สบตา ครั้งที่ 17: เราชอบนาย
“ขอคุยแป๊บเดียว”
เห็นผมไม่ตอบ พี่ชิณณ์ก็พูดออกมาอีก พอสบตา เสื้อผ้านักศึกษาที่เปียกโชกบนตัวเขาก็หายไปแล้ว เหลือแต่เพียงร่างกายเปล่าเปลือย ผมก็อยากจะให้เขาเข้าห้องมาอยู่หรอก แต่กระดากใจยังไงก็ไม่รู้
ก็พี่ชิณณ์เปลือยอยู่นะ ถึงเขาจะไม่เห็นแต่ผมเห็นเต็มสองตาเลยว่าหนอนน้อยของเขามันต่องแต่งแค่ไหน อีกอย่าง เมื่อกี้ผมเพิ่งจะมีอะไรกับคชาไป แถมตอนนี้คชาก็ไม่อยู่ด้วย การที่จู่ๆ ผมก็ให้ผู้ชายอีกคนเข้ามาในห้อง มันดูแปลกๆ อยู่นะ
แต่แล้วผมก็ต้องตัดสินใจให้พี่ชิณณ์เข้ามาในห้องเมื่อเขาร้องเรียกอีกครั้ง
“มาวิน ให้พี่เข้าไปได้ไหม”
“ถ้าแค่ห้านาทีก็เข้ามาสิครับ”
ผมเปิดประตูให้อ้าออก มัดมือชกไปเรียบร้อยว่าให้เวลาเขาแค่ห้านาที พี่ชิณณ์ไม่พูดอะไรนอกจากเดินเข้ามาในห้อง พอปิดประตูได้ ผมก็เดินไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้เขาเช็ดหยาดน้ำฝนบทใบหน้า พี่ชิณณ์มองผมนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งโดยไม่รับผ้าเช็ดตัวไปจากผมแต่อย่างใด ทำให้ผมต้องพูดขึ้น
“รับไปสิครับ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้อยากจะมารบกวน พี่แค่จะมาคุยเรื่องวันนี้”
ผมก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าเขาจะต้องมาคุยเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่โผล่มาถึงหอผมอย่างนี้หรอก
“แต่ความจริงถ้าอยากจะคุย พี่ชิณณ์โทรมาหาผมก็ได้นะครับ”
พอถูกผมขัดคอ พี่ชิณณ์ก็ยิ้มบางๆ
“ดูโทรศัพท์ตัวเองหรือยังว่าพี่โทรหากี่สายแล้ว”
ผมเลยนึกขึ้นได้ในตอนนี้ว่าตั้งแต่กลับมาที่หอ ผมแทบไม่ได้จับโทรศัพท์เลยแม้แต่น้อย แล้วผมก็ไม่เดินไปคว้าโทรศัพท์มาดูหรอก พอจะเดาได้ว่ามันคงไม่ต่ำกว่าสิบสาย น่าจะมีพวกข้อความที่ผมไม่ได้เปิดอ่านด้วย
พอผมเงียบ พี่ชิณณ์ก็เริ่มเข้าสู่บทสนทนาที่เขาต้องการ
“คืองี้นะมาวิน เรื่องที่พี่...เอ่อ...จูบเราน่ะ”
เริ่มแล้ว... ผมพยายามเก็บอาการอึดอัดอย่างเต็มความสามารถ ทว่าก็ไม่อาจกักเก็บไว้ได้เลยแม้แต่น้อย ออกอาการเลิ่กลั่กให้เห็นอย่างลืมตัว
“ครับ...”
ไม่รู้จะพูดอะไรตอบกลับด้วย เลยทำได้แค่ตอบรับอย่างนั้น
พี่ชิณณ์คงจะรู้ว่าผมรู้สึกยังไง เขาเลยยิ้มออกมาคล้ายกับว่าต้องการใช้รอยยิ้มของเขาปลอบโยนผม แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นเขายิ้ม ผมก็ยิ่งอึดอัดมากขึ้น
แม่งจะยิ้มทำบ้าอะไรหนักหนา สถานการณ์อย่างนี้มันไม่ใช่เรื่องที่สมควรมายิ้มเลยนะ
“พี่ขอโทษนะ พี่ขอโทษที่เผลอตัวทำแบบนั้นกับมาวิน มาวินรู้ใช่ไหมว่าพี่ชอบเรา พี่ก็เลย...”
ก่อนที่ผมจะได้อึดอัดไปมากกว่านี้ เขาก็เอ่ยประโยคนี้ออกมา
ผมพยักหน้ารับ บอกเขาเร็วๆ ก่อนที่เขาจะพูดจบ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้คิดอะไรมาก”
พี่ชิณณ์หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ยกมือขึ้นลูบหลังคอตัวเองพลางหัวเราะเล็กๆ
“มาวินไม่คิดอะไรมาก แต่พี่คิดนะ”
แทนที่น่าจะหายอึดอัด ดันอึดอัดมากขึ้นกว่าเดิมอีก
มึงจะพูดขึ้นมาทำไมเนี่ย!
ไม่อยากฟังเลย ไม่อยากรับรู้แล้วว่าพี่ชิณณ์ชอบผม ก็ผมในตอนนี้น่ะชอบคชาหมดทั้งใจแล้ว มันชักจะไม่ได้เรียกว่าชอบแล้วด้วย ผมเพิ่งรู้ตัวว่าความชอบของผมที่มีต่อคชามันพัฒนาเป็นความรักไปเรียบร้อยหลังจากที่เราทำกิจกรรมบนเตียงกันเมื่อครู่
ผมรักคชา...
ถึงจะเพิ่งมารู้ตัว ผมก็บอกได้ว่าความชอบของผมมันกลายเป็นความรักไปแล้ว
ทว่าพอผมไม่พูดอะไรออกมา พี่ชิณณ์ก็ไม่หยุดที่จะไล่ต้อนผม
เออ ผมใช้คำว่าไล่ต้อนนะเพราะมันทำให้ผมอึดอัดทั้งที่การกระทำของเขาเป็นไปโดยนุ่มนวลแท้ๆ
“การที่พี่ทำแบบนั้นกับมาวิน มันเป็นเรื่องไม่ถูก พี่รู้ แต่พี่ชอบมาวินมากนะ ขอโอกาสให้พี่ได้ไหม”
“คือ...ผมว่าพี่ชิณณ์ใจเย็นๆ ก่อนดีกว่า คือว่า...”
ผมไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมาบอกให้เขาหยุดรุกผมเสียที แต่ท่าทางปฏิเสธของผมนั้นทำให้เขาต้องเม้มปากแน่น ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้พูดออกมา
“จะพูดว่าเพราะคชาชอบพี่อยู่ มาวินก็เลยให้โอกาสพี่ไม่ได้หรือจะพูดว่าเพราะมาวินมีคนที่ชอบแล้วล่ะ”
ผมสะอึกไป มันทั้งสองเหตุผลนั่นแหละที่ทำให้ผมเปิดใจให้เขาไม่ได้ ผมจึงได้แต่ก้มหน้าลงแล้วพึมพำออกมา
“ขอโทษนะครับพี่ชิณณ์ ผมขอบคุณมากที่รู้สึกดีๆ กับผม แต่ผมชอบพี่ไม่ได้”
รู้ว่ามันคงทำให้เขาต้องเจ็บปวดแต่ผมก็จำเป็นต้องพูด
ผมเลือกคชา และผมก็ไม่อยากที่จะเสียมันไปถึงมันจะเป็นไอ้บ้าที่ไม่เคยรู้เลยว่าผมรู้สึกยังไงกับมันก็เถอะ
หูได้ยินเสียงพี่ชิณณ์ถอนหายใจออกมาเต็มแรง พอเหลือบมองก็เห็นว่าเขามองผมด้วยสายตาเจ็บปวดทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มอยู่
“ถ้าตัดเรื่องคชาชอบพี่ออกไป เอาแค่เรื่องมาวินมีคนที่ชอบอยู่แล้วอย่างเดียว ถ้ายังไม่ได้เป็นแฟนกัน พี่ขอให้เก็บพี่ไว้เป็นตัวเลือกอีกคนได้ไหม”
ถึงขั้นยอมเป็นตัวเลือก ผมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก
ต่อให้ตัดเรื่องคชาจีบพี่ชิณณ์ออกไป คนที่ผมชอบก็เป็นคชาอยู่ดี
ไม่ว่ายังไงก็หนีคชาไม่พ้นแหละนะ
แต่เพื่อที่จะจบเรื่องก่อนที่คชาจะกลับมา ผมเลยตอบแบบกำกวมขอไปที
“ผมขอเวลาคิดหน่อยได้ไหมครับ”
“ทำไมล่ะ”
เอ้า ก็กูอยากได้เวลาคิดอะ หรือจะให้กูตอบว่าไม่เอาแสกกลางหน้าไปเลยล่ะ!
แน่นอนว่าผมไม่ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ถึงผมจะไม่ได้ชอบเขา แต่พี่ชิณณ์ก็เป็นรุ่นพี่ที่นิสัยดีคนหนึ่งเลยทีเดียว น่าคบหาอีกด้วย ถ้าเขาไม่คิดอะไรอย่างนี้กับผม รับรองเลยว่าผมจะไม่ยอมเสียเขาไปแน่ ทว่าตอนนี้มันไม่ใช่ ผมไม่ต้องการความรู้สึกดีๆ ที่เกินกว่าคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้องจากเขาเลยสักนิด
ผมไม่รู้จะพูดยังไงต่อดีเลยนิ่งไปครู่ กะจะสรรหาคำพูดดีๆ มาบอกกับเขา แต่เขาดันโพล่งออกมาก่อน
“ต่อให้พี่ต้องเป็นตัวเลือกท้ายๆ ก็ขอให้มาวินเก็บพี่เอาไว้อีกคนได้ไหม”
ไม่พูดเปล่า สาวเท้าเข้ามาใกล้ผมด้วย หยุดยืนอยู่ตรงหน้าพลางว่า
“ต่อให้พี่ต้องผิดหวังในตอนสุดท้าย แต่ก็อย่ามองข้ามพี่ไปเลยนะ”
จากนั้นก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดด้วยการรวบผมเข้าไปกอดแน่น
กะ...กอด!?
พี่ชิณณ์! มึงทำอะไรเนี่ย!
กว่าจะได้สติอีกทีก็ตอนที่เสียงของเขาดังเข้ามาในหู
“พี่ชอบมาวินจริงๆ นะ”
กูรู้แล้วว่าชอบน่ะ แต่ปล่อยก่อนเว้ย เดี๋ยวไอ้คชามันกลับมาเห็นก็เข้าใจผิดหรอก!
ผมล่ะกลัวเรื่องนี้มากที่สุดเลย ถ้ามันมาเห็น มันจะต้องโกรธผมอย่างแน่นอน หัวสมองผมมันจดจำไปแล้วนี่นาว่ามันชอบพี่ชิณณ์
เท่านั้นผมก็พยายามจะดันพี่ชิณณ์ออก
“พี่ชิณณ์ ปะ...ปล่อยผมก่อนเถอะครับ”
ทว่าพี่ชิณณ์กลับกอดผมแน่นมากขึ้นไปอีก
“พี่ไม่ปล่อยจนกว่ามาวินจะให้โอกาสพี่”
มึงทำอย่างนี้มันน่าให้โอกาสไหมล่ะ!
ผมนี่อยากจะผลักเขาชะมัด แต่ก็ทำได้แค่ดันๆ เขาออก
“พี่ชิณณ์ ปล่อยก่อนแล้วมาคุยกันดีๆ เถอะครับ”
แล้วมันปล่อยไหมล่ะ... หึ ไม่
มึงเป็นโคอาลาหรือไง กูไม่ใช่ต้นยูคาลิปตัสนะ!
ดันไปดันมาเริ่มจะกลายเป็นผลักแล้วล่ะ พี่ชิณณ์นี่เห็นตัวบางๆ สูงกว่าผมไม่เท่าไหร่อย่างนี้ เอาเข้าจริงเขาแรงเยอะมากเลยนะ กอดไม่ปล่อย เกาะติดหนึบขนาดนี้ ผมเลยต้องเสียงดังใส่เขาให้รู้ว่าเริ่มไม่พอใจแล้ว
“พี่ชิณณ์ ปล่อย!”
“พี่บอกแล้วไงว่าไม่ปล่อยจนกว่ามาวินจะตอบตกลงว่าจะให้โอกาสพี่”
แม่งงี่เง่าเป็นเด็กเลยวะ!
ปกติผมมองว่าเขาเป็นคนน่าคบหานะ แต่ตอนนี้ไม่อยากจะคบหาแล้วล่ะ
ไม่น่าคบหาหนักกว่าเดิมด้วยเมื่อยังคงไม่ปล่อยผม พูดเอาแต่ได้จนผมชักจะทนไม่ไหว กะว่าจะต้องพูดให้เด็ดขาด รวมถึงบอกเขาว่าผมไม่โอเคกับการกระทำของเขาและจะไม่ให้โอกาสเขาด้วยเพราะในใจของผมมีแค่คชาเท่านั้น
หากแต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรตามที่คิด ประตูห้องที่ปิดอยู่ก็เปิดผางเข้ามาพร้อมกับร่างของคชาที่ถือถุงข้าวกล่อง
“กลับมาแล้วไอ้เอ๋อ มึงหิว...อ้าว พี่ชิณณ์”
เห็นพี่ชิณณ์แล้วก็ชะงักไป สีหน้าดูเหลอหลาทันควันก่อนจะแปรเปลี่ยนไปเป็นโกรธขึ้งเมื่อเห็นสภาพของผมกับพี่ชิณณ์กอดกันกลมดิกในตอนนี้
วะ...เวรแล้ว
“มาวิน...”
คชาแค่นเอ่ยเรียกชื่อผมออกมา พลันทิ้งถุงข้าวกล่องที่อยู่ในมือลงพื้น เดินอาดๆ เข้ามากระชากผมออกจากพี่ชิณณ์ออก ตอนนี้ผมเลยอยู่ในอ้อมกอดของคชาแทน มันทอดมองสายตาไปยังพี่ชิณณ์ ผมเหลือบมอง สายตาคู่นั้นที่มันใช้มองพี่ชิณณ์ดูแตกต่างไปจากที่เคย
มันดู...โกรธเกรี้ยว
ผมว่าผมมองไม่ผิดนะ แต่ผ่านไปครู่เดียว คชาก็ผลักผมออกจากอ้อมแขน เปลี่ยนมามองผมด้วยสายตากรุ่นโกรธคู่นั้นแทน
“มึงคิดว่ามึงทำอะไรอยู่ ห้องกูไม่ใช่โรงแรมม่านรูดนะ”
พูดจาร้ายกาจออกมาทันที ผมกับพี่ชิณณ์อึ้งงันไปทันทีที่ได้ยินมันพูดอย่างนั้น ก่อนที่พี่ชิณณ์จะรีบแก้ต่างเพราะได้สติเป็นคนแรก
“พูดอะไรอย่างนั้นน่ะคชา พี่กับมาวินไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คชาคิดนะ”
คชาไม่ฟังเลยแม้แต่น้อย เอาแต่จ้องผมเขม็ง ผมเสียวสันหลังวาบขึ้นมา ในใจคิดไปแล้วว่าคชาจะต้องเข้าใจผิดแน่ๆ จึงรีบออกปาก
“คชา คืออย่างนี้นะ ที่นายเห็นน่ะ มันไม่ใช่...”
“ไม่ใช่อะไร”
จะแก้ตัวนั่นแหละ แต่พูดยังไม่ทันจบ คชาก็แทรกขึ้นมาก่อน ผมไปต่อไม่ถูก คชาก็ตะคอกใส่
“กูถามว่าไม่ใช่อะไร!”
โกรธจริงจังเลยนี่หว่า แต่ก็ไม่แปลกถ้ามันจะโกรธ เห็นผมกอดกับพี่ชิณณ์อย่างนั้น มันคงจะรู้สึกเหมือนถูกหักหลังน่ะ
“เราไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นกับพี่ชิณณ์เลยนะ” ผมพูดออกไปจนได้
คชาส่งเสียงหึในลำคอ เปรยด้วยน้ำเสียงแข็งๆ
“มึงคิดว่ากูตาบอดเหรอ”
ไม่หันไปโวยวายใส่พี่ชิณณ์เลยแม้แต่น้อย เอาแต่โวยวายใส่ผม พอผมจะแก้ตัวอีก มันก็โพล่งมาก่อนอีกครั้ง
“แล้วมึงคิดเหรอว่ากูดูไม่ออกว่ามึงชอบพี่ชิณณ์น่ะ”
ไปกันใหญ่แล้วโว้ย ถ้าชอบพี่ชิณณ์ กูจะพลีกายให้มึงปู้ยี่ปู้ยำทำไม!
“เราไม่ได้ชอบพี่ชิณณ์!”
ผมตะคอกกลับไปบ้าง หงุดหงิดที่มันไม่ฟังอะไรเลยชะมัด
คชาไม่ได้มีท่าทีใจเย็นลงเลยแม้แต่น้อย ชี้นิ้วไปทางพี่ชิณณ์ ส่งเสียงดังคืนใส่ผม
“ถ้าไม่ได้ชอบ แล้วมึงจะไปกอดพี่ชิณณ์ทำไม!”
กูไม่ได้เป็นคนกอดไหม ไอ้เวรนั่นมันกอดกูต่างหากเว้ย ถ้ามึงไม่ได้ตาบอดอย่างที่มึงว่า มึงก็ต้องเห็นสิวะ!
พี่ชิณณ์ที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเราเห็นท่าไม่ดีเพราะผมกับคชาต่างคนต่างใส่อารมณ์กันจึงรีบปรามทัพ
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ ทั้งคู่เลย ความผิดพี่เอง อย่าเพิ่งทะเลาะกัน นั่งคุยกันดีๆ เถอะ เดี๋ยวพี่จะอธิบายให้ฟัง”
ยอมรับว่าเป็นความผิดตัวเองง่ายๆ มันก็ดีอยู่ ทว่ามันไม่ได้ทำให้คชาอารมณ์เย็นลงเลยแม้แต่น้อย มันมองมาที่ผมด้วยสายตากรุ่นโกรธ ผมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยที่ถูกมองอย่างนั้น
รู้สึกแย่ไปอีกเมื่อคชาเปล่งเสียงออกมา
“ปากก็บอกว่าไม่ชอบๆ สุดท้ายก็เป็นงี้ มึงนี่มันขี้โกหกจริงๆ ทำเป็นบอกกูว่าไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชิณณ์ จริงๆ แล้วมึงจ้องจะงาบพี่เขาอยู่ล่ะสิ”
ผมกำมือแน่นทันควัน พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ เพื่อระงับอารมณ์คุกรุ่นของตัวเอง แต่มันก็ต้องสิ้นสุดลงเมื่อคชาพูดขึ้นมาอีก
“แล้วไอ้เรื่องสบตาแล้วเห็นเจี๊ยวอะไรนี่ก็คงโกหกด้วยสินะ เรียกร้องความสนใจเหรอมึงน่ะ ขาดความอบอุ่นเหรอ คิดว่าเรื่องหลอกเด็กอย่างนี้จะทำให้กูเชื่อหรือไง มันไม่ทำให้กูสงสารมึงหรอกนะ ถ้าจะเรียกร้องความสนใจมากขนาดนี้ มึงไปพบจิตแพทย์หน่อยไหม ท่าทางจะเป็นฮีสทีเรีย”
“หุบปาก!”
ผมแผดเสียงออกมาเพราะเห็นว่ามันเริ่มต่อว่าผมไปไกลละทั้งที่ผมไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่มันว่าเลยแม้แต่น้อย
คชาผงะไปเล็กน้อย แต่ก็ยังส่งสายตาแข็งๆ ใส่ผมอยู่ ตอนนี้ผมไม่สนแล้วว่าคชาจะคิดอะไร รู้อย่างเดียวว่าโกรธมาก
พูดอย่างนี้ได้ยังไง ถ้าไม่เชื่อก็ไม่จำเป็นต้องพูดอย่างนี้หรอก!
เกลียดมากเลยเวลาพูดความจริงไปแล้วไม่มีใครเชื่อ ไม่เชื่อไม่พอยังมากล่าวหาว่าโกหก
หากแต่คชาไม่หยุดแค่นั้น ตั้งหลักได้ก็เหยียดยิ้มเย้ย ว่าออกมาหน้าตาเฉย
“ชอบพี่ชิณณ์ก็พูดมา ยอมรับมาตรงๆ กูเคยบอกมึงแล้วไม่ใช่หรือไงว่าถ้ามึงจีบพี่ชิณณ์ติด กูจะถอยเอง ไม่ต้องทำมาเป็นบอกว่าไม่ชอบเพื่อเรียกร้องความสนใจ”
ถึงตอนนี้ผมหมดความอดทนแล้ว
พูดอยู่ได้ว่าชอบพี่ชิณณ์น่ะ จริงๆ แล้ว....
“เราชอบนายต่างหากคชา! ได้ยินไหมว่าเราชอบนาย ไม่ได้ชอบพี่ชิณณ์เว้ย!”
รู้ตัวอีกทีก็ตะเบ็งเสียงออกไปแล้ว ทั้งห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงแอร์ดังหึ่งๆ เท่านั้นที่ลอยมาให้ได้ยิน ทั้งคชา ทั้งพี่ชิณณ์มีสีหน้าอึ้งงันไปตามๆ กัน ส่วนผมก็หน้าม้านเล็กน้อยที่สติแตกโพล่งออกไปอย่างนั้น
ไม่นานนักคชาก็ตั้งสติได้ ส่งเสียงดังหึในลำคอมาทีหนึ่ง
“เรื่องนั้นน่ะ ถึงมึงไม่บอก กูก็รู้อยู่แล้ว ถ้ามึงไม่ชอบกู มึงคงไม่อยากจะอยู่กับกูหรอก”
พูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คชาเข้าใจผิด ผมไม่ได้ชอบคชาก่อนที่จะมาอยู่ด้วยกัน เพิ่งมาชอบเมื่อไม่นานมานี้ต่างหาก แล้วก็ต้องนิ่งงันไปอีกระลอกเมื่อคชาเอ่ยประโยคที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้ยินออกมา
“แต่กูไม่ได้ชอบมึง”
ผมนิ่งค้างไป สมองเหมือนถูกกระหน่ำตีจนชา ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อนในชีวิตเลย มือไม้พลันสั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ หนำซ้ำขอบตาก็ร้อนผะผ่าว คล้ายว่าอีกไม่นานทำนบน้ำตาของผมคงได้พังทลายลงมาแน่
ไม่ได้ชอบก็รู้อยู่ แต่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาก็ได้ไหมล่ะ
เจ็บชะมัด...
ผมเม้มปากแน่น พยักหน้ารับความจริงที่ได้รับรู้ เอาเถอะ อย่างน้อยผมก็พูดออกไปแล้วว่ารู้สึกยังไง ถึงจะไม่ได้พูด การที่คชาเข้ามาเห็นภาพระหว่างผมกับพี่ชิณณ์ ยังไงผลสุดท้ายก็ต้องแตกหักอยู่ดี
ให้มันจบแค่นี้เถอะ...
ความรู้สึกของผมที่มีต่อมันน่ะ ให้มันจบลงสักที...
ผมค่อยๆ ก้าวขาไปข้างหน้า เดินผ่านพี่ชิณณ์ไปโดยไม่สนใจที่เขาเรียกเลยแม้แต่น้อย
“มาวิน...”
ก้าวไปจนถึงคชา หยุดยืนนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะเปิดปาก
“เราก็จะเลิกชอบนายแล้วเหมือนกัน”
พูดจบก็เดินออกจากห้องนั้นมาอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย
คชา...การที่มีแต่เราที่รู้สึกดีๆ กับนายน่ะ มันต้องพอได้แล้ว
พอกันที...
หูทั้งสองข้างได้ยินเสียงคชาดังลอยตามมาว่า ‘เออ! เลิกชอบกูไปเลย ไหนๆ ตอนนี้มึงก็ชอบพี่ชิณณ์แล้วนี่!’ ผมอยากจะตอบโต้ไปเหมือนกันว่ามันเข้าใจผมผิด
ผมชอบคชา... จากชอบก็เริ่มเปลี่ยนเป็นรัก แต่ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดอีกต่อไปแล้ว วินาทีนี้ผมควรหยุด ความรักที่เพิ่งจะก่อเกิดขึ้นมา ผมก็ควรจะสาดน้ำดับไฟตั้งแต่ตอนนี้เลย
อย่าให้มันลาม เพราะคนที่จะเจ็บน่ะ มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น
ผมก้าวฉับๆ ไปยังลิฟต์ ตั้งใจจะลงไปชั้นล่างแล้วไม่กลับมาที่นี่อีกเลยแม้จะไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนต่อก็ตาม หากแต่พอก้าวเข้าลิฟต์ไป ใครบางคนก็แทรกตามเข้ามา พอเบนสายตาไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่ชิณณ์ที่วิ่งตามมา เขาเข้ามายืนข้างผม กดลิฟต์ลงไปชั้นล่างโดยไม่พูดอะไร ทำเพียงเหลือบมองหน้าผมเป็นระยะเท่านั้น
ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาเหมือนกัน จึงได้แต่เดินออกจากลิฟต์เงียบๆ โดยไม่พูดอะไรทิ้งท้าย ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ เขาก็เอื้อมมือมาคว้าข้อมือของผมเอาไว้ ผมหันไปมองก็เห็นสีหน้าลำบากใจของเขาเต็มสองตา
“มาวิน โอเคไหม”
“ไม่เลยครับ”
ผมตอบไปตามจริง นึกโทษเขาในใจด้วยว่าถ้าไม่เป็นเพราะเขา ผมกับคชาก็คงไม่ต้องผิดใจกันอย่างนี้
ผมบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเขา เดินตรงออกไปข้างนอกหอพัก ฝนยังคงตกอยู่ ผมยืนนิ่งครู่หนึ่งราวกับไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อไปดี ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่าถ้าผมร้องไห้กลางสายฝน คงจะไม่มีใครรู้ใช่ไหมว่าผมร้องไห้อยู่
นึกอยากจะเป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่แล้วก็ต้องล้มเลิกความคิดไปเมื่อพี่ชิณณ์ยังคงเดินตามมาอีก
“จะไปไหนน่ะมาวิน ตากฝนอย่างนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
ผมไม่พูดอะไร ได้แต่มองหน้าเขานิ่งๆ เขาเลยพูดออกมาอีก
“ถ้าไม่มีที่ไป คืนนี้ไปนอนที่ห้องพี่ก่อนไหม ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาเคลียร์กับคชากัน”
“พี่ชิณณ์ไม่ต้องมาสนใจผมหรอกครับ ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว”
ผมชักทนไม่ไหว ต้องบอกออกมาตรงๆ
“แต่ว่า...”
“พอเถอะครับ! ผมพอแล้ว!”
เห็นพี่ชิณณ์ตื๊อไม่หยุด ผมก็ตะเบ็งเสียงออกไปด้วยสุดจะทน พี่ชิณณ์ชะงักไปทันตา ทำให้ผมได้พรั่งพรูสิ่งที่อยู่ในใจออกไป
“ผมขอบคุณพี่ชิณณ์มากที่รู้สึกดีๆ กับผม แต่พอเถอะครับ ผมไม่ได้ชอบพี่ ผมชอบคชา หยุดก่อนที่เรื่องทุกอย่างมันจะแย่ไปกว่านี้เถอะ”
“มาวิน...”
เขาครางออกมา สายตาที่มองมายังผมดูเจ็บปวดไม่น้อยทีเดียว แต่ผมเองก็เจ็บเหมือนกัน เจ็บจนทนไม่ไหว น้ำตาที่กักเก็บมาตั้งแต่เมื่อครู่ไหลออกมาปะปนกับน้ำฝนเป็นสาย ก่อนจะขยับริมฝีปาก
“ผมจะหยุดแล้ว...ไม่เอาแล้วครับ”
พี่ชิณณ์เม้มริมฝีปากคล้ายกับว่ากำลังสะกดกลั้นอารมณ์ผิดหวังของตัวเอง พักหนึ่งถึงได้ยิ้มออกมาแล้วเอามือมาวางไว้บนหัวผมเพื่อบังฝนให้
“เข้าใจแล้ว พี่จะหยุดนะถ้ามาวินไม่ต้องการ แต่เราต้องเข้าไปที่ร่มก่อนเข้าใจไหม มายืนอยู่อย่างนี้เดี๋ยวไม่สบาย”
เขากลับมาอ่อนโยนกับผมอีกแล้ว ผมไม่รู้หรอกว่าเขาทำได้ยังไงหรือคิดอะไรอยู่ แต่พอเห็นเขาอ่อนโยนอย่างนั้น ผมก็พอจะใจเย็นลงบ้าง พยักหน้าแล้วยอมเดินตามเขากลับเข้าไปในร่ม รอจนกว่าฝนจะตก จากนั้นค่อยคิดว่าจะเอายังไงต่อไปดี ที่แน่ๆ ผมจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว
พอแล้ว...ไม่เอาแล้วล่ะ
------------------------------------
ตอนเต็มมาแล้ว วอนพ่อยก-แม่ยก อย่าด่าคชามาก สำนึกผิดไม่ทัน 555
ฝากกำลังใจไว้ให้ด้วย เดี๋ยวมาอัปต่อให้จ้ะ XD