[END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END]แรกพบสบรัก-สบตา ครั้งพิเศษ: คืนสู่วงการ[10-05-60]  (อ่าน 80584 ครั้ง)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สบตา ครั้งที่ 12: ความสับสนของมาวิน

จากตอนแรกที่สับสนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมาเจอเหตุการณ์เมื่อวาน ผมก็ยิ่งสับสนหนักมากขึ้นไปอีก เรื่องพี่ชิณณ์น่ะยังพอจะเข้าใจได้ว่าเขาคงชอบผม คิดดูดีๆ แล้วการกระทำและคำพูดของพี่ชิณณ์ก็ล้วนแล้วเหมือนจีบผมอยู่ทั้งนั้น พอเขาพูดว่าคิดถึงผมอย่างนั้น ผมก็มั่นใจขึ้นมาเลยว่าต้องชอบผมแน่ๆ แต่กับคชา ผมไม่รู้แม้แต่นิดเดียวว่ามันคิดอะไรของมันอยู่ ก็มันน่ะปกติกับชาวบ้านเขาเสียที่ไหน ผมอ่านมันไม่ออกหรอกถ้ามันไม่บอกออกมาให้ชัดเจน

ความจริงผมไม่ควรที่จะไปใส่ใจอะไรกับการกระทำเพี้ยนๆ ของมันเลยนะ แต่ยอมรับว่าผมเองก็อึดอัดไม่น้อยที่เห็นมันทำท่าทำทางเหมือนจะมีใจให้ผมอย่างนี้ ต่อให้บอกตัวเองว่าไม่ได้ชอบผู้ชายก็เถอะ ทว่าคชามันหล่อเหลาเขายายเที่ยงชนิดชวนให้สาวเหลียวมอง ชายชื่นชมจริงๆ ผมก็อดที่จะใจเต้นกับมันไม่ได้หรอก ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมชอบของสวยๆ งามๆ นี่นา คชาเองก็เป็นหนึ่งในของสวยๆ งามๆ ที่มองแล้วเจริญตาเจริญใจเหมือนกันถ้าไม่นับนิสัยบวมๆ บ๊องๆ ของมัน

ทว่าความสับสนของผมทั้งหมดก็มาชัดเจนขึ้นเอาตอนที่คชามาชวนผมไปกินข้าวเย็นกับพวกเพื่อนๆ ทูตกิจกรรมของมันที่ร้านอาหารแถวๆ หอ ตอนนี้เองที่ผมเห็นว่าการกระทำที่เหมือนหมาหยอกไก่ชนิดถึงเนื้อถึงตัวของมันนั้นไม่ได้ทำกับผมแค่คนเดียว แต่ยังทำกับเพื่อนๆ ของมันคนอื่นๆ ด้วย

“ปากมึงเลอะน่ะ” จู่ๆ คชาก็พูดขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปที่มุมปากของตัวเองให้เพื่อนมันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรับรู้
“ตรงนี้เหรอวะ” อีกฝ่ายเอามือเช็ดหากแต่ไม่โดน
“ไม่ใช่ ตรงนี้ต่างหาก” คชาคว้าทิชชูมา เอื้อมไปเช็ดให้เพื่อนตัวเองหน้าตาเฉย

ชัดเจนเลย... แม่งเกย์ทั่วราชอาณาจักร ไม่ได้เป็นกับผมแค่คนเดียว

สงสัยจะเป็นเรื่องธรรมดาของมันเพราะเพื่อนมันคนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีท่าทีตื่นเต้นหรืออะไรเลยแม้แต่น้อย นั่งกินข้าวกันหน้าตาเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เห็นอย่างนั้นแล้วผมก็โล่งใจที่ความสับสนนั้นหายไป ขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา

ไม่ได้ทำกับผมแค่คนเดียว... เป็นเรื่องปกติ...

เออ ผมคิดมากไปเองแหละ บ้าไปเองคนเดียวด้วยที่คิดเลยเถิดว่าคชาคิดอะไรกับผมอย่างนั้น เอาเป็นว่าถ้าผมจะอยู่กับคชาก็ต้องเข้าใจธรรมชาติความบ้าบอของมันแล้วปรับตัวให้ชินไป ไม่ต้องคิดมากกับการกระทำต่างๆ ถึงจะอยู่อย่างเป็นสุข

บอกตัวเองอย่างนั้นแล้วก็พอจะสงบจิตสงบใจได้บ้าง ยิ่งคชาปฏิบัติกับผมเหมือนเดิมทุกประการ ผมก็ยิ่งสงบจนวางตัวปกติได้แล้ว ถ้าวางตัวปกติไม่ได้ ผมต้องลำบากแน่เพราะวันนี้ผมยังต้องไปรับหน้าที่ผู้ช่วยติวเตอร์ให้มันอยู่

เรียนเสร็จ กลับมาถึงห้องได้ ผมก็จัดการเตรียมเอกสารทุกอย่างรอคชากลับมาเพื่อที่ว่าจะได้ออกไปกันเลย หากแต่จู่ๆ แพลนก็เกิดเปลี่ยนเสียอย่างนั้นเพราะทันทีที่คชาวิ่งกลับมาถึงห้องพร้อมกับหายใจกระหืดหอบ มันก็รีบพูดขึ้นเร็วๆ

“วันนี้กูคงไปสอนไม่ได้แล้วว่ะไอ้เอ๋อ กูต้องไปประชุมทูตกิจกรรมกับพวกปีอื่นๆ”
“เอ้า แล้วทำไงอะ รับงานไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็เออน่ะสิวะ” คชาย่นคิ้วยู่ ทำท่าทางหัวเสียเต็มประดาจนผมอดพูดออกมาไม่ได้
“นายก็บอกไปสิว่ามีธุระ ไปประชุมไม่ได้”
“ก็อยากอยู่หรอก แต่นี่ความผิดกูเอง ลืมไปว่าแม่งนัดกันมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ไม่ได้จดเอาไว้”
“งั้นก็แคนเซิลคลาสแทนไหม” ผมเสนอ
คิ้วของคชาย่นยู่กว่าเดิมอีก “กูโดนไล่ออกแน่นอน แล้วมึงก็จะโดนหางเลข ไม่ได้งานไปด้วย”

พูดมาอย่างนั้น ผมก็เลยไม่กล้าพูดอะไรต่อ คชาเท้าสะเอว บ่นพึมพำพลางคิดไปเรื่อยว่าจะเอายังไงดี จนในที่สุดก็พูดออกมา
“เอางี้ วันนี้มึงไปสอนแทนกูก่อนแล้วกัน”
ผมถึงกับเบิกตาโต “ภาษาอังกฤษเนี่ยนะ”
“เออ ก็กูสอนวิชานี้นี่หว่า”

งานงอกผมเลยทีเดียว ก็ผมเก่งวิชานี้เสียที่ไหน ไม่มั่นใจว่าจะสอนได้ด้วยถ้าเทียบกับความสามารถของคชาแล้ว คชาก็คงจะดูผมออกว่าคิดอะไรอยู่เลยตบบ่าปุๆ เป็นการใหญ่

“ไม่เป็นไรมึง วันนี้มึงก็แค่เอาข้อสอบที่อยู่ในแฟ้มให้พวกน้องมันทำ สอบชั่วโมงนึง ครึ่งชั่วโมงหลังก็เฉลย แบบเฉลยอยู่ในแฟ้มแล้วเหมือนกัน วันนี้พวกมันสอบวัดความรู้ที่กูสอนไปก่อนหน้าน่ะ ไม่น่ามีปัญหามั้ง”

สวรรค์ทรงโปรดมากที่ผมไม่ต้องเจอเรื่องยุ่งยากเท่าไหร่นัก ผมคิดว่าตัวเองทำได้ก็เลยพยักหน้ารับมันไปรัวๆ คชาถึงได้ยิ้มออก
“งั้นรีบไป เดี๋ยวกูขับรถไปส่ง ถ้าให้มึงไปเอง กว่าจะไปถึงก็สายพอดี”
ผมเห็นด้วยเลยไม่โต้แย้ง รีบคว้าข้าวของแล้วตามคชาลงไปที่ลานจอดรถ ให้มันขับไปส่งยังที่หมายตามความตั้งใจ



 
พอมาถึงโรงเรียนที่จะต้องมาสอนในวันนี้ ผมก็แทบจะเอาแฟ้มเอกสารฟาดหน้าไอ้คชาให้แหกเพราะโรงเรียนที่มาสอนไม่ใช่โรงเรียนหญิงล้วนอย่างที่เคยไป หากแต่เป็นโรงเรียนชายล้วน แล้วเป็นเด็กมอหก มอหกอย่างเดียวไม่พอ ยังต้องสอนพวกมันยกชั้นอีกต่างหาก

ไม่ใช่แค่เฉพาะห้องนะ ย้ำอีกที... ยกชั้น!

แตงกวารุ่นเยาว์ก้าวเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์มาให้ผมได้เห็นทั้งระดับชั้นเลย มีอยู่กี่ห้อง โอ้โห เห็นแม่งทุกห้อง!

ดีนะที่ผมไม่ต้องสอนอะไรมากมาย ตอนเฉลยข้อสอบก็ก้มหน้าก้มตาดูโพยแล้วพูดๆ ไป เลยพอจะหลบสายตาจากแตงกวาหลากหลายขนาดและสายพันธุ์ได้บ้าง แต่ก็เรียกได้ว่าการเป็นติวเตอร์จำเป็นในวันนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่โคตรจะทรมานเลย
ออกมาจากโรงเรียนได้ ผมก็ก่นด่าคชาในใจไม่หยุด กะว่าถึงหอเมื่อไหร่จะด่ามันให้สาแก่ใจสักที

เพราะเหตุผลนี้ผมเลยรีบมุ่งหน้ากลับหอให้เร็วที่สุด ทว่าก็ไม่ได้ทำตามอย่างที่ใจคิดด้วยจู่ๆ ฝนก็เทลงมาทั้งที่ผมมาเกือบจะถึงมหาวิทยาลัยแล้ว ผมเลยต้องวิ่งไปหลบที่ป้ายรถเมล์ก่อนจนกว่าฝนจะซา ความจริงจะฝ่าฝนไปก็ได้แหละ หออยู่ใกล้จากตรงนี้นิดเดียว เป็นห่วงอย่างเดียวก็คือเอกสารพวกชีทเรียนจะเปียกเพราะแฟ้มที่เอามาใส่เอกสารเป็นแฟ้มแบบสอด ถือไม่ดี มีหวังกระดาษเปียกแน่นอน

เรื่องด่าคชาเอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้มันคงยังไม่กลับหอหรอก กว่าจะกลับก็โน่น สี่ห้าทุ่ม นี่เพิ่งจะหัวค่ำเอง

ผมเปลี่ยนแพลนกะทันหัน ยืนรอฝนซาอย่างใจเย็นแทน ฟ้ามืดแล้ว เวลานี้แทบจะไม่มีนักศึกษาคนไหนอยู่ที่ป้ายรถเมล์เลยเพราะทยอยขึ้นรถกันกลับไปหมด เหลือแต่ผมที่ยืนอยู่ตามลำพัง หากแต่ยืนอยู่คนเดียวได้ไม่นานก็มีใครบางคนวิ่งฝ่าฝนมาหลบใต้ร่มด้วย ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจจะหันไปมองหรอก หากแต่ได้ยินเสียงคุ้นเคยเลยต้องหันไปมอง
“เอ้ามาวิน จะไปไหนเหรอ”

พี่ชิณณ์...

เห็นพี่ชิณณ์ในสภาพตัวเปียกเล็กน้อย ตาสบตาในตอนนี้ พลันชุดนักศึกษาก็มลายหายไป กลายเป็นป๋องแป๋งต่องแต่งแกว่งไหวในสภาพที่เปียกซ่ก

แปลกตา แต่ไม่ปลื้ม ผมก็ทำหน้าไม่ถูกเลยที่ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ในเวอร์ชันใหม่ แต่ทำหน้าไม่ถูกหนักกว่าเดิมด้วยจู่ๆ คำพูดของพี่ชิณณ์ที่เขาอัดเสียงส่งมาเป็นข้อความให้เมื่อวานดังลอยเข้ามาในหู

‘ฝันดีนะมาวิน เราไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว พี่...เอ่อ...คิดถึงมาวินนะครับ’

ทำหน้าปูเลี่ยนไปใหญ่เลย แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวแม้จะเก็บอาการด้วยมั้ง พี่ชิณณ์ถึงได้ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง
“แล้วตกลงมาวินจะไปไหนเหรอ”
ผมได้สติในตอนนี้ ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้จะไปไหนครับ ผมเพิ่งกลับมา”

พี่ชิณณ์ที่กำลังเสยผมหน้าเปียกน้ำฝนอยู่เลิกคิ้วสูง
“ไปไหนมาเหรอ”
“สอนพิเศษน่ะครับ”
“ทำงานแบบนี้ด้วยเหรอ พี่เพิ่งรู้”

พี่ชิณณ์กลับมายิ้มร่าอีกแล้ว ดูท่าทางจะดีใจที่ได้รับรู้ข้อมูลใหม่ของผม แต่เขาเข้าใจผิด ผมเลยต้องแก้ต่างให้
“ไปสอนแทนคชาน่ะครับ ผมไม่เคยทำงานนี้หรอก กำลังอยู่ในช่วงทดลองงาน”

พูดไปอย่างนั้น พี่ชิณณ์ก็ร้องอ๋อยาว พลางพยักหน้ารับ จากนั้นก็ยิ้มให้ผมแล้วเงียบไปพักหนึ่ง ผมมองใบหน้าเขาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วก็เกิดเขินขึ้นมาจนต้องหันหนีด้วยข้อความที่เขาส่งให้ยังคงวนเวียนในหัวไม่หยุด

พี่ชิณณ์ชอบผม...

ผมคิดว่าอย่างนั้น มั่นใจแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะชัวร์ ทว่าผมไม่ถามหรอกเพราะคิดว่าถ้ามันเป็นอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ล่ะก็ ความวุ่นวายระลอกใหญ่จะต้องประดังประเดมาหาผมแน่ๆ เราทั้งคู่ก็เลยยืนหลบฝนอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว มีเพียงแต่พี่ชิณณ์ที่เหลือบมองผมพลางอมยิ้มไม่หยุด

ผมรู้นะว่าเขามอง แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ผ่านไปพักใหญ่ พี่ชิณณ์ถึงได้ทำลายความเงียบ
“เมื่อวานนี้น่ะ... ได้ฟังไหม”
ผมใจเต้นตึกตักขึ้นมาทันที รู้ว่าเขาถามถึงอะไร กระนั้นก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้
“อะไรเหรอครับ”
“ข้อความเสียงที่พี่ส่งให้น่ะ ได้ฟังไหม”

ใจเต้นแรงกว่าเดิมอีก ผมหันไปมองหน้าเขาก็เห็นว่าพี่ชิณณ์ส่งยิ้มให้อยู่ ตางี้โตลุ้นระทึกกับคำตอบจากผมโคตรๆ เห็นอย่างนี้ ผมก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้แล้ว จำต้องพยักหน้ารับไป

พี่ชิณณ์ยิ้มกว้างเห็นฟันทันที เขาเองก็ดูเขินๆ ไปเหมือนกันจู่ๆ ก็ยกมือขึ้นมาลูบหลังคอ หลบสายตาผมเสียอย่างนั้น
“มาวินคงจะรู้สึกแปลกๆ ล่ะสินะ”

แปลกสิวะ แปลกโคตรๆ จู่ๆ โดนผู้ชายด้วยกันบอกว่าคิดถึง คิดว่ามันไม่แปลกหรือไง

ผมไม่ตอบอะไรไปอีก คราวนี้พี่ชิณณ์เลยได้โอกาสพูดเสริมอย่างรวดเร็ว
“ที่พี่พูดอย่างนี้ก็เพราะว่าพี่...”
รู้เลยว่าพี่ชิณณ์จะพูดอะไร

สะ...สารภาพรักแน่นอน!

ไม่ได้หลงตัวเองอย่างไอ้คชาด้วย สถานการณ์มันใช่ แถมบรรยากาศก็เป็นใจโคตรๆ

บอกรักในคืนวันฝนตกตามลำพังกันสองคน แม่งโคตรฉากใน MV เลยเถอะ โรแมนติกไปสามบ้านแปดบ้าน แต่มึงจะมาบอกกับกูไม่ได้!

“พี่ชิณณ์ไม่หนาวเหรอครับ”
ผมรีบเบรกทันที ทำเอาพี่ชิณณ์ที่กำลังพูดๆ อยู่ชะงักไป มองผมด้วยสีหน้าประหลาดใจที่ผมโพล่งถามแทรกออกมาอย่างนั้น ก่อนจะหัวเราะ
“มาวินไม่ต้องหนีเลย พี่รู้นะว่าจะเปลี่ยนเรื่อง” ว่าอย่างรู้ทันอีก

ผมก็ปฏิเสธไหมล่ะ... ไม่ ก็เปลี่ยนเรื่องหนีจริงๆ

แต่ในเมื่อตอนนี้หนีไม่ได้แล้วก็คงจะต้องเผชิญหน้า แน่นอนว่าผมไม่ยอมให้พี่ชิณณ์ได้พูดประโยคที่ผมไม่อยากได้ยินออกมาอย่างแน่นอน
“พี่ชิณณ์ครับ ผมถามพี่ตรงๆ นะ พี่รู้ใช่ไหมว่าคชาคิดอะไรกับพี่อยู่”

ถามไปอย่างนี้ทั้งที่ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขารู้ไหม แต่คชามันแสดงออกชัดเจนอย่างนั้นและพี่ชิณณ์เองก็ชอบทั้งผู้ชาย-ผู้หญิง ไม่ว่ายังไงก็ต้องผ่านประสบการณ์คบหากับผู้ชายมาบ้าง ยังไงก็ต้องดูออกว่าคชามันคิดอะไรอยู่ผ่านการกระทำ

ซึ่งก็จริงอย่างที่ผมคาดเดาเสียด้วยเมื่อพี่ชิณณ์ส่งเสียงออกมา
“อือ พี่รู้ แล้วพี่ก็รู้ด้วยว่ามาวินพยายามเชียร์เพื่อนให้พี่สนใจอยู่”
ผมไปต่อไม่ถูกเลย แต่ก็ไม่แปลกหรอกที่เขาจะรู้ ผมก็แสดงออกว่าอวยคชาขนาดไหน

การที่เขาพูดมาอย่างนั้น ทำให้ผมต้องถามออกไปอีก
“แล้วพี่ชิณณ์ไม่สนใจคชาบ้างเหรอครับ”
“พี่ว่าพี่เคยบอกไปแล้วนะ”
ใช่ เคยบอกมาแล้วว่าคชาดูล้นๆ ถึงจะไม่บอกตรงๆ แต่ความหมายก็คือ ‘ไม่สนใจ’ นั่นแหละ
“แต่คชาชอบพี่นะครับ”

เพื่อไม่ให้พี่ชิณณ์ได้พูดประโยคนั้น ผมเลยบอกไปตามตรงว่าคชารู้สึกกับพี่ชิณณ์ยังไง
“พี่รู้” พี่ชิณณ์ยิ้มรับน้อยๆ “แต่พี่ไม่ได้ชอบคชานี่” แล้วก็ส่งสายตามาทางผม

ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าสายตาที่พี่ชิณณ์มองผมครั้งนี้มันดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้
แบบว่าดูหวานฉ่ำ หยาดเยิ้ม... เออ สายตาที่พวกอาเสี่ยมองเด็กสาวๆ เลยล่ะ

ท่าไม่ดีละกู ต้องรีบไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด

จังหวะเดียวกับที่ฝนเริ่มซาพอดี ผมจึงไม่รีรอที่จะรีบเอ่ยขอตัวเพื่อกลับหอ
“ฝนเริ่มซาแล้ว ผมกลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวคชาจะเข้าห้องไม่ได้ มันไม่มีกุญแจ” ผมโกหก ทำไมคชาจะไม่มี แต่เพื่อที่จะหนีไปจากพี่ชิณณ์ไง

หากแต่พอผมพูดเสร็จแล้วทำท่าจะเดินหนี พี่ชิณณ์ก็คว้าแขนผมเอาไว้
“อยู่กับพี่อีกสักแป๊บได้ไหม” ส่งสายตาขอร้องวิ้งวับมาให้ด้วย

ผมก็อยากจะใจอ่อนอยู่หรอก แต่คราวนี้กลั้นใจปฏิเสธไปเต็มที่
“แต่ว่าผมต้อง...”
“มาวิน ขอนะ อยู่กับพี่แป๊บนึง ขอแค่นาทีเดียว” พี่ชิณณ์ไม่ฟังเลย ขอร้องออกมาอีก

ตอนนี้สีหน้าของพี่ชิณณ์ดูน่าสงสารมาก อย่างกับลูกหมาที่ถูกทิ้งอยู่กลางฝนแล้วส่งสายตาอ้อนวอนขอให้ผมซึ่งเดินผ่านมาเจอพาตัวกลับบ้านไปด้วยอะไรอย่างนั้น

ผมถอนหายใจออกมาเต็มแรง ก่อนจะต้องยอมแต่โดยดี
“ครับ นาทีเดียวนะ”
พี่ชิณณ์ส่งยิ้มให้ผมอีกแล้ว จากนั้นก็พูดในสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยิน
“พี่รู้ว่ามาวินรู้สึกแปลกๆ กับข้อความเสียงที่พี่ส่งให้ แต่พี่อยากให้มาวินรู้ไว้ว่าที่พี่พูดเป็นความจริง”

ผมมองหน้าเขาอย่างอึ้งงัน ทั้งที่รู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าเขาคงจะคิดกับผมแบบนี้ แต่พอได้ยินเองกับหูก็อดที่จะพูดไม่ออกไม่ได้ ลำคอตีบตันไปหมด และการที่ผมอยู่เฉยก็ทำให้พี่ชิณณ์ขยับตัวเข้ามาใกล้ โน้มใบหน้าลงมาหา กระซิบที่ข้างหูแผ่วเบา

“มาวินถามพี่ว่าพี่รู้ใช่ไหมว่าคชาคิดอะไรกับพี่ แล้วมาวินล่ะรู้หรือเปล่าว่าพี่คิดอะไรกับมาวิน”
ผมไม่ตอบ มีเพียงเสียงหัวใจเท่านั้นที่เต้นระรัวเร็ว ก่อนที่จะมีคำพูดประโยคใหม่ดังมาจากริมฝีปากสวยนั้นให้ได้ยิน
“พี่ชอบมาวินนะ...”

พูดจบก็ผละออกมา ยกยิ้มให้ผมอย่างใจดีในขณะที่ผมได้แต่ยืนนิ่ง ไปต่อไม่ถูกราวกับถูกเสกให้กลายเป็นหิน

พี่ชิณณ์... ชอบกูจริงๆ ด้วย

เรื่องบ้าบอคอแตกอะไรวะเนี่ย



 
หลังจากที่พี่ชิณณ์สารภาพความในใจเป็นที่เรียบร้อย ผมก็ไม่ต่างอะไรจากถูกเขาดูดวิญญาณออกจากร่างแม้แต่นิดเดียว กลับมาได้ก็เอาแต่เงียบ คชาพูดอะไรก็แทบจะไม่เข้าหูด้วยในหัวเอาแต่คิดวกวนเรื่องคำพูดของพี่ชิณณ์

‘พี่ชอบมาวินนะ...’

คิดขึ้นมาได้ก็แทบจะยีหัวตัวเอง ไม่รู้จะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไงดี อันดับแรกเลย ผมไม่รู้ว่าจะบอกกับคชายังไงดีด้วยว่ามันอกหักแล้ว แถมอกหักเพราะคนที่มันชอบดันมาชอบผมที่เป็นนกต่อให้มันอีก รู้สึกผิดกับมันขึ้นมาฉับพลัน แต่ใครจะไปคิดล่ะวะว่าเรื่องมันจะลงเอยอย่างนี้

ถึงอย่างนั้นก็ควรจะบอกให้คชารับรู้ไว้...

แต่ถ้าบอกมัน เดี๋ยวมันไล่ผมออกจากหอ ไม่ให้เป็นรูมเมทด้วยแล้ว ผมจะทำยังไง เดือดร้อน เรื่องใหญ่แน่ๆ

คิดไม่ตกเลย ในหัวตีกันยุ่งไปหมดระหว่างบอกกับไม่บอก โชคดีที่ผมเก็บอาการไว้ได้ดี ไม่มีพิรุธใดๆ ออกมา ทำให้คชาไม่ทันได้สังเกตว่าผมมีท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนนิ่งๆ เวลาอยู่กับมันอยู่แล้วก็ได้ เวลาเงียบเพื่อครุ่นคิดอะไรเลยดูไม่ต่างจากปกติสักเท่าไหร่นัก

ทว่าคชากลับฉุกคิดขึ้นได้ว่าผมมีท่าทีแปลกๆ ก็ตอนที่มันเอาหนังโป๊ของฮิคารุซามะอะไรนี่ที่สั่งซื้อทางไปรษณีย์มาเปิดดูกับโน้ตบุ๊กแล้วตั้งไว้บนเตียงโดยมีผมกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆ จริงๆ แล้วผมจะต้องโวยวายที่มันดูหนังโป๊เกย์ต่อหน้าต่อตาไง แต่ผมดันนิ่ง ตาจ้องโน้ตบุ๊ก มองภาพฮิคารุซามะนอนคว่ำหน้า ถูกผู้ชายล่ำบึ้กวัยลุงปู้ยี่ปู้ยำด้วยสารพัดของเล่นด้วยสีหน้าเรียบเฉย คชาถึงได้ทักขึ้นมา

“จ้องตาไม่กะพริบเลยนะ ชอบล่ะสิ”
หันไปมองก็เห็นมันทำยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ผมเหลอหลาไปนิดก่อนจะเข้าใจได้ว่ามันหมายถึงอะไร พลันตอบกลับ
“เปล่าสักหน่อย”

ไม่ได้โวยวายหรอก ว่าด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ทำให้คชาละสายตามาจ้องผมแล้วถามอีก

“แล้วมึงเป็นอะไร วันนี้ดูเงียบแปลกๆ”
มันสังเกตเห็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย
“คือ...” เห็นมันถาม ผมก็เกือบจะบอกมันออกไปอยู่แล้วว่าพี่ชิณณ์พูดกับผมว่าอะไร ทว่าพอเห็นมันจ้องเขม็งอย่างรอคำตอบ ผมก็เปลี่ยนใจไม่พูดขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ไม่มีอะไรหรอก เราแค่เจอปัญหานิดหน่อย”
“ปัญหา? ปัญหาอะไรวะ” คชาไม่ยอมละความอยากรู้อยากเห็นได้เลย

ผมมองหน้ามันแล้วก็ตอบแบบอ้อมแอ้ม
“เราสับสนอะไรนิดหน่อยน่ะ”
“สับสนอะไร”

ผมไม่ตอบคำถามนี้ ทำเอาคชาขมวดคิ้วเข้าหากัน ครู่หนึ่งถึงได้ทำหน้าตาเหมือนคิดขึ้นมาได้ ดีดนิ้วแล้วหัวเราะ
“สับสนทางเพศล่ะสินะ ช่วยไม่ได้ที่ฮิคารุซามะของกูจะเซ็กซี่โดนใจมึง น่ารักขนาดนี้ มึงต้องมีอารมณ์อยู่แล้ว มึงจะว้าวก็ได้นะ กูไม่ว่า”

ว้าวอะไรล่ะไอ้คชา! กูไม่ได้มีรสนิยมเหมือนมึงนะเว้ย!

“แต่ถ้ามึงรู้สึกแปลกๆ กูจะสอนก็ได้ มันก็เหมือนกับหนังโป๊ชายหญิงนั่นแหละ มาๆ ถอดกางเกง”

มึงมันคิดเองเออเอง! กูบอกแล้วไงว่าไม่ได้มีจิตคิดพิสวาสอะไรฮิคารุซามะของมึงเนี่ย!

ไม่ทันไร มันก็ถลาเข้ามาแล้ว มือจับขอบกางเกงผมเรียบร้อย ทำเอาผมต้องดึงขอบตัวเองกางเกงขึ้นมาจนเกือบถึงอก แทบจะเป็นชุดจั๊มพ์สูทเกาะอกของผู้หญิงอยู่แล้ว ก่อนจะโวยวายลั่น

“เราไม่ได้จะว้าวเว้ย คนที่ดูหนังแบบนี้แล้วมีอารมณ์ มีแค่นายคนเดียวเท่านั้นแหละ!”
คราวนี้คชาปล่อยมือออกจากผมทันควัน
“กูไม่ได้เสพเพื่อให้มีอารมณ์ กูเสพเพื่อศิลปะ ชื่นชมความงามของท่านฮิคารุ มึงไม่เข้าใจกูหรอก”

เออ! ไม่เข้าใจหรอก แล้วกูก็ไม่เห็นด้วยว่าหนังแนว SM ที่มึงดูอยู่นี่มันเป็นศิลปะตรงไหนเลย!

อะไรไม่ว่า พอผมทำหน้าเอือมระอาใส่มัน คชาก็ดันแอ่นเป้ามาใกล้ผม
“ไม่เชื่อมึงก็ดู ยังไม่กลายร่างเป็นก็อตซิลล่า”

ไม่ต้องมาอวด กูไม่ดู!

ไม่ดูแต่ตาเหลือบมองไปโดยอัตโนมัติเป็นที่เรียบร้อย
บ้าบอที่สุด ทำไมจุดรวมสายตาต้องเป็นที่แมมมอธของมันด้วยวะ!

ผมแทบจะทุบเป้ามันให้หายหมั่นไส้ แต่ดูแล้วมันน่าจะแกล้งผมมากกว่าเพราะพอผมส่งสายตารังเกียจให้ มันก็หัวเราะร่วน พลางหันไปมองหน้าจอโน้ตบุ๊กที่มีหนังโป๊เล่นอยู่เหมือนเดิม
“แล้วตกลงมึงเป็นอะไร มีอะไรให้เครียดหรือไงถึงได้ทำหน้าเหมือนท้องผูก”
“ก็ไม่มีอะไรสำคัญนักหรอก”
เห็นคชาเริ่มจริงจัง ผมก็ไม่อยากบอกมากขึ้นไปอีก ทว่าคชาก็ยังจะอยากรู้ให้ได้
“ถ้าไม่มีอะไร มึงคงไม่เป็นแบบนี้หรอกไอ้เอ๋อ กูสังเกตเห็นตั้งแต่เจอละ แต่ไม่อยากทัก”

วินาทีนี้ผมถึงได้รู้ว่าคชาสังเกตเห็นความผิดปกติของผมตั้งนานแล้ว ผมเลยตัดสินใจพูดออกไป แต่ไม่พูดไปตามตรงหรอกนะ หยั่งเชิงไปก่อน
“นายชอบพี่ชิณณ์จริงหรือเปล่า”
“จริง” ตอบโดยไม่หันมามองหน้าผม ตายังจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กเหมือนเดิม
“แล้วชอบมากไหม จริงจังหรือเปล่า แบบว่าอยากได้เป็นแฟนอะไรงี้”

ผมถามอีก คราวนี้คชาหันมามองหน้าทันควัน
“ถามทำไมวะ”
 “ก็อยากรู้”
“หรือว่า...มึงจะชอบพี่ชิณณ์?”
“ไม่ใช่...”

ผมเลิ่กลั่กทันตา หลบสายตาของมันที่มองมาอย่างจับผิด แต่คชาไม่เชื่อผมเลยแม้แต่น้อย หรี่ตาลงแล้วว่าออกมาอีก
“มึงอยากจะเอาตูดดูดกันกับพี่ชิณณ์หรือไงวะ”

ตูดดูดกันป้ามึงสิ กูคิดภาพตามเลยเนี่ย!

คิดแล้วอุบาทว์ฉิบเป๋ง รู้เลยว่าคชามันมองผมเป็นฝ่ายรับเป็นที่เรียบร้อย แต่ประเด็นคือ... กูไม่ได้เป็นทั้งรับ เป็นทั้งเกย์ แล้วก็ไม่ได้ชอบพี่ชิณณ์เว้ย พี่ชิณณ์มาชอบกูต่างหาก!

แต่ก็นะ ผมไม่ทันจะได้บอกอะไรมันหรอก คชาก็เบนสายตากลับไปจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กเหมือนเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ถ้ามึงจะชอบพี่ชิณณ์มันก็เป็นสิทธิ์ของมึงแหละนะ เพราะยังไงกูก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขา ไว้ค่อยมาวัดกันอีกทีตอนจีบว่าใครจะจีบติด ถ้ามึงจีบติด กูจะยอมถอย แต่ถ้ากูจีบติด มึงต้องถอย ก็แค่นั้น”

ฟังดูเหมือนจะแฟร์ๆ ดี แต่ไม่ใช่ ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชิณณ์เลยแม้แต่น้อยนอกจากเป็นรุ่นพี่ที่ดีคนหนึ่งแม้ว่าบางครั้งผมจะเผลอคิดไปบ้างว่าเขาน่ารักดีบ้างก็ตาม ทว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับที่ตอนนี้ผมได้รับคำตอบจากคชาแล้ว

คชาชอบพี่ชิณณ์จริงๆ...

ถ้าคิดว่าจะจีบเป็นแฟนถึงขนาดนั้น ยังไงมันก็ต้องชอบจริงจังอยู่แล้ว

ผมเลยไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่ชิณณ์ในวันนี้ออกไป แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมก็บีบตัวแน่นขึ้นมา ยิ่งมองหน้าคชาที่จับจ้องนักแสดงหนังโป๊ที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายพี่ชิณณ์อย่างชื่นชมแล้ว ผมก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออก นอกจากจะนั่งเงียบแล้วพึมพำออกมาเสียงเบา
“เราไม่ได้ชอบพี่...”

พูดยังไม่ทันจะจบเลย ฉับพลันคชาก็หันมาหาผม
“เมื่อกี้กูจินตนาการหน้าฮิคารุซามะเป็นหน้ามึงเฉยเลยว่ะ มีอารมณ์แล้วด้วย”

จากนั้นมันก็หันเป้ากางเกงมาทางผม ผมเหลือบมอง เห็นอะไรบางอย่างนูนขึ้นมาก็อ้าปากค้างทันใดขณะที่คชายังคงพูดต่อ
“มาลองทำกันอย่างวันที่เมาอีกสักทีดีมะ”

ได้ยินแล้ว ผมนี่ขนหัวลุกลากยาวไปถึงกระดูกสันหลังเลย

มึงจะมาชวนกูทำเรื่องอย่างว่าซึ่งๆ หน้าอย่างนี้ไม่ได้! กูเป็นรูมเมทมึงนะ!

รีบกระเด้งลุกจากเตียงทันที ขณะที่คชาหัวเราะร่วนเป็นการใหญ่พร้อมกับล้อเลียน
“พูดเล่นแค่นี้ก็ต้องหน้าแดง แดงไปถึงหูแล้วไอ้เอ๋อ มันรอยกางเกงเว้ย ไม่ใช่ของกู”

ละ...ล้อเล่น

มันใช่เรื่องที่จะต้องมาล้อเล่นหรือไง!

“ไม่ตลกเลยเว้ย!” ผมโวยเข้าให้ ไม่สนใจแล้วว่ารอยนูนนั้นจะเป็นของคชาหรือกางเกง รีบก้าวฉับๆ เข้าไปหลบในห้องน้ำโดยมีเสียงหัวเราะของคชาดังไล่หลังมา ก่อนที่จะยกมือลูบใบหน้าร้อนผ่าวเพราะคำพูดของคชาเมื่อครู่เป็นพัลวัน

เวรเอ๊ย... มันชักจะทำให้ผมสับสนไปกันใหญ่แล้ว!
------------------------------------
พี่ชิณณ์รุกมากกก ทำคะแนนนำไปก่อนรัวๆ ตกลงเรื่องนี้พี่ชิณณ์เป็นพระเอกใช่มั้ย ส่วนคชาเป็นตัวประกอบไรงี้ 555 แล้วอะไรคือคชานั่งดูหนัง GV กับนุ้งวิน โอ๊ยยย ลูกสาวแม่ใจแตกหมดแล้วมั้ง XD พรุ่งนี้จะมาต่อให้ค่ะ กลายเป็นว่าช่วงมืดๆ ดึกๆ เป็นช่วงอัปนิยายประจำไปซะแล้ว ฮา ฝากฟีดแบ็กเอาไว้ด้วยนะ

ออฟไลน์ Fasai25448

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คชาไม่ใช่พระเอกคชาเป็นคนบ๊าาาาาา

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
คชา ชวนมาวินทำอะร้าย
 :z3: :z3:

ออฟไลน์ yotisssa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาวินหนูไม่ตอบตกลงไปหละลูก  :hao6:

ออฟไลน์ Himbeere20

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดูเหมือนมาวินจะเริ่มหวั่นไหวกับ(ความบ้า)คชานะ

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
คช๊าาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!~~~~

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Ujeen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
นุ้งมาวินหวั่นไหวรุนแรงแล้วววววววว และคาดว่าจะหวั่นไหวมากขึ้นไปอีก
คชาก็เริ่มเอนเอียงมาทางมาวินแล้ว โฮะๆๆๆๆๆๆ เป็นลางดีๆ
แต่ก็สงสารพี่ชิณณ์เหมือนกัน :hao5: งั้นคนเขียนช่วยหาใครมาดามใจพี่ชิณณ์หน่อยก็ไม่เลวนะคะ :hao7:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
คชาแค่คิดว่าตัวเองชอบพี่ชิณณ์เท่านั้นแหล่ะ ความจริงชอบมาวินนนนน  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ somakimi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :katai5: :katai5: :katai5: สรุป คชา นายจะแมนจะเกย์หรือตุ๊ด กรี๊ดดดดาะแต๋วแตก สักอย่างสิคชา

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สบตา ครั้งที่ 13: กอง (กระ) สันทนาการ

ผมว่าผมมีความรู้สึกแปลกๆ กับคชามากเกินไปเลยพยายามจะรักษาระยะห่างพร้อมกับบอกตัวเองว่าทุกอย่างที่คชาทำล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องปกติของมันทั้งสิ้น ถ้าไม่ปกติก็คือบ้า คิดได้อย่างนั้นแล้วผมก็พอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง แล้วมันก็ช่วยทำให้ผมอยู่กับคชาโดยไม่ต้องวางตัวลำบากอย่างที่เป็นเมื่อวันก่อนด้วย

ส่วนเรื่องพี่ชิณณ์ สรุปแล้วผมก็ยังไม่ได้บอกคชาเช่นกันว่าเขาชอบผม กับพี่ชิณณ์เอง ผมก็เลี่ยงที่จะเจอหน้าเขาอยู่เหมือนกัน พอเขาโทรมา ผมก็ไม่รับสาย ส่งข้อความมา ผมก็เลือกตอบเฉพาะที่เขาถามเรื่องงานเท่านั้น ไม่อย่างนั้นพี่ชิณณ์จะต้องหาเรื่องชวนคุยกับผมหรือไม่ก็ชวนออกไปข้างนอกอยู่เสมอ สำหรับเรื่องทำเปเปอร์ ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาของการเรียบเรียงข้อมูลซึ่งผมกับพี่ชิณณ์ได้ตกลงแบ่งงานกันเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีข้ออ้างใดๆ เลยที่จะดึงตัวผมไปพบเขาได้

มันก็ดีนั่นแหละเพราะผมตั้งใจว่าจะไม่เจอหน้าเขาสักพักจนกว่าความสับสนวุ่นวายในหัวผมจะมลายหายไป บอกตามตรง กับพี่ชิณณ์นี่วางตัวลำบากกว่ากับคชาเสียอีก เรื่องเขาชอบผมอะไรนั่น ผมก็ไม่ได้รังเกียจนะ ออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขามีความรู้สึกดีๆ ให้ ทว่าอึดอัดฉิบเป๋งเลยด้วยรู้แก่ใจว่าคชาคิดอะไรกับพี่ชิณณ์ ดูๆ ไปแล้วสถานการณ์ที่ผมเผชิญอยู่มันเป็นวงจรอุบาทว์ชัดๆ

แต่ผมก็แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งชีวิตผมเริ่มกลับสู่ปกติสุขอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปได้สักอาทิตย์หนึ่ง

ปกติสุขแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นเมื่อจู่ๆ คชาก็โทรหาผมทันทีที่เลิกเรียนแล้วบอกให้รีบกลับหอด้วยเหตุผลว่ามีธุระจะคุยด้วย เสียงของมันฟังดูเคร่งเครียด ผมก็นึกว่าจะมีเรื่องคอขาดบาดตายอะไร ถามมันตอนโทรศัพท์แล้ว มันก็ไม่ยอมบอก ผมเลยต้องรีบแจ้นกลับมาปานติดจรวด ก่อนจะร้องถามมันออกไปทันทีที่เจอมันนั่งเสนอหน้าอยู่ในห้อง

“คะ...คชา มีอะไรเหรอถึงให้เรารีบกลับมา”
ถามทั้งที่ยังหอบแฮ่ก ผมรีบวิ่งขึ้นมาเพื่อมันเลยเถอะ คชามองหน้าผมด้วยสีหน้าตึงเครียด ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน
“กูต้องการความช่วยเหลือจากมึงว่ะ”
“อะไรเหรอ” ตอนนี้พอจะหายใจเป็นปกติได้แล้ว ถามพร้อมวางกระเป๋าเอกสารลงบนโต๊ะใกล้ๆ สายตามองไปยังใบหน้ามันขณะที่มันเองก็จ้องผมนิ่ง

“กูอยากจะให้มึงไปค่ายของกองสันฯ อาทิตย์หน้ากับกู”
ฟังแล้วผมก็นิ่งงันไป
“แค่นี้เหรอ”
“อืม”
“ธุระที่จะคุยกับเรามีแค่นี้ใช่ไหม” ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
คชาก็ตอบคำเดิม “อือ แค่นี้แหละ”

นี่มึงให้กูรีบแจ้นกลับมาเพื่อที่จะพูดเรื่องนี้น่ะนะ! มึงบอกทางโทรศัพท์ก็ได้เว้ย!

“บอกเราตั้งแต่แรกก็ได้ เราจะได้ไม่ต้องรีบกลับมา ก็นึกว่าเรื่องใหญ่โตอะไร” ผมออกอาการหัวเสียใส่มันทันที
ทว่าพอผมแสดงท่าทางอย่างนั้นออกไป คชาก็โวยวายขึ้น
“เรื่องใหญ่สิมึง ไอ้ค่ายนี้อะถ้าไปกันกลุ่มละห้าคน มันจะได้ส่วนลดรีสอร์ทนะ”
“กลุ่มนายก็มีห้าคนไม่ใช่เหรอ พวกเพื่อนทูตกิจกรรมของนายอะ” ผมว่า ถ้าจำไม่ผิด เพื่อนที่สนิทๆ กับคชามีสี่คน รวมคชาเข้าไปด้วยก็เป็นห้า

คชาพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง พลันว่า “ไอ้โบทมันไปไม่ได้ คณะมันมีเรียนเสาร์ แถมมีควิซอีกต่างหาก โดดไม่ได้ กูเลยมาชวนมึงนี่ไง”

ผมนึกถึงหน้าคนชื่อโบท กว่าจะนึกออกว่าคนไหนก็เสียเวลาไปครู่หนึ่ง ยอมรับเลยว่าผมจำไม่ได้หรอกว่าเพื่อนของคชาชื่ออะไรบ้าง ถึงผมจะเคยไปกินข้าวหรือเจอหน้าพวกนั้นบ่อยครั้ง แต่ก็ใช่ว่าจะสนิท ทุกครั้งที่ไปคือถูกคชาลากไปด้วยทั้งสิ้น ผมเลยไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่นัก

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมไม่ได้ใส่ใจเลยว่าใครจะทำอะไร แม้แต่ตัวคชาเอง ที่ผมสนใจน่ะคือตัวเองมากกว่า

ถ้าผมตกปากตอบรับคชาไป ก็เท่ากับว่าผมจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่กับใครก็ไม่รู้อีกโขยงใหญ่ มันเกี่ยวโยงทั้งเรื่องผมต้องไปเห็นอะไรต่อมิอะไรกับผู้ชายที่สบตา แล้วก็ต้องไปอยู่ท่ามกลางคนหมู่มากซึ่งผมไม่ถนัดการเข้าสังคมเลยแม้แต่น้อย เรื่องอะไรที่ผมจะต้องไปให้ตัวเองอึดอัดกันล่ะ

“ไม่เอาอะ” เพราะคิดอย่างนั้น ผมเลยปฏิเสธไปทันที
คชาทำหน้าตาไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พลางครวญออกมา
“แค่สี่วันสามคืนเองไอ้เอ๋อ ไปกับกูหน่อย”
“นายก็ไปชวนคนอื่นดิ”
“ถ้ากูมี กูจะมาชวนมึงทำไม” คชาสวนกลับมา

ผมไม่เชื่อหรอกว่าคชาจะไม่มีเพื่อนคนอื่นนอกจากกลุ่มนี้ เป็นทูตกิจกรรม ทำกิจกรรมเจอผู้คนตั้งเยอะ ไม่ว่ายังไงก็ต้องรู้จักคนเยอะอยู่แล้ว แถมยังหล่ออีกต่างหาก ใครๆ ก็คงจะอยากอยู่ใกล้ไม่เว้นแม้แต่พวกผู้ชาย เพราะถ้าอยู่ในกลุ่มของคชาก็เท่ากับว่าได้อยู่ในกลุ่มหนุ่มหล่อของมหาวิทยาลัยเลยนะ

แต่สำหรับผมแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มไหนหรือจะทำให้ฐานะทางสังคมของผมยกระดับขึ้นมาอย่างไร ผมก็ไม่ต้องการจึงออกปากปฏิเสธไปอีก
“แต่เราไม่อยากไปอะ รู้ไม่ใช่เหรอว่าเราเข้ากับคนอื่นไม่เก่ง”

คชาเป็นคนแรกเลยที่ผมกล้าปฏิเสธโดยไม่เกรงใจขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย พูดตั้งหลายต่อหลายครั้ง ทว่าพอผมปฏิเสธปุ๊บ คชาก็ไม่ยอมแพ้
“แต่มันสนุกนะเว้ย รอบนี้ไปทะเลด้วย ได้กินซีฟู้ดด้วยนะมึง ไม่อยากกินเหรอวะ”
“เราแพ้อาหารทะเล” ผมตอบส่งๆ ไป ความจริงไม่ได้แพ้อะไรหรอก แค่ไม่อยากไปอย่างเดียวเท่านั้น
“งั้นก็กินเบียร์ชมทะเล บรรยากาศดีจะตาย”
“เราคออ่อน จำไม่ได้หรือไง”

ปฏิเสธทุกทางที่คชาพยายามหลอกล่อ

นี่มันนึกว่าเอาของกินมาล่อผมแล้วผมจะยอมตกลงปลงใจกับมันหรือไงนะ

และพอผมปฏิเสธไปอย่างนั้น คชาก็ออกอาการกระฟัดกระเฟียดเล็กน้อย... ไม่เล็กน้อยเถอะ เยอะเลยล่ะ เพราะมันลุกขึ้นมา เริ่มกระทืบเท้าปึงปัง ทำท่าเลียนแบบเด็กสามขวบที่ถูกขัดใจเป็นที่เรียบร้อย

“แต่กูอยากให้มึงไปอะ อยากให้มึงไป อยากให้มึงไป...”

พูดประโยคนั้นซ้ำๆ กันไม่หยุด หันไปเห็นแล้วผมก็รำคาญขึ้นมาตงิดๆ ตอนแรกกรำคาญที่มันตอแย แต่ตอนนี้รำคาญทั้งสายตา ทั้งท่าทางมันเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว

แม่ง เสียดายความหล่อของมันฉิบเป๋ง ถ้าจะปัญญาอ่อนขนาดนี้ มึงไม่ต้องหน้าตาดีก็ได้นะ

“ไม่ไป” ผมสวนกลับไปอีกที คราวนี้เดินหนีด้วย กะจะไปหลบในห้องน้ำจนกว่ามันจะเลิกตื๊อผม
คชารีบก้าวมาดักหน้า ดีดดิ้นสะบัดสะบิ้งจนน่าหมั่นไส้
“จะให้มึงไปอะ จะให้มึงไป”

ผมชะงัก ย่นคิ้วใส่ก่อนปฏิเสธไปอีกที
“ไม่เอา”
คราวนี้คชาขัดใจหนัก มันทิ้งตัวลงไปนอน ดีดดิ้นบนพื้นพราดๆ
“กูจะให้มึงไป ไอ้เอ๋อ...ไปกับกู! ไปเดี๋ยวนี้! ไปๆๆ!”

ทุรนทุรายคล้ายถูกน้ำร้อนสาด มือไม้ป่ายปัด เห็นแล้วก็อยากจะกระทืบให้ไส้ไหล

ตอนเด็กๆ แม่ไม่เคยให้กินน้ำมันปลาเหรอไอ้คชา สมองมีปัญหา ขาดโอเมก้าสามหรือไงวะ อะไรจะโหยหาความรักความเมตตาขนาดนี้!

ดีดดิ้นจนน่าเหยียบให้ม้ามแตกสักที ผมเห็นแล้วก็สมเพชมันขึ้นมา ย้ำว่าสมเพชล้วนๆ ไม่มีคำว่าสงสารใดๆ ทั้งสิ้นถึงได้ตอบรับมันออกไปราวกับว่าอับจนหนทางแล้ว

“เออๆ ไปก็ได้ หยุดทำแบบนี้สักที”
เท่านั้นคชาก็ลุกขึ้นพรวด จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วก็เก๊กทำหงุดหงิดทันควัน
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ต้องให้กูเล่นใหญ่รัชดาลัย”

มึงทำเองล้วนๆ กูไม่ได้ไปขออะไรมึงเลย ว่างๆ ก็ไปตรวจสมองบ้างนะไอ้คชา!

ผมนี่ขมุบปากมุบมิบด่ามันเลย ก่อนจะต้องรีบบอกมันไปด้วยนึกขึ้นได้ว่ามันจะต้องเสียเงินค่าเข้าค่ายด้วย
“ค่าค่ายเท่าไหร่อะ เราจะได้เก็บเงินแยกเอาไว้”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูออกให้”

ผมเลิกคิ้วสูง คชาเลยอธิบายออกมา
“กูเป็นคนชวนก็ต้องออกให้มึงสิวะ”

ผมพยักหน้ารับ ไม่ได้ให้ความเห็นอะไร นอกจากมองคชายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวคล้ายกับว่ามีความสุขมากที่จะได้ไปค่ายนั่น พอมันรู้สึกตัวว่าถูกผมมองอยู่ มันก็รีบปั้นหน้าขรึม หันมาพูดใส่ผม

“เอ้ามองๆ หล่อโดนใจมึงล่ะสิ”
ผมงี้รีบเบนสายตาหนีแทบไม่ทัน

ทำไมมึงหลงตัวเองได้ขนาดนี้วะ!

แต่ก็รู้แหละว่าคชาล้อเล่น เพราะพอผมเบนสายตาหนี มันก็หัวเราะพลันลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าตาเฉย ปล่อยให้ผมลอบมองมันที่กำลังถอดเสื้อ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นลอนๆ ตามลำพัง พร้อมกับก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายที่เต้นขึ้นมา

เต้นหนักขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่ามันถอดกางเกงนักศึกษาออก เหลือแต่บ็อกเซอร์ แล้วก็เป็นผมที่ต้องหันหนีด้วยไม่สามารถควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองได้

มาแล้ว... ไอ้ความรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ กลับมาอีกแล้ว




 
ผมพยายามจะคิดว่าความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นเป็นบางครั้งเวลาที่มองคชาเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ผมหมายถึงผมสับสนในตัวเองอะไรอย่างนั้นเลยมีอาการนี้ด้วยมันเป็นๆ หายๆ โชคดีที่ไม่ได้เป็นตลอด ไม่อย่างนั้นผมคงจะใช้ชีวิตยากลำบากกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน แค่ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตลำบากกว่าเดิมหลายขุมแล้ว

ตอนที่ถูกคชาลากมาเตรียมสถานที่ให้กับพวกรุ่นน้องปีหนึ่งที่มาเข้าค่ายกับพวกกลุ่มสวัสดิการของชุมนุม ในตอนนี้เองผมถึงได้รับรู้ว่าคชาก็เป็นสมาชิกของชุมนุมกองสันทนาการของมหาวิทยาลัยด้วย เพียงแต่มันไม่ได้เข้าชุมนุมบ่อยนักด้วยมีกิจกรรมอื่นในฐานะทูตมหาวิทยาลัยให้รับผิดชอบ ส่วนที่มันมาค่ายในครั้งนี้ก็มีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้น...

...มากิน

ลงจากรถได้ก็พุ่งทะยานไปหาของกินพร้อมกับเพื่อนแก๊งเดียวกับมันโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นเพราะรีสอร์ทอะไรนั่นก็ทำการจองผ่านเว็บไซต์ไว้หมดเรียบร้อยแล้ว ผมก็ไม่อยากจะไปด้วยหรอก ทว่าสุดท้ายก็ถูกลากไปด้วยจนได้ แล้วคิดดูสิ สภาพวันศุกร์ช่วงเย็นคนมันจะเยอะแค่ไหนเชียว

คนอื่นยังพอว่า คนในก๊วนไอ้คชาก็คุ้นชิน แต่พวกรุ่นเดียวกันกับรุ่นพี่คนอื่นๆ ที่มาเตรียมงานมาร่วมวงด้วยนี่ ผมไม่รู้ว่าจะหันไปทางไหนดีเลย ได้แต่ก้มหน้างุด ไม่ยอมเหลือบมองขึ้นสูงแม้แต่น้อย ก็จะให้มองขึ้นสูงได้ยังไงล่ะ ผมเป็นคนนอกชุมนุมใช่ไหม ทีนี้พอโผล่เข้ามา ใครต่อใครก็พากันมองผมอย่างสงสัยว่าผมเป็นใคร เท่านั้นแหละ...ว้าบ! ตาสบตา เสื้อผ้าหาย ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมได้กินอาหารทะเลท่ามกลางฝูงหอยงวงช้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จิ้มไม่ถูกเลยอันไหนของจริง อันไหนของปลอม เอาเข้าปากผิดอัน มีหวังได้กินสาหร่ายทะเลรสชาติโอชาเป็นเครื่องเคียงแน่นอน
แต่ลืมไปว่าประเทศไทยมีหอยงวงช้างไม่เยอะ คงไม่มาหลงเข้าปากผมอย่างแน่นอน ผมเลยพอจะตั้งสติขึ้นมาได้บ้าง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาจิ้มปลาหมึกย่างเข้าปากครั้งแล้วครั้งเล่า คชาก็รับหน้าที่แนะนำตัวผมไปว่าผมเป็นใครในขณะที่ผมก็เอาแต่ปิดปากเงียบสนิท อะไรไม่ว่า ตอนนี้จากการกินอาหารทะเลธรรมดาๆ เริ่มมีเครื่องดื่มมึนเมาเข้ามาแล้ว

ความจริงมันก็แค่เบียร์เท่านั้นแหละ แต่มันก็เป็นการไม่สมควรทีเดียวที่นักศึกษาจะมากินเหล้ายาปลาปิ้งอะไรระหว่างทำกิจกรรมนอกสถานที่อย่างนี้ ทว่าด้วยความที่วันนี้ยังไม่ได้เป็นวันทำกิจกรรมจริง เป็นแค่วันมาดูสถานที่ พวกรุ่นพี่ปีสูงๆ จึงอนุญาตให้ดื่มได้อย่างไร้ปัญหาโดยมีข้อแม้ว่าห้ามใครเมาเหมือนหมาเด็ดขาด เอาแค่กินกับอาหารทะเลพอให้อร่อยกับกรึ่มๆ พูดคุยสนุกก็เท่านั้น

ทุกคนตกปากรับคำกันอย่างดี เวลาผ่านไปจากช่วงบ่ายสู่ช่วงเย็น จากช่วงเย็นสู่ช่วงหัวค่ำ ผมก็ยังไม่เห็นจะมีใครเมาสักคน พอใครทำท่าจะดื่มเยอะก็ถูกเบรกไว้ด้วยการทำกิจกรรม กิจกรรมที่ว่าก็คือกิจกรรมของกองสันฯ

กองสันทนาการ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าสร้างความครื้นเครงสนุกสนาน พอมีคนเสนอให้ทำกิจกรรม กลอง ฉิ่ง ฉาบก็ถูกขนมาใช้อย่างพร้อมเพรียง แน่นอนว่าการทำกิจกรรมก็มีเงื่อนไขอีกเช่นกันคือกลับมาทำกิจกรรมภายในบริเวณของรีสอร์ท เสียงจะได้ไม่ดังรบกวนนักท่องเที่ยวอื่นและกิจกรรมจะต้องสิ้นสุดไม่เกินสองทุ่มด้วยเกรงว่าจะรบกวนแขกที่มาพักในรีสอร์ทห้องอื่นๆ เข้า

เช่นเคยว่าทุกคนไม่ทีปัญหา จะมีปัญหาก็แต่ผมนี่แหละที่อึดอัดกับสถานการณ์ที่พบเจอ ยิ่งพอเสียงกลองดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องสารพัดเพลงนันทนาการ ทุกคนก็ลุกขี้นเต้นเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่เว้นแม้แต่คชาที่สลัดคราบหนุ่มหล่อเต้นกระดุ๊กกระดิ๊กชุดใหญ่ไฟกะพริบแบบลืมตาย ผมเห็นแล้วก็ต้องเบ้หน้าทันควัน

มึงเมากาวเหรอไอ้คชา!

สภาพเหมือนเมากาวจริงๆ ผมไม่เคยเห็นมันทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย จะว่าขำก็ใช่ จะว่าแปลกก็ไม่เชิง ที่รู้ๆ คือมันดูเมาเรื้อนมาก แต่ไม่เมา แค่ยากันอาการบ้าออกหมดฤทธิ์

ผมก็ทำเป็นว่ามันไปงั้นแหละ แต่ถามว่าผมสนุกไหม มันก็สนุกอยู่นะกับการได้อยู่ในบรรยากาศครื้นเครงแบบนี้ เรียนมหาวิทยาลัยมาสองปี เพิ่งจะมีครั้งนี้ครั้งแรกที่ได้ทำกิจกรรมและออกค่ายเหมือนกับคนอื่นๆ เขา

เวลาผ่านไป การเต้นแบบไม่ลืมหูลืมตาก็ทวีเพิ่มมากขึ้น เพลงเนื้อร้องแปลกๆ ท่าทางการเต้นพิเรนทร์ๆ ก็เริ่มมีมาให้เห็นเรื่อยๆ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองนั่งอยู่กลางดงคนไข้จิตเวชขาดยาโดยมีคชานำทีมก็ไม่ปาน ตอนแรกที่เห็นว่ามันหล่อๆ ตอนนี้มันเป็นผีบ้าคูณสองไปเลยเถอะ

สงสัยแม่งจะเรียนหนักไป หรือไม่แม่มันก็ทำหล่นพื้นตอนมันยังแบเบาะ

ตั้งข้อสันนิษฐานไว้พร้อมกับความรู้สึกว่าตัวเองอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ไหวละ รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน ไม่เข้าพวกไม่พอ ยังจะรู้สึกเหมือนประสาทจะกินอีกต่างหาก อะไรไม่ว่า การได้เห็นหอยงวงช้างสะบัดสะโบกฟาดหน้าฟาดหลังกันไปมาเป็นสิ่งที่ผมไม่พึงปรารถนาแม้แต่นิดเดียว

เห็นนานกว่านี้อีกนิดตาต้องบอดแน่นอน ไม่เจริญหูเจริญตาเลยสักนิด รีบไปก่อนที่จะเก็บเอาไปฝันร้ายจะดีกว่า

ค่อยๆ ลุก ตั้งใจว่าจะปลีกตัวออกมา หากแต่รุ่นพี่ปีสี่ซึ่งเป็นประธานชุมนุมดันตาไวเห็นเสียก่อนเลยร้องทักเสียงดัง

"เฮ้ย จะไปไหนครับน้อง"

ผมชะงักกึกทันที หันไปก็เห็นทุกคนหยุดเต้น มองมาทางผมเป็นตาเดียว เท่านั้นแหละอาการอึกอักก็ครอบงำผมทันควัน

"คะ...คือว่าผมว่าจะไปพักผ่อนที่ห้อง"

ผมว่าไปตามจริง ทำให้รุ่นพี่คนนั้นถามกลับมา

"จะไปที่ห้องน่ะ ขออนุญาตแล้วเหรอ จะไปไหนมาไหนก็ขออนุญาตรุ่นพี่ก่อนสิครับ ไม่ใช่จู่ๆ ก็ลุกไป ไม่เห็นเหรอว่าเพื่อนๆ พี่ๆ ทำอะไรกันอยู่ หายไปไม่บอกกล่าว เดี๋ยวคนอื่นก็เดือดร้อนหรอก”

ผมนิ่งค้างไปเลยด้วยไม่รู้ธรรมเนียมของชุมนุมนี้ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าจะไปไหนมาไหนต้องรายงานตัวเพื่อความปลอดภัยของสมาชิกในชุมนุมทุกคน จึงได้แต่ขอโทษขอโพยออกไป

“ขอโทษครับ ผมไม่ทันได้คิด”

“ไม่ทันได้คิดไม่ใช่ข้ออ้างครับน้อง ทำแบบนี้มันต้องมีบทลงโทษ”

รุ่นพี่คนนั้นทำให้ผมอึดอัดมากขึ้นกว่าเดิมเป็นทวีคูณ ผมรีบส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากคชาทันที คชาเองก็คงจะรับรู้สัญญาณจากผมได้เลยรีบโพล่งออกมา

“พี่อย่าอะไรกับมันเลย เพื่อนผมมันไม่ได้อยู่ชุมนุมเราเลยไม่รู้น่ะ”

“ถึงจะไม่ได้อยู่ชุมนุมเราแต่กฎระเบียบข้อบังคับก็มีบอกก่อนมาไม่ใช่หรือไง ใช้เป็นข้ออ้างไม่ได้โว้ยไอ้คชา จับเพื่อนมึงมารับบทลงโทษซะโดยดี”

สิ้นเสียงก็มีเสียงเฮโลดังว่า ‘ลงโทษๆ’ จากคนอื่นๆ มาให้ได้ยิน ผมกลืนน้ำลายเอื้อก ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี หัวคิดไปไกลแล้วว่าพวกรุ่นพี่พวกนี้คงจะรับน้องผมด้วยอะไรโหดๆ

ทว่าผมคิดผิด... คิดผิดไปมหันต์เลยทีเดียวเมื่อพี่คนนั้นร้องถามคนอื่นๆ เสียงดัง

“ให้เต้นเพลงอะไรเป็นการลงโทษดี”

สารพัดชื่อเพลงที่ผมเคยได้ยินบ้าง ไม่เคยได้ยินบ้างหลุดออกจากปากใครต่อใครมั่วไปหมด ก่อนที่มันจะมาลงเอยที่เพลง...

“เพลงหนูแดงเลยพี่ หาคู่ๆ”

จากนั้นก็มีเสียงกลอง ฉิ่ง ฉาบ พร้อมกับทุกคนร้องเป็นจังหวะว่า ‘หาคู่ๆ’ ดังทั่วไปหมด ผมเลิ่กลั่กทันควันด้วยไม่รู้ว่าเพลงนี้มันมีท่าเต้นแบบไหน แต่ถ้าบอกว่าหาคู่ แสดงว่ามันจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน

แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดเมื่อพี่คนนั้นเรียกใครบางคนออกมา

“มึงไปเต้นคู่น้องทีซิ แต่น้องไม่ได้อยู่ในชุมนุมนี่หว่า เอ้าเชิญพี่สาธิตมาทำให้ดูหน่อย”

รุ่นพี่รูปร่างสูงใหญ่เหมือนหมีหลุดออกมาจากสวนสัตว์ที่รับอาสามาเป็นคู่เต้นให้ผมลากเพื่อนอีกคนมาสาธิตให้ดู เสียงเพลงดังขึ้น พี่คนหนึ่งนอนราบ อีกคนขึ้นคร่อม แล้วท่าเต้นก็มีแต่ท่าขยับสะโพกเข้าหากันแบบสองแง่สองง่าม

ตอนแรกที่ยังไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอรู้ว่าท่าเต้นมันเป็นยังไงแค่นั้นแหละ มือก็เย็นวาบ เหงื่อกาฬไหลพรากเป็นน้ำตกไนแองการาเลยทีเดียว

ท่าทางแบบนั้นมันเรียกว่าท่าเต้นหรือไงวะ แล้วนี่กูจะต้องมาทำท่าเหมือนผสมพันธุ์กับหมีควายงั้นเหรอ!?

อยากจะมุดทรายหายกลับหอไปเดี๋ยวนี้เลย ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด ผมควรที่จะปฏิเสธการกระทำบ้าๆ บอๆ อย่างนี้เสียก่อน

“ผมขอไม่ทำได้ไหมครับ”

“ถ้าลีลาจะให้ทำสองรอบนะ ก่อนขึ้นรถก็บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่ามาค่ายนี้มันต้องเต้นด้วยความสมัครใจ ถ้าใครไม่เต้นก็ไม่ต้องขึ้นรถ”

กูก็ไม่อยากขึ้นรถมาหรอกแต่โดนไอ้คชามันลากมา แล้วอีกอย่างนะ กฎพวกมึงมันเป็นกฎมัดมือชกชัดๆ!

พูดมาอย่างนี้ก็สร้างความลำบากใจให้ผมไม่น้อย แล้วดูท่ามันจะไม่จบง่ายๆ เสียด้วยเมื่อคนอื่นๆ ร้องเพลงเข้าจังหวะปลุกใจสร้างความฮึกเหิมให้ผมขึ้นมาอีกแล้ว

ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด

เอาวะ! ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็ทำให้มันจบๆ ไปก็แล้วกัน

อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนนิสัยเสีย ไม่ค่อยกล้าปฏิเสธใคร ถูกเร่งถูกเชียร์มาก็เดินไปล้มตัวลงนอนราบบนพื้น ก่อนที่พี่ตัวหมีคนนั้นจะเดินเข้ามาหา พร้อมจะขึ้นคร่อมผมเต็มที่ ผมงี้เกร็งไปทั้งตัวเลย ทว่าก็ต้องได้สติอีกครั้งเมื่อเสียงคุ้นหูของใครบางคนดังแทรกเข้ามา

“เดี๋ยวผมคู่กับไอ้เอ๋อเองดีกว่าครับ”

คชา...

เสียงนั้นเรียกให้ทุกคนมองไปยังเจ้าของอย่างสงสัย

“ทำไมวะ” พี่หัวหน้าชุมนุมถาม

“มันเป็นรูมเมทผม เดี๋ยวผมจัดการมันเอง” แล้วคชาก็ถลกแขนเสื้อคล้ายกับว่าจะจัดการผมให้อยู่หมัดอะไรเทือกนั้น

ก็ไม่มีใครค้านอะไรมันแต่อย่างใด ออกจะเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดได้เสียด้วยเพราะว่ามันหล่อ เหตุผลนั้นผมไม่ได้สนใจหรอก สนใจแค่ตอนมันทิ้งตัวลงมาคร่อมผมเอาไว้ ซ้ำยังยื่นหน้ามาใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน ทำให้ผมต้องกระซิบบอก

“ถอยไปหน่อย หน้านายจะชนหน้าเราอยู่แล้ว”

“ก็ยังดีกว่าโดนไอ้บ้าหมีควายนั่นเอาหน้าชนก็แล้วกัน”

ไม่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังยอกย้อนกลับ มันก็จริงอยู่หรอกที่การถูกหน้าหล่อๆ ของคชาชนมันดีกว่าเป็นไหนๆ แต่ไม่ดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อเสียงร้องเพลงดังขึ้น พร้อมกับคชาที่เริ่มเต้นด้วยการขยับสะโพก

“หนูแดง หนูแดง หนูแดง แทงก็แทงไม่เข้า แทงจนเมื่อยหัวเข่า ก็ไม่เข้าสักที วาสลีนสิพี่ ทาตรงโน้นตรงนี้ ทีสองทีก็เข้า เอ้า! แทงๆๆ! เอ้า! แทงๆๆ!”

แทงจริงๆ แทงไม่ยั้ง แทงจนผมงี้เกร็งตัวมือเท้าจิกพื้นหมด

มึงนี่ก็จะอินไปไหนไอ้คชา ไม่ต้องสมจริงสมจังนักก็ได้!

แล้วแม่งไม่ใช่ร้องแค่รอบเดียวจบด้วยนะ มีวนต่อไปอีกสองรอบ ไอ้คชาก็โหดมาก แทงไม่บันยะบันยัง ผมเอี้ยวเป้าหนีแล้วหนีอีกเพื่อไม่ให้ส่วนกลางของลำตัวเราสัมผัสกัน ทว่าคชาคงจะไม่ได้คิดอย่างนั้น เต้นผีบ้าผีบอสุดเหวี่ยงมาก ยิ่งรอบสุดท้ายนะ โอ้โห... รู้สึกเหมือนเสียบริสุทธิ์มากๆ

เป้ากางเกงสัมผัสกันหลายต่อหลายครั้งเมื่อครู่ทำให้ผมหน้าร้อนไปหมด ไม่กล้าสบตาคชาที่หัวเราะร่าเพราะสนุกกับการได้แกล้งผมด้วย พอเพลงจบ ผมก็รีบตั้งท่าที่จะลุก แต่คชาไม่ลุก ดันกระซิบบอกผมเสียงเบาเสียอย่างนั้น

“เดี๋ยวอีกสักแป๊บค่อยๆ ลุกนะ ลุกแล้วก็เอาตัวมาบังๆ กูหน่อย”

“ทำไมอะ” กระซิบบอกมา ผมก็กระซิบถามกลับ

แต่เป็นการถามที่โคตรพลาดเมื่อได้ยินคำตอบของมัน

“ลูกชายกูตื่นว่ะ”

อะ...ไอ้หื่นคชา! มึงจะหื่นไม่เลือกสถานที่และสถานการณ์อย่างนี้ไม่ได้!

จากกองสันฯ กลายเป็นกองกระสันไปเรียบร้อยเพราะไอ้คชานี่แหละ ส่วนผมเองหน้าร้อนยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ตอนนี้ไม่สนใจแล้วว่าใครจะเห็นอะไรต่อมิอะไรของคชาหรือไม่ ผลักมันออกแล้วรีบดันตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ตั้งหลักได้ก็รีบพุ่งกลับเข้าไปที่ห้องพัก ไม่สนใจจะหันมาดูดำดูดีคชาหรือใครต่อใครที่หัวเราะใส่ผมเพราะท่าทางเขินอายนั่นลยแม้แต่น้อย

เวรแล้วๆๆ!

ผมใจเต้นกับไอ้คชาขึ้นมาอีกแล้ว!

ใจก็สบถคำหยาบคายออกมารัวๆ มือก็รีบล้วงเอากุญแจห้อยคีย์การ์ดที่ผมรับหน้าที่ถือไว้ด้วยกลัวว่าคนอื่นจะเต้นสะบัดจนทำหายไขลูกบิดประตูอย่างรวดเร็ว หากแต่ในจังหวะที่ผมเปิดประตู แทรกตัวเข้าไปได้และกำลังจะปิด คชาก็พุ่งเข้ามาดันประตูไว้ไม่ให้ปิดง่ายๆ

มะ...มึงตามกูมาทำไมเนี่ย!

ผมมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาตื่นตระหนก คิดไปแล้วว่าคชามันต้องคิดมิดีมิร้ายกับผมแน่

ก็จะไม่ให้มันคิดได้ยังไงในเมื่อก่อนหน้านี้มันเพิ่งบอกว่าลูกชายมันตื่นตัวอยู่เลยน่ะ!

อยากจะถามให้รู้ดำรู้แดงไปเลยว่ามีโผล่หัวเข้ามาทำไม หากแต่คชาไม่พูดอะไรนอกจากแทรกตัวเข้ามาในห้อง พร้อมกับออกปากเรียกเมื่อเห็นว่าผมเอาแต่เงียบ

“ไอ้เอ๋อ”

“อะ...อะไร”

ทำเป็นใจดีสู้เสือไปอย่างนั้นทั้งที่ในใจนี่สั่นอย่างกับอะไรดี

คชาก้าวเข้ามาหาผม ผมก็ถอยกรูดจนหลังไปติดผนัง หนีไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คชาถึงได้เอ่ยปากอีกครั้ง

“มึงโกรธเรื่องเมื่อกี้นี้เหรอวะ”

“เรื่องอะไร”

“ก็เรื่องที่กูมีอารมณ์กับมึง”

ป๊าด! พูดมาได้เต็มปากเต็มคำ มึงจะไม่ถามกูหน่อยเหรอว่าอยากได้ยินไหม!

แต่คชามันจะไปสนใจอะไร เห็นผมไม่ตอบคำถาม มันก็พูดออกมาอีกแล้ว

“ถามว่าโกรธเหรอ”

“ปะ...เปล่า” ผมว่า รีบก้มหน้าด้วยไม่รู้ว่าจะมองหน้ามันต่อยังไงดี

คชาคงจะทำหน้าไม่เชื่อไปแล้วล่ะตอนนี้ เพราะทันทีที่ผมบอก มันก็สวนขึ้น

“ถ้าไม่โกรธ มึงจะรีบเข้าห้องมาทำไมวะ ไม่บอกลาพี่ๆ ก่อน”

“เรา...เราเหนื่อยมาก อยากพักน่ะ”

ผมอ้างไปเรื่อยทั้งที่รู้ว่าคชาไม่เชื่อ เหลือบตามามองหน้ามันนิดหนึ่งก็เห็นชัดเจนเลยว่ามันทำหน้าตาก่นด่าผมว่า ‘ไอ้ขี้โกหก’ อยู่ หากแต่มันก็ไม่ได้แย้งอะไรออกมา นอกจากจะตรงเข้ามาดึงผมไปนั่งที่เตียง

ผมรีบขืนตัวทันควัน แต่เพราะความที่มันตัวใหญ่กว่าเลยสู้แรงอะไรไม่ได้นัก รู้สึกตัวอีกทีก็หล่นมานั่งปุอยู่บนปลายเตียงคู่เตียงหนึ่งแล้ว

ใจคิดไปแล้วว่าถูกมันปล้ำแน่นอน นี่คิดท่าทางเลยว่าจะดีดดิ้นกรีดร้องยังไงดีให้ตัวเองรอดพ้นไปจากสถานการณ์วิกฤต ทว่าผิดคาดเพราะคชาไม่ทำอะไร จับผมนั่งลงได้ก็ออกคำสั่ง

“ถ้าเหนื่อยก็พัก อาบน้ำนอนเลย เดี๋ยวกูจะออกไปข้างนอกต่อ”

โธ่... ก็นึกว่าจะทำอะไรมากกว่านี้

คิดอย่างนี้ไม่ได้เสียดายนะ ไม่ได้เสียดายจริงๆ แค่รู้สึกว่ามันผิดคาดไปหน่อยก็เท่านั้นเอง สาบาน

“อะ...อื้ม”

เห็นว่าไม่มีอะไรน่ากังวลแล้ว ผมก็รีบพยักหน้าตอบรับ คชายืนเท้าสะเอวมองผมอยู่ครู่หนึ่ง ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด ทำเอาผมที่ถูกมองอยู่ต้องถามออกไปด้วยอึดอัด

“มีอะไรเหรอ”

“ที่กูบอกว่ามีอารมณ์น่ะ... กูพูดจริงนะ”

ฮะ!?

“แต่เป็นแค่กับมึงคนเดียว ไม่ต้องห่วง”

ว้อท!?

คชาทำหน้าตากะลิ้มกะเหลี่ยปนกระสันมาก ผมเห็นแล้วก็ขนลุกซู่ พร้อมกับรู้สึกเหมือนมีเครื่องหมายคำถามอันใหญ่ๆ ฟาดกระหน่ำลงมาที่หัวผมสองทีซ้อน จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยว่าคชามันตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่ ทว่าไม่ทันจะได้คำตอบ มือใหญ่ก็วางแหมะลงมาบนกระหม่อมผมแล้ว ตามด้วยเสียงของคชา

“กูดีใจนะที่มึงยอมมาด้วย”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคชาก็เห็นว่ามันอมยิ้มเขินๆ โดยไม่สบตาผมอยู่ พอรู้สึกตัวว่าผมมอง มันก็เม้มปากคล้ายกับว่ากลั้นยิ้มแล้วทำท่าทางเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย ครู่เดียวก็ส่งเสียงออกมาเร็วๆ

“อาบน้ำนอนด้วยนะไอ้เอ๋อ กูไม่อยากนอนกับคนตัวเหม็น”

กูก็ไม่อยากนอนกับคนหื่นกามอย่างมึงเหมือนกันเว้ย!

อยากจะตะโกนสวนคืนไปมาก แต่คชาพูดจบก็พุ่งออกนอกห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทิ้งให้ผมนั่งอยู่ที่เดิม พลันหัวใจก็เต้นระรัวขึ้นมากับคำพูดของคชาเมื่อครู่นี้

ดีใจที่ผมมาด้วยอย่างนั้นเหรอ...

เต้นรัวเร็วอย่างเดียวคงจะไม่พอ ผมเผลอยิ้มกว้างออกมาอย่างที่เก็บอาการไม่อยู่อีกด้วย

ไอ้บ้าๆๆ! พูดอย่างนี้ได้ไงไอ้บ้าคชา เดี๋ยวกูก็เข้าใจผิดกันพอดีหรอกว่ามึงชอบกูน่ะ!

ชอบหรือไม่ชอบก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ผมเหมือนถูกผีบ้าเข้าสิงมาก น่าจะติดเชื้อมาจากคชา และดูบ้ามากขึ้นไปอีกเมื่อผมนึกอยากจะให้มัน พอได้สติก็รีบกลบเกลื่อนความคิดของตัวเองด้วยการคว้าหมอนมาอุดหน้าแล้วส่งเสียงร้องระบายความคลั่งของตัวเองออกมา ก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้

ให้ตาย อาการอย่างนี้นี่มันคนตกหลุมรักชัดๆ เลยนี่หว่า...

ผมรีบดันตัวขึ้นมานั่งนิ่ง ทบทวนความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อการกระทำของคชาเมื่อครู่นี้ทันที

อย่าบอกนะว่าผมชอบคชาเข้าให้แล้ว?
---------------------------------

อ๋อยยย ลูกสาวเริ่มรู้ใจตัวเองแล้ว >< ส่วนคชา...ผีบ้าเหมือนเดิม 555 ถ้าจะปัญญาอ่อนขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องหล่อมากก็ได้เหมือนที่มาวินพูดเนอะ

วันนี้อัปเร็วเพราะเขียนสต็อกเอาไว้บ้างแล้ว ฝากฟีดแบ็กให้กันหน่อยนะคะ เผื่อมีแรงฮึด พรุ่งนี้มาเร็วอีก อิอิ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
คชานี่ออก จิตๆนะ อิอิ
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ขนาดนี้ก็บอกชอบวินไปเถอะคชา 555555555555555555555555555555

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
คชา ความผีบ้านี่ตัวตนจริงๆ หรือเปลือกนอกกันเเน่  :z3:

ออฟไลน์ Himbeere20

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาวินพูดบ่อยว่าคชาหล่อมาก แต่นี่ไม่รู้สึกถึงความหล่อเลย
อินแต่ความบ้าของคชา คิดแต่ว่าคราวนี้คชามันจะแสดงความบ้าเบอร์ไหนให้ดู
เหมือนเคย ไม่ผิดหวังครัช !! 555555555

มาวินตกหลุม(บ้า)คชาแล้ว  แล้วคชาล่ะ :hao3: :hao3: :hao7: :hao7:


ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
คชานี่ยังไง สรุปชอบมาวินหรอ มีอารมณ์กับมาวินด้วย  :serius2:

ออฟไลน์ somakimi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :hao3: อาวจบแล้วอ่านเพลินกำลังสนุกเชียว :katai2-1:

ออฟไลน์ ▲TEACHCHY▼

  • ★ U can call me TEACH ★
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 166
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
พระเอกผีบ้ามาก เออ..ไม่จำเป็นต้องหล่อก็ได้นะ555
แต่ถ้านางไม่หล่อนางจะไม่มั่นหน้ามั่นกระโหลกแบบนี้ไง

สงสารน้องวินนิดหน่อยที่ได้เจอคนผีบ้าแบบคชา แต่น้องก็ฮาเหมือนกัน
ชอบน้องวินแต่ชอบพี่ชินน์มากกว่า วินไม่ชอบนี่ขอได้ไหม อยากฟัดนมพี่ชินน์5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
โถววว ลูกสาว อิอิ.  :-[.

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
นี่คชาอ่อยใช่ป่ะ!?

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
คช๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!~~~  นี่มันอ่อยชัดๆเลยนี่ :hao3:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อ้าว

พี่ชิณณ์วืด
วินใจสั่นกับคชาแล้ว

ส่งพี่เขามาซบอกเราเถอะ

ออฟไลน์ Ujeen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อิคชาเริ่มชอบมาวินแล้วใช่ปะ เอร้ยยยยยยยยย :impress2:

ออฟไลน์ yamapong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
โงยยยยยยย  น่ารักอ่าาาาาาา  อิคช้า พระเอกบ้าไรวะ ชอบมาก ตลกมากกก 55555 มาวินก็ฮา เวลาบ่นในใจ 5555 สนุกมากค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![1]

ผมไม่ได้ชอบคชา!

สะกดจิตตัวเองมาตั้งแต่เมื่อคืนละ นอนกระสับกระส่ายยุกยิกไปมาจนคชาที่นอนเตียงเดียวกับผมละเมอบ่นงึมงำทั้งคืน ผมก็ไม่อยากจะมีอาการแบบนี้หรอก แต่คำพูดของคชามันวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด ทำให้ผมแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน ตื่นเช้ามาถึงได้พอจะมีสติบอกตัวเองอีกทีว่าที่รู้สึกไปทั้งหมดมันก็แค่ความหวั่นไหวประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น เดี๋ยวพอเห็นมันเต้นดึงดาวเมาทินเนอร์อีกรอบ ผมก็ชัดเจนในความรู้สึกเองแหละว่าไม่ได้ชอบคนบ้า

ทว่าวันนี้ดันเป็นวันที่คนอื่นๆ ที่ลงชื่อเข้าค่ายตามมา กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นน้องปีหนึ่ง ทำให้คชากับกลุ่มผองเพื่อนทูตกิจกรรมของมันต้องรักษาภาพลักษณ์ จากที่เต้นเหมือนถูกผีเข้าเมื่อวาน วันนี้ดันพากันเก๊กหล่อทั้งก๊ก

ยืนก็หล่อ เดินก็หล่อ นั่งก็หล่อ ดูดีไปหมดทุกอย่าง ตอนนี้วิญญาณผีคิวท์บอยเข้าสิงกันเป็นที่เรียบร้อย

ผมก็พอจะเข้าใจพวกมันอยู่หรอกว่ารับหน้าที่เป็นหน้าเป็นตาให้มหาวิทยาลัยก็ต้องวางตัวให้ดีมีชาติตระกูลหน่อย ไม่ใช่ทำตัวผีบ้าผีบอแม้ว่าตัวตนที่แท้จริงจะบ้าบอคอแตกมากก็ตาม

อาจจะต้องเรียกได้ว่าพวกมันตีสองหน้าเก่งมาก โดยเฉพาะคชาที่ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดฮ็อตเป็นที่เรียบร้อย ภาพลักษณ์ของมันในตอนนี้คือรุ่นพี่ปีสองที่ควบตำแหน่งทูตกิจกรรมและคิวท์บอยตามที่รุ่นน้องกับรุ่นพี่เรียก ไม่ว่าดูตรงไหนก็เป็นผู้เป็นคน หล่อเหลาหมดจด ไม่มีคราบความบ้าหรือเพิ่งออกมาจากศรีธัญญาเลยแม้แต่น้อย คงจะมีแค่ผลและพวกคนที่สนิทกับมันนี่แหละที่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของคชาเป็นยังไง

แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ผมมองเห็นคชาแล้วก็เกิดละสายตาไม่ได้ขึ้นมา ผมนั่งหลบมุม เอาแต่จ้องมันที่ยืนอยู่หน้าแถวน้องๆ ปีหนึ่งให้รุ่นพี่แนะนำตัวและร่วมเต้นแร้งเต้นกากับเพื่อนๆ ทูตกิจกรรมของมันด้วยท่าทางเขินอายเงียบๆ

ตีสองหน้าจริงๆ ตอนนี้ทำมาเป็นเต้นแบบเขินๆ เมื่อวานมึงองค์ลงอย่างกับดีดยาบ้าเลยเถอะ
ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร จ้องมันเงียบๆ อย่างเดียวเท่านั้น

หล่อฉิบ...

ยอมรับอย่างไม่มีข้อแม้เลยว่าตอนมันทำตัวไม่ปกติ มันหล่อมากๆ ส่วนตอนมันทำตัวปกติ...แม่งบ้ามาก

นั่งมองอยู่นานจนกระทั่งรุ่นพี่ปล่อยให้น้องๆ แยกย้ายไปทำกิจกรรม ตอนนี้เองที่ผมรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนดังขึ้น
“เอ้ามาวิน มากับเขาด้วยเหรอ”
หันไปมองก็ต้องเบิกตาโพลงทันที

พะ...พี่ชิณณ์
มายังไงวะเนี่ย!

ผมคงทำหน้าเหลอหลามากเลยล่ะมั้งเพราะทันทีที่พี่ชิณณ์เห็น เขาก็หัวเราะร่วนแล้วเดินเข้ามาใกล้ผม
“พอดีน้องเทคพี่อยู่ชุมนุมนี้น่ะ มันชวนพี่มา” ว่าพลางชี้นิ้วไปที่รุ่นพี่ปีสี่ที่เป็นหัวหน้าชุมนุมและเป็นคนที่สั่งให้ผมเต้นบ้าๆ กับคชาเมื่อวานนี้

ผมนึกเกลียดไอ้บ้านั่นมากกว่าเดิมเป็นทวีคูณอีก

ทำกูถูกไอ้คชาแทงไม่ยั้งไม่พอ ยังจะชวนพี่ชิณณ์มาอีก มึงนี่มัน...!

ไม่รู้ว่าจะด่าอะไร รุ่นพี่คนนั้นก็คงไม่รู้หรอกว่าผมอึดอัดแค่ไหนเวลาอยู่กับพี่ชิณณ์ แต่ก็ทำได้แค่วางตัวให้เป็นปกติที่สุดแล้วพยักหน้าตอบรับไปให้พี่ชิณณ์ได้พูดต่อ

“ตอนแรกพี่ก็กะว่าจะไม่มาหรอก แต่พอดีช่วงนี้ว่างๆ น่ะ เห็นมันชวนก็เลยลองมาดู ไม่ได้มาออกค่ายอะไรแบบนี้นานแล้ว ไม่คิดว่ามาวินก็มาด้วย”

กูก็ไม่คิดว่าจะได้มาเหมือนกัน ถ้าไอ้คชาไม่ลงไปนอนดิ้นเร่าๆ บนพื้นก็ไม่มาหรอก

ทว่าผมไม่ได้บอกเหตุผลพี่ชิณณ์ว่าทำไมผมถึงโผล่หัวมาอยู่ที่นี่ เวลาอย่างนี้คิดแต่ว่าจะทำยังไงให้พี่ชิณณ์ไปให้พ้นๆ หน้าผมมากกว่า ไม่ได้รังเกียจเขานะ แต่ผมวางตัวไม่ถูกเลย ก็เขาชอบผมนี่นา แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตด้วยที่มีผู้ชายมาชอบ...เออ บอกว่าเป็นคนแรกในชีวิตที่มีคนมาชอบก็ไม่แปลกนะ ปกติไม่เคยอยู่ในสายตาของใครเลยไง

พี่ชิณณ์คงจะดูผมออกว่าคิดอะไรอยู่ เห็นผมยืนเงียบอยู่อย่างนั้น เขาก็ว่าออกมา
“ทำตัวตามสบายเถอะมาวิน ไม่ต้องเกร็ง พี่แค่บอกชอบมาวินเฉยๆ อยากให้รับรู้ ไม่ได้ต้องการให้มาวินอึดอัดหรอกนะ”
“แต่ว่าผม...”
ทำตัวไม่ถูก... อยากจะบอกว่าอย่างนี้ ทว่าพี่ชิณณ์ก็สวนขึ้นมาแล้ว
“เคยทำตัวแบบไหนก็ทำแบบนั้นแหละ เห็นมาวินเป็นแบบนี้ พี่ก็รู้สึกผิดที่บอกชอบมาวินไปนะ”

พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทว่าน้ำเสียงออดอ้อน โมเม้นต์เหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ เลย อันนี้แหละน่าสงสารของจริง ไม่ได้ดูน่าสังเวชหรือสมเพชอย่างที่คชาทำ ผมก็เลยสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พอให้หายเกร็งขึ้นมาบ้างแล้วถึงได้ตอบรับ

“ครับ ผมจะพยายาม”
พี่ชิณณ์ยิ้มรับอีกที ก่อนจะออกปากถามผม
“แล้วมาวินมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะฮึ ทำไมไม่ไปทำกิจกรรมกับคนอื่นเขา”
“ผมไม่ชอบคนเยอะๆ น่ะครับ”
พอผมตอบไปอย่างนี้ พี่ชิณณ์ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเสนอตัวมา
“งั้นไปกับพี่ไหม อย่างน้อยก็จะได้มีเพื่อนนะ”

เสนอตัวมาอย่างเดียวไม่พอ ยิ้มเชิญชวนอีก ถึงผมจะไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชิณณ์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ชอบเขานะ เขาใจดีมากและผมก็ชอบในจุดนี้เลยทำให้ผมพยักหน้ารับไปทันควัน

พี่ชิณณ์เลยพาผมไปนั่งเล่นที่ชายหาดแทนในขณะที่คนอื่นๆ ก็ทำกิจกรรมตามแพลนที่วางไว้ไปเรื่อยๆ กระทั่งเข้าช่วงบ่ายที่เป็นช่วงฟรีสไตล์ สามารถทำกิจกรรมอะไรก็ได้ตามแต่ที่ต้องการโดยมีเงื่อนไขอยู่หลายข้อ เช่น ห้ามไปไหนไกลจากที่พัก ถ้าลงเล่นน้ำทะเลก็ห้ามลงไปเล่นที่ลึกๆ หากจะไปไหนก็ให้มาแจ้งกับรุ่นพี่ที่เป็นสต๊าฟก่อน อะไรประมาณนั้น ทั้งหมดก็เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของทุกคน

รุ่นน้องส่วนใหญ่เลือกที่จะลงไปเล่นน้ำทะเลกับเพื่อนๆ ไม่ใช่แต่รุ่นน้อง พวกรุ่นพี่ก็พากันแห่ลงไปเล่นด้วยเถอะ ไม่เว้นแม้แต่คชากับพวกเพื่อนมันที่พอเนื้อตัวได้สัมผัสน้ำทะเลปุ๊บ ก็วิ่งกระโจนเหมือนหมาได้ลงน้ำทะเลครั้งแรก พอตั้งสติได้ก็สวมวิญญาณคิวท์บอย เก๊กหล่อเล่นน้ำให้รุ่นน้องรุ่นพี่ผู้หญิงถ่ายรูปกันใหญ่ ทำเอาผมที่นั่งมองอยู่ถึงกับต้องเบ้ปาก

หลงตัวเองทั้งก๊กยังไม่พอ ตีสองหน้ากันทั้งก๊กอีก เห็นก็รู้เลยว่ามืออาชีพโคตรๆ

อย่างว่า ถ้าพวกมันไม่ได้เป็นคนที่มีลักษณะเดียวกัน พวกมันจะคบกันเป็นเพื่อนได้ยังไง ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากนั่งมองตามเสียงกรีดร้องที่ได้ยินมาจากทะเล มันเป็นเสียงที่มาจากพวกนักศึกษาหญิงที่รวมตัวกันไปเล่นเรือบานาน่าโบท เห็นพากันเล่นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ดูเป็นกิจกรรมที่ทุกคนสนใจกันมากด้วยเพราะพากันแห่ไปเล่นกันใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่พวกคชาที่พากันไปเล่นเป็นที่เรียบร้อย

ผมมองตามเงียบๆ จนพี่ชิณณ์ที่ลอบมองผมอยู่เป็นระยะหันมาถามผม
“อยากเล่นไหม”
ผมส่ายหน้าพรืดทันที “ไม่ล่ะครับ”
“ทำไมล่ะ กลัวเหรอ”
“ก็ไม่เชิง ผมแค่รู้สึกว่ามันไม่ค่อยปลอดภัย”
พี่ชิณณ์หัวเราะให้กับคำพูดนั้นก่อนจะว่าขึ้นมาอีก
“อยากลองเล่นไหมล่ะ เดี๋ยวพี่พาไปก็ได้”

ผมยิ้มแหย ส่ายหน้าไปอีก พี่ชิณณ์เลยชี้นิ้วไปยังเรือข้างๆ บานาน่าโบทแทน
“งั้นลองขึ้นแบบนั้นไหม ดูอันตรายน้อยกว่านะ”

ผมมองตามไปก็เห็นเรือแพ... จะว่ายังไงดีล่ะ มันก็เป็นบานาน่าโบทนั่นแหละ เพียงแต่ว่ามันเป็นแพยางให้นั่งข้างในแล้วเกาะเอาน่ะ

ผมก็อยากจะส่ายหัวอยู่หรอก แต่พอตั้งท่าจะปฏิเสธปุ๊บ พี่ชิณณ์ดันรู้ทัน ส่งสายตาเว้าวอนออดอ้อนมาให้ผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เล่นกับพี่หน่อยนะครับ”

ตาย... กูตายไปเลย ขนาดไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชิณณ์ยังใจอ่อนยวบได้ขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคชามันถึงได้คลั่งฮิคารุซามะที่หน้าตาคล้ายพี่ชิณณ์นัก มีเสน่ห์อย่างนี้นี่เอง

ผมก็เลยพยักหน้ารับไป เท่านั้นที่ชิณณ์ก็ยิ้มร่า
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปบอกเขาก่อนนะ มาวินนั่งรอตรงนี้แป๊บนึง เดี๋ยวพี่มา”

ผมไม่ได้ท้วงอะไร พี่ชิณณ์ตรงไปคุยกับคนขี่ที่ทำหน้าที่ลากเรือกล้วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จังหวะเดียวกับที่คชาเดินขึ้นจากน้ำพร้อมเสื้อชูชีพหลังจากไปเล่นบานาน่าโบทมาพอดี พอเห็นผม มันก็ร้องทักเสียงดัง

“เฮ้ยไอ้เอ๋อ มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่ไปเล่นน้ำวะ”
ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไงว่าทำไมเลยสักแต่ว่าตอบไป “เราไม่ชอบเล่นน้ำทะเลน่ะ เหนียวตัว”
“มึงนี่มาเสียเที่ยวจริงๆ มาถึงทะเลก็ลงไปเล่นน้ำสิวะ”
“ไว้ก่อน เรายังไม่อยากเลย”
คชาว่าพลางขมวดคิ้วย่นทันที “จะลงไปเองดีๆ หรือให้กูพาลงไป”

แล้วก็ชูสองมือขึ้นมา ขยับนิ้วทั้งสิบในอากาศคล้ายกับว่าคันไม้คันมือเต็มที ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฎบนใบหน้านั้นทำให้ผมพอจะเดาได้ว่าถ้าผมยังดึงดันที่จะอยู่บนบก มันต้องเข้ามาอุ้มผมไปโยนลงทะเลอย่างแน่นอน ผมเลยรีบลุกขึ้น ตั้งท่าว่าจะหนี หากแต่คชากลับกระโดดเข้ามารั้งคอจากทางด้านหลังแล้ว

“จะหนีไปไหน มามะ เดี๋ยวพ่อจะอาบน้ำให้ลูกเอง”

มึงมาเป็นพ่อกูตั้งแต่ตอนไหนไอ้คชา!

ไม่ทันจะได้พูดอะไร มันก็ลากผมลงน้ำไปแล้ว สนุกสนานเฮฮามาก

มีแต่มันสนุกอยู่คนเดียวเนี่ย!

ดีที่มันไม่ได้จับผมจุ่มน้ำอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ มันแค่พาเดินมาหาคนขับบานานาโบทที่เป็นแพยางแล้วก็ออกปาก
“พี่ครับ ต่ออีกเที่ยวนึงดิ จะพาลูกไปสัมผัสความเสียว”
บอกแล้วไงว่ากูไม่ได้เป็นลูกมึงน่ะไอ้คชา! ส่วนเรื่องความเสียวเนี่ย ไม่ต้องลงน้ำ แค่นอนหันหลังให้มึง กูก็เสียวแล้ว!
“คชาเดี๋ยว คือว่าเรา...”
ผมไม่ได้จะปฏิเสธมันหรอกนะ แต่กำลังจะบอกมันว่าผมตกปากรับคำเล่นกับพี่ชิณณ์ไปแล้ว ทว่าพอกำลังจะพูด คชามันก็โยนเสื้อชูชีพมาให้
“เอ้า ใส่ซะ”
“แต่ว่าเรา...”
“เอ้าๆ ลีลา มา กูใส่ให้” แล้วก็ถลามาจับผมยัดเสื้อชูชีพอย่างรวดเร็ว

มึงฟังกูก่อนได้ไหม กูตกลงปลงใจกับพี่ชิณณ์ไปแล้วเว้ย!

ไม่ฟังไม่พอ จับผมใส่เสื้อชูชีพได้ก็ปีนขึ้นแพยางเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับตบที่นั่งข้างๆ ดังปุๆ
“มาขึ้นมา เดี๋ยวพี่จะพาไปซิ่งนะจ๊ะ”

ทำไมไม่ฟังอะไรเลยวะ!

โชคดีที่พี่ชิณณ์ซึ่งไปต่อคิวบานาน่าโบทกลับมาพร้อมกับพี่คนขับพอดี พอเห็นผมถูกคชาชวนยิกๆ ก็ทำหน้างุนงง
“เอ้า มาวินจะไปเล่นกับคชาเหรอ”
ผมทำหน้าไม่ถูกเลยได้แต่ส่ายหัวพรืด
“เปล่าครับ”
ได้ยินอย่างนั้นคชาก็หันมามองผม ก่อนจะมองไปยังพี่ชิณณ์แล้วก็ส่งเสียงดังพร้อมกับทำหน้างงเหมือนกัน
“เอ้า!”

จะเอ้าอะไรล่ะ ก็มึงไม่ยอมฟังกูเลยนี่หว่าว่ากูตกลงกับพี่ชิณณ์ไปแล้ว

ตอนนี้คงไม่ต้องอธิบายแล้วล่ะว่าที่ผมอึกๆ อักๆ เมื่อครู่นี้เป็นเพราะอะไร เห็นตำตาขนาดนี้ก็น่าจะรู้ได้แล้ว ยิ่งพี่ชิณณ์พูดออกมาก็รับรู้ได้อย่างชัดแจ้ง
“งั้นเราไปกันเถอะ พี่เขาพร้อมแล้ว”
ผมพยักหน้ารับ ค่อยๆ ลุยน้ำที่อยู่ในระดับเอวเข้าไปหาพี่ชิณณ์โดยไม่สนใจคชาอีก ทำให้คชารีบทิ้งตัวลงน้ำมาคว้าผมไว้ทันที
“มึงจะไปไหน”
“ไปเล่นเรือแพกับพี่ชิณณ์ไง” ผมบอก หัวคิ้วของคชาย่นยู่จนแทบจะชนกัน
“กูไม่ให้ไป” แล้วก็ทำหน้าไม่พอใจสุดกำลัง “ถ้าอยากเล่นนักก็เล่นกับกูนี่”

อะไรของมึงวะเนี่ย...

ผมชักสีหน้ากลับใส่มันไปเล็กน้อย แวบเดียวก็เข้าใจได้ว่าทำไมมันถึงมีอาการแบบนี้

สงสัยคงจะหวงพี่ชิณณ์ ก็มันชอบพี่ชิณณ์นี่นะ เห็นเขาไปเล่นสนุกกับคนอื่นก็คงจะหวงเป็นเรื่องปกติ

ผมก็กะว่าจะบอกพี่ชิณณ์อยู่แล้วว่าไม่เล่นเพราะไม่อยากผิดใจกับคชา ทว่าพอพี่ชิณณ์เห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทิ้งตัวลงจากเรือมาคว้าแขนผมขณะที่คชากำลังลากไปขึ้นแพยางอีกอันไว้

“แต่มาวินตกลงกับพี่ก่อนนะ คชามาตัดหน้าพี่แบบนี้นิสัยไม่ดีเลย”
คชาถึงกับชะงัก เห็นพี่ชิณณ์ปั้นหน้าไม่พอใจ สีหน้าของมันก็อ่อนลงทันที
“ผมไม่รู้นี่ครับว่าพี่ชิณณ์จองตัวไอ้เอ๋อไว้ ผมก็เลยชวนมันมาเล่นน่ะ”

โถไอ้คชา พอเป็นพี่ชิณณ์แล้วรีบทำตัวดีขึ้นมาเลยนะ

จากนั้นมันก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ผมพลันกระซิบกระซาบ “ทำไมมึงไม่บอกกูวะว่าจะไปเล่นกับพี่ชิณณ์”

ก็มึงฟังกูเสียที่ไหนล่ะ ได้ทีก็ลากลงทะเลอย่างเดียวอย่างกับลากไก่ลงไปกินในน้ำ กูจะเอาเวลาไหนไปบอกมึง!

“เราก็จะบอกอยู่แล้ว” ผมว่าเสียงยาน
คชาทำท่าฮึดฮัด แสดงออกมาชัดเจนว่าหัวเสีย ทว่าพี่ชิณณ์ไม่ได้สนใจแล้ว เห็นคชาเผลอปล่อยมือจากผม เขาก็ดึงผมเข้าหาตัวทันที
“ไปกันเถอะมาวิน ไว้เล่นกับพี่เสร็จแล้วค่อยมาเล่นกับคชาก็แล้วกันนะ”
ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ตกปากรับคำกับเขาก่อน ยังไงก็ต้องเล่นกับเขาอยู่แล้ว

หากแต่ลุยน้ำออกจากจุดเดิมได้ไม่เท่าไหร่ คชาก็คว้าข้อมือผมเอาไว้หมับ ผมกับพี่ชิณณ์หันไปมอง คชาถึงได้รู้สึกตัวว่าทำอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ อึกอักครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา

“มึงจะลงเรือลำไหน พูด!”

อะไรของมึงเนี่ย...

เป็นผมบ้างแล้วที่ย่นคิ้ว พี่ชิณณ์นี่ไม่ต้องพูดถึง ถอนหายใจออกมาแรงๆ เป็นที่เรียบร้อย ผมไม่อยากให้เขาอารมณ์เสียเลยรีบบอกกับคชาไป
“เราจะไปกับพี่ชิณณ์ ไว้ค่อยไปกับนายทีหลังนะ”
“เฮ้ย ได้ไงวะ”

ไปเล่นกับคนที่กูชอบได้ไง... เดาว่ามันคงอยากจะพูดประโยคนี้ แต่ผมไม่ปล่อยให้มันพูดออกมา รีบชิงบอกมันก่อน

“เราตกลงกับพี่ชิณณ์ไปแล้ว ยังไงเราก็ต้องไป”
คชากลอกตา ทำท่าฮึดฮัด ผมไม่อยากให้มันรู้สึกแย่เรื่องนี้หรอกนะ ทว่าก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน ยิ่งพี่ชิณณ์พูดขึ้นมา...
“ไปกันเถอะมาวิน”

...ผมก็รู้เลยว่าพี่ชิณณ์ไม่ได้สนใจคชาเลยแม้แต่น้อย ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าคชาชอบเขาก็เถอะ มันก็แน่ล่ะ พี่ชิณณ์ชอบผมอยู่นี่ ผมเลยกะว่าไว้เล่นเสร็จจะมาอธิบายกับคชาอีกรอบทีหลังว่ามันเป็นเรื่องที่ผมไม่ได้ตั้งใจ

พี่ชิณณ์ช่วยพยุงผมขึ้นไปนั่งบนนั้นก่อนตามขึ้นมา เจ็ทสกีเกือบจะขับออกไปอยู่แล้ว ทว่าจู่ๆ คชาที่ยืนฮึดฮัดๆ อยู่เมื่อครู่ก็ถลาเข้ามาเกาะขอบแพเอาไว้
“งั้นกูเล่นด้วย”

จากนั้นก็ตะกายแพขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนแพโคลงเคลงไปมา อะไรไม่ว่า มานั่งเบียดผมให้ไปนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างมันกับพี่ชิณณ์ด้วย ก่อนจะหันมาพูดกับผมเสียงเข้ม
“กูไม่ปล่อยให้มึงไปกับพี่ชิณณ์กันสองต่อสองหรอก จะจองล้างจองผลาญมึงทุกชาติไป”

มึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรกูเหรอ กูแค่มาเล่นบานาน่าโบท มึงจะเล่นใหญ่ทำไม!

ถอนหายใจกับการกระทำของมันเลย เกรงใจพี่ชิณณ์ด้วยที่ถูกมันก่อกวน แต่พี่ชิณณ์กลับไม่ว่าอะไร นอกจากยิ้มน้อยๆ
“เล่นหลายๆ คนก็สนุกดีนะ น้ำหนักเยอะ ไม่โคลงเคลงมาก มาวินจะได้ไม่กลัว”

เป็นห่วงผมอีก ซ้ำยังไปบอกยกเลิกบานาน่าโบทอีกลำที่คชามันเรียกไว้ให้อีก ดีนะที่คนขับเรือพวกนี้เป็นเพื่อนกันเลยไม่มีปัญหาอะไร

พอพี่ชิณณ์พูดอย่างนั้น คชาก็เบ้หน้า ทำปากมุบมิบขยุบขยิบจนน่าโดนตบ และทวีมากขึ้นไปอีกเมื่อพี่ชิณณ์จับมือผมให้จับที่จับบนแพยางเอาไว้
“เกาะแน่นๆ นะ จะไปแล้ว”

ผมพยักหน้ารับขณะที่เจ็ทสกีค่อยๆ ลากพวกเราออกไป จากตอนแรกที่หวั่นๆ ใจอยู่แล้ว พอเริ่มออกจากที่ ผมก็หน้าซีดเลย หน้าซีดหนักกว่าเดิมอีกเมื่อความเร็วทวีมากขึ้น

กะ...กลัวตกน้ำ!

ความรู้สึกนี้ผุดพรายขึ้นมาในสมอง ความจริงไม่ได้กลัวตกน้ำอะไรหรอก ไอ้กลัวตกก็กลัวแหละ แต่ประเด็นสำคัญกว่านั้นคือกลัวตกน้ำแล้วจมน่ะ เหตุผลน่ะเหรอ... ผมว่ายน้ำไม่เป็น

เคยมีประสบการณ์จมน้ำตอนเด็กๆ มาแล้วครั้งหนึ่ง ผมเลยเลี่ยงที่จะลงไปเล่นน้ำมาตั้งแต่ตอนนั้น ที่ตอบรับพี่ชิณณ์ก็เพราะปฏิเสธรอยยิ้มเขาไม่ลง ไม่ใช่เพราะอยากจะเล่นอะไรเลยแม้แต่น้อย

พอความเร็วมากขึ้น พี่ชิณณ์ก็หัวเราะร่า ร้องบอกผมที่หลับตาปี๋เสียงดัง
“ลืมตาสิมาวิน ไม่น่ากลัวเลย”

มึงไม่กลัว แต่กูกลัวเว้ย!

เกาะแน่นเป็นเห็บเกาะหลังหมาเลย ส่วนคชา พอรู้ว่าผมกลัวก็ยิ่งแกล้ง ทำเป็นโยกตัวไปมาให้โคลงเคลงหนักกว่าเดิมอีก
มึงจะโยกทำบ้าอะไรไอ้คชา เป็นสันนิบาตลูกนกเหรอ!

มันจะไปสนใจอะไร ผมเองก็ด่ามันในใจด้วย มันจะไปรับรู้อะไรล่ะ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะแหกปากด่ามันด้วย เอาแต่ร้องโวยวายเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้นจนผมเริ่มจะเสียว
“พะ...พอ! พอแล้ว! พี่ครับช้าๆ หน่อย!”
แต่เสียงของผมกลับถูกกลบด้วยเสียงของคชา...
“กรี๊ดดด! กรี๊ดดด!”

มึงจะกรี๊ดกลบเสียงกูทำเตี่ยมึงเหรอ แล้วไอ้ภาพพจน์หล่อล่ำน่าปล้ำต่อหน้าพี่ชิณณ์นี่ไม่รักษาไว้แล้วหรือไง!

รู้เลยว่าคชามันจงใจแกล้งผม พี่ชิณณ์แม่งก็ไม่ห้ามมันด้วย เอาแต่หัวเราะให้น้ำทะเลกระเด็นเข้าปากอยู่นั่น เชื่อได้เลยว่าตอนนี้ผมคงจะหน้าซีดเผือดไปแล้ว ยิ่งตอนที่คนขับเร่งความเร็วมากกว่าเดิม ความกลัวของผมก็ทวีมากยิ่งขึ้น ขณะที่คชาก็ยังโยกแพไม่หยุด

มึงหยุดได้แล้วไอ้คชา กูกลัวแล้ว ยอมแล้ว!

ขอร้องมันไปก็เท่านั้น มันดังอยู่แค่ในใจ จะพูดก็ปากสั่นจนพูดไม่ออก แล้วสิ่งที่ผมกลัวก็เกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีให้หลัง ทันทีที่เจ็ทสกีเลี้ยวโค้ง แพยางก็เทกระจาดคว่ำไม่เป็นท่า ทุกคนหล่นจากแพลงไปในน้ำแล้วก็โผล่หัวขึ้นมาหัวเราะร่วน เว้นแต่ผมที่หล่นลงไปในน้ำ ก่อนที่เสื้อชูชีพที่คชาใส่ให้มันล็อกไม่แน่นจะลอยอยู่เหนือน้ำ มีแต่ตัวผมที่จมดิ่งลงไปในน้ำทะเลที่ท่วมเหนือหัว

จะ...จมแล้ว!

ผมตะเกียกตะกายสุดชีวิต ก่อนที่จะถูกใครบางคนดึงขึ้นมาเหนือน้ำในชั่ววินาทีนั้น ก่อนที่เสียงของพี่ชิณณ์จะดังเข้าหู
“มาวิน! เป็นอะไรไหม!”
หันไปมองก็เห็นเขารีบว่ายเข้ามาใกล้พร้อมกับสีหน้าตกใจ
“มะ...ไม่เป็นไรครับ” ผมว่าพลางใช้มือปาดน้ำทะเลที่อยู่บนหน้าออก ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังถูกอุ้มโดยใครบางคนอยู่เมื่อเสียงคุ้นหูอีกเสียงดังขึ้น
“ทำเอาตกอกตกใจหมด น้ำแค่ปลายคางเอง ไอ้เอ๋อเอ๊ย!”

หันไปก็เห็นหน้าคชาในระยะประชิด

ใช่...ปลายคาง แต่เป็นปลายคางมึง กูลงไปทีนี่มิดหัวเลยไอ้คชา!

อยากจะด่ามันนัก แต่ก็พลันตระหนักได้ว่าสภาพในตอนนี้ของตัวเองเป็นแบบไหน

ผะ...ผมกำลังถูกคชาอุ้มเข้าเอวอยู่!

โอ้โห อุ้มเข้าเอวเป็นลิงอุ้มแตงเลย เพิ่งรู้สึกตัวในตอนนี้ว่าใกล้ชิดกับมันแค่ไหน เท่านั้นความกลัวก็อันตรธานหายไป ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นแทน ถ้ารอบข้างไม่มีเสียงเฮฮาดังไปทั่ว รับรองได้เลยว่าคชาต้องได้ยินเสียงหัวใจของผมเต้นอย่างแน่นอน
แต่แล้วความตื่นเต้นของผมก็ถูกทำลายทิ้งโดยพี่ชิณณ์เมื่อเขาร้องโวยวายขึ้น

“ยังไม่พามาวินเข้าไปที่ตื้นอีก ไปเดี๋ยวนี้เลย!”
สีหน้าของพี่ชิณณ์ดูตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก คชาเลยทำตามแต่โดยดี พอเท้าผมสัมผัสกับพื้นทรายได้ พี่ชิณณ์ก็แหวกน้ำเข้ามาหาผม
“หน้าซีดเชียว ไม่เป็นไรนะมาวิน”
ผมพยักหน้ารับ ตอบเสียงแผ่ว “ครับ ไม่เป็นไร”

พี่ชิณณ์มีสีหน้าโล่งใจขึ้น พลันแปรเปลี่ยนเป็นดุดันน้อยๆ
“แล้วทำไมไม่บอกพี่ตั้งแต่แรกว่าว่ายน้ำไม่เป็น พี่จะได้ไม่พามาเล่น”

เขาดูผมออกแทบจะในทันที ผมก็ได้แต่ขอโทษขอโพยเขาไปที่ทำให้ต้องเป็นห่วง คชาที่ยืนมองอยู่พ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะว่าลอยๆ
“แค่เล่นบานาน่าโบทแค่นี้ ทำเป็นกลัวไปได้”

พูดถูกของคชา ผมก็ไม่ได้อะไรหรอก แต่คนที่ฟังประโยคนั้นแล้วรู้สึกไม่เข้าหูกลับเป็นพี่ชิณณ์ สิ้นเสียงก็หันไปมองหน้าคชาทันที
“พูดอย่างนั้นได้ไง คนเรามีความกลัวเหมือนกันที่ไหน”

คชาเลิกคิ้วสูง ก่อนเถียงคืนด้วยน้ำเสียงแผ่ว
“แต่มันแค่บานาน่าโบทเองนะครับพี่ชิณณ์ น้ำก็ไม่ได้ลึก กลัวอะไรนักหนา”
“นายไม่กลัวมันก็เรื่องของนาย แต่มาวินกลัว นายนั่นแหละที่ทำให้มาวินเป็นแบบนี้ ถ้าไม่เล่นบ้าๆ โยกตัวไปมาจนแพคว่ำล่ะก็ มาวินก็คงไม่เกือบจมน้ำ ทีหลังจะเล่นอะไรก็หัดใช้หัวคิดก่อนบ้างว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนไหม!”

พี่ชิณณ์ถึงกับตะคอกราวกับน็อตหลุด ผมไม่เคยเห็นพี่ชิณณ์เป็นแบบนี้มาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งแล้วก็ทำสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ปกติเห็นแต่เขายิ้มอย่างเดียวเท่านั้น

ผมอึ้งงันไปทันควัน เช่นเดียวกันกับคชาที่ได้ยินอย่างนั้นก็ไปต่อไม่ถูก สีหน้าไม่ยี่หระเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเจื่อนทันตา ขณะที่พี่ชิณณ์ก็ยังต่อว่าไม่หยุด
“ไม่ใช่ว่าเป็นเพื่อน เป็นรูมเมทจะเล่นอะไรก็ได้นะคชา”

คชาหน้าเจื่อนหนักเข้าไปใหญ่ ผมเห็นแล้วก็สงสารเลยรีบปรามพี่ชิณณ์
“อย่าไปว่าคชาเลยครับ ผมกับคชาสนิทกัน คชาก็เลยจะแหย่ผมเล่น...”
“ต้องว่าสิ ไม่ว่าได้ไง ก็คชาทำเรากลัวนี่”

พูดยังไม่ทันจบเลย พี่ชิณณ์ก็สวนผมกลับคืนมาแล้ว ซ้ำยังหันไปพูดกับคชาต่อ
“ยิ่งสนิทกัน ยิ่งต้องแคร์ความรู้สึกกัน ไม่ใช่มองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างที่นายกำลังทำอยู่ นายสนุกก็จริง แต่ความรู้สึกของมาวินไม่ใช่ของเล่นของนายนะ”

นิ่งงันเป็นหินไปเลย ผมอยากจะบอกให้มันไม่ต้องคิดมากชะมัด แต่ก็ถูกพี่ชิณณ์ดึงขึ้นจากทะเลแล้ว ผมก็เลยได้แต่ปล่อยให้คชาอยู่ที่เดิมอย่างนั้น

ถูกว่าจนหน้าแห้งขนาดนั้น คชาจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ...

ตอนนี้รู้สึกพลาดเลยที่ตัดสินใจลงเรือของพี่ชิณณ์ ถ้าผมลงเรือของคชา คชาก็คงจะไม่ถูกต่อว่าจนหน้าแห้งอย่างนี้ แต่ถ้าเลือกไปกับคชา พี่ชิณณ์อาจจะโกรธจนไม่ยอมมาเจอหน้าผมอีกก็ได้ เป็นแบบนั้นคชาคงจะโกรธผมที่ทำให้พี่ชิณณ์ปลีกตัว

ให้ตาย ไม่ว่าจะเลือกลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้นเลย...

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
สบตา ครั้งที่ 14: ลงเรือลำไหนก็น่าหนักใจทั้งนั้น![2]


เรื่องลงเรือลงแพอะไรนั่นช่างมันเถอะ เรื่องมันเกิดไปแล้ว ผมก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ตอนนี้มีแต่เพียงความเป็นห่วงคชามากกว่า หลังจากที่ผมกับพี่ชิณณ์ขึ้นมาจากทะเล ผมก็คิดเอาเองว่าคชาคงจะไม่เป็นไรเพราะพี่ชิณณ์บอกกับผมว่าแค่ดุไปตามประสา ไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าจริงจังเท่าไหร่นักถึงมันจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการให้คชาตระหนักก็ตาม แต่คชากลับซึมกะทือไปกับคำพูดนั้นตั้งแต่เย็น จนมืดแล้วก็ยังไม่หายซึม เอาแต่นั่งเงียบ ใครชวนคุยอะไรก็ถามคำตอบคำ แถมยังไม่ไปร่วมกิจกรรมกับคนอื่นๆ เหมือนอย่างตอนเช้าที่ผ่านมาอีกต่างหาก ทำเอาผมที่นั่งหลบมุมแอบมองอยู่รู้สึกไม่ดีขึ้นมาด้วยรู้ว่าต้นเหตุทั้งหมดมาจากผมเอง

กระทั่งกิจกรรมทั้งหมดสิ้นสุดลงและทุกคนต่างแยกย้ายเข้าไปพักผ่อน เว้นแต่คชาที่ปลีกตัวไปนั่งเล่นตามลำพังริมหาด ผมเลยตัดสินใจตามมันไปด้วยไม่อยากจะให้มันเก็บความรู้สึกไม่ดีนี้ไว้นานๆ
เดินไปจนถึงที่หมายก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ร่างใหญ่ คชาเหลือบมามองเล็กน้อย พอเห็นว่าเป็นผมก็หันกลับไปทางเดิม ทำเอาผมต้องพูดออกมา

“ไหวไหมเนี่ย”

คชาเหลือบมามองหน้าผมอีกครั้ง คราวนี้จ้องนานกว่าเดิม สีหน้าดูเรียบเฉยจนผมอ่านไม่ออกว่ามันคิดอะไรอยู่ มองผมได้แวบเดียว มันก็หันกลับไปอีก สายตาทอดมองไปยังผืนทะเลสีดำมืดตรงหน้า ทำท่าเหมือนไม่อยากจะคุยกับผมสักเท่าไหร่

ผมถอนหายใจออกมา พอจะเข้าใจอยู่ว่าคชามันคงช็อกหรือไม่ก็เฟล ก็แน่ล่ะ ถูกคนที่ตัวเองชอบตะคอกใส่เต็มหน้าอย่างนั้น ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องรู้สึกแย่อยู่แล้ว ส่วนผมก็รู้สึกผิดมากเลยทีเดียวล่ะ ก่อนที่จะส่งเสียงพึมพำออกมา
“คชา... เราขอโทษ”

ทั้งที่ผมไม่ได้เป็นคนตะคอกมันแท้ๆ แต่ผมก็เอ่ยคำนั้น ถ้าผมว่ายน้ำเป็น แล้วก็ไม่ร่วงตกน้ำ ตะเกียกตะกายจนเสื้อชูชีพหลุดล่ะก็ เหตุการณ์เมื่อเย็นนี้ก็คงจะไม่เกิด

หากแต่คชาไม่ตอบรับอะไร นอกจากเหลือบมามองทางผมนิ่งๆ ด้วยสีหน้าแบบเดิมอีกครั้ง ผมเดาเอาว่ามันน่าจะยังรู้สึกแย่อยู่เพราะตั้งแต่เป็นรูมเมทด้วยกันมา มันไม่เคยแสดงอาการอย่างนี้ให้เห็นเลย มีแต่ทำตัวผีบ้าผีบอไปวันๆ การที่มันเป็นแบบนี้ทำให้ผมวางตัวไม่ถูกเลยนะ ถ้าเป็นอย่างนี้ สู้ให้มันทำตัวบ้าบอปัญญาอ่อนเกินคนยังดีกว่าอีก
“ขอโทษนะ”
ผมเอ่ยออกไปอีก คราวนี้คชายอมปริปากพูดขึ้น
“เรื่องอะไร”

“ก็เรื่องที่เราเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ชิณณ์ว่านาย” พูดไปก็เหลือบมองหน้าหล่อๆ นั่นเล็กน้อย
คชาย้อนถามผมเสียงเรียบ “แล้วไงวะ”
“ไม่แล้วไงหรอก ก็เราขอโทษไง” ผมว่า

คชาก็ยังคงทำหน้าแบบเดิม ทำให้ผมต้องพูดออกมาอีก
“ถ้ามีอะไรที่เราทำให้นายรู้สึกดีขึ้นก็บอกเรานะ”
“มึงจะมาสนใจกูทำไม” คชาพูดเสียงเรียบ

ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะสนใจมันทำไมเหมือนกัน ไอ้เรื่องที่ผมเป็นต้นเหตุมันก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งคือผมไม่อยากเห็นมันทำสีหน้าแบบนี้มากกว่า ทว่าผมไม่บอกมันหรอก ได้แต่แสร้งไม่รู้ไม่เห็นไป
“ไม่รู้สิ”

พอผมพูดอย่างนั้น คชาก็พ่นลมหายใจยาวออกมา
“มึงไม่ต้องมาสนใจความรู้สึกของกูหรอก กูยังไม่สนใจความรู้สึกของมึงเลย”

ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องเก็บคำพูดของพี่ชิณณ์มาคิด แต่มันก็จริงอย่างที่พี่ชิณณ์พูดนั่นแหละ คชาแทบจะไม่ห่วงความรู้สึกของผมเลยตั้งแต่ที่แกล้งผมเมื่อครั้งก่อน มีแต่ผมที่จะพูดจะทำอะไรก็คิดถึงความรู้สึกของมันก่อน อาจเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวของผมด้วย ทว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้เป็นห่วงความรู้สึกมันอย่างนั้น

อาจเป็นเพราะมันเป็นรูมเมทคนแรกในชีวิตผม...
เป็นเพื่อนคนแรก...
และเป็นคนที่ผม...ชอบ

อันหลังนี่ไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไหร่ ทว่าก็ต้องยอมรับว่าผมรู้สึกดีๆ กับคชาอยู่เหมือนกัน ถึงจะรู้แก่ใจว่ามันชอบพี่ชิณณ์และผมก็พร่ำบอกตัวเองอยู่เสมอว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ยามมองหน้าของคชา... ใจมันสั่นทุกทีเลย

และนั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องสนใจความรู้สึกของคชา ทว่าก็พูดได้แค่...
“นายเป็นรูมเมทเรานี่ เป็นเพื่อนเราด้วย เราก็ต้องสนใจสิ”

สถานะของผมมันก็มีแค่นี้แหละ

คชาจ้องผมนิ่งๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาบ้าง
“สนใจแล้วยังไงวะ”
“เราอยากทำให้นายรู้สึกดีขึ้น” ผมว่าตรงๆ

คชาเม้มปากไปเล็กน้อย พลันว่าออกมา
“ถ้ามึงอยากทำให้กูรู้สึกดีขึ้น มึงก็มีอะไรกับกูสักครั้งแล้วกัน เผื่อกูจะหายเครียด”

ฟังแล้วผมก็ลืมตาโพลงทันที

ดะ...เดี๋ยวนะไอ้คชา มันรอบที่เท่าไหร่แล้ววะที่มึงชวนกูทำเรื่องอย่างว่าเนี่ย!?

“ถ้ามึงไม่อยากทำก็ช่างมันเถอะ”

เห็นผมเงียบ ทำหน้าตาตื่นตกใจใส่ คชาก็โพล่งขึ้นมาอีก โดยปกติแล้วผมจะต้องปฏิเสธหรือไม่ก็ต้องก่นด่ามันในใจเป็นชุดแล้ว หากแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ ยิ่งเห็นมันทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็ดันตกปากรับคำมันไปเสียอย่างนั้น

“ได้ มามีอะไรกันเถอะ”
คชาหันขวับมาทันที คราวนี้เป็นมันบ้างแล้วที่ทำหน้าตกใจ
“เอาจริงเหรอวะ”
“อือ ก็นายอยากทำนี่” ผมพึมพำ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะพูดแบบนั้นไปทำไม

มีอะไรกับผู้ชายด้วยกันนะเว้ย แถมเป็นไอ้คชาด้วย รู้เลยว่าถ้ายอม ผมจะต้องเป็นรับแน่ๆ

ซึ่งก็จริงอย่างที่คิดเพราะพอผมตอบรับไปอย่างนั้น คชาก็ขยับเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าผมให้หันไปสบตามันนิ่ง
“พูดแล้วอย่าคืนคำนะมาวิน กูทำมึงลุกไม่ขึ้นเลยนะ”

ผมลอบกลืนน้ำลาย พยักหน้ารับช้าๆ ก่อนคชาจะเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เสียงคลื่นทะเลที่ซัดกระทบฝั่งแทบไม่เข้าหูผมเลยแม้แต่น้อย มีแต่เพียงเสียงหัวใจผมที่เต้นระรัวเท่านั้น ทว่าในวินาทีนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้วนอกจากดวงตาเรียวของคชาที่จ้องมองมาและริมฝีปากที่เข้าใกล้ริมฝีปากของผมจนแทบจะชิด

ชั่วขณะหนึ่งที่ผมคิดว่าคงจะถูกจูบแน่ คชาก็ชะงักไปแล้วกระซิบเสียงแผ่วออกมา
“อย่าเป็นคนใจง่ายอย่างนี้สิวะไอ้เอ๋อ”
แล้วก็ผละออกไป เอื้อมมือมายีหัวผม พูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริง
“พรหมจรรย์มึงน่ะเก็บเอาไว้ให้ผัวมึงโน่น!”

ผัวกูก็มึงนี่ไง!

พูดเล่น แค่เกือบน่ะ การที่คชาถอยห่างออกไปอย่างนั้นทำเอาผมหายใจโล่งทันควัน ขณะที่คชาเห็นสีหน้าของผมแล้วก็หัวเราะร่วน

“ทำไมมึงมันซื่ออย่างนี้วะ คิดว่ากูจะทำจริงๆ เหรอ”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ก็ตอนที่เมา นายยังทำ...” ไม่กล้าพูดต่อว่าทำอะไร

คชาเองก็ไม่พูดเช่นกัน มองผมแล้วก็ยิ้มออกมา สาบานเลยว่าเป็นรอยยิ้มที่ดูดีที่สุดของมันเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย
“เรื่องวันนี้กูก็ขอโทษเหมือนกัน พี่ชิณณ์พูดถูกที่ว่ากูไม่สนใจความรู้สึกมึง กูอยู่คนเดียวมานาน พอมีคนอื่นมาอยู่ด้วยก็เลยไม่ชิน แต่จะพยายามปรับตัวนะ”
จู่ๆ ก็บอกผมมาอย่างนั้น ผมไม่รู้จะตอบรับยังไงก็เลยรีบหลบสายตาแล้วก็พยักหน้ารับเร็วๆ
“อื้ม”

เสียงหัวเราะของคชาดังขึ้นมาอีกที ตอนนี้ผมทั้งอาย ทั้งรู้สึกว่าตัวเองโคตรบ้าเลยที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป อย่างนี้คชามันก็ได้ทีเข้าข้างตัวเองเลยสิว่าผมชอบมันจริงๆ

เวรเอ๊ย ไม่น่าไปหลงกลมัน ก็รู้อยู่ว่ามันขี้แกล้ง ยังจะยอมให้มันแกล้งอีก แถมเมื่อกี้ยังเผลอคิดไปว่ามันจะจูบผมอีกด้วย
อยากจะเอาหน้าซุกทราย แต่ก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวคชามันรู้ตัวว่าผมคิดอะไร จึงได้แต่พึมพำก่นด่าความโง่เง่าของตัวเองในใจตามลำพัง คชาคงจะเห็นท่าทางของผมแปลกใจก็เลยเรียก

“มาวิน”
“ว่า?”

ตอบรับแล้วก็หันไป ก่อนที่จะรู้สึกว่าร่างกายของตนถลาไปด้านหน้า กว่าจะรู้ตัวว่าถูกคชาดึงเข้าไปหาก็ตอนที่ถูกมันประทับริมฝีปากลงมาบนเรียวปากผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จะ...จูบ!

ไอ้คชามันจูบผม!

ทำตัวไม่ถูกทันควัน อ้าปากค้างเหวอไปเลย ส่วนคชา พูดผละริมฝีปากออกมาก็บอกผมเร็วๆ
“ตบรางวัลให้”

รางวัลอะไรก็ไม่รู้ ถามก็ไม่ทันแล้วเพราะทันทีที่พูดจบ มันก็รีบดันตัวขึ้นยืน ปัดทรายแล้วทิ้งท้ายไว้
“กูเข้าไปก่อนนะ ยุงเยอะว่ะ มึงก็รีบตามมาเร็วๆ ด้วย ดึกแล้ว”

พูดจบก็เดินไปเลย ผมมองตามแผ่นหลังกว้างอย่างอึ้งงัน รู้สึกตัวก็ล้มลงไปกลิ้งกับทรายด้วยเขินอายกับการกระทำนั้นของคชาเกินทน

มึงจะมาจูบกูแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ไม่ได้ บอกกันก่อนสิวะจะได้ตั้งตัวรับถูก!

ไม่ได้รังเกียจมันเลยแม้แต่น้อย ออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำ อะดรีนาลีนสูบฉีดมากจนผมร้อนหน้าไปหมด

คชา... ชอบมันจริงๆ ด้วยว่ะ บ้าจริง
------------------------------------------
นุ่งวินลูกแม่ นุ้งเกือบเสียตัวแล้วมั้ยล่ะ ดีนะที่คชาเป็นสุภาพบุรุษ(?) ไม่งั้นเสียสาวแน่นอน ส่วนแม่ยก ชั้นรู้นะว่าพวกเธอคิดอะไรอยู่ นกไปซะเจ้าพวกคนบาป 555 คชานี่ก็ยังไง ปากบอกชอบพี่ชิณณ์แต่ตอดนุ้งวินเอาๆ ช้ำหมดแล้วลูกสาว (แต่แม่ก็ชอบนะ เอาอีก 555 XD) วันนี้มาดึกนิดนึงเพราะมัวแต่ทำงานอื่นอยู่ค่ะ พรุ่งนี้จะมาอัปให้อีก อาจจะดึกนะ รอก่อนเน้อ แล้วก็ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วยค่า

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ลูกสาวยังปลอดภัยแต่ใจโดนขโมยไปแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด