(◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (◕‿◕Miracle of ⓌⓘⓈⒽ♥ ปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน -18 THE END- [12.3.60] P.20  (อ่าน 108925 ครั้ง)

ออฟไลน์ PinkCaramel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำไมรู้สึกสมน้ำหน้ายังไส้เดือนอยู่ลึกๆ เนี่ย :z2:

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
โอ้ยยยย คือจำกันได้
 คือพูดไทยได้เพราะปาฏิหาร์ยด้วยรึเปล่า

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชักจะเริ่มสนุกมากขึ้นแล้วล่ะสิ  :hao6:

ออฟไลน์ เด็กดอยดาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ยยยยยยย ฮาตรงที่พูดไทยได้นี่แหละ
อ่านแล้วลั่นเลย
เจ้าจันทร์ของเราก็พล่ามซะน้ำไหลไฟดับ เพราะเข้าใจว่าเค้าฟังไม่รู้เรื่อง
555555555555555555
ขออีกๆ ตอนหน้ามาต่อไวๆน้าา

ฮาตอนนี้เหมือนกัน  :laugh:

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
ตามมาจากน้องไอค่ะ เนื้อเรื่องแนวนี้อีกแล้ว ชอบบบบบบ
นายเอกของเราก็ซนๆเหมือนกันนะเนี่ย พระเอกเลยต้องนิ่งๆ :hao3:
พระเอกเพิ่งจะพูดไม่กี่ประโยค แต่เราชอบไปแล้วล่ะ
ในที่สุดก็หากันเจอ เอ็นดูน้องมากๆนะคะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
เล่าได้นวลนิ่มมาก ป้าชอบ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 เพิ่งมาอ่านคับ สนุกมาก ชอบเลย ชอบบุคคลิกจันทร์ ดูภายนอกไม่มีอะไรแต่เอาเรื่องเหมือนกัน พอเจอพระเอกก็ระทวยไปเลย
 รออ่านต่อตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
ติดตามผลงานคนแต่งมาจากเรื่องที่แล้ว แต่งได้สนุกมากครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ออฟไลน์ i_Tipz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ RIRIN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +492/-2
Miracle of WISH ผมเรียกมันว่าปาฏิหาริย์แห่งคำอธิษฐาน




-4-






ตลาดเช้าในตัวอำเภอมีทุกวันจันทร์และวันศุกร์ พ่อค้าแม่ค้าเริ่มเข้ามาจับจองพื้นที่อย่างคึกคักตั้งแต่ตีสี่ ถ้าหากเป็นพ่อค้าแม่ค้าขาจรก็เอาใบตองมาวางขายบนพื้น แต่ถ้าขาประจำก็จะมีแคร่ไม้เป็นของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าแคร่ไม้จากสวนครูเอี่ยมก็เป็นขาประจำเช่นเดียวกัน เนื่องจากบ้านสวนของผมทำการเกษตรแบบไร่นาสวนผสมตามทฤษฏีใหม่ ดังนั้นผลผลิตจากการเกษตรจึงมีตลอดปีและผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามฤดูกาล มีรายได้ไม่เคยขาดแถมไม่มีพ่อค้าคนกลางมาเก็งราคาสินค้าอีกด้วย ทำเอง ขายเอง เลี้ยงตัวเองได้ ดำเนินชีวิตตามที่พ่อหลวงท่านสอนไว้แล้วจะมีความสุขครับ

เมื่อวานพ่อต้อมให้คนจับปลาจากในบ่อและวิดปลาจากในนาได้ปลามาเยอะมากมายหลากหลายชนิด ทั้งปลาสลิด ปลาดุกนา ปลาหมอ และปลาช่อน หลังจากแบ่งปันให้คนงานที่มาช่วยก็ยังเหลือมากพอที่จะเอามาขาย เช้าวันนี้ผมกับไอ้โซ่จึงต้องเป็นพ่อค้าปลาที่หน้าตาดีที่สุดทั้งตลาด ผมมีหน้าที่นำเสนอและเรียกลูกค้า ส่วนไอ้โซ่รายนั้นได้รับวิทยายุทธจากป้าณีในการแล่ แถ หั่น สับ ปลามาอย่างชำนาญ แค่ลูกค้าบอกว่าจะให้ทำยังไงกับปลาพ่อค้าโซ่จัดให้ได้อย่างสวยงาม

เอาใบตองที่พ่อต้อมตัดไว้ให้ตั้งแต่เมื่อวานปูรองแคร่ก่อนแล้วจึงจัดปลาแต่ละชนิดลงบนใบตองอีกที ไอ้โซ่นั่งประจำที่หน้าเขียง ส่วนผมก็ยกตาชั่งมาวางเยื้องหน้าตัวเอง ฟ้ายิ่งสว่างคนยิ่งคึกคักครับ ทุกอย่างดูเหมือนจะดีไม่มีสะดุด แม้แต่ผมที่ถ้านับจริงๆ ก็ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่กลับไม่รู้สึกง่วงหรือปวดหัวสักนิด หน้าตาก็ยังหล่อสดใสตามสไตล์นายศศินเหมือนเดิม แต่ความจริงแล้วผมมีความเกร็งแอบซ่อนอยู่ สาเหตุที่มาของความเกร็งนั้นคืออะไรก็ลองถามผู้ชายตัวโตที่นั่งหน้านิ่งเป็นรูปปั้นหินข้างๆ ผมดูสิครับ

“ไปนั่งรอที่รถก็ได้นะครับ”

กระซิบด้วยเสียงที่ผมคิดว่าจะไม่สามารถลอยไปกระทบหูคุณชายโซ่ได้ แต่คำตอบที่ได้รับนอกจากความเงียบแล้วก็ยังมีใบหน้าที่นิ่งเรียบและดวงตาเฉี่ยวที่ดุดันเป็นองค์ประกอบอันแสนเยือกเย็น ช่างเป็นผู้ชายที่มีรังสีจิตสังหารได้น่ากลัวจริงๆ แบบนี้ลูกค้าของผมจะหนีหายไปหมดรึเปล่าเนี่ย? ชักกลุ้มแล้วล่ะสิ ตั้งแต่ออกจากบ้านและขึ้นรถมาพี่แกนั่งเงียบมาตลอดทาง ถามอะไรก็ไม่ตอบ ผมล่ะแปลกใจเหลือเกินว่าคุณแม่กับคุณเดือนคุยเล่นและหัวเราะกับผู้ชายคนนี้ได้ยังไงทั้งๆ ที่หน้าตาของคู่สนทนาพร้อมจะฆ่าคนตายได้ทุกเมื่อขนาดนี้

“ไม่ถามแล้วก็ได้” ผมพึมพำเบาๆ กับตัวเองนะครับ แต่พ่อค้าโซ่ก็ยังหูไวเหลือเกิน

“ถามอะไรเหรอครับคุณจันทร์?”

“อ่อ.. ถ.. ถามว่าหิวมั๊ย?”

“คุณจันทร์หิวเหรอ?”

“แค่อยากได้ชาเย็นสักถุง ตาจะได้สว่างๆ หน่อย” ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีกลบเกลื่อนนิดนึง

“เดี๋ยวผมไปซื้อให้ ว่าแต่... คุณเขาจะเอาด้วยมั๊ย?”
ไอ้โซ่ส่งสายตาปริบๆ ให้ผม แล้วจะให้ผมทำยังไงได้นอกจากหันไปถามอีกคน

“คุณจะเอาชาเย็นหรือกาแฟเย็นมั๊ย? เจ้านี้ทำอร่อยนะ เข้มข้นสุดๆ”
คนถูกถามมองหน้าผมเป็นสายตาเย็นชาที่ให้ความรู้สึกเย็นวาบทั่วแผ่นหลัง

“คุณจันทร์ล่ะก็.. ถามภาษาไทยแล้วคุณเขาจะเข้าใจมั๊ย?”

เข้าใจสิ ทำไมจะไม่เข้าใจ หมอนี่พูดภาษาไทยชัดแจ๋วเลยนะ ผมมองคนตัวโตเพื่อรอคำตอบ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการนิ่งเฉยเหมือนเดิม ผมยอมแพ้แล้วล่ะครับ

“ของฉันเอาเหมือนเดิม ส่วนของ... กาแฟเย็นโบราณล่ะกัน”

รับออร์เดอร์แล้วไอ้โซ่ก็ลุกขึ้นรีบเดินไปร้านน้ำเจ้าประจำอย่างคล่องแคล่ว ผมรอให้ไอ้โซ่เดินไปลับตาแล้วจึงหันมาหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน

สงสัยกันใช่มั๊ยล่ะครับว่าทำไมว่าที่คู่หมั้นของคุณเดือนถึงได้มานั่งส่งกระแสจิตสังหารอยู่ตรงนี้ ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อคืน หลังจากที่เรา.. อืม... แบบว่า... แตะปากกัน?? สติของผมกระเจิงไปครู่ใหญ่แต่เมื่อตั้งหลักได้ผมก็วิ่งหลบเข้าไปในห้องนอน ข่มตาให้หลับไปได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่น ออกจากห้องมาก็เจอพ่อต้อมยืนฟุดฟิดฟอไฟอยู่กับบุรุษญี่ปุ่น และแค่ประโยคเดียวจากพ่อต้อมที่หันมาบอกกับผมว่า ‘พาพี่เขาไปดูตลาดบ้านเราด้วยสิลูก’ ผมก็ต้องสละที่นั่งให้ผู้ชายตัวโตๆ มาเบียดด้วย ลองกระซิบถามแล้วว่าตามมาทำไม? แต่ก็ได้แค่ความเงียบนั่นแหละครับเป็นคำตอบ ผมจึงไม่ถามอีกเลย

“เป็นใบ้รึไง?”

แน่ะ ทีแบบนี้ล่ะยิ้มได้ บรรยากาศจิตสังหารหายไปเปลี่ยนเป็นความหล่อละลายใจได้แค่พริบตาเดียว แล้วทำไมแก้มผมถึงได้ร้อนผ่าวๆ แบบนี้ล่ะ??

“กวนส้นตีน”

บุ้ยปากใส่ไปด้วยทีนึง และช่วงจังหวะที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนิ้วเรียวยาวของอีกฝ่ายก็ดีดลงตรงริมฝีปากของผม

“โอ๊ย! เจ็บนะโว้ย”

แมร่ม! ดีดมาได้นี่ปากนะเว้ย ไม่ใช่หนังยาง เจ็บฉิบหาย แล้วดูสิทำคนอื่นเจ็บแล้วยังจะมาทำหน้าตายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เรียกชื่อสิ”

น้ำเสียงทุ้มพูดนิ่งๆ คล้ายเหมือนเป็นคำสั่ง แต่ผมก็ไม่แคร์หรอกนะ จะให้ผมเรียกคุณอิเคดะเหมือนคุณเดือนน่ะเหรอ?? ไม่มีทางเด็ดขาด

“ไม่!”

ปฏิเสธอย่างชัดเจน จากนั้นก็เบนสายตาไปมองบรรยากาศรอบๆ ผู้คนเริ่มหนาตาขึ้นบ้างแล้วครับ และผมก็เห็นหลังไอ้โซ่ไวๆ สงสัยจะเดินไปซื้อปาท่องโก๋ตรงหน้าตลาด ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงเบาๆ ลอยมาประทบหู ‘ดื้อ’ ผมนี่หันขวับไปมองทางต้นเสียงเลยครับ

“คุณว่าใคร?”

“ทซึกิ..”

ใบหน้าคมตอนที่เอ่ยชื่อนี้นิ่งเรียบไร้ความรู้สึก แม้แต่ดวงตาคู่ดำเข้มก็ยังลึกล้ำยากจะเดาความหมาย และทั้งๆ ที่ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่า ‘ทซึกิ..’ คือใคร แต่ทุกครั้งที่อีกฝ่ายพูดชื่อนี้ออกมา ผมก็สามารถรับรู้ถึงความอบอุ่นในน้ำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดี
ดวงตาคมเข้มจ้องสะกดให้ผมหยุดสายตานิ่ง

“ทซึกิ.. แปลว่าดวงจันทร์”

จบประโยคนั้นคำถามแรกที่สวนขึ้นมาในความคิดก็คือ ‘ดวงจันทร์..หมายถึงผมหรือคุณเดือน??’

ฝ่ามือใหญ่แนบลงบนแก้มของผม ในอกด้านซ้ายเต้นระทึกราวกับกำลังคาดหวังอะไรบางอย่าง

“มิกิ.. ก็แปลว่าดวงจันทร์..”

คิ้วของผมขมวดเล็กน้อยเมื่อได้ยินอีกชื่อที่ไม่คุ้นหู

“มิกิ.. พี่สาวของนาย”

เจ็บ.. ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจที่เต้นระทึกอยู่เมื่อครู่ตอนนี้เหมือนถูกบีบอย่างแรงด้วยคีมเหล็กร้อนๆ ผมปัดมือที่ประคองแก้มของผมออก แล้วหันหน้ากลับมามองความเป็นจริงอันแสนวุ่นวายของตลาดเช้าอีกครั้ง ซึ่งพอดีกับที่ไอ้โซ่เดินถือถุงชาเย็นและกาแฟเย็นรวมทั้งปาท่องโก๋มาเต็มมือพร้อมกับคุณป้าคนหนึ่งที่เดินมาหยุดยืนหน้าแผงปลาของผม

“ปลาสลิดนี่ขายยังไง?”

“ตัวใหญ่กิโลละสองร้อยห้าสิบ ตัวเล็กกว่าหน่อยกิโลละสองร้อยครับ”
คุณป้าจิ้มๆ ตัวปลาดูความแน่นของเนื้อและความสดอยู่ครู่เดียว

 “เอาตัวใหญ่กิโลนึงละกัน ป้าจะเอาไปทำปลาสลิดแดดเดียว พ่อค้าทำปลาให้ป้าด้วยนะ เดี๋ยวป้ากลับมาเอา”
หยิบปลาที่คุณป้าเลือกขึ้นชั่งกิโลให้เห็นกันชัดๆ ว่าไม่โกง

“ขอบคุณครับ”
รับแบงค์สีม่วงไว้ก่อนจะทอนกลับ ระหว่างนั้นไอ้โซ่ก็เอาปลาไปตัดหัว และควักไส้แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดเตรียมใส่ถุงรอคุณป้าเดินวนกลับมารับสินค้าอีกรอบ ส่วนผมก็เอาแบงค์เมื่อครู่มาตบๆ ลงบนแผงเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ไม่นานลูกค้าก็ต่อคิวเลือกปลากันเต็มหน้าร้าน เกินครึ่งเป็นลูกค้าประจำครับ ทำให้ยังไม่ทันจะ 7 โมงเช้า ผมกับไอ้โซ่ก็ขายปลาได้หมดทั้งแผง เพราะฉะนั้นเก็บของกลับบ้าน แต่ก่อนจะกลับเราจะต้องไปซื้อของเข้าครัวให้คุณยาย แม่มล และป้าณี ด้วยครับ

“คุณจันทร์..”

“หืม?”

“ทำไมปล่อยให้คุณพี่เขาเดินคนเดียวล่ะครับ?”

ผมเหลือบมองคนที่ไอ้โซ่กำลังพูดถึง ฝ่ายนั้นเดินตามหลังพวกเราอยู่ห่างๆ หรือจะพูดให้ถูกก็คือผมเลิกสนใจอีกฝ่ายตั้งแต่พูดไม่เข้าหูแล้วครับ

“ถ้าเป็นห่วงก็ไปเดินกับเขาสิ”

“งอน?”

ตวัดหางตาใส่ไอ้คนที่ยืนอมยิ้มกรุบกริบอยู่ข้างๆ ไปหนึ่งที ใครงอน?

“คุณเขาไปทำอะไรล่ะครับ คุณจันทร์ของไอ้โซ่ถึงได้งอนแบบนี้”

“พูดให้ดีๆ ใครงอน?”

“โอเค.. ไม่งอนก็ไม่งอน”

ผมเป็นผู้ชายนะครับ ผู้ชายทั้งแท่งและก็ชอบผู้หญิงด้วย อย่าเข้าใจผิดว่าผมเป็นตุ๊ดหรือเกย์ถึงจะได้ทำแง่งอนเหมือนผู้หญิง ยกเว้นแต่เรื่อง เอ่อ.. จูบ.. เมื่อคืนเท่านั้นที่ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่คิดรังเกียจเมื่อโดนผู้ชายคนนี้จูบ ตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกราวกับว่าถวิลหาอ้อมกอดนี้มานานแสนนาน ความอบอุ่นและอ่อนโยนที่ได้รับเหมือนเข้ามาเติมรอยกลวงโบ๋ในหัวใจให้เต็ม มันอิ่มเอม และคุ้นเคย อย่างกับว่าเราทั้งคู่รู้จักกันมานาน ทั้งที่ความจริงแล้วเราเพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน..




.
.
.
.




แปดโมงเช้าคือเวลาที่พวกเรากลับถึงบ้าน รถยังไม่ทันจะได้เลี้ยวเข้ารั้วผมก็เห็นสายตาอาฆาตแค้นของคุณเดือนที่ยืนรอแฟนอยู่ตรงหัวกระไดบ้าน ผมเดินขึ้นบ้านโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น แม้กระทั่งท่าทางขยะแขยงที่คุณเดือนทำใส่ตอนที่ผมเดินผ่าน มื้อเช้าผมก็ขอปฏิเสธเพราะอิ่มซาลาเปาปาท่องโก๋มาจากตลาดเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ผมแค่อยากจะอาบน้ำเต็มแก่เพราะรู้สึกเหนียวเนื้อเหนียวตัวเต็มแก่ อีกทั้งยังง่วงนอนอีกต่างหาก

ใช้เวลาอาบน้ำครู่ใหญ่รู้สึกเบาตัวขึ้นเยอะ แต่กลับไม่รู้สึกง่วงเหมือนก่อนหน้านี้สักนิด แต่งตัวเสร็จผมก็นั่งลงตรงขอบเตียงใช้ผ้าขนหนูเช็ดเส้นผมที่เปียกแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองตั้งแต่ที่ผู้ชายคนนั้นปรากฏตัว ผมเป็นคนเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองมาตลอดเพราะฉะนั้นในครั้งนี้ผมก็เชื่อว่าความเกี่ยวข้องระหว่าง 'อิเคดะ ยู' กับผู้ชายที่อยู่ในความฝันนั้นมีความเชื่อมโยงถึงกันอย่างแน่นอน

ในความฝันผมเป็นคนเอ่ยประโยค ‘อิทซุมาเดะโมะ อะนาตะฮะ วะตาชิ โวะ มิทซุเคะดะดะชิเตะกุดะไซ’  ซึ่งมีความหมายว่า ‘ไม่ว่านานแค่ไหน ท่านจะต้องหาข้าให้เจอ..’ ประโยคที่ไม่ใช่การร้องขอแต่เป็นการพูดออกมาจากความรู้สึกอันแสนเจ็บปวดและทรมาน มันจึงเป็นดั่งคำ ‘อธิษฐาน’ อันแรงกล้าและนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราทั้งคู่ถูกผูกมัดกันไว้ทำให้ต้องกลับมาเจอกันอีกครั้งโดยที่ฝ่ายตรงข้ามอาจจะไม่ได้ต้องการทำตามคำอธิษฐานของผม แต่เพียงแค่จำเป็นต้องทำด้วยเหตุผลบางอย่างเท่านั้น หรือไม่บางทีตัวแปรสำคัญของเรื่องราวอาจจะเกี่ยวข้องกับคุณเดือนด้วยก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากจะรู้ว่าผู้ชายที่ชื่ออิเคดะ ยู ได้รับรู้เรื่องเกี่ยวกับความฝันแบบเดียวกับผมรึเปล่า? ทำไมเค้าถึงทำเหมือนกับว่ารู้จักและคุ้นเคยกับผมมานานนักหนา

“จันทร์”
สะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเรียกที่ดังขึ้นด้านหลัง ผมหันกลับไปทางต้นเสียง แม่มลยืนส่งยิ้มให้ผมอยู่ตรงประตูห้องนอน เมื่อผมส่งยิ้มกลับแม่มลจึงค่อยเดินเข้ามาในห้องแล้วหันไปปิดประตูไว้เหมือนเดิม

“นั่งใจลอยเชียว.. เป็นอะไรรึเปล่าลูก?”
แม่มลหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ

“แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยครับ”
ผู้หญิงที่ผมผูกพันยิ่งกว่าแม่บังเกิดเกล้าอมยิ้มน้อยๆ

“น้องจันทร์โกหกไม่เก่ง”
คนบ้านนี้ชอบรู้ทันผมจริงๆ เลยครับ เพราะแบบนี้ผมจึงโกหกอะไรใครไม่เคยสำเร็จเลยสักอย่าง โดนแม่มลจับติดขนาดนี้ผมก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้

“น้องจันทร์ไม่ชอบคุณอิเคดะเหรอลูก?”
ถามมาตรงๆ แบบนี้แสดงว่าไอ้คุณโซ่ต้องเล่าอะไรให้แม่มลฟังแน่ๆ

“เปล่าสักหน่อย” ผมตอบตามความจริงนะครับ แม่มลไม่ต้องหรี่ตามองผมแบบนั้นก็ได้

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว เพราะต่อไปเค้าจะมาเป็นพี่เขยของลูกนะ”
ทำไมผมรู้สึกเหมือนมีใครเอาฉมวกมาปักลงกลางอกแบบนี้ล่ะครับ โคตรเจ็บเลย..

“เดี๋ยวคุณตากับพ่อต้อมจะพาคุณเดือนกับคุณอิเคดะไปขอฤกษ์จากหลวงตาที่วัด.. ลูกไปกับพวกเขาด้วยสิ.. หลวงตาถามถึงลูกอยู่หลายครั้งแล้ว”
พอจะรู้มาบ้างครับว่าหลวงตาถามหาผมหลายครั้งแต่เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เลยยังไม่ได้ไปกราบท่านสักที แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอเป็นวันอื่นที่ไม่ใช่วันนี้ไม่ได้เหรอ??

“จันทร์..”
เพราะผมเงียบไปนานแม่มลจึงเรียกและมองหน้าผมอย่างเป็นห่วง

“ยังไงซะลูกก็ควรจะมีส่วนร่วมในฐานะลูกชายของคุณแม่ยุ้ยและน้องชายของคุณเดือนนะ ต่อให้ใครไม่ยอมรับแต่สายเลือดมันตัดกันไม่ขาดหรอกนะลูก”

เรื่องนี้ผมรู้ครับ คุณตา คุณยาย พ่อต้อมและแม่มลพูดกับผมมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่คุณแม่และคุณเดือนหรือใครอื่น สาเหตุมันทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวผมเองนี่แหละ 

“แม่มลให้โซ่ไปด้วย.. โอเคนะ?”

มาแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับมัดมือชกหรอกนะแม่มล แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ปฏิเสธไม่ลงหรอกครับ ผมพยักหน้ารับแบบจำยอม แม่มลจึงดึงผมเข้าไปจูบหน้าผากหนึ่งที

“เตรียมตัวเถอะลูก”
แม่มลลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้อง แต่ก่อนที่บานประตูจะถูกปิดแม่มลก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมา

“ลูกชายตัวน้อยของแม่มลโตแล้วสินะ.. อาทิตย์หน้าก็จะไปอยู่หอพักในกรุงเทพแล้ว”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใยอีกทั้งดวงตาทั้งสองข้างยังเอ่อล้นไปด้วยความยินดีปนความเหงาและใจหาย อ่อ.. นั่นสิ อีกไม่นานผมก็ต้องเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยแล้วนี่นา ผมลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลยครับ เมื่อคิดได้ขึ้นมาผมเองก็รู้สึกใจหายไม่ต่างกัน



.
.
.
.
.



ก่อนออกเดินทางไปวัดซึ่งอยู่ห่างจากบ้านแค่กิโลเมตรกว่าๆ คุณปลื้มชลล์ก็ขอตัวกลับกรุงเทพไปก่อนเพราะมีงานด่วนต้องจัดการ แหม.. เสียดายจังเลยครับ เพราะผมตั้งใจว่าจะแอบตีสนิทกับนักธุรกิจหนุ่มหล่อระดับประเทศสักหน่อย เผื่อในอนาคตจะได้มีเส้นมีสายกับเค้าบ้าง เฮ้อ.. โชคไม่เข้าข้างผมเอาซะเลย

เดินทางแค่สิบนาทีนิดๆ ก็ถึงจุดหมายแล้วครับ บรรยากาศของวัดในต่างอำเภอค่อนข้างจะเงียบสงบกว่าในตัวเมือง ยิ่งวัดแห่งนี้ไม่ใช่วัดประจำอำเภอ เป็นเพียงวัดเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางท้องทุ่งนาก็ยิ่งสงบร่มรื่น แต่ถึงอย่างนั้นวัดแห่งนี้ก็สร้างมาหลายสิบปีตั้งแต่คุณตายังไม่เกิดโน่นแหละครับ มีพระจำวัดอยู่แค่ 4 รูปซึ่งล้วนแต่เป็นพระชราอาวุโส อีกทั้งยังเป็นวัดที่ไม่เคยมีการจัดงานวัดใดๆ แต่ชาวบ้านชาวช่องแถบนี้และใกล้เคียงต่างแวะเวียนมาทำบุญฟังเทศน์ฟังธรรมทุกวันพระและทุกเทศกาลงานบุญไม่เคยขาด ตอนผมอายุย่าง 13 ปี ผมกับไอ้โซ่ก็มาบวชเณรอยู่กับหลวงตาที่วัดนี้แหละครับ

สี่ล้อจอดลงที่จุดหมายผมกับไอ้โซ่ก็เดินนำขึ้นไปบนศาลาวัด หลวงตากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่พอดี เราทั้งคู่จึงรีบคลานเข่าเข้าไปกราบท่าน จากนั้นก็บีบนวดประจบ

“ไม่ต้องมาประจบข้าเลย”

อย่างที่บอกแหละครับ หลวงตาท่านถามหาผมกับไอ้โซ่จากคุณตาคุณยายที่มาทำบุญที่วัดบ่อยๆ แต่เราก็ยังไม่มีโอกาสเข้ามากราบท่านสักที เป็นธรรมดาที่หลวงตาจะโกรธครับ

“ไม่ให้ประจบหลวงตาที่เคารพแล้วจะให้พวกผมประจบใครล่ะครับ”
ไอ้โซ่หยอดคำหวาน เราทั้งคู่ส่งยิ้มยาหยีให้หลวงตา

“ถุย..”
อื้อหือ.. เต็มหน้าผมกับไอ้โซ่เลยครับ แต่ก็ทำให้หลวงตาหัวเราะออก แล้วเขกกบาลผมกับไอ้โซ่คนละทีจากนั้นก็พยักหน้ารับไหว้คุณตากับพ่อต้อมที่นั่งอยู่บนพื้นตรงหน้า

“ว่าไงโยมเอี่ยม โยมต้อม”

“วันก่อนที่ผมเคยเรียนหลวงตาไปว่าจะพาหลานสาวกับแฟนของเขามาให้หลวงตาดูฤกษ์ให้หน่อยน่ะครับ”

กระดาษใบเล็กๆ ที่คงจะจดชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด และเวลาตกฟากของคุณเดือนและว่าที่คู่หมั้นถูกส่งให้หลวงตา
อ่อ.. ผมลืมบอกไปครับว่าหลวงตาท่านเก่งเรื่องคำนวณดวงชะตาและก็พวกจับยามสามตาอะไรพวกนี้ แต่ใช่ว่าท่านจะดูให้ใครได้ง่ายๆ หรอกนะครับ ไม่เคยมีใครบังคับท่านได้และน้อยคนนักที่ท่านจะดูให้ ยกเว้นเรื่องพวกฤกษ์ยามดีที่ใช้ในงานมงคลเท่านั้นแหละที่หลวงตาจะตรวจดูให้ทุกคนที่มาขอ ส่วนเรื่องดูดวงคุณยายเคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อตอนคุณพ่อคุณแม่เอาผมมาฝากไว้กับคุณตาคุณยาย ทุกคนที่บ้านก็พาผมมาให้หลวงตาท่านรดน้ำมนต์ แล้วหลวงตาท่านจับมือของผมจากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า ‘เด็กคนนี้มีบุญวาสนาสูงมาตั้งแต่ชาติปางก่อน..’ ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้คุณยายเล่าให้ผมฟังเพียงเพื่อแค่ให้สบายใจรึเปล่า แต่เอาเป็นว่าพวกท่านได้เลี้ยงผมมาอย่างดีจริงๆ ครับ

“หลวงพ่อครับ นี่แม่ยุ้ย วรินทร์นิภา ลูกสาวผมที่ทำธุรกิจอยู่ฮ่องกงไงครับ”
คุณตาแนะนำคุณแม่เป็นอันดับแรก เพราะนานมากแล้วที่คุณแม่ไม่ได้มากราบท่าน ครั้งล่าสุดคงเป็นเมื่อตอนมาขอฤกษ์เปิดบริษัทกับคุณพ่อ นั่นก็เกือบ 20 ปีมาแล้วครับ เมื่อหลวงตาพยักหน้ารับ คุณตาก็หันไปทางคุณเดือน

“คนนี้หลานสาวครับ.. ลูกสาวคนโตของแม่ยุ้ย ชื่อ ศศิ หรือเดือน.. ครับ”
คุณเดือนที่วันนี้มวยผมสูงใส่ชุดเดรสสีขาวสะอาดตาขับเน้นผิวให้ดูละเอียดอ่อนหวานก้มลงกราบหลวงตา

“ส่วนพ่อหนุ่มคนนั้นแฟนของยัยเดือน เป็นคนญี่ปุ่นครับหลวงพ่อ พูดไทยไม่ได้แต่เดี๋ยวยัยเดือนแกจะแปลให้แฟนเค้าฟังเอง”

จบประโยคแนะนำตัวของคุณตาผมล่ะอยากจะเบ้ปากมองบนให้กับคนญี่ปุ่นพูดไทยไม่ได้ซะจริงๆ ตอแหลล่ะสิไม่ว่า ชิส์-- ถ้าทำได้ผมอยากจะประกาศให้กึกก้องศาลาวัดเลยว่าผู้ชายที่ชื่ออิเคดะ ยู เค้าพูดไทยได้คร้าบบบ พูดชัดซะด้วย แต่ผมมันพระเอกแมนๆ ไม่อยากหักหน้าใครหรอกครับ

ดวงตาของพระผู้ใหญ่วัยแปดสิบเศษมองทุกคนตามที่คุณตาแนะนำและหยุดสายตาที่คนสุดท้าย ท่านนิ่งเงียบไปนานก่อนจะยิ้มออกมา

“พ่อหนุ่มมาจากยี่ปงสินะ”

ยี่ปงคือญี่ปุ่นนั่นแหละครับ หลวงตาท่านกวักมือเรียก คุณเดือนจึงสะกิดให้แฟนของตัวเองขยับเข้าไปหาหลวงตา แต่ที่มีตั้งเยอะแยะทำไมถึงมานั่งแหมะอยู่ข้างผมล่ะ ผมจึงขยับตัวออกห่างเล็กน้อยแต่อีกฝ่ายก็ทำเนียนขยับเข้ามาเบียด แบบนี้เรียกว่ากวนตีนใช่มั๊ยเนี่ย??

หลวงตาที่นั่งขัดสมาธิอยู่เอนตัวลงเล็กน้อยแล้วใช้ศอกวางยันบนหน้าขาจากนั้นก็ทิ้งปลายมือลงตรงหน้าผม แต่จากสายตาของหลวงตาแล้วเป้าหมายคือผู้ชายญี่ปุ่นตัวโตที่แกล้งเนียนนั่งเบียดผมอยู่ต่างหาก แต่เพราะทุกคนกำลังเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจเพราะต่างรู้ดีว่าหลวงตากำลังจะตรวจดวงชะตาเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี จึงไม่มีใครสนใจผมที่ต้องนั่งเกร็งทำตัวลีบเป็นกล้วยทับสักคน

คุณเดือนดูจะดีใจมากกว่าใครรีบบอกให้แฟนตัวเองส่งมือให้หลวงตา ดวงตาคู่คมหันมามองทางผมเล็กน้อยแต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วหันมองไปทางอื่น แต่ก็แอบเหลือบมองนิดนึงตอนที่หลวงตาสัมผัสมือใหญ่

เมื่อดวงตาที่ผ่านโลกแห่งธรรมมาเกินครึ่งชีวิตหลับตาลงความเงียบก็ปกคลุมไปชั่วขณะ ทุกสายตาจดจ้องไปยังจุดๆ เดียวนั่นคือหลวงตา หัวใจของผมเต้นระทึกและรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก จวบจนหลวงตาลืมตาขึ้นผมก็จิกมือที่เกร็งเครียดลงบนหน้าขาของตัวเอง

“เจอแล้วสินะ..”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยเผยรอยยิ้มบางเบา

“รักษาไว้ให้ดี.. เพราะถ้าหากคลาดกันอีกก็จะคลาดกันตลอดไป”
คุณเดือนเป็นล่ามแปลภาษาให้คนรักเข้าใจด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ แต่คนฟังมีใบหน้านิ่งเรียบเฉยชายังไงก็ยังคงอย่างนั้น เมื่อหลวงตาปล่อยมือคนตัวโตก็ก้มลงกราบอย่างนอบน้อม

“เมื่อสักครู่หลวงตาหมายความว่ายังไงเหรอเจ้าคะ?”
คำถามที่บ่งบอกถึงความอยากรู้อยากเห็นนี่เป็นของคุณแม่ผมเองครับ แต่หลวงตาก็ไม่ได้ตอบอะไรหรือก็คือหลวงตาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินด้วยการหยิบสมุดคู่ใจขึ้นมาจดๆ ขีดๆ เขียนๆ ตัวเลข

“จะหมั้นหมายกันเมื่อไหร่ก็ได้.. เอาฤกษ์สะดวกของทั้งคู่ก็ได้.. ถือเป็นมงคลสะดวก”
รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของทุกคน โดยเฉพาะคุณแม่และคุณเดือน

“แล้วฤกษ์แต่งงานล่ะเจ้าคะ?” คุณแม่ถามคำถามที่อยากรู้ที่สุด

สมุดบันทึกเก่าๆ ในมือของหลวงตาถูกปิดแล้ววางลงข้างๆ หลวงตายังคงยิ้มน้อยๆ อย่างอ่อนโยน ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้แจ้งมองออกไปยังต้นโพธิ์ใหญ่ที่ยืนต้นสง่าอยู่กลางวัด

“พระพุทธเจ้าท่านให้หลักคำสอนสำหรับท่านผู้เป็นใหญ่หรือที่เรียกว่าพรหมวิหารสี่เอาไว้ อันประกอบด้วย หนึ่งเมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาดีต่อผู้อื่นและตัวเอง.. สองกรุณา คือ มีจิตใจสงสาร อยากให้เขาพ้นทุกข์ เป็นจิตที่สูงกว่าและยากกว่าเมตตา เป็นความปรารถนาให้เขาพ้นทุกข์.. สามมุทิตา คือ พลอยยินดีเมื่อเขาได้ดีมีความสุข ทำจิตยากกว่า กรุณาอีก เขาได้ดีกว่าเรา เราไม่อิจฉา ยินดีมีความสุขกับเขาด้วยความสุขอยู่กับความพอใจ.. และสี่.. สุดท้ายคืออุเบกขา คือการวางเฉย ยิ่งยากกว่ามุทิตาจิตอีก  ต้องเข้าใจกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ต้องมีปัญญาจึงจะเกิดอุเบกขาได้”

จู่ๆ หลวงตาก็เทศนาเรื่องพรหมวิหาร 4 ทำเอาทุกคนแอบมองหน้ากันงงๆ แม้แต่ผมกับไอ้โซ่ยังเดาใจหลวงตาไม่ออกเลยครับ และยิ่งงงหนักเข้าไปอีกเมื่อหลวงตาโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยคล้ายจะจ้องตากับคุณเดือน

“อยู่กับปัจจุบัน.. เท่าทันอารมณ์.. ให้อภัย.. และปล่อยวาง..”

“เอ๊ะ.. ยังไงเหรอคะ?!”

คุณเดือนโพล่งออกมาเสียงดังอย่างไม่พอใจ คุณตากับพ่อต้อมต้องหันไปส่งสายตาดุคุณเดือนจึงได้รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป จากนั้นก็ก้มลงกราบขอโทษหลวงตา แต่จากแววตาผมรู้ได้ว่าคุณเดือนกำลังเก็บอารมณ์ขุ่นเคืองไว้ หลวงตาหัวเราะขึ้นเบาๆ พร้อมกับยกมือโบกว่าไม่ถือสาก่อนจะหันไปทางคุณแม่ของผมที่มีสีหน้ากังวลฉายชัด

“กิจการราบรื่นดีนะ”

“อ่อ.. ดีเจ้าค่ะ”

“สามีภรรยาเกื้อหนุนกันมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง”

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะหลวงตา”

คุณแม่ก้มลงกราบหลวงตาพร้อมกับกล่าวขอลา โดยไม่ลืมที่จะกระตุกดึงแขนลูกสาวและเชิญว่าที่ลูกเขยลงจากศาลาไปก่อน คุณแม่คงจะพาคุณเดือนออกไปสงบสติอารมณ์ก่อน ดังนั้นตอนนี้บนศาลาจึงเหลือผม ไอ้โซ่ คุณตา และพ่อต้อมครับ

“ไอ้จันทร์เอ็งไปอยู่กับโยมพี่ยี่ปงเขาสิ”

อะไรนะหลวงตา?? ผมเงยหน้ามองหลวงตาชนิดที่เครื่องหมายคำถามอยู่เต็มกลางหน้าผาก

“หืม??”

“ยังไงเหรอครับหลวงพ่อ?”

พ่อต้อมเอ่ยถามความเพิ่มเติมจากหลวงตา สมัยคุณตากับพ่อต้อมหนุ่มๆ ก็เคยบวชเรียนอยู่กับหลวงตามาก่อนครับ เพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนจะรู้ดีว่าหลวงตาท่านเป็นคนยังไง สิ่งที่ท่านเอ่ยพูดออกมาล้วนมีความหมายและความเป็นไปทั้งสิ้น ทุกคนนั่งพนมมือรอฟังคำตอบจากหลวงตาอย่างตั้งใจ แต่ก็ได้รับเพียงรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนเท่านั้น

“โยมเอี่ยมไม่ต้องห่วงหรอก.. ไอ้จันทร์มันจะไม่มีวันทิ้งที่นี่”

คราวนี้คุณตาและพ่อต้อมหันมามองผมแทบจะพร้อมกัน แม้ในแววตาจะมีความกังวลแต่ก็มีความเชื่อมั่นในตัวผมปนอยู่เช่นกัน ผมรู้ครับว่าทุกคนยังไม่กระจ่างแจ้งและทุกคนยังคงมีความสงสัยในสิ่งที่หลวงตาพูดอยู่ในใจ แต่นั่นคือคำถามที่ทุกคนจะต้องกลับไปคิดหาคำตอบด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ยากเกินความสามารถของคุณตาและพ่อต้อม

หลวงตาเปลี่ยนอิริยาบถเป็นเอนตัวพิงกับหมอนอิงแล้วหยิบหนังสือธรรมะที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่านต่อ เป็นอันรู้กันครับว่าต้องกราบลากันได้แล้ว แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ

“หลวงตาครับ.. คุณตากับพ่อต้อมเขามาหาหลวงตาเพราะเรื่องคุณเดือนนะครับ”

ผมคลานเข้าไปบีบเท้าแล้วฉีกยิ้มให้หลวงตา ขืนไม่ได้คำตอบเรื่องฤกษ์แต่งงานกลับไปคุณเดือนได้ฟาดงวงฟาดงาใส่คนบ้านสวนแน่ๆ ซึ่งผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น

“คุณเดือนคือใคร?” หลวงตาถามผม

“พี่สาวผมไงครับ”

“ถูกต้อง.. โยมคนนั้นคือพี่สาวของเอ็ง”

ยังไม่ทันจะหายงง หลวงตาก็ยกขันน้ำมนต์มาราดเทลงบนหัวผมทั้งขัน ปิดท้ายด้วยการเอาท้ายขันเคาะหัวอีก 3 ครั้ง เรียกเสียงหัวเราะครืนของคุณตา พ่อต้อม และไอ้โซ่ อืม.. บุญในครั้งนี้ซึมลึกไปถึงจุดซ่อนเร้นใต้กางเกงชั้นในเลยทีเดียวครับ -*-





.
.
.
.
.
.

 TBC ... :mc1:





มาช้ากว่าที่ตั้งใจไว้  :o12: ต้องขอโทษด้วยนะคะ
ตอนหน้าสัญญาว่าจะไม่เกิน 10 วันแน่นอน อย่าเพิ่งทิ้งหรือลืมกันนะคะ  :hao5:

ออฟไลน์ Unnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คนแรก!!! :hao6:

คุณพี่ยูของเราดูจะมุ้งมิ้งเหมือนกันนะเนี่ย เผลอเป็นแต๊ะอั๋งน้องจันทร์ตลอด หุหุหุหุ หลวงตารู้ใช่มั๊ยคะว่าอะไรคืออะไร ยังไง แต่บอกตามตรงนะคะว่าไม่ชอบยัยไส้เดือนจริงๆ ไม่ชอบมากกกกก :z6:

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
หมั่นไส้นังพี่สาวซะจริง ๆ  :z6:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ยู มาตามจันทร์ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แต่ทำม้าย มียัยไส้เดือนมาขวางล่ะ :katai1: :katai1: :katai1:
แถมชื่อแปลว่าพระจันทร์เหมือนกันซะอีก
แล้วยู ทำไมพูดไทยได้ล่ะ
หลวงพ่อว่าจันทร์ ต้องไปญี่ปุ่น
แสดงว่าจันทร์ต้องไปญี่ปุ่นจริงๆกับยู :mew1: :mew1: :mew1:
น้ำมนต์ทั้งขันของหลวงพ่อ
คงทำให้จันทร์แคล้วคลาด
จากอันตรายทั้งปวงสินะ
โดยเฉพาะจากยัยไส้เดือน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ที่ว่าถ้าปล่อยไปอีกก็จะคลาดกันไปตลอดนี่คือคุ๊ยูกับน้องเดือนใช่มั้ยคะ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
เกี่ยวอะไรกับพรหมวิหาร 4 อ่าาหลวงต๊าาาาาาาา
 

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13

ออฟไลน์ meeoldly

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ถ้าคลาดกันคราวนี้ก็จะไม่ได้เจอกันอีกเลยนะ เพราะฉะนั้น... รักกันไวๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อยากจะให้มาเร็วๆจิงๆ ไม่เคยผิดหวังที่ตามอ่าน

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ไส้เดือนจะมีความสุขได้ยังไง? ไม่ว่านางจะมีแฟนเป็นใครก็ตามนางไม่มีทางมีความสุขเพราะว่านาไม่มี พรหมวิหารสี่

นางไม่เคยเมตตาใคร ไม่เคยรักใคร่ มีความปรารถนาดีให้ใคร

ไม่เคยนึกสงสาร คิดช่วยใครให้พ้นทุกข์

ไม่เคยมีความยินดีให้ผู้อื่น เห็นคนอื่นอยู่ดีมีสุขไม่ได้ มีจิตขุ่นข้องหมอมัวอารมณ์สียได้กับแค่เรื่องที่ไม่ถูกใจ

ไม่เคยวางเฉย ละไว้ซึ่งอคติ

ไม่ว่านางจะได้อะไรเลอค่าขนาดไหนนางไม่มีวันที่จะมีความสุขได้หรอก  ขนาดน้องนุ่งนางยังรังเกียจจนออกนอกหน้านอกตา


ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอดูต่อไปว่าจันทร์จะไปอยู่กับพี่ยูได้ยังไง

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
สงสัยหอพักในมหาลัยของจันทร์จะเป็นบ้านท่านยูเสียละมั้ง
หลวงตาบอกมาขนาดนี้ ไปอยู่กับพี่เค้านะจ๊าาา
คุณเกือนเหมือนจะขาดมารยาทในทุกๆครั้งเลย
ปรี๊ดแตกง๊ายง่าย นี่หรือคุณหนูผู้ดี

คุณอิเคดะค่ะ พูดบ้างก็ได้มั้ง
หรือนี่เก็บอาการดีใจที่ได้เจอจันทร์ไว้
เก็บลึกเชี๊ยะ ที่ออกมามีแค่แอบเนียนๆเต๊าะสินะ

รออ่านนะคะ อย่าหายไปนาน คนอ่านอยากอ่านต่อมากกกกกกกก

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
มาแล้วๆๆๆ จองไว้ก่อนนะคะ
เดี๋ยวกลับมา edit ค่าาา  :z2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด