พี่ครับ...ไอเลิฟยู >ตอนพิเศษ กลับบ้านเรา รักรออยู่< [P.5] Up!! // [07/11/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >ตอนพิเศษ กลับบ้านเรา รักรออยู่< [P.5] Up!! // [07/11/60]  (อ่าน 54342 ครั้ง)

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เม่นน่าสงสารรรรรอ่ะ

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

16




        “โคตรน้ำเน่าว่ะ” ไอ้เจออกความคิดเห็นหลังจากผมปรึกษามันเรื่องไอ้เม่น เรียนเช้าเสร็จผมก็ติดรถมันมาที่คอนโดมัน ก่อนมาโทรบอกสารถีเรียบร้อยว่าให้มารับที่ไหน “ชีวิตแม่งโคตรละครสัดๆ”

   “กูก็คิดแบบนั้น แต่พอดีกูเห็นเองกับตาไง ถ้าไม่เห็นก็คิดว่าแม่งโม้แน่นอน” ผมย่นคิ้วบอก ภาพยังติดตาอยู่เลยนะ

   “มึงนี่ก็กล้าเกินกว่าที่กูคิดอีก ตอนนั้นไม่กลัวเหรอวะ ถ้าเกิดลุงมันส่งตีนมากระทบหน้าเหี้ยๆ ของมึงน่ะ”

   “ตอนนั้นกูลืมคิดไง มาคิดได้ทีหลัง ดีที่ลุงมันตกใจที่กูเถียง”

   “บ้าบิ่นจริง ไอ้มู่เพื่อนกู”

   “เขาเรียกคนจริงเว้ย”

   “คนบ้าต่างหาก”

   ผมเลือกที่จะคุยกับไอ้เจเพียงคนเดียว ไม่ใช่เพื่อนคนอื่นไม่ดี แต่เพราะเรื่องบางเรื่อง รู้น้อยมันจะดีมากกว่า อย่างที่เขาว่า คนมากก็จะมากเรื่อง

   “แล้วมันจะเอาไง จะตัดขาดตายายได้เหรอวะ” คำถามนี้โคตรยาก ไม่ใช่เพราะคิดยากนะ แต่เพราะผมไม่ใช่ไอ้เม่น จะไปรู้ความคิดมันได้ไงเล่า “ที่แน่ๆ มึงนั่นแหละ ตัวปัญหา”

   “ทำไมวะ”

   “ก็มันเอามึงเข้าบ้านแล้ว หลานชอบเพศเดียวกันนะเว้ย สังคมบางที่ มันไม่ได้เปิดกว้างขนาดนั้น”

   ผมคิดตามคำพูดของเพื่อน สังคมของมันกับผมก็ต่างกันจริงๆ คิดแบบนั้นแล้ว นึกถึงไอ้กลอยเลยครับ สังคมของมันกับพี่โชก็โคตรต่างกัน แต่ทำไมมันบรรจบกันได้วะ

   “คิดมากปวดหัวว่ะ เลิกคิดๆ” ยีหัวตัวเองจนผมยุ่ง ขนาดเรื่องเรียนเรื่องสอบยังไม่ปวดหัวเท่านี้ “ว่าแต่ มึงจะไปแดกเหล้าป่ะ ที่ไอ้เกมส์นัดคืนนี้”

   “ไม่ว่ะ ขี้เกียจ” ไอ้เจนอนเหยียดยาวบนเตียงสีขาวของมัน สภาพเฮดว๊ากที่แต่งตัวเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าหายไปแล้ว เหลือแค่ไอ้คนกาก แต่งตัวโคตรโทรม ไม่รู้กางเกงมันซักบ้างหรือเปล่า

   ระหว่างที่ผมกำลังเปิดหน้าหนังสือการ์ตูน เสียงข้อความก็ดังขึ้น คนส่งคือสารถีที่บอกรออยู่ด้านล่างตึกแล้ว ช่วงนี้ต้องทำตัวดีกับมันหน่อย ชีวิตมันดราม่ามากเกินไป ให้พบกับสิ่งดีๆ อย่างเช่น คนดีแบบผมบ้าง

   “เชี่ยเจ กูกลับนะ” สะกิดขายาวๆ ของมัน ไอ้เจเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะลุกขึ้น “จะไปส่งกูเหรอ”
 
   “กูจะไปล็อกห้องตอนมึงออก”

   “ไอ้เหี้ย” เอาจริงๆ มันก็มาส่งหน้าห้องนั่นแหละครับ เพื่อนผมนิสัยดีนะ แม้ปากมันจะวอนโดนกระทืบมากไปหน่อย ไอ้เจยืนพิงกรอบประตูหลังจากผมออกมาจากห้อง กำลังจะอ้าปากบอกลา แต่คนที่เดินตรงมาหากลับทำให้ผมต้องขมวดคิ้วและส่งเสียงทักแบบเบาๆ ไป “ไอ้อัธ”

   “อ่าว มึงมาทำไมไอ้ม่าน” เพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยมเอ่ยทัก หน้าตามันดูเบลอๆ สงสัยจะเพิ่งสอบมา มือมันถือถุงกระป๋องน้ำมึนเมามีฟอง ร้ายนะเนี่ย แอบกินคนเดียวไม่แบ่งเพื่อน

   “กูมาห้องไอ้เจ แล้วมึงล่ะ” ผมชี้ไอ้เจที่ยังยืนพิงประตู

   “นี่ห้องกู” คำตอบกับนิ้วที่ชี้ไปด้านข้างยิ่งทำให้ต้องขมวดคิ้วหนัก

   “ห้องมึง? ตรงข้ามห้องไอ้เจเนี่ยนะ? มึงย้ายคอนโดตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่อง”

   “เป็นเมียกูหรือไงถึงต้องบอก” ปากคอเราะร้ายจริงๆ “กูเห็นเด็กมึงรออยู่ข้างล่าง”

   “เออ กูก็กำลังจะลงไป แต่มึงย้ายคอนโดไม่บอกเพื่อนเลยนะ กูแม่งน้อยใจ เชี่ย” ถูกไอ้เจตบหัวซะหน้าคว่ำ

   “รีบๆ ลงไป เดี๋ยวเด็กมึงงอแงหรอกไอ้ห่ามู่” ตวัดมองไอ้เจอย่างขุ่นเคือง ทำไมผมมีแต่เพื่อนปากร้ายวะ

   “ไล่กูจัง หรือพวกมึงมีซัมติงกันไม่บอกกู อย่าให้กูรู้นะมึง” ผมหรี่ตามองเพื่อนสองคนสลับกันไปมา เลยถูกฝ่ามือสองขนาดตบหน้าคว่ำ แม่งเอ้ย สมองไหลหมด “ตีนหนักโคตร” ว่าแล้วก็วิ่งครับ ไม่วิ่งก็ถูกกระทืบน่ะสิ เห็นขาไอ้อัธยกแล้วด้วย

   เรด้าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ นี้ผมไม่มีอย่างไอ้กลอยหรอก ขนาดเรื่องไอ้เม่นผมยังเอ๋อๆ เด๋อๆ อยู่เลย





   ผมลงลิฟต์มาก็เจอไอ้เม่นยืนพิงกำแพงรออยู่ พอเห็นผมมันก็ยิ้มโบกมือทักทาย มันคงไม่คิดว่าผมจะเห็นหน้าตาบึ้งตึงของมันเมื่อกี้ ไม่รู้มีอะไรในใจหรือเปล่า ดูเครียดพิกล

   “เป็นไร ทำควิซไม่ได้เหรอ” ถามขณะเดินตามหลังมันไปที่รถ ไอ้เม่นส่ายหัวเบาๆ “แล้วเป็นไร”

   “พี่เป็นห่วงเม่นเหรอ” ยังมีหน้ามาย้อนถาม

   “เออ” กระแทกเสียงใส่ ไอ้เม่นเลยขำออกมา มันยื่นมือมาขยี้หัวซะผมของผมฟู “กูรุ่นพี่มึงนะ” ด่ามัน หลังปัดมือมันออก

   “จะรุ่นพี่หรือแฟนก็คนๆ เดียวกันนั่นแหละ เม่นไม่ถือ” เออ เอากับมันสิ “เม่นนอนคิดมาทั้งคืน เรียนก็คิด ยืนรอเมื่อกี้ก็คิด” อยู่ๆ มันก็พูดออกมา ผมก็ทำหน้ามึนงง ไม่รู้มันจะสื่ออะไร “เม่นตัดสินใจแล้ว ว่าจะไปคุยกับยายตรงๆ”

   “ก็ดีนะ จะได้เคลียร์”

   “เคลียร์ที่เป็นวงดนตรีเหรอ”

   “ไม่ใช่เว้ย ยี่ห้อแชมพูต่างหาก ถุย ไอ้ห่า กูอุตส่าห์จริงจัง”

   “เม่นไม่อยากให้พี่ม่านเครียดไง”

   เลิกเถียงเพื่อสนใจเส้นทางถนน ถนนรถที่วิ่งนี่เหมือนไม่ใช่ทางกลับหอผมนะ “จะไปไหน...อย่าบอกว่าจะพากูไปหายายมึง”

   “ครับ”

   “อ่อ เชี่ย ไม่ไปแล้วโว้ย ไปส่งกูก่อน ไม่ก็จอด กูจะขึ้นรถกลับเอง” โวยวายสิครับ ใครจะอยากไปเจอแบบนั้นอีก แค่ครั้งเดียวก็ไม่ไหวแล้ว ไม่รู้พวกนั้นอยู่ไปได้ยังไง บ้านหลังใหญ่แต่มีตัวอิจฉายั้วเยี้ยเต็มไปหมด

   “ครับ” ว่าง่ายเฉย ไอ้เม่นตบไฟเลี้ยวแล้วเข้าจอดเทียบฟุตบาท ผมกำลังจะเปิดประตูลงไป แต่ภาพตอนมันถูกต่อยแวบเข้ามาทำให้ชักประตูกลับ “พี่ไม่ลงล่ะ” มันคงเห็นผมนั่งเฉย

   “เปลี่ยนใจละ จะไปด้วย” บอกหน้าตาย

   “อ่าว”

   “เออน่า รีบๆ ไป”

   แม้ไอ้เม่นจะดูงงๆ แต่ก็ขับรถต่อ ผมชวนคนขับรถคุยเรื่องไร้สาระ ไม่อยากให้มันคิดมาก กลัวหน้าแก่ก่อนวัยอันควร แต่พอถึงหน้าประตูรั้วกลับกลายเป็นผมที่ต้องย่นหน้าเครียดแทน ไม่รู้เข้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง 

   “ไม่ต้องกลัว ผมไม่ให้ใครทำอะไรพี่หรอก” ผมมองมือที่บีบมือผมอยู่

   “เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” เหล่ตามองคนที่ขำ “กูรออยู่ในรถได้หรือเปล่าวะ” พอเปิดประตูแล้วใจสั่นอะ

   “ก็ได้นะ” แม้จะพูดแบบนั้น แต่ผมก็อดที่จะเดินตามมันไม่ได้ กลัวยายมันก็ใช่ แต่กลัวถูกหาว่าป๊อดมากกว่า ไอ้ม่านคนจริงสองพันสิบเจ็ดต้องไม่กลัว ไม่หวั่นแม้วันมามาก ติดปีกบินเลยทีเดียว





   ประตูเข้าหน้าบ้านที่เคยมีอดีตวันนั้น ตอนนี้ผมได้ก้าวผ่านมาแล้วครับ ขาสองข้างเหยียบพื้นหินแกรนิตอ่อนที่ใช้ปูพื้น ห้องโถงใหญ่มีระย้าห้อยจากเพดานสูง แอบหวั่นใจถ้าตกลงมาโดนหัวคงตายแน่นอน ผมละสายตาจากเพดานมามองรอบๆ ตัว มีประตูที่ถูกแบ่งเป็นห้องๆ ซึ่งไม่รู้ว่ามีห้องอะไรบ้าง แต่ก่อนจะอ้าปากถาม เจ้าที่ เอ๊ย ป้าของไอ้เม่นก็เดินตีหน้ายักษ์ออกมา

   “มาทำไมอีกยะ” ดูคำทักทายก็รู้ว่านางร้ายชัดๆ

   “มาหายาย” ไอ้เม่นว่า “นัดยายไว้แล้ว” ป้าแกคงจะอยากกันท่า แต่โดนไอ้เม่นขัดไว้เลยส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอแทน

   “แล้วทำไมไม่มาคนเดียว พาคู่ขามาด้วยทำไม เหม็นขี้หน้า” คุณป้าเบ้ปากใส่ผมพร้อมสายตาที่เหยียดมองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า จนผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออก “ขำอะไรยะ”

   “ขำคุณป้านั่นแหละครับ” พยายามกลั้นขำแล้วแต่ไม่สำเร็จ

   “ทำไม ฉันมันทำไม” ดูเหมือนจะเริ่มโมโห ป้าแกยกแขนขึ้นกอดอก แถมมองหน้าผมแบบหาเรื่องสุดๆ

   “คุณป้าชอบดูละครหลังข่าวใช่ไหมครับ ท่าทาง คำพูด หน้าตา มันใช่เลยอะ หลุดมาจากตัวร้ายในละครเปี๊ยบเลย” พูดจบ ไอ้เม่นยังหลุดขำออกมา ส่วนป้าแกก็ทำตาโต ยืนสั่นชี้หน้าผม “ต้องกราบขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ” ยกมือไหว้ขอโทษ “อ่อ ผมลืมสวัสดี...สวัสดีครับคุณป้า”

   “แกๆ”

   ยอมเป็นคนนิสัยไม่ดี แต่ทนเฉยไม่ได้จริงๆ แบบนี้

   “เอะอะอะไรกัน เสียงดังเข้าไปถึงในห้องทำงานฉันเลย” เสียงทรงอำนาจดังขึ้น ผมกับป้าไอ้เม่นเลยพากันเงียบ ยายที่ยังสาวเดินออกมาจากประตูด้านในสุด ซึ่งคงจะเป็นห้องทำงานอย่างที่ว่าเมื่อกี้ ใบหน้านิ่ง ปรายตาดุมองมาที่ทุกคน และหยุดอยู่ที่ไอ้เม่น “มาช้านะ”

   “ขอโทษครับ” ไอ้เม่นพูดเสียงเรียบๆ แต่ถ้าเป็นผม คงจะบอกว่ามานานแล้วแต่ป้าตัวร้ายขวางไว้

   “ตามเข้ามา” ยายไอ้เม่นกลับเข้าไปในห้องที่เพิ่งเดินออกมา ผมกะจะหันหลังกลับไปรอที่รถก็ถูกเรียกไว้ “ตามมาด้วย”

   “ยายมึงเรียกกูด้วยเหรอ” ผมถามหลานชายของบ้าน ซึ่งมันก็พยักหน้า ยายมันเรียกผมทำไมวะ หรือจะด่าย้อนหลัง

   “อย่าทำหน้ายุ่งสิ ไม่มีอะไรหรอก เม่นบอกแล้วไง ไม่ให้ใครทำอะไรพี่ม่านหรอก” รอยยิ้มของไอ้เม่นทำให้รู้สึกดีขึ้นมานิดหนึ่ง แค่นิดๆ เท่านั้นแหละครับ

   ผมเดินตามไอ้เม่นเข้ามาในห้องทำงานที่โอ่อ่ากว้างขวางมาก ทั้งห้องมีชั้นหนังสือสูงถึงฝ้าเพดานเรียงยาวทั้งสองด้าน ในชั้นมีหนังสือหลากหลายประเภทอย่างกับห้องสมุดในหนัง เหมือนหลุดเข้ามายังโลกที่มีแต่ตัวหนังสือ โลกที่ไอ้ม่านไม่อยากเข้ามา แค่ได้กลิ่นหนังสือ หนังตาก็จะปิด

   “นั่งสิ” เสียงแข็งๆ ดังฉุดสติผมให้หันกลับไปมอง เห็นไอ้เม่นนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานไปแล้ว ผมรีบเดินไปนั่งข้างๆ พยายามไม่สนสายตาที่จับจ้องตลอดเวลา “เรียนที่เดียวกับเม่นหรือ” อยู่ๆ ก็โดนถาม ผมรีบหันรีหันขวาง ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรเลย

   “ครับ? ถามผมเหรอ” หน้าผมคงจะเหมือนเด็กเอ๋อไร้สติยายไอ้เม่นถึงขมวดคิ้วนิดๆ “อ๋อ ถามผมเอง ผมเรียนเกษตรครับ”

   “ฉันถามว่าเรียนที่เดียวกันหรือเปล่า ไม่ใช่ถามว่าเรียนอะไร” โดนดุด้วยสายตาจนต้องก้มหน้าลง

   กดดันยิ่งกว่าตอนสอบสัมภาษณ์เข้าเรียนอีก

   “เปล่าครับ คนละที่” ผมตอบออกไปพร้อมรอยยิ้มแหยๆ ใต้โต๊ะมีมืออุ่นยื่นมาบีบให้กำลังใจเบาๆ

   “แล้วมาล่อลวงหลานฉันได้ยังไง” โห คำถามนี้อยากจะบอกเหลือเกินว่าต้องถามหลานคุณยายเอง

   “รุ่นน้องของเพื่อนครับ เลยรู้จักกัน” เลือกจะบอกอ้อมๆ ขืนบอกตามตรงว่าไอ้เม่นจู่โจมจีบผมอย่างหนักหลังจากแห้วจากไอ้กลอย ยายอาจหัวใจวายได้

   “อืม” ดูเหมือนจะหมดคำถามสำหรับผม เพราะตอนนี้ยายมันหันไปจ้องไอ้เม่นแทน “มีเรื่องอะไรจะคุย”

   “ที่ผมอยากคุยก็เรื่องของผมกับพี่ม่าน” รีบหันไปเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง “ผมจะบอกยายว่า ผมจะคบพี่เขา ไม่มีวันเลิก จะอยู่ด้วยกัน จะรับส่งพี่เขาทุกวัน” เดี๋ยวๆ ประโยครัวๆ ของไอ้เม่นชักแปลกๆ “ผมแค่อยากบอกยายไว้”

   “แกเบี่ยงเบนทางเพศหรือไง นี่ผู้ชายนะ” แม้น้ำเสียงจะนิ่ง แต่ตาโคตรดุ

   “ครับ” นี่ก็นิ่งพอๆ กัน มีแต่ผมนี่แหละ ที่ลุกลี้ลุกลน

   “ถ้าฉันขัดขวางล่ะ ถ้าฉันสั่งให้เลิกคบ...”

   “ยายก็รู้ ว่ายายหรือใครก็สั่งผมไม่ได้” เถียงแทบจะทันทีจนยายมันนิ่งไป “ตั้งแต่เกิดเรื่องกับพ่อและแม่ ผมไม่เคยได้รับความรักจากใคร กับยายหรือตาผมก็ไม่เคยได้”

   “แกจะบอกว่า แกได้จากไอ้เด็กนี่หรือ”

   “ครับ”

   น้ำเสียงหนักแน่นกับดวงตามั่นคงยามหันมามองผม คุณเคยรู้สึกใจเต้นแรงเหมือนวิ่งมาสักสิบกิโลเมตรไหมครับ ตอนนี้ผมรู้สึกแบบนั้นเลย ทั้งที่นั่งอยู่กับที่ แต่รู้สึกหัวใจสูบฉีดอย่างหนัก แค่ถูกมืออุ่นกุมไว้กับสายตาที่นัยน์ตามีผมอยู่ในนั้น และรอยยิ้มสวยที่ฉายบนหน้าหล่อ

   ใจเต้นสุดๆ

   “มึง...” พูดไม่ออก เหมือนเสียงถูกดูดวิญญาณจนเหือดแห้ง

   “พี่เม่นไม่ใช่คนเพอร์เฟค แต่ทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้ง อกพี่เขาไม่นุ่ม แต่ก็อุ่นจนไม่อยากห่างไปไหน มือที่กร้านจากการจับจอบเสียม แต่มันกลับน่ากุมมากกว่ามือนุ่มๆซะอีก”

   ผมควรจะพูด หรือด่า หรือทำยังไงกับตอนนี้ดี มันเหมือนจะถูกชมนิดๆ ด่าหน่อยๆ ใช่ไหม

   “แล้ว?”

   “ผมจะคบพี่ม่าน ขอแค่ยายไม่เข้ามายุ่งก็พอ”

   “แล้วฉันจะได้อะไร จากการไม่ต้องยุ่ง ในเมื่อแกเป็นหลานของฉัน ใช้เงินของฉัน”

   “ผมจะย้ายไปเรียนบริหารตามที่ยายต้องการ”

   “หืม..คิดว่าเอาเรื่องเรียนมาอ้าง แล้วฉันจะยอมหรือ”

   “ถ้าให้ผมเรียน คงดีกว่าสองคนนั้นเรียนมั้งครับ”

   “หึ แกมันนิสัยเหมือนแม่ ชอบต่อล้อต่อเถียงฉัน” ยายไอ้เม่นนิ่งเงียบไปหลังจากจบประโยค แม้จะไม่พูด แต่สายตายังคงทำงานได้ดี แถมกดดันผมซะเหงื่อแทบไหล บ้านนี้เขาไม่เปิดแอร์หรือไงเนี่ย “ก็ได้ แต่...ถึงแม้ฉันจะตกลง ก็ไม่ได้หมายความว่า ฉันยอมรับหรอกนะ”

   “ผมไม่ได้หวังอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว แค่พาพี่เขามาให้รู้จัก ก็แค่นั้น” พูดจบ ไอ้เม่นก็ลุกขึ้น มือที่กุมมือผมฉุดดึงให้ผมลุกตาม “ไปนะครับ”

   “ลาครับ” ยกมือไหว้ลาแทบไม่ทัน ไอ้เม่นไม่สนใจเหลียวมองยายมันอีก เดินได้ก็จ้ำอ้าวเหมือนควายที่บ้านจะหาย ผมรู้ว่าขามันยาว แต่มันควรสงสารคนขาสั้นแบบผมที่ซอยขายิกๆ เพื่อให้ทันการลาก

   ออกมาจากห้องก็เจอป้อมตัวร้ายที่ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นซะจนน่าขำ ไอ้เม่นไม่อยู่รอให้ถูกถาม เพราะมันเล่นเดินผ่านหน้าไปแบบไม่สนใจ ไม่สนเสียงเรียกใดๆ ทั้งสิ้น คำพูดที่ผมเตรียมมาเลยไม่ได้ใช้ โคตรเสียดายจริงๆ 



   ตลอดทางกลับหอ ผมไม่พูดอะไร ไอ้เม่นก็เงียบ เหมือนเรากำลังอยู่ในหม้อคนละใบ หม้อไอ้เม่นต้มอะไรไม่รู้ แต่ของผมคงเป็นหม้อต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เส้นเริ่มสุก ก็ใส่หมู ใส่ไข่ ใส่เครื่องปรุง คิดแล้วก็หิว บ้าเหรอ.. ผมหมายถึง ผมกำลังคิดหลายๆ อย่างปนกันอยู่ในหัว

   “อยากกินอะไรไหม” ไอ้เม่นถามแหวกอากาศมา

   “บะหมี่ เอ๊ย ไม่ใช่” มัวแต่นึกภาพหม้อต้มบะหมี่ ปากเลยพูดออกมาทั้งอย่างนั้น “กินอะไรก็ได้ ง่ายๆ”

   “ง่ายๆ นี่อย่างเช่นอะไรบ้าง”

   “ก๋วยเตี๋ยวอะไรแบบนี้ เอาร้านที่อร่อยๆ นะ ขำอะไรวะ” ไอ้เม่นมันหัวเราะเยาะผมอะ ไม่รู้เรื่องอะไร

   “พี่แปลกดี”

   “แปลกดีนี่คือชมหรือจะด่าวะ” โคตรกำกวม เมื่อกี้ก็ถูกมันแขวะทั้งมือกร้าน ทั้งอกแข็ง
 
   “ชมสิ คือผมหมายถึง ถ้าถามคนอื่น คำว่าอะไรก็ได้ มันไม่ได้หมายความแบบนั้นจริงๆ”

   “ก็กูไม่ใช่คนอื่นของมึง” ว่าปุ๊บ ไอ้เม่นค่อยๆ หันมามองหน้าผมแบบอึ้งๆ “ไม่มองถนนละวะ” 

   “อ๋อ ครับ” ถึงแม้มันจะหันไปดูถนน แต่สักพักก็หันมามองผมใหม่พร้อมรอยยิ้ม “นั่นสินะ พี่ก็พูดถูก เพราะพี่ไม่ใช่คนอื่น...พี่น่ะ เป็นหัวใจของผม”

   “ชะ เชี่ย ไอ้เม่น ไอ้เสี่ยว กูจะอ้วก” จากที่เครียดๆ เบลอๆ เจอมุกเสี่ยวเข้าไป ถึงกับสมองโล่งเลยทีเดียว ไอ้เม่นหัวเราะจนตาหยี คงภูมิใจกับมุกเสี่ยวๆ มันนั่นแหละ “เอ่อ มึงแน่ใจเหรอที่จะไปเรียนบริหาร ถ้าไม่ชอบ ก็ไม่ควรฝืนใจตัวเองนะเว้ย”
 
   “ผมเรียนอะไรก็ได้”

   “แต่มึงไม่ได้ชอบไง ถ้ามึงจะใช้เรื่องเรียนขู่ยายเพื่อให้เราได้คบกัน กูไม่เห็นด้วยว่ะ” ผมไม่อยากเป็นคนที่ทำให้มันต้องฝืนใจทำอะไรในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง

   “พี่คิดมากอีกแล้ว คิดมากเดี๋ยวแก่นะ แล้วก็ ผมน่ะ เรียนได้ทุกอย่างจริงๆ แบบว่า สมองดีอะไรแบบนั้น”

   “โห มั่นหน้ามากนะมึง”

   “แน่นอน” ผมเบ้ปากให้คนมั่นใจในมันสมองตัวเอง “แล้วผมก็คิดแล้ว ว่าจะย้ายไปเรียนที่เดียวกับพี่ม่าน” 

   “อ่าว ทำไมไม่เรียนที่เดิมวะ จะย้ายให้ยุ่งยากทำไม” แค่ต้องสอบใหม่ก็ยุ่งแล้ว นี่ยังจะมาย้ายมหาลัยอีก วุ่นวายแน่นอน
 
   “ทุกวันนี้ผมอยู่มหาลัยพี่มากกว่ามหาลัยตัวเองอีก”

   “มึงว่ากูเป็นตัวทำให้ยุ่งยากเหรอวะ”

   “คิดมากอีกละ ผมแค่คิดว่า ถ้าย้ายที่เรียนจะได้สะดวก...”

   “สะดวกอะไร”

   “สะดวกรอพี่ไง ไปหาก็ง่ายด้วย กลับบ้านก็ไวไม่ต้องรอนาน” ดูความคิดของไอ้เม่นสิ 

   “แล้วคิดว่าจะสอบเข้าได้เหรอวะ มหาลัยกูไม่ใช่ง่ายๆ นะเว้ย” ข้อสอบแม่งโคตรยาก แต่ที่ผมทำได้ก็เพราะผมเก่งไง ไม่อยากจะคุย เดี๋ยวหาว่าโม้

   “จีบพี่ยากกว่าสอบอีกนะ ผมว่า” แล้วทำไมมันต้องวกกลับมาเรื่องนี้เนี่ย

   “เหรอ” ลากเสียงยาวด้วยความหมั่นไส้ “แล้วนี่กูจะได้กินไหม ก๋วยเตี๋ยว” เปลี่ยนเรื่องเมื่อเจอรอยยิ้มพิฆาตของไอ้เม่น 

   “ครับๆ” ผมรีบเสหน้ามองออกนอกหน้าต่าง ทำเป็นสนใจสภาพรถติด ที่จริงอยากยิ้มครับ แต่ไม่อยากให้ไอ้เม่นเห็น มันเขินอยู่หน่อยๆ ในช่วงที่ผมแอบยิ้ม เสียงโทรศัพท์ที่วางข้างๆ ก็ดังขึ้น ของไอ้เม่นครับ “เออ” ไม่ได้ยินเสียงปลายสายหรอกว่าคุยอะไรกัน แต่ไอ้เม่นมักจะหันมามองผมบ่อยๆ จนเริ่มระแวงและสงสัย “เออๆ”

   “ใครวะ” พอมันวางปุ๊บ ผมก็รีบถาม เจอสายตาล้อเลียนนิดๆ ให้ต้องถลึงตาใส่ “มองเชี่ยไร”

   “หึงผมเหรอ” น้ำเสียงมันโคตรกวนโมโห

   “ใครหึงมึ๊ง กูแค่อยากรู้” อยากตบปากตัวเองที่ขึ้นเสียงสูงเฉย มันดูมีพิรุธก็ตรงนี้แหละ

   “ไม่หึงก็ไม่หึง พอดีเพื่อนผมโทรมาชวนไปกินเหล้าคืนนี้อะ” ผมพยักหน้าให้กับคำอธิบายของมัน “พี่ไปด้วยกันป่ะ”

   “ไปเถอะ เพื่อนมึงกูไม่รู้จักสักคน ถ้าไปด้วย เดี๋ยวมึงจะหมดสนุก” ที่จริงกลัวมันไปสนุกกับเพื่อนแล้วปล่อยให้ผมอยู่เวิ้งว้างท่ามกลางคนไม่รู้จัก

   “พาไปจะได้รู้จักไง พวกมันเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของผม ที่สำคัญ ของฟรีนะครับ” เหล่ตามองคนชวน ไอ้เม่นมันเหมือนจะรู้จุดอ่อนของผมแฮะ ก็ไอ้ประโยคห้อยท้ายนั่นแหละ ทำเอาจมูกบานเลยผม

   “เออๆ ไปก็ได้ ไม่ได้เห็นแก่ของฟงของฟรีอะไรนะ...แต่ตอนนี้กูหิวแล้ว เร็วๆ รีบขับรถ”

   “หึ คนเรานี่นะ” เบื่อมากคนรู้ทัน “แล้วรถติดไม่ขยับแบบนี้ คงรีบตามที่พี่บอกไม่ได้ แต่อีกไม่นานได้กินแน่นอน ร้านนี้อร่อยมาก ไอ้เม่นคนนี้คอนเฟิร์ม”

   “เออดี เลี้ยงด้วยนะ”

   “ครับๆ เลี้ยงตลอดไปยังได้”

   “กูจะกินให้มึงหมดตัวเลยไอ้เสี่ยว”

   “พี่กินผมหมดตัว งั้นผมก็กินพี่ทั้งตัว แฟร์ดี”

   “แฟร์บ้านมึงสิ เร็วๆ หิว”

   “รถมันติดครับพี่ครับ”

   “งั้นอย่าชวนกูพูด กูหิว”

   “ครับพี่ครับ...แม่ง เอาแต่ใจตัวเองมากแฟนของกู”

   “อย่าบ่นๆ”

   หวังว่าค่ำคืนนี้เพื่อนมันคงจะไม่สร้างปัญหาหรือก่อความวุ่นวายให้ผมหรอกนะครับ ไม่อย่างนั้น จะเจอไอ้ฤทธิ์ไอ้ม่านคนนี้ อ้อ ไม่ได้จะฆ่าจะแกงอะไรหรอกนะครับ แค่จะร้องเพลงทำลายรูโสตประสาทของพวกมันให้เซลล์มันตายห่าไปเลย



...TBC


เว้นช่วงไปอีกแล้ว ขอประทานอภัยจริงๆ ค่า เม่นม่านจากที่วางคร่าวๆ แล้ว ตอนจบน่าจะอยู่ในราวๆ ยี่สิบกว่าๆ ยังไงแล้ว ขอฝากด้วยนะคะ จะพยายามไม่หายไปนานๆ อีก ขอบคุณมากๆ ค่า  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

17




         สาบานได้ว่านี่คืองานเลี้ยงไม่ใช่สมรภูมิรบ บ้านจัดสรรถูกแปลเปลี่ยนให้เป็นผับ มีทั้งดนตรี คาราโอเกะ ดิสโก้หลายสีหมุนควงไปมาสร้างความคึกคัก ยิ่งไปกว่านั้น สาวๆ ที่เดินแทบเหยียบหัวผม ด้านบนของพวกเธอใส่บิกินนี่โชว์ร่องหน้าอกดูมๆ ด้านล่างแม้จะใส่กางเกงแต่ก็โชว์แก้มก้นเหมือนไม่ได้ใส่ แฟชั่นที่โคตรน่ามอง เอ๊ย น่ากลัว

         “นี่งานอะไรวะ” อดไม่ได้ที่จะสะกิดถามคนที่พามา ไอ้เม่นยกมือทักทายแทบทุกคนที่เดินผ่าน สาวๆ มันก็ทักครับ มีหอมแก้มบ้าง จูบบ้าง ถามว่าหึงไหม ทำไมต้องหึง บอกว่าอิจฉาซะมากกว่า

   “วันเกิด” ไอ้เม่นว่าสั้นๆ เพราะมันกำลังถูกสาวคลุกวงใน อือฮื่อ ถ้าจะโชว์จูบต่อหน้าผมขนาดนี้ ไม่ลากเข้าห้องเลยละวะ...แต่ก็เอาตามที่มันสบายใจ คิดซะว่าผมไม่ได้มาด้วย เอาเลย เชิญเลย (ไม่ได้พูดกัดฟันนะครับ)

   ผมเดินเลี่ยงๆ มาที่โต๊ะเครื่องดื่ม สั่งแบบเบาๆ มาจิบ นี่ผมคิดผิดใช่ไหมที่มางานนี้ คิดว่าจะมีข้าวฟรีให้กิน แต่ที่เห็นมีแค่กับแกล้ม ข้าวไม่มีปรากฏให้เห็น พอพูดถึงข้าวแล้วก็เริ่มหิว ถ้ารู้ว่าเป็นงานแบบนี้ ตอนเที่ยงจะยัดมาให้แน่นๆ ท้องจะได้ไม่ว่าง

   นั่งมองทุกคนสนุกสนานอย่างเซ็งๆ สาวไซส์โตไม่ได้ทำให้อารมณ์ผมดีสักเท่าไหร่ หรือเพราะโมโหหิวก็ไม่รู้

   “สวัสดีค่ะ” เสียงทักชิดใบหูทำให้หันไปมอง สาวหน้าตาจิ้มลิ้มยิ้มหวานอยู่ข้างๆ หน้าของเธอแทบจะชนกับหน้าของผมด้วยซ้ำ “ทำไมดูไม่สนุกเลยล่ะคะ”

   “พอดีหิวน่ะครับ” บอกตามตรง แม่คนจิ้มลิ้มทำตาโตก่อนหัวเราะร่วน น่ารักดีนะครับ สเปคไอ้กลอยเลย ตัวเล็กหน้าอกตูม ส่วนสเปคของผมเหรอ...ไม่มีหรอก

   “แย่จัง อ้นไม่ได้สั่งข้าวมาด้วย อ้นเจ้าของวันเกิดน่ะค่ะ แต่ถ้าหิว เรามีวิธีนะ” รู้สึกคันหูเลยตอนเสียงนั่นกระซิบข้างหู

   “วิธีไหนเหรอ” อยากบอกปัดเหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็มีคนคุย ในเมื่อคนพามามันเอาแต่สนุกกับเพื่อนแล้วก็สาวๆ ไงล่ะ เป็นแบบที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด สุดท้ายมันก็ทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว

   “ตามมาสิ” สาวจิ้มลิ้มขยิบตาก่อนจูงมือผมเดินผ่านกลุ่มเต้นกลางบ้าน ผมถูกพามาหลังบ้าน ที่นี่มีเครื่องครัว สงสัยจะเป็นห้องครัวละมั้ง “เราต้มบะหมี่ให้ รองท้อง”

   “โห ใจดีอะ” ตาเป็นประกายเลยไอ้ม่าน เจอนางฟ้าเข้าให้แล้ว

   สาวจิ้มลิ้มพอมาอยู่ในแสงไฟปกติดูสวยน่ารักดีครับ ติดตรงที่เธอใส่สั้นไปหน่อย เห็นละหนาวแทน  ผมยืนมองคนน่ารักต้มบะหมี่ด้วยท่าทางจริงจัง ไม่นานชามบะหมี่ก็วางอยู่ตรงหน้า แม้ไม่มีหมู ไม่มีไข่หรือผัก แต่แค่นี้ก็เป็นบุญของท้องแล้ว

   “รองท้อง เวลาดื่มจะได้ไม่เมามาก” ผมยิ้มขอบคุณและพยายามไม่เงยหน้ามองคนที่ใช้แขนค้ำกับโต๊ะแล้วยื่นหน้ามายิ้มหวานให้ กลัวจะโฟกัสผิดจุด มันจะเปลี่ยนไปจากหน้าไปที่หน้าอกแทน

   “ขอบคุณครับ” เอ่ยแล้วค่อยกิน ผมนั่งกินบะหมี่ มีสาวนั่งมอง ความรู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกัน ปกติไม่เคยมีสาวเข้าหา
 
   “ชื่ออะไรเหรอ แล้วเป็นเพื่อนอ้นที่โรงเรียนหรือมหาลัย”

   “ชื่อม่าน ไม่ได้รู้จักเจ้าของวันเกิดหรอก มากับเพื่อนน่ะ แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ” ผูกมิตรไว้ไม่เสียหาย

   “ชื่อม่านเหรอ ชื่อน่ารักจัง เราชื่อยิ้มนะ”

   “ชื่อยิ้มก็น่ารักเหมือนกัน” ชมมา ชมกลับ แฟร์ๆ ครับ “ทำไมผู้หญิงทุกคนถึงแต่งตัวแบบ...เอ่อ” ตอนแรกก็ไม่อยากจะถามหรอกนะครับ แต่มันก็อดไม่ได้ ไหนๆ ก็เริ่มสนิทกันแล้ว

   “ชุดนี้เหรอ” แทบผงะเมื่อยิ้มเล่นดึงสายบิกินี่ขึ้นแล้วปล่อย “มันเป็นงานน่ะสิ เจ้าของวันเกิดเขาชอบ”

   “งาน? ยิ้มไม่ได้เป็นเพื่อนพวกเขาเหรอ” สาวเจ้าพยักหน้าช้าๆ อ่อ มิน่า ถึงกล้าใส่เดินว่อนทั่วงานกัน ได้ค่าจ้างนี่เอง แต่แหม มันเปลืองตัวไปหน่อยไหม ถ้ามองเฉยๆ ก็ว่าไปอย่าง นี่จับได้ ลูบได้ “ไม่รู้สึกแปลกเหรอ ถูกพวกเขาทำแบบนั้น”

   “มันชินน่ะสิ นี่ยังไม่เท่ากับที่เคยทำที่อื่นเลยนะ” สะดุ้งจนไหล่ยกเมื่อยิ้มเล่นยื่นแขนมาพาดบนไหล่แล้วเลื้อยมือลูบอกผมไปมา “ถอดหมดก็เคยมาแล้วนะ”


   บอกได้สองคำคือ ขนลุก


   ผมนั่งตัวแข็งทื่อเมื่อถูกมือไล้ตามอก ไม่ใช่มีอารมณ์อย่างว่านะครับ แต่เริ่มกลัว อยากเดินหนีแต่ก็ทำไม่ได้ จนมีคนเดินมาผมถึงรีบสะบัดยิ้มออกจากตัว แต่คงจะไม่ทันเมื่อไอ้คนมาใหม่กระชากแขนผมให้ยืนขึ้น สีหน้าเหมือนกินรังแตนไปสักสิบอัน

   “เจ็บๆ” ผมตีมือไอ้เม่นที่มันบีบข้อมือตัวเองรัวๆ

   “พี่มาทำอะไรที่นี่วะ!” ไอ้เม่นตะคอกจนผมต้องหลับตา “ไอ้อ้นตามหา” พอว่าผมเสร็จมันก็หันไปพูดเสียงแข็งกับสาวจิ้มลิ้มที่ชื่อยิ้ม

   “โห ขัดจังหวะว่ะ” สาวเจ้าสะบัดหน้าเดินกลับเข้าไปในงาน แม่คุณทิ้งระเบิดแบบนี้แล้วหนีไปไม่ได้นะเว้ย

   ผมมองตามหลังบางนั่นจนลับตาก่อนเงยหน้ามามองคนที่มันยังบีบแขนผมอยู่ ไอ้เม่นตอนนี้หน้าตามันโคตรน่ากลัว เหมือนยักษ์ที่พร้อมจะหักคอผมจิ้มน้ำพริก

   “ปล่อยสิ กูเจ็บ” ตีมือมันไปอีกที แต่ก็ดูไม่ได้ผล

   “ทำไมถึงอยู่ด้วยกันสองคน แล้วทำไมถึงให้เขาแตะเนื้อต้องตัว” ไม่ตอบ ไม่ทำ แต่มันถามกลับ แรงบีบที่ข้อมือก็ไม่มีคลายออกแต่อย่างใด “ผมถาม!”

   “ทำไมต้องตะคอกด้วยวะ” ยอมรับว่าตกใจที่เห็นท่าทางมันแบบนี้ ปกติเคยเห็นมันขี้เล่น มีจริงจังตอนไปบ้านยาย แต่คราวนี้มันดูน่ากลัวมากกว่าอีก

   “ผมขอโทษ” ดูเหมือนจะรู้ว่าตัวว่าใส่อารมณ์มากเกินไป ไอ้เม่นยอมปล่อยมือผม แต่ก็ยังไม่เลิกจ้องหน้า “ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่กับแฟนไอ้อ้น”

   “หา? แฟนไอ้อ้น? เจ้าของงานอะเหรอ” เหมือนวิ้งๆ อยู่ในสมอง เมื่อกี้ผมได้ยินจากปากแม่สาวจิ้มลิ้มนั่นว่าพวกเธอถูกจ้างมา แล้วทำไม...หรือผมฟังผิดวะ

   “อืม” เสียงตอบนิ่งพอๆ หน้าตา “ผมถามรอบที่สาม ทำไมถึงอยู่ด้วยกันที่นี่”

   “กูหิว” ผมบอกพร้อมชี้ไปที่ชามบะหมี่ที่เริ่มอืด “ข้าวก็ยังไม่ได้กิน ในงานนั่นมีแต่เหล้า มึงจะให้กูแดกเหล้าจนท้องทะลุหรือไง”

   “แล้วทำไมพี่ไม่บอกผม”


   นี่ผมผิดเหรอวะเนี่ย


   “แล้วมึงอยู่ให้กูบอกป่ะล่ะ มัวแต่จับนม จับก้นผู้หญิงพวกนั้น” พูดเสร็จก็เบ้ปากใส่ พอจะกลับไปนั่งกินก็ถูกรั้งไว้ “อะไร กูจะกินบะหมี่”

   “งั้นกลับ” หน้าตามันเอาจริงครับ แถมดึงผมจนออกไปด้านนอกได้ ผมเห็นยิ้มหันมาโบกมือให้ แต่ถูกไอ้เม่นปิดตาเลยเห็นแค่นั้น แม่ง เป็นบ้าอะไรของมัน “กูกลับล่ะ” มันลากผม (ทั้งที่มือยังปิดตา) ไปบอกลาเพื่อน แต่ดูเหมือนเพื่อนมันไม่เข้าใจ ไอ้เม่นถูกดึงไปนั่งรวมเพื่อน ผมเลยจำเป็นต้องถูกดันนั่งข้างๆ ในเมื่อมันไม่ยอมปล่อยมือผม

   “โหย ไอ้เชี่ยเม่น เปลี่ยนแนวเหรอวะ” ไอ้เด็กฟันเหล็กเอ่ยแซว มือมันดีดน้ำมาใส่หน้า “เปลี่ยนซะพวกกูคิดไม่ถึง”

   “ไอ้เสือผู้หญิง หิ้วสาวเข้าโรงแรมเป็นว่าเล่นตั้งแต่มอสี่ มึงแม่งไอดอลกูเลยนะตอนนั้น” ส่วนไอ้ผมตั้ง สงสัยจะทารองพื้นผิดเบอร์ หน้าเทาเชียว ไอ้หน้าเทาพูดจบ ทุกคนก็หัวเราะออกมา “แม้ตอนนี้จะเปลี่ยนแนวมาเป็นผู้ชาย แต่มึงก็ยังถือเป็นไอดอลของกู ไอดอลที่ลองของแปลก”

   “ยอร์ชไปว่าเขาทำไม” คนต้มบะหมี่ให้ผมว่า รอยยิ้มน่ารักที่ส่งมาถูกไอ้เม่นแยกเขี้ยวใส่จนเธอต้องทำหน้าบึ้ง

   “ชื่ออะไรเหรอครับ” ไอ้นี่เป็นเจ้าของวันเกิด เพราะยิ้มกำลังนั่งตักมันอยู่ ไหนบอกถูกจ้างมาไงวะ แม่ง หลอกลวง พอผมจะอ้าปากตอบ สาวที่นั่งตักมันก็เป็นคนตอบแทน เล่นเอานิ่งกันทั้งกลุ่ม

   “ชื่อม่าน ชื่อน่ารักมากเลยอะ” ผมแอบเหล่ตามองไอ้เม่นก่อนใครเพื่อน ซึ่งมันก็ตีหน้านิ่งจนผมเริ่มกลัวอีกแล้ว

   “ยิ้มรู้จักได้ไง อ๋อ เมื่อกี้อ้นเห็นแวบๆ ว่าเดินไปหลังบ้าน อย่าบอกนะว่า” ไอ้เด็กอ้นนี่คงไม่โมโหจนจะฆ่าผมใช่ไหม ถ้าหึงหน้ามืดมา ไอ้ม่านตายนะเฮ้ย

   “ไปต้มบะหมี่ให้ ยิ้มบอกแล้วว่างานนี้ไม่มีข้าวเลย” แล้วพวกเขาก็ง้องแง้งกันโดยไม่มีใครสนใจ เออ ดีว่ะ ดูรักกันดี ถ้าไม่ติดว่ามาหลอกผมก่อนนะ คงจะอิจฉาไปแล้ว

   ผมละสายตาจากคู่รักมาสนใจแก้วเหล้าที่ถูกส่งมา พอมือยื่นไปจับ กลับถูกดึงไปจากไอ้คนข้างๆ ไอ้เม่นยกดื่มจนหมดแก้วเรียกเสียงโห่รอบวง บ้ามาก

   “เมียมึงเด็ดไหมวะ” อยู่ๆ คำถามนี้ก็ดังขึ้นมา เสียงเฮฮาก็เงียบไปทันที สีหน้าแต่ละคนดูมีความอยากรู้จนหางสั่นระริก
 
   “เขาว่า เอาผู้ชายมันเสียวกว่าผู้หญิงจริงไหมวะ” พอมีคนแรก คนต่อไปก็มาครับ แล้วมันก็มาเรื่อยๆ จนไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี

   “พอๆ หยุด” ทั้งคำถามทีเล่นทีจริง หรือโคตรเหี้ยทำเอาความอดทนผมขาด ผมยกมือขึ้นห้ามแล้วมองกราดไปรอบๆ วง “พวกมึงอยากรู้ เดี๋ยวกูบอกเอง” ไอ้เม่นทำตาโต สะกิดผมยิกๆ ก็มันเล่นเงียบไม่พูด พวกเพื่อนมันก็ได้ทีรัวคำถามจัญไรๆ แบบนั้นมา

   “นายเด็ดป่ะ” นี่คือผู้กล้าคนแรก ไอ้เด็กหน้าเทา (เรียกซะเหมือนอายุเท่ากัน ถือว่าหยวนๆ เพราะผมหน้าเด็ก)

   “เด็ดสิ” ผมว่า มันทำตาโตกันทั้งกลุ่มเมื่อเห็นผมกัดปากล่างแล้วขยิบตา “ถ้าไม่เด็ด เพื่อนพวกมึงจะติดใจเหรอ” พูดปุ๊บ พวกมันก็ร้องอูยกันรอบวง

   “เด็ดจริง งั้นผมขอลองมั่งดิ่” ไอ้ฟันเหล็กยื่นหน้าเข้ามา แต่โดนมือของไอ้เม่นตบเข้าเต็มหัว

   “ลองพ่องมึงสิ นี่แฟนกู” ไอ้เม่นหน้าบึ้งหนักมาก “กลับ พี่ม่านกลับ”

   “อย่าเพิ่งกลับสิวะ พวกกูยังถามไม่จบ”
 
   “จะถามเชี่ยไร ถ้าอยากรู้ก็ไปหาลองเอง อย่ายุ่งกับแฟนกู”

   “หวงเหรอมึง” ดูจากท่าทางและสีหน้าไอ้เม่น ผมว่ามันคงใกล้ถึงจุดพีคแล้ว

   “พอดีเม่นลีลาเด็ดมาก มันมากซะจนไม่อยากได้คนอื่นอีก พอคิดแล้วก็อยากเลยอะ...กลับเถอะ” ผมฉุดแขนไอ้เม่นให้ลุก แต่ถูกมือไอ้หน้าเทาดึงไว้ ไอ้เด็กนี่วอนโดนตีนซะแล้ว “อะไร”

   “เด็ดจริงหรือโม้...”

   ฟังไม่จบประโยคผมก็ดึงหน้าไอ้เม่นมาจูบโชว์ เสียงโห่ดังกว่าเดิมอีกหลายเท่า ผมทั้งบด ทั้งจูบ ทั้งดูด เอาให้ตายไปข้างหนึ่ง ถามว่าทำเป็นเหรอ เปล่าหรอก ดูหนังมามากเลยคิดว่าน่าจะใช่แบบนี้ ผ่านไปหลายวินาทีกว่าผมจะผละออกมา

   “ไม่ต้องพูด แค่เห็นก็คงรู้...กลับ” คราวนี้ไม่รอให้ใครดึงได้ทัน ผมรีบลากไอ้เม่นที่ยังนิ่งเป็นหิน ดีที่ขามันยังก้าวตามมา “จะกลับไหม” ถามย้ำจนไอ้เด็กสติหลุดสะดุ้ง ผมเห็นมันจับปากตัวเองแล้วคลี่ยิ้มกว้างออกมา

   “พี่จูบผมอะ” ความรู้สึกช้าจริงไอ้ห่านี่ “พี่จูบอะ จูบผมเมื่อกี้ พี่จูบ...”

   “เออ อย่าย้ำ แม่ง” ผมก็เขินเป็นนะเว้ย พอถูกย้ำมากๆ เข้า ดอกยางอายขึ้นเลยครับ “กลับ”



   บนรถ ผมนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพที่ผมจูบกับไอ้คนข้างๆ ยังคงทำงานจนต้องหลับตาไปหลายรอบ ไอ้ม่านเอ๊ย มึงกล้าทำไปได้ยังไง บ้าไปแล้ว กล้าจูบต่อหน้าคนอื่น

   “พี่ม่าน” ไอ้เม่นเรียกปุ๊บ ผมก็สะดุ้ง

   “อะ อะไร” กลัวมันพูดเรื่องจูบ เพราะผมไม่รู้จะปั้นหน้ายังไงดี

   “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ถูกมันหัวเราะใส่เฉย “ผมแค่จะถามว่า...” ทำไมมันต้องเว้นวรรคให้ลุ้นวะเนี่ย “พี่อยากกินอะไร”
 
   “ฟู่ว” ถึงกับถอนหายใจออกมา “กูอยากกิน...”

   “ถึงกับถอนหายใจ ตอนพูดไม่คิดหนอคนเรา” นั่นไง ว่าแล้วว่ามันต้องรอจังหวะ

   “ก็มึงเล่นไม่ทำห่าอะไรเลย เพื่อนมึงก็ถามแต่ละอย่างโคตรเหี้ยมาก” อารมณ์โมโหยังค้างอยู่ โดยเฉพาะไอ้เด็กฟันเหล็กที่มันอยากลองกับผม คิดได้ไงวะ

   “ขอโทษ ก็เม่นไม่รู้จะต้องทำยังไงนี่นา พี่ม่านอย่างโกรธเม่นน้า” พออ้อนละพูดเสียงอ่อนเชียว น่าหมั่นไส้

   “มึงเถอะ เลือกคบเพื่อนหน่อย ไอ้พวกนี้แม่งไม่เห็นจะน่าคบ” สภาพวันนี้ผมรู้สึกกลัวนะ งานมันดูมั่วไปหมด เรื่องผู้หญิงไม่กลัวเท่าไหร่ แต่เรื่องยา ผมก็ไม่แน่ใจ เห็นมีพวกตาลอยๆ ด้วย ขืนคบไปนานๆ เกิดโดนหางเลขโดนจับไปด้วย จะซวยเอา

   “พวกมันเป็นเพื่อนตอนมอปลาย ก็ไม่ได้สนิทกันมากเท่าไหร่...ขอบคุณที่ห่วงผม”

   “เออ รู้ก็ดี แล้วต่อจากนี้ถ้าจะมาเที่ยวโดยมีไอ้พวกนี้ละก็ กูไม่ไป” เข็ดครับ

   “ผมก็ไม่ชวนมาหรอก ถ้ารู้ว่ามีคนจะเคลมพี่ตั้งหลายคนแบบนี้”

   “เคลมเหี้ยน่ะสิ ไม่ๆ” รีบตบปากตัวเองเมื่อพูดจบ รู้สึกว่ากำลังด่าตัวเองเป็นเหี้ยพิกล “พวกมันแม่งปากดี”
 
   “แต่ไม่เท่าพี่ใช่ป่ะ”

   “ปากดีอะเหรอ”

   “ฮื่อ ปากหมา”

        นั่นไง โดนมันเล่นแล้ว

   “กูคนจริงเว้ย ม่านคนจริงสองพันสิบเจ็ด”

   “คนจริงที่ไหนได้แค่พูดกันว้า” อ่าว ไอ้นี่มันดูถูกกันนี่หว่า “พี่เด็ดจริงอ่ะ”

   “อะไรเด็ด”

   “เรื่องนั้นอะ” ผมจ้องหน้าคนถาม ไอ้เม่นขยิบตาก่อนมองมาที่เป้าของผม ใช่ มันมองที่เป้าจริงๆ ไม่ได้คิดไปเอง “เด็ดจริงป่ะ”

   “เด็ดไม่เด็ดก็เรื่องของกู ตามีก็มองถนนนู้น กูยังไม่อยากตายตอนนี้ไอ้ห่าเม่น” แม้จะรู้ว่ามันก็ผู้ชายเหมือนกัน แต่บางทีมันก็แปลกๆ คือมันอธิบายความรู้สึกไม่ถูก จะเขินก็คงใช่ จะอายก็มีหน่อยๆ แต่น่ากระทืบคงจะมากกว่า

   “พี่เขินแล้วน่ารักว่ะ” ต้องเอนหน้าหลบมือที่ยื่นมาบีบแก้ม ไอ้นี่ลามปาม “กินก๋วยเตี๋ยวแล้วค่อยกลับนะ”

   “เออ หิวไส้จะขาดแล้วเนี่ย หยุดหัวเราะด้วย กูรำคาญ”

   “เขินก็บอก ไหนบอกเป็นคนจริงสองพันสิบเจ็ดไง”

   “ไอ้เชี่ยเม่น มึงอยากนอนหยอดน้ำข้าวต้มไหมฮะ” โมโหครับ โมโห แต่ไอ้เม่นเอาแต่หัวเราะไม่มีท่าทางที่จะเกรงกลัวความเอาจริงของผม

   “น่ารักอะ”

   “จะชมทำไมเยอะแยะวะ หิวแล้วเร็ว”

   “น่ารักอะ”
 
   โอ๊ย ไอ้ม่านจะบ้าตายแล้วครับ ใครก็ได้ เอาไอ้เม่นไปเก็บที

   “หุบปาก”

   “เกรี้ยวกราดยังน่ารัก”

   เอาตามที่มันสบายใจ ผมนั่งนิ่งให้ไอ้เม่นดึงแก้มเล่น ดูมันทำครับ มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัย อีกข้างดึงแก้มผมแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมว่ามันเริ่มบ้าแล้วล่ะ บ้ามากจริงๆ ดึงเข้าๆ มันหยิกแก้มผมเลยครับ เออ เอาให้เต็มที่เลยมึง คิดซะว่ากำลังดึงตุ๊กตายาง เอาเล้ย



...TBC

คนขี้หึง จะหึงได้มากกว่านี้หรือเปล่า อิอิ ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

18




        เสียงบรรยายหน้าห้องไม่ได้ทำให้หนังตาที่หย่อนเปิดขึ้นแต่อย่างใด ผมเปิดหนังสือเล่มโตไว้ ก่อนใช้ข้อศอกค้ำกับโต๊ะเพื่อวางคางกับมือทำเป็นตั้งใจเรียน ที่จริงแอบงีบหลับ ทำได้โดยไม่ถูกจับนี่ เป็นทักษะที่ต้องใช้สมองนะครับ ยิ่งกว่าการเรียนอีก

   ไม่รู้เวลาผ่านไปนานหรือยัง รู้แค่ว่า ผมหลับไปแล้วหลายตื่นมาก มาสะดุ้งรอบสุดท้ายจนตาสว่างก็ตอนถูกไอ้เจตบหัวหน้าผากชนกับโต๊ะเสียงดังลั่นห้อง ดีที่ห้องไม่มีคน เหลือแค่เพื่อนสนิทของผมเท่านั้น

   “ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมาวะ” ไอ้เกมส์เปิดประเด็นคนแรก มือมันเก็บชีทใส่กระเป๋าเน่าๆ ของตัวเอง

   “เล่นเกมส์” ผมว่า

   “เล่นเกมส์หรือเล่นกับผัว เอาให้แน่ เชี่ย” พอดีขาผมทำงานโดยไม่ต้องพึ่งสมอง มันเลยดีดออกไปใส่ก้นไอ้มีนเต็มๆ แรง

   “สมองมึงมีแต่เรื่องต่ำตม” ด่าเสร็จก็เก็บหนังสือใส่กระเป๋าบ้าง “หิวว่ะ”

   “ไปแดกชาบูกัน” คำชวนของไอ้เจเรียกเสียงฮือฮาของผมแล้วก็พวกไอ้เกมส์ได้เป็นอย่างดี “อะไรของพวกมึง” ไอ้เจเลิกคิ้วเมื่อถูกจ้องอย่างหนัก

   “นี่มึงชวนพวกกูไปแดกชาบูเหรอวะ” ไอ้เกมส์ว่า ผมก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำถาม “ผีเข้าป่ะเนี่ย ไอ้ขี้เซาชวนไปกินในห้าง”

   “กูก็คนนะเว้ยไอ้พวกเหี้ย จะไปไหม” ไอ้เจม้วนชีทวิชาแล้วไล่ตีหัวทีละคน “อีแน่ว เลิกพิมพ์โทรศัพท์สักที”

   “กูขอบาย เมียกูรออยู่ข้างล่าง ไปล่ะ” พูดจบก็เผ่นแนบเลยครับ เดี๋ยวนี้ติดหญิงมากกว่าเพื่อนอีก นิสัยเสียจริงๆ

   “ตอนบ่ายมีเรียน กูว่า....” ไม่ทันพูดจบก็ถูกม้วนชีทตีเข้าเต็มๆ หัว

   “บ่ายนี้เขายกเลิกคลาสเว้ยไอ้มู่” ย่นคิ้วมองไอ้เจที่พูด

   “ทำไมกูไม่เห็นรู้วะ” มิน่า ได้ยินแว่วๆ ว่าไอ้พวกเพื่อนในห้องนัดกันไปเที่ยว หรือไม่ก็กลับไปนอน

   “ก็เพราะมึงไม่ยอมอ่านไลน์กลุ่มไง มัวแต่ติดผัว” คำด่าที่ผมด่าอีแน่วถูกย้อนกลับมาหาตัวเองเฉย แต่เพราะเป็นไอ้เกมส์ด่าเลยยกขาเตะไม่ได้ เกรงใจน่องโป่งๆ ของมันที่อาจฝังต้นคอผมจนคออาจหักได้

   “งั้นก็ไป กินให้พุงแตกไปเลย” รีบเปลี่ยนเรื่องจนพวกมันส่ายหน้า ไม่อยากต่อปากต่อคำพวกมันมาก เดี๋ยวจะเข้าตัว

   ผมอาศัยรถไอ้เจไป ตั้งแต่คบไอ้เม่น รถของผมแทบไม่ได้ออกจากลานจอดเลยให้ตาย ไม่รู้เฉาหรือยัง ภายในรถไอ้เจมันทำให้มันแปลกใจจนต้องหันซ้าย หันขวา

   “เป็นอะไรของมึง ขี้ติดตูดเหรอ”

   “แปลกว่ะ รถมึงทำไมสะอาด” ปกติรถไอ้เจมีแต่ขยะนะครับขอบอก กินขนมอะไรมันก็ทิ้งถุงไว้ในรถ แต่ตอนนี้ด้านหลังมันมีถังขยะใบเล็กๆ

   “รถกูจะสะอาดบ้างไม่ได้หรือไง” แม้น้ำเสียงจะเหวี่ยง แต่ผมก็ไม่ยอมหยุดจ้องกดดัน ผมจะไม่คิดมากหากถังขยะใบนั้นมันไม่เหมือนรถของเพื่อนสุดรักนายอัธของผม ตั้งแต่ห้องตรงข้าม มารถสะอาดอีก

   ไอ้เจกับไอ้อัธคงไม่ได้มีซัมติงกันหรอกนะ ถ้ามีละก็ ความบรรลัยอาจจะเกิด คนสองขั้วเลยนะครับนั่น





   ไอ้เจเลี้ยวรถจอดใต้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ มีรถไอ้เกมส์กับไอ้มีนมาจอดข้างๆ ในเวลาไล่เลี่ยกัน แล้วพวกเราก็เดินเข้าห้างที่มีผู้คนพลุกพล่าน ผู้ชายหน้าตาดีสี่คนเดินเรียงหน้ากระดานเข้าไปเลยเป็นที่สนใจของสาวๆ นี่ไม่ได้โม้นะครับ แต่มันคือเรื่องจริง

   พวกเราขึ้นบันไดเลื่อนมาชั้นบนเพื่อมาร้านชาบู ระหว่างกำลังคุยเฮฮากันอยู่ เสียงโวยวายหน้าร้านก็ดังเรียกความสนใจ ผมมองเห็นผู้ชายใส่ชุดนักศึกษานั่งหันหลัง มือก็แนบโทรศัพท์ที่หู เสียงโวยวายคงมาจากคนนี้สินะ แต่...ทำไมหลังคุ้นๆ

   “ไอ้พวกเลว” คำด่านั่นทำเอาพวกผมสะดุ้งกันเป็นแถว นั่นเพราะมัวแต่จ้องคนที่คุยโทรศัพท์เสียงดังไม่เกรงใจใคร กำลังจะด่า แต่พอมันหันหน้ามาเล่นเอาเหวอ “ไอ้ม่าน” เสียงเรียกชื่อผมลากยาว แถมคนเรียกยังพุ่งเข้ามากอดผมอีก

   “ไอ้เหี้ยกลอยปล่อย คนมองแล้วแม่ง” ผมพยายามแกะแขนที่รัดเอวออก คนในร้านชาบูมองกันเป็นแถว “ไอ้กลอย”

   “ฮือ” มันเงยหน้าเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้

   “อะไรของมึงไอ้กลอย เพื่อนทิ้งหรือไง” ไอ้เจเลิกคิ้วถาม ซึ่งไอ้กลอยก็พยักหน้ารัวๆ แล้วไปเกาะแขนไอ้เจแทน “อะไร”

   “พวกมึงมากินชาบูเหรอ” มันไม่ตอบ แต่เลือกจะถามแทน ไอ้เจพยักหน้า มันก็ยิ้มแป้น “ดีอะ เพื่อนกูแม่งเทไปหาเมียหมด นัดกูมาหน้าร้านแต่แม่งเทกู ไอ้พวกเพื่อนเลว”

   “คำว่าเลวของมึงโปรดหันไปทางอื่น” ไอ้มีนขยับหนีเลยครับ โคตรตลก

   พูดคุยอีกนิดหน่อยก่อนพวกเราจะเดินเข้าร้าน ไอ้กลอยเลือกโต๊ะกลางร้านมันว่าของมาถึงไว แต่ผมว่า นั่งโต๊ะในสุดของมันถึงไวกว่าว่าไหม

   หม้อน้ำซุปสองแบบกำลังถูกเติมของลงอย่างกระหน่ำ ใครกินอะไรก็โยนๆ ลงไป ของผมเน้นหมูสามชั้นสไลด์ครับ ร่างกายต้องการโปรตีนที่สุด

   “รุ่นน้องมึงจีบไอ้มู่ มึงรู้ป่ะ” ไอ้เชี่ยมีนเริ่มเปิดประเด็นกวนบาทา ผมถลึงตาใส่แต่มันกลับหัวเราะรอฟังคำตอบจากไอ้กลอยที่ยัดของซะเต็มปาก

   “อู้” (รู้) เต็มปากแล้วยังจะพูด พอมันกลืนหมดก็เริ่มโม้ “กูเป็นพ่อสื่อ ไอ้ม่านมีแฟนได้เพราะกูเลยนะ”

   “ได้ข่าวว่า มึงเทมาให้มันไม่ใช่เหรอ” เสียงเรียบๆ ของไอ้เกมส์แต่มันโคตรสะใจในความคิดของผม ไอ้กลอยยู่ปากแล้วยัดหมู (ของผม) เข้าปาก

   “ถ้ากูไม่เท ไอ้ม่านก็ไม่มีแฟนไง” ดูความคิดมันครับ “ว่าแต่ ช่วงนี้กูไม่ค่อยเจอไอ้เม่นเลยว่ะ” ไอ้กลอยมันหันมาถามผมที่นั่งข้างๆ

   “มันเรียนที่เดียวกับมึงไม่ใช่หรือไง” ผมว่า

   “ก็ใช่ แต่มันนอนห้องเดียวกับมึงไง” จบครับ ผมเลือกจะยัดหมูเข้าปากแทนคำตอบ “แหม เงียบแดกนะมึงไอ้ม่าน คบกันแล้วไม่บอกความคืบหน้าให้กูรู้บ้างเลย”

   “มึงเสือกแบบนี้ผัวไม่ว่าเหรอ” อยากจะป้อนหมูขอบคุณไอ้เจมากที่ถามให้ แต่คิดว่า คนอย่างไอ้กลอยมันจะแพ้เหรอครับ คำถามแค่นี้น่ะ

   “ผัวกูไม่ว่า เพราะรู้สันดานกูดี” ไอ้เจถึงกับส่ายหน้าเมื่อได้คำตอบ อย่าคิดจะชนะไอ้กลอย ถ้าเกรียนไม่มากพอเท่ามัน ขนาดผมยังสู้ไม่ไหวจริงๆ

   “กูโคตรสงสารผัวมึง ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้” ไอ้เกมส์ยังคงพูดน้ำเสียงเรียบแต่กัดได้เจ็บจริงๆ

   “ถูก” แยกย้ายครับ ไอ้กลอยตอบปุ๊บ ทุกคนก็ก้มหน้าสนใจของกินในหม้อแทน อย่าไปต่อปากต่อคำ เพราะมันจะไม่ได้อะไรเลย นอกจากความไร้สาระของมัน




   ของที่ใส่รวมในหม้อต้มตรงหน้าค่อยๆ หมดลง สปีดการกินของแต่ละคนก็ค่อยๆ ลดลง จากที่ยัดๆ ครั้งแรก ตอนนี้เริ่มโบ๊ยกันแล้วครับ อย่างตอนนี้ ไอ้เจกลายเป็นคนใจดีคีบหมู คีบกุ้งใส่ถ้วยไอ้กลอย เมื่อกี้พวกมันแย่งกันครับ พอหมูถูกวางในถ้วย ไอ้กลอยก็เงยหน้าจ้องเจ้าของตะเกียบ แก้มสองข้างยังเต็มไปด้วยลูกชิ้นและหมู

   “กูรู้ว่ามึงชอบกิน เนี่ย กูให้มึงเลยนะ” ไอ้เจพูดไปยิ้มไป ไม่สนตาโตๆ ของไอ้กลอย “อะนี่อีก ไข่มันมีประโยชน์ กูเป็นห่วงสุขภาพมึงเลยนะไอ้กลอย”

   “เห็นไอ้เจใจดีแบบนี้ กูก็อยากใจดีบ้าง” ไอ้เกมส์มันเอาด้วยครับ มือมันหยิบลูกชิ้นมาใส่หม้อต้มอีกสองจาน เล่นเอาของในปากไอ้กลอยแทบพุ่ง

   ผมควรสงสารเพื่อนใช่ไหม แต่ผมกลับหัวเราะ ไอ้กลอยก็กินนะครับ แม้จะเคี้ยวช้ามากถึงมากที่สุด บางทีมันกลืนทั้งที่ไม่เคี้ยวก็มี

   “อิ่มก็พอสิวะ” ผมทนไม่ไหวเลยยื่นมือไปหยุดการยัดของเข้าปากของไอ้กลอย มันอมของกินไว้ที่แก้มหันมามองผมตาละห้อย “อะไร”

   “กูยังกินได้” แม้จะพูดแบบนั้น แต่ตามันโคตรสื่อสารว่าไม่ไหว

   “เดี๋ยวมึงก็อ้วกหรอกไอ้ห่า สงสารกระเพาะมึงบ้าง” เถียงไม่ออกมันก็เงียบแล้ววางตะเกียบ ไอ้กลอยพยายามเคี้ยวเอื้องในปากให้หมด

   “มึงโคตรแปลก กินจนอิ่มแต่ไม่หยุด เป็นโรคป่ะ” ไอ้มีนถามอย่างสงสัย แต่กว่าจะได้คำตอบก็ต้องรอของในปากไอ้กลอยหมด ซึ่งแทบหลับรอ จะเคี้ยวช้าไปไหน

   “กูเสียดาย นานๆ มากินที” ไอ้กลอยว่า

   “แฟนมึงเลี้ยงแบบอดๆ อยากๆ เหรอ ถึงไม่ค่อยได้กิน” ไอ้เจสวนกลับแทบจะทันที

   “เลี้ยงดีดิ่ แต่ช่วงนี้ทำงานเยอะ เลยนานๆ มากินที” ทุกคนพยักหน้าให้กับคำตอบที่ได้ อิจฉามันเหมือนกันนะครับ พี่โชแฟนมันแม่งโคตรสปอยด์มันอะ แบบตามใจทุกอย่าง “กูว่า...” อยู่ๆ ไอ้กลอยมันก็เอ่ยออกมา พวกผมก็ตั้งใจฟัง “กูปวดขี้ว่ะ”

   “เชี่ย ไปเลยไอ้ห่า” ผมรีบผลักมันเลยครับ แต่แค่มันขยับ เสียงบางอย่างก็เล็ดลอดออกมา “มึงตดใช่ไหม เหี้ยโคตร” แตกสิครับรออะไร

   เสียงอาจไม่ดัง แต่กลิ่นตดมันโคตรแรงกว่ากลิ่นทุกอย่างในร้านนี้ กลิ่นมันทะลุทะลวงจนของที่ยัดเข้าไปเกือบพุ่งออกมา ไอ้กลอยวิ่งหางจุกตูดไปเข้าห้องน้ำ ก่อนไปยังสั่งให้พวกผมรออีก เอากับมันสิ

   “แม่ง ขมคอเหี้ย” ไอ้เจใช้มือปัดๆ แถวหน้าตัวเองตอนเดินออกจากร้านหลังจากจ่ายเงินเสร็จ

   “เพื่อนมึงโคตรของโคตรบ้าอะ” ไอ้เกมส์ยังปิดจมูกไม่ยอมเอาออก สงสารจริงๆ จมูกคงตันแบบสุดๆ ส่วนไอ้มีนมันเอายาดมออกมายัดรูจมูก “มึงรอมันไป พวกกูขอบาย สงสัยต้องไปซื้อยากิน แม่งกลิ่นมันจี๊ดขึ้นสมอง” แล้วพวกมันก็เดินบ่นลงบันไดเลื่อนไปครับ

   แล้วคิดว่าผมจะไม่มีอาการเหรอ ยังดีที่สนิทกับมันมานาน ยังพอรับไหว ผมเจอบ่อยครับ หนักกว่านี้ก็เคยมาแล้ว อย่างเช่นมันท้องเสียแล้วขี้แตกใส่กางเกง นึกย้อนแล้วไปก็โคตรเหี้ยอะ ดีที่ตอนนั้นไม่ไหลลงขามา...อ้วก!

   “พวกไอ้เจล่ะ” คนขี้แตกเดินหน้าบานมาหาผมที่นั่งรอ

   “มันกลับไปแล้ว ดังนั้นมึงต้องไปส่งกู” ไม่รู้มันเอารถมาหรือเปล่า แต่มันต้องไปส่ง

   “โอ้โห ไอ้นี่แผนสูง” โดนไอ้กลอยเตะเท้าไปที ไอ้นี่วอนโดนถีบ “ไปๆ วันนี้กูเอารถมา” พอผมยืนขึ้น ไอ้กลอยก็โผเข้ามากอดคอ มันตัวเตี้ยกว่าผม แม้ไม่มาก แต่ก็เตี้ย “ขี้ท้องโล่งเลย เข้าไปกินอีกรอบได้ป่ะ”

   “มึงสงสารท้องกูด้วย ไอ้ห่า”

   “ทำไมกูต้องสงสารมึงด้วย โอ๊ย ไอ้เชี่ยม่าน” ชกท้องโล่งๆ ของมันเป็นการลงโทษ




   วันนี้ไอ้กลอยเอารถยนต์มา สงสัยฟ้าจะผ่า นี่แฟนมันปล่อยให้เอารถมาได้ยังไง ล่าสุดเหมือนได้ยินว่า มันถอยไปจูบเสาซะท้ายรถบุบ เกิดมาเป็นรถของไอ้กลอยโคตรน่าสงสาร

   ...เอ่อ แต่ว่าตอนนี้ชักสงสารตัวเองซะแล้วสิ

   ไอ้กลอยมันขับรถความเร็วพอดีนะครับ แต่มันขับเหวี่ยงไปมา ขนาดผมไม่ใช่คนเมารถยังเวียนหัวเลย แม่ง มันสอบได้ใบขับขี่มาได้ยังไงวะเนี่ย

   “นี่มึงขับรถยังไงของมึงเนี่ย” บ่นสิครับ

   “ก็กูไม่ได้ขับนาน มึงต้องโทษพี่โชนู้น ถ้ากูขับบ่อยๆ ก็เก่งไปแล้ว” ดูมันเถียงสิครับ ไปโทษคนอื่นอีก

   “ถ้ามึงไม่ขับชนนู้นชนนี่ พี่เขาคงไม่ห้ามมึงหรอก กูว่า มึงไปเรียนขับรถใหม่เถอะ” ไม่ได้สงสารไอ้กลอยหรอกนะครับ สงสารเพื่อนร่วมทางของมัน “เชี่ยๆ เบรกสิวะ ไฟแดงแล้ว”


   เมื่อไหร่จะถึงหอผมเนี่ย


   “เอ่อ ถ้าไปหอมึงจะเจอไอ้เม่นไหมวะ” ช่วงติดไฟแดง มันก็เริ่มอ้าปากคุย “แม่ง เจอแต่พวกไอ้ไม้ ไอ้เบียร์ ส่วนไอ้เม่นหายหัว” ไอ้กลอยย่นคิ้วถาม ก็อยากบอกมันเหมือนกันว่า ที่ไม่เจอเพราะต้องรีบมารับผม “พอเลิกสนกูละไม่เคยเจอ”

   “มึงจะอยากเจอทำไม อยากให้ความหวังมันใหม่เหรอ” พูดน้ำเสียงปกติที่สุด แต่ไอ้กลอยกลับยิ้มล้อแล้วยื่นหน้ามาหา “อะไรของมึง”

   “หึงเหรอ หึงไอ้เม่นกับกูเหรอ แหมๆ เพื่อนม่านของกูมีมุมหึงหวงกับคนอื่นด้วย”

   “ไม่ใช่โว้ย”

   “โห มีโวยวายด้วย เพื่อนม่านของกูมาถึงจุดมีผัวแล้วน่ารักเหรอเนี่ย”

   “ผัวเชี่ยไร กูคบแบบใสๆ เว้ย”

   “ใส? ใสว่าสิบ่ถิ่มกันเหรอวะ” มันเน้นคำว่าถิ่มกัน แล้วมันก็หัวเราะลั่นรถ “เพื่อนม่านของกูเป็นคนใสๆ”

   “ไอ้เหี้ยกลอย มึงเคยอยู่ดีๆ แล้วตกรถมะ” ทำหน้าขึงขังใส่ แต่ก็ไม่อาจหยุดเสียงหัวเราะของไอ้กลอยได้ “ไอ้เชี่ยกลอย”

   “มึงต้องลอง” มันหยุดขำแล้วพูดออกมา แม่งปรับอารมณ์โคตรไว อะไรของมัน

   “ลองอะไรของมึง”

   “ถิ่มกันไง เชี่ย” ยื่นมือไปตบหัวมันเน้นๆ จนโดนถลึงตาใส่

   “ถิ่มมึงสิไอ้ห่า”

   “หรือว่ามึงกลัว? ไม่กล้าหรือไง เพื่อนม่านป๊อดเหรอ”

   “อย่ามายุกูซะให้ยาก กูไม่ใช่ไอ้ทูที่มึงยุขึ้นไอ้กลอย มึงพลาดแล้วเพื่อน” ผมยักคิ้ว ยกไหล่ให้ ไอ้กลอยส่งเสียงจิ๊จ๊ะที่ยุผมไม่ขึ้น เพราะลูกยุนี่แหละ ทำให้เพื่อนรักนายทูนอนติดเตียงเต็มๆ สองวัน สมน้ำหน้า

   “กูยุมึงไม่ขึ้น กูจะไปยุไอ้เม่น” ถ้าไม่ชั่วจริงคิดไม่ได้นะครับแบบนี้

   “คงยาก เพราะเดี๋ยวมันจะย้ายแล้ว”

   “ย้าย? ย้ายอะไร ย้ายไปไหน”

   “เห็นว่าจะย้ายคณะไปเรียนบริหาร”

   “บริหารเหรอ รุ่นน้องพี่ฝอยอะนะ ก็ดี”

   “ไม่ใช่ที่เดิม” เหมือนจะขัดความคิดของไอ้กลอย มันขมวดคิ้วหันมาทำตาใสใส่ผม “มันจะย้ายทั้งคณะแล้วก็มหาลัย”

   “มันจะย้ายไปที่เดียวกับมึงเหรอ โหย จะตัวติดเพื่อนกูมากไปละไอ้เม่น”

   ผมส่ายหน้าให้เพื่อนสุดรักที่มันเริ่มบ่นคนเดียว ไอ้กลอยเป็นพวกคนที่คิดอะไรแปลกแยกกว่าชาวบ้าน หรือง่ายๆ คือเพี้ยนนั่นแหละครับ แต่มันก็น่ารักนะ ถ้าทนกับมันได้

   “เออใช่ มึงรู้เรื่องไอ้อัธย้ายคอนโดป่ะ” เห็นถังขยะข้างถนนแล้วก็นึกขึ้นได้

   “รู้ดิ่ วันย้ายกูยังไปช่วยอยู่เลย” ย่นคิ้วหลังจากได้ยิน แล้วทำไมผมไม่รู้วะ “คอนโดนั่นเป็นของเพื่อนพี่ซัน ราคาเลยได้ส่วนลด ถ้าห้องพี่โชไม่กว้างกว่า กูคงอ้อนให้ไปซื้อละ”

   “อวดผัวรวยเหรอมึง” แขวะไป ไอ้กลอยยักไหล่อย่างหมั่นไส้ “ห้องไอ้อัธอยู่ตรงข้ามห้องไอ้เจ มึงคิดว่าไงวะ” ที่ผมถามเพราะไอ้กลอยเป็นพวกเซ้นส์แรงครับ ถ้ากระตุ้นต่อมมันปุ๊บ ระดับความสอดก็จะค่อยๆ ถูกปล่อยออกมา อย่างตอนนี้ มันค่อยๆ หันหน้ามามองผม

   “ตรงข้ามห้องไอ้เจกูก็รู้ แต่ที่มึงพูด หมายความว่ายังไง จะว่าพวกมันมีซัมติงกันเหรอ” เห็นไหมครับ กระตุ้นต่อมสอดมันปุ๊บ เซ้นส์มันก็ออกเลย

   “แล้วมึงคิดว่าไง” รอฟังความคิดเห็น

   “อืม...ไม่รู้วะ มึงก็รู้ ว่าไอ้อัธมันเป็นพวกเดายาก”

   “มึงจำถังขยะที่ไอ้อัธซื้อมาจากญี่ปุ่นได้หรือเปล่า”

   “ไอ้กระป๋องสามสีนั่นนะ ทำไมวะ” ไอ้อัธมันหวงของรักมาก ผมกับเพื่อนทุกคนจะรู้ดี “มึงพูดออกมาตรงๆ เลยได้ป่ะ ทำให้กูอยากรู้แล้วอย่าเงียบ”

   “ถังใบหนึ่งอยู่ในรถไอ้เจ” พูดจบปุ๊บ ไอ้กลอยแทบเหยียบเบรก ดีที่ไม่มีรถตามหลังมา ไม่อย่างนั้นมีจูบตูดรถเป็นแถวแน่ “จะเบรกทำไมของมึงเนี่ย”

   “ก็กูตกใจ ถังพวกนั้นมันโคตรหวง ขนาดกูขอมันยังไม่ให้” เห็นไหมครับ ไอ้อัธหวงของจริงๆ “แน่ใจนะว่าเป็นของไอ้อัธ”

   “เออ กูเล็งใบสีนั้นตั้งแต่มันกลับมา” เคยอ้อนขอตอนเห็น ไอ้อัธแทบถีบหน้าผมอะคิดดู “หวงเบอร์นั้นแต่กลับไปอยู่ในรถไอ้เจ มึงว่าแปลกหรือเปล่าวะ”

   “ไม่แปลก” อ่าว อะไรของมัน “มันไม่แปลกเลย ถ้ากูจะต้องไปเสือกเรื่องนี้”

   “ได้ความแล้วส่งต่อด้วยนะมึง”




   ตกลงเสร็จรถก็มาจอดหน้าหอพักผมพอดี เพราะคุยกันมาตลอดทางเลยกลบอาการเมารถได้ แต่ผมก็ยังยืนยันว่าให้มันไปเรียนขับรถใหม่ เรียนแบบติวเข้มๆ ว่าขับยังไงไม่กินเลน หรือเปิดไฟเลี้ยวยังไงไม่ให้โดนที่ปัดน้ำฝน

   ผมลงจากรถยืนรอส่งไอ้กลอยจนรถมันหายไปจากสายตา ลานจอดหน้าหอพักยังไม่เห็นรถไอ้เม่น คงยังไม่เลิกแน่ แต่พอก้าวขาจะเดิน เสียงบีบแตรก็ดังจนสะดุ้ง เจ้าของรถเลื่อนกระจกส่งสายตาหวานมาให้

   “พี่จะไปไหน” ไอ้เม่นยิ้มตาปิดถาม

   “กำลังมาถึงเนี่ย” ผมว่า “เพิ่งเลิกเหรอ”

   “ครับ เพราะพี่บอกจะกลับเอง ผมเลยรีบกลับมารอ เป็นแฟนที่ดีป่ะ”

   “แต่ไม่ทันไง กูมาถึงก่อน”

   “โหย นิดเดียวเอง”

   เสียงบีบแตรไล่จากด้านหลัง ไอ้เม่นเลยเลื่อนรถไปจอดที่ลาน ผมยืนรอจนมันเดินมาหาแล้วเราก็เดินขึ้นหอพักพร้อมกัน

   “วันนี้เรียนโคตรง่วง เผลอหลับไปด้วย บลาๆ” ไอ้เม่นเจื้อยแจ้วมาตลอดทางจนถึงห้อง ก็ดีนะครับ เวลาฟังมันเล่าเรื่องที่มหาลัย ไม่ก็เพื่อนของมัน “พี่ม่านฟังอยู่หรือเปล่า พี่ม่าน”

   “เออๆ ฟังอยู่เนี่ย”

   “แล้วเหม่อทำไม”

   “กูเนี่ยนะเหม่อ”

   “อืม เหม่อ ตอนนี้ก็ตาลอยๆ อาบน้ำแล้วไปกินข้าวกัน”

   “ชาบูกูยังเต็มท้องอยู่เลย”

   “แต่ผมท้องว่างมาก”

   “แต่กูอิ่ม”

   “แต่ผมยังไม่ได้กิน”

   โอเคครับ สรุปอาบน้ำพร้อมกันเพื่อประหยัดเวลาจะได้รีบไปกินข้าว แรกๆ ก็เขินนะเออ การแก้ผ้าอาบน้ำกับคนอื่นนอกเหนือจากเพื่อน ก็เพื่อนไม่เคยมองจ้องร่างกายผมตาแวววาวแบบนี้ ทั้งที่ให้มันอาบก่อนก็ไม่เอา ผมจะอาบก่อนก็ไม่ยอม สุดท้ายเลยต้องอาบด้วยกัน บ้ามาก

   “พี่ม่านครับ”

   “อะไร”

   ตอนนี้เรากำลังนั่งกินข้าวแถวๆ หน้าหอพัก ไอ้เม่นสะกิดผมยิกๆ ตั้งแต่อยู่บนห้อง
 
   “พี่ม่าน”

   “เรียกอีกทีกูเอาส้อมจิ้มตามึงแน่ พูดมา”

   “พี่โคตรขาวอะ เห็นแล้วมีอารมณ์เลย”

   “ไอ้เหี้ยเม่น อยากโดนถีบหรือไง”

   “พี่อ่า ผมเป็นวัยรุ่น วัยคึกคักนี่นา” พูดไปกัดปากไป น่าเอาส้อมจิ้มอย่างที่ว่าจริงๆ “พี่ไม่อยาก...”

   “ไม่โว้ย ไม่อยาก”

   “ผมยังไม่ได้พูดเลยว่าอยากอะไร ฮั่นแน่ คิดลามกกับผมล่ะสิ” ผมกระทืบเท้าไอ้เม่นใต้โต๊ะแต่มันชักหลบทัน “ผมรอได้น่า บอกแล้ว รอพี่พร้อม...แต่สำหรับผมนั้นพร้อมทุกเมื่อ เพราะของผมฟิตมาก”

   ผมทิ่มส้อมไปแต่ไอ้เม่นหลบทัน มันหัวเราะปากกว้างกวนโมโห ปล่อยผ่านไม่ได้นะครับ มันนอนอยู่ข้างๆ ทุกวัน กลัวว่าสักวันมันจะลักหลับผม สงสัยต้องเพิ่มชุดนอนตัวเองไปอีกสักสองสามชั้น ป้องกันไว้ก่อนก็ไม่เสียหลาย

   หรือผมจะต้องกลัวตัวเองก่อนวะ รูปร่างไอ้เม่นก็ทำให้ใจเต้นเหมือนกันนะ

   ไม่สิ ผมต้องไม่นึกภาพตาม

   โอเค ภาพมันชัดเกินไป ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมก็จ้องมันเหมือนกัน...


   แยกครับ


...TBC


กลอยประเกรียนมาแจมแบบเบาๆ (แต่กลิ่นไม่เบา) ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
เม่นรักม่านสุดๆเลยอะ ส่วนอัธกับเจอะไรยังไง อัธอะไรยังถึงย้างหอมาอยู่ตรมข้ามกับห้องเจเนี่  อิอิ  :katai3: :katai3:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
555 นางกลอยจะไปเผือกเรื่องของอัธกับเจอีกแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ตดกลอยนี่ทำพิษตลอดเลยนะ 555555

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

19



        วันหยุดที่ควรจะได้นอนพักผ่อน แต่ผมกลับต้องลากสังขารง่วงๆ มาหอไอ้อัธ เห็นแก่เพื่อนรักนะครับเลยมา ส่วนเรื่องกินฟรีนี่แค่ส่วนเล็กน้อยมากในเหตุผลที่มา...จริงจริ๊ง

   ผมไม่ได้มาคนเดียว วันนี้หนีบไอ้เม่นมาด้วย อันที่จริงไม่พามา มันก็ต้องดิ้นรนโวยวายงอแงจะมาอยู่ดี แม้มันจะไม่ค่อยระรื่นสักเท่าไหร่ คงเพราะรู้ว่า มีใครรออยู่บ้างให้ที่แห่งนั้น วันนี้พวกเพื่อนๆ ของผมนัดสังสรรค์ ซึ่งปกติจะไปกินที่ห้องแฟนไอ้กลอย แต่วันนี้มีแหล่งมั่วสุม เอ๊ย คอนโดใหม่ จึงต้องฉลองกันหน่อย...เขาว่าไง ผมก็ว่างั้นแหละครับ

   “พี่เดินลืมตาปะเนี่ย” ที่โดนถามเพราะเมื่อกี้เดินชนกับประตูลิฟต์ครับ คิดว่ามันเปิดแล้วไง ได้ยินเสียงดังติ๊งก็คิดว่าเปิดทันทีเลยเดินออกไป ที่ไหนได้ ชนไปเต็มๆ แม่งโคตรเจ็บหน้าผาก

   “มึงก็ไม่คิดจะดึงกูเลย” แอบพาลเล็กๆ แถน้อยๆ กลบความอายครับ

   “ก็ดึงไม่ทัน” ไอ้เม่นพูดไป มือก็ยื่นมาลูบหน้าผากผมไป “ดีที่ไม่ปูด”

   “ถ้าปูดกูกลับ” ตาขวางใส่คนหัวเราะหลังผมพูดจบ เออ หัวเราะได้หัวเราะไป ผมเดินหน้ามุ่ยมาถึงประตูห้อง ยกมือเคาะเรียก รอไม่นานก็มีคนมาเปิด “ของฟรีมาไวนะมึง” แขวะเพื่อนรักไป ไอ้กลอยมันก็ยักไหล่ไม่แคร์

   “เชิญครับเพื่อนม่านและแฟนเพื่อน” ดูมันกวน ถ้าไม่ติดว่าแฟนมันจ้องมาละก็ ผมยกขาเตะมันไปแล้ว “คิดซะว่า เป็นห้องของมึงเลยนะ นั่งๆ ไอ้เม่นนั่งเลย ไอ้ทู แจกแก้วสิวะ” ทำตัวเยี่ยงเจ้าของห้อง ทั้งที่เจ้าของห้องตัวจริงกำลังวุ่นอยู่หน้าเตา

   “ไอ้อัธมันทำอะไรวะ” ผมถามขณะรับแก้วน้ำอัดลมจากไอ้ทู เพื่อนสนิทสุดเลิฟ คู่หูของผมเอง เมื่อก่อนตัวติดกัน เดี๋ยวนี้มันติดแฟนมันแทน

   “ทำมื้อเที่ยง” ไอ้ทูว่า ผมเห็นมันหรี่ตามองไอ้เม่นตอนเอาแก้วให้ “ได้ยินจากไอ้กลอยว่ามึงคบกันแบบใสๆ เหรอวะ” พอไอ้ทูโพล่งออกมา ทุกเสียง ทุกสายตาต่างก็พุ่งมาที่ผมกับไอ้เม่น

   “ถามทำพ่อง” ตบหัวไอ้เพื่อนคู่หูเป็นการตอบแทนสำหรับคำถาม ผมกระพริบตาปริบๆ ให้สมองเตรียมคำตอบที่กำลังจะถาโถมมาจากบรรดาผู้สอด เอ้ย ผู้อยากรู้ทั้งหลายที่ส่งสายตากดดันแล้ว “มองกันขนาดนี้ถามมาเลยก็ได้นะครับ” บอกบรรดารุ่นพี่มหาลัยที่สนิท แม้เราจะเรียนคนละคณะ แถมพี่เขาก็เรียนจบไปแล้ว แต่ความรักและความสนิทสนมกลมเกลียวยังคงแน่นแฟ้น

   “นี่...พวกมึงสองคนยังไม่ได้กันอีกเหรอวะ” พี่คนถามชื่อแทมครับ หากจำกันได้ พี่เขาคือคนที่พาผมไปเลี้ยงข้าว

        “รักกัน เรื่องอย่างว่าไม่จำเป็นก็ได้” ตอบแบบเซเลปนิดๆ เลยโดนตบหัวข้อหาหมั่นไส้จนสมองแทบจะไหล เบามือบ้างครับพี่ครับ 

   “ตอแหลสัด” ตวัดสายตามองเจ้าของห้องที่มันตะโกนมา



   โลกมันโหดร้ายจังนะครับ ผมถูกทำร้ายและใส่ร้ายจากพวกคนนิสัยไม่ดี



   “กูไม่ได้ตอแหลไอ้ห่า” เถียงคอแทบจะเป็นเอ็น “พี่แทม หน้าพี่จะทิ่มหน้าไอ้เม่นอยู่แล้ว” ผมรีบดึงเสื้อไอ้เม่นให้ขยับถอยหลัง ไอ้นี่ก็นั่งนิ่งให้พี่เขายื่นหน้ามาหา สงสัยจะเกร็ง หรือไม่ก็ อยากลองของแปลก

   “หวงกับกูเหรอ กูไม่พิศวาสผัวเด็กมึงหรอก ไม่ใช่สเปค” พี่แทมพูดจบเสียงหัวเราะก็ดังรอบทิศ “นี่ไอ้น้อง อย่าหาว่าพี่สอนเลยนะ คิดจะเอาเมียต้องรวบรัด ถ้าไม่ยอมแม่งก็มัดแล้วลากขึ้นเตียงเลย”

   โว๊ย ผมกระทืบพี่แทมได้ไหมเนี่ย

   “พี่แทม!”

   “ไม่ก็ ถามเคล็ดลับเพื่อนกูได้ มันเชี่ยว” พี่แทมยังพูดต่อไม่สนรังสีอำมหิตจากสายตาคนถูกพาดพิง “เรื่องนี้อย่าอาย ได้ยินมะ ด้านได้เมีย อายอดได้เมียนะมึง”

   “พี่แทม ผมไหว้ล่ะ” ยกมือขึ้นไหว้จริงๆ แต่ก็ยังถูกเมิน ไอ้เม่นกระพริบตาปริบๆ ดูตั้งใจฟัง ไอ้นี่ก็อีก อย่าไปฟังสิวะ คนไร้สาระ เรื่องมันก็มีแต่เรื่องไร้สาระ

    “มึงอย่าแกล้งน้องมัน” เสียงสวรรค์ดังจากด้านใน ผมเบะปากอยากจะขอบคุณพี่จอมที่ช่วยห้าม แต่... “เรื่องพวกนี้ไม่ต้องสอนเพราะถ้าจระเข้ว่ายน้ำไม่เป็นก็จม”

   “เกี่ยวอะไรกับจระเข้เหรอพี่” ไอ้กลอยถามออกมาอย่างสงสัย

   “ไอ้โง่ ก็เรื่องบนเตียงไม่มีใครสอนได้หรอกเว้ย ลีลาใครลีลามัน” พี่จอมพูดเสร็จก็หันไปยักคิ้วให้แฟนตัวเอง

   โว้ย พวกเขากำลังปลุกความหื่นในตัวไอ้เม่นอยู่นะ

   “ไอ้เม่น อย่าไปฟัง” ยื่นมือไปปิดหูคนของผม “พวกพี่นี่นะ ให้ผมอยู่แบบธรรมดาบ้างก็ได้”

   “มึงจะเป็นคนธรรมดาในฝูงเทวดาไม่ได้” พี่ตินพูดขึ้นหลังจากเอาแต่นั่งขำ

   “ฝูงนี่มันใช้กับควายหรือเปล่าพี่” โดนครับ ไอ้กลอยถูกเท้าพี่ตินถีบหลังเต็มๆ ข้อหากวนตีน

   “พอเถอะ ได้โปรดเห็นใจไอ้ม่านคนนี้บ้าง” ว่าอย่างเหลืออด

   “จะให้กูเห็นใจมึง? ถอดเสื้อสิ กูจะได้เห็น”

   “เห็นแต่นมน่ะสิพี่”

   “งั้นไอ้อัธ เอามีดมาดิ๊ กระซวกเอาใจไอ้ม่านออกมาดู มันบอกให้เห็นใจมัน”

   โว้ย พวกพี่เขาทำไมเป็นคนคุยยากแบบนี้วะ

   ผมถอนหายใจมองกลุ่มรุ่นพี่ที่สนิทนั่งสอนไอ้เม่นให้กดผมลงเตียง วิธีแต่ละคนแม่งโคตรจะรับไม่ได้ อยากตอกกลับเหลือเกินว่าให้เก็บไว้ใช้เอง แต่หาจังหวะแทรกไม่ได้เลย


         แล้วความสนใจเรื่องบนเตียงก็ถูกขัด เมื่อกับข้าวหอมๆ ถูกวางลงบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้า กลิ่นหอมของสปาเก็ตตี้ไวท์ซอสกำลังทำให้น้ำย่อยในท้องปั่นป่วน แม้ฝีมือเจ้าของห้องจะสู้ร้านอาหารหรูๆ ไม่ได้ แต่ก็อร่อย ยืนยันได้จากการแย่งชิงของคนที่อยู่ในห้อง ผมคาบส้อมไว้ในปากมองบรรดารุ่นพี่ร่วมสถาบันแย่งของอร่อยในชามใหญ่ ผมแย่งมาได้แค่คำเดียวเอง

   “พี่ม่าน” เสียงกับส้อมที่ม้วนสปาเก็ตตี้มาจ่อที่ปาก ผมหันไปมองเจอไอ้เม่นยิ้มตาหยี “ผมแย่งมาได้”

   “กินเถอะ” แม้จะกลืนน้ำลายเวลาพูดอยู่หน่อยๆ ก็ตาม

   “พี่กินเถอะ เพราะยังไงแล้วมันก็ไม่อิ่ม” ไอ้เม่นว่าพร้อมขำ ก็จริงของมัน ชามใหญ่แต่คนในห้องอยู่นับสิบ มันจะไปพอยาไส้อะไร

   “ค่อยซื้อไปทำกินที่ห้องก็ได้” ผมว่า

   “พี่ทำเป็นเหรอ”

   “ซื้อแบบสำเร็จรูปไปเวฟเอา”

   “ว่าแล้ว”

   ผมกับไอ้เม่นเริ่มไม่สนใจการแย่งชิงอาหาร ถึงจะสนไปก็เท่านั้น ยังไงก็ไม่ได้กินอยู่ดี ส่วนเจ้าของห้องเอาแต่หัวเราะที่เห็นคนอื่นด่ากันเมื่อแย่งกินไม่ได้

   ผมว่า ผมมีเรื่องที่ควรสนใจใหม่แล้วล่ะ

   “มึงไม่ชวนคนอื่นมาด้วยเหรอ” ลุกเดินไปหาไอ้อัธที่ยืนพิงโต๊ะอาหาร มันมองผมอย่างหน้างงๆ คงไม่เข้าใจคำถาม “ก็ห้องตรงข้ามมึงอะ”

   “ไอ้เจไง” ไอ้กลอยโผล่มาจากไหนไม่รู้ ทำเอาผมกับไอ้อัธสะดุ้งโหยง

   “ทำไมกูต้องชวน” เสียงกับหน้านิ่งๆ ของเพื่อนยิ่งกระตุกต่อมความอยากรู้ของผมกับไอ้กลอย

   “อ่าว คนรู้จักไง อีกอย่าง มันเป็นเพื่อนกูนะ” ผมว่า

   “เพื่อนมึง มึงก็ไปชวนเองสิ” ว่าอย่างไร้เยื่อใยสุดๆ

   “โห ไอ้คนแล้งน้ำใจ” ไอ้กลอยว่า ซึ่งผมก็เห็นด้วย “งั้นกูไปชวนเองก็ได้”

   ผมกับไอ้กลอยเดินปึงปังออกจากห้อง ก่อนไป ผมไม่ลืมฝากไอ้เม่นให้รุ่นพี่ดูแล ไม่รู้ว่ากลับมาไอ้เม่นจะมีสภาพยังไง แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันมองผมตาละห้อยแบบนั้นตอนเดินผ่าน




   ออกจากห้องมา ผมก็เดินไปฝั่งตรงข้าม เคาะประตูจนมือแทบหักก็ไร้เสียงตอบกลับ ไอ้เจมันไม่น่าจะหลับลึกแบบนั้นนี่นา คนประสาทไวแบบนั้น

   “ทำไมมันไม่มาเปิดประตูวะ” ผมว่า ไอ้กลอยย่นคิ้วใช้ความคิด

   “มึงก็โทรไปหาสิ มือถือมีไว้ทำไม” โดนมันด่า แต่ก็จริงของมัน

   ผมกดโทรออกหาเพื่อนสนิท รอสายอยู่นานกว่ามันจะรับ เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาทำเอาขมวดคิ้ว

   “มึงอยู่ไหนวะไอ้เจ” ผมกรอกเสียงลงไป
 
   (กูอยู่ห้างกับแม่ มึงมีอะไรหรือเปล่า) เสียงดังอึกทึกคึกโครมทำให้พอรู้ว่า มันพูดจริง

   “กูแค่จะชวนมึงมากินเหล้าห้องไอ้อัธ” ผมพูดพลางเหล่ตามองไอ้กลอยที่ยื่นหูมาแนบฟังด้วย 

        (อ่าว เมื่อเช้ากูก็บอกไอ้อัธแล้วนะว่ากลับบ้าน มันไม่ได้บอกมึงเหรอ ไอ้มู่แค่นี้นะ กูโดนคุณนายบ่นแล้ว)

   แล้วไอ้เจก็วางไปแล้ว ผมกับไอ้กลอยเลยมองหน้ากันแบบนิ่งๆ ต่อมอยากรู้กระดิกสั่นริกๆ แบบรัวๆ มันต้องมีอะไรแน่นอนล้านเปอร์เซ็น แม้จะผิดแผนไปหน่อย แต่ก็มีพิรุธที่จับได้

       ผมกับไอ้กลอยคิดว่าหากพาไอ้เจเข้าห้อง น่าจะได้รู้ ได้เห็นปฏิกิริยาอะไรบ้าง เพราะไอ้อัธเป็นพวกเก็บความลับโคตรเก่ง ถ้าเรื่องไหนมันไม่บอกเองก็ไม่มีทางรู้ ดังนั้น ต้องใช้วิธีนี้วิธีเดียว

   แต่ก็แห้วรับประทาน

   “กลับห้อง” ผมว่า


   เปิดห้องกลับเข้ามาเห็นคนที่ผมฝากฝังกำลังนั่งดีดกีต้าร์ร้องเพลงให้คนอื่นฟัง แต่ละคนทำหน้าเคลิ้มซะเหมือนเมา หรือว่าอิ่มจนง่วงก็ไม่รู้ ผมละสายตาจากไอ้เม่นแล้วตรงดิ่งไปหาเพื่อนชายนายอัธที่กำลังหาอะไรอยู่หน้าตู้เย็น

   “ไง” พอไอ้อัธเห็นผมกับไอ้กลอยก็ถามขึ้น

   “มันไม่อยู่” ผมว่า

   “เหรอ” ไอ้อัธขานรับแบบเฉยเมยมาก ผมเลยต้องสะกิดไอ้กลอยให้พูดบ้าง เพราะมันเอาแต่จ้องอย่างเดียว

   “มึงรู้อยู่แล้วว่ามันไม่อยู่ ทำไมไม่บอก แถมยังให้พวกกูออกไปเรียกมันอีก” พอไอ้กลอยว่า ไอ้อัธก็หันมามองอีกรอบ ไม่ใช่ว่าผมไม่สังเกต หากเป็นไอ้กลอยหรือเรื่องไอ้กลอย ไอ้อัธมักจะดูกระตือรือร้นมากกว่าคนอื่น อย่างเช่นตอนนี้ที่มันยืนขึ้นเต็มความสูง หลังจากนั่งค้นหาของในตู้เย็น “มึงแกล้งกูเหรอ”

   “มึงไม่ถามเองจะให้กูบอกว่าไง” ผมมองไอ้อัธที่ใช้นิ้วจิ้มหน้าผากไอ้กลอยจนหน้าหงาย แม้เซ้นส์ไอ้ม่านไม่แรง แต่ก็พอใช้ได้นะครับผม

   “กูผิดเหรอ” ไอ้กลอยปัดมือที่จิ้มหน้าผากมันออก

   “อืม”

   “อ่อ”

   ถึงกับต้องยกมือขึ้นเกาหัวเมื่อสองเพื่อนซี้ต่างแยกย้ายไปคนละที่ อะไรของพวกมันเนี่ย ไอ้ม่านงง



   พอไม่ได้ความอะไร ผมก็เดินย้อนกลับมาหาไอ้เม่น ตอนนี้มันวางกีต้าร์แล้วเพราะทุกคนที่นั่งฟังหลับ ดีเนาะ กินฟรี มีเพลงให้ฟัง มีแอร์เย็นๆ ให้นอนสบาย ดีจริงๆ

   “เพื่อนพี่ไม่มาเหรอ” ไอ้เม่นกระซิบถาม คงกลัวพวกรุ่นพี่จะตื่น ผมส่ายหน้านิดๆ บอก “เหรอ แล้วนี่เราต้องอยู่ถึงค่ำป่ะ”

   “กูว่าจะไม่อยู่ ขี้เกียจ” ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนผมตัวคนเดียวคงอยู่รอนั่นแหละครับ ของฟรี ของดีอีก ไม่รอก็บ้าแล้ว แต่นี่มีไอ้เม่น ผมกลัวว่ามันจะเบื่อ

   “งั้นเราซื้อไปกินบนห้องก็ได้เนอะ” ยักคิ้วให้เมื่อเห็นว่าเป็นความคิดที่ดี “กลับเลยไหม”

   “ใจร้อนจริง” ไอ้เม่นดูระริกระรี้ตอนชวนกลับ สงสัยจะเบื่อนั่นแหละครับ ก็นะ อยู่กับบรรดาคนไม่ค่อยเต็ม คงปวดหัวน่าดู ดีนะที่ผมเป็นคนสติเต็มร้อย

   ผมตัดสินใจเดินไปสะกิดไอ้กลอยที่นั่งอ้อนแฟนมัน ได้ยินมันฟ้องว่าถูกไอ้อัธแกล้ง ผมบอกว่าจะกลับ ไอ้กลอยก็โบกมือไล่ ส่วนพี่โชแฟนมันยิ้มให้น้อยๆ บอกคู่รักแห่งปีเสร็จ ผมก็เดินไปบอกไอ้อัธ จะกลับไม่บอกเจ้าของห้องคงไม่ดีเท่าไหร่

   “ไปเถะ” ผมเดินนำไอ้เม่นออกมาจากห้อง มือที่ว่างถูกจับหมับจนเกือบจะดึงออกเพราะตกใจ คนจับยิ้มตาหยีให้ “อะไรของมึงเนี่ย”

   “เดี๋ยวพี่หลง” ตอนแรกก็ทำหน้างงว่าผมจะหลงไปไหน แต่เห็นรอยยิ้มของมันแล้วก็พอจะรู้ว่าไอ้เม่นหมายถึงหลงอะไร “จับไว้แบบนี้ดีจัง อุ่นด้วย”

   “ร้อนสิไม่ว่า” มือมันร้อนจริงๆ ครับ เหงื่อเต็มมือเลย “หิวอะ ไปหาอะไรกินก่อน”

   “ได้ขอรับ นายเม่นคนนี้พร้อมรับคำสั่งจากพี่ม่านเสมอ” ผมหลุดขำ เมื่อเห็นไอ้เม่นตะเบ๊ะเหมือนทหาร “ว่าแต่ รุ่นพี่พวกนั้นโคตรตลก”

   “ปกติ แรกๆ อาจจะดูน่ากลัว พออยู่นานๆ พวกพี่เขาก็น่ารักดี เป็นที่พึ่งได้ดีมากเชียวล่ะ” ผมว่า

   “ก็คงงั้น” เหล่ตามองไอ้เม่นที่ยิ้มแปลกๆ

   “ดีทุกเรื่อง ยกเว้นคำแนะนำ มึงอย่าไปฟังมาก มีแต่เรื่องไร้สาระ” ต้องรีบขวางก่อน ไม่รู้ไอ้เม่นถูกเป่าหูอะไรมาบ้างช่วงที่ผมออกจากห้อง

   “บางอย่างก็มีสาระนะ” หันขวับไปมอง ไม่นะ มึงอย่ายิ้มสยองแบบนั้น “อย่างเช่น แนวข้อสอบเข้ามหาลัย” ถึงกับถอนหายใจเมื่อได้ยิน

   “มึงถามพวกพี่เขาเหรอ” อันที่จริง เห็นไร้สาระแบบนั้นเรียนเก่งกันทุกคนนะครับ หัวกะทิทุกคน ไอ้เม่นพยักหน้าลงเป็นคำตอบ “ก็ดี พวกพี่เขาเรียนเก่ง”





   ผมเลือกจะซื้อข้าวกลับไปกินที่ห้อง สังเกตเห็นไอ้เม่นเงียบๆ บางครั้งคิ้วมันก็ขมวดเหมือนกำลังใช้ความคิด หรือมันเครียดเรื่องจะสอบเข้าก็ไม่รู้ ผมเก็บจานที่กินเสร็จไปล้าง ปล่อยให้ไอ้เด็กต่างมหาลัยนั่งเงียบๆ ของมันไป เก็บจานเสร็จก็พอดีกับมือถือตัวเองดัง ผมรีบวิ่งไปรับ หน้าจอโชว์เบอร์ไม่คุ้น

   “ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงนิ่งๆ ตาก็เหล่มองคนที่ยื่นหน้ามาแนบฟังด้วย

   (พี่ม่านใช่ไหมครับ ผมแว่นเองนะ) ชื่อที่ได้ยินทำเอานิ่งไปนิดๆ ก่อนหน้าเด็กที่ใส่แว่นกลมๆ จะลอยเข้ามา
 
   “อ๋อ จำได้ละ มีอะไรหรือเปล่า แล้วรู้เบอร์พี่ได้ยังไง” สุภาพนิดหนึ่ง กับเด็กปีหนึ่งต้องปั้นหน้าทำตัวเป็นคนดีนิดหนึ่ง แม้รู้ว่าไม่ค่อยจะทันก็เถอะ ช่วงแรกหยาบใส่มันพอดู ว่าแต่ มันรู้เบอร์ผมได้ยังไงวะครับ ผมไม่เคยให้เบอร์เด็กปีหนึ่ง หรือมันได้มาจากพี่รหัสมัน ไอ้เชี่ยนี่แจกเบอร์ไปเรื่อย

   (ได้มาจากพี่รหัสครับ) นั่นไง ทำไมไม่ถูกหวยแบบนี้วะ

   “แล้วมีอะไร”

   (คือผมจะเอาขนมให้พี่ เลยจะโทรถามว่าอยู่ในมอหรือเปล่าตอนนี้) ไอ้เด็กนี่มีน้ำใจ

   “พี่ไม่เข้ามอวันนี้อะ แต่ขอบใจมาก” ผมว่า “เอาจริงๆ พี่ต้องเลี้ยงหรือเปล่าวะ” กำลังคิดจะเลี้ยงเหมือนกันครับ แต่ต้องรอนัดสายก่อน อีกอย่าง ตังค์หมด 

   (งั้นผมจะรอนะครับ แล้วนี่เบอร์ผมนะ พี่อย่าลืมบันทึกเบอร์หลานรหัสนะครับ สวัสดีครับ) ปลายสายวางไปแล้วหลังคุยจบ แต่ดูเหมือนมีคนยังไม่จบ ไอ้เม่นหน้างอจ้องหน้าผมในระยะประชิด

   “อะไรของมึง จะนับขนตากูหรือไง” หน้ามันแทบจะชนหน้าผมอยู่แล้ว

   “ใครอะ” เสียงไอ้เม่นโคตรนิ่ง หน้าที่ขยับออกห่างนิดๆ ฉายแววโหดเหี้ยม

   “หลานรหัส” ผมบอก ก่อนจะลุกขึ้น แต่กลับถูกดึงให้นั่งลงตามเดิม “อะไร”

   “ห้ามทำให้ผมหึงนะ ผมขี้หึงมาก” เลิกคิ้วมองคนบอกว่าตัวเองขี้หึง “ไม่ได้ล้อเล่น”

   “เออ กูเชื่อ” จิ้มหน้าผากคนบอกขี้หึงไปจนหน้ามันหงาย ผมยังจำภาพงานวันเกิดเพื่อนมันได้ดี หน้าตาไม่ได้โหดแบบเล่นๆ บอกปุ๊บไอ้เม่นก็เริ่มคลี่ยิ้มพร้อมส่งแขนยาวๆ มาโอบเอวผม หน้าขาวซบที่อกจนรู้สึกจั๊กจี๋

   “พี่ห้ามมองคนอื่น เพราะพี่เป็นของผมคนเดียว เข้าใจหรือเปล่า” ก็อยากจะตอบแต่ต้องกลั้นหายใจเมื่อถูกจูบตรงหน้าอกด้านซ้าย

   “ทำเชี่ยอะไร ขนลุก”

   “จูบหัวใจไง”

   “หัวใจหรือหัวนม”

   “ทั้งคู่”

   “ไอ้!”

   ยกมือเขกหัวไอ้คนหื่น ไอ้เม่นหัวเราะร่าไม่เหลือเค้าตอนขากลับ ไม่รู้ว่าที่เงียบๆ นั่นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ อยากถามตามต่อมเผือก แต่ก็ไม่กล้า

   “พี่ม่าน” เสียงเรียกของคนที่กอดเอวทำให้ผมก้มหน้ามอง ไอ้เม่นช้อนสายตาขึ้นมาโคตรน่ารัก “ถ้าผมสอบติด...”

   “อยากได้อะไร” ผมขัดขึ้นเมื่อรู้ทัน

   “ผม...” รอฟังของที่อยากได้ แต่มือที่ลูบอยู่แถวๆ ก้นมันช่างดึงความสนใจซะจริงๆ “คือผม...”

   “ผมอยู่บนหัว แต่มือมึงอยู่ที่ก้น จะลูบให้เลขขึ้นหรือไงวะ” ผมดึงหูไอ้คนหัวเราะแห้งๆ แต่มันก็ไม่มีท่าทางสลด

   “โหย ก็อยู่ใกล้พี่ทีไร กลิ่นพี่ทำให้ผมเบลอเผลอคึกทุกทีเลย”

   “งั้นมึงก็อยู่ไกลๆ” ยิ่งว่ายิ่งดันหัว ไอ้เม่นยิ่งรัดเอวผมแน่นขึ้นไปอีก ผมไม่ได้เป็นเด็กอมมือที่ไม่รู้ว่ามันต้องการอะไร ทั้งสายตา ทั้งการกระทำมันเห็นชัดอยู่แล้วกับสิ่งที่มันอยากขอ แต่บางทีมันก็ต้องให้เวลาผมทำใจบ้าง “กูรู้ว่ามึงอยากได้อะไร แต่...แต่กู” ผมอึกอักไม่กล้าพูด ต่างจากไอ้เด็กที่จ้องหน้าผมตาแป๋วฉายแววอยากรู้เต็มแก่ “แต่กูไม่กล้า” ไอ้เม่นทำตาโตก่อนปล่อยเสียงหัวเราะออกมา แค่นี้ผมก็อายจะแย่ที่พูด มันยังมาหัวเราะใส่อีก 

   “เรื่องพวกนี้มันต้องใช้ความกล้าด้วยเหรอ” ไอ้เม่นถาม มือมันยกเช็ดน้ำตาที่เล็ดออกจากหางตา
 
   “เออสิ มึงลองนอนให้กูเอาป่ะล่ะ แบบนั้นกูจะไม่กลัวเลย” ผมรู้ตัวดีว่ากดไอ้เม่นไม่ได้แน่นอน ดังนั้นผมก็ต้องเป็นฝ่ายรับ ผมคิดถูกใช่ไหม ดีนะที่อ่านการ์ตูนแนวนี้มาบ้าง ต้องขอบคุณไอ้กลอยที่เอามาให้อ่านทำให้ไม่ตกเทรน   

   “เอาจริงอะ” คนกอดเอวผมผละลุกไปนั่ง ดวงตามันจ้องอย่างตื่นๆ

   “เออ” ไอ้เม่นถึงกับกระโดดไปยืนข้างเตียงมือจับก้นตัวเองเมื่อได้คำยืนยัน หน้ามันโคตรตลกจนต้องขำออกมา “หน้ามึงโคตรตลก”

   “พี่แกล้งผมเหรอ” หน้าหงิกยิ่งตลก ผมล้มตัวนอนหัวเราะตัวงออยู่บนเตียง แกล้งเด็กมันดีอย่างนี้นี่เอง “โอ๊ย ปวดท้อง”

   “ได้” มัวแต่หัวเราะจนเปิดโอกาสให้ไอ้เม่นตะครุบ มันทิ้งน้ำหนักตัวกดทับซะผมแบนติดเตียง “เล่นผิดคนซะแล้วนะจะบอกให้”

   “เชี่ย ไอ้เม่น” ถูกมันคลุกวงในอีกแล้ว ผมรีบจับมือร้อนของมันที่พยายามลวนลาม ไอ้นี่เปิดช่องว่างไม่ได้เลยนะ “โอ๊ย กูจั๊กจี้” ดิ้นเป็นไส้เดือนถูกขี้เถา พอผมดึงมือมันออกจากท้อง มันก็เปลี่ยนมาจี้เอวผมแทน ตอนนี้หัวเราะใกล้จะตายแล้วครับ แม่ง

   “ยอมหรือยัง” ไอ้เม่นไม่มีท่าทีจะหยุด มือย้ายจากเอวมาจิ้มแถวอก พอปัดที่อกย้ายลงไปที่เอว “ยอมหรือยัง จะยอมผมหรือยัง”

   “เออๆ กูยอม พอแล้วๆ” ขำจนหน้าแดงแน่ๆ ตอนนี้ ผมพูดปุ๊บ มือที่จี้ก็หยุด “จะทำให้กูหัวเราะตายหรือไง” นอนหอบเหนื่อยจากการหัวเราะ มือก็ยกเช็ดน้ำตาตัวเองที่ไหลออกมาอย่างเยอะ

   “ใครจะฆ่าคนรักตายได้เล่า รักออกขนาดนี้” ดูปากมันครับ ไอ้เม่นยิ้มก่อนจะซบหน้าบนอกของผม มือมันสอดไปด้านหลัง ตอนนี้ผมถูกมันกอดไว้ทั้งตัวและแนบชิดสุดๆ

   “จะอ้อนเอาอะไร หรือจะเอาของขวัญถ้าสอบได้?” ลองถามอีกรอบ อยากรู้มันจะกล้าบอกในสิ่งที่ต้องการหรือเปล่า

   “ถ้าผมสอบได้ พี่ย้ายไปอยู่กับผมที่คอนโดนะ” คำขอที่ผิดคาดไปนิด ผมขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยิน “ห้องของพี่ผมก็อยู่ได้นะ แต่มันแคบไปแถมดูไม่ปลอดภัยด้วย”

   “ไม่ปลอดภัยยังไง” ผมอยู่มาเข้าปีที่สามยังไม่เห็นมีอะไร

   “เมื่อวานผมได้ยินคนข้างล่างคุยว่า ของหาย มีโจรงัดห้อง”

   “จริงดิ่ ทำไมกูไม่เห็นรู้” ป้าที่นั่งเคาน์เตอร์ไม่เห็นบอกผมเลย “โม้หรือเปล่ามึง”

   “ผมพูดจริงๆ พี่ไปถามได้เลย พี่ห้องสองสองหนึ่ง” น้ำเสียงโมโนโทนดูไม่น่าจะโกหก “นะ ไปอยู่คอนโดผม แม้มันจะไกลมหาลัยไปหน่อย แต่ก็ปลอดภัยกว่าเยอะเลย”

   “จำเป็นเหรอวะ”

   “มาก”

   “ถ้าสอบติดนะ” เห็นจากสายตาเว้าวอนนั่นก็ใจอ่อนทุกที สุดท้ายก็ต้องรับปาก ทั้งที่ไม่อยากจากห้องนี้ไป ผมรู้สึกผูกพันนะ อยู่มาหลายปี เคยร่วมทุกข์จากท่อน้ำรั่ว ร่วมสุขจากการได้มิตรภาพดีๆ จากข้างห้องเมื่อตอนปีแรกๆ

   “ได้อยู่แล้ว ไอ้เม่นซะอย่าง คอยดูเถอะ จะเอาท็อปให้ดู” ผมถูกหอมแก้มซ้ายแก้มขวาจนแทบช้ำ “ขอบคุณนะ”

   “อย่าเพิ่งขอบคุณ ทำให้ได้ก่อน”

   “รับทราบ”

   นี่ผมรักไอ้เด็กคนนี้มากเกินไปใช่ไหม ใช่ เกินไปมาก มากซะจนยอมตามใจ ยอมให้มันคลุกวงใน ยอมให้มันหอมแก้ม ให้จูบ ทั้งที่ผมโคตรหวงตัวกับคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนสนิท นี่ผมรักมันแบบปฏิเสธไม่ได้แล้วสินะ

   ก็ได้



   ผมรักไอ้เม่น



...TBC

ขอโทษที่มาช้า (อีกแล้ว)  :mew2:
ต่อไปจะไม่สัญญา แต่จะพยายามทำให้ดีขึ้นค่าา
ขอบพระคุณค่า (ก้มกราบ)

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
ม่านเสร็จเม่นแน่ๆๆ :katai5:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เม่นน่ารักน้าาา ยอมๆไปเถอะม่าน

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

20



        บรรยากาศตอนเช้ากับตอนค่ำช่างแตกต่าง ผมหมายถึงในห้องพักผมนี่ละ สาเหตุมาจากไอ้แฟนเด็กของผมที่กลับมาจากมหาลัยก็เอาแต่นั่งหน้าเครียดอ่านหนังสือเอาเป็นเอาตาย ผมมาเห็นกับตาก็วันที่มันทำโจทย์คณิตได้คะแนนเต็มจากหนังสือที่ซื้อมา

   สมกับที่มันโม้ไว้จริงๆ

   “กินข้าวเลยไหม” ผมถามขณะนั่งยองๆ ข้างคนตั้งใจอ่านหนังสือ ไอ้เม่นเงยหน้ามามอง นิ้วมือยกดันแว่นกรอบสีน้ำเงินที่จมูกขึ้นแล้วพยักหน้าช้าๆ “วันนี้ซื้อราดหน้านะ”

   “ผมกินได้หมดถ้าพี่ม่านซื้อมา” ไอ้เม่นพับหนังสือเก็บไว้เพื่อให้ผมวางชามราดหน้า

   ตั้งแต่มันรับปากเรื่องสอบเข้ามหาลัยผม ไอ้เม่นก็กลายเป็นเด็กมุ่งมั่นตั้งใจกับหนังสือ ชวนไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่ค่อยจะไปหากไม่จำเป็น ผมว่า หากผมได้ส่วนนี้มันมาสักครึ่ง การเรียนผมคงได้ท็อปแน่นอน

   “เอาแต่อ่านหนังสือสอบ หนังสือเรียนอ่านบ้างหรือเปล่า” ถามคนตั้งใจกินและอ่านหนังสือ ขนาดตอนกินมันยังอ่านคิดดู
 
   “อ่านแล้ว” ไอ้เม่นตอบหลังกลืนราดหน้าคำโต “เอ่อ ผมต้องไปทำรายงานกลุ่ม”

   “ที่ไหน วันนี้เหรอ” อยู่กันมานานมันก็ต้องถามเป็นธรรมดา ไอ้เม่นเงยหน้าจากหนังสือมายิ้มให้ผม

   “ตอนแรกจะให้มาทำที่นี่แต่เกรงใจ เลยนัดกันไปทำที่ใต้ตึกคณะแทน”

   “เพื่อนกลุ่มนั้นอะนะ”

   “ไม่ใช่ครับ นี่เพื่อนคนละกลุ่ม รุ่นน้องพี่กลอย” พอได้ยินชื่อเพื่อนตัวเองผมก็พยักหน้ารับ “พี่ไปด้วยกันไหม”

   “ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ไปเถอะ” ว่าก่อนตักราดหน้าเข้าปาก

   “ช่วยสิ ช่วยเป็นกำลังใจไง” แทบสำลัก ผมมองคนเสี่ยวตาขวาง “ไปนะ ไปด้วยกัน” เหล่ตามองคนคะยั้นคะยอ ก่อนพยักหน้ารับ เห็นแก่สายตาออดอ้อนของมันหรอกนะ

   ราดหน้าในชามหมดอย่างไว ไอ้เม่นดูกระตือรืนร้นเอามากๆ มันแบกเป้ที่มีทั้งหนังสือกับแล็ปท็อปราคาแพงของมันขึ้นหลัง เห็นแล้วกลัวหลังมันจะหัก

   ไอ้เม่นขับรถของมันพาผมมุ่งหน้าสู่มหาลัยที่มันเรียน ผมก็เคยมาบ่อยอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนนี้เรียนหนัก อีกอย่าง ไอ้กลอยก็ยุ่ง มาก็ไม่ได้เจอ ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด

   มหาลัยที่นี่ดูไม่ต่างจากมหาลัยผมมากนัก โดยเฉพาะต้นไม้ที่ปลูกเยอะพอๆ กัน กลางวันให้ร่มเงา กลางคืนก็หลอนเบาๆ ไอ้เม่นเลี้ยวรถไปเรื่อยๆ จนมาหยุดหน้าตึกสูง ผมเปิดประตูรถออกมาโดยมีไอ้เม่นยืนยิ้มแป้นรออยู่

   “เพื่อนมึงรออยู่แล้วหรือต้องมารอวะ” ที่ถามเพราะบรรยากาศดูเงียบๆ ทั้งที่ยังไม่ดึกมากแต่คณะนี้ดูเงียบพิกล

   “รออยู่แล้ว พี่กลัวผีเหรอ” มองตาขวางใส่ไอ้เด็กที่หัวเราะเยาะ “ล้อเล่นน่า ผมอยู่มาตั้งนานยังไม่เคยเจอ” อยู่ๆ ผมก็ถอนหายใจออกมาเฉย

   เดี๋ยวนะ ผมไม่ได้กลัวผีสักหน่อย

   “รีบๆ เดิน พูดมากจริงมึง” รีบเดินกระแทกไหล่แซงมันไป ไม่สนเสียงหัวเราะที่ตามหลังมาติดๆ

   “พี่รู้ทางเหรอ” ไอ้นี่ดูถูกจริง

   “รู้ดิ่ กูมาบ่อย เพื่อนกูเรียนที่นี่นะโว้ย” พูดข่ม

   “อ่าวเหรอ เพิ่งรู้ เพื่อนพี่คนไหน” แล้วมันก็หัวเราะ ผมเหวี่ยงขาไปด้านหลังเพื่อเตะมัน แต่กลับหลบได้ ไอ้เม่นหัวเราะเสียงดังเดินมาชิดก่อนยกแขนขึ้นพาดคอผม “พี่นี่ตัวพอดีกับที่วางแขนเลยอะ”

   “ไอ้เชี่ย” สาดคำด่าแต่ก็ไม่สะทกสะท้าน ผมพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากแขนที่รัด แต่ก็ยากเต็มทน





   เราสองคนเดินเข้ามาในตึก ข้างนอกดูเงียบเหงาวังเวง แต่พอเข้ามาแล้วต้องรีบเปลี่ยนความคิด เพราะตอนนี้มีนักศึกษานั่งอยู่เต็มไปหมด บางโต๊ะก็โวยวาย บางโต๊ะก็ทำงาน อ่านหนังสือ

   “มองหาใครเหรอ” เสียงกระซิบเบาๆ ชิดใบหูเอาซะคันหูหน่อยๆ

   “ไอ้กลอย” ผมบอกไป

   “พี่เขาคงมานั่งทำงานที่นี่ไม่ได้หรอก” ย่นคิ้วให้สิ่งที่ได้ยิน แต่ประโยคต่อไปก็พอจะเข้าใจ “ก็แฟนพี่เขาคงไม่ปล่อยให้มานั่งที่นี่”

   “ก็จริง” แฟนมันหวงชนิดที่ว่า ยุงไม่ไต่เลยทีเดียว “ไหนเพื่อนมึง” มัวแต่เดินเอ้อระเหย กว่าจะได้ทำงานคงเช้าพอดี

   “นู้นไง นั่งอยู่ตรงนั้น” ผมมองตามนิ้วที่ชี้ เห็นผู้ชายสวมเสื้อยืดสีขาวกับสีดำนั่งอยู่สองคน บนโต๊ะมีกองหนังสือที่น้อยกว่ากองซองขนม

   ผมถูกกอดไหล่เดินเข้าไปหา พอไปถึงโต๊ะ ผมเห็นเพื่อนมันเงยขึ้นมาอ้าปากเตรียมทัก แต่คงจะหนักไปทางด่ามากกว่า เห็นผมมาด้วยเลยพากันหุบปากแล้วยิ้มแห้งๆ

   “สวัสดีครับ” ผมพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเมื่อถูกยกมือไหว้สวัสดี “พี่ม่านแฟนไอ้เม่นใช่ไหมครับ” ไอ้เด็กเสื้อดำมันถาม สีหน้ากับรอยยิ้มโคตรกวน ก่อนจะถูกฝ่ามือใหญ่ๆ ของเพื่อนอีกคนที่นั่งข้างๆ ตบเข้าเต็มหัวจนหน้าคะมำ

   “นี่มึงโง่หรือเปล่าไอ้เชี่ยเบียร์”

   “ตบหัวกูหาพ่อง แล้วด่ากูโง่อีก กูโง่เรื่องอะไร”

   “พี่เขามากับไอ้เม่น ก็ต้องเป็นแฟนไอ้เม่นสิ แล้วมึงยังถามว่าใช่ไหม ไอ้งั่ง”

   “แค่นี้กูก็ผิดเหรอวะ”

   ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับเด็กทะเลาะกัน โคตรไร้สาระ ยังดีที่ไอ้เม่นห้ามทัพได้ พวกมันสองคนเลยยอมเปลี่ยนเรื่องคุย กองหนังสือบนโต๊ะคงเป็นส่วนหนึ่งของการทำรายงาน ผมนั่งดูเด็กผู้ชายสามคนนั่งหน้าเครียด ขีดๆ เขียนๆ ในหนังสือ คงหาข้อมูลรายงาน

   “พี่คิดยังไงถึงคบกับไอ้เม่นเหรอครับ” ไอ้เด็กเสื้อดำที่ชื่อเบียร์ถามขึ้นมา เลยถูกตบเน้นๆ กลางหัวโทษฐานที่มันไม่สนใจรายงานสองป๊าบใหญ่ จนหน้ายู่ “อูย”

   “สนใจงานโว้ย ไม่ใช่แฟนกู” คงรู้แล้วใช่ไหมครับว่าใครทำ ไอ้เม่นตีหน้าโหดขยับมานั่งชิดผมจนแทบจะเกยตักอยู่แล้ว “พี่อย่าไปสนใจมันนะ”

   “เออ” ตอบสั้นๆ พร้อมกับส่งศอกใส่ท้องไอ้เม่นเบาๆ เพื่อให้มันขยับไปบ้าง 

   การทำรายงานของเด็กสามคนเริ่มอีกรอบ ผมนั่งเบื่อๆ ไม่รู้จะทำอะไร เอามือถือมากดเล่นก็เบื่อ จะดูหนัง ฟังเพลงก็กลัวจะไปกวนสมาธิ สุดท้ายเลยฟุบหน้ากับโต๊ะแทน

   “พี่เขาดูไม่เหมือนพี่กลอยเลยว่ะ” เสียงลอยเข้าหูหลังจากฟุบหน้าไม่นาน พวกมันคงคิดว่าผมหลับแน่ๆ “แต่ตัวขาวกว่า”

   “เดี๋ยวโดนตีนกูไอ้ห่าไม้” เสียงไอ้เม่น ผมหรี่ตามอง เห็นมันยืดตัวไปเขกหัวเพื่อนมันด้วย

   “ขี้หึงซะด้วยเพื่อนกู” นี่เสียงไอ้เด็กเสื้อดำผมจำได้ “แต่กูว่า ปล่อยให้พวกกูรู้จักมากๆ บ้างก็ได้ เดี๋ยวมึงก็ย้ายแล้ว นานๆ ถึงจะได้เจอ”

   “จริงอย่างที่ไอ้เบียร์ว่า” แล้วพวกมันก็หัวเราะ เพื่อนไอ้เม่นโคตรไร้สาระ

   “พวกมึงไม่ต้องอยากรู้จักกับแฟนกูเลย...” ก่อนไอ้เม่นจะพูดยาวกว่านั้น ผมก็แกล้งขยับตัวพร้อมกับเงยหน้าทำตาตี่ๆ เหมือนพึ่งตื่น แถมอ้าปากหาวเพิ่มความเนียน “ทำไมตื่นไวล่ะ เสียงพวกผมดังไปเหรอ”

   “เปล่า กูแค่พักสายตาแป๊บๆ” เห็นคนถามพยักหน้า แปลว่าผมโกหกเนียน รางวัลออสก้าควรมอบถ้วยให้ผมบ้างนะ “ทำงานกันเสร็จแล้วเหรอ”

   “ยังครับพี่” เป็นไอ้เด็กที่ชื่อเบียร์ตอบ “ไอ้เม่น มึงพาพี่เขามาลำบากว่ะ”

   “พี่ม่านกลับก่อนไหม เอารถผมไป เดี๋ยวทำเสร็จผมจะให้ไอ้ไม้ไปส่ง” พอได้ยินเพื่อนพูด มันก็หันหน้ามาถามผม ซึ่งผมก็ส่ายหน้าปฏิเสธไป

   “ไม่เป็นไร กูรอได้” ตอบไอ้เม่นก่อนหันไปมองเพื่อนมัน “แล้วก็ พี่ไม่ลำบากอะไร แค่หิว”

   “หน้ามอมีร้านสะดวกซื้อนะพี่” เพื่อนอีกคนของไอ้เม่นว่า จะว่าไปเหมือนได้ยินว่าชื่อไม่ๆ อะไรนี่แหละ (คนอะไรชื่อไม่วะ)

   “พี่ก็พอรู้เหมือนกัน เคยมาหาเพื่อนเมื่อก่อน” ผมตอบ

   “พี่กลอยสินะครับ แหม เป็นเพื่อนที่ไม่เหมือนกันเลยนะครับ” ไอ้เบียร์ยื่นหน้ามาถาม

   “เพื่อนกันก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหรือเปล่าครับน้อง” ช่วงที่ผมตอบ ไอ้เม่นกลับสะกิดผมยิกๆ จนต้องหันไปมอง “อะไรของมึงวะ”     

   “ทำไมพี่พูดกับไอ้พวกนี้เพราะล่ะ” งงสิครับ อยู่ๆ ก็ถูกง้องแง้งใส่
 
   “พูดเพราะยังไงวะ” จ้องหน้าคนทำหน้างอ

   “ก็แทนตัวเองว่าพี่ตลอด ทีคุยกับผม มึงงี้ กูงี้”

   “กูไม่สนิทกับเพื่อนมึงไง จะให้กูมึงกับคนไม่สนิทเหรอวะ” เงียบครับ ไอ้คนงอนเริ่มเงียบใส่ “โอเค งั้น พวกมึงสองคน...อื้อ” กำลังจะคุยต่อกลับถูกมือไอ้เม่นปิดปากเฉย อะไรของมันเนี่ย

   “โอเคๆ เข้าใจแล้ว ไม่ต้องยกตัวอย่างก็ได้”

   “เอ้าไอแอ้วอ่อเอาอือออด” (เข้าใจแล้วก็เอามือออก) ข่มขู่ทางสายตาไปมือที่อุดปากถึงถูกเอาออก “มือโคตรเค็ม” ยกหลังมือเช็ดปาก ไม่รู้มันเข้าห้องน้ำมาหรือเปล่า อี๋

   “มันโคตรหลงพี่อะ” ไอ้เด็กเบียร์ว่า

   “ผมเห็นด้วย หลงมากกว่าตอนหลงเพื่อนพี่อีก” ไอ้เด็กไม่ว่า

   “น้องชื่อไม่เหรอ ทำไมชื่อโคตรแปลกวะ” เมินคำถามมาถามเอง ก็มันอดไม่ได้ที่จะถามนี่นา ความอยากรู้อยากเห็นมันพุ่งพล่าน คือผมอยากรู้ที่มาของชื่อจริงๆ “ทำไมอะ” แต่ดูเหมือนสามคนที่นั่งจะตกใจในสิ่งที่ผมถาม หรือผมถามจี้จุดดราม่าหรือเปล่า

   “ชื่อไม่? ไอ้นี้เหรอครับ” ไอ้เด็กกวนตีนย้อนถามผมตาโต พอพยักหน้าตอบ พวกมันก็พากันหัวเราะลั่น “โอ๊ยพี่ครับ ขอขำแป๊บนะ” หน้าตูบเลยไอ้ม่าน

   “เออ ขำให้อากาศติดคอพวกมึงตายไปเลย” ตวัดเสียงและสายตาใส่พวกมันไปแต่ก็ดูไม่สะทกสะท้าน

   “พี่ครับ” ไอ้เด็กชื่อไม่หยุดขำก่อนใครเพื่อน มันยิ้มโชว์ฟันขาว “ผมไม่ได้ชื่อไม่ครับ”

   “อ่าว แล้วชื่ออะไรอะ”

   “ไม้ครับพี่ ชื่อไม้ ต้นไม้แบบนี้ ไม่ใช่ชื่อไม่”



   ได้ยินอะไรกันไหมครับ หน้าผมไง เสียงแตกของหน้าที่ดังลั่นพร้อมเศษกระจัดกระจายเต็มพื้น เกิดมาไม่เคยอายขนาดนี้มาก่อน



   “พวกมึงห้ามหัวเราะแฟนกู” ไอ้เม่นออกโรงปกป้อง แต่ผมเห็นมันหัวเราะคนแรกเลย ไอ้ห่านี่

   ในช่วงที่ผมเอียงซ้ายเอียงขวาหลบความโง่ของตัวเอง เสียงเอะอะของคนกลุ่มใหญ่ดังมาก่อนจะเห็นตัว ไม่ถึงนาทีคนกลุ่มนั้นก็เดินมาทางที่ผมนั่ง ไอ้เม่นกับเพื่อนมันพากันหยุดขำแล้วยกมือไหว้ น่าจะรุ่นพี่มันนั่นแหละครับ

   “พี่ม่านใช่ไหม” เสียงทักจากด้านข้างทำให้หันไปมอง คนเรียกผมหน้าตามันคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักที่ “พี่ม่านเพื่อนพี่กลอยใช่ไหมครับ” ถูกถามย้ำอีกรอบ คราวนี้ผมพยักหน้าช้าๆ เมื่อจำหน้าลางๆ ของมันได้บ้างแล้ว

   “น้องรหัสไอ้กลอย ใช่ไหม?” ถามน้ำเสียงบางเบาเพราะกลัวหน้าแตกรอบสอง แต่พอมันพยักหน้าผมก็รีบถอนหายใจ


   เกือบหน้าแตกรอบสองแล้วกู


   “นึกว่าพี่จะจำผมไม่ได้ซะอีก” ยิ้มแห้งๆ ให้ ทั้งที่อยากบอกเหลือเกินว่าตอนแรกก็จำไม่ได้นั่นแหละ “พี่ทำไมมานั่งกับเด็กปีหนึ่งละครับ พี่กลอยน่าจะกลับตั้งแต่เช้าแล้วนะ”

   “เออกูรู้” ผมว่า “แล้วนี่จะกลับแล้วเหรอ” เพราะเห็นมันแบกเป้กัน

   “เปล่าครับ แค่เปลี่ยนที่ ตรงนั้นยุงกัด”

   “เหรอ ก็ดีนะ ไข้เลือดออกจะได้ไม่ถามหา”

   ทำไมรู้สึกแปลกๆ เหมือนกำลังถูกจ้อง

   “ผมว่าจะไปซื้อของหน้ามอ พี่อยากไปด้วยกันไหม” เป็นคำชวนที่ทำให้ตาวาว “สนไหมครับ”

   “ไม่...”

   “ไปๆ พวกมึงอยากได้อะไรไหม” เหมือนผมจะได้ยินไอ้เม่นพูดอะไรออกมา แต่ก็ไม่ได้สนใจ เด็กขาวดำสั่งของรัวจนผมต้องชี้กระดาษให้พวกมันจด “ไม่เอาอะไรเหรอ” หันกลับมาถามคนข้างๆ ที่ตอนนี้จ้องหน้าอย่างกับจะกินหัวผม

   “ไม่” คำตอบสั้นๆ แต่ชัดเจน

   “ตามใจ” ผมว่า ก่อนเดินตามหลังน้องรหัสไอ้กลอย รู้แค่นั้นแต่จำชื่อมันไม่ได้ “มึงชื่ออะไรนะ” ผมถามขณะซ้อนมอเตอร์ไซต์ที่มันเพิ่งยืมเพื่อนมันมา

   “รอนครับ” เสียงตะโกนแข่งกับลมแต่ก็ได้ยิน ผมพยักหน้าเบาๆ เมื่อได้รู้ชื่อ อีกไม่กี่วันผมก็ลืมชื่อนี้ เชื่อผมไหมครับ “พี่สนิทกับปีหนึ่งกลุ่มนั้นเหรอครับ”

   “ก็...นิดหนึ่ง” ผมตอบ ตอนนี้ไอ้เด็กรอนมันลดความเร็วลง คงอยากเผือกเรื่องผมเต็มแก่ “มึงไม่ชอบเด็กสามคนนั่นเหรอ”

   “ก็ไม่เชิงหรอกครับ แค่ไม่ถูกชะตาตอนแรก” เรื่องนี้ผมอยากรู้มากกว่าอีก

   “ถ้าให้เดา เรื่องไอ้กลอยใช่ป่ะ” ที่จริงไม่ต้องเดาก็รู้ครับ เพราะไอ้เด็กรอนก็เคยชอบไอ้กลอยเหมือนกัน เพื่อนผมเสน่ห์แรงเพราะความเพี้ยนของมัน ผมได้ยินเสียงไอ้รอนหัวเราะออกมา “กูทายถูกใช่ป่ะ”

   “ก็คงงั้น” มียอมรับด้วยว่ะ คนจริงนี่ “ผมขอถามพี่ตรงๆ เลยนะ”

   “อะไร” เริ่มกลัวคำถามที่จะได้ยิน ไอ้รอนมันจอดรถแล้วหันมาจ้องหน้าผมเลยคราวนี้

   “พี่คบกับไอ้เม่นใช่ไหม คือผมได้ยินว่ามันคบกับเพื่อนพี่กลอย แต่ก็ไม่รู้ว่าใคร จนวันนี้เห็นพี่อยู่กับมัน ผมคิดถูกใช่ไหม” ไอ้นี่ได้เชื้อพี่รหัสมันมาแน่ๆ

   “คงงั้นมั้ง” ตอบแบบกึ่งรับกึ่งสู้ ที่จริงบอกออกไปตรงๆ ก็ได้ว่าคบ แต่เดี๋ยวไม่เซเลป “มึงเถอะ เลิกตามติดชีวิตเพื่อนกูแล้วใช่ไหม”

   “เจ้าของดุ....แบบนั้น ผมก็คงต้องถอยแล้วล่ะครับ” จ้องหน้าไอ้เด็กที่ยอมถอย ผมอ่านปากมันออกนะ หลังคำว่าดุน่ะ แต่ไม่บอกหรอก “ไปซื้อของเถอะครับ”

   มองตามหลังน้องรหัสเพื่อน มันก็มีน้ำใจนักกีฬาเหมือนกันนะครับ สู้ไม่ไหวก็ถอย แต่ถึงมันไม่ถอย แฟนไอ้กลอยก็พร้อมชน หากได้สู้กันแล้ว ไอ้เด็กรอนนี่มีแต่ตายกับตาย แถมยังตายศพไม่หล่อด้วยนะ คิดแล้วก็สยอง

   ผมเดินหยิบของตามที่เขียนมาในกระดาษ แต่ดูเหมือนไอ้เด็กพวกนี้จะลองดีกับผมแล้วล่ะ มันเล่นเขียนแต่เครื่องดื่มมึนเมาทั้งนั้น ไม่รู้จะทำงานหรือเมากันแน่  ถ้ามันกล้าสั่งแบบนี้มา ผมก็จะจัดให้ อยากนักก็ต้องกินให้หนัก


   ซื้อของเสร็จผมก็ซ้อนไอ้รอนกลับมาที่เดิม โบกมือลาเมื่อต้องแยกกับคนพาไปซื้อของ พอกลับมาที่โต๊ะก็ต้องเจอบรรยากาศแสนเงียบงัน ไอ้เด็กสองคนที่นั่งตรงข้ามก้มหัวแทบจะติดกับรายงาน อะไรของพวกมัน

   “ของที่พวกมึงสั่งซื้อ” ผมวางถุงของไว้ตรงกลาง ไอ้เบียร์เงยหน้ามายิ้มแย้มทันที


   ได้เมาตามที่ต้องการแน่


   “โห...พี่” ทันทีที่ไอ้เบียร์เปิดถุงดู มันก็ทำหน้าผิดหวัง พอๆ กับเพื่อนอีกคนของมันที่หยิบของที่ผมซื้อขึ้นมาดู

   “สั่งเบียร์ได้นม โคตรตรงกับที่จดอะ” ไอ้ไม้มันบ่น แต่ผมขำ

   “กินๆ ไปเถอะ เมานมดีกว่าเมาเหล้านะมึง” หวังดีกับพวกมันหรอกนะ ถึงซื้อนมมาให้ ไอ้เบียร์เบ้ปากแต่มือก็เจาะนมกล่องไปเรียบร้อย

   “ก่อนพี่จะหัวเราะ ดูหน้าเพื่อนของผมด้วยครับ”

   ผมหันไปดูหน้าคนข้างๆ ก็อย่างที่ไอ้เบียร์บอกนั่นแหละครับ หน้าเด็กของผมบูดบึ้งเหมือนกินนมบูด ไอ้เม่นจ้องหน้าซะผมต้องหลบสายตา

   “อะไร” ถามขณะแกล้งหาของในถุง

   “พี่รู้จักเขาได้ไง” คำถามห้วนๆ ที่ทำให้ผมเลิกแกล้งมองหาของ “สนิทตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมถึงสนิท สนิทกันนานหรือยัง แล้ว...”

   “พอเลยๆ ถามรัวเป็นชุด สมองกูไม่ได้แปลรหัสมอสนะเว้ย” ผมยกมือปิดปากไอ้เม่น ถามไม่เว้นให้ตอบแล้วจะถามทำไมวะ “กูรู้จักเพราะกูเป็นเพื่อนไอ้กลอยหรือพี่คณะของมึง แล้วมันก็เป็นน้องรหัสไอ้กลอย ถามว่าสนิทไหมก็ไม่เท่าไหร่ เคยไปกินเหล้าด้วยกันไม่กี่ครั้งเองมั้ง”

   “อำไออึ๋ง...” (ทำไมถึง...) ผมรีบปล่อยมือออกจากปากไอ้เม่น เมื่อฟังมันไม่รู้เรื่อง พอไม่มีมือปิด ประโยคมันก็ไหลยาวๆ “พี่ไปกินเหล้ากันตอนไหนทำไมผมไม่รู้ พี่แอบผมไปเหรอวะ ไม่ยอมนะเว้ย” ยกมือตบหัวคนโวยวายไปชุดใหญ่ข้อหาไร้สาระแล้วก็บ้า

   “ก็บอกว่าเคยๆ ไม่ได้ไปในตอนปัจจุบัน เพื่อนพวกมึงนี่โคตรบ้าอะ” ผมหาพวก ไอ้เด็กตรงข้ามสองคนก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก สงสัยจะเมานมจริงๆ

   “ผมบ้าได้ทุกเรื่อง ถ้าเป็นเรื่องของพี่” แม้จะหันไปโก่งคออ้วกพร้อมๆ เพื่อนมัน แต่ผมก็ลอบยิ้มน้อยๆ ให้ความเสี่ยวที่เพิ่งได้ยิน “ถึงแม้จะเคย แต่ต่อไปจะไม่มีอีก โอเค๊”

   “ทำไมต้องตกลง”

   “อ่าว แล้วทำไมถึงไม่ตกลง”

   “ก็เพราะทุกครั้งที่ไป มันไปกับไอ้กลอยไง”

   “ก็ถ้าพี่เขาไปกับพี่กลอย พี่ม่านก็ต้องเจออีก เชี่ย ตบหัวกูทำไมวะไอ้เบียร์” ผมกำลังจะอ้าปากตอบ ไอ้เม่นก็ถูกเพื่อนมันตบหัวจนหน้าเกือบทิ่ม

   “สมองมึงเอาไว้คั่นหูเหรอวะ แฟนพี่กลอยแม่งดุขนาดนั้น คงปล่อยให้ไปกับคนที่เคยชอบแฟนตัวเองหรอก” ไอ้เด็กเบียร์มีสติคิดได้เว้ย “ถึงไปได้ มึงก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว จะไปกลัวอะไร มึงคงไม่ปล่อยให้แฟนมึงไปอ่อยคนอื่นหรอก ใช่ไหม” ด้วยความปากดีของไอ้เบียร์ ผมเลยให้รางวัลด้วยการตบหัวเน้นๆ “พี่ตบหัวผมทำไมเนี่ย”

   “กูไม่เคยอ่อยใครไอ้ห่า” แล้วมันก็ยกมือไหว้ผมปลกๆ “รีบทำจะได้รีบกลับ มัวแต่คุย ชาตินี้ก็ไม่เสร็จ” ถูกผมดุปุ๊บ สามสหายก็รีบก้มหน้าก้มตาปั่นรายงาน

       ยิ่งดึกยิ่งเงียบ เสียงพูดคุยใต้ตึกเรียนเริ่มน้อยลงเมื่อบรรดานักศึกษาทยอยกลับเกือบหมด ไอ้รอนโบกมือลาผมตอนมันจะกลับ พอผมโบกกลับ ก็ถูกไอ้เม่นจับให้หันหน้าเข้าหามัน โรคบ้ากำเริบอีกตามเคย 

   “ใกล้เสร็จยัง” ความเบื่อกลับมาอีกรอบหลังจากขนมหมด ผมฟุบหน้ากับโต๊ะรอเวลาที่จะได้กลับห้อง ง่วงเต็มทน ไอ้เม่นเงยหน้าจากกองหนังสือมายิ้มบางๆ ให้ผม “ง่วง”

   “ใกล้แล้วครับ” ผมยู่ปากเมื่อถูกมือของมันเขี่ยปอยผมที่หล่นปิดหน้า “ถ้าง่วงก็นอนได้นะ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมปลุก”

   “ไม่เอา เดี๋ยวไม่ตื่น” พอดีรู้ตัวว่าเป็นคนขี้เซา “รีบทำ”

   “ครับๆ”

   ผมไม่รู้หรอกว่าอีกสองคนที่นั่งตรงข้ามจะมองมายังไง หรือจะแอบหัวเราะ แอบแซวอะไรมา ในเมื่อคนที่ผมต้องสนมันกำลังนั่งจับมือผมอยู่ใต้โต๊ะ นอกจากความเสี่ยวที่มีมากของมันแล้ว ความหวานก็มีมากไม่แพ้กัน ซึ่งมันทำให้ผมแพ้ทุกครั้งที่ได้สัมผัส


   ไอ้ม่านแพ้เด็กแล้วจริงๆ


   มียาแก้แพ้เด็กให้ผมกินบ้างไหมครับ


...TBC


ขอบพระคุณค่า อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้วเด้อจ้า  :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
 :-[..ความหวานมาเต็ม

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
น้องเม่นคนหวงแฟน. แล้วน้องเม่นจะได้กินพี่ม่านเมื่อไรเนี่ย

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
21




       “พี่ให้ผมไปได้เหรอ แน่ใจนะ พี่ไม่ได้ให้ความหวังผมใช่ไหม” ไอ้เม่นถามย้ำอยู่หลายๆ รอบจนผมอยากจะยกขาถีบมันซะเหลือเกิน จะให้ผมย้ำอีกสักกี่รอบว่าไปได้ๆ

   มหาลัยผมจะจัดงานครับ คนนอกสามารถเข้างานได้ คล้ายๆ กับโอเพ้นเฮ้าท์นั่นแหละ ดังนั้นผมเลยออกปากชวนไอ้เม่นไป แต่ถึงไม่ชวน ผมว่า มันก็ต้องมาหาผมอยู่ดี ดื้อไม่มีใครเกิน

   “ห้ามโดดเรียนนะ เลิกแล้วค่อยไป” ผมย้ำอีกรอบ รู้ดีว่าวันนั้นมันมีเรียนตอนเช้า ขืนไม่ย้ำ ต้องมีคนโดดเรียนไปหาแน่นอน คนถูกชวนยิ้มแป้นพยักหน้า “ดีมาก”

   “ไหนล่ะรางวัล” ผมทำหน้างงเมื่อถูกทวงรางวัล “ก็รางวัลที่ผมเชื่อฟังไง อย่างเช่นหอมแก้ม” แล้วไอ้เม่นก็ทำแก้มป่องยื่นมาหา

   “หวังมากไปแล้วไอ้น้อง” ผมตบแก้มไอ้เม่นเบาๆ ไปหลายรอบ คนทวงของถึงกับหน้าหุบ “ขับรถดีๆ ล่ะ”

   คนหน้างอสะบัดเหมือนงอนออกรถไป ผมยืนมองรถเก๋งของไอ้เม่นจนลับตา ก่อนเดินขึ้นตึก สายตาบรรดาเพื่อนพี่น้องร่วมคณะก็ดูจะเฉยชาไปแล้ว คงเห็นบ่อยจนขี้เกียจตื่นเต้นละมั้ง

   เดินขึ้นห้องเรียน ภายในห้องก็ยังคงคึกคักเช่นทุกครั้ง ผมเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างไอ้เจ เห็นมันนั่งยิ้มไปหัวเราะไปกับอ่านการ์ตูนเล่มโปรด เอ่อ ไอ้นี่ท่าจะบ้า ว่าแต่ ขอถามเรื่องค้างคาใจหน่อยเถอะ คิดได้แบบนั้นผมก็ยื่นมือไปสะกิด รอบแรกมันสะบัดหนี พอบ่อยๆ เข้ามันก็ตีหน้ายุ่งหันมามอง

   “สะกิดกูทำเชี่ยอะไร กูไม่มีอารมณ์” ตอนแรกผมก็ทำหน้างงอยู่หน่อยๆ ก่อนจะค่อยๆ เข้าใจพร้อมชูนิ้วกลางส่งคืน “กว่าจะรู้เรื่อง มิน่า มึงถึงยังซิง เด็กมึงคิดผิดที่เลือกมึง”

   “พูดซะกูไม่มีดีเลยไอ้เจ” แทบลืมคำถามตัวเอง แต่สุดท้ายก็ยังจำได้ “มึงกับเพื่อนกูไปถึงไหนแล้ววะ” พอผมถามเสร็จ ไอ้เจก็เลิกคิ้วทำหน้าสงสัย “กับไอ้อัธอะ”
 
   “ไอ้อัธ? ทำไม” ผมย่นคิ้วเมื่อไอ้เจตีหน้างง

   “ก็มึงกับมันแบบว่า คบกันไรงี้” ต้องพาเข้าเรื่องก่อนออกนอกอ่าว

   “กูเนี่ยนะ คบกับไอ้อัธเพื่อนมึง เอาเรื่องนี้มาจากไหน มั่วสัด” คำปฏิเสธที่ดูจริงจัง แต่ไม่จริงใจ สายตาไอ้เจมันดูมีพิรุธ “ไปๆ กูจะอ่านการ์ตูน”

   “จ้องตากูไอ้เจ” ไม่มีการให้ความร่วมมือ ผมเลยต้องจับหน้ามันให้หันมาพร้อมส่งสายตากดดัน “มึงจ้องตากูแล้วพูดความจริงออกมา” คล้ายสะกดจิตนิดๆ “ไอ้เจ พูดออกมา”

   “พวกมึงจะจูบกันเหรอ” ระหว่างที่ผมกดดันไอ้เจทางสายตา เสียงทักก็ดังอยู่ข้างๆ ไอ้เกมส์กระพริบตาปริบๆ มองมา ก่อนที่ผมจะสะดุ้งเมื่อเห็นว่าหน้าผมกับหน้าไอ้เจห่างไม่ถึงคืบ เราสองคนเลยรีบดีดตัวออกจากกันอย่างไว “กูตกใจ แม่ง”

   “จูบเชี่ยไร กูกำลังหาความจริงในแววตามันอยู่” พูดเหมือนเพลง แต่มันคือความจริง

   “ความจริงบ้าบออะไร ไม่มีเว้ย” ไอ้เจโวยวายแล้วมันก็ก้มหน้าอ่านการ์ตูนต่อ

   “เพราะมึงเลยไอ้เชี่ยเกมส์” ผมหันไปแหวคนขัด ไอ้เกมส์ส่ายหน้าระอาพร้อมกับนั่งลง ไม่นานไอ้มีนก็กอดคอแน่วเข้ามา กลุ่มผมครบทีมแล้ว การเรียนก็เริ่ม แต่สมาธิเรียนจะมีไหมนี่อีกเรื่อง





   หลังจากเรียนช่วงเช้าจบ พวกผมก็หอบหิ้วกันไปกินข้าว เจอบรรดานักศึกษาที่เลิกเรียนพร้อมกันนั่งอยู่แทบล้น นี่อย่าบอกว่าพวกผมต้องเดินย้อนกลับไปกินที่โรงอาหารคณะนะ เพราะมันอย่างไกล

   “เพราะมึงเลยอีแน่ว” ไอ้มีนตบหัวเพื่อนสาวคนเดียวของกลุ่ม นั่นแหละครับ เพราะอีแน่วจริงๆ มันบอกอยากมาดูสาวๆ ที่โรงอาหารกลาง แต่สุดท้ายก็ไร้ที่นั่ง เซ็ง

   “ไปกินโรงอาหารนิติไหมพวกมึง” อยู่ๆ ผมก็คิดอะไรบางอย่างออก “ใกล้ๆ นะเว้ย กูว่า โต๊ะต้องว่างชัวร์”

   “สาวนิติมีสวยบ้างไหมวะ” คำถามที่ทำให้เพื่อนแน่วถูกตบหัวอีกรอบ “ตบหัวกูจนจะหลุดอยู่แล้วไอ้มีน”

   “ขาดสาวสักวันมึงจะตายไหมฮะ บ้าผู้หญิง” ไอ้มีนทำหน้างอเดินนำไปแล้ว ก่อนคนที่ทำให้งอนจะรีบเดินตามไปกอดคอ กอดเอว



   รู้สึกเหมือนมีดาวติดที่หางตาแบบในการ์ตูน



   “กูว่าไม่ธรรมดานะแบบนี้” ไอ้เกมส์ว่าออกมา ไม่ใช่ผมคนเดียวแล้วที่คิด

   “มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ” เสียงไอ้เจทำเอาผมกับไอ้เกมส์พยักหน้ารับ ก็จริง มันดีแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรเปลี่ยนแปลง

   พวกเราทั้งหมดเดินข้ามถนนไปยังโรงอาหารใต้ตึกนิติ แม้คนไม่เยอะเท่าโรงอาหารกลาง แต่ก็คึกคักพอดู ผมเดินกอดคอไอ้เจไปที่ร้านข้าวราดแกง ด้านหลังคนที่ยืนข้างหน้านี่ดูคุ้นเหลือเกิน ผมชะเง้อดูจนเขาคงรู้สึก ถึงได้หันหน้ามา

   “ไอ้ดีฟ”

   “อ่าวไอ้ม่าน” ผมยิ้มแป้นให้กับเพื่อนของเพื่อน ไอ้ดีฟยิ้มทักทายเผื่อแผ่ไอ้เจด้วย “ทำไมมากินที่นี่วะ”

   “หวงของกินโรงอาหารมึงหรือไง” ถามล้อเล่นไป ไอ้เพื่อนของเพื่อนเลยหัวเราะร่วน “ไอ้อัธล่ะ”

   “มันไปซื้อน้ำนู้น” ผมหันไปมองตามที่ไอ้ดีฟชี้ “ไอ้เชี่ยเจ กูทักเกมส์ไปแม่งเงียบสัด”

   “กูก็ต้องอ่านหนังสือบ้าง ใครจะบ้าเล่นเกมส์เหมือนมึง” ไอ้เจตอบสีหน้านิ่งๆ ก่อนไอ้ดีฟจะหันไปสั่งข้าวเมื่อถึงคิว พอมันได้ก็ยังคงยืนรอทำเอาผมย่นคิ้วนิดๆ แต่ก็ไม่คิดจะถาม

   “พวกมึงนั่งตรงไหนวะ” พอพวกผมได้ข้าว มันก็เดินตีคู่มาด้วย นี่มันรอพวกผมเหรอ เออดีว่ะ เป็นเจ้าบ้านที่ดี

   “นั่งที่มันว่าง” ไอ้เจตอบกวนๆ เลยถูกขัดขาซะเกือบล้ม แล้วไอ้ดีฟก็โดนด่าไปตามระเบียบ ไอ้นี่สงสัยจะชอบโดนด่า บ้าจริง


   ผมสามคนเดินมานั่งที่โต๊ะ เจอไอ้อัธที่มานั่งรออยู่ก่อนกับพวกไอ้เกมส์ ผมรีบเดินไปดันไอ้เจให้เข้าไปนั่งข้างไอ้อัธก่อนที่ผมจะนั่งประกบอีกข้าง เอาวะ เรื่องนี้ต้องช่วยตัวเองซะแล้ว

   แม้จะโดนไอ้เจบ่นแต่มันก็ยอมตักข้าวกิน ผมแอบเหล่เพื่อนสองคนที่นั่งข้างกัน ไอ้อัธก็ทำตัวปกติคุยเล่นคนอื่นปกติ แต่ที่มีสิ่งที่ผิดแปลกไปคือ ไอ้เจเงียบครับ ไม่มีเสียงมันแทรกมาสักประโยค ทั้งที่ปกติเป็นพวกสอดขนาดนั้น

   “วันนี้ไม่เอาปากมาเหรอวะ” ผมรีบหันไปทันทีที่ไอ้อัธถามคนนั่งข้างมัน คงเพราะคนอื่นๆ ถามความเห็น แต่ไอ้เจนั่งเงียบ ผมเห็นไอ้เจมองคนว่าให้แป๊บหนึ่ง ก่อนจะอ้าปากด่ากลับ

   “เรื่องของกู”


   ป๊าดติโท๊ะ ไอ้เจไม่สู้เว้ย


   “ด่ากูเสือกเหรอวะ”

   เฮ้ยๆ ทำไมเพื่อนชายนายอัธมันดูดุดันขนาดนี้

   “ในประโยคกูด่ามึงว่าเสือกตรงไหน อย่าหาเรื่องกู”

   “พอๆ พวกกูจะแดกข้าว ไอ้ห่า” ไอ้เกมส์ออกโรงขัด สงครามสองคณะเลยหยุดลง “ไอ้เชี่ยมู่ ข้าวกินทางปากไม่ใช่จมูก”

   “หือ อ่าวเหรอ” ผมหัวเราะแห้งไป เพิ่งรู้ว่าผมยกช้อนทิ่มรูจมูกตัวเอง ก็ว่าทำไมกินข้าวไม่ได้สักที

   “ไอ้ขี้เสือก” ถูกไอ้เจด่าอีก


   เจ็บปวด




   ข้าวหมดก็แยกย้ายครับ ไอ้อัธกอดคอเพื่อนซี้ไปเรียน ส่วนพวกผมแม้ไม่มีเรียนแล้วแต่ก็ต้องไปประชุมเรื่องงาน ปีนี้พวกผมต้องรับหน้าที่คุมซุ้มขายของ ซึ่งมันโคตรดี จำได้เมื่อปีที่แล้ว ผมวิ่งวุ่นไปทั่วงานเพราะพี่รหัสโยนงานประสานงานตัวเองมาให้ผม โคตรซวย

   บรรยากาศการประชุมก็มีหลายแบบ บ้างก็เคร่งเครียด บ้างก็โวยวาย บ้างก็นั่งก้มหน้าเป็นสังคมโซเชียล ส่วนผมอยู่ในส่วนหลังครับ ไอ้เม่นรัวข้อความมาตั้งแต่เที่ยง แต่ผมเพิ่งจะมีโอกาสตอบ พอตอบครั้งแรกปุ๊บ มันก็รัวมาจนไม่รู้จะตอบอันไหนก่อน

   “มึงช่วยเงยหน้ามาสนคนรอบข้างบ้าง” โดนตบหัวพร้อมประโยคที่เรียกคนมองทั่วห้อง

   ผมโดนไอ้เจเอาคืนแล้วครับ

   “ไอ้สัด” ด่าแบบเบาๆ แต่ไอ้เจกลับยักคิ้วเยาะเย้ยที่เล่นงานผมได้

   การมอบหมายงานถูกจดลงในกระดาษ ผมขายของอย่างเดียวไม่มีงานอื่น โคตรดี พอๆ กับไอ้เจนั่นแหละครับ ที่ขายของกับผม คงเพราะพวกเราหน้าตาดี เรียกลูกค้าสาวๆ ได้ คนมันหล่ออะเนอะ

   “กลับไงวะ” ขาผมถูกเท้าสะกิด พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เจอพี่เฟรนด์พี่รหัสยืนกอดอกจ้อง “มองหน้ากูอีก กูถามว่ามึงกลับยังไง”

   “ผัวมารับ ตอบพี่เขาไปสิวะ” ผมตบหัวเพื่อนสนิทเป็นสิ่งตอบแทน “ตบหัวกูอีก”

   “ก็มึงเสือก” ด่าเพื่อนก่อนเงยหน้ายิ้มแหยๆ ให้พี่รหัส “พี่เฟรนด์มีอะไรกับผมหรือเปล่า”

   “กะจะชวนไปแดกเหล้าคืนนี้ แต่มึงคงไม่ว่าง ไม่สนใจกู ใช่ซี้ กูก็แค่พี่รหัส ไม่ใช่ผัวมึงสักหน่อย”

   “โหย พี่เฟรนด์ ใครจะไปสำคัญเท่าพี่รหัสสุดเลิฟของไอ้ม่านคนนี้ได้” ผมกอดแข้งพี่รหัสไว้แน่น “คืนนี้ถ้าฟรีก็ตกลง”

   “ไอ้ห่า กูเคยให้มึงออกเงินเหรอ” แม้ถูกสะบัดขาให้หลุด แต่ผมก็กอดแน่น “ปล่อยสิวะ”

   “ไม่เอา เดี๋ยวพี่เฟรนด์จะไม่รู้ว่าไอ้ม่านรัก” ยิ่งสะบัดยิ่งกอดแน่น

   “มึงจะเกาะขาเมียกูอีกนานไหมวะ” มาแล้วครับ ผู้พิทักษ์พี่เฟรนด์ พี่อินเดินหน้าโหดเข้ามา แต่ดูก็รู้ว่าแกล้ง โด่ จะข่มขู่ไอ้ม่านไม่มีวันซะหรอก “ไอ้เจ คืนนี้มึงด้วยนะ”

   “ได้ขอรับ” ไอ้เจทำท่าตะเบะแบบทหารส่งให้พี่รหัสมัน

   “ดี ส่วนมึงไอ้ม่าน” ผมถูกพี่อินใช้เท้าเขี่ยอีกแล้ว “ปล่อยขาเฟรนด์ได้แล้ว ก่อนที่กูจะกระทืบมึง”
 
   “พี่อินจะทำร้ายผมได้ลงคอเหรอ” แกล้งทำตาใสใส่ พี่อินคงรักและเอ็นดูผมมากเลยกระชากหัวเอาซะผมหน้าหงาย “เจ็บๆ พี่อินเจ็บโว้ย”

   “กูเตือนมึงแล้ว” หน้างอจัดทรงผมตัวเอง ไม่รู้มีเส้นผมติดมือพี่อินไปหรือเปล่า “อย่ามาสำออย กูไม่ได้ดึงแรงเลยไอ้ม่าน”

   “นิสัยเสียเหมือนกันทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง” พูดเสร็จก็รีบวิ่งหนี ไม่วิ่งอาจถูกกระทืบได้

   ผมวิ่งหนีออกมาใต้ตึก เจอบรรดารุ่นน้องกำลังง่วนทำซุ้มกันอย่างคึกคัก ผมเข้าไปป่วนนิดๆ หน่อยๆ ก่อนแยกไปหาคนมารับ ไอ้เม่นนั่งฟังเพลงรออยู่ในรถ พอผมขึ้นไปนั่ง มันก็หันมายิ้มหวาน

   “พี่หิวป่ะ”

   “นิดหน่อย” แต่ท้องดันร้องซะงั้น ไอ้เม่นทำตาโตก่อนหัวเราะออกมาเสียงดัง “กินอะไรง่ายๆ ก็พอ ตอนค่ำต้องไปกินเหล้า” ผมว่า

   “กินเหล้า?” ไอ้เม่นหยุดขำเปลี่ยนมาตีหน้ายุ่งแทน “พี่ไม่เห็นบอกผมเลย”

   “ก็บอกอยู่นี่ไง” ใช้นิ้วจิ้มๆ ไอ้เม่นที่หน้างอเป็นปลาทู “พี่รหัสกูนัดเลี้ยง”

   “พี่รหัสผมก็นัด”

   “ก็ไปสิ”

   “แต่ผมบอกพี่เขาว่าไม่ไป”

   “อ่าว ทำไมไม่ไปวะ”

   “ไม่อยากให้พี่อยู่คนเดียว ผมเป็นห่วง”

   “มึงอย่าเว่อร์น่า กูผู้ชายนะเว้ย อีกอย่าง มึงไป กูก็ไป” ไอ้เม่นจ้องหน้าผมไม่ยอมหลับตา “อะไร”

   “ผมจะไปกับพี่”

   “ตลกละ พี่รหัสมึงก็เลี้ยง จะไปกับกูทำไม”

   “พี่ไปกินร้านไหน”

   “ทำไมวะ” เลิกคิ้วมองอย่างสงสัย พอโดนกดดันก็จำเป็นต้องบอก “เออๆ ร้านปากมอม รู้จักป่ะ” ไอ้เม่นกระพริบตาปริบๆ ก่อนกดโทรศัพท์หาใครสักคน

   “พี่ติ๊กรู้จักร้านปากมอมหรือเปล่าครับ... อ่อ ใช่ๆ ...ครับ ...ได้ครับ เจอกันครับ” วางเสร็จไอ้เม่นก็หันมายิ้มแป้น “ผมนัดพี่รหัสแล้ว ร้านเดียวกับพี่เลย เราจะได้ไปด้วยกัน”

   “มึงกำลังทำให้กูกลัว ไอ้เม่น”






   เกือบหนึ่งทุ่มที่ผมกับไอ้เม่นเดินเข้าร้าน เห็นฝั่งตัวเองยังมาไม่ครบ ส่วนฝั่งไอ้เม่นมาครบแล้ว ผมเลยรีบดันหลังให้มันรีบเดินไปหาพวก แม้มันจะอ้อยอิ่งนิดๆ แต่ก็ยอมเดินไป มองจนมันนั่งลงกับพวกรุ่นพี่ผมถึงเดินไปหาเพื่อนตัวเอง โต๊ะผมยังขาดคนชวนครับ

   “พี่เฟรนด์ยังไม่มาเหรอวะ” ตบบ่าไอ้เจเบาๆ ถาม ไอ้เจกระดกเหล้าเข้าปากโดยที่คิ้วมันยักขึ้นลงเป็นคำตอบแทน “ชงให้กูดิ๊ ขอแบบไม่เข้มเพราะต้องขับรถ”

   “มาแดกเหล้ายังห่วงขับรถ กลับบ้านมึงไปเลยไป” ถูกไอ้เกมส์ไล่ครับ
 
   ที่จริงวันนี้ที่มาก็ไม่ได้เลี้ยงสายรหัสแบบไอ้เม่น แค่รุ่นพี่อยากกินเลยชวนรุ่นน้องมาแค่นั้น ส่วนเจ้ามือก็คือคนชวนครับ พวกผมเลยลอยตัว กินเท่าไหร่ก็สบายกระเป๋า

   “อย่าไปไล่มัน ผัวมันมาคุมก็ต้องเข้าใจ เมาแล้วจะเสียลุค” อยากยืดมือไปตบหัวไอ้มีน แต่มันอยู่ไกลเกินเอื้อมไปหน่อย ผมค่อนขอดในใจไม่นานพี่อินก็เดินนำหน้าพี่เฟรนด์เข้ามา รุ่นพี่สองคนแต่งตัวสบายๆ แต่เรียกสายตาสาวๆ ได้ทั้งร้าน “พวกพี่จะหล่อไปไหนเนี่ย”

   “ไม่ได้ไปไหน ก็กูมาแดกเหล้าเนี่ย” ความกวนของไอ้มีนสู้ความเกรียนของพี่รหัสผมไม่ได้สักนิด “ไอ้ม่าน ไหนผัวเด็กมึงวะ” ทำหน้าเซ็งเมื่อถูกถามหาไอ้เม่น ผมพยักพเยิดหน้าไปอีกด้าน เห็นไอ้คนที่ถูกถามหาก็มองมาเหมือนกัน “ผัวมึงคงหวงกูว่า”

   “พี่เฟรนด์อย่าเปิดประเด็น” ผมว่า มือก็ยกแก้วขึ้นดื่ม ผมรู้ดี เพียงแค่ผมกวักมือเรียก รับรองไอ้เม่นแทบจะวิ่งมาหา ไม่สิ แค่มองเฉยๆ ก็มีสิทธิ์ที่มันจะทิ้งพี่มหาลัยมาหาผมแทน

   แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมกลัวมันได้ยังไง

   “กูไม่เข้าใจ มึงมีดีอะไรนักหนาวะ มันถึงได้ตัวติดขนาดนี้” ไอ้เจถาม แต่ผมเลือกจะเงียบใส่

   “มึงถามไม่คิดไอ้เจ ไอ้มู่ต้องลีลาเด็ดอยู่แล้ว” ผมพ่นก้อนน้ำแข็งเล็กๆ ใส่อีแน่วครับ มันก็โวยวายออกมาแต่ผมไม่สนใจ “มึงมันไอ้ตัวโสโครก”

   “มึงลีลาเด็ดจริงเหรอวะ” พี่รหัสผมทำตาโตเลยครับ

   “พี่เฟรนด์อย่าบ้าจี้ตามพวกมันดิ่” ผมว่า

   “แต่กูได้ข่าวมาว่า พวกมึงยังไม่ได้กันนี่หว่า” คนเปิดประเด็นนี้คือไอ้เกมส์ครับ ใช่ผมเคยบอกมัน แต่ไม่คิดว่ามันจะปากโป้งแบบนี้ ไอ้เหี้ย

   “โอ้ว น้องม่านมู่ลี่ของพี่เฟรนด์ มึงโคตรอ่อนเลยว่ะ” ผมถูกพี่เฟรนด์ดึงเข้าไปกอด แขนที่รัดแม่งรัดโคตรแน่นแถมยังโยกตัวผมไปมาจนเกือบล้มจากเก้าอี้ ผมกำลังจะอ้าปากโวยวาย พี่เฟรนด์กลับโวยวายขึ้นมาซะก่อน “ไอ้เหี้ย”

   สิ่งที่เห็นคือไอ้เม่นมันเดินมาตอนไหนไม่รู้ ที่แน่ๆ มันล็อกตัวพี่เฟรนด์ออกจากตัวผม พี่รหัสตัวผอมบางแทบจะปลิวตอนถูกมันเหวี่ยงออก

   “อะไรของมึงวะ” พี่อินเลือดร้อนทันทีที่เห็นคนรักตัวเองถูกลอบทำร้าย ผมเห็นท่าไม่ดีก็รีบไปยืนคั่นกลาง “ถอยไอ้ม่าน”

   “พี่อินถือว่าผมขอร้อง อย่ามีเรื่องเลยนะ คนในนี้เยอะ” ผมยกมือไหว้รุ่นพี่แต่พี่อินดูจะไม่ยอม “นะพี่อิน”

   “มึงควรสั่งสอนคนของมึงบ้าง” ถูกชี้หน้าด่า ผมเลยได้แต่พยักหน้ารับ

   “ทำไมต้องเชื่อเขาด้วย” เรื่องมันกำลังจะดี แต่ไอ้เม่นกลับโวยออกมา ผมเบิกตาโตมองคนยังจะหาเรื่อง “เป็นรุ่นพี่ไม่ใช่พ่อสักหน่อย”

   “ไอ้เม่น” แหกปากลั่นพร้อมๆ กับพี่อินพุ่งหมัดเข้าหน้าจนไอ้เม่นล้ม


   งานเข้าแล้ว


   การตะลุมบอลเกือบเกิดขึ้น ดีที่ฝั่งผมกับฝั่งไอ้เม่นไม่ได้เลือดร้อน สองฝั่งพุ่งเข้าใส่กันเพื่อห้าม พี่อินเป็นคนแรงเยอะพอๆ ไอ้เม่นนั่นแหละครับ คนเกือบหกเจ็ดคนแทบเอาไม่อยู่

   “กูว่า มึงพาเด็กมึงกลับเถอะ ก่อนที่พวกเราทั้งหมดจะต้องไปแดกข้าวแดงในคุกแทนเหล้า” พี่เฟรนด์ออกปากไล่ สองแขนก็โอบรัดพี่อินแน่น ผมพยักหน้ารับพร้อมกับออกแรงลากไอ้เม่นให้เดินตาม พวกรุ่นพี่มันก็ร่วมด้วยช่วยผมลากออกมาด้วย

   “ขอบคุณครับ” โค้งศีรษะขอบคุณเพื่อนพี่น้องต่างมหาลัย ไอ้เด็กที่ผมรัดยังดิ้นพล่านจะเข้าไปด้านในอยู่ตลอด “ไอ้เชี่ยเม่น หยุดดิ้น กูเหนื่อย” หมดแรงจะต้านแล้วจริงๆ ตอนนี้

   “ทำไมพี่ต้องไปยอมมันวะ” ไอ้เม่นสะบัดตัวอีกครั้งก็หลุดจากการรัดของผม หน้าตามันตอนนี้เหวี่ยงไม่แพ้น้ำเสียง “แม่งเอ๊ย”

   “นั่นพี่รหัสกูนะไอ้เม่น” ผมว่า แต่ได้ตาขวางตวัดมามอง

   “พี่รหัสแล้วไง ทำไมต้องให้กอดวะ” เอ๊า ไอ้นี่

   “มันก็ปกติหรือเปล่าวะ พี่เขาก็กอดกูปกติ”

   “นั่นมันเมื่อก่อนที่ปกติ แต่ตอนนี้พี่มีผมแล้ว มันไม่ปกติ ผมไม่ชอบ”

   “มึงเริ่มพาล...”

   “เออ พาลแถมโมโหมากด้วย แม่งเอ๊ย” สะดุ้งตกใจตอนไอ้เม่นหันไปเตะเสาไฟฟ้า ไม่แข้งเขียวก็ได้เลือดนะผมว่า

   ไอ้เม่นเดินดุ่มๆ ไปขึ้นรถ ผมที่มาพร้อมมันก็ต้องรีบไปขึ้นรถด้วย นั่งยังไม่ทันจะดีรถก็ถูกกระชากออกสู่ท้องถนน ผมรีบคาดเข็มขัดนิรภัยทันทีที่เห็นความเร็วด้านหน้า ไอ้เม่นทำให้ผมกลัวอีกแล้ว


   นรกจ๋า อย่าเพิ่งมาพรากชีวิตไอ้ม่านคนนี้ไป


   “ใจเย็นๆ ดิ่วะ ขับช้าๆ ด้วย” ไม่กล้าโวยวายกลัวสติมันแตกกระเจิงมากกว่านี้ รถเก๋งของมันขับไปดูไร้จุดหมาย กว่าอารมณ์คนขับจะเย็นลงก็ปาไปหลายชั่วโมง เอาซะผมเกือบหลับ “จอดซื้ออะไรวะ” กำลังจะเคลิ้มรถก็หยุดหน้าร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม ผมมองตามไอ้เม่นที่หายเข้าไปในร้าน รอไม่นานก็ออกมาพร้อมถุงใบใหญ่

         ไม่มีเสียงพูดคุยหรือตอบกลับใดๆ ทั้งสิ้น ผมเลยเลือกจะเงียบตาม แม้จะแอบเหล่ๆ มันบ้างเป็นระยะ เส้นทางนี้ไม่รู้ปลายทางอยู่ตรงไหน แน่นอนว่าไม่ใช่หอผมแน่นอน จะถามก็กลัวแพ้เลยปล่อยให้มันขับไปตามใจ

.
.
(มีต่อค่า)

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
.
.


   รถคันสวยเข้าจอดใต้ตึกสูงลิ่ว ไม่รู้ว่าที่ไหน แน่ๆ ชื่อป้านด้านหน้าบ่งบอกได้อย่างดีว่าที่นี่มีแต่คนมีเงิน ก็มันอยู่ใจกลางเมืองซะขนาดนี้

   “ถือด้วย” เสียงนิ่งสั่งผม นี่มันกล้าใช้ผมถือของเหรอวะ แต่ถามว่าถือไหม...ก็ไม่น่าจะถาม

   “มาหาใครวะ” ผมหิ้วถุงหนักๆ สองมือ ขาก็ต้องรีบเดินกลัวไม่ทัน ผมมองรอบๆ ตัวอย่างตื่นๆ หลังจากเดินเข้ามาในตึก ประชาสัมพันธ์สาวสวยนั่งหน้าเต็มอยู่ที่หลังเคาน์เตอร์ พอเห็นพวกผมเดินเข้ามาก็ยิ้มให้เพียงเท่านั้น นี่เขาไม่คิดจะมีแลกบงแลกบัตรหน่อยเหรอ คนนอกเข้าตึกนะเว้ยเฮ้ย ความปลอดภัยอยู่ที่ไหน

   ผมรีบสาวเท้ายาวๆ เท่าที่ขาตัวเองจะอำนวยเข้าในลิฟต์ ตู้ขนาดกลางทะยานขึ้นสู่ชั้นบนจนหูแทบอื้อ ตัวเลขดิจิตอลบอกชั้นที่สิบสี่ประตูถึงเปิดออก แม่งสูงไปไหน ส่วนไอ้เม่นก็เดินหน้าบึ้งปึงปังออกไป ไอ้นี่บ้ามาก ผีเข้าผีออกจนปวดหัว ผมเดินตาม ปากก็บ่นไป มือชาไปหมดแล้วครับ ของในถุงมีแต่กระป๋องเบียร์ ไม่รู้จะซื้อมากินหรืออาบ

   ประตูห้องหนึ่งสี่สี่เก้าเปิดออก ผมชะโงกหน้าเข้าไปมองนิดๆ กลัวจะเจอเพื่อนหรือคนที่ไอ้เม่นมาหา แต่ปรากฏว่าไม่เห็นใครสักคน ขนาดเดินเข้ามายังไม่เจอใคร แม้แต่เงายังไม่มี ไอ้สิ มีเงาไอ้เม่นคนหนึ่ง

   “เอาวางบนโต๊ะ” ถูกใช้อีกแล้ว ไอ้เม่นชี้นิ้วสั่งให้ผมวางถุงบนโต๊ะ

   “ห้องใครวะ เพื่อนมึงเหรอ” พอวางถุงหนักแล้วผมก็รีบสะบัดมือคลายความชาของการถูกเหน็บกิน ความสอดรู้ก็สั่งให้ขาเดินไปสำรวจทั่วห้อง “โห มุมดีว่ะ” กระจกใสบานใหญ่ทำให้เห็นบรรยากาศเมืองหลวงที่คลาคล่ำไปด้วยรถราและแสงไฟของตึก มันสวยมากจริงๆ ผมวางหน้าแนบกระจกมองความสวยตรงหน้า ชักอยากได้ห้องสวยๆ วิวดีๆ แบบนี้ซะแล้วสิ

   “ชอบหรือเปล่า” เสียงเบาๆ กับแรงรัดช่วงเอว ไอ้เม่นกำลังกอดผมจากด้านหลัง คางแหลมของมันวางบนบ่าของผม มิน่าเวลามันพูด ลมเบาๆ ถึงเป่ารูหูจนขนลุก

   “ก็ดีนะ ห้องสวยดี” ผมตอบ พยายามทำเมินแรงกอดที่เริ่มรัดแน่น “ว่าแต่ ห้องใครวะ”

   “ห้องผมเอง ที่ผมเคยบอกพี่ไง” ย่นคิ้วหลังจากได้ยิน ไอ้เม่นบอกอะไรผมวะ “ที่จริงยายซื้อไว้ให้แม่ แต่ตอนนี้มันเป็นของผม”

   “จริงดิ่ ห้องมึงโคตรสวย” ทำไมรู้สึกแปลกๆ วะ ผมย่นคอหนีความร้อนจากปากของไอ้เม่น “เฮ้ย ตรงนั้นวิวก็สวย” ผมทำท่าว่าจะเดินไปอีกมุม แต่แขนที่รัดเอวไม่ยอมปล่อย “ไอ้เชี่ยเม่น” ผมแหวออกมาเมื่อถูกงับเข้าที่คอ แม่งเป็นแวมไพร์กลับชาติมาเกิดหรือเปล่า


   ที่แน่ๆ คอผมเค็มจากขี้ไคลแน่นอน


   “ขอโทษครับ แต่พอผมได้กลิ่นพี่ทีไร ห้ามใจไม่ได้ทุกที” เสียงขำเบาๆ ชิดใบหู ไม่ทำให้หายใจโล่งท้องสักเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้น ลมเบาๆ นั่นทำให้ขนแขนผมลุกมากกว่าเดิมซะอีก

   “ปล่อยก่อน กูเหมือนจะปวดขี้” แกล้งบอกไปงั้น แต่ขนที่แขนทำให้ไอ้เม่น (เหมือนจะ) เชื่อ “ห้องน้ำอยู่ไหนวะ” ต้องตีเนียนปวดขี้จริงๆ ไอ้เม่นชี้ห้องน้ำในห้องนอน ผมก็พยักหน้าเบาๆ

   ประตูห้องนอนที่เป็นแบบล้อเลื่อน ดูดีมีสไตล์ทีเดียว จากการคำนวณแล้ว แบบผมคงไม่มีปัญญาซื้อหรอก ผมทำธุระส่วนตัวอยู่นานกว่าจะออกห้องน้ำ ตอนแรกไม่ได้ปวดจริง พอไปนั่งมันกลับออกมาจริงๆ สงสัยส้มตำจะทำพิษ เพราะมันออกซะท้องโล่งเลย


   “นาน” ออกจากห้องนอนมาก็เจอไอ้เม่นเปิดเบียร์ไปแล้วหลายกระป๋อง

   “ก็กูขี้” ผมบอกพลางทิ้งตัวนั่งบนโซฟานุ่มหน้าทีวี ไอ้เม่นลดขาที่พาดโต๊ะเตี้ยลง มันหยิบเบียร์มาให้ผม “ขอบใจ แต่ห้องมึงสวยจริงๆ ว่ะ” ว่าห้องแฟนไอ้กลอยสวยแล้วนะ ห้องนี่ก็ไม่แพ้กันเลย มีบันไดขึ้นชั้นลอยด้วย

   ผมจิบเบียร์ไป ตาก็มองสำรวจห้องไป นี่ผมอาจจะต้องมาอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอเนี่ย ดูจากความสะดวกสบายแล้วคงจะดีไม่น้อย ติดอยู่อย่างเดียว มันไกลมหาลัยผมไปหน่อย หากขับรถไปคงเปลืองน้ำมันแน่นอน

   “ดีใจนะ ที่ม่านชอบ” การสำรวจหยุดลงเมื่อได้ยินชื่อโดดๆ ของตัวเองออกมาจากปากไอ้เม่น

   “เดี๋ยวจะโดน เรียกชื่อกูเฉยๆ ได้ยังไง” ผมว่า พลางกระดกเบียร์จนหมดกระป๋อง คงเพราะติดพันมาจากร้านเหล้า กะจะเมาสักหน่อย อดเลย

   “ได้ดิ่ ก็เราเป็นแฟนกัน” ไอ้เม่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างน่าหมั่นไส้ปนน่าถีบ

   “เฮอะ” เค้นเสียงในลำคอ ไอ้เม่นดันผมให้ขยับไปนั่งริมโซฟาอย่างงงๆ ก่อนมันจะล้มตัวหนุนตัก ผมดีดหน้าผากเหม่งเบาๆ “มึงอย่าหึง อย่าบ้ามาก กูกลัว”

   “กลัวทำไม ไม่ต้องกลัวเม่นนะ” ผมจ้องหน้าคนบนตัก แววตาไอ้เม่นดูสั่นไว “ม่านไม่ต้องกลัวเม่นนะ” ผมเบี่ยงหน้าหนีฝ่ามือที่ยื่นมาจับแก้ม แต่พอเห็นท่าทางชะงักและแววตาเสียใจผมก็ยอมซบหน้าเข้าหามือที่ยังค้างอยู่

   “มึงควรลดอารมณ์รุนแรงลงบ้าง ใช้สติให้มากหน่อย” พูดไปแก้มก็ถูฝ่ามืออุ่นไป รู้สึกเหมือนแมวเลยว่ะผมเนี่ย แต่มือนุ่มๆ ของไอ้เม่นมันลูบแล้วเคลิ้มดีเหมือนกันนะ มิน่าแมวถึงชอบให้ลูบหัวเกาคาง

   “เม่นขอโทษ ก็เม่นหึง ไม่ชอบให้ใครมาจับม่านนี่นา” ไม่ค่อยชอบใจที่ถูกเรียกด้วยชื่อเฉยๆ ถ้าเป็นรุ่นน้องคนอื่น ผมอาจกระโดดเตะขาคู่ไปแล้ว “ม่านห้ามให้ใครมาแตะตัวสิ”

   “ตัวกูไม่ใช่ทองคำที่ใครแตะแล้วจะหลุดลอก ทำไมต้องหวง” พูดตามความจริง แต่คงจะไม่ถูกใจไอ้คนหนุนตักสักเท่าไหร่ “ทำไม...” กำลังจะถามบางอย่าง มือที่ลูบแก้มก็ยืดเหนือหัวแล้วก็ถูกดันให้ก้มลงพร้อมๆ กับใบหน้าคนบนตักยื่นเข้าหา

   ...จูบแบบตกใจน้อยไปถึงปานกลาง

   “ตัวม่านยิ่งกว่าทองคำอีก” ทันทีที่ผละออก ผมก็รีบโกยอากาศเข้าปอด เมื่อกี้เกือบตายแล้วไหมล่ะ

   “กดหัวกูทำเชี่ยอะไร เกือบตายแล้วเห็นป่ะ” ด่าไปหอบไป ไอ้เม่นดูไม่กลัวเอาซะเลย กลับกัน มันขำออกมาซะงั้น “ไม่ตลก”

   “นี่แค่เริ่มต้นเอง เจอของจริงจะยิ่งหายใจไม่ทัน” คำพูดกำกวมนั่นได้นิ้วกลางของผมเป็นรางวัล “ของผมใหญ่กว่านี้อีก” ผมดึงมือกลับแต่ถูกรั้งไว้ ไอ้เม่นจูบนิ้วกลางของผมเบาๆ เล่นเอาหน้าร้อนผ่าวๆ

   “เชี่ย” สบถคำหยาบไปแก้อาการหน้าร้อน

   “ตั้งแต่พ่อแม่จากไป ม่านคือคนเดียวที่เม่นรัก” ผมปล่อยให้มันพูด มือก็ปล่อยให้มันจับๆ ลูบๆ บางครั้งมันก็ดึงมือผมไปจูบ แต่ที่ไม่เข้าใจคือมันจะเลียทำเพื่ออะไร พอจะดึงกลับก็ถูกยึดไว้อีก “ม่านอย่าทิ้งเม่นนะ ได้โปรด”

   “เออน่า” แพ้สายตาวาวใสแบบนี้ของมันทุกทีสิน่า ผมเบือนหน้าหนีไม่อยากมองนิ้วตัวเองที่ถูกลิ้นร้อนไล้ตามร่องนิ้ว ตอนนี้หัวใจผมเหมือนจะเด้งออกมาด้านนอก ความแรงของมันดังทะลุออกมา ไม่แน่ ไอ้เม่นอาจจะได้ยิน “เอาเบียร์มาดิ๊”

   “เขินล่ะสิ” ไม่ได้เบียร์ แถมยังถูกล้ออีก ผมตวัดสายตามองคนล้อขุ่นๆ แต่พอประสานสายตา ก็เหมือนถูกตราตรึงไม่ให้หลบหนีไปไหนอีก “ม่านครับ”

   คราวนี้เป็นผมเองที่ก้มหน้าลงไปจูบ ผมจูบย้ำๆ บนริมฝีปากนุ่มหยุ่น จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าลงมานอนราบบนโซฟาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมจ้องหน้าเด็กที่เคยกล้าตะโกนบอกจีบผมใต้ตึกที่ยังใช้จมูกโด่งคลอเคลียอยู่ แววตาที่จ้องผมระยะใกล้คู่นี้มีผมอยู่ในนั้น แถมยังจ้องมองซะเหมือนจะดูดให้ผมเข้าไป และที่น่ามองอีกอย่างคือปากแดงๆ ที่ผมเพิ่งจูบไปเมื่อกี้

   “กลับไหม” ผมถามเสียงเบาหวิว คนที่คร่อมผมทั้งตัวยิ้มบางๆ ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ นอกจากส่งปากแดงที่ผมจ้องแนบลงมาอีกรอบ

   จูบคราวนี้ช่างเนิ่นนานและซาบซ่าน ความร้อนของลิ้นที่ตอนนี้ไม่รู้ของใครร้อนกว่ากันกำลังตวัดเกี่ยวไปมา ผมอาศัยช่องว่างเล็กๆ ยามถูกรุกไล้เพื่อหายใจ

   “ม่าน” เสียงชิดริมฝีปากกับมืออุ่นที่ไล้ไปทั่วอกทำให้ผมเหมือนคนจะจมน้ำ จากที่โกยอากาศตอนแรก ตอนนี้กลับหายใจไม่ออก “ม่าน”

   “เชี่ย” สบถเบาๆ หลังความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นมา ผมผงกหัวมองดูคนที่กำลังหยอกล้อกับยอดอกทั้งที่เสื้อผมก็ยังอยู่ รอยเปียกเป็นวงกว้างนั้นเจอแอร์เย็นๆ ทำเอาขนลุกหนักกว่าเดิม ยิ่งลิ้นร้อนตวัดไปมาสมองผมยิ่งเบลอหนัก “อื้อ” จนเผลอหลุดเสียงครางออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

   “ม่านครับ” ผมรีบยกมือสองข้างปิดปากตัวเอง เสียงครางเมื่อกี้ใช่ของผมแน่เหรอวะ “ม่าน” นึกค่อนขอดในใจที่ถูกเรียกซ้ำๆ แค่นี้ผมก็อายจะแย่ จะเรียกชื่อทำแมวอะไรวะ

   “พะ พอ เชี่ย” คำพูดโคตรกระท่อนกระแท่น ก็ว่าทำไมมันหนาว ผมถูกรูดเสื้อออกจากหัวไปแล้ว ตอนนี้ด้านบนเปลือยเปล่า และไอ้เม่นกำลังปลดกางเกงผมอยู่ “มะ เม่น พอ” พยายามรวบรวมสติเท่าที่มีบอก แต่ดูคนคร่อมตัวผมจะไม่ได้ยินเสียงสั่งอันเบาหวิว

   “ม่านโคตรน่ารัก” เกลียดน้ำเสียงอ่อนโยนที่กระซิบข้างหู เพราะมันทำให้ผมใจอ่อนทุกครั้งไป

   “กู...กลัว” แม้รู้ว่าเสียงตัวเองช่างบางเบา แต่ก็ยังอยากจะพูด คราวนี้ไอ้เม่นคงได้ยิน เพราะมันส่งยิ้มให้ผมก่อนกดจูบย้ำๆ ทั่วใบหน้าของผม

   “เม่นรักม่านนะ เชื่อใจเม่น ไม่ต้องกลัว มองหน้าเม่นเอาไว้นะ” มันจะเชื่อได้จริงหรือเปล่าวะ ผมย่นคิ้วไม่เชื่อ แต่ริมฝีปากอุ่นเมื่อกี้กลับสร้างความมึนเบลอให้ผมอีกรอบ

   นี่ผมกำลังจะถูกเขมือบใช่ไหม จะเจ็บ จะปวด จะรวดร้าวแค่ไหน ไอ้ม่านจะตายหรือเปล่า ขอเหล้าแรงๆ ย้อมใจก่อนได้ไหม ไม่อยากจะคิดถึงวันพรุ่งนี้เลยให้ตาย...ตาย...ไม่นะ โนว ต้องไม่ตาย




...TBC

 :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เสร็จแน่ม่าน ไม่น่ารอดแล้ววววว

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
ม่านจะได้ผัว 1000 เปอร์เซ้นก็คราวนี้แล้วเว้ย ม่านดดนเด็กกิน :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

22




         แอร์เย็นแค่ไหนก็เอาความระอุตอนนี้ไม่อยู่ ผมถูกอุ้มมาที่เตียงเมื่อสามสิบนาทีก่อนด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ทันทีที่หลังแนบเตียง ผมก็เบลอมึนเหมือนสมองหยุดการทำงานทุกอย่าง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างร้อนแรงกับดุดันมันแยกกันยังไง ที่แน่ๆ ผมควรแยกกับไอ้คนที่กำลังขยับมาซ้อนบนหลังผมอีกรอบ

   “หนัก” ผมออกแรงขยับทั้งที่ยังนอนคว่ำ

   “เมื่อกี้ไม่เห็นบ่นว่าหนัก” น้ำเสียงกับคำพูดโคตรน่าถีบ ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่คนที่ทำให้ผมนอนนิ่งมาหลายนาที “ม่านโคตรสุดยอดอะ”

   “สุดยอดเชี่ยไร ลุกเลยกูหนัก” ผมถูกไอ้เม่นนอนทับทั้งตัว ทำให้รู้ได้ทันทีว่า อาวุธของมันพร้อมรบอีกครั้ง “เอาของของมึงออกจากก้นกูด้วย แม่ง จะคึกอะไรนักหนา” ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ไอ้เม่นหัวเราะร่วนแถมยังใช้อาวุธร้ายๆ ของมันถูไถตามร่องก้น ผมจะขยับหนีก็ไม่ได้ในเมื่อถูกมันทับไว้ทั้งตัว “ไอ้เชี่ยเม่น”

   “ทำไมพูดไม่เพราะอ่ะ แล้วก็ นี่ก้นม่านที่ไหน ก้นเมียของเม่นต่างหาก” อยากข่วนหน้าด้วยเล็บสั้นๆ เมื่อถูกมือขยำ “ก้นเมียโคตรเด้ง”

   “ไอ้เชี่ยเม่น” ผมวาดมือไปด้านหลังเพื่อตบตีมัน แต่กลับได้ยินแค่เสียงหัวเราะ

   “อะไรนะ อยากได้อีกเหรอ เดี๋ยวเม่นจัดให้ยันเช้าเลยนะ” ผมว่ามันเริ่มบ้าแล้ว พูดเออออคนเดียว

   “ไอ้เม่น ไม่เอาแล้วโว้ย ไอ้ๆๆ” ห้ามไปคิดว่ามันจะฟังเหรอครับ ยากบอกเลย ตอนนี้ผมถูกดึงให้ขยับนอนตะแคงข้าง มีไอ้เม่นซ้อนอยู่ด้านหลัง “ทำอะไรของมึงวะ ไอ้...เชี่ย อ๊ะ” มันบ้าไปแล้ว

   “สุดยอดจริงๆ เมียไอ้เม่น” ปล่อยมันพูดไปครับ เพราะผมดึงหมอนมากัดเรียบร้อย ไม่อยากส่งเสียงกระตุกต่อมหื่นเหมือนรอบแรกที่ดุดันจนแทบจะจมเตียง “ม่านครับ” เสียงหอบกระเส่าครางอยู่ข้างหู สะโพกมันยังทำงานได้ดี แถมท่าแบบนี้ผมเคยเห็นแค่ในเว็บเท่านั้น ไอ้ท่าตะแคงข้างแบบนี้เนี่ย

   “กูเจ็บ...อือ...ช้าๆ สิวะ” พูดไปมันก็ไม่ฟังหรอกครับ ผมถูกมันรุกทั้งหน้าและหลัง ยาวนานกว่าศึกครั้งนี้จะจบลง น่วมมากบอกเลย

   “อา...สุดยอดเมียกู” เสียงครางยาวดังมาจากด้านหลัง ผมไม่เห็นหน้ามันหรอก เพราะหน้าผมฝังกับหมอนที่ดึงมาปิดอยู่ “เดี๋ยวเม่นจะทำให้ม่านบ้างนะ” ยังไม่ทันที่ผมจะแย้ง ของๆ ผมก็ถูกมือร้อนกอบกุม ไอ้เม่นขยับมือจนผมถึงกับดิ้น แต่ยิ่งดิ้น ไอ้ที่ยังฝังในตัวก็เริ่มคึกอีก

   “มะ เม่น” หอบจนน้ำตาจะไหล มันเหมือนเห็นฝั่งอยู่ไม่ไกล แต่เรือที่นั่งมากลับถูกดับเครื่องซะงั้น ผมยื่นมือจะช่วยตัวเองแต่ถูกมืออีกข้างไอ้เม่นจับไว้ “เม่น...กูไม่ไหว”

   “พูดเพราะๆ สิครับ” มันแกล้งผม “ไหนพูดเพราะๆ สิครับ”

   “ชะ...เชี่ย” พอด่าไป มันกลับขยับสะโพกแกล้ง

   “พูดเพราะๆ กับผัวสิครับ” โคตรขัดใจแต่ตอนนี้ผมตกเป็นรอง

   “เม่น” ต้องผ่านตรงนี้ให้ได้ก่อน ไม่งั้นผมขาดใจตายแน่ “เม่น ช่วยม่านหน่อยครับ” เสียงหอบเครือของผมจุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนด้านหลัง ไอ้เม่นกัดเข้าต้นคอด้านหลังของผมพร้อมกับขยับมือที่กอบกุมของๆ ผมไว้ ไม่นานผมก็ปลดปล่อยออกมา สมองมันโล่งไปหมด เหนื่อยยิ่งกว่าวิ่งผลัดสี่คูณร้อยซะอีก

   “เหนื่อยแล้วเหรอ” ผมมองคนแกล้งอย่างเคืองๆ ไอ้เม่นหัวเราะชอบใจที่เห็นผมสิ้นฤทธิ์ “ม่านเสร็จแล้ว เม่นยังเลยนะ”

   “มึงกี่รอบแล้ว อ๊ะ” ตาโตเมื่อถูกแกล้ง

   “รอบสุดท้ายนะ ม่านทำให้เม่นรู้สึกเอง” มาโทษผมได้ไงเนี่ย แต่โวยวายไปแค่นั้น ตอนนี้ต้องรีบให้มันเสร็จๆ ไป ตาผมเหมือนจะปิดได้ทุกวินาที

   “สุดท้ายนะ”

   “ครับ สุดท้าย....สำหรับคืนนี้”

   กำลังจะอ้าปากด่าก็ไม่ทันซะแล้ว เสียงด่าของผมกลายเป็นเสียงครางกระเส่าแทน ไอ้เม่นมันโคตรเชี่ยวเรื่องบนเตียงจริงๆ ทำเอาผมอ่อนระทวย หมดเรี่ยวแรงได้ขนาดนี้ ไม่อยากนึกถึงพรุ่งนี้เลยจริงๆ






   แม้ไม่อยากนึกถึงแต่มันก็มาถึง เพียงแค่ก้าวขาลงจากเตียงก็เหมือนไร้ความรู้สึก ผมบีบนวดขาตัวเองเพื่อให้มีแรงเดิน จากที่คิดว่าจะเจ็บจนลุกไม่ขึ้นหรือนอนซม มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นซะทีเดียว มันรวดร้าว ตึงๆ แสบๆ ซะมากกว่า

   “ตื่นแล้วเหรอเมียจ๋า” ถ้าไม่ติดว่าเล็บสั้น ผมข่วนหน้าไอ้เม่นเละไปแล้ว

   “ห้ามเรียกเมียจ๋า” ผมสั่ง ไอ้คนเรียกไม่สนใจ มันเลื้อยตัวเอาหน้าซบหลังของผม แขนยาวๆ ก็รัดช่วงเอวของผมไว้ “ปล่อย กูจะเข้าห้องน้ำ”

   “พูดกับผัวไม่เพราะอีกละ” ผมส่งศอกใส่หน้าของไอ้เม่นจนมันกลิ้งไป “เจ็บนะเนี่ย”

   “ก็ทำให้เจ็บ อย่าพูดผัวๆ เมียๆ ได้ไหมวะ” มันโคตรไม่ชิน ทำใจไม่ได้ด้วย นี่ผมเป็นเมียจริงๆ เหรอวะ “อะไร มองทำไม” รู้สึกโดนจ้องหน้า และก็จริง

   “มองเมีย” ผมยื่นมือจะไปต่อย แต่กลับกลายว่าทำร้ายร่างกายตัวเอง แม่งปวดร้าวจนต้องนิ่วหน้า “เจ็บมากเหรอ ไหนเม่นดูหน่อย”

   “ไม่ต้องมาจับ” ตีมือที่จับก้น แค่นี้ก็เคล็ดขัดยอกไปทั้งตัว แทบไม่มีแรง 

   “เม่นอาบให้ไหม รับรองสะอาด ถูจนไม่มีขี้ไคลแน่นอน”

   “เสือก”

   “ด่าผัวอีกละ”

   เลิกต่อล้อต่อเถียง ผมทำเมินลุกไปเข้าห้องน้ำ ตอนเดินมันขัดๆ ตึงๆ แต่ก็ยังเดินได้ ผมอาบน้ำขัดๆ ถูๆ เอาคราบที่เปรอะตัวออก แต่รอยจ้ำแดงที่แผงอกนี่มันไม่ยักจะออก วันนี้ได้ใส่เสื้อแขนยาวแน่นอน

   อาบน้ำเสร็จไอ้เม่นก็เดินผิวปากอารมณ์ดีเข้าห้องน้ำต่อ อยากยกขาเตะแต่สภาพไม่ไหวเลยได้แค่กัดฟันฝากความแค้นเอาไว้รอชำระวันหลัง แต่แล้วความเครียดบางอย่างก็พุ่ง นี่ไม่ใช่ห้องของผม ชุดศึกษาเลยไม่มี ซวยแล้วไง ชุดที่ใส่มาก็เป็นชุดธรรมดา ผมเลยเลือกจะนั่งรอเจ้าของห้องแทน นานมากกว่าคนในห้องน้ำจะออกมา ไอ้เม่นเลิกคิ้วเมื่อเห็นผมนั่งพันแค่ผ้าเช็ดตัวที่เอว

   “ทำไมไม่แต่งตัวอีก หรือรอผมอยู่” ยกเท้าใส่ไอ้คนปากมาก “โหย ไม่ต้องโชว์หรอก เห็นมาทั้งคืน”

   “ไอ้เหี้ย” ด่าเน้นๆ ลืมไปว่าไม่ได้ใส่กางเกงใน “กูไม่มีชุดนักศึกษา”

   “เออใช่ งั้นพี่ใส่ของผมก่อนไหม น่าจะใส่ได้นะ” ว่าแล้วมันก็ค้นชุดของตัวเองออกมา พ่วงกางเกงในตัวใหม่ให้ด้วย ผมรีบดึงมาถือแล้วเดินไปใส่ในห้องน้ำ ทั้งที่เมื่อก่อนตอนอยู่ห้อง เสื้อผ้าผมก็แก้ต่อหน้ามัน แต่คราวนี้รู้สึกเขินแปลกๆ ทั้งที่ไม่น่าจะเขินด้วยซ้ำ 

   แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาไปเรียน ผมสั่งให้คนทำผิดตามเข้าตึกด้วย ไอ้เม่นเดินตามทำหน้างอไปจนถึงกลุ่มของรุ่นพี่ปีสี่ ผมยกมือไหว้รุ่นพี่ทุกคนก่อนลากไอ้เม่นมาไหว้ด้วย แม้ทุกคนจะดูไม่สนใจเพราะไม่รู้เรื่อง แต่มีอยู่คนหนึ่งที่เดินออกมาหาทันที

   “พามันมาทำไมวะ” พี่อินกระชากเสียงใส่จนคนหันมามองทั่ว

   “คือผมจะพามันมาขอโทษ” ผมว่า ข้อศอกก็สะกิดให้ไอ้เม่นพูด ผมเห็นพี่อินจ้องหน้าคนของผมอยู่นานกว่าไอ้เม่นจะยอมยกมือไหว้

   “ขอโทษครับ ผมใจร้อนไปหน่อย” ไอ้เม่นว่า

   “ไม่หน่อยหรอกไอ้ห่า” พี่เฟรนด์เพิ่งเดินมารวมกลุ่มรีบเดินเข้ามาหา “ถ้ามึงจะหวงกูกับไอ้ม่าน บอกเลยไอ้นี่ไม่ใช่สเปคกู” ผมแทบสำลักน้ำลายเมื่อได้ยิน ไอ้เม่นเม้มปากก่อนยกมือไหว้ขอโทษพี่เฟรนด์ด้วย “เออๆ ต่อไประงับสติบ้าง เกือบได้เข้าคุกยกแก๊งแล้วไหมละ”

   “ขอโทษครับ”

   “พี่อินหายโกรธเถอะนะ นี่น้องนะ” พี่รหัสไอ้เจยังตีหน้ายักษ์อยู่ ผมเลยต้องส่งเสียงออดอ้อน ได้ยินเสียงฮึดฮัดมาจากไอ้เม่นแต่ไม่ใช่เวลาสนใจ “พี่อิน” ลากเสียงยาวจนคนโกรธถอนหายใจ

   “เออๆ ต่อไปอย่าให้มันทำอีก” พี่อินว่า

   “หวงแฟนไม่ต่างกันหรอก” ผมพูดกวนเลยถูกเตะเข้าก้นมาทีหนึ่ง หากเป็นเวลาปกติคงไม่ออกอาการขนาดนี้ แต่นี่เพิ่งผ่านศึกครั้งใหญ่หลวงมาทำให้แทบทรุดเมื่อถูกเตะ “เฮ้ย”

   ทั้งพี่อินและพี่เฟรนด์ต่างตกใจที่ผมแข้งขาอ่อนลงไปนั่งที่พื้น ไอ้เม่นรีบมาประคองทันทีด้วยสีหน้าและสายตาที่เป็นห่วง

   “มึงทำน้องกูทำไมวะ” ไม่ต้องให้ไอ้เม่นออกโรง พี่เฟรนด์ก็จัดการให้แล้วครับ พี่อินที่ว่าโหดก็ต้องยอมเป็นลูกไก่เชื่องๆ ที่จะบีบก็ตาย จะคลายก็ตาย หากคนสั่งคือพี่เฟรนด์

   ผมดึงไอ้เม่นออกมาจากกลุ่มรุ่นพี่จนมาถึงโต๊ะตัวเอง เจอไอ้เกมส์นั่งเล่นมือถืออยู่คนเดียว ผมตบบ่าเพื่อนสนิททักทาย มันแค่เงยหน้ามามองแป๊บหนึ่งก่อนก้มหน้าเล่มเกมส์ต่อ

   “ไปเถอะ เดี๋ยวเข้าเรียนสาย” ผมว่า แต่ไอ้เม่นกลับย่อตัวนั่งข้างผม “เอ๊า กลับไปดิ่”

   “ยังไม่อยากไป” พูดไม่พอ ยังขยับมานั่งชิดกับผมอีก

   “นั่งงี้ไม่ขึ้นมาบนตักเลยล่ะ”

   “นั่งได้เหรอ”

   “ประชด”

   “รู้หรอกน่า” รอยยิ้มกวนจนอยากตบหัว “ผมทำให้สะโพกพี่เจ็บ ขึ้นไปนั่งเดี๋ยววันนี้ต่อไม่ได้พอดี”

   “ไอ้เชี่ยเม่น!” ถลึงตาใส่ ไอ้เม่นกลับขยิบตาเจ้าเล่ห์ตอบ “จะไปไหนก็ไป เหม็นขี้หน้า”

   “ไปไม่ได้” ผมมองหน้าคนบอกไปไม่ได้ เห็นสายตามันจ้องคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์ และดูว่า ไอ้เกมส์ก็พอจะรับรู้ถึงสายตาที่มองเหมือนกัน

   “มองกูทำไม” ไอ้เกมส์ถามออกมา ตาจ้องตา ทำเอาผมคิดดีไม่ค่อยได้ ถ้าเป็นปลาทองพวกมันคงท้องหลายรอบแล้ว

   “พี่ไม่คิดอะไรกับแฟนผมใช่ไหมครับ” คำถามที่แทบสำลักน้ำลาย ไอ้เกมส์หันหน้ามามองหน้าผมอย่างสโลว์โมชั่น สายตามันบ่งบอกถึงความไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน

   “มึงคิดว่า กูจะพิศวาสไอ้มู่เนี่ยนะ หมาที่บ้านกูยังน่ารัก น่าหลงมากกว่าไอ้มู่เลย” โห ดูความเปรียบเทียบของไอ้เกมส์สิครับ

   “ก็ดีครับ” ยังไปพูดต่อมันอีก ผมส่ายหน้าให้กับความคิดบ้าๆ ของไอ้เม่น กับความชั่วร้ายของไอ้เกมส์ที่มีต่อผม พวกมันเห็นผมนั่งอยู่ด้วยหรือเปล่าเนี่ย

   “รีบไปมหาลัยมึงได้ละ” ออกปากไล่เพราะไม่อยากถูกทำให้รู้สึกต่ำต้อยกว่าหมา ไอ้เกมส์พูดซะผมไปไม่เป็น เพิ่งรู้นะเนี่ย
 
   “ครับๆ ไว้พี่เลิก...”

   “กูกลับเอง เวลาเลิกของกู มึงยังเรียนไม่เสร็จ”

   “แต่ว่า...”

   “เอาตามนี้ รีบไปเรียนได้แล้ว บาย”

   ผมโบกมือส่งท้าย แม้ไอ้เม่นไม่อยากไปก็ต้องไป ผมเห็นมันหันหน้ามามองอยู่หลายรอบกว่าจะยอมลงจากตึก ไอ้นี่มันบ้าหนักมากจริงๆ

   “มึงทำเสน่ห์ใส่หรือเปล่าวะ” คำถามชั่วร้ายดังเรียกให้ผมต้องหันกลับมามอง ไอ้เกมส์จ้องผมตาไม่กระพริบ พลางสำรวจหน้าตาของผม “หน้าตามึงก็บ้านๆ ไม่มีส่วนไหนที่ทำให้หลงใหลขนาดนี้ หรือมันเพี้ยนวะ”

   “มึงคิดว่ากูต้องทำเหรอ” ผมถามออกมา ไอ้เกมส์ถึงกับขยำกระดาษเปล่าใส่หน้า

   “ความมั่นใจมึงกูขอซื้อไปทิ้ง” ยักไหล่ไม่สนใจ ใช่ซี้ ผมไม่ใช่หมาบ้านมันนี่ถึงจะได้น่ารัก


   เดี๋ยวนะ ผมอิจฉาหมาไอ้เกมส์เหรอ


   เรียนวันนี้ก็ไม่มีอะไร นั่นเพราะผมหลับ ความเพลียจากการนอนไม่พอทำให้ผมหลับทั้งคาบ ดีที่นั่งอยู่หลังสุด เลยไม่เป็นที่สนใจ อีกอย่าง วิชานี้ก็แค่ฟังบรรยายแล้วสรุปทำรายงาน มันช่างเหมาะกับการอู้ซะจริง พอหมดคาบเรียนผมก็ตื่นแบบเบลอๆ

   “ไปอดนอนที่ไหนมาวะ” ไอ้มีนทำหน้ายุ่งถาม

   “กูก็...”

   “มั่วแต่เอากับผัวล่ะสิ”

   ผมกำลังจะอ้าปากตอบ ไอ้เจกลับพูดขัดขึ้นมา แต่ก็ทำเอาผมตาโต มันรู้ได้ไงวะ

   “มึงรู้ได้ไง” นั่นไง อีแน่วยังสงสัย

   “รอยที่ต้นคอมัน ไม่ใช่แมลงกัดแน่นอน” พอไอ้เจตอบปุ๊บ เพื่อนอีกสามคนก็รุมทึ้งผมทันที พวกมันกดหน้าผมลงที่โต๊ะแล้วแย่งกันดู ผมพยายามดิ้นหนี แต่หัวเดียวหรือจะสู้สามหัว

   “โหย ท่าจะเร่าร้อน” อีแน่วยิ้มโคตรเจ้าเล่ห์

   “ไม่ใช่เว้ย” ผมโวยวาย มือก็จัดเสื้อจัดทรงผมให้เข้าที่เหมือนเดิม “มดกัดกูต่างหาก”

   “มีแถๆ คิดว่าพวกกูเป็นเด็กสามขวบหรือไง” ไอ้มีนว่า

   “ถึงว่า เมื่อเช้าไอ้เด็กนั่นติดมึงแจขนาดนี้ ที่แท้ก็ติดใจ” ไอ้เกมส์เสริมเพิ่มเติมเรียกเสียงหัวเราะแบบชั่วร้ายจากทุกคน “เพื่อนกูมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วว่ะ”

   “ไอ้เชี่ยเกมส์” ผมโวยวายเหมือนถูกหัวเราะเยาะ

   “โอ๋ๆ เพื่อนมู่ของกู ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ยอมรับมาเถอะ พวกกูรับได้ กะอีแค่เพื่อนมีผัว ใช่ไหมวะ” คำพูดของไอ้เจทำให้ผมตัดสินใจวิ่งไล่เตะพวกมัน แต่พวกมันตีนหมาไล่ยังไงก็ไม่ทัน อีกอย่าง เพราะสภาพร่างกายไม่อำนวยด้วย ทำให้วิ่งไม่ไหว

   พวกผมพากันมาที่โรงอาหารกลาง แม้คนจะเยอะแต่ก็พอมีที่นั่ง ระหว่างมื้อแสนอร่อย อยู่ๆ แขนผมก็ถูกกอดแน่น หันไปมองก็เป็นเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มนั่นแหละครับ อีแน่วมานั่งทำตาละห้อย ใช้แก้มถูแขนผมไปมา

   “อะไร” ถามอย่างระแวง ไม่รู้คิดจะแกล้งอะไรผมอีก

   “กูมาอย่างเป็นมิตรน่า ไม่ทำร้ายแล้ว” น้ำเสียงไม่ค่อยน่าเชื่อถือ “มู่เพื่อนรัก ช่วยเพื่อนตาดำๆ คนนี้หน่อยสิ นะๆ”

   “ช่วยอะไรวะ” คำถามของผมคงแทนใจของเพื่อนร่วมโต๊ะที่รอฟังเช่นกัน

   “มึงช่วยไปขอเบอร์สาวให้กูหน่อย” น้ำมะนาวในปากแทบพุ่ง “นะๆ ช่วยกูหน่อย”

   “ทำไมมึงไม่ให้ไอ้เจไปขอ มันหล่อ ดีกรีเดือนอีก”     

   “ขืนให้มันไปขอ สาวกูก็เทไปหาสิ ไม่เอาหรอก” เผลอหัวเราะหน้าหงิกของเพื่อนสาว พูดตามตรงแล้ว อีแน่วมันสวยมากนะครับ แต่กลับคิดว่าตัวเองหล่อมากกว่า ผมเป็นแค่เพื่อนเลยยอมตามน้ำไป เพื่อนว่ายังไงก็ตามนั้น




   หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกเราก็แยกกัน ผมถูกควงแขนมาที่ตึกคณะอักษร ไม่รู้สาวคนนี้หน้าตายังไงถึงทำให้เพื่อนผมหลงใหลได้ขนาดนี้ คงจะสวยหยาดเยิ้มเลยทีเดียว แน่วเดินจูงผมไปใต้ตึก ม้านั่งไม้ด้านในสุดมีกลุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่กำลังอ่านหนังสือ แต่ถ้าดูดีๆ จะเห็นว่ามีอะไรแปลกแยก คงเพราะมีเด็กสวมชุดนักเรียนสามถึงสี่คนนั่งรวมอยู่ด้วย

   “ไหนสาวสวยของมึงวะ” ตั้งแต่ขึ้นมา ผมยังถูกลากให้เดินไม่หยุด ผ่านโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ก็ไม่ยังไม่ใช่อีก

   “นั่นไง” พอจะหยุด มันกลับพาผมมายืนหลบด้านหลังเสา อะไรของมัน

   “อะไรของมึงวะ แล้วคนไหน” ทำหน้ามุ่ยไม่ค่อยเข้าใจ แต่เห็นเพื่อนสาวกระพริบตาปริบๆ ก็เลยไม่ถามมากนัก ส่วนนั่นไงของแน่วน่าจะอยู่ในกลุ่มใหญ่ๆ เท่าที่เห็นมีผู้หญิงหน้าตาสะสวยตั้งหลายคน

   “ก็นั่นไงเล่า คนน่ารักๆ ที่ใส่ชุดนักเรียน ผมเปียนั่นไง” ผมถ่างตาโตๆ เพื่อจะได้เห็นถนัดๆ แต่สิ่งที่เห็น ทำให้ผมยืนนิ่ง ตาก็ยังเบิกโตอยู่อย่างนั้น “เป็นไงล่ะ อึ้งเลยละสิ โคตรน่ารัก กูเห็นมาหลายวันแล้ว” คำชื่นชมไม่ค่อยจะเข้าหูผมสักเท่าไหร่ เพราะคนที่แน่วบอก “ไอ้มู่ เป็นอะไรวะ ทำไมอึ้งไม่หาย อย่าบอกว่าแอบหลงรักสาวที่กูเล็งนะเว้ย มึงต้องจำใส่หัวว่ามึงมีผัว...” ผมยกมือปิดปากเพื่อนสนิทที่พล่ามออกทะเล

   “มึงเงียบก่อน” ผมว่า ก่อนถอนมือออกจากปาก “กูว่า มึงควรเลิกชอบ เลิกสนใจผู้หญิงคนนั้น”

   “เป็นไรของมึง รู้จักเขาเหรอ” คำถามที่ทำให้ผมพยักหน้าลง “จริงดิ่ รู้จักได้ไงวะ ดีเลย มึงจะได้ช่วยกู”

   “กูไม่ช่วยมึงเด็ดขาด กูขอบอกเลยว่า กูจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น” ผมบอกเพื่อนด้วยใบหน้าจริงจัง “มึงก็ด้วย อย่าไปยุ่ง ถ้าไม่อยากปวดหัวจนเส้นเลือดแตก”

   “ไอ้มู่ เชี่ย อะไรของมึงเนี่ย” เสียงแหลมโวยวายตามหลัง แต่ผมไม่สนใจ ตอนนี้รีบเดินจ้ำอ้าวเพื่อให้พ้นจากที่นี่โดยไว ต้องรีบไปซื้อน้ำยาล้างตามาล้างก่อนที่ความน่ารักจอมปลอมจะติดตา

   ผมขึ้นรถไฟฟ้าต่อด้วยพี่วินจนมาถึงหอ ช่วงการเดินทาง ภาพเด็กผู้หญิงที่ยิ้มแย้มเป็นมิตรมันฉายซ้ำไปซ้ำมา ผมไม่ได้ปลื้มหรือหลงใหลหรอกนะครับ แต่ขนลุก ไม่รู้พวกที่นั่งอยู่ด้วยเผลอยิ้มไปด้วยได้ยังไง ภาพลวงตาชัดๆ           


   ช่วงเวลาที่รอไอ้เม่น ผมปัดกวาดเช็ดถูห้องจนสะอาดเอี่ยมอ่อง พอมองไปรอบๆ แล้วก็รู้สึกเสียดาย นี่ผมต้องไปจากหอนี้จริงๆ เหรอวะ อยู่มาตั้งสามปี แม้ห้องจะไม่ได้ใหญ่โตหรือมีอะไรสะดวกสบาย แต่มันก็ผูกพัน ผมยืนนิ่งจำภาพห้องด้วยความรัก ก่อนเสียงเคาะประตูห้องจะดังขัด

   “ใคร” ที่ถามเพราะไอ้เม่นมีกุญแจ มันกลับมาก็ต้องเปิดเอง ผมเดินไปส่องที่ช่องตาแมวแต่ด้านนอกไม่มีคนอยู่ แล้วใครมาเคาะห้องวะ ผมหันหลังกลับ เสียงเคาะก็ดังอีกรอบ คราวนี้ไม่ดงไม่ดู เปิดไปเลยดีกว่า “ใครวะ เหี้ย”

   ถึงกับร้องเสียงหลง ทันทีที่เปิดประตู จู่ๆ ก็มีคนแปลกหน้ากระโดดมาตรงหน้าแล้วเปิดเสื้อคลุมสีดำออก ที่น่าตกใจคือมันโชว์ของลับแล้วส่ายเอวไปมา ผมกระพริบตาปริบๆ ตกใจปนอึ้ง มารู้สึกตัวก็ตอนไอ้คนชอบโชว์กระเด็นไปนอนที่พื้น

   “ไอ้เหี้ย” เสียงด่าดังลั่นหอ ไอ้เม่นกำลังกระทืบคนโชว์ของไม่ยั้ง เมื่อกี้มันกระโดดถีบเลยนะครับ โคตรโหด

   เมื่อสติผมมาเต็มก็รีบเข้าไปดึงร่างคนกระทืบให้หยุด พร้อมๆ กับหลายๆ ห้องเปิดประตูออกมาดู บางคนถึงกับตกใจ บ้างก็เตรียมถ่ายคลิป

   “ใจเย็นๆ สิวะ” ผมพยายามเรียกสติคนโมโห ไอ้เม่นสะบัดตัวจะพุ่งไปกระทืบต่อ “เม่น!”

   “เกิดอะไรขึ้นๆ” เสียงจากด้านหลังตะโกนถาม ผมหันไปมองป้าเจ้าของหอวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา คงมีคนโทรไปแจ้ง “นั่นใคร แล้วเกิดอะไรขึ้น”

   “คือ...” กำลังจะตอบ กลับถูกพูดตัดหน้า

   “ไอ้เหี้ยนี่มันโรคจิตโชว์ของ” พอทุกคนได้ยินถึงกับตาโต มีผู้ชายหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์พากันเข้าไปดึงคนโรคจิตขึ้นนั่ง นั่นทำให้ของลับที่โชว์ผมเมื่อกี้เปิดเผยจนทุกคนพากันร้องเสียงหลง โดยเฉพาะผู้หญิงและป้าเจ้าของหอ “ไอ้เหี้ยเอ๊ย”

   “เม่น!” ช่วงรอตำรวจ ไอ้เม่นมันพร้อมจะพุ่งไปกระทืบอยู่ตลอดเวลา ผมเลยต้องกอดมันไว้ ไม่รู้ไปบ้าเลือดที่ไหนมา หรือกินยาลืมเขย่าขวดก็ไม่รู้

   “พี่เป็นอะไรมากไหม มันทำอะไรหรือเปล่า” ดูเหมือนคนบ้าจะเริ่มระงับอารมณ์พุ่งพล่านลงไปบ้าง ไอ้เม่นเลยหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงพร้อมสายตาที่กำลังสำรวจร่างกายของผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

   “ไม่เป็นอะไร มันยังไม่ได้ทำอะไร” ผมตอบ ไอ้เม่นพยักหน้ารับช้าๆ “ที่กูนิ่งเพราะตกใจ”

   “โชคดีที่ผมมาทัน แต่แม่งเอ๊ย” มันจะพุ่งอีกแล้วครับ

   ไอ้ม่านเหนื่อยเน้อ

   กว่าเรื่องจะจบก็ตอนตำรวจมา ไอ้โรคจิตถูกจับไปโรงพักตามระเบียบ ผมก็ไม่ได้เอาเรื่องอะไรเพราะไม่ได้ถูกทำร้าย แต่เสียสายตานิดๆ ที่ต้องมาเห็นของเล็กยิ่งกว่าแหมตุ้มจิ๋ว
 
   “มึงทำอะไร” เลิกคิ้วมองคนที่ตั้งตาตั้งตายัดเสื้อผ้าผมใส่กระเป๋าเดินทาง

   “ย้าย! ย้ายออกวันนี้เลย ไม่ต้องอยู่มันแล้ว” ไอ้เม่นหันมาตอบแล้วหันกลับไปยัดเสื้อผ้าผมอีกรอบ “เงินประกันก็ไม่ต้องเอา ถ้าพี่เสียดาย เอาเงินผมไปก็ได้”

   “เดี๋ยวๆ มึงไม่ถามกูหน่อยเหรอวะ” มือที่ยัดเสื้อผมหยุด ไอ้เม่นมันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม “อะไร”

   “ผมห่วงพี่มากกว่าพี่ห่วงตัวเองเสียอีก ถ้าเกิดไอ้บ้านั่นมันมีมีดหรือปืน พี่ตายไปแล้วนะ” ผมถูกดึงเข้าไปกอด รับรู้ถึงความสั่นของมือที่โอบหลัง “ตอนนั้นผมกลัวมาก กลัวว่าพี่จะเป็นอะไร”

   “เอาจริงๆ กูก็ตกใจนิดๆ ตอนมันกระโดดเข้ามา” ตอบเสียงอู้อี้ที่บ่า “ถ้ามันมีอาวุธจริง กูก็คงตายอย่างที่มึงว่า” พอย้อนกลับไปนึกถึงแล้วก็สยองจริงๆ ครับ

   “เห็นไหม ผมบอกแล้วว่าที่นี่ไม่ปลอดภัย”

   “เออ รู้แล้วเนี่ย”

   “ดีมาก งั้นย้ายวันนี้เลยนะ ใช่ๆ ต้องโทรหารถขนส่งเพื่อขนของ เบอร์อะไรวะเนี่ย แล้วต้องโทรบอกแม่บ้านไปทำความสะอาดห้องผมด้วย อ๋า ซื้อของสดด้วย ของใช้อีก แล้วก็ บลาๆๆ”

   ผมได้แต่ยืนเค้นเสียงหัวเราะแบบแห้งๆ มองคนรักสาละวนอยู่กับข้าวของของผม แถมยังจัดการทุกอย่างโดยที่ผมไม่ต้องยุ่งอะไรเลย

   นี่ผมต้องย้ายก่อนกำหนดเหรอ ผมยังรักห้องนี้อยู่เลยนะ แม้ภาพหนอนเมื่อกี้ยังชวนหลอน แต่ก็ยังผูกพัน ห้องที่รัก ถึงเวลาต้องจากแล้วหรือนี่ พี่ม่านจะคิดถึงเสมอ



   “มึงหยุดพูดสักนาทีได้ไหมเนี่ย กูเมื่อยปากแทน”

   “รอผมจูบ พี่จะเมื่อยกว่านี่”

   “ไอ้!”

   ชูนิ้วกลางใส่เมื่อขี้เกียจเถียงต่อ คุยทีไรวกเรื่องใต้เข็มขัดตลอด ชาติที่แล้วเป็นนักมวยหรือเปล่าไม่รู้

   “พี่ครับ กางเกงในลายการ์ตูนผมทิ้งนะ”

   “ไม่โว้ย”

   “เห็นแล้วแม่งทำให้หมดอารมณ์”

   “ก็ไม่ต้องมอง ไอ้เม่น กางเกงในแบดแมนของกู ไอ้เม่น!!!”



...TBC


 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
5555 เม่นจัดม่านเสียหนักหน่วงเลยเน๊าะ :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หุๆๆๆท่าทางเม่นจะเล่นหนักหน่วงมากนะเนี่ยยยยย :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

23




        ผมเดินมึนๆ มาที่คณะ หลังจากย้ายออกจากหอเดิมมาห้องใหม่ แทบไม่ได้หลับได้นอน อย่าเพิ่งคิดทะลึ่งกันครับ แค่ต้องจัดของให้เข้าที่ มันใช้เวลามากโขเพราะไอ้เม่นมันเห็นขัดกับผมทุกอย่าง

   “ทำหน้าดีๆ สิวะ หน้าบูดเป็นตูด วันนี้จะมีคนมาซื้อของไหม” ไอ้เจที่เดินข้างๆ ทักขึ้น ผมเจอกับมันหน้าตึก วันนี้เรามีงานมหาลัยครับ เลยต้องมาเช้า นี่ก็เพิ่งจะหกโมงเอง

   “มึงก็ทำหน้าหล่อเรียกลูกค้าไปสิวะ” พูดไปหาวไป ง่วงจริงๆ ครับ

   “แล้วมึงได้เอาเรื่องไอ้โรคจิตนั่นหรือเปล่า” เมื่อคืนนี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่นอนดึก ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟัง พวกมันไม่ยอมหลับยอมนอนถามซ้ำไปซ้ำมา “มึงนี่นะ เป็นกูหน่อยไม่ได้ กูจะกระทืบให้ไข่มันแตก ไส้ทะลัก ให้มันตายอย่างอนาถ”


   ไอ้นี่ก็โหดไป   


   “ช่างมัน” ตอบแบบปัดๆ ไม่อยากยุ่งยากครับ เดี๋ยวเรื่องจะยาว

   ผมบอกแม่ด้วยนะ แม่ขำอย่างเดียว บอกสงสารโจรที่เอาหนอนมาโชว์คนมีพญามังกรแบบผม แม่ชอบพูดเรื่องจริงอยู่เรื่อย
 



   งานช่วงเช้าก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก นอกจากจัดข้าวของที่ต้องขาย คณะผมมีข้าวโพดคลุกเนยกับผลผลิตจากคณะที่ขายในราคาย่อมเยา

   “ไข่ไก่แม่งโคตรสด” ผมมองไอ้เจที่กำลังสำรวจไข่ไก่สดใหม่จากฟาร์ม

       “มึงซื้อไปฝากแม่มึงสิ” บอกไปมันก็ส่ายหน้า

   “แม่กูอยากได้จะซื้อเอง คนอื่นเลือกไม่เคยถูกใจนางหรอก” คำพูดของไอ้เจทำให้ผมขำ มันสนิทกับแม่ครับ เรียกได้ว่า แม่มันคือเพื่อนอีกคนเลยก็ว่าได้ ก็คล้ายๆ กับแม่ของผม แต่แม่ไอ้เจจะดูสมัยใหม่หน่อย เจอครั้งแรกคิดว่าพี่สาวมันด้วยซ้ำ “แล้วคอนโดไอ้เม่นดีหรือเปล่าวะ”

   “ก็ดีนะ ห้องใหญ่ดี ข้าวของก็อย่างหรูอะ” พูดไปมือก็จัดของไป “หรูพอๆ ห้องมึงนั่นแหละ”

   “โห ไม่ธรรมดานี่หว่า ผัวเด็กมึง” ตบหัวเฮดว๊ากเพราะความปากสุนัข ไอ้เจหน้าหงิกลูบหัวตัวเองป้อยๆ มองหน้าผม “มือหนักเหี้ยๆ”

   “น้อยกว่าตีนกูแล้วกัน” เขม่นมองซะไอ้เจต้องรีบเดินหนีไปที่อื่น

   กว่างานจะเริ่ม นักศึกษาต่างคณะก็แทบจะเหมาข้าวโพดคลุกเนยเกือบหมดคงเพราะหิว ยังมีป๊อบคอร์นทำสดๆ ข้าวโพดปิ้งด้วย อร่อยมากเพราะผมชิมมาหมดทุกอย่างแล้ว ชิมจนอิ่มไปถึงมื้อเที่ยง

   ผมกับไอ้เจขายของหัวหมุนนิดๆ เพิ่งรู้ว่ามีคนชอบสินค้าปลอดสารพิษมากขนาดนี้ แม้แต่นักศึกษาบางคนยังมาเลือกซื้อ บ้างก็เหมาไปหลายถุง คงเพราะตอนนี้หลายคนหันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น ผักปลอดสารเลยเป็นที่นิยม

   “ผักสดจังเลยนะคะ” ผมเงยหน้าจากการเช็ดโต๊ะเมื่อได้ยินเสียงดัดให้แหลมเป็นผู้หญิง “ไฮ”

   “อ่าวพี่ มาด้วยเหรอ” ทันทีที่เห็นหน้า ผมก็ถามออกไปตามความคิดแรก

   “กูเรียนที่นี่ก่อนมึงอีก ทำไมจะมาไม่ได้วะ” พี่แทมว่า “เอามาให้กูแก้วดิ๊ ขอหวานๆ ชีวิตกูขาดความหวานมานานไร้ชีวิตชีวาสุดๆ”

   “ขาดแน่เหรอพี่ ได้ข่าวว่าเพิ่งควงสาวหมวยไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนนี่นา” ผมล้อเลียนรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว พี่แทมถึงกับถลึงตาใส่

   “มึงรู้ได้ไง รู้มาจากไอ้กลอยล่ะสิ ไอ้เชี่ยนี่ปากไม่ดี” ถึงกับขำประโยคด่าคนปากไม่ดียาวเหยียด “ไอ้เจ มึงไม่คิดจะทักรุ่นพี่หล่อๆ แบบกูหรือไง”

   “อ่าว พี่หล่อเหรอ เพิ่งรู้” ผมกับไอ้เจขำก๊ากเมื่อเห็นพี่แทมถลึงตาแทบจะหลุดออกจากเบ้า “พี่มาคนเดียวแล้ว เดอะแก๊งไม่มาด้วยเหรอ”

   “มาดิ่ แต่อยู่คณะ” พี่แทมว่า “ไหนข้าวโพดคลุกเนยกู”

   “รอแป๊บดิ่ ใจร้อนเป็นวัยรุ่นเลยวุ้ย” ผมขำเมื่อพี่แทมถูกรุม วันนี้พี่แกมาแนวสบายๆ กางเกงยีนส์เสื้อยืด “พี่โชพาเพื่อนผมมาหรือเปล่า”

   “ไม่มาด้วยก็ดีแล้วไอ้ห่า กูขี้เกียจทะเลาะกับหมาในปากมัน ไม่รู้ไอ้โชอยู่ด้วยได้ยังไง ปวดหมองพอดี”

   “หมาในปากพี่ก็ใช่ย่อยนะครับผมว่า”

   “ไอ้เหี้ยเจ มึงไม่พอใจกูใช่ไหม ออกมาต่อยกับกูเลยมา”

   แม้พี่แทมจะอยู่คนละคณะ แต่ความสนิทสนมนั้นกลมเกลียวกับผมและเพื่อนมากเลยทีเดียว แม้ช่วงปีหนึ่งผมจะกลัวกลุ่มพี่เขาก็เถอะ ขึ้นชื่อว่ากลุ่มพี่ว๊ากวิศวะขาโหดก็ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย เห็นพี่แทมบ้าบอแบบนี้ ตอนว๊ากทีรุ่นน้องถึงกับเป็นลมเลยนะครับ ไม่ใช่เล่นๆ เลยคนๆ นี้

   “สิบบาท” หลังจากยื่นถ้วยข้าวโพดคลุกเนยให้ ผมก็แบมือรอเงิน

   “อะไรวะ สิบบาทมึงก็คิดเงินกับกูเหรอ กูพามึงไปเลี้ยงข้าวเสียเป็นร้อยๆ นี่สิบบาทมึงยังจะให้กูจ่ายเหรอ” พูดแบบนี้มาเอาซะไอ้ม่านเป็นคนใจหมาเลยทีเดียว พอพี่แทมเห็นผมหน้าเสียก็หัวเราะพร้อมยื่นแบงค์สีเขียวมาให้ “กูล้อเล่นน่า หน้าซีดเป็นหมาต้มเลย”

   “ไก่ต้มก็พอแล้วพี่ ทำให้ผมรู้สึกผิดคงชอบใจมากสินะ” ผมว่างอนๆ พี่แทมยิ่งหัวเราะ พอๆ กับไอ้เจที่เอิ๊กอ๊ากไปด้วย
 

   กลายเป็นว่า ผมกำลังถูกรุมแทนเฉย อะไรวะเนี่ย


   “นมในขวดนั่น เป็นนมสดเหรอวะ” คนกินข้าวโพดคลุกเนยใช้ช้อนชี้ ผมกับไอ้เจก็พากันพยักหน้า “บีบจากเต้าวัวผู้หญิงใช่ป่ะ”

   “เขาเรียกตัวเมียครับพี่” ไอ้เจพยายามกลั้นขำตอบ

   “วัวตัวผู้บ้านพี่มีนมให้บีบด้วยเหรอครับ” ผมถามต่อไอ้เจ พี่แทมถึงกับมองหน้าเราทั้งคู่แบบนิ่งๆ

   “เออว่ะ กูนี่ก็โง่เนอะ” สุดท้ายเราสามคนก็ขำออกมา “ไปดีกว่า เขาว่าสาวบริหารปีนี้ดี กูไปส่องก่อน”

   “พี่ไม่เอานมสดสักขวดเหรอ” ผมรีบทักเมื่อพี่แทมกำลังจะหันหลังไป

   “กูชอบนมจากเต้ามากกว่า แบบนี้มันเฉาแล้ว”

   “นมเฉา? มันคืออะไรวะพี่” ไอ้เจก็งงเหมือนกับผมเด๊ะ

   “ก็มันบีบทิ้งไว้นานไง ไม่สด ไม่อร่อยเหมือนมาจากเต้า” พี่แทมพูดไปก็ทำจมูกบานไป คิดเรื่องต่ำตมแน่นอนคนแบบนี้

   “งั้นผมจะพาไปดูดจากเต้าแม่วัวดีไหม ไม่เฉา แถมสดเด้งดึ๋งๆ ด้วยนะ” พอได้ยินคำชวนของผม พี่แทมถึงกับทำเมินแล้วเดินหนีไป เดี๋ยวๆ ผมไม่ได้เล่นมุกนะเว้ย

   พอพี่แทมไปแล้ว ผมกับไอ้เจก็นั่งรอลูกค้าคนต่อไป ซึ่งตอนนี้เริ่มบางตา อาจเพราะซุ้มอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้คณะของผม อย่างเช่นนิเทศที่มีละครให้ดู มีดาวเดือนหล่อๆ หรือแม้แต่เน็ตไอดอลหน้าตาดี แล้วแบบนี้คนหน้าตาบ้านๆ จะสู้ไหวเหรอ



   “ไง” เสียงทักยามผมกำลังอ้าปากจะกินข้าวโพดปิ้ง พอเงยหน้าขึ้นมองก็เจอคนกลุ่มใหญ่ยืนหล่อเป็นนายแบบหน้านิตยาสาร “มึงกินของขายแล้วจะได้กำไรเหรอวะ”

   “ผมจ่ายเงินเหอะ” ตอบหน้ายู่ “พวกพี่มาอุดหนุนผมเหรอ ดีๆ เหมาให้หมดเลยนะ”

   “สงสารเงินในกระเป๋าตังค์กูมั่ง ว่าแต่ เห็นไอ้แทมป่ะ” พี่ตินถาม สายตาก็มองหาเพื่อนตัวเองที่เพิ่งมาอุดหนุนซุ้มผม

   “เพิ่งไปเมื่อกี้อะพี่” เป็นไอ้เจที่ตอบแทน มันกำลังง่วนอยู่กับการคลุกข้าวโพดให้กลุ่มรุ่นพี่บัณฑิตคณะวิศวะ

   “ไอ้เชี่ยนี่ทิ้งเพื่อนว่ะ”

   ซุ้มของผมจากที่เงียบเมื่อครู่ ตอนนี้คึกคักสุดๆ ครับ คงเพราะมีพวกรุ่นพี่หน้าหล่อระดับดารามายืนเรียกลูกค้าช่วย ที่จริงก็ไม่ได้ช่วยฟรี ทุกคนได้นมสดผสมน้ำผึ้งไปคนละขวดใหญ่ ไม่รู้จะคุ้มทุนหรือเปล่านี่สิ

   “พี่โชไม่เหมาผักไปให้ไอ้กลอยทำกับข้าวเหรอ” ผมลองถามรุ่นพี่ผู้นิ่งเงียบ แต่ความเงียบนั้นแค่ปรายตามอง สาวๆ ก็ตามติดเป็นขบวน เมื่อกี้มีคนมาขอถ่ายรูปโคตรเยอะ ทั้งที่เป็นคนธรรมดาไม่ได้เป็นเน็ตไอดงไอดอลอะไรแท้ๆ พี่โชมองหน้าผมนิ่งๆ เหมือนกำลังใช้ความคิด “ไม่สนเหรอฮะ”

   “เอาผัก...อะไรดีวะ” กำลังจะไปหยิบถึงกับเซ “เดี๋ยวขอถามกลอยก่อนนะ” ว่าแล้วพี่โชก็วีดีโอคอลหาไอ้กลอยครับ ผมยืนกระพริบตาปริบๆ ดูคนรักกันคุยผ่านโทรศัพท์ ไม่รู้คุยอะไรกัน พี่โชถึงกับลุกไปที่ถุงผัก มือก็โชว์ผักแต่ละอย่าง อันไหนที่ไอ้กลอยจะเอา พี่โชก็วางแยกต่างหาก มีหวัง เหมาหมดร้านแน่

   สรุปแล้ว พี่โชซื้อผักไปเยอะมาก ถึงขนาดต้องให้เพื่อนตัวเองช่วยหิ้วออกร้าน ฝั่งผมกับไอ้เจก็ยิ้มหน้าบานนับเงินเป็นฟ่อน หมายถึงแบงค์ยี่สิบนะครับ ไม่ใช่แบงค์พัน ก็แหม ผักถุงละสิบบาท จะเอาอะไรมากละครับ



   เวลาผ่านไปจนเกือบเย็น คนที่ร่ำๆ จะมาตั้งแต่รู้ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น ไม่รู้ทำอะไรอยู่ หรือเบี้ยวนัดก็ไม่รู้ นี่ใกล้จะเลิกงานแล้วด้วย ซุ้มคณะอื่นเขาก็เริ่มเก็บกันแล้ว

   “กูว่าเก็บซุ้มเถอะ เด็กมึงเบี้ยวแล้วละ” ไอ้เกมส์ว่า ปากก็เคี้ยวปลาหมึกปิ้งตุ้ยๆ แอบอยากกินเหมือนกัน หอมยั่วน้ำลายมาก
 
   “กูก็ว่างั้น เก็บเหอะ แล้วเราไปแดกเหล้ากัน” ไอ้มีนเห็นดีเห็นงาม ทำกระดี้กระด๊าเมื่อนึกถึงร้านเหล้า “เก็บๆ” ผมยังไม่ทันตอบ พวกมันก็พากันเก็บซุ้มครับ ผักที่เหลือก็ช่วยๆ หารกันทั้งคณะ เพราะเงินส่วนนี้ต้องใช้เป็นทุนต่อให้รุ่นน้องไม่ก็รุ่นอื่นๆ

   ผมยกลังผักไปขึ้นท้ายรถกระบะตัวเอง นี่เหมาทั้งลังโดยไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ทำกับข้าวรึก็งูๆ ปลาๆ อีกอย่าง ครัวที่คอนโดไอ้เม่นมันหยิบจับหรือใช้ยังไงก็ไม่รู้ กลัวทำของมันพังซะจริง

   “กูกลับก่อนนะพวกมึง” ผมโบกมือลาเพื่อนๆ ที่เริ่มทยอยกลับ งานมหาลัยที่เป็นไปอย่างเรียบๆ ง่ายๆ หรือเป็นเพราะผมไม่ค่อยสนุกก็ไม่รู้ มัวแต่กังวลเรื่องไอ้เม่น กลัวมันจะเกิดอะไรขึ้น อย่างเช่นรถชน วิ่งล้ม ขาหัก กระดูกทะลุอะไรแบบนี้ ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน

   ผมขับรถกลับที่พักใหม่ซึ่งอยู่ไกลจากที่เดิม และรถติดนรกแตกมาก นี่ขยับมาสามรอบผมก็ยังติดไฟแดงอยู่ตรงแยกเดิม โคตรน่าเบื่อ จังหวะที่กำลังเซ็ง เสียงโทรศัพท์ข้างตัวก็ดังขึ้น พอเอามาดู ชื่อหน้าจอคือคนที่ผมกังวลมาทั้งวันมามันจะเป็นอะไรหรือเปล่า

   “ว่าไง” ผมถามเสียงนิ่งๆ โกรธก็ไม่ใช่ คงแค่ไม่พอใจเฉยๆ

   (ขอโทษน้า ผมมาไม่ทัน งานเก็บหมดแล้วด้วย) แอบยกคิ้วนิดๆ ที่ได้ยิน (พี่ม่านอยู่ตรงไหนอะ ผมยืนอยู่หน้าซุ้ม)

   “กลับแล้วไหม งานเลิกจะอยู่ต่อไปทำไม” ว่าอย่างเคืองๆ เพิ่มน้ำเสียงโหดเข้าไป

   (อ่าว) มาแค่อ่าวก็ทำเอาอารมณ์ปรี๊ดครับ

   “มึงไม่มาทำไมไม่โทรบอกวะ” ปล่อยให้ผมรอเก้อได้ยังไง

   (ขอโทษน้า พอดียายโทรเรียกเลยต้องไป ไม่รู้ว่าจะอยู่นานแบบนี้...อย่าโกรธเลยน้า)

   “กูไม่ได้โกรธ” มือถือร่วงบนตักตอนตกใจเสียงบีบแตรไล่เมื่อสัญญาณไฟเป็นสีเขียว ผมรีบออกตัวไม่เหลียวมองรถด้านหลังที่แซงขึ้นไป ผมว่า คงโดนด่าแหงๆ ผมขับรถมาเรื่อยๆ กว่าจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้วางสายโทรศัพท์ก็เกือบถึงคอนโด “ฮัลโหล ยังอยู่ป่ะ โหลๆ” หน้าจอมืดสนิทแปลว่าวางสายไปแล้ว


   ผมแบกลังผักลงจากรถ เห็นคุณป้าที่กำลังจะเข้าคอนโด ผมก็รีบเดินเร็วเข้าไปหา ตอนแรกป้าแกก็กลัวๆ ผมคงดูเหมือนคนโรคจิต แต่พอบอกว่าเอาผักมาฝาก จากที่กลัวๆ กลายเป็นดี๊ด๊าเลือกอย่างเอาเป็นเอาตาย ยิ่งบอกปลอดสารเพราะปลูกเอง ป้าแกก็แทบเอาหมด

   “ขอบใจนะจ๊ะพ่อหนุ่ม น่ารักไม่พอยังใจดีอีก”

   “ไม่เป็นไรครับ คุณป้าชอบผมก็ดีใจ”

   “ใจดีจริงๆ เลย พ่อหนุ่มมีแฟนไหมจ๊ะ ลูกป้ายังโสดนะสนใจไหม” ไอ้ม่านตาวาวเลยครับ “แต่ต้องรอหน่อย ลูกป้าเพิ่งจะเข้ามอหนึ่ง” ลังผักแทบร่วง แค่คิดก็แทบขาข้างหนึ่งก็เหยียบเข้าคุกแล้ว

   ความล้อเล่นของป้า ทำเอาผมเหงื่อตก ร่ำลากันเสร็จผมก็แบกลังเปล่าขึ้นห้อง (ทำไมผมไม่เอาไปไว้หลังรถวะ) ขึ้นมาถึงห้อง ก็เงียบๆ เพราะไม่มีคนอยู่ ห้องแสนกว้างดูไม่ใช่แนวไอ้ม่านเลยให้ตาย ไม่ใช่ไม่ชอบนะครับ แต่ลำบากตอนทำความสะอาดแน่นอน หอเดิมแคบๆ นั่นผมยังขี้เกียจเลย

   ผมเข้าไปอาบน้ำคลายความเหนียวทั้งตัว ออกมาก็เจอคนหน้าเครียดนั่งอยู่ปลายเตียง ไอ้เม่นค่อยๆ หันมามองหน้าผม

   “โทรมาทำไมไม่รับ!” โคตรตกใจตอนถูกตะคอกเสียงดัง “รู้ไหม ว่าเป็นห่วงแค่ไหน ช่วงสายตัดไปผมเป็นห่วงแทบบ้า พยายามไม่คิดอะไรร้ายๆ แต่เสียงพี่มันทำให้คิด โทรหาซ้ำๆ ก็ไม่คิดจะรับ พี่ทำอะไรอยู่ ไม่นึกถึงใจผมบ้างเหรอวะ! แม่ง”


   ไปไม่ถูก พูดไม่ออก เลยยืนเช็ดผมเงียบๆ


   เมื่อไม่มีเสียงพูดอีก ผมก็เดินไปแต่งตัว พอเสร็จก็เดินมานั่งข้างๆ คนโมโห ไอ้เม่นตวัดสายตามองซะผมสะดุ้ง จะโหดไปไหนวะ หรือวิญญาณล็อตไวเลอร์เข้าสิง

   “กู...ขอโทษ” ผมพูดออกมาเมื่อรู้สึกว่าตัวเองผิดจริง “ตอนสายหลุดไฟเขียวพอดีมันเลยร่วง ตอนมึงโทรมาอีกก็ยกลังผักอยู่ไม่ว่างรับ คิดว่าขึ้นห้องจะโทรหา...แต่ก็ลืม” ทำไมกลายเป็นผมผิดไปได้วะเนี่ย “ขอโทษ อย่าโกรธกูสิวะ” ใช้นิ้วจิ้มๆ ที่แขนมันเป็นการง้อ แต่ไอ้คนโกรธก็ไม่คิดจะหาย “เม่นอ่ะ”

   “ผมไม่ได้โกรธ แต่เป็นห่วง” ย้ำชัดทุกคำจนผมต้องยู่ปาก “ต่อไปห้ามลืมอีก เมื่อกี้ผมขับรถวนหาไปทั่ว มาถึงคอนโดเห็นรถพี่จอดอยู่ก็ใจชื้นขึ้นมา”

   “ก็ขอโทษนี่ไงเล่า” ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาพูดเสียงงุ้งงิ้งที่ไม่เคย

   “แล้วไหนผัก”

   “หา?”

   “ก็พี่บอกยกลังผัก แล้วไหนผัก เห็นแค่ลังเปล่า”

   “เอาให้ป้าเขาไปหมดแล้ว” ได้ยินปุ๊บ ไอ้เม่นก็ย่นคิ้วจ้องหน้าผมเครียดๆ “คือผักมันเยอะไง แล้วถ้าเอากลับห้องก็ไม่รู้จะกินหมดหรือเปล่า อีกอย่าง กูก็ทำกับข้าวไม่เก่ง”

   “แล้วพี่ก็ให้หมดทุกอย่างงั้นเหรอ” ผมพยักหน้าช้าๆ “เชี่ย ทำไมไม่รอถามผมก่อน ผมทำกับข้าวเป็น” ตกใจสะดุ้งเมื่อไอ้เม่นสบถเสียงดัง

   “ก็กูไม่รู้”

   “ต่อไปก็รู้ไว้ ว่าผัวพี่ทำกับข้าวเป็น”

   ผมตวัดสายตาตอนได้ยินมันเรียกแทนตัวเองว่าผัว จะโวยวายเดี๋ยวความโกรธมันกลับมาอีก เลยได้แต่กัดฟันข่มความปรี๊ดเอาไว้

   “ว่าแต่ ยายเรียกไปทำไม” ผมต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง แล้วเรื่องของยายมันนี่แหละดีที่สุด “หรือเรียกไปด่าวะ”

   “เรียกไปเรื่องคอนโดนี่แหละ” ตาโตทันทีที่ได้ยิน ซวยแล้ว ยายมันต้องด่าแน่ๆ ที่ผมมาอยู่ที่นี่

   “ยายมึงจะไล่กูออกเหรอ บอกก่อนสักวันนะ กูจะได้มีเวลาเก็บของ” นั่นไง ผมว่าแล้วว่ายายมันต้องไม่ให้อยู่ แม้ห้องจะเป็นชื่อไอ้เม่น แต่ยายจ่ายเงินซื้อไง ช่วงที่ผมลนลานความเจ็บจี๊ดตรงหน้าผากก็เรียกสติ “ดีดหน้าผากทำไมเนี่ย”

   “คิดอะไรร้ายๆ อยู่ใช่ไหม” ไอ้เม่นมันขำออกมา ก่อนมันจะดึงผมเข้าไปกอด “ยายเรียกผมไปถามว่าอยากได้อะไรเข้าคอนโดเพิ่มหรือเปล่า ยายจะได้ซื้อให้ แค่นั้น”

   “รู้ได้ไงว่ากูคิดอะไร” พอได้ยินก็แทบอยากถอนหายใจที่ไม่เหมือนเรื่องร้ายๆ ที่คิดไว้

   “หน้าพี่บอก” แล้วก็ถูกฉกหอมแก้มฟอดใหญ่

        หอมแบบนี้ไม่ดูดแก้มกูไปเลยล่ะ

   “แล้วมึงว่าไง”

   “บอกว่าจะมาถามพี่ก่อน”

   “ยายมึงไม่ด่าเหรอ เขาไม่ชอบกูนี่หว่า” ที่จริงก็ไม่ได้ไม่ชอบซะทีเดียว แค่ไม่อยากให้มาคบหลานเขานั่นแหละครับ คนมีตังค์นี่เนอะ ก็อยากให้ลูกให้หลานแต่งงานเพื่อต่อธุรกิจ

   “ยายก็ไม่ว่าอะไร ถึงยายผมไม่เห็นด้วยที่เราคบกัน แต่ก็ไม่ได้ขัดขวาง” ผมมองคนที่กอดมีรอยยิ้มอยู่ตรงมุมปาก “พี่อยากได้อะไรเพิ่มไหม ตู้ โต๊ะ หรือเตียงใหม่ดี”

   “ไม่ต้องเลย กูไม่ได้อยากได้อะไร เตียงก็ไม่เอา” รีบปฏิเสธเสียงแข็ง ผมพยายามดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดที่รัดแน่น

   “ไม่เอาเตียง แต่เอาตรงระเบียงก็ได้ใช่ป่ะ โอ๊ยๆ เจ็บ” เป็นความคิดที่ดีมากผมเลยดึงหูมันเป็นของรางวัล

   ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมยายมันถึงยอม จะว่าไอ้เม่นยอมเข้าเรียนคณะที่ต้องการก็ไม่น่าจะใช่ พอนึกถึงหน้ายายมัน ภาพคนที่เจอก็ลอยเข้ามา เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย

   “เอ่อใช่ เมื่อวันก่อน กูเจอลูกของลุงมึงด้วย ที่คณะอักษร” พอผมพูดจบ ไอ้เม่นก็หุบยิ้มทันที “ดูเหมือนจะมาติวเข้ามหาลัยนะ”

   “ติดผู้ชายมากกว่า” หันจนคอแทบเคล็ด

   “มึงมองโลกในแง่ร้ายมากไป กูดูแล้วก็น่าจะมาติวหนังสือกับเพื่อน...”

   “ยายเพิ่งบอกว่า...ติดผู้ชายจนเกือบถูกไล่ออก” แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ก็ภาพตั้งใจฟังเรื่องเรียนมันเด่นชัดขนาดนั้น แต่เมื่อกี้ผมไม่ได้ยินไอ้เม่นเรียกชื่อเลย คงเกลียดจนไม่อยากเอ่ย ผมเข้าใจ ตอนเด็กผมก็เคยทะเลาะกับเพื่อนจนไม่อยากพูดชื่อเหมือนกัน

   “ไม่อยากเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ”

   “เลิกพูดเรื่องคนพวกนั้นเถอะ ผมไม่อยากสนใจ”

   ผมยักไหล่เอาตามที่มันสะดวก ไอ้เม่นแยกไปอาบน้ำแล้ว ส่วนผมมีสายโทรเข้ามาพอดี ปลายสายคือคนที่ผมรักสุดหัวใจ สุดตับไตไส้พุง แค่เห็นชื่อก็ทำให้ยิ้มหน้าบาน

   (หายเงียบเลยนะ ไม่มีโทรหากันบ้าง สงสัยจะลืมคนทางนี้ไปแล้ว) เสียงตัดพ้อดังขึ้นทันทีที่ผมกดรับสาย หากพูดประโยคนี้ต่อหน้า ผมจะต้องได้เห็นปากคว่ำด้วย แค่คิดก็ขำ (อยู่ไหนน่ะเรา มหาลัยหรือหอ)

   “อยู่ห้องแล้วครับคุณนาย” พูดน้ำเสียงกวนประสาทอย่างเคย คนเก๊กโหดปลายสายเลยหลุดขำออกมา “แม่ทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือยัง”

   (ก็โทรหาแกนี่ไง จะให้ซักผ้ารึ) เป็นไงครับ แม่ผม ย้อนได้แม้กระทั่งลูก (ข้าวก็กินแล้วสิยะ นี่กี่โมงกี่ยามแล้ว ว่าแต่ ม่านกินข้าวหรือยังลูก)

   “ยังเลย” ลากเสียงยานคางให้ดูน่าสงสาร “อยากกินข้าวฝีมือแม่ที่สุด”

   (ขี้จุ๊แต้ อยากกินข้าวของแม่แต่ไม่เคยโทรหา เชื่อไม่ได้ผู้ชายคนนี้)

   “แม่อ่า” แล้วเราสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ที่จริงได้ยินเสียงพ่อด้วย คงจะเปิดลำโพงให้ได้ยินเหมือนกัน “เอ่อแม่ครับ คือม่านย้ายหอแล้วนะ” เพราะไม่เคยมีความลับกับพ่อและแม่ เลยไม่จำเป็นต้องคิดมากที่จะบอก “คือม่าน”

   (อย่าบอกว่าย้ายไปอยู่กับไอ้เด็กนั่นนะ) เสียงพ่อแทรกเข้ามาพร้อมกับเสียงแม่ดุ (จริงหรือม่าน ลูกย้ายไปอยู่กับเม่นหรือ)

   “ครับ” ตอบแม่พร้อมเงยหน้ายิ้มให้คนที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำ “ห้องมันโคตรใหญ่ สะดวกสบายมาก ห้องน้ำมีอ่างด้วยนะ”
 
   (ยังมีหน้ามาโม้อีก แล้วค่ำมืดทำไมยังไม่กินข้าว เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก ชอบนักดื้อเนี่ย)

   “ก็กำลังจะไปกินครับ” ผมย่นคิ้วเมื่อถูกมือดีแย่งโทรศัพท์ไปกดเปิดลำโพงแถมยังส่งเสียงทักทายเป็นกันเองจนอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้

       “สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่ ผมเม่นเองนะครับ” เสียงแหลมแนะนำตัวของมันถูกหัวเราะจากปลายสาย ให้เดาคงแสบหู 

   (กินนกหวีดมาหรือเปล่าเนี่ย) โดนแม่ผมแซวเข้าเต็มๆ ไอ้เม่นถึงกับหัวเราะ (อย่าลืมพากันไปกินข้าวด้วยล่ะ เดี๋ยวจะปวดท้องกัน เข้าใจไหม)

   “ครับ” ผมรับคำ แต่ไอ้คนข้างๆ กลับเงียบ ผมพูดไร้เสียงถามว่าเป็นอะไร ไอ้เม่นก็เอาแต่จ้องหน้าผม “แม่ งั้นม่านไปกิน...”
 
        “...ผมขอโทษที่พาพี่ม่านมาอยู่ด้วยโดยไม่ขออนุญาตพ่อกับแม่ก่อนนะครับ” กำลังจะบอกลา ไอ้คนเงียบก็พูดแทรกออกมายาวเหยียด

   (...) ปลายสายเงียบ คงรอฟังอยู่เหมือนผมแน่ๆ อยากรู้ว่ามันจะพูดอะไร

   “แม้ตอนนี้มันคงไม่ค่อยดี แต่ผมขอพี่ม่านนะครับ ขอพี่ม่านมาอยู่กับผม แม้ไม่รู้ว่า ต่อไปเราทั้งคู่จะเป็นยังไง แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ยอมปล่อยมือกร้านๆ นี่เด็ดขาด” ผมคงจะซึ้งไปแล้วหากไม่ได้ยินคำวิจารณ์เรื่องมือที่กำลังถูกกุมไว้ “ตั้งแต่พ่อกับแม่ของผมจากไป พี่ม่านคือคนแรกที่ผมอยากอยู่ด้วย คือคนแรกที่ผมยอมเปิดใจรับและรัก แล้วก็...”

   (พอๆ พูดสวยหรูแบบนี้มันขนลุก) ประโยคของแม่ทำเอาสี่เสียงหัวเราะประสานกันโดยมิได้นัดหมาย (แม่เองก็พูดคำหรูๆ ไม่ค่อยเป็นหรอกนะ แม่รู้ว่าเม่นเป็นเด็กดี ม่านจะได้อยู่กับคนที่ดีและรัก แม่ก็ดีใจ แต่ขออย่างเดียว...)

   “ครับ?”

   (เอาแล้วเอาเลย ห้ามเอามาคืนนะ พ่อกับแม่ไม่รับ)

   “แม่! นี่ลูกนะ” ผมรีบแหวทันทีที่ถูกหัวเราะเยาะ

   (ก็ลูกน่ะสิ ถึงพูด เอาล่ะๆ ไปกินข้าวกันเถอะ ถ้าแม่ว่างจะโทรหาอีก เพราะลูกรักไม่ยอมโทรหา) ประชดจนหน้าชาไปหมด (แค่นี้นะ)

   “ถ้าไม่มีเรียน ผมจะพาพี่ม่านกลับบ้านที่เชียงใหม่นะครับ รักพ่อกับแม่นะครับ จุ๊บๆ” แล้วสายก็ตัดไป

   ทำไมกลายเป็นไอ้เม่นที่บอกรักพ่อกับแม่ผมวะ ผมลูกนะเว้ย ยังไม่ได้พูดสักคำ

   “ทำไมทำหน้างอแบบนั้นล่ะ” ผมจ้องหน้าคนถามด้วยความรู้สึกเคืองปนหมั่นไส้

   “กูเป็นลูก ยังไม่ได้บอกลาเลย” หน้างอจนปลาทูเรียกพี่แล้วครับ ไอ้คนได้บอกลากลับหัวเราะออกมา “ไม่ขำเว้ย”

   “จะพี่หรือผมก็ลูกพ่อกับแม่เหมือนกัน ใครบอกก็ได้”

   “ไม่เหมือน กูลูกในไส้ มึงลูกนอกไส้”

   “แต่ผมผัวในไส้พี่นะครับ”

   “ไอ้เหี้ย!”

   ด่าไปมันก็ไม่สลดหรอกครับ แถมยังเดินผิวปากปลดผ้าขนหนูพันเอวออกเพื่อแต่งตัว ออกจากห้องน้ำมามันก็ตรงมานั่งข้างๆ โดยไม่ยอมแต่งตัว เป็นไงล่ะ ผิวแห้งจนต้องเกายิกๆ สมน้ำหน้ามันจริงๆ

   แม้จะทำไม่แยแส แต่สุดท้ายผมก็ต้องทาโลชั่นให้ไอ้เด็กเสี่ยวนี่อยู่ดี

   ทำไมแม่ถึงยอมยกผมให้มันง่ายๆ เนี่ย ไม่ยุติธรรมสักนิด แม่อาจไม่รู้ ว่าไอ้นี่มันบ้าพลัง แถมยังชอบเอาเปรียบอีก ไม่เห็นเป็นเด็กดีอย่างที่แม่ว่า...


   มันไม่ดี แต่ทำไมผมถึงตกหลุมรักมันวะ


...TBC


มาถึงโค้งสุดท้าย ท้ายสุดแล้วเน้อ ตอนหน้าก็ตอนจบแล้วค่าาาาา เย้ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดองได้ยาวนานซะจริง (น้อมรับความผิด) ขอบคุณสำหรับการติดตามคนขี้เกียจคนนี้นะคะ เจอกันตอนสุดท้าย ขอบพระคุณมากๆ ค่าาาา จุ๊บๆ 

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด