สบตา ครั้งที่ 8: สเปกของพี่ชิณณ์
วันใหม่มาถึง คชาก็ให้เพื่อนมันที่รุมแกล้งผมวันนั้นมาขอโทษผมอย่างที่มันพูด ไม่ได้ขอโทษต่อหน้าหรอก ผ่านการโทรศัพท์น่ะเพราะต่างคนต่างยุ่ง จะให้ตามมาเจอกันทีละคนก็ไม่สะดวก และแน่นอนว่าตัวมันเองก็ขอโทษเพื่อนมันด้วยที่เป็นต้นเหตุสร้างความเดือดร้อนให้ ซึ่งนั่นทำให้ผมมองคชาในแง่ดีมากขึ้นว่าถึงมันจะดูผีบ้าผีบอ หลงตัวเองแล้วยัดเยียดความเป็นเกย์ให้ผมแค่ไหน แต่มันก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ไม่แปลกใจว่าทำไมมันถึงมีเพื่อนเยอะแล้วเพื่อนๆ ก็รักมันมาก ขนาดผมยังดีใจที่เป็นเพื่อนกับมันเลยแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ค่อยสนิทสนมกันเท่าที่ควรก็เถอะ
และเพราะความดีใจที่เป็นเพื่อนกับมัน ประกอบกับความใจดีของมันที่อุตส่าห์รับผมไปอยู่ในวงโคจรชีวิต ผมเลยตกปากรับคำมันเรื่องช่วยจีบพี่ชิณณ์ไปอย่างเผลอตัว พอรับปากไปอย่างนั้น ผมก็ต้องเริ่มทำตามแผนเมื่อพี่ชิณณ์โทรมานัดให้ไปหาข้อมูลสำหรับทำเปเปอร์ด้วยกันในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ พอคชารู้เรื่อง มันก็ไม่รอช้า รีบมาวางแผนสั่งการผมทันที
“พี่ชิณณ์ชวนมึงไปทำงานที่ห้องสมุดใช่ไหม ทีนี้เป็นหน้าที่มึงแล้วนะที่จะทำยังไงก็ได้ให้พี่ชิณณ์เปลี่ยนที่ทำงานมาที่ห้องเรา กูจะได้ใกล้ชิดกับพี่เขา”
“แล้วทำไมนายไม่ตามไปที่ห้องสมุดล่ะ”
“ถ้ากูตามไป พี่ชิณณ์ก็รู้สิวะว่ากูจีบ กูไม่ได้เป็นเกย์นะเว้ย”
มึงจะยังอ้างว่าตัวเองไม่เป็นเกย์อีกเหรอไอ้คชา! เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว!
“ถ้ามึงชวนพี่ชิณณ์มาทำงานที่ห้องเราไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยวันนี้มึงต้องได้ข้อมูลมานะว่าสเปกพี่ชิณณ์เป็นแบบไหน”
“หมายถึงสเปกผู้หญิง?”
“สเปกผู้หญิงเอามาทำเตี่ยอะไร สเปกผู้ชายสิวะ”
แล้วมึงมั่นใจขนาดไหนล่ะวะว่าพี่ชิณณ์ชอบผู้ชาย เขาอาจจะไม่ได้เป็นเกย์เหมือนมึงก็ได้นะเว้ย!
แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปหรอก เข้าใจว่าคชามันตั้งความหวังเอาไว้มากเลยไม่อยากจะไปขัดมัน พูดตามตรงก็คือไม่อยากจะไปขัดมโนของมัน ไอ้บ้านี่ไม่ยอมรับตัวเองว่าเป็นเกย์ไม่เท่าไหร่ แต่ยัดเยียดให้ชาวบ้านเป็นเกย์ไปทั่ว เห็นแล้วอยากจะด่าพ่อล่อแม่มันนัก ส่วนเรื่องที่คงไม่อยากจะจีบอย่างประเจิดประเจ้อเลยวางแผนล่อให้พี่ชิณณ์มาที่ห้องแล้วตีเนียนใกล้ชิด สบโอกาสจีบอะไรแบบนั้น เป็นผม ผมก็ไม่กล้าจีบพี่ชิณณ์ซึ่งๆ หน้าเหมือนกัน ผู้ชายอะไรแม่งน่ารักเกิน ไม่ใช่ว่าน่ารักเพราะรูปร่างหน้าตาด้วยนะ เขาตัวใหญ่กว่าผมอีก แต่นิสัยต่างหากล่ะที่น่ารัก ไม่เชื่อก็ลองดูจากตอนที่ผมไปนั่งหาข้อมูลกับเขาที่ห้องสมุดได้ ระหว่างที่ผมเอาแต่ก้มหน้าก้มตาโน้ตหน้าหนังสือวิทยานิพนธ์ที่พอจะเอาไปใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงได้ลงบนกระดาษ พี่ชิณณ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ หน้าตาเฉย
“หัวเราะอะไรเหรอครับ” ผมเหลือบมองเล็กน้อยก่อนเอ่ยปากถาม
พี่ชิณณ์ส่ายหน้าพรืด “ไม่มีอะไร”
แล้วผมก็ไม่ได้สนใจ ก้มหน้าลงไปอีก พลันได้ยินเสียงหัวเราะนั่นอีกครั้ง พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าพี่ชิณณ์ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคาง สายตาจับจ้องมาที่ผมพลางยกยิ้ม
เป็นรอยยิ้มที่ดูดีโคตร รับรองเลยว่าคชาเห็นแล้วต้องหลงหัวปักหัวปำอย่างแน่นอน แค่ขนาดเมื่อกี้มีนักศึกษาผู้หญิงเดินผ่านมายังพากันกระซิบกระซาบชวนให้มองพี่ชิณณ์กันเลย แบบนี้จะไม่เรียกว่าดูดีได้ยังไง
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือมานั่งมองผมแล้วหัวเราะทำไมมากกว่า
“มีอะไรเหรอครับ” ผมเกิดประหม่าขึ้นมาที่ถูกจ้องเลยต้องถามออกไปอีกครั้ง
พี่ชิณณ์ใช้มือข้างที่ถือปากกาอยู่มาปัดผมหน้าม้าของผมที่ยาวปรกตาให้เปิดออก
“ผมยาวทิ่มตาแล้วนะมาวิน”
พอแสงสว่างโผล่เข้าตาปุ๊บ เห็นภาพพี่ชิณณ์เปลือยชัดเจน ผมก็รีบหันหน้าหนีปั๊บอย่างลืมตัว ทำเอาพี่ชิณณ์เลิกคิ้วสูง ตอนนี้เองที่ผมรู้สึกตัวว่าทำเสียมารยาท แต่พี่ชิณณ์ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากถามเรื่องผมหน้าม้าเท่านั้น
“ทำไมไว้ยาวขนาดนี้ล่ะ ทิ่มตาขนาดนี้ไม่รำคาญเหรอ”
“ผมชอบแบบนี้ครับ” ผมตอบอย่างขอไปที แต่ก็ไม่ได้ทำให้พี่ชิณณ์หยุดตอแยได้เลย
“แต่พี่ว่ามาวินเปิดหน้าแบบเมื่อกี้จะดูดีกว่านะ”
คราวนี้ผมเหลือบมองเขา ทำให้เขาถือวิสาสะเอื้อมมือมาปัดผมหน้าม้าของผมขึ้นอีก
“เปิดหน้าแบบนี้แล้วเห็นไฝใต้ตาน่ารักจะตาย ทำผมดีๆ หน่อย รับรองว่ามาวินต้องมีคนมาชอบเยอะแน่ๆ”
ตามด้วยรอยยิ้มกว้างอีกที ผมมองแล้วก็เกิดหน้าร้อนขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเขินพี่ชิณณ์นะ
...เขินหัวนมพี่ชิณณ์
ชมพูอะร้าอร่ามมาก เห็นบ่อยแต่ไม่เคยเห็นชัดเจนขนาดนี้ เต่งตึงน่าดีดมาก ไม่อยากจะพูด รับรองเลยว่าถ้าคชาเห็น มันต้องเก็บความหื่นไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะมันจะไม่ดีด แต่มันจะทำอย่างอื่นแทน
ส่วนผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะมองหรอกแต่สายตามันไปเอง พลันก็ต้องเบนสายตาหลบหัวนมไปพูดเรื่องอื่น
“ผมไม่สนหรอกครับว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบ”
“ถ้าไม่สน แต่อย่างน้อยก็เพื่อความสะดวกของตัวเองนะ ลองไปตัดดีไหม พี่เห็นแล้วรำคาญแทนจัง ให้พี่พาไปตัดก็ได้นะ”
ผมก็อยากจะปฏิเสธอยู่หรอก ผมมีเหตุผลที่ต้องไว้ผมเผ้าปิดหน้าผิดตาแบบนี้ การมองเห็นไม่ชัดเพราะผมปรกตานี่แหละที่พอจะช่วยชีวิตผมอยู่บ้างเวลาไปสบตาผู้ชายคนไหนเพราะมันทำให้มองเห็นงวงช้างไม่ชัด แต่พอนึกขึ้นได้ว่าผมจะต้องหลอกล่อพี่ชิณณ์ให้ไปที่ห้อง หรือไม่ก็หลอกถามเรื่องสเปกผู้ชายที่พี่ชิณณ์ชอบให้คชา ก่อนจะพูดออกไป
“ถ้าผมยอมไปกับพี่ชิณณ์ พี่ชิณณ์พอจะตอบคำถามผมได้ไหมครับ”
พี่ชิณณ์ทำหน้างุนงงทันทีที่ผมเสนอเงื่อนไขออกไป พลันถามกลับ
“มาวินอยากจะถามอะไรพี่ล่ะ”
“พี่ชิณณ์...” แล้วก็เงียบไป ไม่มั่นใจว่าควรจะถามไหม จนพี่ชิณณ์ต้องถามซ้ำ
“พี่ชิณณ์ทำไมครับ”
“พี่ชิณณ์ชอบผู้ชายหรือเปล่าครับ”
ตัดสินใจพูดออกไปแล้ว พี่ชิณณ์ที่ได้ยินคำถามถึงกับนิ่งงัน ผมก็นึกได้ในตอนนี้ว่า...
แม่งไอ้พี่ชิณณ์มันเข้าใจว่าผมเป็นเกย์ที่บ้าสะสมหนัง GV ของพระเอกที่หน้าตาคล้ายพี่ชิณณ์อยู่นี่หว่า ถามไปอย่างนี้ก็เข้าใจว่าผมถามให้ตัวเองน่ะสิโว้ย!
อยากจะตบปากตัวเองแล้วแก้ตัวว่าถามให้คชาชะมัด แต่จะให้ขายเพื่อนที่มีแค่คนเดียว ผมก็ทำใจลำบาก ในหัวเลยคิดหาข้อแก้ตัวใหม่เป็นการใหญ่ ทว่าเหมือนจะไม่จำเป็นแล้วเมื่อจู่ๆ พี่ชิณณ์ก็หัวเราะแล้วยิ้มออกมา
“มาวินอยากรู้เหรอ”
ถึงตอนนี้แล้ว ผมจะไปปฏิเสธอะไรได้ จึงได้แต่พยักหน้า
“อยากรู้ทำไม” พี่ชิณณ์ถามคืนมาอีกแล้ว ใบหน้ามีรอยยิ้มแต่งแต้ม
ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่สร้างความกดดันเป็นอย่างมาก ผมอึกอักไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว
“คือผม...”
“พี่ไม่ถามแล้วก็ได้ เอาเป็นว่าถ้ามาวินอยากรู้ก็ไปตัดผมกับพี่นะ พี่พาไป” พี่ชิณณ์ว่าขัดก่อนที่ผมจะได้ตัดสินใจโพล่งออกมาว่า ‘คชาฝากมาถาม’
พอลงเอยอย่างนี้ ผมก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันควัน ขณะที่พี่ชิณณ์จัดการปิดหน้าหนังสือแล้วเอามาวางซ้อนกัน
“งั้นเดี๋ยวเราเอาหนังสือพวกนี้ไปถ่ายเอกสารหน้าที่ต้องใช้แล้วไปตัดผมกันนะ”
พูดจบก็เดินดิ่งไปที่ร้านถ่ายเอกสารในห้องสมุดเลย ปล่อยให้ผมเก็บข้าวของตามไปทีหลังพลันอดคิดไม่ได้เลยว่า...ทำไมกับอี
แค่ช่วยไอ้คชามันจีบผู้ชาย กูถึงต้องสละผมตัวเองเพื่อเอาข้อมูลไร้สาระด้วยวะ!
ถามว่าแล้วทำไหม? ...ทำครับ จัดการธุระในห้องสมุดเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ผมก็มาโผล่ที่ร้านทำผมที่ห้างสรรพสินค้าใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ผมมาทำงานพิเศษเป็นพนักงานทำความสะอาด แค่เห็นร้าน ผมก็ร้องท้วงพี่ชิณณ์ไปทันทีว่าไม่มีปัญญาจ่ายค่าตัดผมแน่นอน
ห้าร้อย! ตัดผมอะไรของมันตั้งห้าร้อย แบงค์ม่วงใบนึงนี่ผมใช้กินข้าวได้เกือบทั้งอาทิตย์เลยนะ!
พี่ชิณณ์คงพอจะเดาได้ล่ะมั้งว่าผมไม่ค่อยมีเงิน พอได้ยินผมท้วงอย่างนั้นก็ออกปากทันควันว่าเดี๋ยวจะจ่ายให้เพราะเขาเป็นคนพามา ก่อนที่ผมจะถูกพี่ชิณณ์ลากไปส่งให้ช่างตัดผม จากนั้นก็ถูกบรรเลงที่หัวโดยไม่มีปากเสียงอะไรแม้แต่น้อย มีแต่พี่ชิณณ์
เท่านั้นที่ยืนกำกับว่าจะให้ผมตัดทรงอะไร ดูท่าทางเขาจะสนิทกับพนักงานที่นี่มากเลยทีเดียว พูดคุยหัวร่อต่อกระซิก ผมเองก็นั่งฟังเพลินๆ รู้ตัวอีกที ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เห็นไหม พี่บอกแล้วว่าดูดี” พี่ชิณณ์เดินเข้ามาชะโงกหน้ามองผมในกระจกจากทางด้านหลัง
ผมเองก็มองตัวเองในกระจกเช่นกัน มันเป็นทรงผมเหมือนดารานักร้องเกาหลีสักคน ผมไม่ได้ใส่ใจหรอก มันก็ดูดีแหละแต่บอกตรงๆ ว่าการที่มองทุกอย่างได้ชัดเจนมันทำให้ผมอึดอัด และยิ่งทวีความอึดอัดมากขึ้นไปอีกเมื่อช่างตัดผมที่รับหน้าที่ดูแลผมเมื่อครู่เดินมามองผมผ่านกระจกบ้าง
“หล่อน่ารักขึ้นมาเลยนะ”
ช่างตัดผมเป็นผู้ชาย...
สบตากันผ่านกระจกปุ๊บ เสื้อผ้าหายปั๊บ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมเห็นร่างเปลือยของผู้ชายสองคนผ่านกระจกเต็มสองตาเป็นที่เรียบร้อย
แม่ง กูก็อุตส่าห์เลี่ยงไม่สบตา สุดท้ายก็ไม่พ้นจนได้ล่ะสินะ!
ดีที่พี่ชิณณ์ไม่รั้งรออะไรนัก จัดการจับผมตัดผมเสร็จก็ลากผมออกจากร้าน และแน่นอนว่ายังไม่กลับเพราะพี่ชิณณ์ลากผมไปที่ร้านขนมหวานชื่อดัง พอผมปฏิเสธก็อ้าง
“มาวินไม่อยากรู้แล้วเหรอว่าพี่ชอบผู้ชายไหม”
นั่นแหละ ผมเลยต้องตามไปอย่างไม่มีทางเลือก เลือกที่นั่งได้ พี่ชิณณ์ก็จัดการสั่งขนมกับน้ำหวานเป็นการใหญ่จนผมต้องรีบเบรก
“สั่งเยอะเกินไปแล้วครับ”
“ไม่เยอะหรอก”
“ถ้ากินไม่หมด ผมไม่รู้ด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วง พี่ชอบกินของหวาน มาวินก็แค่กินเป็นเพื่อนพี่ก็พอ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องกินเยอะ” พูดอย่างกับรู้ว่าผมไม่ชอบกินของหวานเท่าไหร่
ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เขาอยากกิน ผมก็กินเป็นเพื่อน กระทั่งบรรดาขนมที่เขาสั่งไปมาเสิร์ฟ ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มถามคำถามที่อยากรู้กับเขาอีกครั้ง
“ตกลงแล้วพี่ชิณณ์ชอบผู้ชายหรือเปล่าครับ”
พี่ชิณณ์ที่กำลังตักเค้กเข้าปากเหลือบมองหน้าผมพลางหัวเราะ
“อยากรู้ให้ได้จริงๆ เลยนะคำถามนี้เนี่ย”
กูไม่ได้อยากรู้เลย คนอยากรู้มันคือไอ้คชาต่างหาก!
แต่เขาไม่รู้ตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ในอนาคตตอนคชามันเปิดตัวว่าจีบ เดี๋ยวเขาก็รู้เองแหละ
“ครับ อยากรู้” ตอนนี้ผมก็เลยได้แต่เออออไป
พี่ชิณณ์วางช้อนในมือลงก่อนจะว่า
“พี่ไม่ค่อยสนใจเรื่องเพศสักเท่าไหร่หรอกนะ”
ไม่ใช่คำตอบตรงๆ ผมเลยต้องใช้หัวในการคิดวิเคราะห์เล็กน้อย
“แสดงว่าพี่ชิณณ์คบได้ทั้งผู้ชายแล้วก็ผู้หญิง?”
“พี่ไม่อยากให้คำว่ารักจำกัดเพราะเรื่องเพศ”
เออ สรุปว่ามึงเป็นเสือไบ จะพูดพล่ามกำกวมทำไมวะ
เอาเป็นว่าตอนนี้ผมได้ข้อมูลละว่าพี่ชิณณ์เป็นคนยังไงก็ได้ ต่อจากนี้ก็ต้องถามเรื่องสเปกผู้ชายที่ชอบล่ะสินะ
“แล้วสเปกคนที่พี่ชิณณ์ชอบ...”
เลี่ยงที่จะไม่พูดว่าผู้ชายเสียอย่างนั้น ขืนพูดไปอย่างนั้นมันจะดูเป็นว่าผมอยากรู้อยาเห็นเกินไปทั้งที่ตอนนี้ไม่มีอะไรจะเสียแล้วก็เถอะ แต่พี่ชิณณ์คงจะดูออกว่าผมอยากจะถามอะไรเลยเอาช้อนตัวเองมาตักเค้กแล้วยื่นมาตรงหน้าผม
“ให้พี่ป้อนก่อนคำนึงแล้วพี่จะบอกสเปกผู้ชายที่ชอบนะ”
ผมนิ่งไปเลย
แค่ในโรงอาหารวันนั้น มึงยังไม่พออีกเหรอวะ นี่มันห้างนะเว้ย!
อึดอัดกว่าเดิมเป็นเท่าตัว แต่พี่ชิณณ์สนใจอะไรไหมล่ะ หึ! ไม่สนไม่พอ ยังจะทำท่าทางกระเง้ากระงอด
“ถ้าไม่ยอม พี่ไม่บอกนะ”
เท่านั้นผมก็มองซ้ายแลขวา อ้าปากงับอย่างรวดเร็ว
“รีบบอกเลยครับ” พูดทั้งที่ยังเคี้ยวตุ้ยๆ
พี่ชิณณ์หัวเราะออกมากับท่าทางนั้นของผม ส่วนผมก็ได้แค่ครุ่นคิด
กูต้องทำเพื่อมึงถึงขนาดนี้เลยเหรอวะไอ้คชา! เปลืองตัวแท้ๆ!
“ได้ พี่จะบอก” แต่ก็ทำให้พี่ชิณณ์ยอมตกปากรับคำได้ล่ะนะ
ทว่าพี่ชิณณ์ไม่บอกในทันที คว้ากระเป๋าเอกสารมาหยิบกระดาษและปากกาเขียนอะไรยุกยิกลงไป จากนั้นก็พับแล้วส่งให้ผม
“เอาไว้ไปอ่านที่หอนะ อ่านตรงนี้พี่เขิน”
มึงยังจะเขินอีกเหรอ ไอ้ป้อนเค้กกูกลางร้านมันน่าเขินกว่าอีกเว้ย!
ถึงอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับ แล้วก็รอพี่ชิณณ์จัดการกับขนมที่สั่งมา จากนั้นถึงได้กลับมหาวิทยาลัยพร้อมกันแล้วแยกย้ายกลับหอใครหอมัน
กลับมาถึงหอได้ เจอหน้าคชาปุ๊บ สิ่งแรกที่มันทำคือการถามว่า...
“วันนี้พี่ชิณณ์ยังน่ารักเหมือนเดิมปะวะ”
จากนั้นถึงได้ถามว่าผมไปทำอะไรกับพี่ชิณณ์มาบ้าง ทักเรื่องทรงผมของผมที่เปลี่ยนไปนิดหน่อยแล้วก็ชมว่าดูดีขึ้น ก่อนจะถามว่าได้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพี่ชิณณ์มาบ้างไหม ผมก็เล่าให้มันฟังหมดทุกหยดไม่มีเหลือ พอมาถึงเรื่องสเปกผู้ชายที่พี่ชิณณ์ชอบ ผมก็เอากระดาษที่พี่ชิณณ์เขียนให้ออกมา เท่านั้นคชาก็รีบกระโดดผึงมานั่งข้างผมที่ปลายเตียงทันที
“พี่ชิณณ์เขียนว่าอะไรบ้างวะ”
ผมปรายตามองก่อนจะเริ่มอ่านตัวหนังสือพวกนั้น
“เขาบอกว่าชอบผู้ชายผิวสีธรรมชาติ ดำ ขาว เหลืองได้หมด”
คชารีบยื่นแขนตัวเองออกมาก่อนจะว่า
“ผิวกูก็สีธรรมชาติ สีแทนนิดๆ ดูสุขภาพดี”
ผมเบ้ปากให้มันไปที ยิ่งเห็นมันยิ้มร่าเพราะคุณสมบัติตรงสเปกของพี่ชิณณ์แล้วก็ยิ่งหมั่นไส้
แค่เรื่องสีผิวธรรมชาติ สีผิวกูก็ธรรมชาติ เข้าสเปกพี่ชิณณ์เหมือนกันแหละเว้ย!
แต่ไม่เห็นเหตุผลที่จะไปเกทับมันจึงได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาอ่านประโยคต่อไปแทน
“ดวงตามีเสน่ห์”
“มีเสน่ห์พอมะ” คชาหันมามองผมด้วยสายตายั่วยวนทันที
ผมถึงกับต้องเบะปากใส่มัน
“เออ มีเสน่ห์ แต่ไม่ต้องทำตาหวานฉ่ำใส่เรา”
ขนลุก บอกเลยว่าขนลุก พลันอ่านประโยคต่อไป
“จมูกโด่ง ปากกระจับสวย รูปร่างสมส่วน ดูมาดแมนสมชาย”
อ่านๆ ไปแล้วก็ดูเหมือนจะตรงกับคชาทั้งสิ้น ทำเอาคชาถึงกับลุกขึ้นยืน ก้มหน้าเล็กน้อยแล้วเสยผม หัวเราะในลำคอ
“หึๆ คชาคือผัวที่แท้จริง”
มึงหมายถึงตัวเองเป็นผัวพี่ชิณณ์น่ะเหรอ
ผมถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังกับความหลงตัวเองของมัน
หลงตัวเองไม่พอ มึงเป็นบ้าด้วยไอ้คชา!
พอจะหยุดหัวเราะได้ ผมก็อ่านประโยคที่เหลือต่อ
“น้ำเสียงนุ่มทุ้ม”
“เสียงพระเอกอย่าบอกใคร” คชาตอบรับพร้อมเก๊กเสียงหล่อ
“พูดจาสุภาพ”
“มาวินครับ รบกวนอ่านประโยคถัดไปด้วยครับ” มันหันมาพูดกับผมด้วยคำพูดสุภาพทันใด
ผมก็ตลกไปกับความเพี้ยนของมัน ตอนนี้ชักรู้แล้วล่ะว่ามันเป็นคนขี้เล่นมากแค่ไหน ก่อนจะอ่านประโยคสุดท้ายในกระดาษแผ่นนั้นขณะที่เช็ดน้ำตาที่ไหลออกจากหางตาเพราะหัวเราะเยอะเกินไปด้วย
“มีไฝที่ใต้ตา”
คชาชะงัก รีบเดินไปส่องกระจกที่ตู้เสื้อผ้าทันใด
“กูไม่มีว่ะ หรือต้องเอาดินสอมาเขียนไฝปลอมวะ”
ผมไม่ตอบคำถามมัน ได้แต่นั่งอึ้งงันตั้งแต่ที่อ่านประโยคสุดท้ายนั้นจบ
มีไฝที่ใต้ตาข้างขวา... สเปกของพี่ชิณณ์...
กูนี่หว่า! กูเลยเนี่ย!
เสียวสันหลังวาบไปทั้งร่าง ใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่เพราะตื่นเต้นด้วยแต่เป็นเพราะตกใจที่ได้รู้ความจริงต่างหาก
ยะ...อย่าบอกนะว่าพี่ชิณณ์ชอบผม?
ไม่อยากจะคิดต่อ ไม่อยากคิดเองเออเองด้วย แต่ก็ไม่กล้าจะให้พี่ชิณณ์มายืนยันคำตอบ ได้แต่คิดเองไปอย่างนั้น
การที่พี่ชิณณ์ทำแบบนี้มันเท่ากับการสารภาพว่าชอบผมเป็นนัยๆ เลยนี่หว่า แต่จะอะไรก็ช่าง เขาจะชอบผมหรือไม่ได้ชอบ หรือผมเข้าใจผิดไปเองก็ไม่สำคัญเท่ากับห้ามให้คชารู้
ผมรีบเหลือบไปมองคชาที่เอาดินสอสองบีมาเขียนที่ใต้ตาตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะต้องย่นคิ้วยู่
“ทำอะไรของนายน่ะคชา”
“เขียนไฝ”
มึงนี่มัน...บ้า
ไม่ใช่ขี้เล่นหรือทะเล้นอะไรละ มันบ้าจริงไม่อิงเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น ความหล่อไม่ได้ช่วยให้มันดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย แถมเขียนเสร็จแล้วยังมีหน้ามาพูด
“มันไม่ค่อยติดเลยว่ะ สงสัยกูต้องไปหาซื้อดินสอเขียนคิ้วมาเขียน”
ส่วนกูคงต้องไปจี้ไฝออกล่ะสินะจะได้ไม่เป็นผู้ชายในสเปกพี่ชิณณ์
ผมถอนหายใจออกมา ดูท่าทางคชามันจะยังไม่ตระหนักว่าผมมีไฝใต้ตาอะไรนั่น ผมเลยกะว่าจะไปอาบน้ำแล้วทำเนียนหนีเข้านอนก่อนเลย ไว้มันสังเกตเห็นเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน ทว่าในจังหวะที่ผมกำลังจะลุกขึ้น คชาก็ถลาเข้ามาพร้อมกับเอาหน้าเข้ามาใกล้
“มึงว่าเนียนหรือยังวะ”
ใกล้เสียจนปลายจมูกแทบจะโดนกัน ผมงี้ถอยหนีแทบไม่ทัน
“นะ...เนียนแล้ว” รีบร้องบอกมันแทบไม่ทันด้วย ก่อนจะรีบหันหนีอย่างรวดเร็ว
แต่ครั้งนี้เหมือนจะไม่ทันแล้ว คชาน่าจะสังเกตเห็นแล้วล่ะว่าที่ใต้ตาผมมีอะไร เห็นผมหันหนีก็รีบเอามือมาคว้าหน้าผมไว้แล้วบังคับให้หันกลับไปมองทางมัน
“ไอ้มาวิน ใต้ตามึงมีไฝ!”
ผมทำหน้าไม่ถูกไปทันที ส่วนคชาก็ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นขึ้นมา
“อย่าบอกนะว่ามึงก็ชอบพี่ชิณณ์เหมือนกันเลยแอบไปเติมไฝมาตอนกูเผลอน่ะ!”
แอบเติมบ้านมึงเถอะ กูมีมาตั้งแต่เกิดเว้ย!
“เราไม่ได้เขียนเหมือนนายหรอกนะ” ผมเถียงออกไปเลย
คชาจึงเอานิ้วมาลองถูๆ ก่อนจะครางออกมา
“ของจริงนี่หว่า”
ก็ของจริงน่ะสิวะ ใครจะไปหลอกตัวเองเหมือนมึงกัน!
ตอนนี้มันน่าจะเข้าใจแล้วล่ะว่าสเปกของพี่ชิณณ์หมายถึงผมมากกว่ามันเพราะจู่ๆ มันก็พ่นลมหายใจออกมา เหมือนกับผมก็สูดหายใจเข้าปอดแล้วพ่นออกมาเช่นกัน
อกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยนะคชา น่าสงสารว่ะ คงต้องพูดอะไรสักอย่างให้มันคลายความเครียด ก็กะจะพูดให้มันคิดในแง่บวกนั่นแหละ
“คืองี้นะคชา ถึงสเปกของพี่ชิณณ์จะไม่ตรงกับนาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่ชิณณ์จะชอบเรา อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้”
คชาไม่ตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น เอาแต่เงียบจนผมกังวลว่ามันจะโกรธผมหรือเปล่า จนผมต้องพูดออกมาอีก
“ถ้าเราไปจี้ไฝออกก็ไม่ใช่สเปกพิ่ชิณณ์แล้วล่ะ”
ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างนี้ไปทำไม ผมไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องลงทุนทำอะไรอย่างนี้เพื่อมัน ซึ่งคชาก็คงจะเห็นด้วยเพราะจู่ๆ มันก็หันมายิ้มให้พร้อมกับเอามือวางไว้บนหัวผม
“ไม่ต้องเลยมึง อย่างนี้ก็ดีแล้ว น่ารักดี”
ผมมองหน้าคชาที่ส่งยิ้มหล่อให้นิ่งก่อนหน้าจะร้อนวาบขึ้นมา
หล่อสลัดรัสเซียอย่างที่มันชมตัวเองเมื่อวานจริงๆ ด้วย
และคชาก็ทำให้ความเขินอายของผมมลายหายไปเมื่อมันเอื้อมมือมาคว้าหน้าผมให้หันไปทางมันอีกครั้ง
“แต่ลองแกะดูหน่อยซิ เผื่อจะออก”
บ้านมึงแกะไฝแล้วไฝหลุดติดมือเหรอไอ้คชา! เจ็บนะเว้ย!
ผมปัดมือมันออกทันที ตรงไฝนี่เจ็บแปลบๆ เลยทีเดียว ขณะที่คชาได้แต่พึมพำกับตัวเอง
“ไม่ออกแฮะ”
มันก็ต้องไม่ออกอยู่แล้ว มึงบ้าหรือไง!
ไม่น่าถาม มันบ้าแน่นอน ทว่าผมไม่สนใจอะไรมันแล้ว ถือว่าผมได้ทำในสิ่งที่มันต้องการแล้ว ตอนนี้อยากจะไปอาบน้ำมากกว่าเพราะไปตะลอนๆ มาทั้งวัน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราขออาบน้ำก่อนนะ”
เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัว กำลังจะเข้าห้องน้ำอยู่แล้ว คชาก็เดินมาคว้าข้อมือผมไว้พร้อมกับจ้องหน้าและเรียกชื่อ
“มาวิน”
“ว่าไง”
“มึงอย่าไปชอบพี่ชิณณ์นะเว้ย”
กลอกตาให้กับคำพูดประโยคนี้นิดหน่อย เกือบจะพยักหน้าอยู่แล้ว คชาก็พูดขึ้นมาอีก
“กูหวง”
หน้าร้อนวาบไปอีกระลอกทันใด
กูหวง... หวงผมหรือพี่ชิณณ์?
มันก็ต้องพี่ชิณณ์อยู่แล้วล่ะ ก็มันบอกว่าชอบพี่ชิณณ์นี่นาเพียงแต่ลักษณะการพูดของมันทำให้ผมเผลอเข้าใจผิดไปชั่วครู่ก็เท่านั้น
“ไม่ต้องห่วงน่า เราไม่ชอบพี่ชิณณ์หรอก ต่อให้พี่ชิณณ์ชอบเรา เราก็ไม่ชอบเขาโอเคไหม บอกแล้วไงว่าจะช่วยนายจีบ สบายใจได้ ไม่ชุบมือเปิบหรอก”
ให้ความเชื่อมั่นมันไป คชาก็พยักหน้ารับ ยอมปล่อยมือออกจากผมแล้วเดินกลับไปที่ตู้เสื้อผ้า ส่องกระจกดูหน้าตัวเองอีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผมมองตามแล้วก็ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจนอกจากก้าวเข้าห้องน้ำไป ทันทีที่ปิดประตูห้องน้ำได้ก็ยีหัวตัวเองเป็นพัลวัล
เวรเอ๊ย! ไอ้พี่ชิณณ์มันชอบกูแน่ๆ เลยเนี่ย ถึงกูจะเด๋อๆ ด๋าๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ประสาเรื่องอย่างนี้นะ
เห็นแววความวุ่นวายมารางๆ ได้แต่ภาวนาว่าขอให้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เป็นความบังเอิญ
บังเอิญว่าผมมีไฝใต้ตา แล้วก็บังเอิญว่าพี่ชิณณ์ชอบผู้ชายที่มีไฝใต้ตา
เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น...
-------------------------------
พระเอกเรื่องนี้พี่ชิณณ์ใช่มั้ย พูด! 555 คชานี่ผีบ้ามากๆ เหมือนเรียนมากจนสติไม่ดี 555
ฝากฟีดแบ็กไว้ด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้นะคะ