาย หน่อยเหรอทิว พายรู้แล้วใช่มั้ยว่ามึงกลับมา”จิ๋วถามขึ้นจากฝั่งตรงข้าม หลังจากที่ต่อพาผมกลับไปเก็บของที่คอนโดฯ และเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ เพียงไม่นานจิ๋วก็กลับมาถึงแล้วก็เสนอให้เราออกมาหาอาหารทานด้วยกันข้างนอก
“เออ บอกไว้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว”ผมคุยกับพายทางเอ็ม แต่ไม่ได้ระบุวันที่จะมาแน่ชัด
“แล้วจะไม่ไปหาเนี่ยนะ”
“.....กู....ก็อยากไปนะ”
“ไป มั้ยล่ะ กูพาไป นั่งเครื่องแป๊บๆ ก็ถึงแล้ว”จิ๋วทำท่าทางตื่นเต้นเสียจนผมหงุดหงิด ดูก็รู้ว่ามันแค่อยากหาเรื่องไปเที่ยวต่างจังหวัด
“เอาไว้ก่อนแล้วกัน มึงยังติดต่อกับพวกนั้นอยู่ใช่มั้ย”
“พวกพี่หน่อยน่ะเหรอ ก็นานๆ คุยที”
“มีเบอร์มันมั้ยวะ”
“มี มึงจะเอาเหรอ จะนัดต่อยกันเหรอ กูไม่พร้อมนะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลัง”จิ๋วพูดพร้อมลูบท่อนแขนไร้กล้ามของตัวเอง
“ไอ้เวรนี่ ไอ้ต่อดูเมียมึงนะ กวนตีน กูอุตส่าห์พูดเป็นการเป็นงาน”
“เอ๊า ก็มันไม่อยากให้มึงเครียดไง แหม คิดมากไปได้ ว่าแต่จะใช้อาวุธมั้ยวะ เดี๋ยวกูหาให้”ไอ้ต่อก็เข้ากับเมียมันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“พวกมึงนี่ เห็นกูทุกข์ล่ะมีความสุขกันใหญ่เลยนะ นี่เหรอวะเลี้ยงต้อนรับ โคตรซึ้งน้ำใจเลยว่ะ”
“เออ เว้ย เดี๋ยวนี้มีงอน แล้วมึงจะเอาเบอร์เขาไปทำไมล่ะวะ เมื่อก่อนเป็นยังไงก็รู้ จะไม่ให้พวกกูคิดว่านัดต่อยกันได้ไง”ต่อพูดมาก็ถูก แต่เรื่องมันผ่านมานานแล้ว แล้วพวกผมก็คงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก ถึงทำไปก็ใช่ว่าจะได้พายกลับคืนมา
“เออน่ะ เรื่องของกู แล้วพรุ่งนี้ก็เตรียมพากูไปหาพายด้วย ไม่ต้องเสือกโทรไปบอกล่ะ กูจะแค่ไปแอบดูห่างๆ เท่านั้น”พวกมันสองคนเล่นพูดเป่าหูผมทั้งวัน จะให้ผมอยู่เฉยๆ ได้ยังไง ผมยังไม่พร้อมจะคุยกับพายต่อหน้า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่อยากเห็นหน้านี่นา
“พรุ่งนี้มึงไปคนเดียวเถอะ พวกกูยังต้องทำงานกันนะเว้ย”ไอ้ต่อท่าทางไม่อยากไป ไอ้นี่มันไม่ชอบเดินทางมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“พรุ่งนี้วันศุกร์ไม่ใช่เหรอวะ ก็ไปตอนกลางคืนก็ได้”
“วันเสาร์ไอ้จิ๋วทำงานเว้ย”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูลาก็ได้ งานไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่”
“งานไม่ยุ่งแล้วทำไมกลับดึก มึงนี่ชอบโกหกกูนะ”คุยดีๆ กันได้ไม่เท่าไหร่ก็หาเรื่องทะเลาะกันอีกแล้ว ไอ้ต่อนี่มันชอบจับผิดจิ๋วจริงๆ
“บอกว่าไม่ค่อย ไม่ใช่บอกว่าไม่ยุ่ง มันก็ยุ่งเป็นวันๆ ไปสิ จะให้ยุ่งทุกวันเลยรึไง”
“นั่นๆ แถอีก มึงดูมัน แม่งมีพิรุธตลอด”
“โหย ไอ้คนดี สามีสุดประเสริฐ ไม่เคยเลยเนอะที่จะโกหกให้กูจับได้เนี่ย เดี๋ยวคอยดูนะมึง กูจับได้เมื่อไหร่ว่ามึงแอบซุกเด็กไว้หัวมึงจะแบะ เอาให้นอนหยอดน้ำข้าวต้มเลยมึง”
“หัวกูแบะเพราะเขาที่มึงสวมให้แหละ ไม่ต้องทำเนียนเปลี่ยนเรื่องเลย แม่งเอะอะก็จะทำร้ายร่างกายกู ถ้ากูนอนหยอดน้ำข้าวต้ม มึงก็คนหยอดป้อนกูนั่นแหละ”
“ให้กิ๊กมึงมาป้อนดิ”
“ไม่มีเว้ย มีแต่เมียเกรียนๆ อยู่คนเดียวนี่แหละ”
“มึง สิเกรียน”ต่อพูดจบจิ๋วก็สวนกลับทันที คู่นี้มันก็อยู่กันได้นะครับ เถียงกันไปเถียงกันมา แต่ก็ตักโน่นป้อนนี่ให้กันไม่หยุด ต่างคนต่างระแวงกัน อีกคนก็เพิ่งรู้ตัวว่ารักมาก ส่วนอีกคนกลับไม่มั่นใจว่าคนที่แอบรักจะมาจริงจัง ดูไปแล้วก็อดยิ้มกับท่าทางพวกมันไม่ได้ เห็นเพื่อนมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย และเพราะอย่างนี้...ผมถึงอยากเห็นความสุขของพาย
รุ่ง เช้าผมขับรถไปส่งมันสองคนที่ทำงาน แล้วก็ตรงกลับบ้านให้ครอบครัวเห็นหน้า ซึ่งความจริงพวกเขาก็ไปเยี่ยมผมบ่อยๆ อยู่แล้ว เลยไม่ค่อยเห่อที่ผมกลับมาบ้านสักเท่าไหร่ จากนั้นก็ไปทำธุระเรื่องเอกสารเกี่ยวกับงานของที่บ้าน แล้วช่วงเวลาหลังจากจัดการธุระในส่วนของวันนี้เสร็จผมก็แวะเข้าไปขับรถเล่น ในมหาฯลัย หอพักเก่าของพาย คอนโดฯ ที่พายเคยไปอยู่กับเขาคนนั้น และคอนโดฯ เก่าของผม มันเหมือนกับเรื่องราวต่างๆ เพิ่งผ่านไปเมื่อวาน ภาพและเสียงยังคงแจ่มชัดทุกอย่าง น้ำเสียงนุ่มๆ แต่แฝงความรั้นของพาย ฝ่ามือขาวๆ ที่ไม่ได้อ่อนนุ่มจนน่าหลงใหลเหมือนผิวผู้หญิง แต่เวลาสัมผัสกลับรู้สึกดีเสมอ......ช่วงเวลาเหล่านั้น....เป็นสิ่งเดียวที่ ทำให้ผมทนกับความเหงาเมื่อต้องอยู่คนเดียวได้
หลังจากตามหาวัน เวลาเก่าๆ ให้พอได้ชุ่มชื่นในใจผมก็กลับมาที่ห้องของต่อ เบอร์โทรศัพท์ที่จิ๋วจดให้ยังคงวางอยู่หน้าผม ไม่ใช่ว่าผมไม่กล้าคุยกับเขา เพียงแต่...ผมยังไม่กล้าปล่อยพายไปจริงๆ อย่างน้อยๆ ตอนนี้ผมก็รู้ว่า ผม...ยังสำคัญกับพาย...ไม่น้อยไปกว่าคนอื่นเลย แต่....ก็ยังไม่ใช่ความรักอย่างที่อยากให้เป็น ผมไม่ใช่คนดีที่เมื่อผิดหวังจากพายแล้วจะจมอยู่กับความทุกข์จนไม่ยุ่งเกี่ยว กับคนอื่น ผมก็แค่ผู้ชายธรรมดา มีความต้องการเหมือนคนอื่น แต่ก็แค่ผ่านมาผ่านไป ไม่เคยได้คบกับใครจริงจัง ส่วน...เขา....จากที่ฟังสองคนนั้นเล่ามา เหมือนจะคอยเฝ้าดูแลพายอยู่ห่างๆ แต่ผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่า...เขาจริงใจกับพายมากแค่ไหน
“สวัสดีครับ”เสียงทุ้มดังก้องจากปลายสาย ไม่รู้ทำไมแค่ได้ยินเสียงผมก็รู้สึกคิ้วกระตุก และอยากกดวางทันที
“สวัสดีครับ ผมทิวเพื่อนพาย หวังว่าคุณคงจำผมได้”
“อ้อ......” คำขานรับแบบนี้ผมตีความว่าเขาจำได้แล้วกัน แต่ให้ตายเหอะ ทำไมผมถึงรู้สึกไม่ถูกชะตาได้มากขนาดนี้นะ ในหัวแทบจะลืมเรื่องที่อยากพูดเพราะมีแต่คำด่าผุดขึ้นมาเต็มไปหมด
“พอจะว่างคุยกันสักหน่อยมั้ย”
“มีอะไรก็ว่ามา หรือจะนัดเจอ”
“ไม่ต้องล่ะ ผมไม่อยากเจอคุณ พอๆ กับที่คุณก็ไม่อยากเจอผมนั่นล่ะ ผมแค่อยากคุยอะไรด้วยนิดหน่อยแค่นั้น”
“ก็พูดสิ”
“คุณยังรักพายอยู่หรือเปล่า”
“เสือกอะไรด้วยล่ะ”แม่ง...ผมจะคุยกับมันรู้เรื่องมั้ย ดีนะไม่นัดเจอ มีหวังได้ต่อยกันอย่างที่ไอ้สองคนนั้นหวังแน่ๆ
“เออ ไม่ได้อยากเสือกหรอก แค่ถามดู ก็แค่อยากรู้ว่าคนอย่างคุณน่ะมีค่าพอจะให้พายไปคบด้วยหรือเปล่า ทำแต่ละเรื่องดีๆ ทั้งนั้น”
“มึงก็ไม่ได้ดีกว่ากูหรอก แล้วนี่มึงกลับมาแล้วเหรอวะ ได้ข่าวว่าไปอยู่เมืองนอกนี่หว่า”
“เพิ่งกลับเมื่อวาน บอกพายไปแล้วด้วย”
“แล้วไง”
“ก็ไม่ไง ก็แค่บอก แล้วตกลงที่กูถามนี่จะตอบได้ยัง”
“ไม่รักกูจะหน้าด้านตื้อขนาดนี้เหรอ ถามเหี้ยไรไร้สาระ มีอะไรก็รีบๆ พูดมา”
“ห่า แม่งกวนตีนว่ะ มึงก็น่าจะเดาได้ไม่ใช่รึไงว่าที่พายไม่ยอมเจอมึงเป็นเพราะกูน่ะ แค่นี้ก็ต้องให้กูพูด เวรเอ้ย อุตส่าห์จะพูดด้วยดีๆ ผู้ใหญ่เหี้ยอะไรวะ”ผมรู้ว่าเหตุผลส่วนหนึ่งพายไม่ยอมเจอมัน และไม่พูดกับมัน เป็นเพราะรู้สึกผิดเรื่องผม พายคงรู้สึกแย่ถ้าผมไม่กลับมาที่นี่อีกเพราะพาย และคงรู้สึกแย่ถ้าตัวเองมีความสุขกับคนที่ผมเกลียด ในขณะที่ผมต้องทนอยู่โดยไม่มีใครที่นั่น
“เออ ก็ผู้ใหญ่เหี้ยๆ นี่แหละ รู้ว่าตัวเองเป็นสาเหตุให้พายไม่ยอมเจอกูก็ยังเสือกโทรมาหากูอีก แล้วยังหวังจะให้กูพูดดีๆ ด้วยรึไง”เออ ที่มันพูดก็ถูกแฮะ
“เออ! แต่ใช่ว่าจะเป็นเพราะกูคนเดียวนี่ เพราะสันดานมึงด้วยนั่นแหล่ะ พูดเหมือนตัวเองทำกับพายดีนักนี่ แม่งก็เลวไม่ต่างกันหรอกวะ”
“เรื่องของกู แล้วนี่มึงนัดเจอกับพายหรือเปล่า”คำถามสุดท้ายฟังดูค่อนข้างหาเรื่อง ถ้าผมตอบไปว่านัดเจอ มันคงนัดจะต่อยกับผมจริงๆ
“เปล่า กูยังไม่พร้อม”
“อ่อน ฉิบหาย ทำตัวให้คนอื่นเขาสงสารอยู่ได้ ไม่ต้องเจอทั้งชาติล่ะดีแล้ว คนเขาไม่รักก็ตัดใจได้แล้วมึง”แม่งมันก็พูดได้สิ ดูยังไงก็รู้ว่าพายรักมันแน่ๆ แต่จะมากน้อยแค่ไหนผมก็เดาไม่ออก
“เออ! งั้นเดี๋ยวกูนัดเจอพรุ่งนี้เลยเป็นไง เผื่อพายเห็นหน้ากูแล้วจะเปลี่ยนใจ”
“ฝันอยู่เหรอมึง”
“แล้วมึงไม่ฝันหรือไง เที่ยวตามไปเฝ้าอยู่ได้ ไม่กลัวคนเขารำคาญรึไงวะ”
“ถ้า รำคาญก็คงไล่กูไปนานแล้ว เขาหายโกรธกูนานแล้วเว้ย ที่เขาไม่ยอมกลับมาหากูก็เพราะรู้สึกผิดเรื่องมึงนั่นล่ะ แม่งเหี้ยไรไม่รู้ เห็นอยู่ตรงหน้าเสือกเข้าไปคุยไม่ได้เป็นปีๆ”
“พายทำอย่างนี้เพราะเขาแคร์กูไง แค่นี้ก็คิดไม่ได้เหรอวะ”
“เรื่องนั้นรู้แล้วเว้ย กูไม่ได้โง่ แล้วเรื่องที่พายเคยบอกรักกูน่ะมึงรู้หรือยังล่ะ”
“.......พูดจริงพูดเล่นวะ”แม่งเอ้ย ผมก็รู้อยู่แล้วว่าพายต้องรักมันบ้าง แต่ไม่คิดว่าพายจะบอกมันให้ได้ใจแบบนี้
“กูเพื่อนมึงหรือไงจะได้มาพูดเล่นด้วยน่ะ”
“แม่ง....ผู้ใหญ่เหี้ยอะไรวะ เอาชนะแม้กระทั่งเด็ก ขอให้พายไม่ยอมคุยกับมึงต่อไปสักหลายๆ ปีเลยมึง”
“ไม่ ทันแล้วเว้ย มึงกลับมาแล้ว กูก็จะได้รีบไปรับเมียกูกลับบ้าน แค่นี้นะไอ้เด็กเวร ไม่ต้องเสือกโทรมาอีกล่ะ”มันพูดจบก็วางสายไป แต่ละคำพูดของมันนี่ไม่ได้ยอมผมที่เด็กกว่าเลยแม้แต่น้อย ไม่มีการพูดจาสั่งสอนแบบผู้ใหญ่สอนเด็ก ทั้งน้ำเสียงและคำพูดแสดงถึงความเป็นศัตรูกันเหมือนอย่างเคย แต่ไม่รู้ทำไมที่ลึกๆ แล้วผมรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายแฝงมาด้วยเหมือนเมื่อก่อน อารมณ์เหมือนเพื่อนด่ากัน แต่....เพื่อนนิสัยแบบนี้เห็นทีคงต้องขอบาย
ตก เย็นผมไปรับต่อกับจิ๋วที่ทำงาน จากนั้นเราก็รีบกลับมาเก็บเสื้อผ้าเล็กน้อยแล้วออกจากคอนโดฯ เพื่อไปขึ้นเครื่องให้ทันไฟลท์ที่จิ๋วจองไว้ ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงรายไม่ได้นานเหมือนที่คิด แต่ก็ยังเร็วเกินกว่าจะเตรียมใจ เพราะทันทีที่เช็คอินเข้าโรงแรม สองคนนั้นก็เช่ารถขับพาผมมาแอบมองพายที่ร้านอาหาร ซึ่งเราเลือกมุมที่ค่อนข้างลับสายตา ตามที่จิ๋วเล่า และที่พายเคยเล่าให้ฟัง หากวันไหนงานไม่เยอะหรือเครียดจากงานที่ทำอยู่ พายก็จะออกจากห้องทำงานเล็กๆ ด้านหลังร้านมาช่วยพนักงานคนอื่นๆ
ชั่ว ขณะที่เห็นพายเดินไปต้อนรับชาวต่างชาติด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้ รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงจนตัวแทบสั่นไปด้วย ไม่กล้าจะหยิบจับอะไรเพราะกลัวจะทำหล่น รอยยิ้ม ท่าทางการเดินการพูดคุย พายยังคงเหมือนในความทรงจำผมไม่มีผิด หากแต่ตอนนี้ดูจะสดใสกว่าแต่ก่อน ผิวพรรณก็ขาวขึ้นกว่าเดิม รูปร่างเพรียวบางอย่างไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น เส้นผมสีดำที่เจ้าตัวไม่เคยย้อมกลับกลายเป็นสีน้ำตาลไหม้ ขับให้ผิวหน้าดูขาวกระจ่างกว่าเดิม น่าเสียดายที่ผมจำเป็นต้องนั่งห่างจากบริเวณนั้นเลยทำให้ไม่ได้ยินเสียงของ พาย แต่....แค่นี้...ก็เพียงพอแล้ว พาย...ดูมีความสุขกว่าเมื่อก่อนมาก หากจะบอกว่าพายเปลี่ยนไปก็คงไม่เชิง แค่...เหมือนจะเข้มแข็งขึ้น แล้วก็ร่าเริงขึ้น พายไม่ใช่เด็กมหาฯลัยที่ต้องคอยเกาะติดผมแจเพื่อไปเรียนวิชาต่างๆ ไม่ใช่เด็กคนที่คิดบ่นและทำหน้าพะอืดพะอมเวลาได้กลิ่นบุหรี่จากตัวผม ไม่ใช่คนที่ตื่นเต้นเวลาผมแนะนำให้รู้จักเพื่อนใหม่ พาย...ไม่ใช่เด็กคนที่จะคอยยึดผมเป็นที่พึ่งอีกต่อไปแล้ว
น่าแปลกที่ ผมไม่ได้รู้สึกแย่ หรือเสียใจเลยที่รู้สึกแบบนี้ ผมกลับรู้สึกดีที่เห็นว่าพายเปลี่ยนไปอย่างที่จิ๋วและต่อเล่าให้ฟัง พายในตอนนี้คงไม่ใช่คนที่ใครๆ จะมาหลอกลวงหรือทำร้ายได้ง่ายๆ อีกแล้ว ผมไม่รู้ว่านั่งมองพายแล้วยิ้มอยู่นานแค่ไหน การที่แค่เห็นคนที่เรารักมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย คงเป็นอาการของผมตอนนี้ ผมแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่ากำลังยิ้มและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน ถึงจะน่าดีใจแค่ไหนที่เห็นพายสบายดีและมีความสุข แต่มันก็น่าเศร้าที่ผมยังไม่กล้าพอจะพบหน้าพายโดยตรง มันน่าเศร้าเมื่อนึงถึงคำพูดที่ว่า ‘เห็นอยู่ตรงหน้า แต่กลับเข้าไปคุยไม่ได้’ และมันเศร้ายิ่งกว่า...เมื่อได้แล้วรู้ว่า....ผมยังเป็นคนที่ยึดติดคนเดิม ....ยังคง......รักพายเหมือนเดิม....ไม่ได้น้อยลงเลย.....
+++End+++

ป.ล.คาดว่าจะรวมเล่มตอนประมาณต้นปีหน้า(มั้ง) ถ้ารู้กำหนดแน่ชัดจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีนะจ้ะ(คนแต่งมันเกรียน

)