พี่ครับ...ไอเลิฟยู >ตอนพิเศษ กลับบ้านเรา รักรออยู่< [P.5] Up!! // [07/11/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >ตอนพิเศษ กลับบ้านเรา รักรออยู่< [P.5] Up!! // [07/11/60]  (อ่าน 54467 ครั้ง)

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
กลับมาแล้ว เย้ๆ

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
เม่นจะรุกแล้วนะม่านระวังหัวใจไว้ให้ดีละ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

4
[Re-write : 05/02/60]




        “จากการซ้อมมาหลายวันนั้น พี่ได้ลงชื่อนักกีฬาที่จะแข่งพรุ่งนี้แล้วนะ” ไอ้จ๊อดยืนอยู่หน้าห้องชี้เด็กปีหนึ่งที่ได้เป็นตัวจริงในการลงแข่งขันกีฬาเฟชรชี่ในวันพรุ่งนี้เป็นนัดแรก ตื่นเต้นแทนจริงๆ ตอนผมอยู่ปีหนึ่งถูกคัดเป็นตัวสำรองได้ลงนาทีสุดท้ายและเตะเข้าโกลทำให้ชนะมาแล้ว ไม่อยากจะคุย “วันนี้เราจะงดซ้อมเพราะพรุ่งนี้จะได้มีแรง พี่ขอให้น้องๆ เก็บแรงไว้ นัดแรกก็ศึกหนักแล้ว”

   “อย่าไปกลัว” ผมที่นั่งปะปนน้องๆ ลุกขึ้นพูด สายตาทุกคู่หันมามองหมด “เราต้องคิดว่า เราทำได้ พวกนั้นเก่งแค่ไหนเราเก่งกว่าร้อยเท่า” ผมชูกำปั้นอย่างมั่นใจ ก่อนจะถูกแฟ้มตบหัว

   “อย่าเพ้อเจ้อไอ้เชี่ยมู่” เสียงไอ้พัน ผู้ช่วยไอ้จ๊อดมันดับความมั่นใจของผม

   “กูเพ้อเจ้อตรงไหน เราต้องให้กำลังใจน้องๆ สิวะ”

   “ก็ถูกของมึง” แทบอยากตบหัวไอ้พันคืน ติดตรงที่มันมีแฟ้มหนาอยู่ในมือ ตบทีถึงกับมึน

   หลังจากคุยกันเสร็จก็ถึงเวลาแยกย้าย ผมถูกไอ้จ๊อดกอดคอเดินออกจากห้อง เจอกลุ่มพี่ว๊ากอย่างไอ้เจเดินมาพอดี เสียงคุยเฮฮาของเล่าบรรดาปีหนึ่งเงียบกริบทันที แค่เห็นหน้านิ่งของมัน เด็กๆ ก็กลัวแล้ว แม้หน้าตาจะหล่อเหลาปานพระเอกเกาหลี แต่ปากหมาเกินกว่าใครจะรู้

   ไอ้เจนำขบวนพี่ว๊ากเดินผ่าน มันปรายตามองทุกคนด้วยความนิ่ง แต่กลับสร้างความน่าหมั่นไส้ให้กับพวกเดียวกัน ได้ยินไอ้จ๊อดมันแขวะเบาๆ กันรุ่นน้องได้ยิน แต่ผมได้ยินเต็มสองหูและกำลังจะอ้าปากหัวเราะหากไม่เหลือบเห็นคนเดินรั้งท้าย
 
   “ฉิบหาย” เผลอสบถออกมาทำให้พวกไอ้จ๊อด ไอ้พันหันมาสนใจ

   “โอ้โห... ไอ้เหี้ยมู่ กูเจ็บ” ผมตบหัวไอ้จ๊อดที่ทำตาโตมองไอ้เด็กต่างมหาลัย ถ้าไม่ทำร้ายมันก่อน มันได้ทำร้ายผมแน่ ไม่การกระทำก็คำพูด

   “พี่ม่าน” ไอ้เม่นทักทายด้วยรอยยิ้มแป้นแล้น มันโบกมือโบกไม้อยู่หลังไอ้มีน ซึ่งเพื่อนผมได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้มาด้วยกันได้ยังไง แล้วภาพที่มันถูกพวกเดินนำว๊ากยังติดตาผมอยู่เลย แต่ทำไมมันยังกล้าเดินมาด้วย

   “เอาเด็กมาส่ง” ไอ้มีนตบบ่าผมแล้วเดินผ่านไป อยู่ต่อหน้าปีหนึ่งมันจะบ้าบอไม่ได้ผมเข้าใจ แต่สายตาวิบวับก็ควรซ่อนหรือเปล่าวะ

         เมื่อกลุ่มพี่ว๊ากเดินไป บรรดาปีหนึ่งต่างก็ถอนหายใจออกมา คงจะเกร็งกันน่าดู ต่างจากไอ้เด็กปีหนึ่งเหมือนกันแต่เรียนคนละที่ มันกระดี้กระด้าเข้ามาหาผมแล้วแย่งหนังสือในมือผมไปถืออีก

   “อะไรของมึง” กัดพูดถามไป ตอนนี้ปีหนึ่งเริ่มหันมามอง ไม่กล้าทำอะไรมาก

   “ผมช่วยถือไง” ไอ้เม่นตอบ ท่าทางไม่รู้สึกถึงสายตานับสิบๆ คู่ที่มอง “พี่ประชุมเสร็จแล้วใช่ไหมจะได้ไปกินข้าวกัน”

   “กูบอกตอนไหนว่าจะไปกินข้าวกับมึง” ที่จริงผมเห็นข้อความที่ไอ้เม่นส่งมาชวนตั้งแต่เช้า แต่ไม่ได้ตอบอะไรไปเพราะคิดว่ามันถามเฉยๆ ที่ไหนได้ บุกมาถึงที่

   “ก็พี่อ่านแล้วไม่ตอบ นั่นแหละคือคำตอบ”

   “ไม่อายคนอื่นเหรอวะ” ผมปรายตามองพวกรุ่นน้องที่ยังไม่ยอมไปไหน ไอ้เด็กพวกนี้คงอยากถูกด่า ไอ้เม่นมองผมปริบๆ ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ยืนด้วย

   “ผมหน้าด้าน” รับออกมาโต้งๆ จนถูกพวกที่ยืนอยู่ใกล้ๆ หัวเราะ

   “ไอ้เม่น” ถลึงตาใส่คนที่ยอมรับในความด้านของหน้าตัวเอง

   “ก็จริงของเด็กมัน สู้ๆ ไอ้น้อง ด้านได้ อายอดแดก” ยกขาเตะไอ้จ๊อด แต่มันวิ่งหนีไปแล้ว เมื่อทำอะไรเพื่อนไม่ได้ เลยมาลงที่ไอ้ตัวต้นเหตุแทน

   “เพราะมึงเลย”

   “เอ้า ผมผิดเหรอ”

   “เออ”

   “ผิดก็ผิด” เหลือบตามองคนที่ยอมรับว่าผิด ไอ้นี่แปลกแหะ “ไปกินข้าวกันเถอะ หรือพี่จะกลับหอก่อน”

   “กลับหอก่อน” ไม่ได้อยากไปกินข้าวกับมันหรอกนะ แค่ดีกว่ากินคนเดียวเท่านั้น ตั้งแต่เพื่อนรับหน้าที่สำคัญ พวกมันมักจะเก็บตัวเงียบ หากจะกินก็ซื้อเข้าไปกินในห้อง

   ผมเดินนำไอ้เม่นไปที่ลานจอดรถ เจอรุ่นน้องยกมือไหว้พร้อมทำสายตาล้อเลียนแทบทุกคน เกือบปั้นหน้าไม่ถูก ดีที่หน้าด้านพอๆ ไอ้เม่น ไม่งั้นไม่รอดแน่ พอมาถึงรถก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนเดินตามหลัง หันไปมอง ไอ้เม่นก็แสร้งทำหน้านิ่ง ทั้งที่ปากมันกำลังกลั้นขำ

   ไอ้เม่นขับรถเก๋งหรูของมันตามหลังผม แม้เต่าจะเรียกผมว่าพี่ แต่ก็ไม่ยอมให้จักรยานแซงนะครับ ไอ้ม่านมีฝีมือพอ เมื่อถึงหอ กระบะคู่ใจก็เข้าจอดที่ประจำแสนจะกว้างขวาง ไม่ใช่ผมจะวีไอพีขนาดนั้น แต่เพราะตอนผมได้รถมาใหม่ๆ ได้ฝากสีกับรถคันข้างๆ ประจำ จ่ายเงินชดใช้จนต้องอาศัยข้าวจากผู้เมตตาอย่างพี่รหัสที่แสนใจดี มาตอนนี้แม้จะขับหรือถอยเก่งแล้ว แต่ก็ไม่มีคันไหนกล้าเข้ามาจอดข้างๆ อาจจะมีแต่จะขยับห่างพอสมควร โธ่

   “ผมรอพี่ที่รถนะ” ไอ้เม่นลดกระจกตะโกนบอก

   “เออ” ตะโกนตอบกลับ

   เดินขึ้นห้องพักที่อยู่ไม่สูงมากนัก ระหว่างทางก็เหมือนจะนึกอะไรออก ทำไมผมถึงใจง่าย มันชวนไปกินข้าวก็ไป เอ...หรือผมจะโทรไปปฏิเสธมันดี คิดได้ก็ล้วงโทรศัพท์ตัวเองออกมา แต่...โทรศัพท์อยู่ไหนวะ

   ผมตบกระเป๋ากางเกงสองข้าง เปิดเป้ค้นหาดูก็ไม่มี เทซากชีทในกระเป๋าออกมาก็ไม่มี เฮ้ย มือถือหาย เครื่องนั้นโคตรแพงอะสำหรับผม ใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ผมรีบวิ่งเข้าห้อง ค้นทุกซอกทุกมุมที่คิดว่ามันจะร่วงหล่น ไม่สิ ตอนกลางวันนี้ผมยังเล่นเกมส์อยู่ที่มหาลัยอยู่เลย หรือลืมวางทิ้งไว้วะ โอย ทำยังไงดีเนี่ย

   โยนชีทกับหนังสือลงบนเตียงแล้วย้อนกลับลงไปด้านล่าง รถไอ้เม่นยังติดเครื่องรอไว้ ผมรีบเคาะกระจกเร่งจนเจ้าของรถตกใจแต่พอมันเห็นสีหน้าผมไม่สู้ดีมันก็รีบเลื่อนกระจกลงจนสุด

   “เป็นอะไรพี่ งูเข้าห้องเหรอ” ดูมันยังจะตลก

   “ไม่ใช่เว้ย มือถือกูหาย” ร้อนใจมากบอกเลย ไม่มีเวลามาพูดตลกๆ กับใคร “สงสัยจะลืมไว้ที่มหาลัยว่ะ”

   “พี่ลืมไว้ตรงไหน” ไอ้เม่นย้อนถาม

   “กูก็ไม่รู้” คิดไม่ออกจริงๆ ให้ตาย ไม่รู้ลืมวางไว้ที่ไหน

   “อ่าว”

   ไม่รออ่าว เอิ้วอะไร ผมเปิดประตูรถเก๋งของไอ้เม่นแล้วสอดตัวเข้าไปนั่ง นิ้วก็ชี้ให้มันออกรถย้อนกลับไปมหาลัย

   “มึงลองโทรดู ไม่รู้มีใครเก็บได้หรือยัง”

   “พี่ เข็มขัดไม่ได้คาดแบบนั้น”

   “หือ”

   มัวแต่คิดมากจนลืมสังเกต ไอ้เม่นดึงที่ล็อคออกจากกระเป๋ากางเกงของผมแล้วจิ้มลงที่ล็อคของมันเสียงดังแกร๊ก พร้อมๆ กับเสียงหน้าแตกของผมเอง อายฉิบหาย

   “พี่ไม่ต้องอายหรอก ผมรู้ว่าพี่คิดเรื่องมือถืออยู่” ไอ้เม่นมันว่าเหมือนเข้าใจ แต่มันขำอะ แม้ปากมันจะไม่ แต่ดวงตามันหยีซะขนาดนั้น

   “มึงหัวเราะออกมาเลยดีกว่าแบบนั้น” พูดจบปุ๊บ เสียงหัวเราะของมันก็ดังลั่นรถ “ประชดเว้ย”

   “เอ้า โอเคๆ” ไอ้เม่นพยายามหยุดขำแล้วยกมือยอมแพ้ “ลองโทรเข้าเครื่องพี่ดีกว่านะ”

   “มีคนรับไหม”

   “เพิ่งเลื่อนหาชื่อ”

   “ช้าว่ะ”

   นั่งลุ้นอยู่ข้างคนเอาโทรศัพท์เครื่องแพงแนบหู ไอ้เม่นขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้า มันกดปิดแล้วโทรย้ำอีกหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครรับ เครื่องก็ยังติดอยู่ หรือว่าคนเอาไปจะไม่กล้ารับวะ

   “ผมว่า...” เสียงที่ขัดการคิดของผมดังขึ้น ทำให้ต้องปรายหางตามอง “ตอนผมขับตามรถพี่มา ผมยังโทรหาแล้วพี่ยังตะโกนด่าผมอยู่เลยนะ เมื่อกี้น่ะ”

   “มั่วป่ะวะ...” เออก็จริง เมื่อกี้ผมเหมือนรับโทรศัพท์จากไอ้เด็กข้างๆ นี่อยู่เลย ตะโกนด่าตอนที่สัญญาณไฟเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียว “หรือว่า” เหมือนละเมอคนเดียว ผมรีบผลักประตูรถออกแล้วพุ่งไปที่รถของตัวเอง “ทำไมเปิดไม่ออกวะ”

   “พี่ยังไม่ได้ปลดล็อคเลย มันจะเปิดได้ยังไง” หันขวับไปมองคนพูดที่มายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “ใจเย็นครับ เดี๋ยวผมจูนให้” อยู่ๆ ไอ้เม่นก็ยกมือขึ้นมาสองข้างแล้วนวดขมับผมเบาๆ

   “เออๆ” เหมือนจะรู้สึกดีขึ้น...มั้ง ผมรีบเปิดรถ พยายามค้นหามือถือตัวเอง พร้อมๆ กับมีเสียงริงโทนดังขึ้น “นั่น มือถือ” โผล่หน้าออกมาแล้วชี้บอกไอ้คนที่โทรย้ำเข้าเครื่องของผม ไอ้เม่นมันชะโงกหน้าเข้าไปดู และไม่รู้มันจงใจหรือบังเอิญที่ปากมันชนแก้มของผม

   ละครน้ำเน่าชัดๆ

   “มือถือของพี่จริงๆ ด้วย” ไอ้เม่นหยิบโทรศัพท์ของผมออกมาพร้อมรอยยิ้มแฉ่ง “หน้าบูดทำไม”

   “บูดเชี่ยอะไรล่ะ” ผมคว้าโทรศัพท์ของตัวเองมาถือ ลูบๆ คลำๆ ด้วยความรัก เกือบไปแล้วลูกพ่อ

   “เจอแล้ว งั้นเราไปกินข้าวกันเถอะ” เหมือนได้ยินเสียงเบาๆ จากที่ไหนสักที่ ผมจูบหน้าจอมือถือตัวเองหลายๆ ครั้ง ก่อนที่จะถูกแย่งออกไป “ไปกินข้าวกันครับ”

   “ยุ่งว่ะ ไปก็ไป ไม่ได้หิวด้วยนะเนี่ย”






   ทำไมข้าวปั้นหน้าปลาไหลมันอร่อยวะ ไข่หวานก็อร่อย อันนั้นด้วย อันนี้ก็ใช้ได้ อร่อยหมดทุกอย่างเลยให้ตาย สมแล้วที่อยู่ในร้านแพงๆ แบบนี้

   “มองทำไม” เงยหน้าขึ้นมาเจอกับดวงตาตรงข้ามที่จ้องอยู่

   “มองคนบอกไม่หิวไง โห ถ้าหิวจะกินขนาดไหนเนี่ย”

   “กินไม่ให้เสียน้ำใจคนเลี้ยงเว้ย ไม่ได้หิวเลย” พูดจบก็ยัดหมูทอดชิ้นใหญ่เข้าปาก ยักคิ้วให้ไอ้คนที่มันส่ายหน้า “กินดิ่”

   “มองพี่ก็อิ่มแล้วไหมวะ กินขนาดนี้ เอาไปเก็บไว้ไหนหมด” ไอ้เม่นเหลือบตามองผมแล้วหัวเราะออกมา “ตัวแม่งโคตรผอม”
 
   “ร่างกายเผาผลาญดีเว้ย” อันที่จริงปกติไม่ได้กินดีแบบนี้ อาหารประทังชีวิตคือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

   “วันเสาร์พี่ว่างป่ะ” ผมเงยหน้ามองคนถาม ท่าทางมันดูลังเลแปลกๆ

   “อืม...ไม่ว่างว่ะ กูนัดกินเหล้ากับเพื่อนไว้”

   “ที่ไหน”

   “คอนโดพี่โช” พอผมพูดชื่อเจ้าของห้องที่ผมจะไปกินเหล้า (ฟรี) เท่านั้น ไอ้เม่นก็หน้าสลด พี่โชคือแฟนของไอ้กลอยเพื่อนรักผม ซึ่งไอ้เม่นกับพี่เขาไม่ถูกกัน “มึงมีอะไรหรือเปล่าวะ”

   “เปล่าครับ”

   หลังจากคำปฏิเสธ ไอ้เม่นก็ดูเงียบลง ผมเริ่มกินช้าลงเพราะมัวแต่คอยสังเกตอาการของเด็กตรงหน้า หรือมันจะยังชอบเพื่อนผมอยู่เลยทำใจไม่ได้ที่ได้ยินชื่อ แต่มันถามก่อนนี่นา

   พอกินเสร็จก็ถึงเวลากลับ มื้อนี้มีเด็กเลี้ยง เงินในกระเป๋าของผมก็อยู่ครบ แอบเกรงใจมันเหมือนกันนะ ราคาอาหารทั้งหมดโดนไปหลายพัน เหงื่อผมแทบแตก ตอนสั่งมัวแต่หิวลืมดูราคา ไอ้เม่นดูแปลกไปจริงๆ บนรถมันขับแบบเงียบๆ ไม่มีเสียงพูดกวนโมโหอะไรอีก จนมาถึงหอพักของผม

   “สองวันนี้ผมคงมาหาพี่ไม่ได้นะ มีสอบ” ไอ้เม่นบอกก่อนผมจะลงจากรถ ผมเลยพยักหน้าส่งๆ ไป

   “ดีแล้ว หัดไปเรียนบ้าง ไม่ใช่มาตามตูดกูเช้า กลางวัน เย็น เกรดออกมาห่วยระวังถูกไล่ออก”

   “พี่เป็นห่วงผมเหรอ” ทั้งแต่ออกจากร้านอาหารจนมาถึงหอ ผมเพิ่งเห็นรอยยิ้มของมันนี่แหละ ช่างมัน เอาใจมันหน่อย

   “เออ ก็มึง...”

   “ดีใจหล๊าย หลาย”

   กำลังจะพูดต่อ แต่ไอ้เม่นกลับพูดแทรก มันทำหน้าตากระดี้กระด๊าจนน่าหมั่นไส้

   “เออๆ ขับรถกลับบ้านดีๆ นะมึง อย่าไปเสยฟุตบาทล่ะ”

   ยืนรอจนรถเก๋งสีดำขับจนลับตา ผมเดินขึ้นห้องด้วยสภาพที่ท้องแน่นจนจะเป็นปลาพะยูน กินขนาดนี้น้ำหนักต้องขึ้นแน่เลย หาเวลาไปวิ่งสักวันดีกว่า...สักวันนะ






   “ทำไมกูไม่เห็นเด็กมึงเลยวะช่วงนี้” เหล่ตามองไอ้เกมส์ที่ปากมันคาบถุงนมเปรี๊ยวแต่ก็ยังถามออกมาได้ “หรือมันจะตาสว่างแล้ว”

   “ตาสว่างพ่อง” ฟาดสมุดเข้าหัวจนไอ้เกมส์ถลึงตาใส่

   “แนะๆ หลงชอบมันไปแล้วล่ะสิมึง”

   “หุบปากหมาของมึงเลยไอ้มีน” ด่าเสร็จ ผมก็ถูกหัวเราะเยาะ จะทำร้ายพวกมันทีเดียวก็ไม่ได้ เดี๋ยวถูกเอาคืนจะเจ็บตัวเปล่าๆ “มันสอบ”

   “ใครสอบวะ” ไอ้เจคงได้ยินเสียงลอยๆ ของผมบอก

   “ไอ้เม่น” ตอบนิ่งๆ

   “แหม ปากบอกไม่ชอบ แต่รู้เรื่องเขาหมดทุกอย่างนะมึง” ไอ้เจผลักหัวผมซะเกือบชนกับไอ้เกมส์ที่นั่งข้างๆ “เพื่อนกูจะมีผัวแล้ว”

   “ผัวพ่องมึงไอ้เชี่ยเจ”

   “พ่อกูมีผัวเหรอวะ”

        ดูความกวนบาทาของไอ้เจมัน ปากแบบนี้ไม่รู้พี่อินคายตะขาบให้มันเป็นเฮดว๊ากได้ยังไง

   “ไอ้เหี้ย” ด่าส่งท้ายก่อนจะก้มหน้าสนใจการบ้านตรงหน้าต่อ ยืมของสาวสวยประจำห้องมาลอกเลยนะครับเนี่ย ไม่อยากจะโม้

   “ว่าให้คนอื่น มึงเถอะ เมื่อวานกูเห็นซ้อนไอ้ดีฟไปไหนมาดึกๆ ดื่นๆ” จากผมที่ถูกเค้น ตอนนี้ไอ้มีนเปลี่ยนไปเค้นไอ้เฮดว๊ากแทน ไอ้เจเลิกคิ้วนิดๆ คงจะหาคำตอบที่ไม่ทำให้ตัวเองต้องถูกคาดคั้นหนัก ไอ้นี่แผนมันสูงนะครับ หน้าหล่อๆ ไว้ใจไม่ได้ “รีบๆ ตอบ อย่าตอบโลกสวยเหมือนอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์นะมึง” ไอ้มีนดักทางอย่างรู้ทัน เลยได้เสียงหัวเราะรอบวง รวมทั้งผมที่เริ่มกดดันเพื่อนตัวเองบ้าง ทำกูไว้มาก โดนซะบ้าง

   “กูไปกินเหล้า” ไอ้เจตอบเรียบๆ มันยกขาไขว่ห้างท่าทางแบบสบายๆ

   “เหล้ากับไอ้ดีฟสองคนเนี่ยนะ” คราวนี้สาวหนึ่งเดียวของกลุ่มทักขึ้น อีแน่วขยี้รูหูซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ไอ้เฮดว๊ากอย่างมึงไปแดกเหล้ากับคนอื่นที่ไม่ใช่พวกกูสองต่อสองเนี่ยนะ”

   “ไอ้ดีฟก็เพื่อนกู”

   “เพื่อนแต่ไม่สนิท มีอะไรปิดบังกูใช่ไหม”

       เขาว่ากันว่า คนทำผิดมักจะไม่กล้าสบตาตอนตอบคำถาม ไอ้เจก็คงเป็นหนึ่งในนั้น ยิ่งเจอสายตาคาดคั้นสี่คู่มันยิ่งทำหน้าไม่ถูก

   “มึงอย่ามาหาเรื่องกูอีแน่ว กูชวนมึงแต่มึงไปหาเมีย ไอ้พวกนี้ก็ไม่ว่าง” ไอ้เจมันบอกเหตุผล ซึ่งทุกคนรอบโต๊ะต่างพากันพยักหน้าเข้าใจ

   “แล้วไอ้ดีฟมายังไง” ยกเว้นอีแน่วที่ไม่ยอมปล่อย สัญชาตญาณของผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ

   “มันโทรมาชวนกูไปกินเหล้าพอดี นัดไอ้เชี่ยอัธด้วย แต่แม่งดันไปทำธุระ กูเลยได้ไปกับไอ้ดีฟ” เหตุผลที่สองถูกถ่ายทอดมาอีกรอบ “แล้วที่กูซ้อนมัน ก็เพราะมันมาส่งกูที่หอ หรือพวกมึงจะให้กูเดินกลับ”

   “รถมึงอะ” ผมถามปุ๊บ ถูกสายตาเหี้ยมโหดตวัดมามองทันที

   “ร้านอยู่ไม่ไกลหอกู มึงจะให้กูเอาน้องจูนไปเหรอวะ” น้องจูนคือฟอจูนเนอร์ครับ แต่มันเรียกสั้นๆ ของมัน “หยุดซักไซ้กู เพราะมันไม่มีอะไร” มีดักทางไว้ด้วย

   “อะไร กูบอกยังว่ามีอะไร แต่ถ้ามี กูกัดไม่ปล่อยเหมือนไอ้มู่แน่” อีแน่วชี้หน้าก่อนกัดลูกชิ้นที่มันซื้อมา

   “เกี่ยวอะไรกับกู”

   “เพราะมึงมีอะไรกับไอ้เด็กนั่นไง”

   “เชี่ย ไม่มีเว้ย”

   “โวยวายๆ ไม่มีก็ไม่มี แต่ถ้ามีละก็ หึๆ”

   ผมพับสมุด หนังสือแล้วเดินขึ้นห้องเรียนทันที เบื่อที่จะคุยกับพวกมัน ทำไมผมถึงเถียงสู้อีแน่วไม่ได้...ว่าแต่ ไอ้เม่นก็หายไปจริงๆ วันนี้เป็นวันที่สอง ไม่มีแม้แต่ข้อความใดๆ หรือมันจะอ่านหนังสือหนัก แต่ผมก็ยังเห็นไอ้กลอย รุ่นพี่คณะมันยังไปหาขนมหวานกินอยู่เลย หรือมันจะตาสว่างแบบที่ไอ้เกมส์ว่าจริงๆ

   หลังจากช่วงเช้าเรียนจนเต็มอิ่ม ตอนบ่ายเด็กปีหนึ่งมีแข่งกีฬา ผมแบกถังน้ำเดินตามไอ้จ๊อดไปที่สนาม ตอนนี้พวกปีหนึ่งเริ่มวอร์มร่างกายกับพวกปีสามสาขาอื่นที่มันเลิกเรียนก่อน มาถึงก็ทักทายนิดๆ หน่อยๆ เพราะวันนี้ต้องเจอศึกหนัก ดังนั้น เราจะมัวมาเล่นๆ กันไม่ได้ ต้องจริงจัง

   “เด็กมึงไม่มาเหรอ” ไอ้ป๋อง เพื่อนต่างสาขาแกว่งปากหาเสี้ยนจริงๆ

   “มึงเห็นไหมล่ะ ไม่เห็นแสดงว่าไม่มา” ตอบห้วนๆ แต่คนถามไม่ถือสา เพราะมันรู้จักผมพอใช้ได้ เรื่องปากหมาไว้ใจไอ้ม่านได้

   “สรุปแล้วมึงคบกับไอ้เด็กหน้าขาวนั่นจริงๆ เหรอวะ” ยังไม่หยุดถามอีก สงสัยอยากเจอหมาขั้นแอ๊ดวานซ์

   “ที่จริงกูก็ไม่ได้อยากตอบหรอกนะ แต่เห็นมึงอยากรู้กูก็จะบอก” ผมกระดิกนิ้วเรียกให้มันมาใกล้ๆ พอมันยื่นหูมาผมก็ตะโกนเต็มเสียง “เสือก”

   “ไอ้เหี้ยมู่ หูกู” ไอ้ป๋องหน้าบูดเป็นตูด มันยกมือกดหูตัวเองแล้วเดินแยกไปทันที สมน้ำหน้า อยากยุ่งเรื่องคนอื่นดีนัก

   ผมหัวเราะกับตัวเองเมื่อเพื่อนตัวกวนไปแล้ว มือก็หยิบนั่นหยิบนี่ ก่อนจะมีเท้าคู่หนึ่งมายืนตรงหน้า อยู่ๆ หัวใจก็เต้นคึกโครมจนแทบจะโดดออกมา ผมค่อยๆ ไล่มองจากรองเท้าขึ้นไปเรื่อยๆ จนเห็นหน้าขาวที่ยืนมองพร้อมรอยยิ้ม

   “ขอน้ำแก้วหนึ่งครับพี่ม่าน”

   “เออ”

   ไม่ใช่ไอ้คนที่ชอบก่อกวน แต่เป็นเด็กรุ่นน้องในคณะ ผมรีบหยิบน้ำในกระติกยื่นให้ พอได้มันก็ยกมือไหว้แล้วเดินไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนของมัน พอไม่ได้ห้อยป้ายชื่อ ผมก็ไม่รู้จัก ยิ่งสมองมีความจำสั้นอยู่ด้วย นี่ถ้าใส่เมมการ์ดได้คงต้องหาซื้อที่ความจำเยอะๆ หน่อย

   การแข่งขันฟุตบอลนัดรองชนะเลิศเริ่มต้น เสียงเฮ เสียงกลองก็ดังไปทั่วสนาม ผมยืนลุ้นอยู่กับเพื่อนตัวเอง มันแหกปากเหมือนถูกเหยียบหาง ทั้งที่ผมก็ควรเป็นแบบนั้น แต่คราวนี้กลับยืนมองเฉยๆ รู้สึกแปลกกับตัวเองที่เป็นอยู่

   “เชี่ย” เสียงสบถจากไอ้จ๊อดทำให้ผมสนใจเกมส์ ถูกนำไปแล้วหนึ่งประตู ลำบากแล้วคณะผม แต่เวลายังไม่หมด ชัยชนะยังคงรออยู่

   ผมพยายามตัดเรื่องกังวลใจทิ้งไป แล้วสนุกสนามกับเกมส์กีฬาตรงหน้า เริ่มแหกปากไปกับไอ้จ๊อด แล้วเรื่องไอ้เม่นก็หายไปจากหัวเมื่อคณะผมเตะเข้าตาข่ายไปเป็นลูกที่สอง นำหน้าคณะศึกษาแล้วเว้ย สุดท้ายเสียงนกหวีดเป่า คณะผมก็ลอยลำรอวันชิง ผมกระโดดกอดไอ้จ๊อดจนตัวลอย ปีนี้จะเป็นปีของคณะเกษตรของผม เห็นไหม ไอ้ม่านไม่ได้โม้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2017 22:22:04 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ตื้อเข้าไปเดี๋ยวพี่ม่านต้องใจอ่อนกันบ้างแหละ

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
รุกหนักๆเขัานะเม่น ม่านใกล้จะใจอ่อนแล้วอีกนิด :katai2-1:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

5
[Re-write : 05/02/60]



       “กูนัดมึงกี่โมง” โดนครับ โดนไอ้อัธใส่รัวๆ ตั้งแต่ผมเปิดประตูห้องให้มันเข้ามา มันบ่นยิ่งกว่าพ่อแม่ผมอีก ชอบความสะอาดเป็นที่หนึ่ง แต่มันดีอย่างคือ ปากบ่น มือมันก็ตามเก็บเศษซากของๆ ผมลงถังขยะ ซึ่งมันทำแบบนี้กับเพื่อนทุกคน อย่าคิดอื่นไกล

   “ก็วันนี้วันเสาร์” ผมสะบัดกางเกงยีนส์ตัวโปรดแล้วสวมเข้าที่ขา

   “มึงไม่อาบน้ำเหรอวะ” คุณชายขี้บ่นเริ่มอีกแล้ว

   “กูอาบเมื่อคืนแล้ว” ไอ้อัธส่ายหน้ารัวๆ แต่ผมไม่สน ตอนนอนไม่ได้ทำอะไรก็นอนเฉยๆ ตอนเช้าจะอาบน้ำทำไมเล่า เปลืองน้ำเปล่าๆ “พวกพี่เขาไปที่ห้องแล้วเหรอวะ”

   “ยัง แต่เดี๋ยวกูว่าจะไปซื้อของเข้าไปด้วย” คุณชายขี้บ่นเก็บของเสร็จก็ทิ้งตัวนั่งบนเตียงเตี้ยๆ ของผม “ผ้าปูมึงซักบ้างหรือเปล่าวะ”

   “มึงไม่เมื่อยปากเหรอวะ บ่นตลอด”

   “ก็เพราะพวกมึงทำตัวให้บ่น ว่าแต่ กูได้ยินมาว่า มึงรับช่วงต่อเด็กจากไอ้กลอยเหรอวะ” ตาโตหลังจากได้ยินคำถาม

   “รับช่วงเหี้ยอะไร เอาที่ไหนมาพูด” ถามกลับเสียงสูง ข่าวแม่งผิดเพี้ยนไปหมด

   “กูรู้ก็แล้วกัน” ผมคงลืมความสามารถของว่าที่ทนายคนเก่ง ไอ้นี่หูตากว้างไกล อะไรก็รู้ไปหมด

   ไอ้อัธแวะซื้อของสดที่ตลาด ผมเป็นลูกหิ้ว มีหน้าที่หิ้วครับ ส่วนคุณชายท่านก็เลือก ดูเถอะ หากเอาของพวกนี้ไปถึงห้อง ต้องถูกไอ้กลอยด่าแน่ เพราะมันต้องเป็นคนทำ เพื่อนผมทำกับข้าวโคตรอร่อย ไม่อยากจะโม้ 

   เลือกของเสร็จก็ตรงดิ่งไปคอนโดหรูของพี่โช ช่วงรถติดไฟแดง เสียงข้อความมือถือผมดัง รีบควักออกมาดู ก็เป็นคนที่หายไปนั่นแหละครับ มันส่งมาถามว่ากลับกี่โมง...ผมจะกลับกี่โมงดีวะ แม้จะไม่รู้ แต่ก็พิมพ์บอกว่าดึก ไม่รู้ดึกเท่าไหร่ ตอบดึกไว้ก่อน ไอ้เม่นอ่านแล้วไม่ตอบอะไรอีก

   “กวนตีน”

   “ด่ากูเหรอ”

   นี่ผมเผลอคิดดังไปเหรอ ไอ้อัธหันมาทำหน้าฉงน แต่ผมส่ายหน้าให้ไป มันเลยหันไปสนใจถนนต่อ ฝ่ารถติดอยู่นานจนถึงที่หมาย ผมกอบถุงของสดลงจากรถแล้วเดินตามคนออกเงิน ไอ้อัธแม่งเดินตัวปลิวไม่มีรอ จะบ่นก็ไม่ได้เดี๋ยวถูกสายตาโหด

   ประตูห้องเปิดออก เจอหน้าไอ้กลอยยู่โผล่มา มันคงเห็นถุงในมือถือนั่นแหละ ผมเดินเข้าไปคนสุดท้าย ในห้องมีเพื่อนของพี่โชเต็มห้อง ทุกคนสายตึ๊ดทั้งนั้น ยังมีไอ้ทู เพื่อนอีกคนที่เรียนคณะเดียวกับไอ้กลอยนั่งกินองุ่นสดๆ อยู่ข้างแฟนมัน

   “มาช้านะพวกมึง” ผมยกมือไหว้รุ่นพี่ร่วมสถาบันทุกคน แม้พวกพี่เขาจะดูเฮฮา แต่เวลาโหดเอาเรื่องสุดๆ อย่าได้คิดจะมีเรื่องทีเดียวเชียว

   ผมนั่งข้างไอ้อัธที่ได้แก้วบรรจุน้ำสีอำพันใส กลิ่นหอมจนน้ำลายจะไหล พอได้ปุ๊บก็ซัดไม่ยั้ง หากไอ้กลอยไม่ดึงแก้วของผมออกก่อน

   “มาถึงก็ซัดเลยนะมึง” ไอ้นี่ชอบขัด มันถูกจำกัดการดื่มจากแฟนมัน

   “เรื่องของกูไอ้เชี่ยกลอย” ด่ามันไป แต่มันกลับยื่นหน้ามากระซิบข้างๆ หู

   “วันนี้วันเกิดไอ้เม่น” เสียงกระซิบเบาๆ แต่แช่แข็งผมได้

   “เรื่องของมัน” ผมแย่งแก้วเหล้าในมือเพื่อนมาถือ อย่ามีพิรุธให้ไอ้กลอยเห็น มันเป็นพวกเซ้นส์ดี (ในเรื่องของคนอื่น)

   “ขอให้จริง” มันจ้องผมนิ่ง ก่อนจะแยกออกไปทำกับแกล้มต่อ

   มิน่า มันถึงถามว่าวันนี้ว่างหรือเปล่า แล้วผมจะมากังวลเรื่องวันเกิดของมันทำไมเนี่ย

   แม้จะบังคับไม่ให้คิด แต่การยกแก้วของผมช้าลงไปมาก เสียงเพลงเพี้ยนๆ ยังไม่เข้าหู แม้ภาพรุ่นพี่ใส่วิกโยกหัวร้องเพลงช้าก็ไม่ทำให้ผมขำอย่างคนอื่นๆ ตอนนี้ในสมองไม่รู้มีข้อความอะไรมากมายไปหมด ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองหันไปดูนาฬิกาบ่อยแค่ไหน แต่ที่รู้ๆ คือ เข็มวินาทีแม่งโคตรเดินช้า เดินไม่พ้นเลขห้าสักที

   “มองขนาดนั้น มึงกลับเลยไหม” เสียงไอ้กลอยลอยมาเข้าหู ผมหันไปมองเพื่อนตัวเองที่มานั่งซ้อนหลัง มือมันถือยำวุ้นเส้นหอมๆ มาด้วย

   “กลับเชี่ยไร กูเพิ่งมา” แถไปให้สุด ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ทำเป็นสนใจเสียงเพลงเพี้ยนๆ ทั้งที่ไม่เข้าหูเลย นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย

   สุดท้ายก็ทนไม่ไหว นาฬิกาบอกเวลาเกือบจะสี่ทุ่มครึ่ง นี่ผมนั่งกระวนกระวายมากี่ชั่วโมงวะ ไม่เป็นตัวของตัวเองเลยไอ้เชี่ยม่าน ผมสะกิดบอกไอ้อัธที่สติเริ่มไปบ้าง มันพยักหน้ารับรู้และยิ้มเหมือนรู้ทัน ไอ้เชี่ยนี่น่ากลัว ผมย่องออกจากห้องโดยที่ทุกคนไม่สนใจเพราะมัวแต่อุดหูให้กับเพลงเพี้ยนๆ

   ออกจากห้องผมก็รีบลงไปโบกแท็กซี่หน้าคอนโค ยังดีที่รถแถวนี้จอดรับตั้งแต่คันแรกที่โบก ลุงคนขับยิ้มตาหยีเมื่อผมนั่ง รถแท็กซี่ขับมุ่งตรงไปยังหอพักของผม ตอนแรกคิดจะไปหาไอ้เจ้าของวันเกิด แต่ไม่รู้บ้านมันอยู่ไหน อยากจะหัวเราะเยาะตัวเองดังๆ ออกมาโดยไม่รู้จะไปหามันที่ไหน

   รถแท็กซี่เหลืองเขียวจอดหน้าหอพักในเวลาเกือบๆ จะห้าทุ่มครึ่ง ผมเดินเลยไปอีกหน่อยเพื่อไปร้านสะดวกซื้อ อยากได้อะไรมาดื่มให้กับความโง่สักหน่อย ประตูร้านเปิดพร้อมกับเสียงทักทายของพนักงานคนสวย ผมเลือกของลงตะกร้าแล้วเดินมาจ่ายเงิน พนักงานคนสวยมองผมยิ้มๆ จนน่าสงสัย

   “กินเบียร์กับเค้ก ระวังเมานะคะ” อ่อ ที่แท้ก็ห่วงผมนี่เอง ทุกครั้งเวลาผมมาแล้วเจอน้องเขา ผมมักจะหยอกเอินนิดๆ หน่อยๆ แต่วันนี้ไม่มีอารมณ์

   “หืม” พอได้ยินเสียงทัก ผมก็ยื่นหน้าไปดู เอ่อว่ะ ผมเผลอหยิบเค้กมาตอนไหนวะ “พอดีอยากเมา พี่คอแข็ง” พูดไปงั้น ทั้งที่จริง คอผมก็ไม่ได้แข็งมากเท่าไหร่

   ผมเดินหิ้วถุงกลับหอพัก หยิบมือถือมาดูก็ไม่มีข้อความอะไรมาอีก สงสัยมันไปกินกับครอบครัวไม่ก็เพื่อน ไอ้ม่าน มึงกำลังเพี้ยน มึงต้องตั้งสติให้ดี อย่าเพิ่งเป็นคนใจอ่อน ผมเดินลากขาขึ้นห้อง พอถึงชั้นของตัวเอง ผมเห็นก้อนกลมๆ นั่งขดอยู่หน้าประตูห้อง นี่ไอ้เด็กห้องข้างๆ ทะเลาะกับแฟนแล้วมานอนข้างนอกอีกแล้วเหรอวะ เป็นแบบนี้ประจำจนคนทั้งชั้นเอือมระอา เดินไปจนถึงหน้าห้อง ลองสะกิดดูเพื่อให้มันขยับ แต่พอเงยหน้าจากเข่าทำเอาของในมือเกือบร่วง

   “มึง...”

   “พี่ม่านมาแล้วเหรอ” ไอ้เม่นขยี้ตาตัวเอง ปากก็อ้าหาววอดๆ

   “มึงมานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่” ถามพลางหันซ้ายหันขวา มันขึ้นมาบนนี้ได้ยังไงวะ จะขึ้นมาต้องมีบัตร

   “ตั้งแต่เย็นแล้ว”

   “ตอนเย็นเหรอวะ นั่งไม่ไปไหนเลยเนี่ยนะ” ไอ้เม่นพยักหน้าช้าๆ มันพยายามจะยืนแต่ขาคงถูกเหน็บกิน ใบหน้าขาวมันบิดเบี้ยวมือพยายามจับประตู จับกำแพง “มึงบ้าไปแล้ว” ผมว่า มือก็ยื่นไปให้มันจับ ไอ้เม่นมองมือผมก่อนมันจะคว้าแน่น

   “ก็ไม่รู้ว่าพี่จะกลับกี่โมง”

   “กูบอกดึกๆ ไง”

   “แต่ผมอยู่หน้าห้องพี่แล้วตอนถาม”

   “มึงโคตรโง่ว่ะ” ด่ามันก่อนเปิดประตูห้อง ไอ้เม่นเกาะไหล่ผมเพื่อเป็นหลัก ขามันคงชาไร้เรี่ยวแรง ทำให้ผมต้องก้าวขาช้าๆ “แล้วกินข้าวหรือยัง”

   “ยัง”

   “โง่จริง”

   “อย่าด่าผมสิ” เสียงเล็กๆ ดังอยู่ด้านหลัง ผมส่ายหน้าให้ไอ้เด็กโง่ “งานเลี้ยงเขาเลิกแล้วเหรอ พี่ถึงกลับมา”

   “เออ” โกหกไปนิดๆ เพราะกลุ่มนั้นถ้าไม่เมาจนหลับก็ไม่มีทางหยุดหรอก “ห้องกูมีแต่บะหมี่ กินได้หรือเปล่า”

   “กินได้ทุกอย่าง ผมกินง่าย เลี้ยงง่าย” เกลียดรอยยิ้มพร้อมตาหยีของมันซะจริงๆ

   ผมเสียบปลั๊กไฟต้มน้ำให้ ไอ้เม่นนั่งสำรวจห้องผมเงียบๆ ดีที่ไอ้อัธมันเก็บกวาดตอนเช้า ห้องเลยสะอาดเอี่ยม ผมวางถุงที่ซื้อมาบนโต๊ะ ไอ้เม่นคงไม่สังเกตว่าของในถุงมีอะไร พอมันได้บะหมี่ปุ๊บก็รีบตักกิน ทั้งที่เส้นมันยังไม่สุกซะด้วยซ้ำ คงจะหิวจริงๆ
 
   “ระวังติดคอนะเว้ย” วางน้ำไว้ให้ด้วย ไอ้เม่นเหมือนจะพูดแต่ปากเต็มไปด้วยบะหมี่ “มึงมันโง่จริงๆ” อดไม่ได้ที่จะด่าอีกรอบ มองคนกินบะหมี่จนหมดไม่เหลือแม้แต่น้ำ ไอ้เม่นลูบท้องตัวเองนิดๆ แล้วเรอออกมา มันขอโทษขอโพยแล้วหัวเราะแหยๆ

   “พี่ซื้ออะไรมาเหรอ” ผมรีบคว้าถุงมาถือก่อนที่มือใหญ่ของไอ้เม่นจะจับ ดูมันตกใจนิดๆ ด้วย “ขอโทษ ผมไม่ได้...”

   “กูไม่ได้หวง” รีบแก้ตัวเพราะเห็นหน้าหงอยๆ นั่น “ก็แค่...” สายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่เกือบจะเที่ยงคืน “อะ” สุดท้ายก็หยิบออกมาวางบนโต๊ะ

   “เค้ก?” ไอ้เม่นมองเค้กที มองหน้าผมที

   “เออ” ทำไมรู้สึกแปลกๆ วะ ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มที่ค่อยๆ กว้างของไอ้เด็กตรงหน้า ก็อดจะยิ้มตามไม่ได้

   “พี่รู้ด้วยเหรอ ว่าวันนี้เป็นวันเกิดผม” ผมเห็นดวงตาของไอ้เม่นมีน้ำใสๆ เอ่อคลอขึ้น “โคตรดีใจว่ะ”

   “อย่าเว่อร์ได้ป่ะ” ทำหน้าไม่ถูก มือไม้ก็ดูเกะกะไปหมด

   “พี่ม่าน...”

   “อย่าร้องไห้นะมึง”

   “พี่ม่าน...”

   “ไอ้เชี่ยเม่น” ห้ามไปก็เท่านั้น ไอ้เม่นน้ำตาไหลลงมาแล้ว มันวางเค้กบนโต๊ะแล้วโผเข้ามากอดผมแน่น ไม่ว่าจะตบมันยังไงมันก็ไม่ปล่อย “หายใจไม่ออกเว้ย”

   “ผมดีใจ” ไอ้เม่นยอมผละออกมา หน้ามันมีแต่คราบน้ำตา แม่งโคตรเด็กว่ะ “เค้กก้อนแรกเลยนะ”

   “เว่อร์ มันก็แค่อันถูกๆ ป่ะว่ะ”

   “แค่บาทเดียวผมก็ดีใจ พี่ซื้อให้ผมอะ”

   “โอ้ย ไอ้เม่น” เอาอีกแล้ว มันกอดผมอีกแล้ว “จะได้กินไหมเค้ก”

   “กินๆ”

   เค้กกล่องเล็กๆ ถูกเปิด ไอ้เม่นยกเค้กขึ้นอธิฐานทั้งๆ ที่ไม่มีเทียน ตลกดีไอ้เด็กนี่ พอมันขอพรเสร็จก็ใช้ช้อนตักเค้กมาจ่อปากผม

   “อะไร”

   “ให้พี่กินก่อน”

   “มึงเป็นเจ้าของวันเกิด มาให้กูกินทำไม”

   “เพราะพี่เป็นคนสำคัญของผมไง อ้ำๆ”

   ถูกคะยั้นคะยอจนต้องอ้าปากกิน เค้กร้านสะดวกซื้อก็อร่อยดี แม้ไม่นุ่ม หวานเท่าเค้กร้านดังๆ ก็เถอะ พอผมกิน ไอ้เม่นก็จ้วงเค้กเข้าปาก คงจะหิว บะหมี่มันคงไม่อิ่มนั่นแหละ เด็กผู้ชายวัยกำลังโต กินไม่ยั้งแบบนี้แหละ

   “แล้วนี่ ที่บ้านมึงไม่รอแย่เหรอวะ” มองแล้วก็คิดได้ ว่าได้ถามเรื่องไม่น่าถามออกไป คนกินอร่อยก็ค่อยๆ หยุด ไอ้เม่นวางช้อนกับเค้กลงบนโต๊ะ 

   “บ้านผมไม่มีคนรอหรอก” น้ำเสียงอ่อนซะผมอยากตบหัวตัวเอง

   “ขอโทษๆ” ตบบ่ามันไปเบาๆ

   “พ่อกับแม่ของผม จากผมตั้งแต่ผมยังเด็ก” อยู่ๆ ไอ้เม่นก็เล่าเรื่องตัวเองออกมา เอาซะผมปั้นหน้าไม่ถูก เหมือนผมไปกระตุกต่อมเศร้าของมัน แถมวันนี้ยังวันเกิดของมันด้วย “ผมไม่มีใครเลย”

   “แล้วมึงอยู่กับใครล่ะ” ไม่ได้อยากถาม แต่ปากมันออกไปก่อน

   “ตากับยายพาผมไปอยู่ด้วย แต่ก็ไม่เหมือนพ่อกับแม่ พวกท่านสนใจแต่งานที่ทำ ส่วนผม...”

   “พอๆ ไม่ต้องเล่า ชีวิตโคตรดราม่า” ผมไม่อยากให้เด็กมันเศร้าเลยรีบห้าม ไอ้เม่นยิ้มบางๆ ออกมา “กินเค้กให้หมดเถอะ”

   “พี่อวยพรวันเกิดผมด้วยสิ” จากโหมดเศร้ากลายเป็นบทอะไรดี ไอ้เม่นทำตาแวววับจนผมต้องกระพริบตาปริบๆ “นะ อวยพรผมหน่อย”

   “ขอให้มึง...”

   “อย่าพูดไม่เพราะสิ ไม่น่ารักเลย”

   “ไอ้เม่น” ชี้หน้ามันไป

   “ก็มันจริง พี่ออกจะน่ารัก พูดโคตรห้าวเลยว่ะ”

   “ต้องให้พูด คุณ ผม นาย เรา งี้เหรอวะ ประสาทกินพอดี”

   “แค่แทนตัวเองด้วยชื่อ แล้วเรียกผมว่าเม่นก็พอ”

   “ฝันเถอะ”

   “พี่ม่านละก็”

   “จะเอาไหม คำอวยพรเนี่ย” ดูเหมือนจะออกนอกเรื่องไปนาน ไอ้เม่นรีบพยักหน้ารัวๆ “ขอให้มะ...เม่น มีความสุขมากๆ”

   “ขอบคุณครับ” ไม่รู้จะอวยพรอะไร เลยพูดแบบสั้นๆ เจ้าของวันเกิดทำตาเป็นประกาย “คำอวยพรยังไม่ดีใจเท่าที่พี่เรียกชื่อผมว่าเม่น”

   “อย่ามาเว่อร์ ปกติกูก็เรียก”

   “แต่พี่เรียก มึง ไม่ก็ไอ้เม่น แต่นี่เม่นเฉยๆ”

   “มันก็เหมือนกัน”

   “ไม่เหมือน”

   “เออ ไม่เหมือนก็ไม่เหมือน” ขี้เกียจเถียงต่อ ผมโบกมือปัด “กินไป เค้กมึงน่ะ”
 
   “ครับผม”

   เปิดกระป๋องเบียร์แล้วยกซด มองไอ้เม่นจ้วงกินเค้กอย่างอร่อย จะว่าไป มันก็เหมือนเด็กทั่วไป ต่างมาหน่อยคือมันกำลังหลงผิดมาตามผมนี่ไง สมองมันคงเพี้ยนไปแน่ๆ

   “พรุ่งนี้มึงไม่มีเรียนเหรอ”

   “พรุ่งนี้วันอาทิตย์นะครับ” เอ่อว่ะ ผมลืมไปเลย “พี่อย่ากินคนเดียวสิ” ไอ้เม่นมองมาที่กระป๋องเบียร์ คงหมายถึงผมดื่มคนเดียวละมั้ง

   “ในถุง มึงก็เปิดเอาสิ นานๆ ทีกูจะแบ่ง เชี่ย” ไม่ทันแล้ว ไอ้เม่นดึงกระป๋องในมือผมไปดื่มเรียบร้อย “อะไรของมึงเนี่ย ทำไมไม่เปิดเองวะ”

   “แบบนี้ดีแล้ว” ทำหน้าฉงนมอง

   “ดีอะไรของมึง ลำบากกูต้องเปิดกระป๋องใหม่” หน้างอแล้วเปิดอีกกระป๋อง ไอ้เม่นจ้องหน้าผมแล้วอมยิ้ม “กระป๋องเดียวนะมึง”

   “คืนนี้ผมขอนอนด้วยได้ป่ะ”

   “ไม่ได้เว้ย” รีบปฏิเสธสิ อยู่ๆ จะให้คนอื่นมานอนด้วย

   “แต่มันดึกแล้วนะ” ไอ้เม่นทำปากยู่ ผมหันไปมองนาฬิกากิ๊กก๊อกของตัวเองบนผนัง

   “ดึกที่ไหน มึงไม่เคยเที่ยวเหรอ เวลานี้ผับยังไม่ปิดเลยเถอะ”

   “โห พี่บ้านนอกว่ะ เขาให้ปิดเที่ยงคืน แล้วนี่ก็เลยเที่ยงคืนแล้ว”

   “ทำตัวเป็นเด็กว่ะ”

   “ถึงผมเด็ก แต่ผมรักจริงนะ”

   “พอ อย่าเสี่ยว” รีบยกมือห้ามก่อนจะอ้วกเบียร์ออกมาซะก่อน “นอนก็นอน แต่มึงต้องอาบน้ำก่อนนะเว้ย อย่าทำตัวซกมก”
เหมือนด่าตัวเองชอบกล

   “ครับ ผมจะขัดขี้ไคลให้หมดเลย” ว่าแล้วมันก็เด้งตัวลุกขึ้น

   “แล้วจะไปไหน” ผมถามเพราะมันเปิดประตูห้องออกไป

   “ไปเอาเสื้อผ้า ผมเตรียมมาแล้ว เดี๋ยวมานะครับ” พูดจบมันก็วิ่งฉิวไป ไอ้นี่มันร้ายเว้ย เตรียมเสื้อผ้ามาเรียบร้อย ไม่น่าติดกับเลยให้ตาย

   ไอ้เม่นกลับมาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ มันยิ้มยิงฟันหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ เออ มันว่าง่ายดีนะ ผมส่ายหน้าช้าๆ แล้วยกเบียร์ขึ้นจิบต่อ ผมทิ้งเพื่อน ทิ้งพี่ เพื่อมาอยู่กับไอ้เด็กนี่เหรอวะ

   “พี่ม่าน ผมอาบเสร็จแล้ว” ไอ้เม่นเดินพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวออกมา โชว์แผงอกล้ำๆ ไม่แคร์สายตาของผม

   “มึงอาบหรือวิ่งผ่านน้ำวะ โคตรเร็ว” ว่าจบก็รีบเบนสายตามามองขนมบนโต๊ะ ไม่ได้หื่นหรอก แต่อิจฉา ผมเคยพยายามเล่นกล้ามอยู่ช่วงหนึ่ง แต่กับข้าวหลังมอไม่เป็นใจผมเลย มันหอมจนผมต้องแวะกินแทบทุกวัน 

   “พี่รีบไปอาบสิ จะได้นอนกัน” พูดโคตรกำกวมไอ้นี่ “ผมหมายถึงนอนหลับ พี่คิดหื่นกับรูปร่างผมอยู่ใช่ไหม” ไอ้เม่นแกล้งยกมือปิดหน้าอกสองข้าง หน้าตาโคตรกวนบาทา

   “หื่นกับผี หุ่นก็งั้นๆ” วางกระป๋องเบียร์แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ไอ้เม่นหัวเราะตามหลังมา ผมเลยแจกนิ้วกลางให้มันไป กวนตีนได้โล่

   ใช้เวลาอาบน้ำนานพอสมควร ปกติผมก็อาบนานนะครับ แต่วันนี้สระผมด้วยเลยนานไปหน่อย น้ำอุ่นไหลตั้งแต่หัว ความร้อนพอดีทำให้ผมชอบอยู่ใต้น้ำนานๆ กว่าจะออกมา ไอ้คนบนเตียงก็หลับปุ๋ยไปซะแล้ว เดินเอาผ้าไปตากที่ระเบียง พอลื่นประตูปิดก็เจอสายตาใสมองมา

   “อาบนานจนหลับไปตื่นหนึ่งแหน่ะ” ไอ้เม่นนอนตะแคงใช้มือค้ำหัวมองมาทางผม

   “ก็นอนไปสิวะ” ผมเดินไปปิดไฟแล้วสอดตัวลงนอนใต้ผ้าห่มอุ่น แอร์ถูกปรับให้ต่ำลงในยามค่ำคืน “นอนๆ”

   “พี่ม่าน” กำลังจะหลับตา แต่เสียงที่ดังเบาๆ ทำให้ต้องลืมตาตื่น แสงจันทร์ที่ลอดผ่านระเบียงทำให้เห็นหน้าไอ้คนข้างๆ แบบลางๆ “ขอบคุณนะ วันนี้เป็นวันเกิดที่ผมโคตรมีความสุข”

   “อย่าซึ้งๆ นอนครับ” รีบกระชับผ้าห่มแล้วนอนตะแคงหันหลังให้

   “ผมมีความสุขจริงๆ นะ แล้วก็...” จังหวะที่ผมเคลิ้มๆ (เป็นคนหลับง่าย) อยู่ๆ ก็รู้สึกถึงแรงรัด “คืนนี้ผมขอกอดพี่หน่อยนะ สัญญาว่าจะไม่ทำอะไร” เกือบจะด่าไป แต่น้ำเสียงเหงาๆ นั่นทำให้ผมเออออตกลง คงคิดถึงคนที่มันรักนั่นแหละ

   “พ่อกับแม่ของมึงต้องอวยพรให้มึงมีความสุข เชื่อกู”

   “อืม ผมเชื่อพี่”

   “ถ้าเชื่อก็นอน ก่อนที่กูจะถีบ”

   “ครับๆ ฝันดีนะครับ”

   “เออ ฝันดี แล้วก็อย่ารัดกูแน่น กูหายใจไม่ออก”

   เสียงหัวเราะชิดใบหูรู้สึกสยิวนิดๆ ก่อนคนด้านหลังจะคลายแรงกอดลง แล้วเราก็เข้าจมสู่นิทราในค่ำคืนที่เย็นฉ่ำ (จากแอร์)

   ผมไม่ได้เป็นคนใจอ่อน ใจง่ายนะ แค่วันนี้เป็นวันเกิดของไอ้เม่นแค่นั้น...แค่นั้นจริงๆ เชื่อผมเถอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2017 22:36:39 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4: :L1:

มีเขิลๆ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หึๆๆๆ ชอบเด็กแล้วล่ะสิ หึๆๆๆ :hao7: :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
ม่านแกเขินรู้ตัวรึเปล่า :katai5:

ออฟไลน์ bluerose

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เอาแล้วไงๆๆๆ

ออฟไลน์ hyukkiemai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านคู่ ฟลอยด์ ต้อม เสด แล้วก็มาอ่านคู่นี้ต่อเลยยยยย
รอคนเขียนมาเขียนต่อนะคะะ

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
6




       บริเวณม้านั่งที่เป็นที่ประจำของกลุ่มผม ซึ่งคราวนี้มีคนแปลกหน้ามานั่งเสนอหน้าอยู่ข้างๆ ผมด้วย ไล่ก็ไม่ยอมไป ไอ้เม่นทำตัวติดกับผมอย่างกับปาท่องโก๋ หลังจากวันเกิดมันเมื่อวันเสาร์ วันอาทิตย์มันก็อยู่ห้องผม มาวันนี้อีก มันบอกไม่มีเรียนไม่รู้เรื่องจริงหรือเปล่า

   “มันมากับมึงได้ไงวะ” รีบหันไปมองไอ้มีนที่มันยื่นหน้ามากระซิบ เพื่อนผมมันเหล่ไอ้เด็กปีหนึ่งต่างมหาลัยตั้งแต่หย่อนก้นนั่ง พวกมันก็อยากพูด อยากว่า แต่ติดตรงที่มีปีหนึ่งนั่งแถวนี้ด้วย ขืนทำอะไรไปอาจจะดูไม่คีพลุคฐานะพี่ว๊าก (ที่ใกล้จะหมดวาระ)

   “มันนอนกับกูมาสองวันละ” ผมบอกปุ๊บ ไอ้มีนก็แทบแหกปาก ดีที่ผมคว้าไว้ทัน แม่ง “จะตะโกนทำห่าอะไร”

   “อื้อๆๆๆ”

   “กูไม่เข้าใจ”

   “มึงก็ปล่อยมือออกจากปากมันสิวะ” อีแน่วใช้ไม้บรรทัดตีเข้าที่มือผม “ว่าแต่ ใครนอนอะไรวะ” หน้าขาวของสาวหนึ่งเดียวในโต๊ะยื่นมาซะกลางวง

   “นอนเชี่ยไร ไม่มี” ผมรีบปัด

   “ก็ไอ้มู่มันแรด เอาไอ้เด็กนี่ไปนอนด้วย” โดนครับ ไอ้มีนโดนผมตบหัวเต็มฝ่ามือ “กูเจ็บ”

   “ก็มึง...”

   “นี่มึงเสียตัวให้ไอ้นี่ไปแล้วเหรอวะ” ผมกำลังจะแก้ข้อมูลที่ถูกบิดเบือน ไอ้เกมส์กลับแทรกขึ้นมา

   “ทำไมใจง่ายงี้วะเพื่อนกู” อีแน่วก็เข้าร่วม

   “ลีลาเพื่อนกูเด็ดไหมวะ” สุดท้ายไอ้เหี้ยเจที่หันไปถามไอ้เม่นแทน นี่ถ้ามันนั่งใกล้มือผมอีกสักหน่อย มีเลือดแน่นอน

   “ผมกับพี่ม่านยังไม่ได้ จุดๆ กันครับ” แทบอยากจะปรบมือให้ไอ้เม่นที่มันบอกความจริง “แต่อีกไม่นานหรอก ผมมั่นใจ” จัดไปอีกดอก ตบเน้นๆ กลางกบาลจนหน้าผากมันโขกกับโต๊ะ

   “ไม่มีวันนั้นเว้ยไอ้เชี่ยเม่น อย่าคิดๆ” ชี้หน้าคาดโทษ มันก็รีบกระพริบตาปริบๆ เอานิ้วจิ้มๆ ตามแขนของผม “อะไรของมึง”

   “อย่าโกรธเม่นสิ” ไอ้เม่นช้อนตามองผมได้โคตรน่าหมั่นไส้ “นะๆ” มีกระพริบตาด้วยว่ะ

   “เออๆ ไม่ได้โกรธ” ขมวดคิ้วบอกมันไป

   “จริงนะ” บางทีท่าทางดีใจเหมือนเด็กตัวเล็กๆ แล้วได้ของเล่น ก็ทำให้ผมเผลอยิ้มได้เหมือนกัน...หากไม่ติดตรงที่ว่า มีสายตาหลายคู่จ้องมอง

   “แหม สวีทไม่เกรงใจพวกกูเลยไอ้ห่ามู่” ผมส่ายหน้าให้กับคำล้อของเพื่อน ต่างจากไอ้เม่นที่ยิ้มรับนิ้วโป้งของเพื่อนผม

   วันนี้พวกผมไม่มีเรียน ใจจริงอยากจะนอนกินบ้านกินเมือง แต่เพราะฟุตบอลของผมชิงวันนี้ ผมเลยลากพวกไอ้เจมามหาลัยด้วย รวมทั้งไอ้เม่นที่เกาะติดผมอย่างกับปลิง ไอ้นี่ไม่ต้องไปดูอดีตชาติที่ไหน มาถามผมได้เลยว่าเมื่อก่อนมันเกิดเป็นอะไร

   แสตนเชียร์สองคณะเต็มไปด้วยนักศึกษาที่คาดผ้าสีประจำคณะกับอุปกรณ์เชียร์ ส่วนผมเดินนำพรรคพวกมาข้างสนาม เพราะไม่อยากทำให้รุ่นน้องหมดสนุกเมื่อมีพี่ว๊ากนั่งอยู่ด้วย ผมทักทายไอ้จ๊อดที่คุยแผนกับรุ่นน้องเสร็จ มันเดินมาใกล้พร้อมทำหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่าง

   “ไหนบอกไม่มีอะไร แต่พามาเปิดตัวเนี่ยนะ”

   “ก็ไม่มีอะไร เด็กมันอยากดู”

   พยายามไม่สนใจไอ้จ๊อดที่ทำหน้าทำตาล้อเลียน เมื่อเห็นผมนิ่งมันเลยเดินไปทักทายพวกไอ้เจแทน แต่ก็ยังเหล่ตามองเด็กต่างมหาลัย วันนี้ไอ้เม่นแต่งชุดธรรมดาครับ กระเป๋าเสื้อผ้าที่มันเตรียมมาเมื่อวันเสาร์ มีชุดที่สามารถใส่ได้เป็นอาทิตย์ มันเตรียมพร้อมเกินไปนะผมว่า แล้วผมก็ใจอ่อนเกินไปเหมือนกันที่ให้มันอยู่ด้วย

   เมื่อถึงเวลาลงสนาม พวกผมเรียกนักฟุตบอลปีหนึ่งรวมพลัง เสียงเรียกกำลังใจดังลั่นสร้างความฮึกเหิมสุดๆ ผมเดินไปยืนชิดขอบสนามแต่กลับถูกมือขาวลากกลับเข้ามายืนในเต็นท์ แต่ยืนแป๊บเดียวผมก็ออกไปยืนข้างนอก แล้วก็ถูกลากเข้ามาอีก

   “อะไรของมึงเนี่ย กูจะไปเชียร์ข้างสนาม” หันมาแหวไอ้เม่นที่มันไม่ยอมปล่อยแขน

   “ตรงนั้นแดดมันร้อน พี่ยืนในเต็นท์นี่แหละ” ไอ้เม่นทำหน้าตาจริงจังเหมือนเสียงของมัน พวกที่เฮฮาในเต็นท์ถึงกับเงียบกันหมด

   “กูรุ่นพี่มึงนะ” ไม่ยอมหรอกนะเฮ้ย

   “ผมรู้ว่าพี่แก่ ถึงเป็นห่วงนี่ไง”

        มันด่าผมหรือเปล่าวะ

   ผมกำลังจะอ้าปากเถียง ไอ้เจเดินมาตบบ่าเบาๆ เรียกสายตาของผมกับไอ้เด็กเม่นให้หันไปมอง

   “ทำตามเหอะ” ผมถลึงตาใส่เพื่อนที่เข้าข้างคนอื่นมากกว่าเพื่อน “ที่กูบอกแบบนี้เพราะมันดูเป็นห่วงมึงจริงๆ” แทบอยากขยี้หูเมื่อเห็นเพื่อนทำหน้าตาจริงจัง

   “นี่มึงคือไอ้เจเพื่อนกูจริงๆ ใช่ไหม” ถามไปเลยถูกตบหัวเน้นๆ ไอ้เม่นเห็นก็ทำตาโตรีบยกมือมาลูบตำแหน่งที่ถูกตบ “มึงทำอะไรเนี่ย”

   “ก็พี่เจตบโคตรแรง” นี่ไม่ใช่คำตอบที่ผมอยากได้ ประเด็นคือคนในเต็นท์เริ่มไม่สนใจเกมส์ในสนาม ทุกสายตาพุ่งมาที่ผมทั้งนั้น

   “มึงอย่าสปอยด์ไอ้มู่นักเลย เดี๋ยวมันได้ใจไอ้ห่า” ไอ้เจส่ายหน้าเอือมก่อนเดินกลับไปนั่งที่เดิม เหลือแค่ผมที่ถูกมือขาวลูบหัวอยู่จนแทบเคลิ้ม ถ้าเกาคางด้วยไอ้ม่านก็หมาเลยนะครับเนี่ย

   ผมเดินตามแรงจูงมานั่งข้างเพื่อนตัวเอง อีแน่วเกือบอ้าปากแซวแต่ถูกผมขู่ทางสายตามันเลยรีบงับปากไปซะก่อน แต่ก็ห้ามสายตาสอดรู้ของผู้คนไม่ได้หรอกครับ แทบอยากตะโกนให้สนใจฟุตบอลไม่ใช่ผม โธ่

   เกมส์ในสนามเริ่มดุเดือด ความเงียบค่อยๆ หายไป รอบตัวผมมีแต่คนโวยวายโวกเวก บ้างก็ออกไปยืนชิดขอบสนาม ขนาดไอ้มีนกับไอ้เกมส์ยังไปกอดคอกันด้านนอก ส่วนผมแค่ลุกขึ้นก็ถูกมือดึงให้นั่งลง ไอ้เม่นไม่ได้ดั่งใจเลยว่ะ แต่พอปีหนึ่งฝั่งผมไปป้วนเปี้ยนหน้าประตูอีกฝั่ง คราวนี้ผมพุ่งพรวดจนไอ้เด็กข้างๆ คว้าไม่ทัน

   “ยิงเลยๆ” ผมตะโกนสุดเสียงไปพร้อมคนอื่น “ยิงแล้วๆ ไอ้เชี่ย”

   เต็มๆ ตาข่ายเลยครับ ไอ้เด็กเบอร์สิบยิงเต็มข้อเท้าเข้าไปแล้ว ผมกระโดดโลดเต้นกอดคอไอ้เกมส์ แต่มันดันหน้าผมออกแล้วกอดกับไอ้มีนแทน ผมโดนเพื่อนทำร้าย

   “กูเจ็บนะเว้ย” ผมว่า ไอ้เชี่ยเกมส์มันผลักไม่เบามือ เล่นคอผมเกือบเคล็ด

   “นู้น ของมึง” ไอ้มีนชี้ไปที่เต็นท์ “มองตาแทบถลน ไอ้ห่า”

   ไอ้เม่นทำหน้านิ่งยืนพิงเสาเหล็ก มันยกแขนขึ้นกอดอกมองผมด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม หรือผมจะรู้สึกเองคนเดียว แต่ผมไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่บอกให้ได้รู้เฉยๆ ว่าถูกมองแบบนั้น ผมรีบหันไปสนใจเกมส์ในสนามต่อ แม้จะแอบเหล่มองด้านหลังอยู่บ้างบางครั้ง

   พักครึ่งแรก ผมรีบวิ่งไปแบกถังน้ำไปให้นักกีฬา แค่ยกขึ้นก็ถูกมือคนอื่นมาแย่ง พอเงยหน้ามอง คนแย่งคือไอ้เม่น มันถอนหายใจแล้วดึงไปถือเอง ผมขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนเดินนำมันไปที่กลุ่มนักฟุตบอล พอมาน้ำมาถึง ผมก็รีบแจกโดยมีคนยกเดินตาม ที่ต้องรีบเพราะอยากหลบสายตาของเพื่อนกับรุ่นน้อง แจกเสร็จก็กลับเต็นท์

   “พี่จะรีบเดินทำไม เดี๋ยวก็ล้มหรอก ขายิ่งสั้น...”

   “ขากูยาวเว้ย” อยู่ๆ มาว่าผมขาสั้น ผมถลึงตาใส่ไอ้เม่นที่หัวเราะ ผมสูงตั้งหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้านะครับ ไม่เตี้ยเห็นป่ะ “มึงไม่มีการบ้านทำเหรอวะ รายงงรายงานไม่มีให้ทำหรือไง” เริ่มเบื่อมันครับ เห็นหน้ามันจะเลยสี่สิบแปดชั่วโมงแล้วเนี่ย

   “เพิ่งเปิดเรียนไม่นาน ยังไม่มีหรอกครับ ถึงมีผมก็ทำเสร็จแล้ว ไม่ค้างดองเหมือนพี่หรอก” ดูความปากร้ายของมันครับ เห็นรายงานที่ไม่เสร็จของผมสามวิชาแค่นั้นเอง มีข่มเว้ย

   “รายงานมันต้องมีรายละเอียดเว้ย ข้อมูลกูยังไม่แน่นเลยต้องค้างไม่แบบนั้น ไม่รู้จริงนี่หว่า”

   “ข้ออ้างชัดๆ”

   เดินหนีสิครับ ไม่อยากเถียงกับเด็กที่พูดไม่รู้เรื่อง ผมเดินออกไปยืนข้างไอ้จ๊อดที่กำลังบอกแผนการเล่น เด็กปีหนึ่งต่างก็ช่วยกันออกความเห็น ปีที่แล้วไม่ได้แชมป์ก็เพราะไม่มีใครตื่นตัวแบบนี้ เห็นว่าปีนี้คณะผมมีนักกีฬาของจังหวัดด้วยหลายคน ไม่ได้แชมป์ก็บ้าแล้ว


   เกมส์ครึ่งหลังเริ่มขึ้น การต่อสู้ของฝีเท้าโคตรดุเดือด ตอนนี้พลังที่มีต้องใส่ให้สุด ผมแหกปากเชียร์จนเจ็บคอไปหมด จากรูปเกมส์กับการเล่นตรงหน้า นี่มันการแข่งระดับประเทศแล้ว

   “ไอ้เหี้ยๆ”

   สัตว์เลื้อยคลานออกมาเป็นฝูงจากปากพวกผม ขณะลุ้นหนักว่าไอ้ลูกกลมๆ ที่คนแย่งกันมันจะเข้าประตูหรือเปล่า ลุ้นจนขนลุกไปทั้งตัว รีบๆ เตะ ลุ้นจนปวดขี้แล้วเนี่ย

   ปรี๊ด!!!

   เสียงเป่านกหวีดของกรรมการดังขึ้นพร้อมๆ กับลูกสีขาวดำพุ่งเข้าตาข่าย เสียงโห่ร้องดังก้องบริเวณ ผมกระโดดกอดกับไอ้จ๊อดตัวลอย เหมือนๆ กับคนอื่นๆ ที่ดีใจจนลืมทุกอย่าง

   “คณะกูชนะ ไอ้เหี้ย” เสียงแหลมของไอ้จ๊อดดังอยู่ข้างหูเป็นร้อยรอบก่อนมันจะวิ่งไปกอดเด็กปีหนึ่งที่ทวงคืนแชมป์มาให้

   พอสิ้นสุดการแข่งขัน พวกไอ้จ๊อดนัดน้องๆ ปีหนึ่งไปกินเลี้ยงเพื่อฉลองแชมป์ ผมซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานก็ต้องไป ของฟรีแบบนี้ไอ้ม่านไม่เคยพลาดอยู่แล้ว

   “กลับยัง” เสียงลอยมาเข้าหูทำให้ต้องหันหน้าไปมอง “เกมส์จบแล้ว”

   “เกมส์จบ แต่ต้องไปกินเลี้ยงฉลองแชมป์”

   “พี่จะไปเหรอ” อยู่ๆ ไอ้เม่นก็จ้องกดดัน อะไรของมันวะ

   “อะไรของมึงเนี่ย” มองหน้าคนถามอย่างไม่เข้าใจ

   “ก็ผมไม่ชอบ” ขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก ผมกระพริบตามองคนบอกไม่ชอบ

   “ไม่ชอบอะไรวะ”

   “ไม่ชอบที่พี่กอดกับคนอื่น” เกือบหลุดขำ แต่ใบหน้าจริงจังของคนตรงหน้าทำให้ต้องกลั้นอย่างหนัก

   “หึงกูเหรอ” พูดเสร็จไอ้เม่นก็รีบหยักหน้า โคตรตรงต่อความรู้สึกตัวเอง “เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน จะมาหึงกูทำไมเนี่ย”
 
   “ตอนนี้ไม่เป็น แต่อีกไม่นานไง ผมหึงล่วงหน้าไว้ก่อน”

   คนแบบนี้ก็มีแหน่ะ

   “อาการหนักแล้วมึงน่ะ”

   “หนักเพราะพี่นั่นแหละ” ไอ้คนหึงหน้างอ ทำปากยู่ “พี่อยากกินอะไรเดี๋ยวผมพาไปกิน ไม่ต้องไปกับพวกเขาหรอก”

   “นั่นก็เพื่อนกู”

   “แล้วผมล่ะ” ทำไมรู้สึกพูดไม่ออก พอเห็นหน้าตาเป็นหมาหงอยก็ทำให้ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี “พี่ไปกินกับเพื่อนก็ได้” พูดจบก็เดินหนีไปเฉย ทิ้งให้ผมเบิกตาโตมอง

   “อะไรของมันวะเนี่ย” แทบอยากทึ้งผมตัวเองให้ร่วง

   “เด็กมึงงอน” เสียงไอ้เจลอยเข้ามา ผมเหล่หางตามองเพื่อนที่เดินมายืนข้างๆ “ไม่ไปง้อเหรอ”

   “กูต้องง้อเหรอวะ” ถามด้วยความซื่อ เลยถูกตบหัวเน้นๆ

   “จะคบกับเด็ก มึงต้องทำตัวให้เด็กกว่า”

   “แล้วถ้าคบรุ่นเดียวกัน ต้องทำตัวยังไงวะ” ผมลองพูดออกมา ไอ้เจถึงกับเดินหนี หนอย เรื่องมันกับไอ้ดีฟผมยังไม่ได้เค้นเลยนะ

   ผมตบแก้มตัวเองแรงๆ สองทีแล้วรีบเดินตามไอ้เด็กต่างมหาลัยที่งอนเดินหนีจนไม่เห็นตูด รู้ว่าขายาว แต่ทำไมถึงเดินไวอย่างกับหายตัวได้ มองซ้าย มองขวาก็ไม่เห็น หรือจะกลับไปอย่างที่มันบอก

   “พี่มองหาผมเหรอ” เสียงทักแบบไร้ทิศทำเอาผมสะดุ้งโหยง เกือบกระโดดขาคู่ใส่ไปแล้วเพราะนึกว่าผี

   “ไอ้เหี้ย กูตกใจ” ลูบหน้า ลูบอกเรียกขวัญกำลังใจที่ตกไปอยู่ตาตุ่ม “ไหนบอกกลับ” แกล้งถามไป ไอ้เม่นกระพริบตาปริบๆ มอง

   “ก็จะกลับนั่นแหละ”

   “กลับแล้วทำไมมายืนตรงนี้”

   “ก็รอดู เผื่อพี่จะตามมาไง แล้วก็มาจริงๆ ด้วย โคตรดีใจ” ไอ้เม่นยิ้มยิงฟันจนตาหยี

   “มาดีจงดีใจอะไร กูแค่...” เอาล่ะสิ ผมจะพูดอะไรดี แค่อะไรดีวะ “แค่...”

   “แค่อะไร” ไอ้นี่ก็เร่งจังวะ

   “แค่...เอ่อ...แค่อะไรดีวะ” ผมเผลอพูดในสิ่งที่คิดออกเสียง ไอ้เม่นได้ยินถึงกับทรุดลงไปนั่งขำกับพื้น
 
   หมดกันภาพลักษณ์ของไอ้ม่าน

   “พี่ตลกว่ะ”

   “ยัง ยังไม่หยุดขำกูอีก แค่นี้กูก็จะเอาหน้ามุดดินอยู่แล้ว” ผมรีบหันหลังเตรียมเดินหนี แต่ถูกมือขาว (กว่า) คว้าแขนไว้ “อะไรของมึง” ไม่อยากให้มันเห็นหน้า เดี๋ยวมันจะรู้ว่าผมพยายามกลั้นยิ้ม

   “ซื้อของไปฉลองที่ห้องกันสองคนก็ได้ เนอะ”

   “มานง มาเนอะเชี่ยไร ไม่เว้ย” ปวดแก้มแล้วนะเว้ย
 
   “หมูกระทะดีไหม หรือไก่ทอดดี พี่ว่าอันไหนอร่อย” 

   “ไก่ทอดดิ่ หมูกระทะเบื่อ...เชี่ย” พอมันถาม ภาพไก่ทอดก็ลอยออกมาทำให้เผลอพูด ไอ้เม่นขำแล้วพยักหน้ารับ “เพราะมึงทำให้ภาพพจน์กูเสีย”

   “ผมชอบนะ พี่เป็นตัวของตัวเอง” เบื่อมากกับรอยยิ้มและสายตาแบบนี้ที่มันมองผม เบื่อ โอ้ย เบื่อ

   แล้วทำไมผมต้องกลั้นยิ้มจนปวดแก้มเนี่ย




   สรุปแล้ว ไอ้เม่นก็พาไปซื้อไก่ทอดเซ็ทใหญ่สุดสองเซ็ท ที่ซื้อเยอะเพราะมีกาฝากมาด้วย พวกไอ้เจ ไอ้มีน ไอ้เกมส์มารถอีแน่วครับ พวกมันแยกไปซื้อของมึนเมากันชั้นบน ส่วนผมถูกเด็กพามาซื้อไก่ ระหว่างที่ยืนรอไก่ทอด หันไปเห็นเด็กตัวเล็กกินไอศกรีม ยิ่งพอเห็นผมมองยิ่งแกล้งเลียซะไอศกรีมหล่นพื้น สมน้ำหน้า เอาซะผมอยากกินเลย

   “เดี๋ยวมา” ผมทิ้งให้ไอ้เม่นยืนรอของ ส่วนตัวเองก็ออกไปสั่งไอศกรีมมากินบ้าง และต้องสั่งเหนือกว่าไอ้เด็กเมื่อกี้

   “โห นี่พี่กินอยากกับเด็กว่ะ” พอได้ของที่อยากก็กลับมายืนกินข้างไอ้เม่นเหมือนเดิม เด็กที่กินล่อหน้าล่อตาผมเมื่อกี้มองของในมือผมตาเป็นมัน ก็ของผมมีช็อกโกแลตเคลือบด้วย เจ๋งป่ะล่ะ “ดูดิ่ เลอะปากหมดแล้ว” นี่ไม่ใช่เวลาต้องมาสนใจเสียงบ่นของไอ้เม่น เพราะผมกำลังเยาะเย้ยเด็กที่เพิ่งจะกินหมดไป

   “หึๆ” เผลอหัวเราะเมื่อเด็กนั่นเริ่มเบ้ปาก ไอ้ม่านชนะใสๆ ไม่แน่จริงอย่ามาท้านะ

   “แกล้งเด็ก” ได้ยินเสียงขำในลำคอจากคนข้างๆ ก่อนจะมีมือยื่นมาเช็ดมุมปากของผม จะผละหน้าออกแต่ถูกสายตาดุตวัดมองเลยได้แต่ยืนเฉยๆ ให้มันเช็ด “อายุเท่าไหร่แล้ววะเนี่ย”

   “มึงก็บ่นจังวะ” เช็ดเสร็จผมก็อ้าปากงับไอศกรีมต่อ ลืมสนใจคนรอบข้างจนพนักงานเรียกรับของถึงได้เห็นว่าสายตาเกือบทุกคู่ในร้านมองมา เล่นเอาหมดความมั่นใจ “เขามองอะไรกันวะ” สะกิดถามไอ้เม่นที่ยื่นมือรับของจากพนักงานที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองผม

   “ไม่รู้เหมือนกัน” ไอ้นี่ขี้จุ๊แน่ ผมว่ามันต้องรู้ว่าเพราะอะไรแต่ไม่ยอมบอก “ไปเถอะ พวกพี่เจซื้อของเสร็จแล้วมั้ง” ไอ้เม่นเอ่ยชวน มันยื่นมือมาจับมืออีกข้างของผมแล้วจูงออกนอกร้าน

   “จับทำไมเนี่ย” เริ่มรู้สาเหตุนิดๆ แล้วล่ะ พอไอ้เม่นจับปุ๊บ คนในร้านก็สะกิดเพื่อน พี่ น้องให้ดูทันที

   “ก็เดี๋ยวเดินชนนั่นชนนี่ไง พี่กินไอศกรีมไปเถอะ” จ้องหน้าไอ้เด็กขี้บ่น “อะไร”

   “ขอบใจ” แล้วผมก็ก้มหน้ากินไอศกรีมอย่างอร่อย เดินจะชนอะไรก็จะถูกมืออีกคนดึงหลบ รู้สึกปลอดภัยจริงๆ อย่างที่มันบอก

   ซื้อของเสร็จ พวกเราก็ขับรถตามกันมาที่ห้องของผม พอไอ้พวกเพื่อนตัวดีเข้าประตูห้องปุ๊บ พวกมันก็ทำตาโตมองไปรอบๆ ไอ้เกมส์ใช้นิ้วปาดไปตามตู้ ตามโต๊ะแล้วหันมามองหน้าผม

   “นี่ห้องมึงจริงๆ เหรอเนี่ย” ดูมันถาม

   “ก็ห้องกูน่ะสิ จะห้องคนหล่อที่ไหนอีก” ตอบพร้อมยืด

   “มึงไม่ต้องตกใจ กูว่า ห้องสะอาดเพราะเด็กมันทำ ใช่ไหม” ไอ้มีนถามไอ้เม่นที่เดินเอาของไปใส่จาน แล้วพอได้คำตอบคือพยักหน้า พวกเพื่อนเลวต่างก็พากันหัวเราะแล้วยกนิ้วโป้งให้ “มึงตามใจมันเกินไปไอ้เม่น เดี๋ยวเพื่อนกูก็เป็นง่อย”

   “ไอ้เชี่ยมีน” ตะโกนด่าพร้อมชี้นิ้วใส่หน้า

   “ไม่ต้องมาขึ้นเสียง แหม พาเด็กมาซุกหอพัก ร้ายนะมึง” แล้วพวกมันก็หัวเราะกันอีกรอบ

   “ไอ้เชี่ยเม่น คืนนี้มึงกลับบ้านมึงเลย” เล่นเพื่อนไม่ได้ ก็เล่นไอ้เม่นแทน มันทำหน้าเหวอแล้วส่ายหัวรัวๆ

   “ว่าแต่ พวกมึงสองคน...” ผมกับไอ้เม่นมองหน้าสาวหนึ่งเดียวในห้อง อีแน่วถามพร้อมชูสองนิ้วเกี่ยวกัน อะไรของมันวะ และคงเห็นว่าผมทำหน้างง มันเลยพูดออกมาตรงๆ “กูลืมไป ว่าไอ้มู่มันโง่...ได้กันยัง”

   “ได้พ่อง” ตอบแบบไม่ต้องคิด

   “นี่เพื่อนกูเวอร์จิ้นอยู่หรือนี่ ไอ้เม่น มึงช่างเป็นสุภาพบุรุษ” อีแน่วตบบ่ารุ่นน้องที่มันยิ้มรับคำชม

   “แต่กูว่า ป๊อดว่ะ” คำชมมลายหายไปเมื่อไอ้เจขัด

   “ไม่ต้องเสี้ยมไอ้ห่า” ผมเอาถั่วทอดปาใส่หน้าไอ้เจ มันเลยหัวเราะออกมา “มันกับกูยังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องเว้ย”
 
   “รอผมจีบติดเมื่อไหร่ ค่อยขยับ” ไอ้เม่นว่า พลางยกแก้วขึ้นชนรอบวง

   “ขยับอะไรวะ ขยับขั้น หรือขยับเอว โอ้ว ซี๊ด” ในเมื่ออยากซี๊ด ผมเลยสงเคราะห์ด้วยการยกขาถีบสีข้างไอ้เกมส์จนมันแทบถลา แต่เหล้าในแก้วกระเฉาะใส่หน้าไอ้เจเต็มๆ

   “หน้ากูหล่ออยู่แล้ว ไม่ต้องการเหล้าพอก ไอ้เชี่ย เสียดายของ” อยากจะขำแต่ยังต้องฟาดฟันสายตาใส่ไอ้มีนที่มันแกล้งผม ทำไมผมถึงสู้ไอ้พวกนี้ไม่ได้สักคน ขนาดอีแน่วผมยังเถียงแพ้ มีไอ้เม่นเข้ามาก็กะจะเป็นผู้ชนะ แต่ก็ยังสู้ไม่ได้ ไอ้ม่านเครียด

   การฉลองชัยชนะให้แก่ฟุตบอลที่ได้ที่หนึ่งมาถึงจุดสิ้นสุดเมื่อเหล้าหมดขวด พวกไอ้เจพากันนอนตามพื้นเพราะออกไปมีหวังถูกจับเป่า ติดคุกโดนปรับระนาวแน่นอน ผมนอนมองรุ่นน้องที่ลุกเก็บกวาดซากทุกอย่างจนสะอาดเกลี้ยง ขนาดคราบน้ำยังไม่เหลือ

   “ได้มึงมาโคตรสบาย” ผมว่า ไอ้เม่นเงยหน้าจากถุงขยะมามองผมพร้อมรอยยิ้ม

   “ผมดีใจที่พี่ชอบ” ว่าจบ มันก็ลุกเอาถุงขยะลงไปทิ้งข้างล่าง

   จะว่าไป มันก็เจ้าระเบียบเหมือนกันนะ ดูจากท่าทางแล้วไม่น่าเป็น มาเห็นก็ตอนวันที่มันมาอยู่ที่ห้องนี้นี่แหละ ผมได้แต่นั่งมองไอ้เม่นเก็บกวาด ถูเช็ดพื้นจนห้องผมสะอาดแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ก็ดูจากเพื่อนผมยังตกใจที่เห็นห้องสะอาด ผมว่า ไอ้เม่นคงถูกเลี้ยงมาดีพอสมควร

   แต่ผมพูดจริงๆ นะ ได้มันมา โคตรสบายไปทุกอย่าง

   “พี่ไปอาบน้ำก่อนนอนด้วยนะ เมื่อเช้ามีแต่เหงื่อสกปรก เดี๋ยวจะคัน”


   สบายทุกอย่าง ยกเว้นหู


   “มึงนี่ขี้บ่นจังวะ” ถึงจะรำคาญเสียงบ่น แต่ก็ลุกไปอาบน้ำตามที่มันบอก

   “บ่นเพราะห่วงนั่นแหละ พี่ม่าน อย่าถอดกางเกงนอกห้องน้ำสิ โธ่”

   สนไหม ไม่สน ผมเขวี้ยงกางเกงยีนส์กับเสื้อลงพื้น แล้วเดินโชว์กางเกงในลายตัวการ์ตูนเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงบ่นตามมาแต่ไม่สน ผมว่าจะยกไอ้เม่นเป็นแม่คนที่สองแล้วเนี่ย บ่นได้บ่นดี บ่นทั้งวัน


......................................................

หายไปนานมากเรื่องนี้ ต้องขอประทานอภัยจริงๆ ค่า ช่วงที่แต่งมันชนกับคำทำนาย ทายว่าต้องรัก พยายามประคองไปด้วยกันแต่ไม่รอด เลยรีบแต่งเรื่องนั้นให้จบก่อน แต่พอมาเรื่องนี้ อารมณ์ไม่ต่อซะงั้น เลยทำการรีไรท์ใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อปรับเรื่องให้แน่นขึ้น เพราะตอนเดิมดูเรื่องเดินเร็วไป หากไม่อ่านกลอยเกรียนอาจจะไม่รู้ ตอนนี้ได้ปรับใหม่หมดตั้งแต่แรกเริ่ม หากยังงงๆ ก่งก๊งตรงไหน บอกได้เลยค่า จะรับนำไปปรับปรุงให้ดีมากกว่าเดิม

ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ  :pig4: :pig4:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2017 19:34:39 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
55555 ใครพี่ใครน้องกันแน่เนี่ยยยยย  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ angelhani

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กินเด็กเป็นอมตะ รอวันม่านเป็นอมตะ  :hao7:

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
ม่านเสร็จแน่ๆ :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ hyukkiemai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบๆๆ อ่านรีไรท์ใหม่มีความค่อยเป็นค่อยไป soft ลงกว่าเดิมดีอ่ะ รอติดอ่านต่อออออ

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

7



       “จะยุ่งยากทำไมวะเนี่ย” บ่นครับ ผมนี่แหละที่บ่น ก็เพราะไอ้เม่นบังคับให้ผมมาส่งมันที่มหาลัยแถมให้ผมขับรถมันอีก รถแพงแบบนี้หากผมเอาไปทิ่ม ไปตำแล้วไม่มีปัญญาใช้คืนหรอกนะ แต่เจ้าของรถก็ไม่ยอมเข้าใจ มันยังดึงดันจะให้ผมมาส่ง ทั้งๆ ที่ผมก็มีเรียน รถก็มีคนละคัน แยกกันไปก็จบ

   “เดี๋ยวผมเลิกแล้ว ผมจะให้เพื่อนไปส่งเอง พี่จะได้ไม่ต้องมารับ” ไอ้เม่นมันว่า มือก็เปิดประตูรถออกไป “อ่อ พี่อยากกินอะไร เดี๋ยวผมซื้อเข้าไป”

   “อะไรก็ได้ที่อร่อย” บอกนิ่งๆ ตาก็คอยสอดส่องกลัวเพื่อนผมจะมาเห็น ไอ้กลอยแม่งเซ้นส์แรงอยู่ด้วย

   “งั้นซื้อของง่ายๆ ก็ได้เนาะ”

   “เออๆ”

   ไอ้เม่นลงไปแล้วผมก็รีบตบไฟเลี้ยวออกรถ จังหวะที่ชะลอเห็นฟีโน่คุ้นตากับคนขี่ที่สวมหมวกสีส้ม ไอ้เชี่ยกลอยมาแล้ว ดูมันก็มองๆ รถคันนี้เหมือนกัน ดีที่ติดฟิล์มดำ พอรถออกได้ ผมก็รีบเหยียบ ไม่ใช่ไม่อยากบอกเพื่อน แต่ผมกับไอ้เม่นมันยังไม่มีอะไร หากคุยกับไอ้กลอย มันต้องพยายามทำให้มีอะไรจนได้

   การจราจรติดขัดพอสมควรกว่าผมจะถึงมหาลัย พวกสาวๆ ต่างเหล่ตามองเมื่อเห็นผมมาเร็ว ไอ้ม่านก็เป็นนักศึกษาดีเด่นได้เหมือนกันนะครับ แค่ไม่เปิดเผยก็เท่านั้นเอง

   นั่งหลับรออยู่นานกว่าพวกไอ้เจจะมา และก็ได้เห็นสายตาแปลกใจเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ มอง นี่ผมไม่มีดีในสายตาเพื่อนเลยใช่ไหม น้อยใจว่ะ

   “ฝนท่าจะตก ไอ้เชี่ยมู่มาเร็ว” ไอ้เกมส์เอาชีทที่มันถือตีหัวผม

   “ทำไมกูไม่เห็นรถมึงวะ” ไอ้เจเปิดประเด็นทำให้อีกสามจ้องกดดันผมต่อ

   “กูก็ขับรถมาเหอะ” ทำเป็นคนสนใจชีทวิชาที่ได้จากคนที่ตีหัวตัวเอง แต่ถูกไอ้มีนดึงออกไปซะงั้น

   “รถแปลกที่จอดในลานคณะ ของมึงเหรอ?” เหล่ตามองไอ้คนดึงชีทผมไป “ไม่ต้องมามอง ตอบกูมา” ไอ้พวกนี้หูตาไวซะจริง แม่งจำรถทุกคันในลานได้

   “ไม่ใช่ของกู” ปิดบังไปก็แค่นั้น เพื่อนผมจมูกหมา ได้กลิ่นไวอย่างกับล็อตไวเลอร์

   “ไม่ใช่ของมึง งั้นของไอ้เด็กเม่นเหรอวะ” พยักหน้ารับคำถามของไอ้เจ “ไอ้มู่ มึงเอาแน่เหรอวะ”

   “เอาแน่อะไรของมึง” ไอ้เจโคตรพูดกำกวมว่ะ เอาเอิ้วอะไร

   “เด็กนั่น มึงคิดจะคบกับมันเหรอวะ” เงียบ ตอนนี้ผมไม่มีคำตอบใดๆ ให้กับเพื่อนตัวเอง เพราะผมก็กำลังคิดหาคำตอบนี้ให้กับตัวเองอยู่เหมือนกัน

   “หรือมันอยากลองของแปลกวะ” เหตุผลของไอ้เกมส์ทำให้ผมรีบหันไปมอง “มึงคิดดู ถ้าไอ้เด็กนั่นมันจะชอบผู้ชายขึ้นมาจริงๆ มันควรไปหาคนน่ารักๆ ขาว ตี๋ ปากแดง แก้มหอมไม่ใช่เหรอวะ แล้วดูไอ้นี่...” แล้วสายตาสี่คู่ของเพื่อนก็หันขวบมามองหน้าผม 

   “ไอ้เชี่ยเกมส์!” ตะโกนด่าสุดเสียงจนคนในห้องหันมาสนใจ แต่ไอ้คนโดนด่าไม่แคร์เพราะมัวแต่หัวเราะงอหงายอยู่ “อย่างกูเรียกหล่อเหอะ”

   “หน้าอย่างมึงหล่อ ก็ไม่มีใครขี้เหล่ละเพื่อนมู่” โดนอีแน่วพูดเหน็บ เจ็บไปจนถึงเส้นเลือดฝอย

   “กูขอแนะนำ ถ้ามึงจะคบไอ้เด็กนั่น มึงก็อย่าใจง่ายเอาเวอร์จิ้นให้ล่ะ เผื่อคบไปนานๆ แม่งท่าแท้ออก มึงจะได้เก็บไว้ให้ผัวคนต่อไป” ไอ้เหี้ย ผมไม่เอาแต่ด่าเหมือนเมื่อกี้ แต่วิ่งไล่เตะไอ้เกมส์ที่ปากวอนโดนกระทืบตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว 

   ตั้งแต่รู้จักพวกมันมา ผมถูกตราหน้าว่าต้องมีผัว นี่ผมก็ชอบผู้หญิงนะเว้ย 




   คาบเรียนที่แสนง่วงแต่ก็นอนไม่ได้เพราะกลัวปากกาบิน แทบนับเข็มนาฬิกาเพื่อรอให้หมดเวลาเรียน โคตรง่วง กว่าอาจารย์จะเข้าเนื้อหาก็ต้องทนฟังการบ่นเป็นชั่วโมง เป็นอะไรที่น่าเบื่อมากสำหรับผม

   ช่วงเวลาที่แสนน่าเบื่อกลับมาคึกครื้นได้เมื่ออาจารย์บอกพอแค่นี้ก่อน ความง่วงที่มีมาหายเป็นปลิดทิ้ง ผมยืดเส้นยืดสายบิดเอาความขี้เกียจออกจากตัว 

   “แดกข้าวแล้วประชุมนะพวกมึง” เสียงกำชับพร้อมการมองแรงจากประธานรุ่นส่งตรงมาถึงกลุ่มของผม พวกผมก็ได้แต่พยักหน้ารับส่งๆ ไม่อยากมีเรื่อง เพราะความสบายจะหายไปหากมีปัญหากับประธานรุ่น แต่ก่อนร่างโปร่งของมันจะเดินไป มิวายทำให้ผมแทบตกเก้าอี้ “ไอ้เชี่ยมู่ เด็กมึงหล่อมาก” กำลังอ้าปากหาวอยู่ดีๆ เกือบงับลิ้นคิดดู

   “เด็กกูเหี้ยไร” ไอ้ประธานรุ่นมันยิ้มกวนจนอยากตบหัว ถ้าไม่ติดตรงที่มันเป็นนักกีฬาเทควันโดของมหาลัยน่ะนะ

   “แหม รูปมึงกับเด็กแพร่ในเว็บเยอะจะตาย” ขมวดคิ้วกระพริบตามองอย่างงงๆ รูปผมกับไอ้เม่นเนี่ยนะ ตอนไหนวะ “รูปตอนวันแข่งบอลนัดชิงไง” แล้วมันก็เฉลยให้ผมคลายสงสัย

   “รูปเชี่ยไรวะ ทำไมกูไม่เห็น” เกาหัวสิ ถึงแม้ปกติจะไม่เข้าเว็บมหาลัยก็เถอะ แต่เพื่อนผมมันต้องเข้าบ้าง หากมีจริงพวกมันคงถล่มผมแล้วสิ

   “ไม่เห็นก็เข้าไปดูซะ หึๆ” ไอ้ประธานรุ่นมันตบบ่าผมแล้วเดินออกห้องไป ทิ้งเสียงหัวเราะแปลกๆ ไว้ให้ผมกังวล

   ผมหันมองเพื่อนตัวเองที่ทำหน้าตานิ่งดูเหมือนไม่รู้ไม่เห็น จนต้องเอามือถือออกมาดูเอง เว็บมหาลัยเหรอวะ ระหว่างผมกดๆ เลื่อนๆ อีแน่วก็รีบยื่นหัวยื่นหน้ามาดูด้วย...

   “เหี้ย” ปล่อยสัตว์เลื้อยคลานทันทีที่เห็นกระทู้รูป ใครเป็นคนเขียนชื่อกระทู้เนี่ย

   “คู่จิ้นดีต่อใจวันฟุตบอลนัดชิง เชี่ย ชื่อโคตรเลี่ยนอะ” อีแน่วมันอ่านออกเสียงก่อนหันไปอ้วก ก่อนจะหันมาดูต่อ ในกระทู้มีรูปผู้ชายมากมายหลายคณะที่ส่วนมากจะถูกถ่ายเป็นคู่ เท่าที่เลื่อนดู เกินครึ่งเป็นรูปผมกับไอ้เม่น ปาปารัสซี่เลยทีเดียว “ไอ้มู่ รูปนี้มึงโคตรน่ารักว่ะ” เสียงเพื่อนสาวทำให้กลับมาสนใจรูปต่อ

   “ไหนวะ” กระพริบตามองรูปที่เพื่อนชี้ “นี่มัน...” รูปที่ผมยืนหันหลังกลั้นยิ้มไอ้เม่นตอนไปง้อมันนี่หว่า เพิ่งเห็นหน้าตัวเองว่ายิ้มกว้างแค่ไหน ผมจำได้ว่ากลั้นยิ้มนะ ไม่ได้ยิ้มออกมา แล้วไหงมันเป็นรูปที่ผมยิ้มได้

   “ดูสายตาเด็กนี่สิ เป็นกูละลายไปแล้ว”

   “อย่าชงๆ” รีบเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง อีแน่วทำหน้าตาล้อเลียน ต่างจากพวกไอ้เจที่ยังนิ่งเงียบไม่เหมือนนิสัยพวกมันที่ผ่านมา “พวกมันเป็นอะไรวะ” แอบกระซิบถาม แน่วเหยียดยิ้มออกมาแล้วกระซิบกลับ

   “พวกมันกำลังเครียดเรื่องห้องเชียร์วันสุดท้ายไง”

   “แล้วมึงไม่เครียดเหรอวะ” เพราะแน่วมันก็เป็นพี่ระเบียบคนหนึ่ง

   “ไม่ว่ะ กูแค่กองหลัง ปล่อยให้กองหน้าคิดไป กูสบาย เริ่ดจะตาย”


   ตามสบายเพื่อน เอาที่คิดว่าทำแล้วสบาย


   โรงอาหารที่แสนวุ่นวายเช่นทุกวัน พวกผมเลือกกินข้าวง่ายๆ เพื่อจะให้ไปทันการประชุม จบมื้อเที่ยงแสนเร่งรีบ ผมพยายามทำตัวปกติไม่สนใจ แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะเหล่ตามองขณะยกน้ำขึ้นดื่ม รู้สึกไม่ชินกับการเป็นเป้าสายตาของผู้อื่น แม้กลุ่มเพื่อนของผมจะเป็นชายงามจนคนมองเหลียวหลัง แต่คราวนี้ต่างออกไปเมื่อทุกสายตามองมาที่ผมตรงๆ เอาซะความมั่นใจหดหายไปเลย

   ผมเดินตามเพื่อนมาถึงห้องที่ประธานรุ่นนัด บรรดาปีสามหลายสาขามานั่งคุยกันจนเสียงดังฟังไม่ได้ศัพท์ ยังมีน้องปีสองกับพี่ปีสี่เริ่มมาบ้างประปราย ไอ้เจพากลุ่มพี่ว๊ากแยกไปรวมกับกลุ่มพี่ว๊ากปีอื่นๆ ตอนนี้เลยเหลือแค่ผมที่ยืนเคว้งคว้างกลางห้องอย่างเปล่าเปลี่ยว

   “ม่าน มานั่งตรงนี่สิ” เสียงใสประดุจแก้วเอ่ยเรียกพร้อมกวักมือ ผมรีบหันไปยิ้มหวานให้ปุย สาวสวยคนละสาขาที่เรียกผม เห็นไหม เสน่ห์ไอ้ม่านก็มีนะครับ อ้อ หากเป็นเพื่อนต่างสาขาของผม จะเรียกชื่อม่านกันหมด จะมีก็แต่เพื่อนสาขาเดียวกันกับรุ่นพี่บางคนที่ยังเรียกผมว่ามู่ลี่ หรือสั้นๆ ว่ามู่นั่นแหละครับ 

   “ขอบใจนะ” เก๊กเสียงหล่อนิดๆ แล้วเดินไปนั่ง พอก้นแตะเก้าอี้ปุ๊บก็ถูกสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังทันที “เอ่อ อะไรกันเหรอ” รู้สึกเหมือนเป็นอาหารปลาที่แตะผิวน้ำแล้วปลาตัวเล็กๆ พากันตอด ผมกลืนน้ำลายเมื่อรู้สึกถึงพลังในสายตาบางอย่างของสาวๆ ที่จ้องมอง

   “คือ...” แค่คือมาเหงื่อผมก็เริ่มแตกแล้วครับ ตัดสินใจผิดใช่ไหม ที่มานั่งตรงนี้ “พวกเราชอบแล้วอยากรู้จักน้องคนนี้ ม่านพามาหน่อยได้ไหม” ปุยยื่นมือถือที่มีรูปไอ้เม่นยิ้มตาหยีมาให้ผมดู

   “เอ่อ ปุยชอบมันเหรอ” ถามออกไปทั้งที่ตายังมองรูป แต่พอเงยหน้าขึ้นก็ต้องผงะเมื่อเจอสายตาจ้องมองพร้อมรอยยิ้มกริ่ม “มะ มองอะไรเหรอ”

   “ม่านไม่ต้องหึงนะ พวกเราแค่ปลื้มเฉยๆ เขาน่ารักมากเลย”

   “เฮ้ย เราไม่ได้หึง” รีบยกมือโบกปัดทันที

   “ม่านล่ะก็ ไม่ต้องเขินหรอกน่า อีกอย่างพวกเราแค่ปลื้มเฉยๆ น้องเขาหล่อมากเลย” ปุยยังคงทำหน้าตาน่ารักเพ้อฝันถึงไอ้เด็กในรูป รวมถึงเพื่อนๆ ของเธอด้วย “ถ้าม่านพาน้องเขามาวันไหน บอกเราด้วยนะ”

   “เอ่อ...” ไปไม่เป็นเลยไอ้ม่าน “ถ้ามันมานะ” สุดท้ายก็แพ้ทางคนสวยจนได้ 

   เมื่อทุกคนได้คำตอบที่พอใจแล้ว ก็หันไปรวมกลุ่มคุยจนผมเข้าหาไม่ถึง นี่ให้ผมมานั่งด้วยเพราะอยากเจอไอ้เม่นแค่นั้นน่ะเหรอ รู้สึกเหมือนถูกถีบหัวส่งหลังจากใช้งานเสร็จยังไงพิกล

   พอคนเริ่มเข้ามากันเกือบครบ ประธานรุ่นปีสามก็เริ่มเปิดหัวข้อการประชุม หลักๆ ก็เรื่องรับน้องส่งท้ายก่อนจะปิดห้องเชียร์ ผมขยับมานั่งข้างไอ้จ๊อดแทน ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะไม่ค่อยมีส่วนเกี่ยวข้องอะไร หน้าที่หลักๆ ก็แค่ดูรุ่นน้องแค่นั้น

   “ปีนี้เราก็ยังจัดที่เดิมนะ ปีสองไปจัดให้เรียบร้อย” พี่อินปีสี่พูดออกมาทำให้ผมเงยหน้าขึ้นฟัง เกือบหลับไปแล้วด้วยผมน่ะ “ปีสามก็หาของให้ดี อย่าลืมเหมือนปีที่แล้ว”

   “อีอิน ถ้ามึงจะมองแบบนั้น ด่ากูมาเลย” พี่ก้อยปีสี่แหวออกมา พี่เขาเป็นคนหาของเมื่อปีที่แล้วครับ ของขาดๆ เกินๆ โคตรชุลมุน

   “ว่าแต่ เกี่ยวข้าวกันเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอวะ” พี่ปีสี่อีกคนถามขึ้นมา ซึ่งพี่อินพยักหน้าตอบ

   “เออ แต่กูบอกไว้แล้วว่าให้เหลือให้ปีหนึ่งด้วย”

   การรับน้องส่งท้ายจะเป็นการแจกรุ่นด้วยครับ หากจะให้รับในมหาลัยคงไม่สะดวกเท่าไหร่ ดังนั้นทุกปีของการปิดห้องเชียร์ จะต้องมาจบที่ท้องนาของคณะ

   “ปีนี้มีอะไรต่างจากปีอื่นไหมวะ” ผมกระดึ๊บๆ ไปถามไอ้เจที่มันเขียนแผนการยิกๆ มันหันมามองแล้วส่ายหน้าตอบ

   “มันก็เหมือนๆ กันทุกปีนั่นแหละ” ไอ้มีนที่ยืนข้างๆ พูดขึ้นมาแทน “หรือมึงมีอะไรจะเสนอ”

   “ไม่มีๆ” รีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน เสียงไอ้มีนดังแหวกความเงียบของคนใช้ความคิดทั้งห้อง พวกปีสี่และคนอื่นๆ หันมามองหน้าผมกันหมด “ไม่มี” หันไปย้ำกับคนทั้งห้องก่อนเล่นงานเพื่อนตัวเองที่มันขำเยาะ ชอบนักทำให้ผมขายหน้าเนี่ย

   เมื่อการประชุมเสร็จสิ้น ทุกคนก็เริ่มทยอยออกจากห้อง ผมนั่งรอพวกไอ้เจที่ยังคุยเรื่องรับน้อง ดูไอ้เฮดว๊ากมันจะเครียดหนักเอาการ อีกทั้งกีฬาเฟรชชี่ก็กำลังจะปิดลง งานเยอะจริงๆ (หมายถึงไอ้เจนะ ไม่ใช่ผม)

   “ข้าวเหลือฝั่งไหนวะ” ไอ้เกมส์เอ่ยถามพวกที่เหลือในห้อง

   “แปลงฝั่งขวาว่ะ พวกกูจัดให้แบบน่ารักๆ” กลุ่มสาขาที่ไปเกี่ยวข้าวในนาตอบ จากสายตาและน้ำเสียง มันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

   “น่ารักเชี่ยอะไรล่ะ” ผมสบถออกมา “กูไม่มีวันลืม ไอ้แปลงฝั่งขวาเนี่ย” นึกแล้วก็สยองขนลุกขอพองสุดๆ จำฝังใจไม่มีวันลืมกับการถูกรับน้องในนาฝั่งขวาสมัยผมอยู่ปีหนึ่ง เรียกง่ายๆ นรกในนานั่นเอง

   “นั่นแหละ พวกกูก็จะทำให้น้องจำไม่มีวันลืมแบบมึง” มองหน้าพวกมันแล้วกลัวแทนปีหนึ่งเลยครับ “แล้วตอนค่ำล่ะวะ”

   “พวกกูให้อีเป้จัดการแล้ว” ไอ้เจตอบ มือมันเก็บสมุดใส่กระเป๋าเตรียมออกจากห้อง

   “กูว่าปีหนึ่งปีนี้ต้องมีน้ำตาแน่นอนว่ะ” ผมว่าอย่างมั่นใจ

   “ซึ้งใช่ไหม” ไอ้มีนถามออกมา

   “คัน” พูดแล้วก็หัวเราะออกมากับไอ้มีนลูกคู่ ผมแตะมือเพื่อนที่ตอบรับมุกอย่างเข้าขาเพียงแค่มองตามันเฉยๆ แต่ความเฮฮาจะถูกขัดจากพวกไร้มุก

   “ไปเล่นนอกห้องไปพวกมึงสองคน” โดนไอ้เกมส์ตบหัวคนละที นี่ผมทำผิดอะไรเนี่ย

   ออกมาจากห้อง ผมเดินกอดคอไอ้เกมส์ ไม่สิ กอดไหล่มากกว่าเพราะผมกอดคอมันลำบาก (มันสูงกว่าผม) คุยเฮฮากันไปเรื่อยจนมาหยุดหน้าตึก ม้าหินอ่อนหน้าคณะมีคนที่ทำให้ผมกลายเป็นอากาศในห้องเมื่อกี้ ไอ้เม่นไม่ได้นั่งอยู่คนเดียวนะครับ รอบๆ ตัวมันมีแต่ผู้หญิงคณะของผม ขนาดปุยยังไปนั่งคุยด้วย ไอ้นี่ฮอตไม่เบา 

   “เด็กมึงโดนสาวรุมว่ะ” ไอ้เกมส์พูดข้างหู

   “ไม่ใช่เด็กกูไอ้ห่าเกมส์” ตอบเพื่อน แต่ตาก็มองไอ้เด็กเม่นที่ยิ้มตาหยีให้กับสาวๆ “สาวเยอะกว่าไอ้เจอีก” แอบพาดพิงเลยถูกมันตบหัว

   “กูก็มีเว้ย รอกูสละตำแหน่งก่อน” ไอ้เจโว พวกผมเลยเดินหนี มันเลยโวยวายตามหลังมา

   เพราะเสียงโวยวายของไอ้เจทำให้ไอ้ไข่แดง เอ้ย ไอ้เม่นหันมามอง พอเห็นผมปุ๊บ มันก็ลุกขึ้นโบกมือพร้อมรอยยิ้มประจำตัวให้ สาวรอบโต๊ะต่างจ้องหน้ามันด้วยความเพ้อฝัน

   “พี่ม่าน” รอยยิ้มพิฆาตของมันทำให้สาวๆ ที่นั่งอยู่แทบกรี๊ด “พี่ม่านไปไหน รอผมด้วย พี่ครับ” ไอ้เม่นตะโกนเมื่อเห็นผมเดินหนี มันรีบวิ่งตามจนมายืนหอบหนักขวางหน้า “พี่จะไปไหน” 

   “ไปไหนวะ” ผมหันไปถามไอ้เกมส์ มันส่ายหน้าเหมือนระอาแล้วดันตัวผมไปชนกับไอ้เม่น

   “ไปกับเด็กมึงไป” พูดจบเพื่อนผมก็เดินหนีไป ไอ้พวกเพื่อนชั่ว ทิ้งกันลงได้ยังไง

        ส่วนผมจะเดินหนีอีกรอบกลับถูกคว้าแขนไว้ “อะไรของมึง”

   “พี่จะไปไหน ผมเรียกตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นสนใจ” ไอ้เม่นยู่หน้าทำเหมือนเด็กไม่พอใจ

   “ก็กลับไง” ตอบโดยการพยายามไม่มองหน้าของคนถาม สักหลังมานี้เวลามองหน้าไอ้เม่นทีไร มันจะรู้สึกแปลกๆ หัวใจจะเต้นผิดจังหวะเดิมแทบทุกครั้ง ผมก้าวขาจะเดินต่อ แต่ก็ยังถูกมันจับแขนไว้แน่น “อะไรของมึงเนี่ย” ผมไม่ได้เหวี่ยงกลบเกลื่อนนะ อย่าเข้าใจผิด

   “คือ ผมมีเรื่องจะบอก” ผมเหล่ตามองคนบอกมีอะไรจะคุย “คือ...ผมต้องกลับบ้าน” ไอ้เม่นมันว่า

   “ก็ดี กลับบ้านซะบ้าง อยู่ห้องกูจนกูแทบเป็นคนอาศัย” พูดตามจริง หลายวันมานี้ผมถูกไอ้เม่นสั่งให้ทำนู้นทำนี่ตลอด 

   “ผมไม่อยากกลับ” สีหน้าและน้ำเสียงจริงจังจนผมต้องจ้องหน้ามันตรงๆ “บ้านที่มีผมคนเดียว ผมไม่อยากกลับ”

   “อ่าว แล้วตากับยายมึงล่ะ” ผมจำได้ว่ามันอยู่กับตายายหลังจากพ่อแม่เสีย

   “ตากับยายก็อยู่อีกหลัง ส่วนบ้านผมตอนนี้เหลือแค่ผมคนเดียว”

   “เออๆ ช่างมันๆ แล้วกลับเดี๋ยวนี้เลยเหรอ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องไม่อยากเห็นมันทำหน้าเศร้า ผมเป็นคนดีมากเห็นป่ะ

   “ครับ” ไอ้เม่นรับเบาๆ “พี่...ไปกับผมไหม”

   “ไปกับมึง? ไปทำไมเล่า” ผมตอบปุ๊บ คนชวนก็เม้มปากแน่น “ไว้วันหลังค่อยไป วันนี้กูมีรายงานต้องทำส่ง” พอเห็นมันหน้าเศร้าลงไปอีก ผมก็รีบหาเหตุผลที่น่าจะฟังขึ้นมากที่สุดมารองรับ พูดเสร็จก็แทบอยากตบปากตัวเอง ทำไมถึงไม่ชอบเห็นหน้าเศร้าๆ ของมันก็ไม่รู้

   ไอ้เม่นได้ยินผมพูดแบบนั้น มันก็ยิ้มออกมา “สัญญาแล้วนะ”

   “เออ” ตอบรับแบบรำคาญ

   “งั้นเดี๋ยวผมไปส่งพี่ที่หอก่อน” คนเศร้ามีท่าทีดี๊ด๊าจนน่าหมั่นไส้ ไอ้เม่นมันก็ดึงแขนผมลากผมไปที่รถของมันจนผมต้องรีบเบรกตัวเอง

   “เดี๋ยวๆ ไม่ต้องโว้ย กูกลับเองได้” ว่าแล้วก็ยัดกุญแจรถใส่มือมัน “นี่รถมึง รีบๆ กลับไปไป๊ เบื่อหน้ามึงเต็มทน”

   “พูดแบบนี้จ้องหน้าผมบ่อยล่ะสิ” ไอ้เม่นทำตาเยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้ ผมเลยแจกนิ้วกลางให้มันไป “หึๆ พี่ห้ามหลับเร็วนะ โทรศัพท์ก็ชาร์ตไว้ให้เต็ม คืนนี้ผมจะโทรหา”

   “มึงกล้าสั่งกูเหรอ” ถึงจะด่า แต่ผมกลับยิ้มออกมาเฉย “ไปๆ”

   “แล้วพี่กลับยังไง”

   “เหาะมั้งไอ้ห่า ไม่น่าถาม”

   “กวนตีนว่ะ...แต่ผมก็ชอบนะ” ผมไล่เตะไอ้เม่นรอบรถ มันหัวเราะเหมือนจะลืมความเศร้าเมื่อกี้ไปจนหมด กว่าจะหยุดวิ่งก็ตอนที่ผมเหนื่อยนี่แหละ “พี่อย่าลืมนะ เดี๋ยวผมโทรหา”

   “จะโทรทำไมเล่า”

   “คิดถึง”

   ไม่มีคำตอบใดๆ ให้คำบอกเล่านี้ ผมหันหลังเดินหนีทันที ไม่สนเสียงตะโกนบ้าบอของไอ้เด็กต่างมหาลัย ไม่ ผมต้องไม่ยิ้ม ผมต้องไม่เป็นบ้าคนเดียว หยุดยิ้มได้แล้วไอ้ม่าน

   ผมกุมแก้มตัวเองเดินมาตามทาง รถคัมรี่ของไอ้เม่นขับมาชะลอ พร้อมกระจกด้านข้างคนขับถูกลดลง ไอ้เม่นนั่งประจำที่คนขับโบกมือส่งยิ้มหวานมาให้เป็นการบอกลาส่งท้าย ผมถลึงตาใส่แต่มันกลับหัวเราะ หนอย ก่อนไปยังมาอ่อยให้หัวใจผมเต้นผิดจังหวะอีก แม้งเอ้ย ผมยกเท้าตามหลังรถคันนั้นไป ก่อนจะเดินเตะนั่นเตะนี่ไปเรื่อยๆ มือก็ยกตบแก้มตัวเอง ดีที่ไม่มีใครเดินสวนทาง ไม่อย่างนั้นเขาคงว่าผมบ้าแน่ที่ยิ้มคนเดียว



   “ไอ้ม่าน” เสียงตะโกนเรียกมาพร้อมรถที่ชะลอข้างผม ตอนแรกคิดว่าเป็นไอ้เม่นวนรถกลับมา แต่สีรถกับยี่ห้อไม่ใช่ “มาเดินห่าอะไรแถวนี้วะ”

   “โหพี่ นี่คือคำทักเหรอวะ” ผมเดินหน้าบึ้งไปยืนข้างรถที่จอดนิ่ง คนทักหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี

   “มึงหยุดทำหน้างอเหมือนเพื่อนมึงเลย กูขนลุกสัด” พี่แทมทำหน้าแขยง คงขยาดไอ้กลอยทำให้ซวยหลายรอบแน่ “จะไปไหนวะ”

   “กลับหอครับ พี่แทมล่ะ มาเรียนเหรอ” ถามคนที่อ้าปากหาววอดๆ ดูเหมือนต้องถามว่ามานอนหรือเปล่ามากกว่า

   “มาส่งรายงาน ใช้ไอ้เชี่ยซันแม่งไม่ยอมมา จะกลับเหรอ ขึ้นมาๆ เดี๋ยวกูไปส่ง” โชคดีของไอ้ม่านจริงๆ ที่ไม่ต้องเสียเงิน ผมรีบเปิดประตูเข้าไปนั่ง ก่อนพี่แทมจะออกรถต่อ “ทำไมมึงเดินกลับ รถมึงล่ะ”

   “จอดที่หออะ” ขามาขับคัมรี่ ขากลับนั่งเบนซ์ บุญตูดเหลือเกิน

   “เสียเหรอวะ ปกติกูเห็นมึงขับมาเรียน” พี่แทมพูดไป ตาก็มองถนนไป

   “พี่สังเกตเหรอ คิดอะไรกับผมหรือเปล่าเนี่ย” แกล้งหยอกไปปุ๊บ เจอสายตาโหดปั๊บ

   “ถ้าตีนกูไม่ต้องเหยียบเบรกนะ กูเหยียบหน้ามึงแล้วไอ้ม่าน คิดมาได้” ผมกับพี่แทมไม่มีนอก มีในอะไรกันหรอกนะครับ อย่าคิดไปไกล “หิวว่ะ”

   “เลี้ยงผมป่ะล่ะ เดี๋ยวไปกินเป็นเพื่อน”

   “ของฟรีตลอดไอ้ห่า” แม้จะโดนด่า แต่พี่แทมก็เลี้ยงจริงๆ ครับ รถเบนซ์เลี้ยวเข้าห้างซุปเปอร์สโตร์ เป้าหมายคือร้านขายไก่ทอด พี่แทมสั่งไก่ทอดชุดใหญ่ กินสองคนจนเริ่มอืดและมองหน้ากันไปมา ผมยกมือไหว้ผู้มีพระคุณหลังกลืนไก่คำสุดท้ายลงคอ คนเลี้ยงทำหน้าเอือมๆ “เจอหน้ามึงทีไร กูเสียเงินทุกที”

   “นี่น้องนะ พี่อย่าคิดมากสิ” ตบบ่าพี่แทมไป

   กินเสร็จ ก็พากันขึ้นไปซื้อของในห้างอีกหน่อย พี่แทมก็มาส่งผมที่หออย่างครบสมบูรณ์สามสิบสอง โบกมืออำลารุ่นพี่ร่วมสถาบันแล้วเดินขึ้นห้อง ไก่กรอบที่กินเริ่มอืดจนขี้เกียจก้าวขา ถ้าเลื้อยขึ้นได้ผมคงทำไปแล้ว

   มาถึงห้อง เหวี่ยงข้าวของทุกอย่างลงพื้นพร้อมกับทิ้งตัวนอนบนเตียง อืม รู้สึกเตียงกว้างจริง ทั้งที่เมื่อก่อนรู้สึกว่ามันโคตรแคบ ผมพลิกตัวไปมา หยิบมือถือขึ้นมากดดู หน้าจอยังนิ่งเงียบไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ลองเข้าโซเชี่ยลต่างๆ ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจนอกจากไอ้กลอยแต่งรูปแฟนมันเป็นปีศาจ ไอ้นี่วอนโดนปีศาจกินหัว

   กดมือถือเลื่อนไปเลื่อนมาก็ชักเบื่อ ว่าแต่ นี่ผมกำลังรออะไร รอไอ้เม่นโทรมาอย่างที่มันว่าเหรอ ไม่ใช่มั้ง แน่ล่ะ ผมจะรอมันทำไม มันไม่กวนนั่นแหละดีที่สุด...จริงไหม


..........................................................

ค่อยๆ เต๊าะกันไปค่า ฮ่าๆ
ขอบคุณสำหรับทุกๆ กำลังใจ ทุกๆ ยอดวิว แค่มีคนคลิกเข้ามา แม้ไม่ตั้งใจ ก็ดีใจมากๆ แล้วค่า (ก้มกราบ)

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

8




        นั่งจ้องโทรศัพท์มาค่อนคืน เมื่อไม่มีสัญญาณอะไรผมเลยลุกไปอาบน้ำปะแป้งหน้าขาววอกเตรียมเข้านอน หนังตากำลังจะหย่อน เสียงริงโทนธรรมดาก็ดังขัด เปลือกตาที่ปรือลงรีบลืมขึ้น มือรีบคว้าโทรศัพท์มาเปิดดู...ไอ้เม่นวีดีโอคอลมาหา แล้วผมต้องทำยังไง ระหว่างสับสน มือก็เผลอไปกดรับเฉย หน้าไอ้เม่นเลยปรากฏขึ้นมา แว๊บแรกที่มันเห็นหน้าผม เห็นมันดูตกใจนิดๆ

   (นั่นพี่ม่านหรือเด็กห้าขวบวะ) ดูมันทักผมสิครับ พูดจบมันก็หัวเราะเสียงแหลม

   “กวนตีนว่ะ” ผมด่ามันไป กะอีแค่เอาแป้งเด็กป้ายเต็มหน้าแค่นั้น เมื่อก่อนตอนเป็นเด็ก แม่ชอบประแป้งแบบนี้ให้ โตมาเลยติด เวลานอนอยู่ห้องคนเดียวไม่ต้องไปไหน ผมก็มักจะเอาแป้งมาทาให้หน้าขาววอก แป้งเด็กมันทำให้หน้าเนียนนุ่มเหมือนก้นเด็ก “โทรมามีไร กูจะหลับแล้วเนี่ย” โวยวายไป แต่ปลายสายเอาแต่หัวเราะหน้าผม

   (เดี๋ยวนะ ผมขอขำก่อน ตลกพี่ว่ะ แม่ง) ไอ้เม่นมันนั่งขำ นอนขำจนผมอยากจะยื่นเท้าเข้าไปในหน้าจอเพื่อถีบ (ขำจนปวดท้องอะ)

   “อยากไปขำต่อให้นรกไหม ไอ้ห่า” โมโหครับ ทำเอาความมั่นใจหายหมด

   (โห อย่างอนผมสิ ไม่ขำก็ได้) เบ้ปากใส่ไอ้เม่น ตอนนี้มันใส่เสื้อยืดคอวีสีขาว ผมเปียกดูเหมือนเพิ่งสระผม

   “ทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งวะ เดี๋ยวแม่งเป็นหวัด” พูดออกไปลืมคิด พอสติมาก็แทบอยากตบหัวตัวเอง ต่างจากอีกฝั่งที่ทำตาโตแล้วรีบลุกไปเอาผ้ามาเช็ด “ยิ้มเหี้ยอะไร” ด่าไอ้เม่นและตัวเองครับ

   (ก็พี่เป็นห่วงผม โคตรดีใจ)

   “อย่ามาเว่อร์ แล้วทำไมมึงโทรมาดึกขนาดนี้วะ กูจะหลับอยู่แล้วเนี่ย”

   (พี่...รอผมโทรหาเหรอ เชี่ย ดีใจว่ะ)

   “มะ ไม่ใช่เว้ย กูหมายถึงมึงโทรมากวนตอนกูจะหลับ” เหตุผลผมฟังขึ้นใช่ไหม ไม่น่าพลาดเพราะปากมากเลยไอ้ม่าน “มึงอาบน้ำแล้วเหรอวะ” รีบเปลี่ยนเรื่องก่อนครับ ไม่อยากเห็นยิ้มตาหยีของมัน

   (อาบเสร็จก็โทรหาพี่เลย ที่จริงจะโทรหาตั้งแต่หัวค่ำ แต่พอดี...) สีหน้ากับท่าทางอ้ำอึ้งของปลายสายทำให้ผมขมวดคิ้ว (พอดี...)

   “กูไม่ได้อยากรู้ ไม่ต้องเล่า” ผมว่า สีหน้าไอ้เม่นดีขึ้น มันยิ้มบางๆ ส่งมาให้

   (ไว้ผมจะเล่าเรื่องของผมให้พี่ฟัง)

   “ก็กูบอกว่าไม่อยากรู้ เอ๊ะ ไอ้นี่” 

   เสียงหัวเราะอีกฝั่งทำให้ผมต้องยิ้มออกมา ชีวิตคนเราต่างก็มีเรื่องทั้งนั้น แม้แต่คนรวยๆ ก็ยังมี โชคดีที่พ่อกับแม่ของผมอยู่อย่างพอเพียงและเลี้ยงให้ผมเป็นคนคิดดี ไอ้ม่านคนนี้เลยดี๊ดีเช่นนี้แล

   (พี่ม่าน ทำอะไรอยู่ ผมเรียกตั้งหลายครั้ง) มัวแต่หลงตัวเองจนสะดุ้งกับเสียงไอ้เม่น

   “ก็...คิดเรื่องรายงานสิวะ กูไม่ได้ว่างเหมือนมึง”

   (โห พ่อคนขยัน) หน้ามันโคตรกวนตีน (พรุ่งนี้ผมเรียนเช้า พี่เรียนบ่ายนี่ ไว้ตอนเย็น...)

   “ไม่ต้องมารับกู”

   (ขี้ตู่ ผมไม่ได้บอกจะไปรับสักหน่อย) ฉิบหาย ไอ้เชี่ยเม่นเล่นผมแล้ว (แหม อยากให้ผมไปรับเหรอ ใช่ไหม พี่นี่โคตรน่ารักว่ะ)

   “ไอ้เม่น ไม่ใช่โวย” ผมโวยวายไปแต่คนอยู่อีกด้านแม่งเอาแต่หัวเราะ
 
   (พี่น่ารักจริงๆ นะ ขนาดหน้าขาวๆ ยังปิดแก้มแดงไม่อยู่เลย พี่เขินผม ผมรู้)

   “พอเลย กูจะนอนแล้ว” รีบตัดจบก่อนจะถูกไล่ต้อนหนักกว่านี้ “แค่นี้นะ”

   (เดี๋ยวๆ) เสียงตะโกนเรียกยั้งมือของผมไม่ให้กดปิด

   “อะไรอีกวะ มึงนี้เซ้าซี้จริง”

   (ผมแค่จะบอกราตรีสวัสดิ์ หลับฝันดี แล้วก็ อย่าลืมฝันถึงผมด้วยล่ะ) แลบลิ้นใส่เด็กรุ่นน้องของเพื่อนที่มันเสี่ยว (คืนนี้ไม่ได้กอดพี่ ผมคงนอนไม่หลับแน่เลย)

   “อย่ามาเพ้อไอ้ห่า แค่นี้นะ หลับเลยมึง” กดวางปุ๊บผมก็ล้มตัวนอน ไม่ มึงอย่ายิ้มไอ้ม่าน มึงต้องทำตัวเฉยๆ เข้าไว้ เชี่ยเอ้ย ทำไมผมต้องยิ้มด้วยว่ะ มองเพดานแป๊บเดียวก่อนดึงผ้าห่มเน่าขึ้นคลุมหน้าข่มตานอนหลับ



   ผมกำลังจะตกหลุมรักมันแน่ๆ




   
   “โห หน้ามึงโคตรโทรม ไปทำอะไรมาวะ” ไอ้มีนทักผมหลังจากอยู่ในสภาวะทิ้งตัวนั่งข้างมัน “ได้ยินกูไหมไอ้มู่” อยากเงยหน้าจากโต๊ะ แต่ตาผมยังลืมไม่ขึ้นเลย

   “แค่กูขับรถมาได้ก็บุญแล้วไอ้ห่า” ปากขยับตอบ ขนาดถูกตบหัว ผมยังไม่รู้เลยว่าใครทำ

   “กูว่าเป็นบุญคนอื่นต่างหากไอ้ห่า ทีหลังถ้าง่วงก็อย่าขับ เกิดไปชนคนอื่นตายขึ้นมาจะทำไง ทำอะไรไม่คิด สมองน่ะมีไหมวะ” เสียงบ่นยาวขนาดนี้ทำให้รู้เลยว่ามือหนักที่ตบเข้าหัวผมเป็นมือใคร

   “มึงเรียนจบควรไปบวชนะไอ้เชี่ยเกมส์” ผมต่อสู้กับความหนักของหน้าเพื่อจะด่าเพื่อนตัวเอง

   “เออ ไม่จบกูก็จะบวชอยู่แล้ว” ได้ยินคำตอบปุ๊บ พวกผมก็พากันหัวเราะ ที่จริงไอ้เกมส์มันก็คิดจะบวชทดแทนบุญคุณพ่อกับแม่มันช่วงปิดเทอมครับ

   “ใต้ตามึงน่ากลัวมาก” เสียงแน่วแทรกขึ้นมา พวกที่หัวเราะต่างก็หันมาสนใจหน้าผมแทน “อายครีมมึงควรซื้อ”

   “กูแค่นอนไม่หลับ” ผมว่า

   “ทำไม คิดเรื่องไอ้เด็กนั่นเหรอ” ไอ้มีนรีบจี้

   “ไม่ใช่เว้ย กูคิดเรื่องรายงานไอ้ห่า อย่าเปิดประเด็น” ยื่นมือโบกหัว แต่ไอ้มีนมันโยกหลบ “ว่าแต่ เรื่องปิดห้องเชียร์เป็นยังไงบ้าง”

   “เปลี่ยนเรื่องเลยนะมึง” ไอ้เจแขวะ แต่ผมไม่สน มันขำก่อนจะบอกความลับ “ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ปีนี้กูคิดจะรับแบบสร้างสรรค์ตามที่อาจารย์เขาว่ามา”

   “ยังไงวะ” คงจะมีแค่ผมคนเดียวที่ไม่เข้าใจ ก็แหม ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพี่ว๊าก เวลาประชุมอะไรก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง

   “ถึงเวลามึงก็รู้เอง” ถูกปิดประเด็นเฉย แม่ง

   “กูเกลียดมึงมาก” ตะโกนกราดใส่หน้าเพื่อนตัวเอง แต่พวกมันกลับหัวเราะ

   “เอาน่า ไม่มีอะไรหรอก สนุกๆ” ไอ้เกมส์วาดแขนมากอดคอแล้วดึงหัวผมไปซุกในวงแขนเป็นมัดของมัน “มึงเถอะ เรื่องไอ้เด็กนั่นควรเอาให้มันชัดเจน พวกกูเป็นห่วง”

   “ชัดเจนเหี้ยอะไร” พยายามดึงหัวออกจากแรงหนีบจากกล้ามแขนของไอ้เกมส์

   “แหม เอามันไปซุกหอขนาดนั้น” ถลึงตาใส่อีแน่ว นับวันปากมันจะยิ่งร้าย สงสารแฟนของมันมาก “ที่พวกกูพูดก็เพราะห่วงมึงนั่นแหละ เด็กนั่นมาจากการส่งไม้ต่อจากไอ้กลอยเพื่อนมึง ความจริงใจมันจะมากแค่ไหนกัน”

   “อีแน่วพูดถูก” ไอ้มีนยกนิ้วโป้งส่งให้คนพูดดี

   “กูรู้น่า กูไม่ได้ใจง่าย...มั้ง” คำห้อยท้ายผมพูดอยู่ในลำคอ “เออๆ ถ้ายังไงกูจะบอกพวกมึง ขอบใจนะเว้ย ที่ห่วงกู” ผมเปลี่ยนจากดึงหัวออกเป็นกอดเอวไอ้เกมส์ มันยืดตัวสะดุ้งก่อนรีบปล่อยผมทันที “เขินกูเหรอ”

   “เขินพ่อง เดี๋ยวเรทติ้งกูตกเว้ย” ผมขำท่าทางของเพื่อน พวกมันปากร้ายแต่ใจดี แถมยังรักและหวังดีกับผมทุกคน “ไม่ต้องทำตาเยิ้ม กูไม่ตาถั่วชอบมึงแบบไอ้เม่นอะไรนั่นหรอก ขนลุกสัด”

   “ไอ้เชี่ย”

   มิตรภาพของพวกผมมันเกิดขึ้นจากการเขม่น มาตอนนี้รักกันปานจะดูดดม แต่พวกเราไม่กินกันเองแน่นอน และไม่แย่งกันด้วย เพราะคนละสเปค

   แม้วันนี้พวกผมปีสามจะมีเรียน แต่ปีหนึ่งก็มีแข่งกีฬาชิงแชมป์ในวันสุดท้าย ซึ่งแอบได้ยินเสียงบ่นเสียดายของรุ่นน้องที่จะต้องถูกเกณฑ์เข้าห้องเชียร์อีกครั้ง ก็แหม ชีวิตคนเรามันก็ต้องมีขึ้นมีลงกันบ้าง เดี๋ยวนะ ผมว่าเริ่มไม่เกี่ยวแล้ว แต่ก็เอาเถอะ อย่าใส่ใจในคำพูดผมเลย

   พอดีผมเป็นคนจริงจังและจริงใจไม่จิงโจ้ จุ๊กกรู๊ว

   หลังจากหมดคาบเรียน พวกผมก็พากันยกโขยงใหญ่มาที่หน้าตึก บรรดาเหล่าปีสองกับปีหนึ่งที่นั่งล้อมวงคุยกันอยู่เห็นผมและเพื่อนๆ เดินมา ต่างก็พากันยกมือไหว้ส่งเสียงขานซะดัง แต่พอเห็นว่าในกลุ่มมีพี่ว๊ากอยู่ด้วย เสียงนกแตกรังเลยเงียบกันหมด รู้สึกเหมือนพาไอ้พวกนี้มากดดันรุ่นน้อง...ทำไมผมนิสัยไม่ดีวะ

   แล้วนี่ผมจะด่าตัวเองทำไม

   “วันนี้คณะเรามีแข่งอะไรบ้างวะ” ผมเดินแยกไปถามน้องปีสองซึ่งตำแหน่งมันคือน้องรหัสผู้เลอเลิศ นั่นเพราะมันเป็นลูกคุณหนูแต่ดันอยากทำไร่ หวังเดินตามรอยพ่อหลวงของปวงชน ผมนับถือมันนะครับ ลูกคนรวย มือเท้านุ่มเนียนต้องมาจับจอบจับเสียมขุดดินจนตอนนี้มือมันด้านกว่าผมอีก

   “เหลือเปตองพี่” ไอ้เตหันมาตอบผม มันส่งยิ้มโชว์ฟันเหล็กสีฟ้า

   “เมื่อไหร่มึงจะเอาเหล็กออกวะ โคตรเกะกะ” ผมหยอกมันตั้งแต่มันเข้ามาปีหนึ่งแล้วล่ะครับ ที่จริงก็ไม่ได้ตลกอะไร แต่มันขัดกับหน้าขาวๆ ของมัน

   “พี่ม่านล่ะก็ พูดซะเหล็กดัดฟันผมอยากฝังเข้าไปในเหงือก” พูดจบมันก็หัวเราะพาผมขำไปด้วย “แล้วพวกพี่มาที่นี่เพื่อกดดันพวกผมเหรอ”

   “อย่าใส่ร้ายกูไอ้เหี้ย พวกกูแค่มาพักผ่อนบ้างอะไรบ้าง” บอกมันไป ผมปรายตามองเด็กปีหนึ่งที่สวมเสื้อสีประจำคณะสำหรับกีฬาเฟรชชี่ “นอกจากฟุตบอลมีอะไรได้ที่หนึ่งบ้างวะ”

   “ไม่มีครับ” หันไปมองคอแทบเคล็ด นี่คณะผมได้แชมป์แค่ชนิดเดียวหรือนี่ ปีที่แล้วว่าแย่แล้วนะ ปีนี้ยังมาลดลงอีก “แต่ก็ได้ที่สองที่สามมาหลายอยู่”

   “เออๆ ดีละ อย่างน้อยก็ได้รางวัล พวกมึงจะได้ไม่ถูกจัดหนักมาก” อันนี้ผมกระซิบครับ เพราะพวกปีสองต้องถูกเล่นงานแน่นอนอยู่แล้ว มันอยู่ในแผนทั้งนั้น

   “ผมเตรียมใจไว้แล้ว” ไอ้เตยิ้มรับ ผมตบบ่ามันเบาๆ แล้วเดินกลับไปหาเพื่อน พวกมันก็ถามนิดๆ หน่อยๆ เพราะส่วนใหญ่ต่างก็จ้องไปที่เหล่ารุ่นน้อง

   นี่พวกผมไม่ได้มากดดันจริงๆ นะ   
      
   นั่งคุยไป เหล่รุ่นน้องไปไม่นานก็แยกย้าย กีฬาที่เหลือก็ปล่อยให้ปีสองดูแล ส่วนผมแยกกับเพื่อนเพราะพวกมันต้องไปเตรียมการปิดห้องเชียร์ วุ่นวายน่าดู

   ผมเดินกลับไปที่รถเตรียมกลับหอ แต่มือถือในกระเป๋ากางเกงยีนส์ดันร้องขัดจังหวะ หยิบออกมาดูก็เห็นหน้ายิ้มตาหยีก่อน ไม่ใช่ผมตั้งรูปไอ้เม่นนะครับ มันแอบเอาไปถ่ายแล้วก็ตั้งค่าสายเรียกเข้าเอง

   “โทรมาเพื่อ?” บอกขณะขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัย

   (โห ทักแบบนี้ผมต้องตอบว่ายังไงละครับ) น้ำเสียงติดขำตอบกลับมา ผมเบ้ปากอมยิ้มหมั่นไส้ (พี่เรียนเสร็จหรือยัง)

   “ทำไม จะมารับกูเหรอ” แกล้งถามไปอย่างนั้นแหละครับ เวลานี้ไอ้เด็กปลายสายมันคงรอเรียนคาบบ่าย

   (ให้ไปรับจริงๆ ไหมล่ะ) ดูความกวนของมัน

   “เฮอะ” ผมพ่นเสียงขำออกมา

   (เอาจริงๆ สิ ให้ผมไปรับไหม)

   “จะมารับทำไม เรียนของมึงไป กูจะกลับหอแล้ว” เตรียมสตาร์ทรถ แต่มือกลับจิ้มแต่พวงมาลัย

   (โหย ให้ความหวังแล้วก็จากไปว่ะ) ถ้าไอ้เม่นอยู่ใกล้ๆ ผมคงตบหัวมันไปแล้ว คำพูดกับน้ำเสียงแบบนี้ (ผมเลิกเรียนแล้วจะรีบกลับไปหานะครับ)

   “มาหาทำไม กลับบ้านมึงนู้นไป” ปากก็ไล่ แต่ทำไมต้องยิ้มวะ “แค่นี้นะ กูจะขับรถแล้ว”

   (ขับรถดีๆ นะครับ อย่าเอาแต่คิดถึงผมจนใจลอย)

   ติ๊ด... ผมรีบกดปิดทั้งที่ปลายสายยังพูดไม่ทันจบดี ไม่ไหวหรอกครับ ฟังมันจบผมอาจจะยิ้มเป็นคนบ้าก็ได้ แค่นี้ก็แทบเป็นบ้าอยู่แล้ว



   การจราจรยังคงหนาแน่นเช่นทุกวัน ผมฟังเพลงไปด้วยขับรถไปด้วย พอดีกับเพื่อนรักต่างมหาลัยโทรมา ใจจริงไม่อยากจะรับ แต่กลัวมันจะมีเรื่องสำคัญ (เช่นการกินฟรี) ถึงโทรมาหา

   “ว่าไงมึง” กรอกเสียงถามไป

   (ทำไรอยู่วะ รับช้าเหี้ยๆ) ไอ้กลอยแจกสัตว์เลื้อยคลานอีกแล้ว

   “ขับรถ”

   (อ่าว มึงขับรถแล้วรับโทรศัพท์ได้ไง ตำรวจจับนะมึง)
 
   “แล้วมึงจะโทรมาหากูทำไมเล่า”

   (นี่กูผิดเหรอ มึงว่ากูเป็นคนผิดเหรอ)

   น้ำเสียงมันโคตรตอแหล

   “คุณกลอยโทรมา มีเรื่องอะไรมิทราบ”

   (ของเด็ด ของดี ของฟรีตลอดงาน สนหรือเปล่าเพื่อนม่าน) ไอ้กลอยว่าไปหัวเราะไป (ถ้ามึงสน ปลายทางคือหอพี่โชนะคืนนี้ กูกับมึงเลิกกัน)

   ผมกระพริบตาปริบๆ จ้องมือถือตัวเองที่ยังไม่ได้พูดล่ำลาอะไรไป แต่ไอ้กลอยกลับวางสายไปเฉย เออ เลิกก็ได้วะ เดี๋ยวนะ ไอ้กลอยบอกคืนนี้เหรอ แล้วไอ้เม่นล่ะ ผมต้องโทรไปบอกให้มันกลับบ้านสินะ คิดได้ก็รีบยื่นมือไปหยิบ พอกดเบอร์มันปุ๊บ ก็เพิ่งนึกได้ว่ามันคงเรียนอยู่ เอาไว้ส่งข้อความบอกมันเอา

   ขับรถกลับถึงหอก็ส่งข้อความหาไอ้เม่นบอกให้มันกลับบ้านเพราะผมมีธุระ จากนั้นก็ส่งข้อความหาไอ้อัธ ไม่รู้มันจะไปด้วยหรือเปล่า ถ้ามันไป ผมจะได้ให้มันมารับ ประหยัดน้ำมันไปอีก

   ทำนั่นทำนี่จนใกล้ค่ำ ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวรอเพื่อนอัธสุดหล่อให้มารับ ฉีดน้ำหอมสุดโปรดจนหอมฟุ้งไปทั่วห้อง ช่วงเวลาสูดความสดชื่น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา ผมเดินฮัมเพลงที่ดังจากแลปท็อปตัวเองไปเปิดรับเพื่อน บานประตูไม้เปิดออกก็เจอเพื่อนตัวเองยืนหน้านิ่งอยู่

   “มึง...” ผมคงจะไม่ทำตาโตตกใจหากไม่เห็นไอ้เม่นยืนทำหน้านิ่งอยู่ข้างๆ เพื่อนผมด้วย ฉิบหายล่ะ “มึงมาได้ไงวะ”

   “มึงถามใคร กูหรือไอ้เด็กนี่” ไอ้อัธถามเสียงโคตรนิ่ง ดูจากแววตาเพื่อนผมแล้ว มันพร้อมหาเรื่องได้ทุกเมื่อหากรุ่นน้องอยากมี ไอ้เม่นได้ยินก็เหล่ตามองคนถามด้วย ก่อนจะหันมาจ้องหน้าผม


   กดดันสุดๆ


   “เอ่อ...” ทำไมต้องอึกอักวะ (ด่าตัวเอง)

   “พี่ม่านจะไปไหนหรือครับ” ไอ้เม่นถามออกมา มันเดินเบียดเพื่อนผมมายืนข้างๆ ไอ้อัธมองตาเป็นมัน ผมล่ะกลัวจะมีเรื่องกันจริงๆ

   “กูจะไป...”

   “เสือก”

   ตาโตมองไอ้อัธที่ขัดขึ้นมา ผมรีบจับแขนไอ้เม่นทันที กลัวมันพุ่งไปหาเรื่อง คนหนึ่งก็เพื่อน อีกคนหนึ่งก็...เอ่อ รุ่นน้อง ผมไม่อยากให้ใครต้องมีเรื่องกัน

   “กูจะไปกินเหล้า” ผมตอบเพื่อเรียกสายตาของไอ้เม่นให้หันมามอง กลัวจ้องตากับไอ้อัธมากๆ ไม่คนใดก็คนหนึ่งจะท้องไปซะก่อน

   “ที่ไหน ผมไปด้วย” ตอนนี้รู้สึกปวดตา เพราะต้องมองเพื่อนที ไอ้เม่นที เหนื่อยจริงๆ

   “มึงไปไม่ได้หรอก” ผมบอก ไอ้เด็กที่จับแขนผมขมวดคิ้วสงสัย “กูไปกินที่ห้องพี่โช แฟนไอ้กลอย” จบปุ๊บ คนเซ้าซี้ก็นิ่งไป ผมคิดว่ามันจะเข้าใจ แต่เปล่าเลย มันยังพยักหน้าจะไปด้วย “ห้องพี่โชนะ”

   “อืม ผมรู้” กระพริบตามองคนบอกว่ารู้ ผมก็รู้ว่ามันเคยเกือบมีเรื่องกับพี่โชที่คณะ ขืนพามันไปก็เหมือนพามันไปให้ถูกรุมน่ะสิ

   “ไอ้เม่น” เริ่มอ่อนใจนิดๆ

   “นะพี่ม่าน ผมไปด้วย” คราวนี้ผมหันไปมองเพื่อนตัวเอง ไอ้อัธยักไหล่ก่อนหันหลังพิงกำแพงหน้าห้อง “พี่ม่าน ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้พี่เขาขัดใจ นะครับ”

   “ไม่ต้องทำน้ำเสียงตอแหล” ด่ามันไป “เออๆ แต่มึงห้ามก่อเรื่องนะเว้ย”

   ไอ้เม่นพยักหน้ายิ้มตาหยี ผมผลักหัวมันนิดๆ ก่อนเดินกลับเข้าไปเอากระเป๋าเป้ พอออกมาก็เหล่ตามองเพื่อนสนิทตัวเอง ไอ้อัธเดินนำไปแล้ว ผมเลยต้องเดินข้างไอ้เม่นแทน นี่มันรู้หรือเปล่า ว่ากำลังจะเข้าสู่ดงคนโหด

   รถคัมรี่ของไอ้เม่นขับตามมินิสีดำของไอ้อัธ ส่วนผมจะนั่งมากับใครถ้าไม่ใช่รถคันหลัง แต่ก็ดีนะครับ ขืนให้ไอ้เม่นไปนั่งรถไอ้อัธ หรือให้ไอ้อัธมานั่งรถไอ้เม่น แบบนั้นคงไปไม่ถึงแน่ อาจมีเรื่องข้างถนนสักเส้นก็เป็นได้ ระหว่างทาง ไอ้เม่นยังพูดคุยน้ำเสียงธรรมดา เล่าเรื่องเรียนบ้าง เพื่อนบ้าง ผมก็ฟังๆ ไป ถามมาก็ตอบ สมองตอนนี้มีแต่คำพูด คำตอบที่จะต้องใช้เวลาเจอคนอื่น

   ลำบากไอ้ม่านอีกแล้ว

   พอรถสองคันจอดใต้ตึกปุ๊บ ผมก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ยิ่งใกล้ห้องมากเท่าไหร่ เหมือนลมหายใจมันติดๆ ขัดๆ ไอ้เม่นท่าจะดูผมออก มันรีบกุมมือแล้วบีบเบาๆ อยากบอกเหลือเกินว่าเป็นแบบนี้เพราะมันนั่นแหละ ฮ่วย

   ไอ้อัธกดกริ่งหน้าประตูเรียกคนด้านใน ช่วงยืนรอ เหงื่อผมผุดขึ้นมาจากไหนก็ไม่รู้ มือที่จับกับไอ้เม่นก็ชุ่มไปหมดแต่มันก็ไม่ยอมปล่อย จังหวะที่ประตูห้องเปิดออก ผมแทบกลั้นหายใจ

   “ซื้อของเข้ามาหรือปะ...เปล่า เชี่ย” ไอ้กลอยถามหน้าระรื่นก่อนจะค่อยๆ เหวอแล้วแหกปากชี้นิ้วมาที่คนข้างๆ ผม “มึง...มึง” คราวนี้มันกราดนิ้วมาที่ผมที ไอ้เม่นที

   “หลีกๆ กูหนัก” ไอ้อัธแค้นเสียงขำในลำคอก่อนเดินแทรกแฟนเจ้าของห้องเข้าไปด้านใน เหลือแค่ผม ไอ้เม่น แล้วก็ไอ้กลอยที่อ้าปากค้าง

   ดูเหมือนสติเพื่อนรักผมจะเตลิด ไอ้กลอยมันขยับตัวให้ผมกับไอ้เม่นเข้าห้อง เมื่อกี้มันแค่เริ่มต้น ความฉิบหายมันต่อจากนี้ต่างหาก แค่ผมกับไอ้เด็กข้างๆ เข้าไปยืนด้านใน ทุกสายตาต่างก็พุ่งเข้ามาหา นั่นไม่น่าสนใจเท่าสายตาหนึ่งที่เหมือนหอกแหลมคมพุ่งเข้ามาปัก



   พูดได้แค่ห้าคำ...ฉิบหายละทีนี้

............................................................................

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ม่านเริ่มใจอ่อนแล้วอ่ะเด่....

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เอาจริงพี่ม่านนี่ใจดีกับน้องมากนะ ว่าแต่ตอนล่าสุดนี่ม่านจะรอดไหม จะรับมือได้ป่าวเนี่ย

ออฟไลน์ hyukkiemai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ม่านหลงเสน่ห์หญ้าแฟกเม่นแล้ววววววว 55555
พี่โชยเอาไงน่าาาาา
สนใจเพื่อนเจด้วยยวย

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
ม่านเริ่มรักเม่นแล้วละสิ :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

9




        ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกคนที่ถูกแต่งตัวเป็นเมียงูนั่งอยู่ในตู้กระจกแล้วคนต่างก็จ้องกดดันและพากันสงสัยแล้วล่ะครับ เพราะตอนนี้ผมก็ถูกจ้องมองแบบนั้น มีทั้งแปลกใจและสงสัย ที่แน่ๆ มีสายตาคู่หนึ่งจ้องแทบทะลุตัวผมไปหาคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง

   ไอ้เม่นขยับมายืนซ้อนหลังผมเพราะถูกพี่คณะอย่างไอ้กลอยจ้อง ผมว่า ไอ้กลอยก็มีส่วนที่ทำให้พี่โชจ้องเหมือนกัน ในเมื่อมันไม่ยอมเข้าห้อง มัวแต่จ้องมองน้องคณะ

   “มึงจะจ้องอีกนานไหมวะ” สุดท้ายผมก็ถามออกไป

   “กูจ้องมึงเหรอ” ไอ้กลอยตอบผม แต่ตามันจ้องไอ้เม่นนู้นครับ “เข้าไปๆ”

   ผมก้าวขาปุ๊บ เสื้อด้านหลังก็ถูกมือไอ้เม่นดึงทันที ไม่ใช่ดึงห้ามหรอกนะครับ แค่กำแน่นแล้วเดินตาม ไอ้นี่ก็น่าสงสารปนน่าสมน้ำหน้า อยากดื้อมาเอง เตือนแล้วก็ไม่เชื่อ

   “กลับไหม” เอียงหน้าไปถามคนด้านหลัง ไอ้เม่นส่ายหน้ารัวๆ ผมเลยได้แต่ถอนหายใจออกมา “ตามใจ” อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วล่ะครับตอนนี้

   ผมดันไอ้เม่นนั่งข้างไอ้อัธ ส่วนผมนั่งข้างไอ้ทูที่มันยังทำหน้าอึ้งไม่ขยับเขยื้อนร่างกายใดๆ คล้ายเมดูซ่าสาป ก็น้องคณะมันเหมือนกันนี่เนอะ แถมวีรกรรมก็เยอะยิ่งอีก ดูเหมือนสติจะเริ่มกลับเลยอ้าปากจะถาม แต่ก็ถูกพี่เบแฟนของมันปิดปากไปซะก่อน คงรู้สึกถึงรังสีโหดเหี้ยมจากพี่โช

   “แหมไอ้ม่าน ซุ่มนะมึง” ละความสนใจจากคนที่มันยังไม่ยอมปล่อยมือจากชายเสื้อผม คนที่ทักชื่อพี่ตินครับ เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าของห้อง น้ำเสียงกรุ้มกริ่มกับสายตาแวววาวแบบนั้น คิดอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากเรื่องกามๆ เท่านั้นแหละ

   “นี่มึงอินเทรนมีผัวเหมือนกันเหรอวะ” เสียงนิ่งๆ ดังขึ้นเรียกสายตาของทุกคู่ คนพูดแบบนี้ได้ มีแค่คนเดียว นั่นคือพี่จอม เพื่อนสนิทอีกคนของพี่โช ผมหันไปมองคนพูดที่ดูไม่ใส่ใจในความหมาย เพราะมัวแต่ปากอ้ารอพี่ซันแฟนของพี่เขาป้อนลูกชิ้นทอด “ร้อน ทำไมมึงไม่เป่าวะ” พี่ซันนี่โคตรอดทน ทนอารมณ์ไม่พอ ยังทนมือทนตีนพี่จอมอีก โคตรอยากยกนิ้วโป้งให้

   “กูว่า กูคุ้นหน้าผัวไอ้ม่านว่ะ พวกมึงคิดแบบนั้นไหม” พี่ตินยังคงไม่หยุดพูด แถมยังหันไปถามความเห็นคนอื่นอีก “คุ้นๆ เหมือนไอ้คนที่มีเรื่องกับ...” พูดพร้อมชี้นิ้วมาที่หน้าไอ้เม่น ก่อนเลื่อนไปหยุดชี้อยู่ที่หน้าเพื่อนตัวเอง “ไอ้โช...เชี่ยแล้ว”

   ความเงียบก่อตัวขึ้นทันที ผมโคตรกลัวเลยบอกตรงๆ

   “พะ พวกพี่ละก็ เด็กมันกลัวหมดแล้ว” ผมพูดขึ้น แม้จะพยายามหัวเราะ แต่มันช่างฝืดเหมือนหน้าเพิ่งฉีดโบท็อกซ์จนมันตึงยิ้มไม่ออก 

   “เด็ก? เด็กมึง? นี่มึงกับไอ้เด็กนี่ได้กันแล้วเหรอ” หันขวับไปมองพี่จอม พี่แกใช้ไม้จิ้มลูกชิ้นชี้หน้าผมกับไอ้เม่นสลับกันไปมา

   ผมหันไปมองหน้าคนที่พามาด้วย พยายามตีความหมายหาคำตอบที่จะไม่ทำให้ไอ้เม่นถูกเตะโด่งออกห้อง สุดท้ายผมก็เลือกที่จะช่วยมันก่อน ไม่อยากเห็นมันถูกกระทืบ ทำไมผมเป็นคนดีแบบนี้วะ

   “ไม่ได้มีอะไรกัน ก็แค่...ดูๆ” รับคำออกมา สร้างเสียงฮือฮารอบทิศทาง โดยเฉพาะ...

   “จริงดิ่ พี่พูดจริงใช่ป่ะ พี่ม่าน จริงๆ ใช่ไหม” เสียงมาพร้อมแรงเขย่าแขนเอาหัวสั่นหัวคลอน “พี่ม่าน”

   “เก็บอาการหน่อยไอ้เด็กแปลกหน้า เดี๋ยวน้องกูหัวหลุด” พี่จอมเขวี้ยงไม้เสียบลูกชิ้นใส่ไอ้เม่น มันปล่อยมือจากแขนผม แต่ปากกับตามันยังยิ้ม “ออกตัวแรง สมแล้วที่เป็นน้องรักกู”

   อยากหัวเราะให้กับคำชมของพี่จอม แต่ผมขำไม่ออกว่ะ ถึงแม้จะรู้สึกว่ารังสีเข้มข้นในห้องค่อยๆ จางลง แต่พี่โชก็ยังคงจ้อง มีไอ้กลอย ไอ้ทู อีก เรื่องมันไม่จบง่ายๆ แน่ ชีวิตไอ้ม่านทำไมวุ่นวายและปวดหัวขนาดนี้

   จากเรื่องน่าอึดอัดที่ผ่านไปไม่กี่นาที ตอนนี้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อพี่แทมก้าวขาเข้าห้องมาเพิ่มอีกคน ห้องนี้เลยหาความสงบเงียบไม่ได้อีกเลย ช่างน่ายินดี

   “ไอ้ม่าน” เสียงกระซิบจากเพื่อนสุดเกรียนของผม ไอ้กลอยใช้สายตาสั่งให้ผมลุกตามมัน แต่พอผมขยับ ไอ้เด็กข้างๆ มันก็เตรียมขยับด้วย

   “อยู่นี่แหละ เดี๋ยวมา” ผมบอก

   “พี่ไปไหนอะ ทิ้งผมเหรอ” ไอ้เม่นทำหน้าทำตาเหมือนหมาเหงาเอาซะผมหันไปมองหน้าเพื่อนตัวเอง “พี่ม่าน”

   “กูไปแป๊บเดียว โอเค๊” ตบบ่ามันปุๆ ก่อนจะลุกตามไอ้กลอยมาที่เคาน์เตอร์โซนครัวของห้อง “อะไร”

   “มึงกับไอ้นั่น...คบกันจริงๆ เหรอวะ” ไอ้กลอยขมวดคิ้วถาม “เอาจริงๆ นะมึง กูซีเครียด”

   “ซีเรียสหรือเปล่าวะ” ผมแก้คำผิดให้ แต่ไอ้คนพูดมันส่ายหน้า

   “มันคือคำบวกกันระหว่างซีเรียสกับเครียดเว้ย” แทบกรอกตาบนให้เพื่อนตัวเกรียน “มึงคบมันจริงๆ เหรอวะ”

   “ไม่รู้” ตอบออกไปส่งๆ ไอ้กลอยเบิกตาโต “กู...”

   “นี่ไอ้ม่านเพื่อนคู่เกรียนของกูจริงหรือเปล่า” ผมกำลังจะอ้าปากพูดกลับถูกขัดขึ้น ไอ้กลอยมันจับผมหมุนไปมาเล่นเอามึนไปหมด “ไอ้ม่านที่เคยเฮฮาของกู ใช่มึงเหรอวะ”

   “เวียนหัวเว้ย” ผมแหกปากแข่งกับเสียงเพี้ยนๆ ของกลุ่มชอบไมค์ “กูก็ไอ้ม่านนั่นแหละ”

   “ไม่จริง มึงนิ่งเกินไปเหมือนไม่ใช่...หรือมึงถูกผีสิง”

   “สิงบ้านพ่องมึงสิ” ตบหัวไอ้กลอยเต็มมือ มันส่งสายตาค้อนดูน่ารักปนน่าถีบ “กู...แค่ไม่ชิน มึงก็รู้ว่ากูเคยมีคนมาจีบที่ไหน”
 
   “กูลืมไป ว่ามึงเป็นพวกไร้เสน่ห์แบบกู” ความมั่นหน้าให้มันเถอะครับ “แล้วมึงคบมันจริงเหรอวะ”

   “ถามกูรอบที่ร้อยแล้วไอ้ห่า”

   “ย้ำเพื่อความมั่นใจไง แม่ง คู่เกรียนของกูจะมีแฟนทั้งที” ผมแค้นเสียงหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นหน้าเพ้อฝันของเพื่อน “มึงต้องขอบคุณกูนะ กูชักนำความรักให้มึง กูนี่มันคิวปิดชัดๆ ว่ะ ฮ่าๆ อ่าว ไอ้เชี่ยม่าน”

   ผมเดินหนีไอ้คนหลงตัวเองมานั่งข้างไอ้เม่นตามเดิม มันกำลังถูกมอมเหล้าจากทั้งวง โดยเฉพาะพี่จอม มีไอ้อัธชนแก้วด้วยเป็นระยะ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ยังจ้องมอง แม้จะน้อยครั้งก็ตาม

   “กลับไหม” ผมถามไอ้เม่น มันวางแก้วเหล้าลงบนพื้นปุ๊บ มือของไอ้อัธก็รีบดึงแก้วไปให้พี่จอมชงใหม่ทันที มีการทำงานเป็นทีมเว้ย แต่แม่ง ใส่เหล้าเยอะเหี้ยๆ 

   “แล้วแต่พี่ม่านเลย ผมยังไงก็ได้” ตอบกลับน้ำเสียงปกติ ไอ้เม่นคอแข็งนี่หว่า

   “เชื่อฟังกูจริงนะ” ผมว่า “พวกพี่หยุดมอมเหล้ามันได้แล้ว เดี๋ยวก็ตายห่าพอดี” หันไปโวยวายรุ่นพี่ที่ชงเหล้าแทบไม่ผสมน้ำหรือโซดา ถ้าจะชงแบบนี้ให้มันกินเพียวๆ ยังจะดีซะกว่า

   “อะไรของมึงฮะไอ้ม่าน มึงหวงเหรอ หวงเด็กกับพี่มึงเหรอ นี่กูพี่จอมพี่มึงนะ” เพราะขัดเลยถูกน้ำแข็งปาใส่หัว แล้วน้ำแข็งก้อนนั้นก็กระเด็นลงไปนอนในถ้วยต้มยำซึ่งพี่ตินตักเข้าปากด้วยใบหน้าแสนฟิน

       ขอให้อร่อยนะครับ ผมสระผมแล้วเมื่อวาน   

   “ไม่ได้หวงครับพี่ครับ แต่กลัวมันตาย พวกพี่คอแข็งยิ่งกว่าคอนกรีตอีก” พูดตามความจริง พี่ซันถึงกับยกนิ้วโป้งให้ผมทันที “ผมจะกลับแล้ว”

   “อะไรใครจะกลับ ไอ้ม่าน มึงจะกลับได้ไง มาไม่ถึงชั่วโมงมึงจะกลับไม่ได้” พี่แทมว่า แต่จะดีกว่านี้ถ้าพี่แกไม่ตะโกนใส่ไมค์ เล่นเอาไมค์หอนจนหูแทบหนวก

   “พวกมึงอย่าไปขัด ข้าวใหม่ปลามัน ซัดกันนัวเนีย กูรู้ กูเห็น หึๆ” สายตากรุ้มกริ่มของพี่ตินเหมือนตอนแรกที่ผมเห็นเป๊ะ ความคิดที่มีแต่เรื่องใต้เข็มขัดตลอดๆ

   “ไม่ใช่เว้ย พวกพี่คิดแต่เรื่องไม่ดีว่ะ” ผมส่ายหัวเอือมๆ ให้กับรุ่นพี่ร่วมสถาบัน ไม่สิ ต้องเป็นอดีตเพราะพวกพี่ๆ จบกันไปแล้ว “พรุ่งนี้ผมมีประชุมรุ่น”

   “ประชุมรุ่นหรือจะไปชุลมุนยุ่งบนเตียงวะ” แทบอยากยกมือกราบพี่เบให้หยุดพูด เรื่องใต้เข็ดขัดไว้ใจพวกนี้ได้ครับ ทุกเรื่องสามารถเชื่อมโยงได้

   “ผมกับไอ้นี่ยังไม่ได้กันครับ อย่าเพิ่งคิดไปไกล” รีบอธิบาย พลางหันไปหาไอ้เม่นให้มันแก้ตัวบ้าง แต่มันกลับยิ้มตาหวานมองมาแทน “เดี๋ยวกูจิ้มตาบอดไอ้สัด”

   “โหดว่ะ” ไอ้เม่นเปรยออกมา เล่นเอาทุกคนในห้องหัวเราะท้องแข็ง เชี่ยเอ้ย

   “กลับๆ ลุกสิวะ” โมโหครับ ไม่มีคนเข้าข้าง

   ระหว่างที่ไอ้เม่นกำลังจะเดินตามผม พี่โชกลับเดินมาขวางพลางชี้นิ้วสั่งไอ้เม่นไปที่ระเบียง ทุกคนในห้องจากที่ส่งเสียงโวยวายเริ่มเงียบ สงครามกำลังจะปะทุแล้วครับ

   “พี่มีอะไรกับไอ้เม่นเหรอครับ” ใจกล้าไหมล่ะผมน่ะ พอถามจบปุ๊บ ถูกสายตาโหดเหี้ยมตวัดมองทันที พี่โชโคตรน่ากลัว

   “กูไม่ฆ่ามันหรอก” น้ำเสียงเย็นกว่าแอร์อีก ขนาดไอ้กลอยยังอ้าปากค้างไม่กล้ายุ่ง “ตามกูมา”

   ผมและทุกคนในห้องต่างก็มองตามร่างสูงใกล้ๆ กันออกไปนอกระเบียง ด้วยความโหดของสายตาพี่โชสะกดให้ทุกคนนั่งอยู่กับที่ไม่มีใครกล้าขยับตาม

   ไอ้เม่นจะตายไหมนี่ กูต้องสวดมนต์ให้มึงใช่ไหมวะ

   “พี่โชไม่ฆ่ามันหรอก มึงสบายใจได้” แรงตบที่บ่ากับเสียงให้กำลังใจของไอ้กลอยไม่ทำให้ผมสบายใจนักหรอก ก็เพราะรู้ฉายาตีนโหดกระทืบแหลกของพี่โชมามากไง มีแต่ตายกับตายเท่านั้น

   “ไอ้เม่นไม่ตายแต่อาจสาหัสใช่ไหมวะ” ถามโดยไม่หันไปมองหน้าเพื่อนสนิท ไอ้กลอยหัวเราะออกมา “ขำพ่อง”

   “ปีศาจของกูไม่โหดร้ายขนาดนั้น คิดมาก กินเหล้าๆ” เบ้ปากใส่เพื่อนสนิท ผมรู้หรอกว่ามันจะรีบกินให้เกินข้อตกลงห้าแก้วอะไรนั่น

   ภายในห้องกลับมาคึกคักเหมือนเดิม แต่ผมไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมสักเท่าไหร่ มันรู้สึกพะวง สายตาก็คอยมองออกไปนอกระเบียงทั้งที่ผ้าม่านบังมิดก็เถอะ

   “อย่าห่วงเลย” เสียงไอ้อัธลอยเข้ามากระทบหู ใบหน้านิ่งๆ ของมันเริ่มมีรอยยิ้มบางๆ ส่งมาให้ผม

   “แดกมากเดี๋ยวก็ไปเคาะห้องมั่วอีกหรอกมึง” ผมแขวะ

        ไอ้อัธเพิ่งย้ายเข้าคอนโดใหม่ครับ ห้องใหม่ของมันดันอยู่ตรงข้ามกับห้องไอ้เจ แล้วดันมีประเด็นว่า ไอ้อัธเมาหิ้วสาวไปเปิดประตูห้องไอ้เจ แต่เปิดไม่ได้มันก็เคาะห้องโวยวายเสียงดังว่าขโมยขึ้น จนไอ้เจเปิดออกมา เท่านั้นแหละ จากที่กรึ่มๆ แทบกลับมาเป็นปกติ สงสัยตกใจเจอหุ่นแห้งๆ ของไอ้เจ มันเป็นพวกถอดเสื้อผ้านอน ตอนได้ยินผมหัวเราะจนไส้ติ่งแทบระเบิด 

   “ชอบจังนะ ซ้ำกูเนี่ย” คุณชายอัธผู้มีระเบียบทำหน้างอโคตรน่ารัก

   “กูซ้ำเพื่อนอัธตอนไหนกัน ไม่มี๊” เสียงสูงโคตรจริงใจว่ะ

   “หึ โน่น เด็กมึงมาละ” 

   รีบหันไปมองทันทีที่ได้ยิน พี่โชเดินหน้านิ่งเข้ามาก่อน ส่วนไอ้เม่นเดินตามหลัง ผมสำรวจหน้าตากับลำตัวของมัน  มีอะไรบุบหรือช้ำบ้างหรือเปล่าวะเนี่ย ไอ้เม่นเดินยิ้มเข้ามานั่งข้างผมต่อ พอมาอยู่ใกล้ ผมก็รีบจับแขนจับหน้ามันสำรวจ

   “ไอ้ม่าน กูไม่ได้กระทืบ” เสียงพี่โชมาพร้อมก้อนน้ำแข็งก้อนเล็กๆ

   “ใครจะไปรู้เล่า” หน้างอใส่แฟนของเพื่อน “ฉายาพี่ก็ไม่ธรรมดา” ผมว่า ไอ้กลอยถึงกับยกนิ้วโป้งให้แต่มันกลับถูกแฟนมันดึงแก้มจนยืดแทน ผมเลิกสนใจเจ้าของห้องมามองไอ้เด็กข้างๆ ซึ่งไอ้เม่นก็จ้องหน้าผมอยู่ “อะไร”

   “พี่จับมือผมอยู่” คำบอกเล่าพร้อมสายตาและความรู้สึกที่มือ

   “เชี่ย” รีบดึงมือกลับ แต่ถูกบีบแน่นจนชักออกไม่ได้ “ปล่อยสิวะ” กัดฟันพูดเพราะกลัวคนในห้องได้ยิน แต่คนบีบแน่นไม่ยอม แถมยังออกแรงดึงให้ผมเซไปจนนั่งชิดอีก

   “พี่จับก่อนนะ” รอยยิ้มโคตรเจ้าเล่ห์

   “เออ” ถลึงตาใส่ ไอ้เม่นก็ขำ “กลับไหม”

   “พี่อยากกลับ ผมก็กลับ” พยักหน้าให้กับคำตอบ ผมเอ่ยลาพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคน ไม่สนคำหยอกล้อหรือแซวแรง เพราะพวกนี้ถ้าเกิดเราต่อล้อต่อเถียง เรื่องมันจะไม่จบ เพราะสุดท้าย เรื่องที่พูดมันจะอยู่ใต้เข็ดขัด

   ผมเดินนำไอ้เม่นออกมาจากตึก เห็นมันเดินช้าเลยต้องหยุดรอ

   “เดินช้า” ผมว่า คนเดินช้ายิ้มพรายออกมา

   “พี่รอผมเหรอ ดีใจจัง” เบื่อรอยยิ้มของไอ้เม่นแล้วเนี่ย จะยิ้มทำไมบ่อยวะ (เริ่มพาล)

   “กูไม่รอมึง แล้วจะทำยังไงกลับ” หนึ่งในเหตุผลที่รอ ส่วนเหตุผลอื่นๆ ไม่บอกหรอก

   “ดีใจอยู่ดี” เบ้ปากใส่ ก่อนไอ้คนที่เดินช้าจะรีบก้าวมาหา ไอ้เม่นยื่นมือมาจับมือผมแน่น “กลับกันเถอะ”

   แม้ระหว่างประตูคอนโดไปถึงตัวรถจะอยู่ใกล้ แต่ทำไมผมรู้สึกว่ามันโคตรไกล อ่อ รู้แล้ว เพราะไอ้เม่นมันพาผมเดินอ้อมไปอ้อมมา แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะได้กลับ พอผมท้วงมันก็หัวเราะแล้วพาไปที่รถ ไอ้นี่กวนได้โล่

   รถยนต์คัมรี่ถูกขับเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ภายในรถ เจ้าของเปิดเพลงสบายๆ บวกกับแอร์เอาซะผมเคลิ้มแทบหลับ

   “หิว” ผมว่า มือเริ่มลูบท้อง คงเพราะเมื่อกี้กินกับแกล้มไปนิดเดียว นอกนั้นเหล้าล้วนๆ ไอ้เม่นไม่ตอบไม่พูด แต่หักเลี้ยวเข้าจอดข้างทางที่มีร้านบะหมี่ “มึงต้องกลับบ้านไหม” ถามขณะปลดเข็มขัด

   “ตอนแรกก็จะกลับ แต่ตอนนี้ไม่กลับแล้ว” ผมเลิกคิ้วมองคนที่ดูเงียบๆ ไป ทำไมผมรู้สึกว่า ไอ้เม่นแปลกๆ หลังจากคุยกับพี่โช “พี่มองหน้าผมทำไม”

   “มึงเป็นอะไร เห็นเงียบๆ ตั้งแต่ออกจากห้องมาแล้ว” ถามแล้วจ้องหน้ากดดัน ไอ้เม่นยิ้มก่อนยื่นมือมาดีดหน้าผากผม “กูรุ่นพี่มึงนะเว้ย” ดีดมาไม่ออมมือเลย

   “ผมแค่กำลังคิดว่าจะทำยังไงกับพี่ดี” ขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน “พี่หิวไม่ใช่เหรอ”

   “เออๆ” ผมว่า แต่มือยื่นไปดึงแขนคนที่กำลังจะก้าวขาลงรถ ไอ้เม่นหันมามองด้วยความสงสัย “มีเรื่องอะไรก็บอกกูด้วย กูไม่อยากตกข่าว โอเค๊”

   “ครับๆ” ไอ้เม่นหัวเราะร่วนแล้วลงรถไป ผมรีบตามมันลงมา ร้านบะหมี่ข้างทางดูธรรมดาแต่รสชาติอร่อยสุดแล้วผมว่า อร่อยกว่าร้านอาหารบางที่ซะอีก





   กว่าจะกินบะหมี่เสร็จ แล้วกว่าจะถึงห้องก็ปาไปค่อนคืน ผมแทบทิ้งตัวนอนหลับเพราะขี้เกียจอาบน้ำ แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ในเมื่อแขนถูกฉุดดึงพร้อมคำสั่งให้อาบน้ำ นี่ขนาดผมเป็นรุ่นพี่มันยังสั่งขนาดนี้ ถ้าหากผมเป็นรุ่นน้องของมัน มีหวัง...ตายหยั๋งเขียด

   ผมอาบเสร็จไอ้เม่นก็เข้าต่อ เพราะความร้อนทำให้สระผมแล้วมาลำบากต้องเปิดพัดลมเป่า ขนาดไอ้เม่นออกมาแล้วผมของผมยังไม่แห้งเลย

   “พี่ทำไมไม่เป่าไดร์ แบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้นอน”

   “นี่มันกี่โมงแล้ว ขืนเป่าไดร์ ข้างห้องได้มาด่าพอดี เป่าพัดลมนี่แหละ เดี๋ยวก็แห้ง” ปากก็ว่า มือก็เช็ดผม “มึงง่วงก็นอนก่อนเลย...” แขนที่รัดมาจากด้านหลังทำให้ผมหยุดพูด ไอ้เม่นมานั่งซ้อนหลังตั้งแต่เมื่อไหร่

   “พี่ม่าน” เสียงทุ้มชิดข้างหูกับคางแหลมที่วางบนบ่าทำเอารู้สึกขนลุก

   “ไอ้เหี้ย กูขนลุก” ผมว่า พยายามสะบัดแต่อ้อมแขนนั่นรัดแน่นจนต้องยอมอยู่นิ่ง “เป็นอะไรของมึงเนี่ย”

   “ผมคิดได้แล้วนะ” เอียงหน้าได้นิดเดียวแก้มก็ชนกับจมูกโด่งๆ ของไอ้เม่น เสียงหัวเราะขึ้นจมูกของมันแทบอยากตบหัว “ตอนนี้ผมจะรุกพี่อย่างหนัก พี่ต้องเป็นของผมคนเดียว”

   “ห๊ะ” ตกใจยิ่งกว่าถูกมันกอดตอนนอนครั้งแรกซะอีก

   “ที่พี่ถามว่า ทำไมผมเงียบไปหลังจากคุยกับพี่โหดนั่น” อยากขำที่มันเรียกพี่โชว่าพี่โหดแต่บรรยากาศคงไม่เหมาะ เลยเลือกจะเงียบรอฟังมันต่อ “พี่เขาถามผมว่า ผมชอบพี่จริงๆ หรือแค่อยากหาเพื่อนแก้เหงา”

   “แล้วมึงว่าไง เชี่ย” ถูกกัดแก้มเฉย

   “ฟังผมเล่าก่อน ห้ามขัด” แทบอยากด่าแต่กลัวถูกกัดอีก แม่งกัดจริงๆ ด้วยนะ ชาติก่อนคงเกิดเป็นหมา “พี่เขาให้ผมลองคิดทบทวนว่าเพราะพี่ม่านเป็นเพื่อนของพี่กลอยหรือเปล่า เพราะผมอยากเอาใจพี่กลอยหรืออยากเรียกร้องความสนใจไหม”

   “อืม แล้ว” แอบเอียงหน้าหนีกลัวถูกมันกัด

   “ผมก็มาคิดแล้วคิดอีก นั่งก็คิด กินก็คิด ยืนก็คิด ขี้เมื่อกี้ก็ยังคิด” เกือบดีอยู่แล้วเชียวไอ้ประโยคเมื่อกี้ “ผมถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนตอนนี้ได้คำตอบแล้ว...พี่ม่านครับ”

   “อะไร” ทำไมรู้สึกระแวงคำพูดที่จะได้ยินต่อจากนี้วะ แถมใจยังเต้นอีกต่างหาก ไอ้คนที่ซ้อนกอดผมคงจะรู้สึก ในเมื่อแขนของมันวางพาดตรงหัวใจของผมพอดี

   “หัวใจพี่เต้นโคตรแรง” เกลียด...เกลียดน้ำเสียง เพราะมันทำให้ผมใจเต้นแรงกว่าเดิม ไอ้เชี่ย

   “กูก็คนไหมล่ะ หัวใจไม่เต้นกูก็ตาย” พูดติดตลกไปงั้น เผื่อหัวใจจะเต้นเบาลง “รีบๆ พูด กูง่วง”

   “ผมชอบพี่” โดนจู่โจมจนแทบเซ ขนาดเคยได้ยินมาหลายครั้งแล้วนะ

   “บอกหลายครั้งแล้ว กูจำได้” ทำให้เหมือนชิน แต่รู้สึกใจเต้นทุกครั้งที่ได้ยิน

   “ไม่เหมือน เพราะคราวนี้...” อ้อมแขนที่รัดคลายออก ก่อนผมจะถูกหมุนให้หันหลังกลับ ตอนนี้สายตาที่จับจ้องมาดูอ่อนโยน มือของผมถูกดึงไปวางอยู่บนหน้าอกของคนตรงหน้า “คราวนี้...มันออกมาจากหัวใจ”


   หัวใจที่ผมจับอยู่ก็เต้นแรงไม่แพ้ผมเลย


   “เอ่อ...” ถึงกับหาเสียงตัวเองไม่เจอ

   “รู้สึกไหม หัวใจผมก็เต้นแรง” พยักหน้าตอบ “มันเต้นแรงก็เพราะพี่ ผมระ...”

   “อย่าพูดว่ารักเพราะเราเพิ่งรู้จักกัน” ผมรีบยกมืออุดปากไอ้เม่นก่อนที่มันจะพูดจบ “สำหรับกู คำว่ารัก ถ้าพูดออกมาง่ายๆ ไม่นานก็จะจากไปอย่างง่ายๆ มึงเข้าใจที่กูพูดใช่ไหม”

   “แล้วเมื่อไหร่ผมถึงจะบอกได้ล่ะ” ไอ้เม่นเริ่มงอแง มันยู่ปากเหมือนเด็กถูกขัดใจ


   ไอ้คนจริงจังเมื่อกี้หายไปไหนวะ


   “เมื่อถึงเวลาของมันนั่นแหละ” สะบัดมือให้หลุดแต่ก็ถูกดึงไปจับอยู่ดี

   “ขอบคุณนะที่ยอมคบกับผม”

   “บอกตอนไหนว่าจะคบ”

   “พี่ไม่ได้บอก แต่หัวใจพี่บอก ผมรู้”

   “ไอ้บ้า” ปากด่ามันแต่ก็อดยิ้มไม่ได้ ยิ่งได้เห็นไอ้เม่นยิ้มจนตาหยีก็ยิ่งทำให้หยุดยิ้มไม่ได้ “ไปนอนไป๊”

   “แล้วพี่ล่ะ”

   “ผมกูยังไม่แห้ง” ข้ออ้าง แท้ที่จริงเขินมันอยู่

   “ไม่เป็นไร ผมรอได้” ไอ้เม่นขยับตัวไปนอนเหยียดยาวบนเตียงโดยวางหัวบนฝ่ามือและใช้ข้อศอกค้ำกับเตียงมองผมตาแป๋ว “พี่ม่าน”

   “เรียกทำไม”

   “ผมไม่อยากเรียกพี่ว่าพี่เลย”

   “อยากพูดกูมึงกับกูเหรอ” เหล่ตาไปมอง ไอ้เม่นรีบส่ายหน้าแรงๆ

   “ไม่ใช่ๆ ผมแค่คิดว่า อยากมีคำเรียกที่ใช้แค่เราสองคน พวกพี่กลอยก็เรียกชื่อพี่ว่าม่าน ส่วนที่มหาลัยพี่ก็เรียกมู่ลี่” อยากขอบคุณที่มันเรียกชื่อมู่ลี่ ไม่ได้มาแค่มู่เหมือนพวกไอ้เจ

   “จะให้เรียกอะไร” ทำไมผมต้องขมวดคิ้วคิดชื่อที่จะเรียกด้วยเนี่ย นี่ผมเต็มใจคบมันแล้วเหรอวะ

   “อืม...” ไอ้เม่นกัดริมฝีปากล่างดูเซ็กซี่ ไม่สิ มันทำเพราะกำลังใช้ความคิดมากกว่า “รู้แล้ว ผมจะเรียกพี่ว่าบี๋ที่ย่อมาจากเบบี๋”

   “เบบี๋พ่อง” ใช้ผ้าเช็ดผมฟาดขาคนคิด ไอ้เม่นหัวเราะก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่ง
 
   “น่ารักจะตาย ส่วนพี่ก็เรียกผมว่าเบ๊”

   “ย่อมาจากอะไรอีก”

   “ไม่ย่อ”

   “เบ๊ที่หมายถึงคนรับใช้อะนะ” ไอ้เม่นพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “มึงจะเป็นคนใช้กูเหรอ”

   “เบ๊หมายถึงทาส เพราะผมเป็นทาสของพี่ ทาสความรัก”

   “ไอ้เพ้อ นอนไปเลย” อดไม่ได้ที่จะหัวเราะไปพร้อมคนอยากเป็นเบ๊

   “ไม่เอา เบ๊จะรอบี๋”

   “ขนลุกสัด”

   “บี๋อะ ไม่โรแมนติกเลย มามะ มานอนข้างเบ๊”

   ผมคลานขึ้นเตียง ไม่ใช่ไปนอนข้างๆ อย่างที่มันตบให้นอนหรอกนะ แต่ขึ้นไปคว้าหมอนฟาดหน้าแทน ไอ้เม่นกลิ้งหนีจนตกเตียง มันคงลืมว่าเตียงผมไม่ได้กว้างใหญ่พอให้คนตัวใหญ่กลิ้งเล่น

   “สมน้ำหน้า”

   “บี๋ใจร้าย แต่เบ๊ก็รัก จุ๊บๆ”
 
   แล้วผมต้องทำยังไงให้ไอ้เด็กที่อยากเป็นทาสความรักของผมเนี่ย ไอ้ม่านเขิน เอ้ย ปวดหัว


........TBC

.........................................................................................



ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ดีใจที่กลับมา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด