สบตา ครั้งที่ 12: ความสับสนของมาวิน
จากตอนแรกที่สับสนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมาเจอเหตุการณ์เมื่อวาน ผมก็ยิ่งสับสนหนักมากขึ้นไปอีก เรื่องพี่ชิณณ์น่ะยังพอจะเข้าใจได้ว่าเขาคงชอบผม คิดดูดีๆ แล้วการกระทำและคำพูดของพี่ชิณณ์ก็ล้วนแล้วเหมือนจีบผมอยู่ทั้งนั้น พอเขาพูดว่าคิดถึงผมอย่างนั้น ผมก็มั่นใจขึ้นมาเลยว่าต้องชอบผมแน่ๆ แต่กับคชา ผมไม่รู้แม้แต่นิดเดียวว่ามันคิดอะไรของมันอยู่ ก็มันน่ะปกติกับชาวบ้านเขาเสียที่ไหน ผมอ่านมันไม่ออกหรอกถ้ามันไม่บอกออกมาให้ชัดเจน
ความจริงผมไม่ควรที่จะไปใส่ใจอะไรกับการกระทำเพี้ยนๆ ของมันเลยนะ แต่ยอมรับว่าผมเองก็อึดอัดไม่น้อยที่เห็นมันทำท่าทำทางเหมือนจะมีใจให้ผมอย่างนี้ ต่อให้บอกตัวเองว่าไม่ได้ชอบผู้ชายก็เถอะ ทว่าคชามันหล่อเหลาเขายายเที่ยงชนิดชวนให้สาวเหลียวมอง ชายชื่นชมจริงๆ ผมก็อดที่จะใจเต้นกับมันไม่ได้หรอก ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมชอบของสวยๆ งามๆ นี่นา คชาเองก็เป็นหนึ่งในของสวยๆ งามๆ ที่มองแล้วเจริญตาเจริญใจเหมือนกันถ้าไม่นับนิสัยบวมๆ บ๊องๆ ของมัน
ทว่าความสับสนของผมทั้งหมดก็มาชัดเจนขึ้นเอาตอนที่คชามาชวนผมไปกินข้าวเย็นกับพวกเพื่อนๆ ทูตกิจกรรมของมันที่ร้านอาหารแถวๆ หอ ตอนนี้เองที่ผมเห็นว่าการกระทำที่เหมือนหมาหยอกไก่ชนิดถึงเนื้อถึงตัวของมันนั้นไม่ได้ทำกับผมแค่คนเดียว แต่ยังทำกับเพื่อนๆ ของมันคนอื่นๆ ด้วย
“ปากมึงเลอะน่ะ” จู่ๆ คชาก็พูดขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปที่มุมปากของตัวเองให้เพื่อนมันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรับรู้
“ตรงนี้เหรอวะ” อีกฝ่ายเอามือเช็ดหากแต่ไม่โดน
“ไม่ใช่ ตรงนี้ต่างหาก” คชาคว้าทิชชูมา เอื้อมไปเช็ดให้เพื่อนตัวเองหน้าตาเฉย
ชัดเจนเลย... แม่งเกย์ทั่วราชอาณาจักร ไม่ได้เป็นกับผมแค่คนเดียว
สงสัยจะเป็นเรื่องธรรมดาของมันเพราะเพื่อนมันคนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีท่าทีตื่นเต้นหรืออะไรเลยแม้แต่น้อย นั่งกินข้าวกันหน้าตาเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เห็นอย่างนั้นแล้วผมก็โล่งใจที่ความสับสนนั้นหายไป ขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
ไม่ได้ทำกับผมแค่คนเดียว... เป็นเรื่องปกติ...
เออ ผมคิดมากไปเองแหละ บ้าไปเองคนเดียวด้วยที่คิดเลยเถิดว่าคชาคิดอะไรกับผมอย่างนั้น เอาเป็นว่าถ้าผมจะอยู่กับคชาก็ต้องเข้าใจธรรมชาติความบ้าบอของมันแล้วปรับตัวให้ชินไป ไม่ต้องคิดมากกับการกระทำต่างๆ ถึงจะอยู่อย่างเป็นสุข
บอกตัวเองอย่างนั้นแล้วก็พอจะสงบจิตสงบใจได้บ้าง ยิ่งคชาปฏิบัติกับผมเหมือนเดิมทุกประการ ผมก็ยิ่งสงบจนวางตัวปกติได้แล้ว ถ้าวางตัวปกติไม่ได้ ผมต้องลำบากแน่เพราะวันนี้ผมยังต้องไปรับหน้าที่ผู้ช่วยติวเตอร์ให้มันอยู่
เรียนเสร็จ กลับมาถึงห้องได้ ผมก็จัดการเตรียมเอกสารทุกอย่างรอคชากลับมาเพื่อที่ว่าจะได้ออกไปกันเลย หากแต่จู่ๆ แพลนก็เกิดเปลี่ยนเสียอย่างนั้นเพราะทันทีที่คชาวิ่งกลับมาถึงห้องพร้อมกับหายใจกระหืดหอบ มันก็รีบพูดขึ้นเร็วๆ
“วันนี้กูคงไปสอนไม่ได้แล้วว่ะไอ้เอ๋อ กูต้องไปประชุมทูตกิจกรรมกับพวกปีอื่นๆ”
“เอ้า แล้วทำไงอะ รับงานไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็เออน่ะสิวะ” คชาย่นคิ้วยู่ ทำท่าทางหัวเสียเต็มประดาจนผมอดพูดออกมาไม่ได้
“นายก็บอกไปสิว่ามีธุระ ไปประชุมไม่ได้”
“ก็อยากอยู่หรอก แต่นี่ความผิดกูเอง ลืมไปว่าแม่งนัดกันมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ไม่ได้จดเอาไว้”
“งั้นก็แคนเซิลคลาสแทนไหม” ผมเสนอ
คิ้วของคชาย่นยู่กว่าเดิมอีก “กูโดนไล่ออกแน่นอน แล้วมึงก็จะโดนหางเลข ไม่ได้งานไปด้วย”
พูดมาอย่างนั้น ผมก็เลยไม่กล้าพูดอะไรต่อ คชาเท้าสะเอว บ่นพึมพำพลางคิดไปเรื่อยว่าจะเอายังไงดี จนในที่สุดก็พูดออกมา
“เอางี้ วันนี้มึงไปสอนแทนกูก่อนแล้วกัน”
ผมถึงกับเบิกตาโต “ภาษาอังกฤษเนี่ยนะ”
“เออ ก็กูสอนวิชานี้นี่หว่า”
งานงอกผมเลยทีเดียว ก็ผมเก่งวิชานี้เสียที่ไหน ไม่มั่นใจว่าจะสอนได้ด้วยถ้าเทียบกับความสามารถของคชาแล้ว คชาก็คงจะดูผมออกว่าคิดอะไรอยู่เลยตบบ่าปุๆ เป็นการใหญ่
“ไม่เป็นไรมึง วันนี้มึงก็แค่เอาข้อสอบที่อยู่ในแฟ้มให้พวกน้องมันทำ สอบชั่วโมงนึง ครึ่งชั่วโมงหลังก็เฉลย แบบเฉลยอยู่ในแฟ้มแล้วเหมือนกัน วันนี้พวกมันสอบวัดความรู้ที่กูสอนไปก่อนหน้าน่ะ ไม่น่ามีปัญหามั้ง”
สวรรค์ทรงโปรดมากที่ผมไม่ต้องเจอเรื่องยุ่งยากเท่าไหร่นัก ผมคิดว่าตัวเองทำได้ก็เลยพยักหน้ารับมันไปรัวๆ คชาถึงได้ยิ้มออก
“งั้นรีบไป เดี๋ยวกูขับรถไปส่ง ถ้าให้มึงไปเอง กว่าจะไปถึงก็สายพอดี”
ผมเห็นด้วยเลยไม่โต้แย้ง รีบคว้าข้าวของแล้วตามคชาลงไปที่ลานจอดรถ ให้มันขับไปส่งยังที่หมายตามความตั้งใจ
พอมาถึงโรงเรียนที่จะต้องมาสอนในวันนี้ ผมก็แทบจะเอาแฟ้มเอกสารฟาดหน้าไอ้คชาให้แหกเพราะโรงเรียนที่มาสอนไม่ใช่โรงเรียนหญิงล้วนอย่างที่เคยไป หากแต่เป็นโรงเรียนชายล้วน แล้วเป็นเด็กมอหก มอหกอย่างเดียวไม่พอ ยังต้องสอนพวกมันยกชั้นอีกต่างหาก
ไม่ใช่แค่เฉพาะห้องนะ ย้ำอีกที... ยกชั้น!
แตงกวารุ่นเยาว์ก้าวเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์มาให้ผมได้เห็นทั้งระดับชั้นเลย มีอยู่กี่ห้อง โอ้โห เห็นแม่งทุกห้อง!
ดีนะที่ผมไม่ต้องสอนอะไรมากมาย ตอนเฉลยข้อสอบก็ก้มหน้าก้มตาดูโพยแล้วพูดๆ ไป เลยพอจะหลบสายตาจากแตงกวาหลากหลายขนาดและสายพันธุ์ได้บ้าง แต่ก็เรียกได้ว่าการเป็นติวเตอร์จำเป็นในวันนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่โคตรจะทรมานเลย
ออกมาจากโรงเรียนได้ ผมก็ก่นด่าคชาในใจไม่หยุด กะว่าถึงหอเมื่อไหร่จะด่ามันให้สาแก่ใจสักที
เพราะเหตุผลนี้ผมเลยรีบมุ่งหน้ากลับหอให้เร็วที่สุด ทว่าก็ไม่ได้ทำตามอย่างที่ใจคิดด้วยจู่ๆ ฝนก็เทลงมาทั้งที่ผมมาเกือบจะถึงมหาวิทยาลัยแล้ว ผมเลยต้องวิ่งไปหลบที่ป้ายรถเมล์ก่อนจนกว่าฝนจะซา ความจริงจะฝ่าฝนไปก็ได้แหละ หออยู่ใกล้จากตรงนี้นิดเดียว เป็นห่วงอย่างเดียวก็คือเอกสารพวกชีทเรียนจะเปียกเพราะแฟ้มที่เอามาใส่เอกสารเป็นแฟ้มแบบสอด ถือไม่ดี มีหวังกระดาษเปียกแน่นอน
เรื่องด่าคชาเอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้มันคงยังไม่กลับหอหรอก กว่าจะกลับก็โน่น สี่ห้าทุ่ม นี่เพิ่งจะหัวค่ำเอง
ผมเปลี่ยนแพลนกะทันหัน ยืนรอฝนซาอย่างใจเย็นแทน ฟ้ามืดแล้ว เวลานี้แทบจะไม่มีนักศึกษาคนไหนอยู่ที่ป้ายรถเมล์เลยเพราะทยอยขึ้นรถกันกลับไปหมด เหลือแต่ผมที่ยืนอยู่ตามลำพัง หากแต่ยืนอยู่คนเดียวได้ไม่นานก็มีใครบางคนวิ่งฝ่าฝนมาหลบใต้ร่มด้วย ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจจะหันไปมองหรอก หากแต่ได้ยินเสียงคุ้นเคยเลยต้องหันไปมอง
“เอ้ามาวิน จะไปไหนเหรอ”
พี่ชิณณ์...
เห็นพี่ชิณณ์ในสภาพตัวเปียกเล็กน้อย ตาสบตาในตอนนี้ พลันชุดนักศึกษาก็มลายหายไป กลายเป็นป๋องแป๋งต่องแต่งแกว่งไหวในสภาพที่เปียกซ่ก
แปลกตา แต่ไม่ปลื้ม ผมก็ทำหน้าไม่ถูกเลยที่ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ในเวอร์ชันใหม่ แต่ทำหน้าไม่ถูกหนักกว่าเดิมด้วยจู่ๆ คำพูดของพี่ชิณณ์ที่เขาอัดเสียงส่งมาเป็นข้อความให้เมื่อวานดังลอยเข้ามาในหู
‘ฝันดีนะมาวิน เราไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว พี่...เอ่อ...คิดถึงมาวินนะครับ’
ทำหน้าปูเลี่ยนไปใหญ่เลย แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวแม้จะเก็บอาการด้วยมั้ง พี่ชิณณ์ถึงได้ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง
“แล้วตกลงมาวินจะไปไหนเหรอ”
ผมได้สติในตอนนี้ ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้จะไปไหนครับ ผมเพิ่งกลับมา”
พี่ชิณณ์ที่กำลังเสยผมหน้าเปียกน้ำฝนอยู่เลิกคิ้วสูง
“ไปไหนมาเหรอ”
“สอนพิเศษน่ะครับ”
“ทำงานแบบนี้ด้วยเหรอ พี่เพิ่งรู้”
พี่ชิณณ์กลับมายิ้มร่าอีกแล้ว ดูท่าทางจะดีใจที่ได้รับรู้ข้อมูลใหม่ของผม แต่เขาเข้าใจผิด ผมเลยต้องแก้ต่างให้
“ไปสอนแทนคชาน่ะครับ ผมไม่เคยทำงานนี้หรอก กำลังอยู่ในช่วงทดลองงาน”
พูดไปอย่างนั้น พี่ชิณณ์ก็ร้องอ๋อยาว พลางพยักหน้ารับ จากนั้นก็ยิ้มให้ผมแล้วเงียบไปพักหนึ่ง ผมมองใบหน้าเขาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วก็เกิดเขินขึ้นมาจนต้องหันหนีด้วยข้อความที่เขาส่งให้ยังคงวนเวียนในหัวไม่หยุด
พี่ชิณณ์ชอบผม...
ผมคิดว่าอย่างนั้น มั่นใจแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะชัวร์ ทว่าผมไม่ถามหรอกเพราะคิดว่าถ้ามันเป็นอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ล่ะก็ ความวุ่นวายระลอกใหญ่จะต้องประดังประเดมาหาผมแน่ๆ เราทั้งคู่ก็เลยยืนหลบฝนอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว มีเพียงแต่พี่ชิณณ์ที่เหลือบมองผมพลางอมยิ้มไม่หยุด
ผมรู้นะว่าเขามอง แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ผ่านไปพักใหญ่ พี่ชิณณ์ถึงได้ทำลายความเงียบ
“เมื่อวานนี้น่ะ... ได้ฟังไหม”
ผมใจเต้นตึกตักขึ้นมาทันที รู้ว่าเขาถามถึงอะไร กระนั้นก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้
“อะไรเหรอครับ”
“ข้อความเสียงที่พี่ส่งให้น่ะ ได้ฟังไหม”
ใจเต้นแรงกว่าเดิมอีก ผมหันไปมองหน้าเขาก็เห็นว่าพี่ชิณณ์ส่งยิ้มให้อยู่ ตางี้โตลุ้นระทึกกับคำตอบจากผมโคตรๆ เห็นอย่างนี้ ผมก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้แล้ว จำต้องพยักหน้ารับไป
พี่ชิณณ์ยิ้มกว้างเห็นฟันทันที เขาเองก็ดูเขินๆ ไปเหมือนกันจู่ๆ ก็ยกมือขึ้นมาลูบหลังคอ หลบสายตาผมเสียอย่างนั้น
“มาวินคงจะรู้สึกแปลกๆ ล่ะสินะ”
แปลกสิวะ แปลกโคตรๆ จู่ๆ โดนผู้ชายด้วยกันบอกว่าคิดถึง คิดว่ามันไม่แปลกหรือไง
ผมไม่ตอบอะไรไปอีก คราวนี้พี่ชิณณ์เลยได้โอกาสพูดเสริมอย่างรวดเร็ว
“ที่พี่พูดอย่างนี้ก็เพราะว่าพี่...”
รู้เลยว่าพี่ชิณณ์จะพูดอะไร
สะ...สารภาพรักแน่นอน!
ไม่ได้หลงตัวเองอย่างไอ้คชาด้วย สถานการณ์มันใช่ แถมบรรยากาศก็เป็นใจโคตรๆ
บอกรักในคืนวันฝนตกตามลำพังกันสองคน แม่งโคตรฉากใน MV เลยเถอะ โรแมนติกไปสามบ้านแปดบ้าน แต่มึงจะมาบอกกับกูไม่ได้!
“พี่ชิณณ์ไม่หนาวเหรอครับ”
ผมรีบเบรกทันที ทำเอาพี่ชิณณ์ที่กำลังพูดๆ อยู่ชะงักไป มองผมด้วยสีหน้าประหลาดใจที่ผมโพล่งถามแทรกออกมาอย่างนั้น ก่อนจะหัวเราะ
“มาวินไม่ต้องหนีเลย พี่รู้นะว่าจะเปลี่ยนเรื่อง” ว่าอย่างรู้ทันอีก
ผมก็ปฏิเสธไหมล่ะ... ไม่ ก็เปลี่ยนเรื่องหนีจริงๆ
แต่ในเมื่อตอนนี้หนีไม่ได้แล้วก็คงจะต้องเผชิญหน้า แน่นอนว่าผมไม่ยอมให้พี่ชิณณ์ได้พูดประโยคที่ผมไม่อยากได้ยินออกมาอย่างแน่นอน
“พี่ชิณณ์ครับ ผมถามพี่ตรงๆ นะ พี่รู้ใช่ไหมว่าคชาคิดอะไรกับพี่อยู่”
ถามไปอย่างนี้ทั้งที่ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขารู้ไหม แต่คชามันแสดงออกชัดเจนอย่างนั้นและพี่ชิณณ์เองก็ชอบทั้งผู้ชาย-ผู้หญิง ไม่ว่ายังไงก็ต้องผ่านประสบการณ์คบหากับผู้ชายมาบ้าง ยังไงก็ต้องดูออกว่าคชามันคิดอะไรอยู่ผ่านการกระทำ
ซึ่งก็จริงอย่างที่ผมคาดเดาเสียด้วยเมื่อพี่ชิณณ์ส่งเสียงออกมา
“อือ พี่รู้ แล้วพี่ก็รู้ด้วยว่ามาวินพยายามเชียร์เพื่อนให้พี่สนใจอยู่”
ผมไปต่อไม่ถูกเลย แต่ก็ไม่แปลกหรอกที่เขาจะรู้ ผมก็แสดงออกว่าอวยคชาขนาดไหน
การที่เขาพูดมาอย่างนั้น ทำให้ผมต้องถามออกไปอีก
“แล้วพี่ชิณณ์ไม่สนใจคชาบ้างเหรอครับ”
“พี่ว่าพี่เคยบอกไปแล้วนะ”
ใช่ เคยบอกมาแล้วว่าคชาดูล้นๆ ถึงจะไม่บอกตรงๆ แต่ความหมายก็คือ ‘ไม่สนใจ’ นั่นแหละ
“แต่คชาชอบพี่นะครับ”
เพื่อไม่ให้พี่ชิณณ์ได้พูดประโยคนั้น ผมเลยบอกไปตามตรงว่าคชารู้สึกกับพี่ชิณณ์ยังไง
“พี่รู้” พี่ชิณณ์ยิ้มรับน้อยๆ “แต่พี่ไม่ได้ชอบคชานี่” แล้วก็ส่งสายตามาทางผม
ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าสายตาที่พี่ชิณณ์มองผมครั้งนี้มันดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้
แบบว่าดูหวานฉ่ำ หยาดเยิ้ม... เออ สายตาที่พวกอาเสี่ยมองเด็กสาวๆ เลยล่ะ
ท่าไม่ดีละกู ต้องรีบไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด
จังหวะเดียวกับที่ฝนเริ่มซาพอดี ผมจึงไม่รีรอที่จะรีบเอ่ยขอตัวเพื่อกลับหอ
“ฝนเริ่มซาแล้ว ผมกลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวคชาจะเข้าห้องไม่ได้ มันไม่มีกุญแจ” ผมโกหก ทำไมคชาจะไม่มี แต่เพื่อที่จะหนีไปจากพี่ชิณณ์ไง
หากแต่พอผมพูดเสร็จแล้วทำท่าจะเดินหนี พี่ชิณณ์ก็คว้าแขนผมเอาไว้
“อยู่กับพี่อีกสักแป๊บได้ไหม” ส่งสายตาขอร้องวิ้งวับมาให้ด้วย
ผมก็อยากจะใจอ่อนอยู่หรอก แต่คราวนี้กลั้นใจปฏิเสธไปเต็มที่
“แต่ว่าผมต้อง...”
“มาวิน ขอนะ อยู่กับพี่แป๊บนึง ขอแค่นาทีเดียว” พี่ชิณณ์ไม่ฟังเลย ขอร้องออกมาอีก
ตอนนี้สีหน้าของพี่ชิณณ์ดูน่าสงสารมาก อย่างกับลูกหมาที่ถูกทิ้งอยู่กลางฝนแล้วส่งสายตาอ้อนวอนขอให้ผมซึ่งเดินผ่านมาเจอพาตัวกลับบ้านไปด้วยอะไรอย่างนั้น
ผมถอนหายใจออกมาเต็มแรง ก่อนจะต้องยอมแต่โดยดี
“ครับ นาทีเดียวนะ”
พี่ชิณณ์ส่งยิ้มให้ผมอีกแล้ว จากนั้นก็พูดในสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยิน
“พี่รู้ว่ามาวินรู้สึกแปลกๆ กับข้อความเสียงที่พี่ส่งให้ แต่พี่อยากให้มาวินรู้ไว้ว่าที่พี่พูดเป็นความจริง”
ผมมองหน้าเขาอย่างอึ้งงัน ทั้งที่รู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าเขาคงจะคิดกับผมแบบนี้ แต่พอได้ยินเองกับหูก็อดที่จะพูดไม่ออกไม่ได้ ลำคอตีบตันไปหมด และการที่ผมอยู่เฉยก็ทำให้พี่ชิณณ์ขยับตัวเข้ามาใกล้ โน้มใบหน้าลงมาหา กระซิบที่ข้างหูแผ่วเบา
“มาวินถามพี่ว่าพี่รู้ใช่ไหมว่าคชาคิดอะไรกับพี่ แล้วมาวินล่ะรู้หรือเปล่าว่าพี่คิดอะไรกับมาวิน”
ผมไม่ตอบ มีเพียงเสียงหัวใจเท่านั้นที่เต้นระรัวเร็ว ก่อนที่จะมีคำพูดประโยคใหม่ดังมาจากริมฝีปากสวยนั้นให้ได้ยิน
“พี่ชอบมาวินนะ...”
พูดจบก็ผละออกมา ยกยิ้มให้ผมอย่างใจดีในขณะที่ผมได้แต่ยืนนิ่ง ไปต่อไม่ถูกราวกับถูกเสกให้กลายเป็นหิน
พี่ชิณณ์... ชอบกูจริงๆ ด้วย
เรื่องบ้าบอคอแตกอะไรวะเนี่ย
หลังจากที่พี่ชิณณ์สารภาพความในใจเป็นที่เรียบร้อย ผมก็ไม่ต่างอะไรจากถูกเขาดูดวิญญาณออกจากร่างแม้แต่นิดเดียว กลับมาได้ก็เอาแต่เงียบ คชาพูดอะไรก็แทบจะไม่เข้าหูด้วยในหัวเอาแต่คิดวกวนเรื่องคำพูดของพี่ชิณณ์
‘พี่ชอบมาวินนะ...’
คิดขึ้นมาได้ก็แทบจะยีหัวตัวเอง ไม่รู้จะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไงดี อันดับแรกเลย ผมไม่รู้ว่าจะบอกกับคชายังไงดีด้วยว่ามันอกหักแล้ว แถมอกหักเพราะคนที่มันชอบดันมาชอบผมที่เป็นนกต่อให้มันอีก รู้สึกผิดกับมันขึ้นมาฉับพลัน แต่ใครจะไปคิดล่ะวะว่าเรื่องมันจะลงเอยอย่างนี้
ถึงอย่างนั้นก็ควรจะบอกให้คชารับรู้ไว้...
แต่ถ้าบอกมัน เดี๋ยวมันไล่ผมออกจากหอ ไม่ให้เป็นรูมเมทด้วยแล้ว ผมจะทำยังไง เดือดร้อน เรื่องใหญ่แน่ๆ
คิดไม่ตกเลย ในหัวตีกันยุ่งไปหมดระหว่างบอกกับไม่บอก โชคดีที่ผมเก็บอาการไว้ได้ดี ไม่มีพิรุธใดๆ ออกมา ทำให้คชาไม่ทันได้สังเกตว่าผมมีท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนนิ่งๆ เวลาอยู่กับมันอยู่แล้วก็ได้ เวลาเงียบเพื่อครุ่นคิดอะไรเลยดูไม่ต่างจากปกติสักเท่าไหร่นัก
ทว่าคชากลับฉุกคิดขึ้นได้ว่าผมมีท่าทีแปลกๆ ก็ตอนที่มันเอาหนังโป๊ของฮิคารุซามะอะไรนี่ที่สั่งซื้อทางไปรษณีย์มาเปิดดูกับโน้ตบุ๊กแล้วตั้งไว้บนเตียงโดยมีผมกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆ จริงๆ แล้วผมจะต้องโวยวายที่มันดูหนังโป๊เกย์ต่อหน้าต่อตาไง แต่ผมดันนิ่ง ตาจ้องโน้ตบุ๊ก มองภาพฮิคารุซามะนอนคว่ำหน้า ถูกผู้ชายล่ำบึ้กวัยลุงปู้ยี่ปู้ยำด้วยสารพัดของเล่นด้วยสีหน้าเรียบเฉย คชาถึงได้ทักขึ้นมา
“จ้องตาไม่กะพริบเลยนะ ชอบล่ะสิ”
หันไปมองก็เห็นมันทำยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ผมเหลอหลาไปนิดก่อนจะเข้าใจได้ว่ามันหมายถึงอะไร พลันตอบกลับ
“เปล่าสักหน่อย”
ไม่ได้โวยวายหรอก ว่าด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ทำให้คชาละสายตามาจ้องผมแล้วถามอีก
“แล้วมึงเป็นอะไร วันนี้ดูเงียบแปลกๆ”
มันสังเกตเห็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย
“คือ...” เห็นมันถาม ผมก็เกือบจะบอกมันออกไปอยู่แล้วว่าพี่ชิณณ์พูดกับผมว่าอะไร ทว่าพอเห็นมันจ้องเขม็งอย่างรอคำตอบ ผมก็เปลี่ยนใจไม่พูดขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ไม่มีอะไรหรอก เราแค่เจอปัญหานิดหน่อย”
“ปัญหา? ปัญหาอะไรวะ” คชาไม่ยอมละความอยากรู้อยากเห็นได้เลย
ผมมองหน้ามันแล้วก็ตอบแบบอ้อมแอ้ม
“เราสับสนอะไรนิดหน่อยน่ะ”
“สับสนอะไร”
ผมไม่ตอบคำถามนี้ ทำเอาคชาขมวดคิ้วเข้าหากัน ครู่หนึ่งถึงได้ทำหน้าตาเหมือนคิดขึ้นมาได้ ดีดนิ้วแล้วหัวเราะ
“สับสนทางเพศล่ะสินะ ช่วยไม่ได้ที่ฮิคารุซามะของกูจะเซ็กซี่โดนใจมึง น่ารักขนาดนี้ มึงต้องมีอารมณ์อยู่แล้ว มึงจะว้าวก็ได้นะ กูไม่ว่า”
ว้าวอะไรล่ะไอ้คชา! กูไม่ได้มีรสนิยมเหมือนมึงนะเว้ย!
“แต่ถ้ามึงรู้สึกแปลกๆ กูจะสอนก็ได้ มันก็เหมือนกับหนังโป๊ชายหญิงนั่นแหละ มาๆ ถอดกางเกง”
มึงมันคิดเองเออเอง! กูบอกแล้วไงว่าไม่ได้มีจิตคิดพิสวาสอะไรฮิคารุซามะของมึงเนี่ย!
ไม่ทันไร มันก็ถลาเข้ามาแล้ว มือจับขอบกางเกงผมเรียบร้อย ทำเอาผมต้องดึงขอบตัวเองกางเกงขึ้นมาจนเกือบถึงอก แทบจะเป็นชุดจั๊มพ์สูทเกาะอกของผู้หญิงอยู่แล้ว ก่อนจะโวยวายลั่น
“เราไม่ได้จะว้าวเว้ย คนที่ดูหนังแบบนี้แล้วมีอารมณ์ มีแค่นายคนเดียวเท่านั้นแหละ!”
คราวนี้คชาปล่อยมือออกจากผมทันควัน
“กูไม่ได้เสพเพื่อให้มีอารมณ์ กูเสพเพื่อศิลปะ ชื่นชมความงามของท่านฮิคารุ มึงไม่เข้าใจกูหรอก”
เออ! ไม่เข้าใจหรอก แล้วกูก็ไม่เห็นด้วยว่าหนังแนว SM ที่มึงดูอยู่นี่มันเป็นศิลปะตรงไหนเลย!
อะไรไม่ว่า พอผมทำหน้าเอือมระอาใส่มัน คชาก็ดันแอ่นเป้ามาใกล้ผม
“ไม่เชื่อมึงก็ดู ยังไม่กลายร่างเป็นก็อตซิลล่า”
ไม่ต้องมาอวด กูไม่ดู!
ไม่ดูแต่ตาเหลือบมองไปโดยอัตโนมัติเป็นที่เรียบร้อย
บ้าบอที่สุด ทำไมจุดรวมสายตาต้องเป็นที่แมมมอธของมันด้วยวะ!
ผมแทบจะทุบเป้ามันให้หายหมั่นไส้ แต่ดูแล้วมันน่าจะแกล้งผมมากกว่าเพราะพอผมส่งสายตารังเกียจให้ มันก็หัวเราะร่วน พลางหันไปมองหน้าจอโน้ตบุ๊กที่มีหนังโป๊เล่นอยู่เหมือนเดิม
“แล้วตกลงมึงเป็นอะไร มีอะไรให้เครียดหรือไงถึงได้ทำหน้าเหมือนท้องผูก”
“ก็ไม่มีอะไรสำคัญนักหรอก”
เห็นคชาเริ่มจริงจัง ผมก็ไม่อยากบอกมากขึ้นไปอีก ทว่าคชาก็ยังจะอยากรู้ให้ได้
“ถ้าไม่มีอะไร มึงคงไม่เป็นแบบนี้หรอกไอ้เอ๋อ กูสังเกตเห็นตั้งแต่เจอละ แต่ไม่อยากทัก”
วินาทีนี้ผมถึงได้รู้ว่าคชาสังเกตเห็นความผิดปกติของผมตั้งนานแล้ว ผมเลยตัดสินใจพูดออกไป แต่ไม่พูดไปตามตรงหรอกนะ หยั่งเชิงไปก่อน
“นายชอบพี่ชิณณ์จริงหรือเปล่า”
“จริง” ตอบโดยไม่หันมามองหน้าผม ตายังจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กเหมือนเดิม
“แล้วชอบมากไหม จริงจังหรือเปล่า แบบว่าอยากได้เป็นแฟนอะไรงี้”
ผมถามอีก คราวนี้คชาหันมามองหน้าทันควัน
“ถามทำไมวะ”
“ก็อยากรู้”
“หรือว่า...มึงจะชอบพี่ชิณณ์?”
“ไม่ใช่...”
ผมเลิ่กลั่กทันตา หลบสายตาของมันที่มองมาอย่างจับผิด แต่คชาไม่เชื่อผมเลยแม้แต่น้อย หรี่ตาลงแล้วว่าออกมาอีก
“มึงอยากจะเอาตูดดูดกันกับพี่ชิณณ์หรือไงวะ”
ตูดดูดกันป้ามึงสิ กูคิดภาพตามเลยเนี่ย!
คิดแล้วอุบาทว์ฉิบเป๋ง รู้เลยว่าคชามันมองผมเป็นฝ่ายรับเป็นที่เรียบร้อย แต่ประเด็นคือ... กูไม่ได้เป็นทั้งรับ เป็นทั้งเกย์ แล้วก็ไม่ได้ชอบพี่ชิณณ์เว้ย พี่ชิณณ์มาชอบกูต่างหาก!
แต่ก็นะ ผมไม่ทันจะได้บอกอะไรมันหรอก คชาก็เบนสายตากลับไปจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กเหมือนเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ถ้ามึงจะชอบพี่ชิณณ์มันก็เป็นสิทธิ์ของมึงแหละนะ เพราะยังไงกูก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขา ไว้ค่อยมาวัดกันอีกทีตอนจีบว่าใครจะจีบติด ถ้ามึงจีบติด กูจะยอมถอย แต่ถ้ากูจีบติด มึงต้องถอย ก็แค่นั้น”
ฟังดูเหมือนจะแฟร์ๆ ดี แต่ไม่ใช่ ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชิณณ์เลยแม้แต่น้อยนอกจากเป็นรุ่นพี่ที่ดีคนหนึ่งแม้ว่าบางครั้งผมจะเผลอคิดไปบ้างว่าเขาน่ารักดีบ้างก็ตาม ทว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับที่ตอนนี้ผมได้รับคำตอบจากคชาแล้ว
คชาชอบพี่ชิณณ์จริงๆ...
ถ้าคิดว่าจะจีบเป็นแฟนถึงขนาดนั้น ยังไงมันก็ต้องชอบจริงจังอยู่แล้ว
ผมเลยไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่ชิณณ์ในวันนี้ออกไป แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมก็บีบตัวแน่นขึ้นมา ยิ่งมองหน้าคชาที่จับจ้องนักแสดงหนังโป๊ที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายพี่ชิณณ์อย่างชื่นชมแล้ว ผมก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออก นอกจากจะนั่งเงียบแล้วพึมพำออกมาเสียงเบา
“เราไม่ได้ชอบพี่...”
พูดยังไม่ทันจะจบเลย ฉับพลันคชาก็หันมาหาผม
“เมื่อกี้กูจินตนาการหน้าฮิคารุซามะเป็นหน้ามึงเฉยเลยว่ะ มีอารมณ์แล้วด้วย”
จากนั้นมันก็หันเป้ากางเกงมาทางผม ผมเหลือบมอง เห็นอะไรบางอย่างนูนขึ้นมาก็อ้าปากค้างทันใดขณะที่คชายังคงพูดต่อ
“มาลองทำกันอย่างวันที่เมาอีกสักทีดีมะ”
ได้ยินแล้ว ผมนี่ขนหัวลุกลากยาวไปถึงกระดูกสันหลังเลย
มึงจะมาชวนกูทำเรื่องอย่างว่าซึ่งๆ หน้าอย่างนี้ไม่ได้! กูเป็นรูมเมทมึงนะ!
รีบกระเด้งลุกจากเตียงทันที ขณะที่คชาหัวเราะร่วนเป็นการใหญ่พร้อมกับล้อเลียน
“พูดเล่นแค่นี้ก็ต้องหน้าแดง แดงไปถึงหูแล้วไอ้เอ๋อ มันรอยกางเกงเว้ย ไม่ใช่ของกู”
ละ...ล้อเล่น
มันใช่เรื่องที่จะต้องมาล้อเล่นหรือไง!
“ไม่ตลกเลยเว้ย!” ผมโวยเข้าให้ ไม่สนใจแล้วว่ารอยนูนนั้นจะเป็นของคชาหรือกางเกง รีบก้าวฉับๆ เข้าไปหลบในห้องน้ำโดยมีเสียงหัวเราะของคชาดังไล่หลังมา ก่อนที่จะยกมือลูบใบหน้าร้อนผ่าวเพราะคำพูดของคชาเมื่อครู่เป็นพัลวัน
เวรเอ๊ย... มันชักจะทำให้ผมสับสนไปกันใหญ่แล้ว!
------------------------------------
พี่ชิณณ์รุกมากกก ทำคะแนนนำไปก่อนรัวๆ ตกลงเรื่องนี้พี่ชิณณ์เป็นพระเอกใช่มั้ย ส่วนคชาเป็นตัวประกอบไรงี้ 555 แล้วอะไรคือคชานั่งดูหนัง GV กับนุ้งวิน โอ๊ยยย ลูกสาวแม่ใจแตกหมดแล้วมั้ง XD พรุ่งนี้จะมาต่อให้ค่ะ กลายเป็นว่าช่วงมืดๆ ดึกๆ เป็นช่วงอัปนิยายประจำไปซะแล้ว ฮา ฝากฟีดแบ็กเอาไว้ด้วยนะ